แก้วกานดา ตอนที่ 17 – ควรค่า
.....................................
Assasin008 2017-01-22
ผกายแก้ว เร่งรีบรวบรวมเอกสารเก็บเข้าแฟ้ม ก่อนจะจัดการเก็บพับคอมพิวเตอร์พกพาสีเงินขึ้นวางทับแฟ้มเอกสารเตรียมนำไปใช้ในห้องประชุมกับลูกค้าคนสำคัญในยามบ่าย
การเตรียมนำเสนอในครั้งนี้ออกจะฉุกละหุกอยู่บ้าง เพราะว่าแก้วเผลอนั่งหลับไปโดยไม่รู้ตัวจนต้องให้เหมียวเลขาหน้าห้องเข้ามาช่วยปลุก เมื่อได้สติตื่นขึ้นมาแก้วก็ตกใจรีบตระเตรียมข้อมูลอย่างเร่งรีบ หากยังดีอยู่บ้างที่เธอเตรียมบางส่วนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งยังได้เหมียวเลขาคนเก่งช่วยด้วยอีกหนึ่งคน แก้วจึงสามารถทำได้ทันเวลา
"ขอบคุณนะคะคุณเหมียว ถ้าไม่ได้เลขาสุดเก่งอย่างคุณเหมียวช่วยล่ะก็แก้วคงแย่แน่เลย ไม่รู้เผลอหลับไปได้ยังไงกัน แย่จริง ๆ เลย"
แก้วหันไปกล่าวขอบคุณจากใจจริง เธอรู้สึกละอายใจที่ตนเองเผลอหลับไปจนเกือบเสียงาน เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะร่างกายเหนื่อยเพลียมาจากเกมรักกับอาร์ตทำให้เผลอหลับไป แก้วไม่ได้คิดสงสัยเอะใจเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้หลับเอง หากแต่หลับไปเพราะโดนเลขาหน้าห้องคนนี้วางยา
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณแก้ว มันก็คืองานของเหมียวอยู่แล้ว ว่าแต่คุณแก้วไปทำอะไรมาหรือเปล่าคะถึงได้เพลียนอนหลับยาวเลย แถมตอนหลับก็ยังยิ้มหวานมีความสุขเชียว"
เหมียวหญิงสาวสวยเก่งวัยสามสิบห้าส่งยิ้มอบอุ่นให้ น้ำเสียงที่ถามไถ่นั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห่วงเป็นใย แต่ใครจะทราบว่าที่แท้แล้วภายใต้รอยยิ้มนั้นเหมียวกำลังแอบหัวเราะ เธอพยายามพูดกลบเกลื่อนให้แก้วไม่เอะใจสงสัย แต่อย่างน้อยเหมียวก็พูดความจริงในเรื่องที่ว่าแก้วนั้นยิ้มหวานมีความสุขตอนสลบเพราะฤทธิ์ยา
แก้วชะงักเล็กน้อยเมื่อโดนทักเรื่องนี้ เธอรีบเบือนสายตาหลบจากเหมียวด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวาย เธอหลับไม่รู้สึกตัวก็จริง หากแต่ว่าเธอฝันถึงอะไรบางอย่าง และเธอจดจำฝันที่ว่านั้นได้แม่นยำ เธอฝันว่าตัวเธอกำลังร่วมรักอยู่กับนายอาร์ตผู้ชายคนแรกของเธอ เธอและเขาอยู่ในป่าเขาที่ไม่มีศักดิ์ฐานะทางสังคมขีดคั่น และความฝันนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งมีความสุขอย่างที่สุด
"... ไม่ ... ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะคุณเหมียว ... ไม่รู้ว่าฝันอะไร ... พวกเรารีบไปห้องประชุมกันดีหรือเปล่าคะ"
แก้วย่อมไม่ตอบตามความเป็นจริง เธอปั้นหน้ายิ้มใส่เหมียว ก่อนจะพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ไปเตรียมนำเสนอที่ห้องประชุม เหมียวย่อมไม่ได้คิดอะไรมากแค่เห็นว่าแก้วไม่เอะใจสงสัยก็พอใจแล้ว
หนึ่งเลขาหนึ่งผู้บริหารเดินออกจากห้องทำงานไปขึ้นลิฟต์โดยสารโดยไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก ระหว่างทางที่เดินนั้นหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในที่ทำงานต่างก็แอบเหลียวมองสองสาวเสน่ห์แรงกันตาเป็นมัน
เหมียวเองก็จัดเป็นคนสวยดึงดูดใจคนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นดาราหรือนางแบบโดยไม่ยาก ผู้ชายจำนวนไม่น้อยจึงแอบส่งสายตาวาบหวามให้ เพียงแต่ผกายแก้วนั้นสวยโดดเด่นกว่าอีกขั้นหนึ่ง หากเหมียวเป็นหงส์ แก้วก็คงต้องเป็นพญาหงส์ ยิ่งแก้วแต่งกายอวดสัดส่วนหนั่นแน่นตามแบบฉบับสาวมั่น เสน่ห์ของเธอก็ยิ่งก่อกวนจนเหล่าบุรุษทั้งหลายน้ำลายสออยากกระชากร่างงามมากอดฟัดให้สาสมใจ
เสน่ห์อันร้อนแรงของเรือนร่างขาวกระจ่างทำให้เสียงสนทนาในห้องประชุมเงียบลงไปทันทีเมื่อเธอก้าวเดินเข้าไป ชายหนุ่มทั้งสี่ในห้องต่างเบิกตากว้างหันมามองผกายแก้วด้วยดวงตาแวววาวหื่นกระสันโดยไม่อาจควบคุม หนึ่งในนั้นคือคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างคมกฤช แต่อีกสี่คนนั้นมาจากบริษัทคู่ค้าขาประจำ และงานนำเสนอในครั้งนี้จะหมายถึงยอดขายหลักร้อยล้านบาท
"สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะแก้วมาสายนิดหน่อย"
ผกายแก้วกล่าวเสียงหวานพลางยิ้มจนเห็นไรฟันขาวสะอาด บุคลิกท่าทางของเธอไม่ว่ามองอย่างไรก็ดูเป็นคุณหนูในสังคมชนชั้นสูง ยิ่งเห็นผิวขาวราวหยวกกล้วย รวมไปสัดส่วนอวบอิ่มหนั่นแน่นหุ่นแม่พันธุ์ของเธอ ชายทั้งสี่ในห้องประชุมก็ต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายหิว การปรากฏตัวของนางฟ้าคนนี้ทำให้พวกเขาแทบลืมเลือนไปเสียสิ้นว่าพวกเขามาทำอะไรในวันนี้
"สายที่ไหนกันคุณแก้ว ยังมีเวลาอีกตั้งห้านาทีกว่าจะถึงเวลานัด"
คมกฤชซึ่งสวมใส่ชุดสูทสีดำเข้มลุกขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาเต้นเร่าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นหึงหวง เมื่อเห็นผู้ชายอื่นมองดูผกายแก้วเขาจะต้องรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งไป กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นภูมิใจในเสน่ห์ของผกายแก้วไปด้วย เพราะเขามั่นใจว่าอีกไม่นานนักนางฟ้าแสนสวยคนนี้จะต้องกลายเป็นทาสรักของเขา
"ไม่สายแน่นอนครับคุณแก้ว ไม่นึกเลยว่าวันนี้ผมจะโชคดีได้พบกับนางฟ้าตัวเป็น ๆ ผมชื่อสิงหา ผมเป็นเจ้าของบริษัททิพย์อโรม่า เรียกผมว่าสิงห์ก็ได้ ส่วนสองคนนี้คือผู้จัดการแผนก ..."
