🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์ในตำนานใต้ดิน => หัวข้อที่ตั้งโดย: zaaaar65 เมื่อ พฤศจิกายน 17, 2015, 10:11:21 หลังเที่ยง

ชื่อ: With No Remorse Copy Chapter 2
โดย: zaaaar65 เมื่อ พฤศจิกายน 17, 2015, 10:11:21 หลังเที่ยง
จอภาพที่สว่างอยู่ในห้องมืดสนิทดับลงแล้วหลอดไฟฟ้าก็เปล่งแสงขึ้นแทนที่ ร่างที่นั่งอยู่ในห้องก็ปรากฏขึ้นชัดแก่สายตาคนที่นั่งหัวโต๊ะเป็นชายกลางคนร่างบึกบึนผมแซมขาวประปรายบ่งบอกถึงวัยที่สูง เอาการอีกสี่คนที่เหลือนั่งเรียงรายสลับกันถัดมาด้านหนึ่งเป็นชายสองคนในชุดฝึกสีน้ำเงินเข้มติดเครื่องหมายของสำนักงานตำรวจอีกด้านหนึ่งเป็นชายในชุดรัดกุมสีดำไม่ติดเครื่องหมายใด ๆส่วนคนสุดท้ายอยู่ในชุดพรางลายติดเครื่องหมายหน่วยรบพิเศษของกองทัพบกบุคคลหัวโต๊ะอยู่ในชุดสีเขียวเข้มติดเครื่องหมายพันเอกของกองทัพบกเช่นกันทั้งหมดนั่งเงียบครู่หนึ่งก่อนที่ชายหัวโต๊ะจะมองไปทางนายตำรวจทั้งสองคน
"วิชา เจ้านายคุณว่ายังไงบ้าง"
"ผมรายงานไปแล้วครับ ท่านรับทราบแล้วและยืนยันให้เราเดินหน้าต่อไป" นายตำรวจที่นั่งติดกันตอบ
"โอเค ตามนั้น ก่อนเลิกผมขอกำชับพวกเราอีกครั้งว่าปฏิบัติการครั้งนี้ขึ้นกับผมคนเดียวไม่มีคนอื่นไม่ว่าในกองทัพไหนหรือในสำนักงานตำรวจจะทราบเรื่องนี้ผมเองก็จะรายงานกับท่านคนเดียวดังนั้นการปฏิบัติงานต่อไปทุกคนวางแผนประสานงานกันแล้วรายงานผมเป็นระยะ" นายพันเอกย้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาด
"ใครมีคำถาม"
"ผมอยากทราบครับ" นายตำรวจคนถัดไปซึ่งก็คือคนที่เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุถามขึ้น
"พอจะบอกได้ไหมครับว่าใครเป็นคนยิงไอ้ขบวนขนยาเมื่อห้าวันก่อนน่ะครับยิงเฉียบจริง ๆ แล้วอีกอย่างคือใช้อะไรยิงครับ มันถึงกระจุยกระจายขนาดนั้น" ผู้ที่นั่งหัวโต๊ะพยักหน้าไปทางชายร่างล่ำสันในชุดดำ
"คุณชาติชายนั่น" นายพันเอกบอกเสียงเรียบ
"แล้วไอ้ปืนที่ยิงน่ะผมเพิ่งซื้อมาให้เมื่อไม่สามเดือนก่อนนี่เองวรวุฒิไม่ต้องสงสัยหรอก ลูกปืนจุดห้าศูนย์เจาะเกราะน่ะ" ชายในชุดดำยิ้มกริ่มขณะที่ตำรวจทั้งสองนายอ้าปากค้าง
"ผมเองครับพี่วุฒิ" ชายในชุดดำรับคำ
"พี่เขาส่ง เอ็ม 99 ให้ผมใช้น่ะครับ"
"ถึงว่าซี" นายตำรวจสองคนหันมามองหน้ากัน
"ไอ้ชายมันเป็นซีลน่ะพี่" วรวุฒิบอกนายตำรวจอีกคน
"เอาล่ะ ไม่มีอะไรก็เชิญนะ ตามสบาย" ชายที่เหลือก็ลุกขึ้นคำนับในขณะที่นายพันเอกลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปคนที่เหลือนั่งปรึกษากันอีกครู่หนึ่งแล้วแยกย้ายกันออกจากห้องชาติชายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นได้สองสามครั้ง
"ครับ"
"ว่าไงนายชายไม่กลับบ้านเลยรึไง หนูดาเขาถามหา" เสียงผู้หญิงอีกทางหนึ่งดังขึ้น
ชาติชายยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร "สวัสดีครับแม่เดี๋ยวคงอีกสักสองสามวันน่ะครับ เพิ่งออกมาจากป่าครับ"
"ไปมีเมียรึไง"
"โธ่แม่ครับไปทำงานน่ะครับ"
"อยู่ไหนล่ะ บอกไม่ได้อีกหรือยะพ่อตัวดี"
"บอกไม่ได้ครับแม่ ถ้ายังไงแม่บอกคุณดาว่าอีกสักสัปดาห์ผมจะกลับบ้านนะครับ" ชาติชายพูดไปพลางยิ้ม
"นี่เสาร์อาทิตย์นี้หนูดาจะไปเชียงใหม่จ๊ะ ถ้าเรากลับมาคงไม่เจอกันหรอก"
"อ้าว เหรอครับ งั้นฝากบอกเธอด้วยแล้วกันครับ"
"ได้จ๊ะ แล้วใจคอจะให้แม่อยู่คนเดียวอีกนานไหมล่ะ"
