ชาติชายในชุดยีนส์กับศรัณย์ที่แต่งตัวเป็นคนส่งพิซซ่าผ่านประตูเข้ามาเจอวรวุฒิที่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่ชุดรับแขกในห้องนั่งเล่น ยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่มอั๊ก ๆ ก่อนวางลงบนโต๊ะ
"เป็นไงมั่งวุฒิ" ชาติชายเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อแจ๊กเก็ตออกพาดเก้าอี้แล้วดึงถุงมือหนังออกฝ่ายศรัณย์เดินเข้าห้อง ด้านหลังก่อนกลับมาพร้อมกับถุงขยะสีดำใบใหญ่มือกำลังยัดเสื้อฟอร์มของร้านพิซว่าใส่ถุง
"อยู่ข้างบน กูให้อาบน้ำนอนพัก" วรวุฒิตอบตาแดงก่ำ
"กูไม่น่าให้ยายก้อยมายุ่งด้วยเลย"
"แล้วไปแล้วน่ามึงก็ถามความสมัครใจยายก้อยแล้วนี่" ชาติชายหยิบแจ๊กเก็ตยัดใส่ถุงขยะที่ศรัณย์ยื่นให้พร้อมกับถุงมือ
"ไม่รู้ฤทธิ์ยาจะหมดเมื่อไหร่ เมื่อกี้ยายก้อยอาละวาดน่าดู" วรวุฒิส่ายหัว
"มึงจัดการเสื้อผ้าก่อนดีกว่าเสร็จจะได้ให้นายรัณย์เอาไปจัดการ" ชาติชายพูดระหว่างถอดเสื้อและกางเกงยัดใส่ถุงแล้วเดินไปหยิบเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่เตรียมไว้มาสวมแทนวรวุฒิจึงลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าตัวเอง
"แล้วจะเอาไปไหนล่ะ ศรัณย์" วรวุฒิถามนายทหารรุ่นน้องขณะที่ยัดเสื้อผ้าลงถุงก่อนจัดการกับรองเท้าผ้าใบของตนแล้วโยนตามหลังรองเท้าของชาติชายลงถุงไปด้วย
"เดี๋ยวเอาไปเตาเผาของพันบริการครับพี่ติดต่อไว้แล้ว จ่าสมหมายรออยู่แล้ว" ศรัณย์หมายถึงจ่าทหารบกที่การุณย์มอบหมายให้มาขับรถให้ ศรัณย์บอกพร้อมกับรวบปากถุงมัดเป็นปม แล้วหันไปบอกชาติชาย
"พี่ผมกลับไปที่บ้านเลย นะครับ"
"ฮื่อ ได้เลยรัณย์" ชาติชายบอกศรัณย์มองตามหลังศรัณย์ที่หิ้วถุงดำเดินออกจากบ้านไป แล้วหันมาทางเพื่อนที่ลงนั่ง ซดเบียร์ต่อ
"มึงรายงานผู้การหรือยัง" ชาติชายเอ่ยถามเพื่อนต่อ
"ยัง สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยรายงาน" วรวุฒิวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ
"เอาไงดีวะ เรื่องยายก้อย"
"เดี๋ยวนอนแล้วตื่นมาก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะน่า"
"พี่แก้ว ก้อยร้อน" เสียงใส ๆ ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มเหลียวกลับไปมองสาวน้อยลงมายืนอยู่ที่บันไดหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ยาสวมเสื้อยืดคอกว้างจนเห็นอกอวบดันตูมขึ้นมาเป็นก้อน ๆปลายจะงอยถันดันเสื้อปูดขึ้นมาบ่งบอกว่าเธอสวมเสื้อยืด เพียงตัวเดียวเบื้องล่างนุ่งกางเกงขาสั้นผ้าบางตัวเล็กสั้นกุดเสมอโคนขา เนินเนื้อดันผ้าขึ้นเป็นเนินนูน
