🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์ในตำนานใต้ดิน => หัวข้อที่ตั้งโดย: yaguza เมื่อ ธันวาคม 01, 2015, 09:47:01 ก่อนเที่ยง

ชื่อ: สาวสนุก 35 Copy ท่านเสือ
โดย: yaguza เมื่อ ธันวาคม 01, 2015, 09:47:01 ก่อนเที่ยง
[-] ขอพักเรื่องน้องๆผมไว้ซักพัก มาลื้ออดีตครั้งเก่าอีกซักครั้ง คืองี้ มีคืนนึงผมนอนดูละครหลังข่าวกับน้องในความดูแลของผม เรื่องนึงมันไปคล้ายๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมในฝันเมื่อนานมาแล้ว เลยพยายามนึกถึงและจะพยายามเรียบเรียงมาเล่าสู่กัน ขอเน้นว่าเหตุที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเหตุการในความฝันนะครับ แต่เป็นฝันที่เสมือนจริงมากๆ แบบว่าตื่นมายังได้กลิ่นอบอวลอยู่รอบกายเลย [-] ย้อนไปช่วงที่ผมพึ่งเรียนจบใช้ชีวิติกับคนรักที่เคยอยู่ด้วยกัน 3ปีกว่าๆ แล้วเธอก็ไปกับไอ้หนุ่ม BMW เพื่อนมหาลัยเดียวกับเธอ อย่างที่ผมเคยเล่าไว้นานแล้ว ถ้าตามเรื่องเล่าของผมมาตลอด ในช่วงนั้นผมก็ยังทำงานอยู่แต่ไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร ทำงานร้านอาหารบ้าง ทำงานห้างฯบ้าง ล่าสุดในเวลานั้น ผมทำงานที่ห้างTHE MALLเป็นพนักงานชั่วคราว ผมทำงานที่นั้นเกือบ2ปี ก่อนจะมาได้ทำงานในสนามบินดอนเมือง คงจำกันได้นะ แล้วผมจะมาเล่าเรื่องมันๆตอนที่ผมทำงานห้างฯ คงเป็นความใจไม่แข็งของผม(เจ้าชู้นะแหละ)เลยเป็นเหตุให้ไม่ได้บรรจุเป็น พนักงานประจำ เรื่องที่จะเล่านี้เกิดจากผมไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำของห้างฯนี้แหละ ผมว่างงาน(ตกงาน) อยู่ปีกว่าๆ ในเวลานั้นผมได้ไปใช้ชีวิติอยู่กับวัดครับ เป็นวัดสายวัดป่า ปฏบัติธรรมเป็นนักบวช ปลงผมถือศีล 8 นุ่งขาวห่มขาว คนวัดเรียกนักบวชอย่างผมว่าผ้าขาว [-]ผ้าขาวอย่างผมในเวลานั้น นอกจากจะปฏิบัติธรรมตามข้อวัดปฏิบัติแล้ว ยังมีหน้าที่อุปฐากพระภิกษุ ตามบิณฑ์บาท และทำงานเป็นคนงานให้กับวัด หนึ่งในหน้าที่ของผมก็คือรดน้ำสวนดอกไม้ ตามโคนไม้ใหญ่ พระที่วัดท่านให้พวกผ้าขาวอย่างผมนี่แหละจัดตกแต่งเป็นสวนดอกไม้กลุ่มเล็ก ประดับไว้รอบโคนต้นไม้บริเวณลานที่ใช้นั่งฟังธรรม ให้ร่มรื่นดูงามตา ผมปฏบัติตัวเป็นผ้าขาวอยู่วัดจนถึงช่วงออกพรรษา พระสายวัดป่าก็จะเริ่มออกธุดงค์ ไปปฏิบัติธรรมตามที่ต่างๆ ที่สงบเป็นการฝึกจิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้าไปตามป่าต่างๆที่มีหมู่บ้านเพื่อให้บิณฑบาทได้ และในคราวนั้น ผมได้ตามธุดงค์ถือสะเบียงอาหารแห้งอุปฐากพระ เวลาที่พระท่านพาธุดงค์ ไปปฎิบัติธรรมในที่ๆไม่มีหมู่บ้าน ซึ่งในความคิดผม ได้บุญมากแถมได้เที่ยวไปในที่ต่างๆไปในตัว ในคราวนี้พระท่านพาพระนวกหรือพระใหม่ที่ไม่ได้สึกขาลาเพศ ไปธุดงค์ป่าที่ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีที่พักสงฆ์อยู่ในหลายหมู่บ้านในป่าที่แม่ฮ่องสอน [-] กลุ่มธุดงค์ของผมมีพระ4รูปแล้วก็ผ้าขาว2คน ทางวัดจัดรถมาส่งถึงที่พักสงฆ์ อยู่บริเวณหมู่บ้านกะเหรี่ยงชายป่าบริเวณอ่างเก็บน้ำ หมู่บ้านนี้จะเป็นจุดพักของกะเหรี่ยงที่เข้าและออกจากป่า ชื่อบ้านสวนปุ๊ ซึ่งอยู่เลยหัวสนามบินแม่ฮ่องสอน ไปประมาณ 5กม. จุดที่กลุ่มกลุ่มธุดงค์ของผมจะไป ต้องเดินลัดเลาะไปตามลำห้วยขึ้นไป กะเหรี่ยงพื้นที่ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง วันนั้นกลุ่มธุดงค์ของผม ออกเดินบ่ายโมงตรง ถึงที่พักสงฆ์บ้านหัวน้ำเกือบ6โมงเย็น เดินไปพักไป ขึ้นดอยลงห้วยเหนื่อยล้าไปทั้งตัว ดีว่าลำห้วยหลายช่วงสวยงามน้ำที่ใหลลงมา ตกเป็นธารน้ำตก เป็นชั้นๆขนาดย่อมๆสวยงาม