"ชายมีเวลาแล้วจะกลับนะครับแม่ แล้วชายจะให้คนแวะไปคอยดูบ้านให้ครับ"
"ขอบใจจ๊ะ แม่นี่ก็เหมือนมีกรรมนะ พ่อเราก็คนหนึ่งนี่ลูกชายก็อีกคน" เสียงอีกด้านตัดพ้อ
"แล้วชายว่างจะกลับมาแน่นอนนะครับแม่ อ้อ แม่ครับสามสี่วันนี้ ชายไม่เปิดโทรศัพท์นะครับ"
"จ๊ะระวังตัวหน่อยนะลูก แค่นี้นะจ๊ะ"
"ครับผมสวัสดีครับแม่" ชาติชายพูดจบแล้วปิดโทรศัพท์วางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างปืนพกออโตเมติกที่วางอยู่ก่อนแล้วชาติชายเดินออกจากห้องนอนตนเองไปยังห้องข้าง ๆ เคาะประตูเบา ๆ แล้วเปิดเข้าไปข้างในห้องมีชายหนุ่มอีกคนนั่งทำความสะอาดเครื่องมืออยู่ปืนออโตเมติกถอดออกเป็นชิ้น ๆ วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ
"ศรัณย์ คืนนี้ปล่อยผี แต่พรุ่งนี้ตีห้าครึ่งเหมือนเดิมนะ"
"โห พี่เพิ่งออกมาไม่เว้นมั่งเหรอครับ" ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นประท้วงแต่น้ำเสียงไม่ได้มีสำเนียงอ้อนวอนขอความเห็นใจ
"เอาไว้เที่ยวหน้าคราวนี้อีกสองวันมีอีกงานหนึ่ง เตรียมไว้ดีกว่า" ชาติชายตอบเรียบๆ
"ได้พี่ งั้นพรุ่งนี้เจอกันครับ"
ชาติชายเดินกลับห้องเอนร่างลงนอนพลิกตะแคงข้างมองไปโต๊ะตัวใหญ่ริมห้อง บนโต๊ะนั่น "บาร์เร็ตเอ็ม99" ปืนซุ่มยิงขนาดใหญ่ชั้นยอดกระบอกหนึ่งของโลกวางตั้งสงบอยู่กระสุนตั้งเรียงกันอยู่เคียงกับกล่องกระสุนอีกตั้งใหญ่ด้านหน้าของมันเป็นปืนอัตโนมัติ "เอชเค417" และ "เอชเคยูเอ็มพี 9" วางอยู่เคียงกันถัดไปเป็นกองกล่องกระสุนวางชิดขอบโต๊ะ อุปกรณ์อื่น ๆวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบทั้งกล้องเล็งกำลังขยายสูง อุปกรณ์การมองกลางคืนและอุปกรณ์ลดเสียง ชาติชายมองกองอาวุธที่ตนเองใช้ปฏิบัติงานนั่น ก่อนจะหลับตาลงแสงจ้า ๆ แยงตาจนชาติชายรู้สึกตัวแต่เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเพดานห้องไม่ใช่ห้องที่เขานอนมาทาสีเขียวนวลสบายตาเมื่อมองไปด้านข้าง ๆก็เห็นว่าเขามานอนในห้องขนาดกะทัดรัดมิดชิด เครื่องปรับอากาศส่งเสียงเบา ๆช่วยให้อากาศเย็นสบาย ข้างเตียงเป็นเสาตั้งแขวนขวดน้ำสีเหลืองที่ต่อสายเข้ามายังหลังมือเขาสภาพต่าง ๆ บอกว่าเขามานอนในห้องพยาบาลแห่งหนึ่งขณะที่กำลังทบทวนความจำประตูห้องก็เปิดเข้ามาชายร่างสันทัดในเครื่องแบบทหารบกยศร้อยเอกคลุมด้วยเสื้อกาวน์เดินถือแฟ้มแข็งเดินเข้ามา ตามติดมาด้วยพยาบาลร่างเล็กหน้ากลมขนตาโก่งเดินตามมาติด ๆหลังสุดคือศรัณย์ นายทหารหน่วยสงครามพิเศษรุ่นน้องที่ทำงานเป็นคู่หูเขานั่นเอง
"สวัสดีครับพี่ชาย เป็นไงพี่" ศรัณย์ยิ้มแป้น หมอในเสื้อกาวน์ยิ้มตาม
"พี่มาได้ไงวะ"
"ก็ผมไปปลุกพี่ตอนเช้าน่ะตัวเป็นไฟเลยพี่ เหงื่อท่วมเลย ผมเลยแบกพี่มานี่แหละ"
"มาลาเรียเหรอครับหมอ" ชาติชายหันไปถามหมอ
"ครับผู้กอง" หมอยืนมองพยาบาลที่เข้ามาจัดการวัดไข้และความดันของเขา
"อย่างผู้กองนี่อันตรายเลยครับ เชื้อพีเอฟ"
"มันไม่มีอาการเลยนี่ครับหมอ" หมอหนุ่มหัวเราะเบา ๆ
"อย่างผู้กองนี่แหละครับมีอาการก็ไม่เฉลียวใจไงครับ แข็งแรงเกินไป มันเลยกดอาการพอมีอาการทีหนึ่งก็ร่วงเลย" หมอรับแฟ้มที่พยาบาลส่งให้มาดู
"แต่ก็ดีครับหายไวดี ยังไง ๆผมต้องให้ผู้กองนอนพักที่นี่สักสามวันนะครับ ขอดูให้แน่นอนหน่อย"
"สามวันก็พอไหวครับ นึกว่าจะโดนสักสัปดาห์นึงด้วยซ้ำไป" ชาติชายตอบหมอ
"งั้นผมให้ยานี่อีกสองวันทนรำคาญหน่อย แล้ววันที่ออกเอายาไปกินเพิ่มนะครับ" หมดจดอะไรลงในแฟ้มยุกยิก
"ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณรจนาพยาบาลเขาจะโทรไปตามผมเองนะครับ เขาจะอยู่ดูแลผู้กองตลอดสามวันนี่เลย"
"อ้าว ผมไม่ได้อยู่โรงพยาบาลเหรอครับ" ชาติชายขมวดคิ้ว
"ไม่หรอกครับขืนไปโรงพยาบาลคนคงสงสัยว่า ซีลของกองทัพเรือมาทำอะไรแถวนี้" หมอตอบแล้วส่งแฟ้มให้พยาบาล
"ตอนที่ผู้อำนวยการเรียกผม ผมยังแปลกใจเลยอาการไม่มีอะไรต้องห่วงนะครับ สวัสดีครับ" หมอหนุ่มยกมือไหว้แล้วเดินออกไปจากห้องพร้อมกับพยาบาล
ศรัณย์เดินเข้ามาข้างเตียง "ผมรายงานผู้การแล้วครับตอนนี้ท่านเลยสั่งให้เลื่อนปฏิบัติการออกไปก่อน"
ศรัณย์บอกเบาๆ "ของของพี่ผมจัดการทำความสะอาดเก็บเข้าที่แล้วครับ"
"ขอบใจนะศรัณย์ งั้นตอนนี้คุณพักไปก่อนตามสบายอีกสามวันเจอกัน ระวังตัวด้วย"
"ครับพี่ชาย" ศรัณย์หลิ่วตาให้แล้วหันหลังเดินไปที่ประตูห้องก่อนหันกลับมา
"พี่พักให้เต็มที่เลยนะครับเดี๋ยวผมคงต้องตรวจเลือดด้วยแหละ แล้วถ้าเรียบร้อยผมจะกลับบ้านสักวันหนึ่งนะครับ"
"โอเค" ชาติชายบอกรุ่นน้องพอศรัณย์ปิดประตูตามหลังห้องก็ตกอยุ่ในความเงียบชาติชายวางหัวลงบนหมอนนุ่มแล้วหลับตาครู่เดียวก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยาวันรุ่งขึ้นอาการของชาติชายก็เกือบจะเป็นปกติ นายทหารหนุ่มนอนพักเป็นส่วนใหญ่รจนาพยาบาลสาวก็คอยดูแลทั้งวัดไข้วัดความดันและยกอาหารมาให้ชาติชายไม่ได้เอะใจอะไรจนกระทั่งถึงมื้อกลางวันถัดมาจึงสังเกตได้ว่าพยาบาลสาวออกจะไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่างเพราะตลอดเวลาที่เข้ามานั้นเธอปั้นหน้าตึงเวลาที่เอายาหรืออาหารมาให้ก็ติดจะกระแทกกระทั้นอยู่บ้างจวบจนบ่ายที่น้ำเกลือหมดเธอก็เดินเข้ามาในห้องเปลี่ยนถุงน้ำเกลือที่เจือยาจนเป็นสีเหลืองจาง ๆ
"มีอีกถุงเหรอครับนี่ผมนึกว่าจะหมดแล้วซะอีก"
"ก็ใช่" รจนาตอบห้วน ๆ
"ปกติน่าจะพอตั้งแต่เมื่อถุงที่แล้วไม่รู้ว่าจะให้หายเร็วขนาดไหน"
"อืมมมเป็นความผิดของผมด้วยซีครับ" ชาติชายขยับตัวขึ้นเอนหลังพิงหัวเตียง
"ไม่ทราบ หมอสั่งมา" "คุณไม่พอใจอะไรหรือครับ"
"เปล่าไม่ได้ไม่พอใจอะไร ทหารก็ต้องทำตามคำสั่ง"
"ผมก็ทำตามคำสั่งแต่ดูคุณไม่พอใจผม" ชาติชายมองหน้ากลมแฉล้มที่ปั้นจนตึงยามที่จัดการวัดความดันโลหิตของเขา
"ถ้ามีอะไร ก็พูดกันตรง ๆ ได้ครับ"
"แค่ไม่เข้าใจว่า ทหารเรืออย่างคุณมาทำอะไรที่นี่" รจนาพูดพลางออกแรงบีบลูกยางของเครื่องวัดความดันโลหิต "คุณไม่พอใจที่ผมมาทำงานแถวนี้ล่ะงั้น"
"ไม่เชิง แต่ชั้นคิดว่าพวกเราก็ทำงานนี้ได้ยังไงก็ไม่ด้อยกว่าคุณแน่"
"เห็นด้วยเลยครับคนของกองทัพบกทำได้แน่ ๆ คนมีฝีมือก็เยอะแยะ" ชาติชายพูดเรื่อยๆ
"ลองถามผู้การท่านดูไหมครับ"
"ไม่ต้องหรอก ทหารไม่ต้องถามอะไรมาก เขาสั่งมาก็ทำไปเท่านั้น"
"งั้น คุณก็บอกหมอไปว่า ยาถุงนี้เกินความจำเป็นแล้วพอได้แล้ว หมอจ่ายยามากินก็พอ"
"นั่นไม่ใช่หน้าที่ของชั้นชั้นทำตามที่หมอสั่งเท่านั้น" รจนาตวัดเสียงห้วนๆ จดบันทึกลงในแฟ้มแล้วเก็บของ
"งั้นคุณก็ไปทำตามที่ผมสั่งแล้วกันยังไงผมก็ยศสูงกว่าคุณ แล้วผมก็ไม่อยากนอนเฉย ๆ ยิ่งมีคนดูแลหน้าตาบอกบุญไม่รับด้วยจะทหารหรือพลเรือนก็เถอะ ไปจัดการตามที่ผมบอกแล้วกัน"
"คุณมีอำนาจอะไรมาสั่งชั้น"
"คุณก็รู้อยู่ว่าคุณชั้นยศต่ำกว่าผมและที่นี่ผมยศสูงสุด ดังนั้นคุณจงไปทำตามที่ผมสั่ง"