"เฮ้ย.ว้า..." สองหนุ่มร้องออกมาพร้อม ๆ กัน
"ลงมาทำไมร้อนก้อยก็ไปอาบน้ำซิแล้วพยายามนอน เดี๋ยวก็หาย" วรวุฒิลุกเดินไปหาน้องสาวจับไหล่กลมไว้มั่น จ้องลงไปในดวงตาใส ๆ ขณะที่บอกกล่าวก่อนพยายามจับร่างหันกลับดันหลังน้องสาวขึ้นข้างบน
"อาบแล้วพี่แก้ว มันไม่หายน่ะมันร้อนแบบข้างในน่ะ" สาวน้อยหันมาบอกพี่ชาย
"พี่แก้วช่วยก้อยด้วยซิ"
"ก้อย ฟังนะไอ้นั่นมันวางยาก้อยนะ เดี๋ยวฤทธิ์ยาหมดแล้วก้อยก็หายแล้ว"
"ไม่รู้อ่ะพี่แก้วก้อยนอนไม่หลับด้วย ก้อยพยายามแล้วนะ" สาวน้อยพูดรัวเร็ววรวุฒิยืนเกาหัวตัวเองยิก ๆ
"พี่ก็ไม่รู้จะทำไง" วรวุฒิบอกอย่างจนใจหันไปหาเพื่อน
"ทำไงดีวะ"
"ยานอนหลับดีไหมวะวุฒิ" ชาติชายพูดขึ้น
"ไม่รู้ว่ะ ยาที่มันใส่ให้ยายก้อยมันยาอะไรก็ไม่รู้ว่ะ" วรวุฒิตอบพร้อมกับโอบกอดน้องสาวที่ซุกหน้าร้องไห้กระซิกๆ
"ให้ กินสุ่มสี่สุ่มห้าเดี๋ยวเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละ ยุ่งตายชัก" วรวุฒิยืนละล้าละลัง
"เดี๋ยวกูพายายก้อยขึ้นนอนก่อนถ้ามึงจะกลับก็ปิดบ้านให้กูด้วย"
"เออ ไปเหอะ" ชาติชายบอกเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วก่อนยกขึ้นดื่มวรวุฒิเดินพาน้องสาวหายลับขึ้นไปชั้นบนครู่ใหญ่ก่อนจะกลับลงมาทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดกระป๋อง
"ไม่น่าเลยกู." วรวุฒิบ่นกับตัวเอง
"เอาน่าเดี๋ยวคงค่อยยังชั่วหรอกน่า กูนั่งคุยเป็นเพื่อนแล้วกัน" ชาติชายบอกเพื่อนเบา ๆ
"ขอบใจชาย" วรวุฒิเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาเปิดหยิบอีกกระป๋องมาส่งให้เพื่อน แล้วนั่งลงต่างคนต่างนั่งคิดเงียบ ๆครู่ใหญ่วรวุฒิก็ลุกเดินไปเปิดโทรทัศน์กดหาช่องจนเจอช่องข่าวแล้วกลับมานั่งที่เดิม
"เงียบชิบหาย ดูข่าวกันดีกว่า" โครม..เสียงดังจากชั้นบนทำให้สองหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกเดินพรวด ๆ ตามกันไปวรวุฒิปราดไปที่หน้าห้องนอน ห้องหนึ่งเคาะประตูสองสามทีแล้วเปิดออก
"เป็นไงก้อย" วรวุฒิโผล่หัวเข้าไปถามก่อนจะหลบวูบออกมา โครม... "ไอ้พี่แก้วบ้า.. ไม่ยอมช่วยก้อย ฮือ ฮือ" เสียงใส ๆร้องออกมาจากข้างในตามด้วยเสียงเหมือนร้องไห้
"แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะก้อย ก็บอกแล้ว..."
"ไม่รู้แล้ว พี่เฮงซวย ฮือ ฮือ.."