กลุ่มธุดงค์ของผมจะหยุดพักเหนื่อยนอนแช่น้ำตกคลายร้อนกันบ่อยเพราะพึ่งเคย เดินป่าครั้งแรก ช่วงที่ผมไปไม่มีพระจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ ผมอยู่ปฏิบัติธรรมอยู่3วัน ก่อนจะแยกกลุ่มโดยมีพระอาจารย์ที่มีพรรษามาก และเคยมาธุดงค์ที่แม่ฮ่องสอนนี้เป็นประจำ ขอแยกตัวเดินไปต่อโดยให้ผมถือเสบียงตามอุปฐาก ท่านพาเดินไปตามที่พักสงฆ์จุดต่างๆพักปฏิบัติธรรมที่ละ3คืน จากบ้านหัวน้ำ ก็เดินไปพักที่บ้านป่มฝาด บ้านหนองขาว บ้านห้วยไม้ดำ บ้านหัวยปูลิง บ้านห้วยฮี้ เหตุมาเกิดที่บ้านห้วยกุ้ง ซึ่งเป็นที่พักจุดสุดท้ายก่อนเข้าตัวจังหวัด พระอาจารย์ท่านพาเดินอ้อมป่า ซึ่งจะมาออกที่อ่างเก็บน้ำบ้านผาป่อง ถ้าใครเคยไปแม่ฮ่องสอนก็มาออกตรงโรงไฟฟ้าบ้านผาป่อง ถ้ามาจากเส้นแม่สะเรียง ก็บริเวณทางลงดอยสุดท้ายก่อนเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จะมองลงมาทางซ้ายมือจะเห็นอ่างเก็บน้ำแต่ไกลจากยอดดอย [-]ผมมาพัก อยู่ที่พักสงฆ์บ้านห้วยกุ้งอยู่คืนนึง ก่อนที่พระอาจารย์ที่นำผมมาจะพาไปปฏิบัติที่ถ้ำที่ท่านมาธุดงค์คราวก่อนแล้ว เจอเข้า ถ้ำที่ผมขึ้นไปพักอยู่ห่างจากหมู่บ้านห้วยกุ้งเดินไปครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ถ้ำที่ผมไปพักอยู่ติดกับลำห้วยเลย แต่ปากถ้ำอยู่สูงต้องปีนขึ้นไป 20กว่าเมตร มองจากลำห้วยจะไม่เห็นปากถ้ำเลย และที่พิเศษกว่าคือถ้ำนี้เป็นถ้ำฝาแฝด เป็น2ถ้ำซ้อนกัน ระหว่างปากถ้ำที่ซ้อนกันอยู่หางกันประมาณ 5เมตร ซ้อนเหลื่อมกัน ถ้าไม่ปีนขึ้นไป ก็จะไม่รู้เลยว่ามีถ้ำซ้อนอยู่อีกถ้ำนึง ถ้ำที่ผมจะมาพักอยู่ถ้ำแรกด้านล่างปากถ้ำกว้างประมาณ3เมตรกว่า สู่งเกือบ10เมตร มีเวิ้งถ้ำเป็นเหมือนห้องอยู่ในปากถ้ำทางขวามือ กว้างประมาณ2เมตรลึกซอบเข้าไปประมาณ4เมตร อาจารย์ท่านกางกลดอยู่เวิ้งถ้ำนั้น ส่วนผมไปได้ซอกเวิ้งผาเล็กๆข้างปากถ้ำด้านซ้ายของปากถ้ำหางออกไปประมาณ5เมตร ความสูงพอกางกลดนั่งไม่ติดหัว นอนเหยียดยาวได้สบาย ถ้ำด้านล่างนี้พอพ้นปากถ้ำด้านในซ้ายมือจะเป็นโถงใหญ่กว้างมากเพดานถ้ำสูง ท้ายโถงถ้ำมีโพรงถ้ำเล็กลึกเข้าไปเพดานสูงพ้นหัวพอเดินได้อย่างสบาย จากที่ผมจุดเทียนเดินเข้าไปจนเกือบหมดแท่งยังหายใจได้สะดวกยังมีทางเดินเข้า ไปอีกแต่ผมไม่ไปต่อ อาจาย์ท่านเคยเดินเข้าไปสำรวจ หมดระยะเทียน7แท่งยังไม่สุดทางเลยครับ ท่านบอกว่ามีโถงเล็กๆเป็นระยะๆ [-] ส่วนถ้ำฝาแฝดข้างบน ปากถ้ำกว้างประมาณ2เมตรกว่าสูง3เมตรกว่า แต่พอเข้าพ้นปากถ้ำ โถงด้านล่างว่ากว้างใหญ่แล้วถ้ำฝาแฝดด้านบนมีโถงที่กว้างใหญ่กว่ามาก ประมาณว่าใส่สนามบาส6สนามได้สบาย เพดานถ้ำสูงมากมืดมองไม่เห็นเพดานถ้ำ ได้ยินแต่เสียงค้างคาวดังจ๊อกแจ๊กลั่นถ้ำเลย ยามผมเดินเข้าไป ที่แรกตั้งใจจะเดินเข้าไปสำรวจพอเดินลุยขี้ค้างคาวไปได้ซัก5เมตร ผมจมวูบลงไปในกองมูลค้างคาวเกือบถึงเอว เสียงร้องของผมที่ส่งเสียงดังก้องไปทั้งถ้ำเพราะตกใจ ทำให้ค้างค้าวบินกันพึบพับพร้อมเยี้ยวตกลงมา ยังกับฝนตกพรำๆ ผมต้องตะกายออกจากถ้ำแทบไม่ทัน อาจารย์ท่านเคยเข้าไปสำรวจมาแล้วท่านบอกว่าถ้ำลึกเหมือนถ้ำล่าง ท่านบอกว่า กว่าจะลุยมูลค้างคาวเข้าไปได้ก็แทบแย่ บางช่วงลึกถึงคอ ผมเลยเลิกคิดจะเข้าไปสำรวจเหมือนถ้ำล่าง นี่ถ้าเป็นถ้ำแถวภาคกลาง หรือถ้าเข้าออกสะดวก คงเป็นแหล่งเงินแหล่งทองเลย แต่กะเหรี่ยงที่นี้ส่วนใหญ่ถือผี กลัวผีถ้ำยิ่งถ้ำฝาแฝดนี้ขนาดกะเหรี่ยงพื้นที่ยังไม่รู้เลยว่ามี อาจารย์ท่านเล่าว่าท่านรู้จากพ่ออุ้ยกะเหรี่ยงอายุเกือบ90ปี มีกะเหรี่ยงรุ่นใหม่บางคนพอรู้แต่ไม่กล้าขึ้นไปยุ่งเพราะมีกิตติศัพย์ว่ามี กะเหรี่ยงมาเจอดีที่ถ้ำฝาแฝดนี้จนเสียสติ เลยไม่มีกะเหรี่ยงคนใหนมายุ่งกับถ้ำทั้ง2นี้อีกเลย