หลังจากเรียกสติตัวเองได้ ชายร่างสูงกำยำหนึ่งในสามว่าที่ลูกค้าก็รีบลุกพรวดขึ้นเดินมายื่นมือพร้อมกล่าวแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงพลุ่งพล่าน แววตาของเขาเต้นระริกราวกับกำลังมองดูสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้ชิ้นหนึ่ง เขาคือนายสิงห์พี่ชายบุญธรรมของเบลล์ และผู้ชายคนแรกที่ได้เปิดบริสุทธิ์ดาริกาน้องสาวของแก้วนั่นเอง
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อผกายแก้ว ส่วนคนนี้คือคุณเหมียวเป็นเลขาคนเก่งของแก้วเอง"
แก้วยิ้มรับโดยไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไร เธอยื่นมือออกไปจับมือกับสิงห์ตามธรรมเนียมทักทายของฝ่ายตะวันตก เธอเคยชินกับสายตาหื่นกระหายของผู้ชายอยู่แล้ว และเขาคนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอะไรมากมายนัก
สิงห์รีบเกาะกุมมือเธอเอาไว้พร้อมกับฉวยโอกาสใช้นิ้วลูบไล้แผ่วเบาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน หากทำได้เขาอยากจะกระชากร่างงามผุดผาดปานเทพธิดาร่างนี้มากอดฟัดเสพความหอมหวานให้หนำใจ กระนั้นในความเป็นจริงแล้วเขาทำได้แค่เพียงกลั้นใจปล่อยมือนุ่มนิ่มของเธอออกด้วยความรู้สึกไม่ยินยอม เพราะคงไม่เหมาะนักที่จะแสดงอาการรุ่มร่ามมากเกินไปในเวลานี้
การประชุมโครงการร้อยล้านเริ่มต้นขึ้นโดยมีแก้วเป็นคนนำเสนอหลัก หากแต่สิงห์กลับแทบไม่มีสมาธิรับฟังเรื่องราว สายตาและสติของเขาโดนความสวยหวานของแก้วดึงดูดไปจนหมดสิ้น รูปร่างทรวดทรงที่แทบจะล้นทะลักออกมาจากเสื้อผ้ารัดติ้วนั้นทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
ลำคอของสิงห์แห้งผาก เป้ากางเกงบวมเป่งจนแทบระเบิด ยิ่งเห็นแก้วพูดฉะฉานบ่งบอกถึงความรู้ความสามารถและความเป็นผู้รากมากดี สิงห์ก็ยิ่งอึดอัดกระวนกระวายแทบเก็บกดอารมณ์กลัดมันเอาไว้ไม่อยู่
อารมณ์ร้อนรุ่มทำให้สิงห์ต้องถอดเนคไทสีดำออก ความสวยของแก้วทำให้เขานึกถึงผู้หญิงสามคนที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา สองพี่น้องกนกกรและอรอนงค์นั้นนับว่าเป็นสาวสวยมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขารู้สึกพลุ่งพล่านแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาพลุ่งพล่านแบบนี้คือผู้หญิงที่เขายังไม่รู้จัก เธอคนนั้นคือนักศึกษาสาวที่เขาลวนลามบนรถไฟฟ้าจนเกือบได้ครอบครอง หากแต่ผิดแผนไปเสียก่อน
นางฟ้าคนที่สองคือดาริกานางฟ้าตัวน้อยที่เขาเพิ่งได้เสพสมจนอิ่มเอมไปเมื่อสองสามวันก่อน และนางฟ้าคนที่สามก็ต้องเป็นผกายแก้วคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ในแง่ของเสน่ห์เรือนร่างแล้ว นางฟ้าทั้งสามต่างใกล้เคียงกัน เพียงแต่หากจะพูดในแง่ของความประทับใจแล้ว เจ้าของกิจการอย่างสิงห์ย่อมรู้สึกถูกใจผกายแก้วมากกว่า
นอกจากความสวยงามที่ยากหาคนทัดเทียมแล้ว แก้วยังเป็นผู้หญิงทำงานเก่งพูดจาฉะฉานมั่นใจ การวางตัวนั้นเพียบพร้อมเหมือนคุณหนูจากสังคมชั้นสูง ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวผกายแก้วนั้นถูกใจเขามากล้นจนสิงห์รู้สึกปั่นป่วนแทบอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่จินตนาการถึงเรือนร่างที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดของผกายแก้วเท่านั้น
"... จบแล้วค่ะ ไม่ทราบว่ามีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับตัวโครงการนี้หรือเปล่าคะ"
คำถามปิดท้ายของผกายแก้วค่อยทำให้สิงห์ตื่นจากภวังค์ เขากระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง เนื้อหาของการนำเสนอนั้นเป็นอย่างไรเขาแทบไม่ได้ฟังสักเท่าไหร่ ดังนั้นอย่าคิดว่าเขาจะมีคำถามหรือข้อสงสัย
ยังดีที่คนที่มาด้วยอีกสองคนนั้นเป็นหนุ่มใหญ่อายุห้าสิบกว่าแล้ว ถึงพวกเขาจะโดนเสน่ห์ของแก้วเล่นงาน แต่ก็ยังไม่ส่งผลรุนแรงเหมือนสิงห์ ผู้ช่วยทั้งสองจึงถามคำถามไปอีกหลายคำถาม และมีแก้วคอยตอบข้อสงสัยด้วยความฉะฉานมั่นใจ ตอนนี้สิงห์จึงค่อยได้สติรีบตามเก็บข้อมูลอย่างรวดเร็ว
เมื่อคำถามทั้งหลายจบลง ผู้ช่วยทั้งสองก็หันมาพยักหน้าส่งสายตาให้กับสิงห์เป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร สิงห์พยักหน้ารับรู้แล้วพลิกอ่านเอกสารอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง งานนำเสนอในครั้งนี้นับว่าทำได้ยอดเยี่ยมแสดงถึงฝีมือและความรู้ของแก้ว
ต่อให้ไม่นับเสน่ห์ร้อนแรงของแก้วเข้าร่วม สิงห์ก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ยอมรับโครงการนี้ อย่าว่าแต่ตอนนี้สายตาของนางฟ้าเสน่ห์แรงคนนี้กำลังจับจ้องมองดูท่าทางของสิงห์อยู่ด้วย ในความคิดของสิงห์นั้นต่อให้ข้อเสนอในโครงการจะแย่กว่านี้สักหน่อย หนุ่มนักรักอย่างเขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธทำให้นางฟ้ามองเขาในแง่ไม่ดีได้
"... โดยเบื้องต้นแล้ว ผมคิดว่าข้อเสนอนี้ยอดเยี่ยมมากครับ ในขั้นถัดไปผมจะให้ทีมงานกฎหมายตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ จากนั้นเราก็จะเซ็นต์สัญญากันได้เลย ... ว่าแต่ผมยังมีข้อสงสัยในรายละเอียดสักหน่อย เย็นนี้ยังไงรบกวนคุณแก้วช่วยไปอธิบายเพิ่มเติมได้หรือเปล่าครับ เอาเป็นตอนทานอาหารเย็นก็ได้ หรือคุณแก้วจะชวนแฟนไปด้วยก็ได้"