"ก็เดี๋ยวยามันหมดฤทธิ์มันก็หายแล้ว.." วรวุฒิร้องบอกผ่านช่องประตูแล้วหันมามองหน้าเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"ไอ้บ้า ไม่รู้ ไม่ฟัง บ้าบ้าทั้งหมดเลย ร้อนจะตายอยู่แล้ว ฮือ ฮือ"
"เอาไงดีวะแม่อาละวาดใหญ่แล้ว" วรวุฒิหันมาถามชาติชาย
"ไม่รู้โว้ย กูไม่เคยวางยาใคร" ชาติชายตอบ
"ก็ช่วยกันคิดหน่อยซีวะเป็นเพื่อนภาษาอะไร" วรวุฒิหันมาตอบก่อนจะหันกลับไปมองประตู
"ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้พี่บ้า ฮือ อือ" "เวรแท้ ๆ กู" วรวุฒิบ่นพลางเกาหัวยืนก้มหน้ามือยันบานประตูห้องน้องสาวให้เปิดแง้มๆ
"มึงแหละไอ้ชาย"
"อ้าวเฮ้ย มาโทษกูได้ไงวะ"
"ก็มึงแหละต้นคิดแผนนกต่อเนี่ย" วรวุฒิหันมาจ้องหน้าเพื่อน
"กูจะรู้หรือว่ามันจะวางยาปลุกเซ็กส์ถ้ากูรู้กูก็ไม่เอาแผนนี้หรอก"
"ไม่รู้แหละ มึงต้องรับผิดชอบ"
"อ้าว เฮ้ย นี่มึงจะโยนขี้กันง่ายๆ เงี๊ยะ"
"น้องสาวกูไม่ใช่ขี้โว้ย แต่มึงต้องช่วยกูแก้ปัญหา" วรวุฒิหันมาหาเพื่อน
"ก็กูจะทำอะไรละวะก็นั่งเป็นเพื่อนมึงอยู่นี่"
"มึง.." วรวุฒิหันตัวมายืนประจันหน้าเพื่อนหยุดพูดชั่วอึดใจอย่างรวบรวมสติ
"มึงเข้าไป ช่วยน้องกูหน่อย"
"เข้าไปจะทำอะไรได้วะมึงยังโดนขว้าง"
"เข้าไปแล้วทำอย่างที่ผู้ชายเขาทำ" วรวุฒิบอกหนักแน่น ชาติชายอ้าปากค้าง
"ไอ้บ้า" ชาติชายพูดเบาๆ
"บ้าแดกแล้วไง น้องสาวมึงแท้ ๆ นะ"
"เชี้ยเอ๊ยแล้วมึงจะให้กูทำไง ยามันฤทธิ์เป็นไงก็ไม่รู้ เมื่อกี้ตอนที่พามันขึ้นมานอนกูลองจับชีพจรมันดูรัวถี่ฉิบหาย" วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน "กูกลัวว่าเดี๋ยวมันจะสูงมากจนเส้นเลือดแตกหรืออะไร"
"ไม่มั๊งมันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า"
"ก็แล้วถ้ามันถึงขนาดนั้นล่ะ" วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน ถึงทีชาติชายเกาหัวบ้าง
"ดังนั้น มึงแหละเข้าไปจัดการ" "มึงอ่านกำลังภายในมากไปหรือเปล่าวะประเภทฤทธิ์ยาผงมอมเซียน กินแล้วแก้ไขไม่ได้ต้องร่วมเพศไม่งั้นไฟธาตุ แตกตายอะไรประมาณนั้น"
"กูไม่รู้ กูไม่ใช่หมอ" วรวุฒิบอกห้วน ๆ
"แต่กูรู้ว่า น้องสาวกูกำลังทรมานแล้วไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรอีก ถ้ามึงไม่ช่วยมึงก็ กลับไปเลย"
"ก็หาวิธีอื่นซีวะ"
"มึงก็พูดมาซิ วิธีไหนกูไม่รู้แล้ว คิดไม่ออก" สองคนนิ่งอึ้งอับจนคำพูด
"ตกลงมึงจะช่วยน้องกูหรือไม่ช่วย"
"ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะโว้ยวุฒิ น้องมึงยังเรียนไม่จบเลย แล้วจะยังไงต่อไป" ชาติชายยืนมึน
"เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้วแล้วต่อไปก็......เรื่องของมึงกะยายก้อยแล้วกัน" วรวุฒิพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
"แต่ว่ากู.." "เอางี้ไอ้ชาย ตอนนี้น้องกูกำลังจะแย่ กูคิดออกทางเดียวถ้ามึงคิดอะไรออกมึงก็บอกมา มึงจะช่วยกูหรือเปล่าก็บอกมา ตอนนี้ถ้ามันจะเป็นมึงกูยินดี เพราะกูรู้จักมึงมาตั้งแต่รุ่น ๆ ยังไง ๆมึงก็ไม่ทิ้งน้องกู แต่กูจะไม่บังคับมึง หลังจากวันนี้ถ้ามึงกับยายก้อยจะแยกย้ายกันไปก็ตามแต่มึงกับยายก้อยจะตกลงกันกูไม่สนใจห่าอะไรทั้งนั้น กูไม่อยากทนดูน้องกู เป็นอย่างนี้เท่านั้นแหละ" วรวุฒิบอกเร็วปรื๋อ ".......