อาจารย์ท่านบอกว่าจะมาปฏิบัติที่ถ้ำห้วยกุ้งนี้ไม่ได้กำหนดว่าจะอยู่กี่วัน คืนแรกที่มาพักก็ปกติเหมือนทุกๆที่ ที่อาจารย์ท่านพาไปปฏิบัติ ตื่นเช้ามืดสวดมนต์ทำวัตเช้า ก่อไฟต้มน้ำ พออาจารย์ท่านไปบิณฑ์บาท ช่วงนั้นผมก็จะลงจากถ้ำ มากรองน้ำจากลำห้วยขึ้นไปไว้ใช้บนถ้ำ แล้วก็หาผักที่กินได้ตามริมห้วย อย่างผักกูด ผักกาดน้ำ ผักปัง เอาไปกินกับน้ำพริกที่กะเหรี่ยงมักจะใส่บาตร มาทุกวัน บ่ายก็แยกย้ายกันไป นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม เกือบ6โมงเย็นผมก็มาก่อไฟต้มน้ำ ทำน้ำปานะถวายอาจารย์ท่าน ทุ่มนึงก็สวดมนต์ทำวัตเย็น แล้วก็ต่างแยกไปปฏิบัติธรรมและพักผ่อน เป็นกิจที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน [-] คืนที่2ผมก็ทำกิจที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน พอผมเข้าพักผ่อนพอหลับก็ฝัน ในฝัน ผมเห็นมีกลุ่มคนทั้งชายและหญิงพากันเดินออกมาจากถ้ำด้านใน แลัวมานั่งห่างเยื้องไปด้านข้างด้านหลัง พนมมือนั่งฟังผมกับอาจารย์ท่านทำวัตสวดมนต์ ไม่พูดหรือส่งเสียงคุยกันเลย จะมีเสียงสาธุรับ หลังจบบทสวดมนต์กรวดน้ำแผ่เมตตา แล้วกลุ่มคนทั้งชายและหญิงเหล่านั้นก็พากันเดินหายเข้าไปในโพรงก้นถ้ำ คืนที่3 ผมก็ฝันอีก ในฝัน ตัวผมไม่ได้มาปฏิบัติธรรม แต่มาเที่ยวเหมือน คนทั่วไปที่มาเที่ยวป่าแล้วมาพักที่หน้าถ้ำแต่ไปคนเดียว แล้วผมก็ได้เจอกับกลุ่มคนทั้งชายและหญิง ผมจำไม่ได้ว่าได้เข้าไปคุยกับคนกลุ่มนั้นเรื่องอะไร จำได้แต่ว่าไม่มีใครพูดกับผมซักคน คนกลุ่มนั้นก็ลงจากถ้ำหายไปนานเท่าไรผมก็บอกเวลาไม่ได้ พอพวกนั้นกลับมาก็เดินหายเข้าไปก้นถ้ำเหมือนเดิม ในฝัน ผมนั่งอยู่ข้างกองไฟที่ผมก่อไว้ต้มน้ำ หันหน้าเข้าหากองไฟที่ก่อไว้ หันข้างให้ปากถ้ำที่อยู่ด้านซ้ายของผม มีก้อนหินเล็กๆมาปลิวมาโดนใหล่ซ้ายผม ผมสดุ้งหันไปทางปากถ้ำ ผมเห็นผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในกลุ่มที่หายเข้าไปก้นถ้ำ ผู้หญิงคนนั้นเธอคงเอาก้อนหินก้อนเล็กๆปามาโดนใหล่ผม เธอยืนอยู่ที่ปากถ้ำด้านใน พร้อมกวักมือเรียกผมหยอยๆ ผมลุกเดินไปหาเธอ ผู้หญิงที่ผมเห็นยืนอยู่ ดูเธอจะอายุไม่เกิน 22ปี เกล้าผมมวยสูงใบหน้ารูปใข่ตาเรียวโตจมูกเล็กโด่งคิวเข้มหนา ปากเรียวเป็นรูปกระจับเลย วงหน้าเกลี้ยงใสปราสจากเครื่องสำอางค์ใดๆ เธอสูงพอๆกับผม ผมสูงประมาณ175 เธอใส่เสื้อแบบเดียวกับผู้หญิงชาวกะเหรี่ยงที่ยังไม่แต่งงานใส่บอกเอกลักษ์ แต่เธอใส่กางเกงแบบพวกแม้วหรือมงใส่กัน ถ้าไม่รู้จักก็ให้นึกถึงกางเกงนักร้องเด็กไอ้หนุ่มดอยเต่าวงนกแล นั้นแหละ ผมมายืนอยู่หน้าเธอ แต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรจนผมเดินผมเข้าไปในถ้ำ เธอยิ้มพร้อมเอยปาก "อยากไปเที่ยวดูถ้ำมั๊ย.จะพาไป" [-]ในฝันผมพยัก หน้า "อยากไปซิ" พอผมพูดจบเธอก็เอื้อมมือขว้าข้อมือผมดึงแขนผมให้เดินตามเธอเข้าไปในถ้ำ ผมเดินตามเธอไปแต่ความรู้สึกเหมือนลอยตามเธอไปตัวเบาวิ๊วเหมือนลูกโป่งลอย อยู่ในอากาศโดนดึงลากตามไป มันมืดมากครับ ผมได้แต่ตามเธอไปพยายามเพ่งมองก็ไม่เห็นอะไรแม้แต่ตัวผมเองก็ไม่เห็น รู้สึกได้แต่ว่าเดินเหมือนลอยตามเธอไป ได้แต่กลิ่นอับชื้นของถ้ำ เหมือนเธอรู้ความคิดผม "พอพ้นประตูก็แจ้งแล้ว" เธอส่งเสียงบอกผมแต่ไม่เห็นตัวเธอล่อกครับ เหมือนผมลอยอยู่ในห้วงอวกาศ อันมืดมิดโดนดึงตามเธอไปพักใหญ่ อยู่ๆก็สว่างพลึบจนผมตกใจสดุ้งโหยง "เฮ๊ย" เธอหัวเราะร่วน สิ่งรอบตัวที่ผมมองเห็น คือกลุ่มคนทั้งชายและหญิงที่เคยไปนั่งฟังผมสวดมนต์ทำวัต นั่งอยู่กับพื้นกลางห้องโถง เป็นห้องโถงขนาดใหญ่มีเพดาน กะด้วยสายตาสูงประมาณ 10 เมตร