สิงห์พ่นลมหายใจรอบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองดูรอยยิ้มของแก้วที่ทำให้เขาใจสั่นหวิว ความตื่นเต้นในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองย้อนกลับไปเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งจีบสาวครั้งแรก เขาแน่ใจว่าการจีบแก้วนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแค่การวางตัวอันสูงส่งของเธอก็ทำให้เขาหวั่นใจแล้ว แต่ประเด็นสำคัญที่สุดในเวลานี้ที่สิงห์อยากรู้ก็คือ แก้วเป็นนางฟ้าที่มีเจ้าของแล้วหรือไม่
แก้วมองดูเขาแล้วยิ้มน้อย ๆ ด้วยดวงตาวิบวับ หากมองผิวเผินแล้วคล้ายจะหว่านเสน่ห์ยั่วเย้า หากแต่ในใจของแก้วนั้นกำลังคิดหาวิธีบ่ายเบี่ยงคำเชิญไม่ให้เป็นที่ขัดข้องหมองใจทั้งสองฝ่าย เธอย่อมเคยผ่านสถานการณ์เช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่อยากได้ครอบครองเรือนร่างงามของเธอ อยู่ที่ว่าพวกเขาจะจีบเธอแบบไหนต่างหาก
"ถ้าหากมีคำถามข้อสงสัย คุณสิงห์ถามตรงนี้เลยจะดีกว่าค่ะ เผื่อแก้วตอบไม่ได้ จะได้มีคุณคมกฤชช่วยอีกแรง ส่วนเรื่องรับประทานอาหารเย็น วันนี้แก้วไม่สะดวกจริง ๆ ค่ะ แต่เอาไว้แก้วจะให้คุณเหมียวช่วยนัดหมายหาเวลาเหมาะสมให้นะคะ"
คำตอบปฏิเสธอย่างนอบน้อมของแก้วทำให้สิงห์แอบรู้สึกขัดใจเล็ก ๆ หากแต่เขาไม่ได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด เขารู้สึกชื่นชมการพูดจาของแก้วเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่เธอบอกกล่าวปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่ดี อย่างไรก็ตามสิงห์ยังไม่ได้รับคำตอบที่อยากรู้ เขาอยากรู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้วหรือไม่
"... ครับ ... แล้ว ... เอ่อ ... ถ้าแฟนคุณแก้วจะไปด้วยก็ไม่มีปัญหานะครับ"
คำถามกระท่อนกระแท่นนี้ทำให้แก้วอมยิ้มส่งเสียงหัวเราะคิกคักเล็กน้อย สิงห์ยิ่งมองดูก็ยิ่งหลงเสน่ห์ของแก้วจนรู้สึกเหม่อราวกับลอยวิญญาณหลุดลอยออกไปจากร่าง เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองถามประเจิดประเจ้อเกินไปสักหน่อย
"เรื่องนี้ผมตอบให้ก็ได้ครับคุณสิงหา คุณแก้วเธอยังไม่แต่งงานครับ และตอนนี้ก็ยังโสด ไม่ต้องเขินหรอกครับผู้ชายทุกคนก็อยากรู้คำตอบเรื่องนี้เหมือนกัน เพียงแต่มาตรฐานของหนูแก้วนั้นสูงสักหน่อย เธอก็เลยยังไม่เจอผู้ชายที่ถูกใจเลยสักคน"
คมกฤชที่นั่งนิ่งเงียบอยู่นานช่วยตอบทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน สิงห์รีบหัวเราะแก้เก้อและยกน้ำเย็นขึ้นดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ อย่างน้อยที่สุดนางฟ้าคนนี้ก็ยังไม่มีใครตีตราจองเป็นเจ้าของ
รอยยิ้มของแก้วกระตุกเล็กน้อยเมื่อเธอนึกถึงนายอาร์ตผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวรอยยิ้มนั้นก็กลับไปเป็นเช่นเดิม จะอย่างไรเรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ และเธอก็ได้ตัดสินใจแล้ว อาร์ตแตกต่างกับเธอเกินไปในแง่ฐานะ เธอจึงควรมองหาใครสักคนที่เหมาะสมกับเธอมากกว่า และหากพูดกันตามข้อเท็จจริงไม่สนเรื่องอารมณ์ความรู้สึกแล้ว นายสิงหาคนนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่คู่ควรอยู่บ้าง
แก้วไม่ได้รู้สึกถูกชะตาอะไรกับนายสิงห์มากมายนัก แต่เท่าที่เธอมีข้อมูลนั้นสิงห์เป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจคนหนึ่ง เขาสืบทอดร้านค้าเล็ก ๆ จากแม่ที่ชื่อว่าทิพย์อโรม่า จากนั้นก็ทำการเดินแผนธุรกิจผลักดันจนเติบโตก้าวกระโดดแตกสาขาหลายแห่งได้ในระยะเวลาอันสั้น เพียงแค่ข้อเท็จจริงข้อนี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว ส่วนเรื่องฐานะทางสังคมนั้นถึงแม้จะไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ถือว่าไม่ต้อยต่ำ
หากเทียบกันโดยไม่สนใจความรู้สึกแล้ว แก้วคิดว่าสิงห์และคมกฤชนั้นมีคะแนนใกล้เคียงกัน แต่ว่าคมกฤชนั้นอายุมากกว่าเธอเกินไป ในขณะที่สิงห์นั้นอายุแก่กว่าเธอแค่เพียงไม่กี่ปี ในแง่ของอายุแล้วสิงห์จึงเหมาะสมกว่า แต่น่าเสียดายที่หากพูดกันในแง่อารมณ์ความรู้สึกแล้ว แก้วพบว่าไม่มีใครเลยสักคนที่ให้เธอรู้สึกหวั่นไหวใจได้เท่ายามหนุ่มคนนั้น
การประชุมอาจจะจบไปแล้ว แต่ว่าการสนทนายังคงเดินต่อไป สิงห์ย่อมไม่อยากให้การประชุมจบลงเพราะยังอยากสนทนากับแก้วต่อให้มากที่สุด เขาจึงพยายามสรรหาหัวข้อมาสนทนาเสมอ และตลอดเวลานั้นเขาก็ยังแอบสอดแทรกอวดโอ่สรรพคุณของตัวเองออกมาราวกับกำลังจะเสนอขายสินค้าสักชิ้นด้วย
แก้วรับฟังข้อเสนอนี้โดยไม่แสดงท่าทีอะไร อย่างน้อยสิงห์ก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ควรค่าให้ศึกษา หากแต่คมกฤชที่นั่งอยู่ด้านข้างนั้นเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขุ่นเคืองเพียงแต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เขาเริ่มรู้สึกหึงหวงไม่ชอบใจที่แก้วนั่งนิ่งทนฟังการอวดสรรพคุณของนายสิงห์ สุดท้ายคมกฤชจึงอดไม่ได้ต้องออกตัวอย่างอ้อมค้อมตามแบบฉบับของเขา
"สำหรับผมนะครับ คุณสิงหาถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ยากหาตัวจับได้คนหนึ่ง คุณสามารถผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นดาวรุ่งของวงการทีเดียว แต่ว่า ..."