" ชาติชายยืนมองหน้านิ่ง พูดไม่ออกหัวสมองหมุนติ้ว โครม... เสียงของแข็ง ๆ กระทบประตูห้องแล้วตกลงกับพื้น
"ไอ้พี่บ้า ไอ้พี่เฮงซวย ทั้งสองคนเลย ฮือ ฮือ"
"เอาก็เอาวะ ไอ้วุฒิหลังจากวันนี้ถ้ายายก้อยจะเกลียดกูไปทั้งชาติ มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากนะวุฒิอย่างไรกูก็ตัดสินใจเอง แต่ด้วยเกียรติของกู ถ้ากูไม่ตายไปก่อนกูจะไม่ทอดทิ้งน้องมึงแน่นอน" ชาติชายบอกเพื่อนด้วยเสียงหนักแน่น
"กูขอโทษมึงด้วย"
"ขอโทษกูเรื่องอะไร"
"เรื่องน้องมึงนั่นแหละแต่ว่า วุฒิ กูตบน้องมึงให้สลบไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ" ชาติชายหันมาถาม
"เอาซิ ถ้ามึงตบยายก้อยกูเป่าหัวมึงจริงๆ เวรเอ๊ย" วรวุฒิบอกเพื่อน
"เดี๋ยวกูจะลงไปนอนข้างล่างมึงจำคำของมึงไว้ แล้วกัน"
"วุฒิ มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง" ชาติชายบอกเพื่อนสายตาสองคู่จับจ้องประสานกันนิ่งตระหนักแน่แก่ใจว่าคำที่เปล่งออก จากปากแห่งตนไปนั้น ประดุจดังพันธะสัญญาอันลูกผู้ชายให้ไว้แก่กันอันจะสร้างพันธนาการแก่ทั้งสองไว้อย่างแน่นหนาและทั้งสองคนจะหายอมตระบัดสัตย์แห่งตนไม่ วรวุฒิพยักหน้าให้เพื่อนยกกำมือขึ้นกดลงกับไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะคลายออกประสานมือกับชาติชายที่ยกขึ้นรับ "กูรู้ เหมือนตอนที่เราเรียนอยู่เตรียททหารนั่นเข้าเรียกเราว่า นตท. นักเรียนเตรียมทหาร เราก็เอามาร้องกัน น. น้ำหนึ่งใจเดียวเกลียวกล้ำ ต. ตั้งใจ แน่แน่วแล้วทำ ท. นั้น ทำ ทำไม่ได้ไม่มี กูรู้เพื่อน"วรวุฒิบอกเพื่อนแล้วหันกลับเดินเข้าห้องนอนของตนไปชั่วครู่ก่อนจะหอบหมอนและผ้าห่มออกมา
"กูจะบอกอะไรมึงอีกอย่างที่มึงไม่เคยรู้" วรวุฒิเดินมาพูดเบา ๆ
"ยายก้อยสนิทกับคุณรจนาเหมือนกัน ที่ยายก้อยรับปากเข้ามาร่วมมือกับเรา อย่างหนึ่งก็เพราะคุณรจนา ..."