"ถ้าชั้นไม่ทำ" รจนาเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างท้าทาย
"ผมก็รายงานผู้การเรื่องขัดคำสั่งนายทหารสัญญาบัตรที่มีอาวุโสสูงกว่า เท่านั้น และผมก็จะ.." ชาติชายพูดไม่ทันจบ
"เชิญรายงานไปเลย" พยาบาลสาวกระแทกเสียงใส่แล้วก็ต้องยืนอ้าปากค้างชาติชายลุกขึ้นนั่งแล้วหมุนตัวขึ้นมายืนข้างเตียง
"นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ" เธอถามเสียงหลงเมื่อมือของชาติชายจับเข็มน้ำเกลือที่แทงอยู่บนหลังมืออีกข้างเอาไว้ ดึงพลาสเตอร์ที่แปะมันออกแล้วดึงเข็มออกจากหลังมือน้ำเกลือผสมยาไหลพุ่งออกจากปลายเข็มพร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากปากแผลที่หลัง มือ
"จะบ้าหรือคุณ" รจนาปราดเข้ามาปิดน้ำเกลือ
"นี่จะดึงออกทำไม อยากตายเหรอ" ชาติชายหันมาจ้องหน้านัยน์ตาดุกร้าวจนรจนาผงะถอยออกไปสองสามก้าวนายทหารหนุ่มหยิบเอาผ้าก๊อซที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาแปะลงกับปากแผลที่เลือดไหลออกมา แล้วคว้าผ้าพลาสเตอร์มาฉีกแล้วแปะลงบนผ้าก๊อซจนอย่างทุลักทุเลรจนายืนมองละล้าละลังหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
"มาลาเรียแค่นี้เอาผมไม่อยู่หรอกแล้วคุณจงโทรบอกหมอของคุณด้วยว่าให้สั่งยามาให้ผมด้วยถ้าไม่อยากให้ผมออกไปซื้อยากินเอง แล้วถ้าอยากรายงานผู้การก็เอา" ชาติชายถอดเสื้อแบบคนไข้ออกแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าเมื่อเปิดออกมาก็เห็นเสื้อผ้าของเขาที่ใส่เมื่อคืนก่อนมานอนที่นี่จึงหยับ ออกมาแล้วโยนลงกับเก้าอี้ข้างๆ หยิบเสื้อขึ้นมาใส่
"เฮ้ยอะไรกัน" เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูเปิดเข้ามาเป็นเสียงของผู้การนั่นเอง
"ทะเลาะอะไรกันดังไปถึงข้างล่างผมเดินเข้ามาก็ได้ยินแล้ว ว่าไงยายรจ"
"ก็ผู้กองนี่แหละค่ะลุงดื้อชะมัด หนูบอกให้พักก็ไม่เชื่อ" ชาติชายยืนหรี่ตามองนายพันเอกมองทั้งสองคนสลับไปมา
"ว่าไงชาติชาย" "ไม่มีอะไรครับ" ชาติชายยืนตรงตามที่รับการฝึกมาอย่างเข้มงวด
"อ้าว แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร แล้วนี่ลุกได้แล้วหรือหมอว่าไง" "หมอยังไม่ทราบครับ คุณพยาบาลกำลังจะโทรบอกผมอยากจะไปออกกำลังกาย เธอเลยห้ามผมครับ"
"เฮ่ยพักผ่อนให้หายดีก่อนเหอะว้า มาลาเรียไม่ใช่เรื่องเล่น ๆแล้วเรื่องงานก็เลื่อนไปก่อนได้" นายพันเอกพูดเรียบๆ หันไปมองรจนาแบบรู้ทัน
"ยังไงคุณหายแล้วก็ต้องรอวางแผนกันใหม่อยู่ดีอ้าวนี่ยายังไม่หมดเลยนี่นา แล้วหนูถอดยาทำไมล่ะ"
"ผมดึงออกเองครับ" ชาติชายรีบตอบ "ผมว่ากินยาเอาก็พอแล้วครับ"
"งั้นก็ตามใจ เดี๋ยวผมโทรบอกหมอให้แต่ยังไงคืนนี้คุณต้องนอนที่นี่ก่อน ผมยังไม่วางใจถ้าไม่มีไข้อะไรพรุ่งนี้ค่อยกลับ" นายพันเอกพูดพลางส่ายหัว
"ถึงว่า ไอ้ภุชงค์ นายคุณมันถึงบอกว่าให้ระวังหน่อย"
"ระวังอะไรหรือครับ"
"คุณนั่นแหละฝีมือเยี่ยม ทำงานประณีต ไว้ใจได้ แต่ดื้อ หัวแข็ง แล้วก็ไม่ค่อยฟังใคร"
"เอ้อ.. ครับ" ชาติชายมองข้ามไปยังพยาบาลสาวที่ยืนยิ้มเยาะอยู่เบื้องหลังนายพักเอก
"เราด้วยแหละยายรจ ลุงรู้จักเราดีนะแล้วลุงก็เห็นหน้าเราในกระจกนั่นด้วย" พยาบาลสาวหน้าสลดเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตานายพันเอกในกระจกเงาที่ติดอยู่บนผนังห้องอีกด้าน