กว้าง6-7เมตร ทั้งห้องสว่างขาวนวลแต่ไม่เห็นที่มาของแสง ห้องโถงที่ผมเห็นไม่เหมือนถ้ำ แต่เป็นห้อง4เหลี่ยมเพดานโค้งที่ถูกสร้างขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง ทั้งห้องเป็นหินสีชมภูเข้มมีเม็ดทรายละเอียดสีทองแทรกอยู่ในเนื้อหินสวย งามมากจนผมต้องเอามือไปลูบตามพนังหินนั้น เย็นเฉียบไร้รอยต่อ เหมือนห้องทั้งห้องทำจากหินก้อนใหญ่ก้อนเดียวแล้วขุดเจาะให้เป็นห้อง [-] ห้องที่ผมเข้ามานี้ไม่มีหน้าต่าง สุดผนังห้องมีประตูอยู่2ประตู ข้างละช่องที่กรอบประตูมีรูปแกะสลักลอยตัว เป็นรูปม้าขนาดเท่าม้าเทศกำลังยก2ขาหน้าเหมือนม้าพยศ ลำตัวแกะด้วยหินสีเขียวอมดำทำเป็นเกร็ดเหมือนเกร็ดปลา แต่หัวมีลักษณะเป็นหัวงูมีขนจากปลายจมูกเหมือนหงอน เป็นแผงไล่ลงมากลางหลัง ประตูละคู่หันหน้าเข้าหากัน ผมหันกลับไปดูประตูที่ผมผ่านเข้ามามีประตูเดียว กรอบประตูมีรูปรูแกะสลักลอยตัว เป็นรูปงูใหญ่เหมือนงูเหลือมแต่เกร็ดสีออกเขียว ดวงตาแดงขุ่นเข้มเขี้ยวใหญ่ยื่นงอพ้นขอบปากเลื้อยขึ้นไปเอาหัววางอยู่บนกรอบ ประตูด้านบน 2ข้างหันหน้าเข้าหากัน กลางช่องประตูมืดสนิดเหมือมองเข้าไปในอวกาศ ที่มืดมิดไม่มีแสงดาวหรือแสงอะไรเลย กลุ่มคนทั้งชายและหญิงที่นั่งอยู่กับพื้นกลางห้องโถง ผมดูจากสายตาของพวกเค้ามีหลายคนดูไม่พอใจที่ผมเข้ามาในห้อง มีแด่หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันเธอ ที่พาผมเข้ามาส่งยิ้มน้อยๆให้ผม ผมพึ่งสังเกตุได้ชัดๆพวกเค้ามีรูปหน้าใบหน้าคล้ายกันทั้งหญิงทั้งชาย ยังกับถอดพิมพ์กันมาแต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว พอแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร ไม่ถึงกับเหมือนกันแบบฝาแฝด [-]เธอคนที่พาผมมาเห็นผมสนใจมองไปรอบๆ ห้อง เธอบอกผมว่า "เคยมีคนเมืองบนเข้ามาได้แค่นี้..ไม่มีใครได้ไปต่อ" เธอพูดแล้วเดินเข้าไปคุยกลุ่มคนชายและหญิงที่นั่งอยู่กลางห้องโถง ดูเหมือนเธอจะโดนคนในกลุ่มต่อว่าแต่ผมฝังภาษาไม่ออก ผมก็ได้แต่ยืนอยู่เฉยๆ พักนึงคนกลุ่มนั้นก็เดินหายเข้าไปทางประตูทางซ้ายมือ "ไปเราไปต่อกัน" เธอคว้ามือผมดึงให้ตามไปทางประตูด้านขวามือ แบบครั้งแรกเหมือนผมหลุดเข้าไปในห้วงอวกาศที่มืดมิด แต่คราวนี้ไม่กี่อึดใจก็สว่างพลึบ คราวนี้ผมไม่ตกใจแล้ว ผมผ่านประตูเข้ามาอีกห้อง เป็นห้องที่กว้างใหญ่และสูงกว่าห้องแรกมาก ผมกะขนาดไม่ถูก ห้องนี้เป็นหินสีเขียวเข้มมีเม็ดทรายละเอียดสีทองแทรกอยู่ในเนื้อหินสวยมาก ลักษณะเหมือนห้องแรก แต่ผมก็ตกใจอีกครั้ง ผนังด้านซ้ายมือ มีรูปสลักแกะเป็นรูปงู ใหญ่มากลำตัวขนาดประมาณ3คนโอบ อยู่ในท่าเลื้อยหยุดนิ่งชูลำตัวสูงประมาณ 5เมตรกว่าๆท่าจะได้ แผ่พังพานขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนงูจงอางแต่มี ขนเหมือนแผงหลังม้าจากเหนือหว่างตาไล่ลงไปด้านหลังจรดโคนหัว ลำตัวเป็นเกร็ดสีเหลืองนวล แต่ดวงตาแดงสด ใสเป็นประกาย ดูเกรงขามน่ากลัวราวกับมีชีวิต ผนังฝั่งด้านขวา มีรูปสลักหินเป็นรูปนาคขดตัวโอบรอบแท่นหินสีดำยังกับนิลมีเม็ดทรายละเอียดสี ทองแทรกอยู่ในเนื้อเหมือนผนังห้อง บนแท่นหินสีดำ มีรูปสลักหินสีขาวใสเหมือนแก้วแต่ผิวขุ่นเป็นฝ้าขาว เป็นรูปคนนุ่งห่มเสื้อผ้าอาภรณ์สีทองอร่าม นอนชันเข่าขึ้นข้างนึง เอียงหัวเอกเขนกหนุนท่อนหางของนาคที่ว่างพาดอยู่บบแท่นหิน ชูลำตัวส่วนที่เหลือหันหน้าออกมาด้านข้างเหมือนยามระวังภัย ลำตัวของนาคเป็นหินหลากที่สีแกะเป็นเกร็ดประดับสวยงาม ลำตัวเล็กกว่ารูปสลักงูใหญ่ฝั่งตรงข้ามประมาณครึ่งนึง [-]ลักษณะเป็น รูปสลักสำหรับเคารพสักการะ ที่หน้ารูปสลักมีแท่งหินสีชมภูขนาดคนเดียวโอบได้สูงประมาณเมตรนึง