คมกฤชช่วยพูดเหมือนกำลังชมในช่วงแรก สิงห์จึงแอบยิ้มดีใจที่มีคนช่วยสนับสนุน แต่รอยยิ้มนั้นก็ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำปิดท้ายประโยคของคมกฤช
คมกฤชเว้นจังหวะชะงักไว้ เขามองไปรอบวงสนทนารอบหนึ่งเพื่อหยั่งเชิงด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรมากนัก หากทว่าเขากำลังรู้สึกยินดีที่ทำให้รอยยิ้มกริ่มของสิงห์หายไปได้ เขาย่อมไม่ตัวเองไปเปรียบเพราะไม่เหมาะสม คมกฤชจึงยกเอาตัวอย่างของคนอื่นเพื่อมาสะกดข่มสิงห์เอาไว้อย่างอ้อมค้อม
"แต่ว่า ... ถ้านับในบรรดานักธุรกิจดาวรุ่งที่ผมรู้จัก ยังมีอีกคนที่ทำผลงานได้ประทับใจมากกว่า คุณสิงห์นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่คนที่ผมกำลังจะพูดถึงนี่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า เพียงแต่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเท่านั้น"
"ใครเหรอคะน้าคมกฤช ปกติแก้วไม่ค่อยเห็นน้าพูดชมใครแบบนี้มาก่อนเลยสักคน แล้วทำไมถึงยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก"
ผกายแก้วหันไปถามด้วยท่าทีตื่นเต้นสงสัย เธอพูดไม่ผิดในแง่ที่ว่าคมกฤชไม่เคยแสดงท่าทีชื่นชมใครแบบนี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้แก้วจึงแปลกประหลาดใจ และสงสัยว่าใครที่มีความสามารถมากพอขนาดนั้น
"ก่อนอื่น ผมคิดว่าทุกคนในที่นี้น่าจะรู้จักโครงการพวกนี้นะครับ ตะวันเกตเวย์ ตะวันซิตี้ และตะวันสปอร์ต"
"รู้จักซิคะน้าคมกฤช โครงการทั้งสามที่น้ายกมา เป็นโครงการลงทุนหลักแสนล้านของเครือตะวันเมื่อสิบปีที่แล้ว มันคือโครงการตัวอย่างที่ทุกคนในวงการจำได้ ก็เพราะว่าทั้งสามโครงการนี้มีความเสี่ยงหลายอย่างทำให้ทุกคนเชื่อว่าเครือตะวันจะต้องขาดทุนย่อยยับ ไม่มีใครสักคนคิดว่าจะไปรอด แต่ทั้งสามโครงการกลับสอดประสานส่งเสริมกัน สามารถเรียกคนเข้าไปใช้บริการได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังทำกำไรให้เครือตะวันจนหุ้นขึ้นเกือบสิบเท่าในเวลาแค่สองปี เรียกได้ว่าฉีกหน้านักวิจารณ์ทุกคนจนยับเยินไปเลย"
"ใช่แล้วหนูแก้ว โครงการธุรกิจทั้งสามนี่เอง ตอนที่เริ่มทำตอนนั้นมีแต่คนส่ายหน้า ราคาหุ้นก็ตกร่วงจนแทบแจกฟรี แต่ใครจะรู้ว่าพอเปิดบริการจริง โครงการใหญ่ทั้งสาม ผสมกับโครงการย่อยที่ไม่เป็นข่าวกลับทำงานช่วยสนับสนุนกันอย่างลงตัว ลูกค้ากลับแห่กันเข้าไปใช้กันอย่างล้นหลาม แม้แต่ตัวผมเองก็ยังคาดการณ์ผิด เรียกได้ว่าคนที่วางแผนธุรกิจนี้มาเหนือเมฆมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น และลงมือทำในสิ่งที่คนอื่นไม่คิดจะทำ"
"น้าคมกฤชกำลังพูดถึงคุณตะวันเจ้าของเครือตะวันรุ่นปัจจุบันเหรอคะ แต่ว่าคุณตะวันท่านอายุไม่น้อยแล้ว คงเรียกว่าดาวรุ่งไม่ได้"
แก้วถามด้วยใบหน้าฉงนสงสัย ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็สงสัยเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างทราบว่าโครงการลงทุนนี้มีแนวคิดมาจากคุณตะวันเจ้าของเครือตะวันคนล่าสุด แต่ว่าก่อนหน้านี้คมกฤชทำท่าเหมือนจะพูดถึงนักธุรกิจดาวรุ่งซึ่งน่าจะเป็นวัยหนุ่มสาว
"ฮ่า ฮ่า รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะ ข่าวนี้รู้กันเฉพาะคนวงใน คนนอกจะเข้าใจว่าคนคิดโครงการนี้คือคุณตะวัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ คุณตะวันเป็นแค่คนรับไปดำเนินการต่อเท่านั้น"
"... ไม่ใช่คุณตะวันเหรอคะ แล้วเป็นใครกัน"
"เรื่องนี้ถ้าวันนั้นผมไม่ได้อยู่ในที่นั่นด้วย และผมไม่ได้เห็นและได้ยินด้วยตัวเองผมคงไม่เชื่อเหมือนกัน เมื่อสิบปีที่แล้วผมได้มีโอกาสตามหัวหน้าเข้าไปฟังคำเชิญชวนร่วมโครงการนี้อย่างไม่เป็นทางการ แต่ตอนนั้นผมยังเพิ่งเริ่มทำงานทั้งไม่มีเงินลงทุน และประสบการณ์แคบเกินไป ผมมองไม่เห็นหนทางว่าโครงการนี้จะสำเร็จ หรือต่อให้มีเงินผมก็คงไม่เสี่ยงเอาไปร่วมลงทุน ถ้าหากรู้ว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นผมคงยินดีขายทุกอย่างเพื่อหาเงินไปร่วมลงทุนด้วยอย่างแน่นอน"
"สิบปีที่แล้วเหรอคะ"
"ใช่สิบปีที่แล้ว ผมเข้าไปฟังเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งนำเสนอโครงการที่เหมือนความฝัน เขาเป็นตัวแทนของคุณตะวัน เขาเป็นแค่เด็กชายอายุไม่ถึงสิบห้าปีด้วยซ้ำ หากแต่ว่ามีความเข้าใจในเรื่องธุรกิจยิ่งกว่าผู้ใหญ่หลายคน เพียงแต่เวลานั้นยังไม่มีใครมองเห็นอัจฉริยะภาพของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใน ยกเว้นก็แต่เพียงคุณตะวันคนเดียว"
"เด็กผู้ชาย อายุไม่ถึงสิบห้า?"
ทุกคนในห้องต่างส่งเสียงฮือฮาไม่เชื่อหูตนเอง เด็กผู้ชายอายุสิบห้ากลับได้รับโอกาสเป็นตัวแทนพูดเรื่องธุรกิจระดับแสนล้าน แต่หากจะไม่เชื่อก็คงไม่ได้ เพราะว่าคมกฤชนั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกหลอกลวง
"ตอนนี้เขาโตกลายเป็นหนุ่มแล้ว ผมเคยเจอกับเขาหนึ่งครั้งที่ประเทศอิตาลีเมื่อสามหรือสี่ปีก่อน ตอนนั้นเขากำลังเรียนศิลปะที่นั่น ปัจจุบันได้ข่าวว่าเรียนจบกลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว แต่ผมก็ยังข้องใจว่าทำไมถึงเก็บตัวเงียบไม่เป็นข่าวอย่างที่ควรเป็น"
"ผู้ชายคนนั้นคือใครคะ คนที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณตะวันให้นำเสนอโครงการหลักแสนล้านตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบห้า และคุณน้าพูดว่าผู้ชายคนนั้นไปเรียนศิลปะเหรอคะ ไม่ใช่เรียนพวกการบริหารจัดการหรืออะไรแนวนี้เหรอคะ"
ผกายแก้วขมวดคิ้วเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังสนทนากัน เมื่อได้ยินคำว่าศิลปะ เธอกลับนึกไปถึงอาร์ตที่ชื่นชอบวาดรูป และนั่นทำให้เธอรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ในอก
"ศิลปะ ผมพูดไม่ผิดหรอก ผมก็แปลกใจเหมือนกัน แต่ถามย้ำแล้วเขาก็บอกว่ากำลังเรียนศิลปะ และมานุษยวิทยาไปพร้อมกัน ผมไม่ได้มีเวลาคุยด้วยมากนักก็เลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย เขาแค่บอกผมว่าเขาชอบศิลปะ และเขาทำตามคำสัญญากับพ่อสำเร็จแล้ว เขาจึงมีอิสระที่จะเรียนอะไรก็ได้ตามที่เขาอยากเรียน"
"คำสัญญากับพ่อเหรอคะ หรือว่า? ... แต่ ..."
แก้วเบิกตากว้างเล็กน้อยเพราะเริ่มนึกเชื่อมโยงเรื่องราวได้ คนอื่นในห้องก็นึกขึ้นได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาสงสัยว่าเด็กชายคนนั้นคือใครจึงได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของเครือตะวันขนาดนั้น และเมื่อมีการพูดถึงคำสัญญาระหว่างพ่อลูก ทุกคนจึงนึกถึงสิ่งเดียวกัน เพียงแต่ปัญหาก็คือทุกคนต่างก็ทราบว่าคุณตะวันนั้นไม่เคยแต่งงาน
"ใช่แล้ว เด็กชายคนนั้นคือลูกคนเดียวของคุณตะวัน ผมทราบมาว่าแม่ของเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย พวกเขาจึงจดทะเบียนสมรสกันเงียบ ๆ ไม่มีงานพิธีใหญ่โต แม้แต่ตอนมีลูกชายก็แทบไม่มีข่าวให้ใครรู้เรื่อง ลูกชายของคุณตะวันมีชื่อว่าอาทิตย์"
"อาทิตย์?"
แก้วทวนชื่อของเด็กชายด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เธอคล้ายรู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้หากแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก คนอื่นในห้องก็แสดงความประหลาดใจออกมาเช่นเดียวกัน เพียงแต่นึกคิดต่างกันไปอีกแบบ พวกเขาแอบวางแผนที่จะสืบหาข้อมูลของอาทิตย์สักหน่อย อย่างน้อยในแวดวงธุรกิจหากได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตเช่นนี้ก็มีข้อดีมากกว่าเสีย
"ตระกูลนี้ชื่อออกจะแปลกสักหน่อยเพราะว่ามีความเดียวกันทั้งสามรุ่น ผู้ก่อตั้งคุณซันเกิดในตระกูลยากจน เขาทำงานเป็นยามรักษาความปลอดภัย และหลงรักผู้หญิงในตระกูลชนชั้นสูงคนหนึ่ง ฝ่ายผู้หญิงทั้งด่าและเหยียดหยามไล่คุณซันเหมือนหมูเหมือนหมา เมื่อเขาตัดสินใจไปบอกรัก คุณซันทั้งโกรธและอับอาย เขาจึงหันไปมุ่งมั่นทำธุรกิจจนร่ำรวย กลายเป็นเจ้าของกิจการมากมายภายในเวลาไม่ถึงห้าปี"
คมกฤชเล่าถึงตรงนี้แล้วหยุดดื่มน้ำเล็กน้อย ซึ่งความจริงแล้วคนในห้องก็เคยได้ยินเรื่องเล่านี้มาก่อนจึงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย พวกเขาเพียงแค่ด่าทอผู้หญิงที่ตาต่ำมองไม่เห็นก้อนทองในผ้าขี้ริ้ว ยกเว้นก็แต่เพียงผกายแก้วที่รู้สึกปวดแปลบหน้าซีดลมหายใจปั่นป่วน เธอได้แต่พยายามเก็บอาการและฝืนยิ้มเอาไว้ เพราะว่าเธอเองก็เพิ่งตัดรอนผู้ชายคนหนึ่งเพียงเพราะว่าฐานะของเขาต่ำต้อย
"เมื่อร่ำรวยแล้วคุณซันก็ได้แต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงที่ร่วมลำบากมากับเขาตั้งแต่ต้น เขาดำเนินธุรกิจเรื่อยมา จนกระทั่งมีลูกชายชื่อตะวัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเจ้าของเครือตะวัน"
"คุณซันเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แต่ว่าคุณตะวันลูกชายของเขานั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า คุณตะวันบริหารกิจการจนโตวันโตคืน ทั้งแตกกระจายสร้างธุรกิจหาโอกาสใหม่ จนกลายเป็นเครือตะวันในยุคปัจจุบัน"
"หากคุณตะวันนับเป็นอัจฉริยะ คุณอาทิตย์ลูกชายของเขาก็คงจะเป็นสุดยอดแห่งอัจฉริยะ เพียงแค่แผนงานธุรกิจที่เขาคิดขึ้นมาก็มากพอแล้ว ที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นนักธุรกิจดาวรุ่งหมายเลขหนึ่ง ผมเชื่อว่าเขาจะได้กลายเป็นผู้สืบทอดกิจการต่อจากคุณตะวันอย่างแน่นอน"
คมกฤชพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมจากใจจริง และทุกคนในห้องก็รู้สึกคิดเห็นตรงกันว่าหากเรื่องราวเป็นเช่นนั้นแล้ว นายอาทิตย์คนนี้จะต้องมีอนาคตที่รุ่งโรจน์โชดช่วงยิ่งกว่าใคร ดังนั้นหากจะบอกว่าโดดเด่นกว่านายสิงหาก็คงไม่ถือว่าเกินเลย
สิงห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้สึกเหมือนโดนสะกดข่ม ส่วนดวงตาของผกายแก้วนั้นกำลังทอประกายระริกโดยไม่มีใครเห็น เธอมุ่งหวังที่จะเป็นเบอร์หนึ่งเหนือใคร และหากว่านายอาทิตย์คนนั้นจะเก่งกาจเหมือนคำชมของน้าคมกฤช เธอก็ย่อมรู้สึกอยากจะทำความรู้จักสนทนาสนิทสนมกับเขาสักครั้ง
อย่างน้อยเขาก็ยังอายุใกล้เคียงกับเธอ และหากว่าคุณอาทิตย์จะทำให้เธอรู้สึกหัวใจสั่นไหวได้เหมือนอาร์ตบ้างสักเล็กน้อย เธอก็อาจยินดีทดลองคบหากับเขา หรืออาจจะถึงขั้นแต่งงานเป็นลูกสะใภ้เครือตะวันที่นับได้ว่าเป็นเครือธุรกิจหมายเลขหนึ่งของประเทศก็เป็นไปได้เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ทราบสาเหตุ หากแต่สัญชาตญานเพศหญิงของเธอกำลังบ่งบอกกับเธอว่าคุณอาทิตย์คนนี้ควรค่าและคู่ควรกับสิ่งที่เธอฝันเอาไว้
........................................
"พี่อาร์ตเป็นยามจริง ๆ เหรอคะ"
ดาริกาสาวน้อยผมสั้นวัยสิบแปดจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตากลมโตใสแป๋ว ดวงตาชวนหลงใหลคู่นี้นอกจากจะมีประกายไร้เดียงสาแล้ว เธอยังมีความรักที่เปล่งประกายออกมาเสริมเน้นจนใบหน้าสวยยิ่งงดงามประหนึ่งนางฟ้าตัวน้อย
"อืม ใช่ซิ ก็ผมทำงานเป็นยาม ใส่ชุดยามด้วยเนี่ย ทำไมถึงจะไม่ใช่ยามล่ะ"
อาร์ตเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วตอบคำถามของสาวน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงไปอ้าปากงับเส้นบะหมี่ที่คีบอยู่บนตะเกียบไม้เก่าด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย เวลานี้อาร์ตและดาริกากำลังนั่งกินบะหมี่ราคาถูกอยู่ข้างถนน
"... ไม่รู้ซิคะ ... หนูก็แค่รู้สึกว่ามันไม่เข้ากันแปลก ๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าอะไรที่ไม่เข้ากัน"
ดาริกายกมือขึ้นเกาบริเวณใบหูแล้วขบคิดด้วยท่าทางน่ารักน่าใคร่ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่อยู่แถวนั้นต่างพากันแอบมองท่าทีน่ารักสดใสของสาวน้อยในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ด้วยความชื่นชม หากทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเรือนร่างที่เติบใหญ่เกินวัยก็ทำให้บางคนรู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
"จริง ๆ น้องดาก็ไม่ค่อยเข้ากันนะ"
"ยังไงคะ"
"ก็น้องดาน่ะยังไม่เข้ามหาลัยเลย หน้าก็ใสเหมือนเด็กมัธยมต้น แต่ว่าทั้งนมทั้งก้นนี่โด่งยิ่งกว่าเด็กมหาวิทยาลัยเสียอีก แถมยังเป็นสาวร้อนจุดติดง่ายอีกต่างหาก"
อาร์ตตอบพลางส่งเสียงหัวเราะร่วน คนโดนแซวเลยเขินหน้าแดงจนต้องยกขาขึ้นเตะใส่ขาของชายหนุ่มดังปึ้ก อาร์ตเพิ่งหัวเราะได้ไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งโหยงรีบยกขาหลบเพราะความเจ็บ