"แหม เหลือเกินทั้งคู่เลยนะ.." คืนเดือนมืดท้องฟ้าดารดาษด้วยดวงดาวระยับชาติชายออกมานั่งที่ระเบียงบ้านพักที่เขาเห็นเมื่อเย็นว่ามันอยู่แยกห่างจากเรือนพักอื่น ๆ ที่บัดนี้มองเห็นแค่แสงไฟวับแวบลอดสุมทุมพุ่มไม้แต่ในหัวเขาไม่ได้ชื่นชมกับดวงดาวหรืออากาศเย็นฉ่ำแต่กลับไปจดจ่ออยู่กับภารกิจที่ต้องทอดเวลาออกไปเนื่องจากอาการป่วยของเขาศรัณย์นายทหารหนุ่มที่เป็นคู่หูกลับบ้านไปแล้วเพราะเป็นโอกาสอันน้อยนิดในระหว่างภารกิจที่ยังไม่รู้กำหนดเสร็จสิ้นแน่นอน ชั่วขณะนี้ความง่วงยังไม่กรีดกรายเข้ามาชาติชายจึงมองไปในความมืดอย่างไร้จุดหมายถ้านายพันเอกไม่ห้ามไว้เขาคงลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปวิ่งให้เหงื่อท่วมแล้วกลับมาอาบน้ำนอนถึงตอนนี้นายพันเอกจะไม่อยู่แต่เท่าที่เขามีคือกางเกงขาสั้นกับเสื้อคอกลมที่สวมเมื่อคืนก่อนล้มป่วยเท่านั้น ขณะที่นั่งอยู่เขาก็มีแต่ชุดคนป่วยที่สวมอยู่ซ้ำยังเป็นเสื้อแบบชิ้นเดียวที่ผูกชายติดกันเสียอีกยังดีที่มันทบอยู่ข้างหน้าหาไม่แล้วเขาคงไม่มานั่งดูดาวกับพุ่มไม้อยู่ได้เพราะถึงเก้าอี้ที่นั่งอยู่จะทำจากไม้แต่ถ้าเสื้อเป็นแบบผ่าหลังเขาคงต้อง แนบก้นลงกับแผ่นไม้เย็นๆ นี่แน่นอน
อึดใจถัดมาชาติชายก็ลุกขึ้นกลับเข้าบ้านระหว่างที่เดินเข้าในตัวบ้านก็ได้ยินเสียงน้ำไหลซู่ซ่าอยู่ในห้องน้ำ พลันแสงไฟก็ดับลงชาติชายยืนนิ่งหลับตาให้สายตาชินกับความมืด ได้ยินเสียงกรีดจากในห้องน้ำเสียงของหล่นและบานประตูห้องน้ำเปิดออกชาติชายลืมตาขึ้นพยายามมองแต่สายตายังไม่ชิดกับความมืดจึงไม่เห็นร่างผ่อง ขาว ๆเดินคลำทางออกมาจากห้องน้ำ ชาติชายจึงหลับตาลงอีกครั้งพยาบาลสาวเดินคลำทางสะเปะสะปะมาในความมืดมือข้างหนึ่งยืนออกมาควานกวาดไปมาอีกข้างหนึ่งกอบผ้าขนหนูห่อตัวปิดหน้าอกตัวเองเอาไว้ พยายามคว้าหาโต๊ะหรือฝาห้องอยู่ในความมืดสมองพยายามนึกกำหนดภาพของบ้านพักว่าอะไรอยู่ที่ไหนขณะที่ก้าวเท้าไปช้า ๆแต่แล้วผ้าเช็ดเท้าที่ว่างอยู่บนพื้นก็เกี่ยวเท้าจนเสียหลักเซผวาไปข้างหน้าด้วยความตกใจมือจึงปล่อยชายผ้าที่กุมปิดอกให้มันหล่นลงไปกองกับพื้นขณะที่ ตัวคะมำไปจนชนเข้ากับร่างแข็งบึกบึนในความมืดปากจิ้มลิ้มกรีดเสียงสั้น ๆด้วยความตกใจเมื่อปะทะเข้ากับร่างสูงแต่แขนแข็งแรงก็ตวัดรัดตัวเธอเอาไว้จนหยุดนิ่ง ขณะที่หัวใจยังเต้นตุบ ๆ ด้วยความตกใจเธอก็ได้รู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ในความมืด ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดเอวไว้ดึงตัวเธอแนบเข้ากับร่างสูงของผุ้กองหนุ่มพริบตาต่อมาก็ใจหายวาบเมื่อรู้สึกถึงองคาพยพของผู้กองหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาดันเอาตรงโคกเนิน
"เป็นอะไรไหมครับ" ชาติชายถามพยายามถอยตัวออกช้า ๆแต่รู้สึกตัวเองว่าร่างอวบนวลที่กอดเอาไว้นั้นหอมระรื่นด้วยกลิ่นสบู่อ่อน ๆ จนอวัยวะสำคัญมันตื่นตัวขึ้นมาเต้านวลเต็มแน่นบดอยู่กับอกจนรู้สึกถึงจังหวะที่หัวใจเต้นตูมตามอยู่ในอกรจนาใจหายวูบ ร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อมือหยาบประทับลงบนแผ่นหลังสะท้านใจจนต้องเงยหน้าขึ้นมองในความมืดเห็นเงาของใบหน้าคมสันก้มลงมาพอปากประกบกันรจนาก็ได้แต่ถอนใจ แข้งขาหมดแรงจนตัวทรุดลงต้องปล่อยให้ผู้กองหนุ่มช้อนร่างอวบเอาไว้มือที่ตอนแรกกางยันหน้าอกแข้งแรงนั้นก็กลับไปคล้องคอเหมือนจะพยุงตัวไว้แต่ก็เหมือนกับโน้มคอเขาลงมาหาตนเองไปด้วยเรียวลิ้นแข็งแรงสอดผ่านริมฝีปากเข้ามาแตะปลายลิ้นของตนจนเสียวซ่านไปทั้ง