ตั้งอยู่บนฐานหินสีเดียวกัน มีรูปร่างเหมือนฐานของโม่หินที่ใช้โม่แป้งแต่ตรงกลางเป็นแท่งหินตั้งอยู่ ข้างหน้าแท่งหินมีอ่างหินสีดำขนาดไม่ใหญ่นัก มีน้ำสีขาวเหมือนนมสดอยู่ในอ่างหินใบนั้นเต็มอ่าง ผมยืนตลึงมองรูปสลักที่ดูราวกับมีชีวิตอย่างหวาดๆ เธอที่พาผมมาเดินไปหน้ารูปสลักที่มีรูปคนนอนเอกเขนกหนุนท่อนหางของนาค เธอนั่งลงกราบ แล้วตักน้ำสีขาวในอ่างหินรดปลายบนสุดของแท่งหิน ผมเลยเดินไปคุกเข่ากราบทำความเคารพ แล้วแล้วตักน้ำสีขาวในอ่างหินรดแท่งหิน เหมือนที่เธอทำ เธอหันมายิ้มให้ผม ผมสังเกตุน้ำสีขาวที่ผมรดลงบนปลายสุดของแท่งหินซึมหายเข้าไปในแท่งหินจนหมด ขันที่ผมใช้ตักน้ำก็ทำด้วยหินสีขาว ผมมาสังเกตุแท่งหินใกล้ๆเป็นแท่งหินสลักเป็น8เหลี่ยม ปลายยอดแกะสลักเหมือนดอกบัวตูม เธอเห็นผมมองดูอย่างสนใจ ก็บอกผมว่า "คนเมืองบนเรียก ลึงค์กับโยนี " ผมก็ยังสงสัยว่าไอ้น้ำสีขาวที่ใช้รดแท่งลึงค์กับโยนีใช่นมหรือเปล่า ผมยังไม่ทันได้ถามเธอก็บอกผมว่า "เป็นนมของ..ชื่อสัตว์ชนิดนึงผมจำไม่ได้ว่าชื่อเรียกว่าอะไร แต่มันก็คือนมของม้าหัวเป็นงู ที่เป็นรูปแกะสลักลอยตัว ทำท่าพยศอยู่ที่กรอบประตูนั้นแหละครับ [-]"ไปต่อกันเถอะ" เธอบอกผม พร้อมคว้ามือผมดึงให้ตามเธอไป ด้านในสุดของผนังมีประตูเรียงกันอยู่ 6ประตู เธอดึงแขนพาผมเข้าไปในประตูที่ 2 จากซ้าย ผมหลุดเข้าไปในห้วงอวกาศที่มืดมิดอีกครั้ง เที่ยวนี้ผมได้กลิ่นน้ำ ผมเหมือนใหลไปในอวกาศอันมืดมิดด่ำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ครั้งนี้รู้สึกว่านานมาก แล้วผมก็มาโผล่อีกห้องนึง พร้อมกับแสงที่สว่างพลึบอีกครั้งผมเริ่มชิน เธอปล่อยแขนผม หันมาหาผมพร้อมยิ้มให้น้อยๆ แล้วบอกผมว่า "เราอยู่ที่นี่" ห้องที่ผมเข้ามานี้เป็นห้องสีขาวนวล มีหลายห้องเชื่อมต่อกัน ลักษณะเหมือนห้องในคอนโด มีห้องโถง และห้องแยกอีก3ห้อง เวลานี้ผมยืนอยู่กลางหห้องโถง มีแท่นหินเหมือนตั่งว่างอยู่กลางห้อง อากาศในห้องยังกับอยู่ในห้องที่เปิดแอร์เย็นสบายตัว ไม่ถึงกับหนาว ทุกอย่างใน...ผมเรียกบ้านแล้วกัน ทำจากหินเท่าที่มองเห็นเป็นหินแกลนิต แต่ละห้องไม่มีบานประตู แต่จะมีมูลี่ที่ทำจากลูกปัดเล็กจิ๋ว ร้อยละเอียดยิบน่าจะทำจากหินสีต่างๆปิดแทนประตูทุกประตู มู่ลี่เส้นเล็กๆที่ห้อยถี่ยิบปิดจนมองไม่เห็นข้างในห้อง ซ้ายมือผมมีห้องใหญ่อยู่ห้องนึง ทางขวามือมี2ห้องติดกัน เธอเดินไปเปิดมู่ลี่ลูกปัด ของห้องใหญ่ทางซ้ายมือรวบคาไว้ครึ่งนึง พร้อมหันหน้ามาพยักหน้าเรียกผม ก่อนเดินเข้าไปในห้อง ผมเดินไปเปิดมู่ลี่แล้วเดินตามเธอเข้าไปในห้อง ห้องนี้กว้างยาวประมาณ 4X6เมตร ทั้งห้องมีผนังหินและฝ้าเพดานก็เป็นหินที่เชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ มีช่องหน้าต่างบานใหญ่ มีมู่ลี่เป็นลูกปัดใสๆขึงเป็นม่านปิดไว้แทนหน้าต่าง มีแท่นหินขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากผนังห้องเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกันกับผนัง ห้อง ก็เป็นเตียงนั้นแหละครับเพราะมีที่นอนเหมือนฟูกที่เย็บด้วยมือทำด้วยผ้า เนื้อละเอียด วางทับอยู่บนแผ่นที่มีลักษณะเหมือนปะการังที่วางอยู่บนแท่นหินขนาดนอนได้ 2คนสบายๆ เหมือนเธอจะอ่านใจผมออก "ที่นี่เราอยู่ผู้เดียว" เธอบอกผมทั้งที่ผมแค่คิดเท่านั้นว่าเธออยู่กับใคร [-]เธอดึงผมไปนั่ง ลงบนฟูกบนแท่นหิน ผมก็ประหลาดใจอีกครั้ง ก็ฟูกที่ผมนั่งลงไปนุ่มหยุ่นราวกับเตียงสปริงราคาแพง ผมจับแผ่นที่ผมคิวว่าเป็นปะการัง มันนิ่มหยุ่นเหมือนฟองน้ำที่แน่นหนาเป็นคืบ "ใช่มันเป็นฟองน้ำ..