"พี่อาร์ตอ่ะ"
ดาริกาส่งเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนลูกแมวน้อยน่ารัก ภาพลักษณ์ของเธอในเวลานี้คงไม่ต่างอะไรกับสาวน้อยไร้เดียงสาช่างฝันที่ไม่เคยสัมผัสโลกอันโสมม
หากทว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอเพิ่งจะแสดงอารมณ์แห่งราคะและความใคร่ออกมาราวกับภูเขาไฟระเบิด สองหนุ่มสาวจึงนอนเสพกามกันจนอิ่มเอมเมามันในห้องนอนของกานต์ จนกระทั่งร่างกายเริ่มส่งเสียงร้องประท้วงด้วยความหิวโหย ทั้งคู่จึงค่อยยอมออกมาหาของกินเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียป
"ว่าแต่น้องดาไม่คิดอะไรบ้างเหรอ นั่งกินข้าวกับยามแบบนี้"
"คิดอะไรคะ"
"ก็แบบว่า คุณหนูดูมีฐานะ ต้องมานั่งกินข้างข้างถนนกับยามต่ำต้อยแบบพี่ไง"
"... แล้วยังไงเหรอคะ ปกติหนูก็กินข้าวข้างถนนแบบนี้อยู่แล้ว"
ดาริกาเอียงคอถามด้วยความงุนงง เธอไม่ได้เสแสร้งหากแต่สิ่งนี้คือนิสัยพื้นฐานของเธอ ดาริกาเกิดมาพร้อมกับฐานะการเงินที่ดีก็จริง หากแต่ว่าเธอค่อนข้างใช้ชีวิตติดดินลุยไหนลุยกัน การกินข้าวข้างถนนจึงถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องความแตกต่างระหว่างชนชั้นอะไรนั่น เธอแทบไม่เคยคิดในหัวสมองเลยด้วยซ้ำ
อาร์ตมองดาริกาด้วยแววตาแสดงความประหลาดใจ คำตอบของดาริกาดูจะไม่เหมือนที่เขาคาดการเอาไว้ หลังจากโดนผกายแก้วหักอกเพราะเรื่องชนชั้นฐานะ อาร์ตก็เคยถามคำถามนี้กับกานต์พี่สาวของดาริกา
กานต์ตอบว่าไม่สนใจเรื่องชนชั้นเหมือนดาริกาก็จริง หากแต่คำตอบของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันในแง่ของรายละเอียดทางความคิด กานต์นั้นตระหนักถึงเรื่องชนชั้น เพียงแต่เธอเลือกที่จะไม่สนใจในบางกรณี กานต์เลือกที่จะมองตัวบุคคลมากกว่า ขอแค่เพียงเป็นคนที่เธอชอบ คำว่าชนชั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
ดาริกานั้นคิดไปอีกแบบหนึ่ง เธอแสดงออกว่าไม่เคยสนใจตระหนักเรื่องชนชั้นจากส่วนลึกของความคิด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความไร้เดียงสาไม่รู้ความ หรืออาจเป็นเพราะนิสัยติดดินของดาริกาก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น
"งั้นยกตัวอย่างนะ เช่นถ้าเพื่อนของดามาเห็นว่าดานั่งกินข้าวกับยามจน ๆ คนหนึ่ง แล้วเพื่อนดาเอาเรื่องนี้ไปนินทา ดาจะคิดยังไง ดาจะรู้สึกอับอาย โกรธ ไม่พอใจ หรือเปล่า"
"แล้วหนูต้องโกรธด้วยเหรอคะ ใครนินทาอะไรก็ช่างเขาซิ"
ดาริกาตอบตาใสแป๋ว ไม่มีวี่แววของการเสแสร้ง ดวงตาสวยซึ้งคู่นั้นเพียงแสดงความงุนงงออกมาเล็กน้อย อาร์ตซึ่งคอยจับจ้องสังเกตอาการอย่างละเอียดคล้ายชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มและหัวเราะแผ่วเบาออกมา
"พี่อ่ะ หัวเราะอะไรหนูอีกแล้ว ... ใช่แล้ว แบบนี้แหละ หนูถึงได้รู้สึกไม่เข้ากัน พี่ชอบถามทำตัวเหมือนพยายามศึกษาเรียนรู้ข้อมูลนิสัยคนอื่น จะว่าไปพี่ก็คล้ายกับพวกจิตแพทย์อะไรพวกนั้นอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว"
"อ้าว เป็นยามแล้วจะอยากเรียนรู้นิสัยคนอื่นไม่ได้หรือไง"
อาร์ตตอบพลางส่งเสียงหัวเราะร่วนกว่าเดิม หากแต่แววตาของเขากำลังทอประกายคล้ายชื่นชมในสิ่งที่ดาริกาเพิ่งคาดเดาออกมา มุมมองของดาริกาที่มีต่อเขานั้นจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเป็นเพราะความไร้เดียงสาที่ทำให้ดาริกามองผู้คนด้วยมุมที่แตกต่างออกไป
"อืม ก็ได้อยู่นะคะ หนูแค่รู้สึกว่าไม่เข้ากัน ... แล้ว ... พี่อาร์ตจะไปไหนต่อคะเนี่ย จะกลับไปรอพี่กานต์ที่ห้องหรือเปล่า"
"อืม ยังไงดี แต่คงไม่กลับไปห้องแล้วล่ะ กานต์ดูเหมือนจะมีธุระที่มหาวิทยาลัยอีกสักพักเลยกว่าจะกลับ อีกอย่างถ้าไปนอนรอแล้วกานต์กลับมาก็คงจะแย่ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีสาวน้อยร้อนสวาทแอบมารีดน้ำให้จนเกือบหมดตัวแล้ว"
อาร์ตกล่าวหยอกพร้อมหัวเราะ ดาริกาเขินหน้าแดงและยกขาขึ้นเตะใส่ขาเขาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้อาร์ตรู้ทันจึงยกขาหลบได้ทัน ดาริกาคาดไม่ถึงจึงเผลอเตะใส่มุมขอบเก้าอี้เข้าอย่างจังจนสะดุ้งโหยงส่งเสียงร้องโอดโอยออกมาด้วยความเจ็บ
"เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดา เจ็บมากหรือเปล่า"
ชายหนุ่มรีบขยับตัวมาจับกุมขาของสาวน้อยที่นั่งหน้าเบ้น้ำตาเล็ดด้วยความเจ็บ ดูเหมือนว่าปลายนิ้วของเธอจะหวดโดนมุมโต๊ะพอดี เธอจึงได้แสดงอาการเจ็บปวดขนาดนี้ออกมา
"พี่อ่ะ แกล้งดาอีกแล้ว"
ดาริกาส่งเสียงโวยวายใกล้ร้องไห้ แต่อย่างน้อยในความเจ็บก็ยังรู้สึกอบอุ่นที่อีกฝ่ายขยับมานั่งคุกเข่าบนพื้นถนนเพื่อดูแลอาการเจ็บเท้าของเธอให้
"ขอโทษ ๆ โอย นิ้วชี้แดงเลยคงจะช้ำ ดูเหมือนกระแทกโดนกระดูกนิ้วเท้าท่อนปลาย เท่าที่จับดูกระดูกส่วนนี้ยังไม่แตก คงแค่ช้ำนิดหน่อย เดี๋ยวประคบน้ำแข็งสักสิบนาที แล้วดาลองยืนทิ้งน้ำหนักตัวดูว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้ายังแย่ก็ต้องรีบไปหาหมอตรวจว่ากระดูกส่วนนี้ร้าวหรือเปล่า ถ้าดีขึ้นอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ประคบน้ำร้อนให้หายช้ำ"
อาร์ตใช้นิ้วจับคลึงตรงบริเวณนิ้วเท้าของดาริกาพร้อมกับอธิบายให้เธอฟัง เขาขยับไปหยิบเอาถุงพลาสติกแล้วเทน้ำดื่มผสมน้ำแข็งลงมาประคบแนบตรงบริเวณที่ดาริกาเจ็บ ความเย็นทำให้อาการเจ็บหายไปอย่างช้า ๆ ดาริการู้สึกดีขึ้นจริง แต่ว่าเธอยังนั่งกระพริบตาปริบ ๆ มองดูอาร์ตด้วยความแปลกประหลาดใจ
"พี่อาร์ตเรียนหมอมาด้วยเหรอคะ พูดศัพท์เหมือนหมอเลย กระดูกนิ้วเท้าท่อนปลายเอย ประคบเย็นประคบร้อนเอย หนูก็เพิ่งรู้ว่ากระดูกนิ้วเท้ามันมีท่อนปลายท่อนกลางอะไรด้วย"
คำถามของดาริกาทำให้อาร์ตนิ่งชะงักไปวูบหนึ่ง เขานิ่งเงียบไม่ตอบ หากแต่ก้มหน้าขยับมือใช้ถุงใส่น้ำเย็นประคบแนบสลับกับปล่อยออกเป็นจังหวะ จากนั้นเขาจึงยื่นมือลงไปสัมผัสปลายนิ้วเท้าของดาริกา แล้วค่อยขยับถอยลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอนหายใจโล่งอก
"น่าจะแค่ช้ำธรรมดา ลองยืนทิ้งน้ำหนักดูก่อน"
"ค่ะ"
ดาริการู้สึกเหมือนอาร์ตพยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่เธอก็ไม่ได้คาดคั้น หากแต่ขยับตัวลุกขึ้นช้า ๆ ด้วยไม่แน่ใจว่าจะเดินเหินได้โดยไม่เจ็บปวดหรือไม่
ร่างบางระหงลุกขึ้นช้า ๆ โดยมีอาร์ตช่วยยืนประคอง ดาริการู้สึกเจ็บเล็กน้อยหากแต่สามารถยืนทิ้งน้ำหนักได้ และเธอแน่ใจว่าคงจะสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง แต่คงจะไม่รวดเร็วคล่องแคล่วนัก
"แบบนี้ไม่น่ามีปัญหาแล้วล่ะ แต่งดเดินสักหน่อยก็ดี ขี่หลังผมไปก็แล้วกัน เดี๋ยวจะพาไปส่งที่ห้อง"
"ขี่หลังเหรอคะ"
อาร์ตพูดพลางขยับตัวหันหลังให้ เขาทำท่าเหมือนจะให้ดาริกาขยับไปกอดหลัง สาวน้อยเห็นเช่นนั้นกลับส่งเสียงพึมพำออกมาแผ่วเบา เธอไม่ได้ขัดเขินที่จะทำเช่นนั้น เธอรู้สึกดีด้วยซ้ำไปที่เขาเสนอตัวแสดงความเป็นห่วง หากแต่ที่ทำให้สติของเธอเหม่อลอยนั้นกลับเป็นเพราะว่าภาพของเขากำลังซ้อนทับกับภาพของใครบางคนในอดีต
หัวใจของดาริกากระตุกวูบก่อนจะเต้นระส่ำ เธอยกมือขึ้นกดแนบทรวงอกอวบอิ่มเพื่อสัมผัสถึงเสียงของหัวใจ เธอไม่ทราบว่าเหตุใดจึงบังเกิดความรู้สึกรุนแรงเช่นนี้ สิ่งที่เขากระทำนั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยสับสนไปพร้อมกัน ท่าทางของเขากลับคล้ายคลึงกับเด็กชายที่เคยมอบแหวนให้เธอคนนั้นอย่างยิ่ง
ดาริกาไม่ได้พูดอะไรอีก เธอคล้ายโดนภาพในอดีตสะกดเอาไว้จนห้วงความคิดขาวโพลน ร่างบางขยับเข้าไปกอดโอบแขนรัดเขาเอาไว้จากด้านหลัง ก่อนจะยกสองขาขึ้นรัดบนบั้นเอวของเขาเอาไว้ สัมผัสแนบชิดทำให้ดาริการับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจชายหนุ่ม
ในขณะเดียวกันนั้นเขาเองก็รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจหญิงสาว จังหวะการเต้นของหัวใจสองดวงที่แนบชิดใกล้กันคล้ายกำลังปรับจังหวะให้สอดคล้องเข้าหากัน
"ดา ร้องไห้ทำไม เจ็บมากกว่าเดิมเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า"
อาร์ตส่งเสียงโพล่งออกมาด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าสาวน้อยที่เกาะอยู่บนแผ่นหลังนั้นกำลังสะอึกสะอื้นน้ำตาไหลชุ่มลงไปบนหัวไหล่ของเขา สองมือของเธอเกาะเขาแน่นด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี สาวน้อยเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดเธอจึงต้องร้องไห้ หากทว่าหัวใจของเธอสั่งการมาเช่นนี้
ส่วนลึกของหัวใจเธอนั้นเต็มไปด้วยความอ้างว้างโหยหา เด็กชายในความทรงจำทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย หากแต่ก็ทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีสิ่งใดเติมเต็มได้
จวบจนกระทั่งวันนี้ เมื่อเธอได้กอดแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนี้ ความอบอุ่นบางอย่างก็หลั่งทะลักเข้าไปเติมเต็มช่องว่างที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยวเหงาในส่วนลึกของหัวใจจนเต็มปรี่ ด้วยเหตุนี้หยาดน้ำตาแห่งความปิติจึงไหลรินออกมาโดยไม่อาจอธิบายความรู้สึกตัวเองได้
"ดา ..."
อาร์ตถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อแน่ใจว่าสาวน้อยไม่ได้ร่ำไห้เพราะอาการเจ็บปวดทางร่างกาย เขาก็ปล่อยเลยตามเลยเริ่มก้าวเดินไปตามท้องถนน โดยมีเป้าหมายเป็นห้องพักของดาริกาและกานต์
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ทีเดียวดาริกาจึงค่อยหายจากอาการสะอึกสะอื้น หากทว่าสองแขนสองขายังคงเกาะกอดเขาไว้แน่นแทบไม่ยอมผ่อนออก สาวน้อยซุกหน้าเช็ดคราบน้ำตาบนหัวไหล่คราวหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงพลุ่งพล่าน
"... พี่อาร์ตคะ ..."
"ครับ ... น้องดาโอเคหรือยัง"
"... ตอนพี่เด็ก ๆ ... พี่เคยให้เด็กผู้หญิงขี้แยไว้ผมเปียสักคนขี่หลังแบบนี้บ้างหรือเปล่าคะ"
น้ำเสียงพลุ่งพล่านของดาริกานั้นคล้ายเต็มไปด้วยความคาดหวัง ความรู้สึกคุ้นเคยที่ถาโถมใส่ทำให้เธอบังเกิดความคิดอันแปลกประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมา ความคิดนั้นฟังดูบ้าบอเป็นไปไม่ได้ เด็กชายที่เธอเคยขี่หลังในวัยเด็กนั้นหายตัวไปนานแล้ว คนบนโลกก็มีมากมายหลายล้านจึงแทบไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เด็กชายคนนั้นและอาร์ตจะเป็นคนเดียวกัน
แน่นอนว่าหากคิดในแง่ความเป็นไปได้ คำถามของดาริกาอาจจะฟังดูบ้าบอ หากแต่ถ้าลองขบคิดในแง่ของพรหมลิขิตแล้วกลับจะเป็นอีกแบบหนึ่ง โอกาสที่แทบจะเป็นไปไม่ได้นี้ หากมันเป็นจริงขึ้นมาจะหมายถึงอะไร หากเด็กชายที่เธอเคยฝันถึงตั้งแต่วัยเด็ก เป็นคนเดียวกันกับชายหนุ่มที่เธอเผลอมอบกายและใจให้ หากสิ่งนี้ไม่เรียกว่าพรหมลิขิตดาริกาก็ไม่ทราบว่าควรใช้คำอะไรมาเรียกหาอธิบายแล้ว
"... ตอนเด็กเหรอ ..."