ตัวเบื้องล่างที่โคกนูนเนื้อก็โดนแท่งเอ็นแข็งเกร็งบดกดสอดผ่านง่ามขาเข้ามาประกบกับกลีบเนื้อที่ร้อนผะผ่าวอึดใจต่อมาก็รู้สึกว่าอ้อมแขนแข็งแรงช้อนตัวเธอขึ้นจนลอยแล้วพาเดินดุ่ม ๆไปที่เก้าอี้รับแขกบรรจงวางเธอลงนอนทอดร่างไปตามเก้าอี้รจนาหายใจด้วยความรัญจวนเมื่อร่างเงาตะคุ่มทรุดลงข้าง ๆแล้วโน้มลงมาหาร่างอวบอัดที่ซ่านไปด้วยเลือดสาวพริบตาต่อมายอดจะงอยถันก็โดนความอบอุ่นชุ่มชื้นโอบอมไว้ปลายลิ้นชายหนุ่มตวัดแผ่วจนต้องหยัดอกแอ่นด้วยความเสียว
"อู....." รจนาครางแผ่วพลิ้วเมื่อรู้สึกถึงมือหยาบๆ ที่กดลงบนโคกเนื้ออย่างนุ่มนวลจนเหลือเชื่อนิ้วมือแข็งแรงทาบลงไปตามรอบประกบของกลีบแคมขยับหยุกหยิกจนกลีบเนื้อแบะออกปล่อยให้มันรุกไล่เข้าไปที่เม็ดติ่งจนต้องสะดุ้งเป็นคำรบสองสะโพกกลมกลึงยกหยัดขึ้นรับนิ้วที่เริ่มถูไถติ่งเนื้อไปจนถึงปากรูสวรรค์หน้าขาของเธอทวีความอุ่นซ่านเมื่อโดนกระตุ้น ช่องทางเนื้อคับก็เริ่มหยาดหลั่งน้ำเมือกลื่นใสออกมาชโลมนิ้วมือที่เกลี่ยไกล่ไล้มันไปจนทั่วเนินความเสียวซ่านพล่านไปทั่วกายเมื่อยอดเต้าข้างหนึ่งถูกมือหยาบกดคลึงแผ่วเบาอีกข้างหนึ่งถูกปลายลิ้นนุ่มตวัดเลียพลิ้วสลับดูดเม้มส่วนเบื้องล่างนั้นอุ้งมือหยาบ ๆ อุ่นร้อนประกบกดลงบนโคกเนินปลายนิ้วของมันขยับขยุกขยิกอยู่กับเม็ดติ่งเนื้อไวความรู้สึก แล้วมันก็เลื่อนลงไปที่ปากรูเนื้อที่ขมิบ ขับหลั่งน้ำเมือกออกมาวาบ ๆปลายนิ้วแข็งเขี่ยไล้ปากรูจนเธอต้องยกโคกดันเข้าประกบอุ้งมือด้วยความเสียวสองมือเรียวยกขึ้นโอบกอดศีรษะที่ซุกไซ้เต้าอวบอัด
"อ้า....ยยยยย" รจนาครางเมื่อปลายนิ้วเบียดช่องทางมุดเข้ามาในร่างแล้วกระดกเขี่ยผนังช่องเนื้อไวความรู้สึก สะโพกอวบยกขึ้นด้วยความเสียวแล้วโลกก็พลันมืดหายไปกับตาเมื่อความเสียวซ่านพลุ่งขึ้นจนถึงสุดระงับร่างอวบอัดแอ่นหยัดขึ้นจนสุดตัว สองแขนกอดรัดแล้วดึงศีรษะผู้กองหนุ่มขึ้นมาประกบจูบอย่างตะกละตะกรามร่างกายสั่นสะท้านเหมือนตกลงในบ่อน้ำแข็งแต่กลับร้อนผ่าว ๆ แล่นไปจนทั่วร่างจวบจนครู่ถัดมาตัวเธอจึงผ่อนคลายลงแต่ยังคงเสียววูบวาบเพราะทั้งเต้าทั้งโคกเนินยังคงโดนโลมเลียคลึงเคล้าอยู่ร่างแข็งแรงผละลุกขึ้นในความมืดแล้วเงาดำ ๆ ก็หายไปจากสายตารจนาสองจิตสองใจว่าจะลุกขึ้นผละหนีเข้าห้องหรือว่าจะอยู่รอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ความคิดแล่นพล่านจนไม่ได้ยินเสียงปิดประตูบ้านจนอึดใจถัดมาเมื่อเงาดำทาบทับเข้ามาอีกครั้ง ความคิดที่จะผละจากไปก็ปลาศนาการไปสิ้นเมื่อเจ้าของเงาช้อนตัวเธอยกขึ้นนั่งหมิ่น ๆ แล้วเบียดตัวเข้ามากลางเรียวขาแท่งเอ็นแข็งร้อนประกบเข้ากับกลีบเนื้อจนเธอเสียวซ่านไปทั้งโคกนูนเมื่อแน่ใจแล้วว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร เธอยกเรียวขาขึ้นพักน่องรัดรอบเอวเรียบหายใจยาว ๆ เมื่อรู้สึกถึงปลายท่อนเนื้อที่ค่อย ๆ บรรจงงัดแงะกลีบเนื้ออ่อนของเธอเข้ามาทีละน้อยความอึดอัดคับแน่นเพิ่มมากขึ้นเมื่อมันมุดชอนใชลึกเข้ามาในตัวเธอสองมือแข็งแรงที่ประคองสะโพกเนียนของเธอก็กุมกระชับจับประคองมั่นพร้อมกับออกแรงดึงร่างเธอเข้าให้กลีบเนื้อนวลกลืนแท่งเอ็นเนื้อเข้ามาทีละน้อยจนคับแน่นไปทั้งหน้าขาและโคกเนิน มันมุดซุกไซ้ปัดป่ายเข้ามาเรื่อย ๆจนกระทั่งปลายหัวมนบานผลุบเข้ามานอนแน่นิ่งอยู่ในตัวจนเธออุ่นซ่านปลายมนร้อนผะผ่าวบานวาบ ๆ พร้อมกับจังหวะที่รูเนื้อกระชับรัดตัวรับมันหยุดตัวอยู่กับที่เพียงแต่ขยับไปมาและวนส่ายเล็กน้อย เพิ่มความเสียวซ่านไปพร้อมกับอุ้งมือที่กุมเคล้นเต้าอวบอยู่ไม่หยุดยั้งชาติชายหยุดกระเด้าเอวปล่อยให้ท่อนเอ็นคาค้างอยู่แค่ปลายหัวที่มุดเข้าไปในร่างพยาบาลสาว ยกมือขึ้นเชยคางมนขึ้นแล้วประทับจูบแนบแน่นพยาบาลสาวส่งเสียงอยู่ในลำคออย่างพึงใจ มืออีกข้างกำกุมเต้าอวบกดบดอุ้งมือหยาบ ๆกับหัวนมที่ตั้งชันชูเป็นไตแข็งเจ้าของเต้าก็หยัดอกแอ่นขึ้นรับพร้อมกับที่สะโพกนวลเนียนเริ่มขยับยักส่ายเหมือนจะกระตุ้นให้ท่อนเอ็นที่คาช่องเนื้ออยู่เริ่มทำงานของมัน
ชาติชายเริ่มขยับเอวกระทั้นมันเข้าไปช้า ๆเมือกใสที่หลั่งออกมาจากช่องเนื้ออาบท่อนเอ็นจนมันเริ่มจะไหลเข้าได้สะดวกแคมเนื้ออ้าอมท่อนเอ็นจนคับบวมกลีบเนื้อย่นยุยยู่ผลุบเข้าออกตามจังหวะที่ท่อนเอ็นแข็งขมึงขยับตัวช่องทางที่เอ็นเนื้อผ่านเข้าไปนั้นถึงจะไม่คับตีบแต่มันก็แน่นกระชับบีบรัดจนผู้กองหนุ่มเสียวหัวถอกวาบ ๆ ส้นเท้าเล็ก ๆ นุ่ม ๆ ที่กดอยู่ด้านหลังตรงบั้นเอวกดลงเป็นจังหวะเหมือนจะกระตุ้นให้เขามอบความเป็นชายให้แก่ร่างอวบในอ้อมแขนชาติชายดึงเอวถอยถอนท่อนเนื้อออกมาจนเกือบสุดแล้วกดเอวดันมันเข้าไปเนิบนาบจนมันมุดเข้าไปมิดโคน โคกเนื้อสองหนุ่มสาวแนบกันสนิทแน่นปลายหัวบานมุดเข้าไปจนสุดช่องทางยันเอาไตเนื้อก้นถ้ำทองเข้าอย่างจังร่างพยาบาลสาวถึงกับแอ่นขึ้นบดอกเต้าอวบเข้ากับแผ่นอกกว้างสองแขนโอบกระชับร่างแข็งแรงบึกบึนเข้าหาตัวพร้อมกับเรียวขาที่รัดเอวชายหนุ่มไว้แน่น
"อู๋ยยยยยยย" รจนาครางไม่เป็นส่ำเมื่อความรู้สึกของสาวเจ้าเบ่งระเบิดออกเป็นคำรบที่สอง ชาติชายกดโคกแนบเนินเนื้อนวลดันกระทุ้งท่อนเอ็นเบาๆ หนอกโคนเนกดเม็ดเนื้ออ่อนจนรจนาเสียววาบ ๆ กัดฟันกรอด ๆ รัดร่างชาติชายแน่นซบหน้าลงกับบ่ากว้าง แล้วขบไหล่แข็งแรงกลั้นเสียงกรีดของตนเองชาติชายสะดุ้งเมื่อโดนฟันขาวเรียบขบเข้าเต็มไหล่แต่ยังรักร่างขาวอวบในอ้อมแขนเอาไว้จนปากจิ้มลิ้มคายปล่อยไหล่ของเขาพร้อมกับร่างกะทัดรัดที่คลายอ้อมกอดรัดตัวเขาออก พยาบาลสาวหายใจหนัก ๆ จนเหมือนหอบชาติชายเชยคางจิ้มลิ้มขึ้นก้มลงมองฝ่าความมืดลงไปสบดวงตาใสเป็นประกายที่มองเห็นอยู่ลาง ๆ "ขอโทษนะครับที่ออกอารมณ์กับคุณเมื่อกลางวัน" ชาติชายกระซิบเบาๆ เรียวคิ้วของรจนายกขึ้น
"คุณขอโทษคนอื่นแบบนี้หรือคะ" รจนากระชับอ้อมกอดยังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ฝังกระทุ้งเบา ๆ อยู่ในร่างเธอ
"อืมมม" ผุ้กองหนุ่มทำท่าคิด"ไม่หรอกครับ ผมอยู่ระหว่างปฏิบัติการพิเศษคุณก็เป็นกรณีพิเศษเหมือนกัน"
"ถ้าดิฉันไม่รับคำขอโทษล่ะคะ" ปากจิ้มลิ้มแย้มยิ้ม ดวงตากลมใสวาววับ
"ผมคงต้องขอโทษคุณรจ จนกว่าคุณจะยอม" ชาติชายตอบแล้วก้มลงหอมแก้มนวล
"งั้นคุณก็เริ่มขอโทษได้แล้วค่ะ" รจนายื่นหน้าขึ้นไปจูบปลายคางสาก ๆแล้วรับริมฝีปากที่กดลงมาหา ปากจิ้มลิ้มรับจูบนั้นโดยดุษณีพร้อมกับสะโพกกลมกลึงขยับเด้งรับจังหวะที่ที่เนื้อเริ่มขยับเข้าออกมันครูดเอาผนังถ้ำนวลจนเธอเสียววาบ ๆความอึดอัดที่มันแทรกเข้ามาฝังในตัวเธอจางหายไปพร้อมกับความสุขเสียวแผ่ขึ้นมาจนท่วมท้น รจนากระชับอ้อมกอดของตนเองเข้ากับผู้กองหนุ่มหายใจหอบกระเส่าเมื่อองคาพยพของเข้ามันกำลังเพิ่มจังหวะกระชั้นถี่ขึ้นจนความเสียวทวีไปจนทั่วร่าง สะโพกกลมกลึงก็เร่งจังหวะดันดึงให้รับกับจังหวะของมันถ้ำเนื้อบีบรัดเหมือนจะดึงแท่งเนื้อนั้นเอาไว้จนชาติชายก็เสียวจนสุดจะทนอึดใจต่อมาจังหวะกระเด้าเขาก็กระชั้นถี่เร็วและหนักแน่นจนร่างอวบในอ้อมกอดกระเทือนไหว แต่พยาบาลสาวก็ไม่ได้ถอยคงดันสะโพกเข้ารับท่อนเอ็นที่บุกเข้าออกไม่ลดละความเสียพลุ่งขึ้นจนเธอรู้สึกมืดไปอีกครั้ง