"แล้ว..." ชาติชายถามเมื่อเห็นเพื่อนหยุดพูด
"ยายก้อยมันคงจะชอบ ๆ มึงอยู่แหละ"
"เฮ่ย เจอกันแค่ไม่กี่ทีเอง"
"นั่นแหละกูเป็นพี่ กูรู้" วรวุฒิตอบ
"กูไปนอนแล้ว" ร่างสูงใหญ่หันกลับเดินลงบันไดไปย่างเงียบงัน
ชาติชายหันร่างไปยืนประจันกับประตูห้องเสียงร้องไห้กระซิก ๆ ดังลอดช่องประตูออกมา ขณะที่มือจับบานประตูเตรียมจะผลักเปิดออกนั้น ภาพใบหน้าของหลายคนผุดขึ้นมาสู่ห้วงคำนึง รจนาสตรีอันเป็นสุดหัวใจในชุดพยาบาลขาวสะอาด เมื่อวันที่เขาวอนขอให้เธอมาเป็นคู่ชีวิตยืนอยู่อย่างสดใสหน้าประตูเรือน ภาพของเธอที่นั่งพูดคุยกับมารดาเขาอย่าง สนิทสนมพันเอกการุณย์เพื่อนสนิทของบิดาที่นำพาเขามาสู่สถานการณ์ขณะนี้ ภาพของวรวุฒิยามที่กอดคอสนุกสนานกันมาตั้งแต่โรงเรียนเตรียมทหารภาพของบิดามารดาของวรวุฒิยามที่เขาเคยไปเยี่ยมเยียนถึงบ้าน และสุดท้ายภาพของสาวน้อย และใจเขาหล่นวูบเมื่อนึกถึงสาวน้อยคนที่อยู่ในห้องยามที่เธอยังเป็นเด็กเล็ก ๆเมื่อเขาไปเที่ยวเล่นที่ บ้านวรวุฒิ เด็กหญิงตัวน้อยไว้ผมเปียที่คอยมาพูดคุยกับพี่ชายเฉกเช่นที่รจนาก็เคยกระทำมาเช่นกัน ชาติชายผลักบานประตูเปิดอ้าออกสายตาก็พบกับสิ่งของที่ลอยละลิ่วเข้าใส่ ความฉับไวที่เคยฝึกฝนมาทำให้เขายกมือขึ้นจับของที่ลอยมาอย่างอัตโนมัติแล้วก้มลงมอง นาฬิกาปลุกเรือนกะทัดรัดเรือนนั้นดูสภาพแล้วคงมีอายุหลายปี แต่ที่ มันวาบขึ้นมาในห้วงคำนึงคือเด็กน้อยไว้ผมเปียที่ดึงแขนเสื้อเพื่อนของพี่ชายให้ซื้อให้คราวที่พากันไปเที่ยวงานวัดใกล้บ้าน สีชมพูที่เคยสดใสหม่นหมองลงไปตามกาลเวลา แต่มันยังคงทำงานเป็นปกติอยู่
"พี่ชาย ก้อยขอโทษ" ถึงจะขอโทษแต่หางเสียงยังตวัด "พี่แก้วล่ะ"
"มันไปนอนแล้ว" ชาติชายตอบเรียบ ๆ
"ก้อยเป็นไงบ้าง"
"มันร้อน" สาวน้อยทรุดนั่งลงกับที่นอนยกมือกอดอก ใบหน้าแดงก่ำ "แล้วทำไมพี่แก้วถึงไปนอน"
"มัน..เมาเบียร์มั๊ง" ชาติชายเดินเข้าไปใกล้ มองหน้าง้ำ ๆ นั้นแน่วแน่
"ก้อยไม่ไปอาบน้ำดูล่ะ"
"เฮ่อะพี่แก้วเหรอเมาเบียร์ นั่งกินวันละสามสี่กระป๋องทุกวัน จะตับแข็งตายเข้าสักวัน" สาวน้อยบ่นงึมงำ
"อาบแล้วมัน ไม่หายอ่ะพี่ชายมันแบบร้อนข้างในน่ะ นอนก็ไม่หลับ" พูดจบหยาดน้ำตาก็ไหลร่วง
"งั้นมานอนดีกว่า มาพี่จะกล่อม" ชาติชายเดินเข้าถึงเตียงทรุดลงนั่ง สาวน้อยเถิบร่างออก
"กล่อมไง" สายตายังระแวงระไว
"ก็เหมือนตะก่อนที่เรางอแงให้พี่กล่อมที่บ้านชายคลองของพ่อเราไง" ชาติชายเอนหลังนั่งพิงพนักเตียง"หลับแล้ว จะได้หายร้อน ตื่นพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว" ชาติชายอ้าแขนออกให้สาวน้อยขยับตัวเข้าซบไหล่หนาแน่น
"[si