ในฟูกก็ยัดด้วยฟองน้ำชิ้นเล็กๆ" เธอบอกผมอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปรูดมู่ลี่ลูกปัดใสที่ขึงเป็นม่าน ไปไว้ที่ขอบหน้าต่าง ทำให้ช่องหน้าต่างเปิดโล่ง ทีนี้ผมถึงกับตลึง เดินไปเกาะขอบหน้าต่างจ้องมองออกไปอย่างตื่นตากับสิ่งที่ผมเห็นภายนอกบ้าน เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ว่าอยู่ในถ้ำ ก็บ้านที่ผมอยู่ขณะนี้คือบ้านที่อยู่ภายในโถงถ้ำขนาดใหญ่พอสมควร ทั้งถ้ำสว่างนวลเหมือนแสงนีออนอ่อนๆ เหมือนในบ้าน มีหินงอกหินย้อยที่มีเกร็ดหินขาวใสเหมือนน้ำแข็งเกาะเคลือบอยู่ สะท้อนแสงระยิบระยับราวกับสีรุ้งสวยงามไปทั่วทั้งผนังและเพดานถ้ำ มีสายน้ำใหลซึมออกมาจากผนังถ้ำด้านซ้ายมือผม ใหลเป็นทางลงไปที่พื้นถ้ำ น้ำที่ใหลลงมาอย่างต่อเนื่องขังเป็นแอ่งเล็กๆ ใหลเป็นชั้นน้ำตกเล็กๆลดหลั่นเป็นชั้นๆลงไป3ชั้น แอ่งล่างสุดเป็นเหมือนสระว่ายน้ำขนาดเล็กๆ ก่อนที่จะล้นออกซึมหายไปในผนังถ้ำอีกฝั่ง จะเรียกว่ามีแอ่งน้ำตกในถ้ำส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่มีทางเข้าออก แม้แต่สายน้ำก็ใหลซึมออกจากพนังจากฝั่งนึงหายไปในผนังอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้าม [-] ในฝันเธอดึงแขนผมออกไปนอกห้องพาผมไปนั่งที่แท่นหินกลางห้องโถง แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้องฝั่งตรงข้ามห้องนอนห้องด้านขวามือซักครู่เธอก็ยก เหยือกหิน พร้อมจอกหินใบเล็กมาว่างบบนโต๊ะหิน พร้อมรินน้ำในเหยือกหิน มันคืนมของม้าหัวเป็นงูที่ผมใช้รดแท่ง ลึงค์กับโยนี ที่ใช้ศักการะบูชารูปสลักในห้องโถงก่อนหน้านี้ "ลองจิบดู" เธอบอกผม ผมยกจอกนมม้าหัวเป็นงูขึ้นจิบ ความรู้สึกในฝันมันเหมือนดื่มนมเปรี้ยวแต่มีความซ่าเหมือนมิ้นให้ความชุ่มคอ รู้สึกสดชื่นกะปี่กะเป่า เธอเดินกลับเข้าไปในห้องอีกห้องที่ติดกันกับห้องที่เธอยกนมม้าหัวเป็นงูออก มาให้ผม ผมนั่งดื่มนมม้าหัวเป็นงู เพลินอยู่ครู่ใหญ่ เธอก็เดินกลับออกมาปล่อยผมที่มวยไว้สยายออก เธออยู่ในชุดผ้านุ่งสีสดใส ขมวดปมกระโจมอกรัดเรือนร่างโชว์ช่วงใหล่กับเนินอกอวบ จะว่าขาวก็ไม่เชิงเหลืองก็ไม่ใช่ ผิวเธอออกเหลือนวลเกลี้ยงเกลา นึกออกแล้วครับสีผิวเธอเหมือนสีใข่ไก่ต้มสุก ที่โบราณเรียกว่าสีผิวขาวเหมือนใข่ปอก "เราจะไปอาบน้ำ..ถ้าอยากอาบน้ำก็ตามเรามา" เธอบอกผมแล้วเดินไปรูดมู่ลี่ลูกปัดที่มีสีและลายกลมกลืนไปกับผนังห้องโถงจน ผมไม่ได้สังเกตุว่ามีประตูอีกประตูนึง ใช้ออกไปนอกตัวบ้าน อยู่ฝั่งเดียวกับหน้าต่างในห้องนอน ผมรีบลุกตามเธอออกไป พอพ้นประตูก็จะเป็นระเบียงเล็กๆมีทางเดิน ลาดลงไปในในโถงถ้ำ ผมเดินตามเธอลงไปตามทางลาดที่เป็นทางลงไปลานเล็กๆยังแอ่งน้ำตกชั้นแรก ผมหันกลับไปมองที่ตัวบ้านที่ผมเดินออกมา ที่ผมเห็นคือบ้านผมเดินออกมาเป็นบ้านที่เจาะเข้าไปในผนังถ้ำที่เป็นหิน บริเวณที่ผมยืนอยู่เป็นโถงถ้ำใหญ่ ไม่มีทางเข้าออก ทั้งผนังและเพดานถ้ำมีเกร็ดหินเหมือนน้ำแข็ง ส่องแสงเป็นประกายแพรวพราวระยิบระยับไปทั้งถ้ำ [-]เธอเดินตามทางลาด ลงไปที่แอ่งน้ำตกชั้นสุดท้ายที่เป็นเหมือนสระว่ายน้ำขนาดเล็กๆ เธอหยุดยืนอยู่บนลานเล็กๆข้างแอ่งน้ำตกชั้นล่างสุด เธอยืนหันด้านข้างให้ผมเอียงหน้ามายิ้มให้ผมก่อนคลายปมผ้านุ่งสีสดใสที่ขมวด กระโจมอกไว้ ปล่อยร่วงลงไปกองที่ข้อเท้า เธอก้าวถอยหลังออกจากกองผ้านุ่งที่กองอยู่กับพื้น เอามือ2ข้างยกเสยผมรัดรวบผมดึงไว้ที่ท้ายทอย ผมเสียววาบในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ได้เป็นคนที่สวยเด่น มองดูก็ธรรมดาๆ แต่ยามที่เธอไร้ซึ่งเสื้อผ้า ยืนอกแอ่นอวบอิ่ม โชว์เรือนร่างกลมกลึงสมส่วน งามยังกับจิตรกรเอกจับปากกามาวาดรูปลายเส้นบนอากาศแทนผืนผ้าใบ เธอยืนรวบผมอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เคอะเขินผมเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นผมที่เขินอายเธอแท่นซะนี่ แต่ท่อนเสือน้อยในกางเกงผมนะซี กับตื่นตัวแข็งตั้งลำไม่ได้เขินอายอย่างเจ้าของมันเลย เธอหันมายิ้มน้อยๆให้ผม เหมือนเธออ่านใจผมออกทะลุปรุโปร่ง ก่อนจะหันหลังให้ผม ย่อตัวหย่อนขาลงในแอ่งน้ำ แล้วนั่งลงที่ขอบแอ่งน้ำ แก่วงขา2ข้างที่แช่อยู่ในแอ่งน้ำตกไปมา พร้อมเอามือเอื้อมหยิบก้อนฟองน้ำที่วางอยู่ขอบแอ่งน้ำตก กวักช้อนน้ำในแอ่งมารูปไล้ถูไปตามลำตัวและแขนขาอย่างเพลิดเพลิน ผมได้แต่ยืนนิ่งมองดูสาวน้อยสรงน้ำอย่างเพลินตา ซักพักเธอก็ไถ่ตัวลงไปในแอ่งน้ำตก โผว่ายเล่นไปมา ก่อนจะหยุดยืนอยู่กลางแอ่งน้ำตก น้ำในแอ่งอยู่ระดับเนินอกของเธอ พร้อมเรียกผมเสียงใสๆ "มาลงเล่นน้ำด้วยกันซิ" แล้วเธอโผว่ายน้ำเล่นไปมาต่อ ดูเธอดำผุดดำว่ายมีความสุขมาก เธอกวักมือชวนผมให้ลงไปเล่นน้ำกับเธอ [-] ในฝันเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ไม่รู้อันตธานหายไปตอนใหน ผมเดินโทงๆลงตามทางลาดลงไปในแอ่งน้ำตก ที่เธอว่ายเล่นไปมาท่อนลำผมแข็งเด่ ในเวลานั้นผมไม่ได้เขินอายเธอแล้วครับ ผมลงไปแช่ในแอ่งน้ำตก ที่เหมือนสระว่ายน้ำขนาดเล็กๆ น้ำในแอ่งอุ่นสบายใสแจ๋วจนเห็นพื้นแอ่งชัดเจนพอเธอเห็นผม เธอก็กวักน้ำสาดใส่ผมเราเลยเล่นสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน เวลานั้นท่อนเสือน้อยผมสงบลงแล้วครับ แต่ก็สงบได้ไม่นานหลังจากที่เราไล่สาดน้ำและไล่จับกัน เธอโพมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนัวเนียกับผมอยู่กลางแอ่งน้ำตกอุ่นๆ ผิวกายหยุ่นๆ บวกกับเรือนร่างของเธอที่มองเห็นชัดแจ๋ว มันกระตุ้นความกำหนัดของผมอีกครั้ง คราวนี้ผมรั้งเธอเข้ามากอด เธอก็กอดตอบผม เรากอดซบกันอยู่กลางแอ่งน้ำตกท่อนลำผมแข็งโป๊กทิ่มเสียดสีตัวเธออยู่ใต้แอ่ง น้ำ ผมรู้สึกถึงอกอวบหยุ่น ปลายหัวนมที่หดแข็งของเธอเบียดสีอยู่กับแผนอกของผม ผมเสียววาบไปทั้งตัว ผมทนความเย้ายวนของเธอไม่ไหวผมก้มลงจูบไซ้ไปตามซอกคอไล้ไปตามแก้มใสๆทั้ง 2ข้างของเธอ ก่อนจะประกบปากจูบแลกลิ้นกันอย่างเร่าร้อน 2มือผมไล้ลงไปขยำแก้มก้นของเธอเบาอย่างมันเขี้ยว เธอกอดรัดผมแนบแน่นแรกจูบกันอย่างสุขสม [-]ผมไล้มือขวาพร้อมหงายมือ ขยำนวดคลึงเนินเนื้ออวบอูม กลางหว่างขาด้านหน้า เนินเนื้ออวบอูมของเธอปราสจากไรขนเนียนเกลี้ยงหยุ่นมือ ผมจูบแลกลิ้นกับเธออย่าเร้าร้อนพร้อมนวดคลึงพลูเนื้อเกลี้ยงๆนั้นเบาๆไป พร้อมๆกัน เธอส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ พร้อมกอดรัดผมแนบแน่น ผมค่อยๆดันตัวเธอไปจนหลังเธอพิงขอบแอ่งน้ำตก ผมถอนจูบเธอรู้หมดว่าผมจะทำอะไรต้องการอะไร เธอกอดคอผมไว้หลวมๆหลับตาพริ้มขยับเท้าถ่างขาอ้าออกให้มือของผมล้วงคลึงพลู เนื้ออวบใต้แอ่งน้ำได้อย่างถนัดมือ พลูเนื้ออวบที่ผมนวดคลึงบีบชิดกันแน่นไม่มีกลีบแคมโผล่พ้นให้นิ้วผมสัมพัส ได้เลย ผมค่อยๆกดปลายนิ้วกลางลากไล้ขึ้นลงไปตามรอยผ่าที่ปิดสนิดเบียดกันชิดแน่น จนนิ้วผมแซะแยกรอยผ่าจนปลายนิ้วจมลงไปกลางกลีบแคม ผมกดปลายนิ้วจมลงไปจนสุดโคนนิ้วกลาง เธอส่งเสียงครางเบาๆตามนิ้วผมที่ค่อยๆจมลึกเข้าไปกลางรูหลืบ รูหลืบเธอบีบรัดนิ้วผมแนบแน่น ผมก้มลงประกบปากจูบแลกลิ้นพร้อมขยับนิ้วกลางซอยเข้าออกรูหลืบเธอช้าๆ เธอเด้งสะโพกรับนิ้วผมที่เร็วขึ้นถี่ยิบ จนน้ำในแอ่งกระเพื่อมพับๆๆๆ ผมเสียวท่อนลำที่แข็งโด่เสียดสีหน้าขาเธออยู่ใต้แอ่งน้ำ จนผมต้องเอามือซ้ายของผมที่ว่างอยู่ดึงมือของเธอที่โอบคอผมอยู่ลงไปกำท่อนลำ แข็งโด่ที่อยู่ใต้แอ่งน้ำ เธอกำท่อนลำของผมรูดถอกเข้าถอกออก