"อ๊าซซอ้ายยยยย" ร่างอวบผวาเข้ากอดรัดชายหนุ่มแน่นพร้อมกับกระเด้าสะโพกกระชั้นถี่ชาติชายโดนถ้ำทองบีบขมิบท่อนเอ็นเอาจัง ๆความรู้สึกเหมือนมันจะดูดกลืนแท่งเนื้อเขาเอาไว้ก็สุดจนกลั้นใจไหวกระดกกระเด้าถี่ยิบแล้วเอ็นเนื้อก็เบ่งพองขึ้นอีกเมื่อมันปลดปล่อยหยาดน้ำฉีดพุ่งกระหน่ำเข้าในถ้ำจนรจนาร้อนวาบไปทั้งตัว
"อ๊ะอ๊ายย อ๊ายยย" รจนาครางเมื่อโดนน้ำอุ่นซ่านฉีดเข้ามาในร่างเป็นจังหวะสองหนุ่มสาวกอดรัดกันดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้ผสานกันจนแนบแน่นรจนาเกร็งจนสั่นกระตุกชาติชายเองก็เกร็งด้วยความเสียวกดควงเอวส่งท่อนเนื้อส่ายไปมาในถ้ำทองฉีดพ่นน้ำรักไปจนท่วมท้นเนืองนองสองหนุ่มสาวตระกองกอดกันจนกระทั่งจังหวะหายใจค่อยกลับมาเป็นปกติชาติชายก้มลงจูบแก้มนวลแล้วเลื่อนไปที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เผยอรับร่างอวบอัดแนบแน่นอยู่ในอ้อมกอดท่อนเนื้อของเขายังฝังจมอยู่ในถ้ำกระชับที่บีบรัดตัวเป็นจังหวะแผ่ว ๆ
"คุณรจจะยกโทษให้ผมหรือยังครับ" ชาติชายกระซิบถาม
"ตอนนี้ยังค่ะคุณคงต้องขอโทษรจอีก เอาไว้ถึงพรุ่งนี้รจจึงจะพิจารณาว่าจะยกโทษให้คุณหรือเปล่า" พยาบาลสาวตอบแล้วยื่นหน้าขึ้นจูบ
"งั้นผมคงต้องขอโทษคุณรจอีกแล้วซีครับแต่คงต้องหาที่ที่จะขอโทษใหม่ เดี๋ยวคุณรจจะเมื่อย" ชาติชายลุกขึ้นพร้อมกับยกร่างอวบตามขึ้นมาอุ้มร่างอวบเดินเข้าห้องนอนของรจนาแล้วปิดประตูไฟฟ้ามาตอนไหนทั้งสองหนุ่มสาวก็ไม่รู้ได้เพราะเวลาของทั้งสองในคืนนั้นอยู่ที่การวนเวียนพลอกรักกันจนดึกโขก่อนจะม่อยหลับไปคาอ้อมกอดของกันและกัน

เมื่อนายพักเอกเดินเข้ามาในบ้านในตอนเช้าถัดมาจึงเห็นภาพของสองหนุ่มนาวนั่งกินข้าวเช้าคุยกันหน้าตาสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใสพยาบาลสาวลุกขึ้นไหว้พร้อกับนายทหารหนุ่มลุกขึ้นยืนตรง
"ตามสบายคุณชาติชาย หนูรจ ด้วย ทำอะไรกินกันล่ะ" ผู้อาวุโสถามพร้อมกับก้มลงมองชามอาหารบนโต๊ะ
"โจ๊กรึ น่ากินเหมือนกันนะ"
"คุณลุงรับด้วยไหมคะ เดี๋ยวรจไปเตรียมให้" พยาบาลสาวถามพร้อมกับขยับตัวแต่ผู้เป็นลุงโบกมือ
"ไม่ต้องหรอก ลุงเรียบร้อยมาแล้ว ขอบใจ" พูดจบก็มองหน้าสองหนุ่มสาวสลับกันด้วยสีหน้าแปลกใจ
"ดีกันแล้วหรือ" "เอ่อครับผม คุยกันเรียบร้อยแล้วครับ" ชาติชายตอบในขณะที่รจนายืนนิ่งหน้าแดงระเรื่อ
"ก็ดี วันนี้สองทุ่มจะมาบริฟท์กันที่นี่นะอีกห้าวันคุณออกทำภารกิจต่อ"
"ครับผม" ชาติชายรับคำ นายพักเอกหันหลังเดินกลับออกไป
"หนุ่มสาวสมัยนี้ โกรธง่าย หายง่ายดีว่ะ" เสียงผุ้อาวุโสดังมากระทบหูสองหนุ่มสาวที่ยืนอมยิ้มกับคำพูดของผู้อาวุโสกว่า ชาติชายพูดด้วยเสียงที่พอได้ยินกันแค่สองคน
"กว่าจะหายก็ค่อนคืนแหละครับ ผู้การ.. อุ๊ย" พูดจบก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวๆ หยิกหมับเข้าที่สีข้าง หันไปยิ้มหน้าเป็นกับรจนา
"เดี๋ยวเหอะ" พยาบาลสาวเข่นเขี้ยว "งั้นผมขอโทษอีกครั้งแล้วกันนะครับ" พยาบาลสาวกลั้นเสียงหวีดแทบไม่ทันเมื่อนายทหารหนุ่มช้อนร่างเธอปลิวหวืออุ้มเดินเข้าห้องนอนแล้วปิดประตู