พร้อมเด้งสะโพกตามจังหวะการซอยนิ้วของผม ผมเองก็เด้งสะโพกอัดตามจังหวะการรูดท่อนลำ เรา2คนครางแข่งกันเบาๆในลำคออย่างเสียวสุข น้ำในแอ่งน้ำตกกระเพื่อมกระฉอกล้นขอบแอ่งกระจายไปทั่วตามแรงเด้งสะโพกของเรา ทั้งคู่ ก่อนเธอจะหยุดนิ่งยืนเกร็งก้นรูหลืบขมิบบีบรัดนิ้วผม ดุ๊บๆดุ๊บๆดุ๊บๆดุ๊บๆ ส่งเสียงคราง "อ้าส์ส์ส์" เบาๆ ปล่อยมือจากท่อนลำของผม ถอนจูบผวากอดคอผมพร้อมอัดพลูเนื้ออัดมือผมเกร็งรูหลืบบีบแน่น [-]ผม เอาแขนซ้ายกอดประคองเธอไว้ โดยมีนิ้วกลางมือขวาผมจมลึกสุดโคนนิ้ว พร้อมกระดิกปลายนิ้วเบาๆ รูหลืบเธอบีบรัดแนบแน่น เรากอดกันอยู่ในท่านั้นจนรูหลืบเธอผ่อนคลายการบีบรัด ผมค่อยถอนนิ้วออกจากรูหลืบของเธอ ผมยังเงี่ยนง่านอยู่ครับในฝันผมแค่คิดว่าอยากพาเธอไปต่อบนเตียงในห้องนอน ผมเห็นเธอมองผมส่งยิ้มน้อยๆ พลิบตาเดียว ผมก็มานอนกอดเธออยู่บนฟูก ที่วางอยู่บนแผ่นฟองน้ำธรรมชาติปูอยู่บนแท่นหินในห้องนอน ผมนอนตะแคงมีเธอนอนหนุนท่อนแขนซ้ายกอดผมไว้หลวมๆ ผมยันตัวขึ้นนึดนึงโดยใช้ศอกซ้ายยันฟูกไว้ โดยเธอเอาหัวหนุนท่อนแขนผมไว้ ผมตะแคงข้างกึ่งนั่งกึ่งนอน มองดูเรือนกายเปล่าเปลือยของเธออย่างเต็มตา ผิวขาวใข่ปอกของเธอ ไม่มีไรขนตามตัวให้เห็นเลย ยกเว้นคิ้วที่ดกเข้มกับเรือนผมดำขลับของเธอ เต้าเต่งกลมบล๊กแน่นดึ๋งหัวนมชูชันชมภูเข้ม ผิวกายเธอไร้ตำหนิไฝฝ้าจุดด่างดำให้เห็นแม้แต่น้อย เธอรู้ความคิดผม เธอบิดกายอวดเรือนกายไปมา โชว์เนินเนื้อปูดโปนเกลี้ยงเกลาไร้ขน เธอชันเข่าอ้าขาแอ่นพลูเนื้ออวบอูมเบียดชิดไม่เห็นกลีบแคม ให้ผมดูเต็มตาตามความคิดของผม ท่อนลำผมแข็งเด๊กผงกหัวถอกที่พองบาน งึกๆงึกๆ ด้วยความเงี่ยนง่าน เต้าเต่งกลมอวบอิ่มขาวเนียนดังใข่ปอก หัวนมหดตัวได้รูปชูชันสวยจนผมต้องก้มลงเอาปากเม้มดูดพร้อมสบัดลิ้นเลียเบาๆ ที่เต้าอวบอิ่มด้านซ้ายมือผม เธอท้าวมือกับฟูกแอ่นอกบิดส่ายไป เม้มริมฝีปากส่งเสียงคราง อึม.อื้อ.อึม เบาๆ มือขวาผมลูบไล้เรือนกายไล่ลงไปตามหน้าท้อง ค่อยๆลูบไล้ลงไปยังเนินเนื้อปูดโปนเกลี้ยงเกลา ที่เธอชันเข่าอ้าขาแอ่นพลูเนื้ออวบอูมปิดสายไปมา ผมขยำนวดคลึงพลูเนื้ออวบอูมเบาๆ พร้อมดูดเลียเต้าอวบกลมสลับไปสลับมาอย่างมันในอารมณ์ เงี่ยนง่านจนต้องกระเด้าท่อนเสือน้อยที่แข็งโป๊กเสียดสีหน้าท้องเนียนๆของ เธอไปด้วย เธอคงรู้สึกได้เลยละมือขวาที่บนฟูก มากำท่อนลำร้อนผ่าวของผมพร้อมชักรูดท่อนลำเบาๆ เธอปล่อยอารมณ์เต็มที่ เม้มปากหลับตาพริ้มแอ่นอกบิกกายส่ายอกให้ผมดูดเลียสลับไปสลับมาทั้ง2เต้าอวบ กระดกก้นแอ่นส่ายไปตามการเคล้าคลึงพลูเนื้อจากมือของผม ส่งเสียงหายใจถี่ๆครางในลำคอ อึม.อื้อ.อึม.อื้อ.อื้อ. เบาๆ [-]ในฝัน กลิ่นหอมอ่อนๆจากผิวกายเธอกระตุ้นความเงี่ยนง่านของผม ผมถอนปากจากเต้าอวบของเธอ ใช้ปลายลิ้นเลียไล้แผ่วๆลงไปตามหน้าท้อง มือขวาผมละจากพลูเนื้อลูบไล้ไปทั่วเรียวขาของเธอ ผิวกายเธอหอมจริงครับ ผมไล้ลิ้นลงมาใต้สะดือของเธอ ผมค่อยดึงแขนซ้ายที่เธอทับอยู่ ผมดันตัวขึ้นนั่งมองจ้องไปที่ก้อนเนื้อเกลี้ยงที่ปูดนูนโด่งกลางหว่างขาของ เธอ ผมเสียวลึกในอกวาบลงไปยันท่อนลำที่เธอกำลังรูดอยู่เบาๆ ผมอดใจไม่ไหวแล้วครับ ผมไถ่ตัวแทรกเข้ากลางหว่างขาเธอก้มลงจูบเคล้าคลึงโหนกเนื้อปูดโปนนั้นอย่าง กระสันต์ เสียวในอารมณ์ ผมดูดเลียโคกเนินปูดโปน คลุกเคล้าเนินเนื้อที่เกลี้ยงเกลานั้น แทบกระอักความเสียวจากการสัมพัสกลิ่นกายเธอ เรียกกว่าหอมไปทั่วสะพรั่งกาย ผมขยับตัวดันแยกขาเธอถ่างกางออก เอามือจับข้อเท้าทั้ง2ข้างของเธอดันให้ตั้งเข่าขึ้น เธอดึงขางอเข่าชันขึ้น ถ่างอ้ากว้างออกตามมือของผมที่ค่อยๆดันผลักโคนขาอ่อนให้อ้าถ่างกว้างออก ทำให้โหนกเนื้อแอ่นหง