อาร์ตยังไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดนึกย้อนกลับไปในวัยเด็ก ดาริกาซึ่งเกาะอยู่บนแผ่นหลังกำยำนั้นบีบมือเข้าหากันแน่นด้วยความลุ้นระทึก เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองคาดหวังคำตอบแบบใด หากว่าใช่แล้วจะยังไง หากไม่ใช่แล้วจะยังไง
"อ้าว พี่อาร์ต เจอกันแบบนี้อีกแล้ว พี่นี่สุดยอดจริง ๆ"
ระหว่างที่อาร์ตครุ่นคิดนั้น ได้มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง ดาริกาและอาร์ตจึงหลุดจากภวังค์ความคิดและหันไปมองดู พวกเขาพบว่ามีชายหนุ่มวัยรุ่นร่างสูงกำยำเหมือนนักกีฬาในชุดนักศึกษายืนมองพวกเขาอยู่
"อ้าว บอล มาทำอะไรแถวนี้ วันนี้ไม่มีเรียนหรือยังไง"
อาร์ตนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงทักทายตอบ เขาเพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้านี้บอลก็เพิ่งเห็นฉากที่เขาอุ้มผกายแก้วขี่หลังบนสะพาน มาวันนี้บอลคนเดิมก็ได้เห็นเขาแบกดาริกาอีก บอลจึงทักทายเขาด้วยคำว่าเจอกันแบบนี้อีกแล้ว
ชายหนุ่มวัยรุ่นคนนี้คือบอลหนุ่มนักศึกษาและนักกีฬาที่เพิ่งจะรีบวิ่งหนีออกมาจากมหาวิทยาลัยนั่นเอง หลังจากที่ก่อเรื่องปลุกปล้ำกานต์ที่ห้องประชุมในมหาวิทยาลัย แล้วโดนยามหน้าเหี้ยมไล่ตะเพิด บอลก็ไม่กล้าอยู่ในมหาวิทยาลัยต่อเพราะกลัวโดนตามจับ เขาจึงรีบหนีออกมาเพื่อหลบรอดูสถานการณ์ก่อน
"พอดีมีธุระนิดหน่อยครับพี่อาร์ต ... น้องคนสวยคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า"
บอลตอบเลี่ยง ๆ ไม่ยอมบอกความจริง ส่วนสายตาแวววาวของเขานั้นกำลังสอดส่องมองดูสาวน้อยแสนสวยบนหลังของอาร์ต ถึงแม้สาวน้อยจะมีคราบน้ำตานองหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถปิดบังความสวยน่ารักสดใสและรูปร่างอวบอิ่มน่าฟัดของเธอได้ เพียงแค่มองแวบเดียวบอลก็แน่ใจว่าสาวน้อยคนนี้สวยน่ารักมีเสน่ห์ร้อนแรงไม่แพ้กานต์เลยสักนิด และแน่นอนว่าบอลย่อมไม่ทราบว่าดาริกานั้นเป็นน้องสาวของกานต์
"น้องเขาหกล้มขาแพลงนิดหน่อยน่ะ"
อาร์ตตอบพลางส่งสายตาดุใส่สายตาละลาบละล้วงของบอล อาร์ตแน่ใจว่าบอลไม่น่าจะรู้ว่าดาริกาเป็นน้องสาวของกานต์ และดาริกาก็ไม่น่าจะรู้ว่าบอลนั้นเป็นผู้ชายคนแรกของพี่สาวเธอ
"ว่าแต่พี่อาร์ตจะไปไหน เจอพี่ก็ดีแล้ว ผมมีอะไรอยากขอความช่วยเหลือหน่อย เรื่องด่วนพอสมควร"
"เรื่องอะไร บอกมาเลยก็ได้ ถ้าช่วยได้จะช่วย"
"เอ่อ คือ ... เรื่องมันสลับซับซ้อนนิดหน่อย ไม่ค่อยสะดวกคุยให้น้องเค้าได้ยิน"
"เรื่องด่วนแน่นะ"
"แน่ครับพี่ ด่วนและสำคัญมาก เรื่องคอขาดบาดตายเลย"
บอลแสดงท่าทีร้อนรนออกมา อาร์ตจึงถอนหายใจ เขาหันไปพูดกับดาริกาสองสามคำ ก่อนจะเดินไปส่งสาวน้อยที่หน้าคอนโดปล่อยให้เธอกลับขึ้นห้องด้วยตัวเอง ดาริกาจึงเป็นฝ่ายทำตัวไม่ถูก เธอมีคำถามสำคัญที่อยากรู้คำตอบ แน่นอนว่าคำตอบนั้นสำคัญกับเธอมาก เพียงแต่เมื่อเห็นว่าคนรู้จักของอาร์ตมีปัญหาเร่งด่วน ดาริกาจึงได้แต่พยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ก่อน เธอคิดว่าจะค่อยหาโอกาสถามอาร์ตใหม่อีกครั้ง
อาร์ตยืนรอจนร่างบางของดาริกาเดินหายเข้าไปในตัวอาคาร เขาจึงค่อยหันมาใช้ศอกกระทุ้งบอลหนึ่งครั้ง เพราะว่าบอลนั้นเอาแต่แอบมองรูปร่างทรวดทรงของดาริกาจนตาเป็นมันอยู่ตลอดเวลา
"เฮ้ย มีอะไรก็พูดมา เห็นบอกว่าเรื่องสำคัญ แล้วทำไมเอาแต่มองสาวอยู่ได้"
"โห่ พี่อาร์ต พี่นี่สุดยอดจริง สาวออฟฟิศคนก่อนที่เจอบนสะพานก็สุดยอดแล้ว คราวนี้พี่ยังจัดการสาวน้อยวัยรุ่นที่สวยไม่แพ้กันอีก สุดยอดจริง ๆ พี่ ขนาดพี่เป็นยามนะเนี่ย ถ้าพี่รวยกว่านี้สงสัยพี่จะได้สาว ๆ ไปนอนเล่นแบบไม่ซ้ำหน้า อิจฉาคนหล่อจริง ๆ น้องคนนี้ก็สวยน่าฟัดเหลือเกิน หน้าใส นมโต ตูดใหญ่"
"พอ ๆ หยุดหื่น แล้วหันมาคุยธุระก่อน ตกลงว่ามีเรื่องอะไรสำคัญขนาดคอขาดบาดตาย ถ้าไม่มีจะชิ่งแล้ว"
"เดี๋ยว ๆ พี่อาร์ตอย่าเพิ่งรีบ คือผมต้องการความช่วยเหลือพี่ เผื่อพี่จะมีเส้นสายหรือรู้จักกับพวกยามรักษาความปลอดภัยในมหาลัยของผม"
"... ยามในมหาลัยงั้นเหรอ แกจะทำเรื่องอะไรอีก"
"โธ่ ๆ ผมไม่ได้จะทำเรื่องอะไร คือมันมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย "
"ฟังแล้วไม่น่าจะนิดหน่อยนะ เอ้า เล่ามาได้แล้ว"
"คือ ... แบบว่าพี่จำน้องกานต์ที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้หรือเปล่า"
"อืม น้องกานต์ดาวมหาวิทยาลัยที่แกบอกว่าชวนขึ้นห้องแล้วให้แกเปิดซิงใช่หรือเปล่า"
อาร์ตเลิกคิ้วหันไปถามบอลด้วยความสงสัย เพราะท่าทางเหมือนเรื่องราวในครั้งนี้จะเกี่ยวพันกับกานต์ ซึ่งมีสถานะเป็นกิ๊กของเขา
"ใช่ ๆ คนนั้นแหละ คือวันนี้ผมเห็นกานต์เธอทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เดินไปในที่ลับตาคน แล้วกานต์ก็ยืนช่วยตัวเอง ผมเลยเข้าไปช่วยด้วยความสงสาร แต่ดวงซวยไปหน่อย ยังช่วยไม่ทันเสร็จก็เจอลุงยามหน้าเหี้ยมโผล่ใช้ปืนขู่ใส่ เพราะเข้าใจว่าผมข่มขืนกานต์ ผมเลยวิ่งแจ้นหนีออกมาแทบไม่ทัน"
"... ข่มขืน?"
อาร์ตเริ่มขมวดคิ้ว เขาเริ่มนึกเชื่อมโยงเหตุการณ์ตอนที่กานต์ส่งภาพเคลื่อนไหววาบหวิวมาให้เขา และดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ว่าหลังจากนั้นบอลก็ไปเห็นเข้าและไปมิดีมิร้ายใส่กานต์ จะอย่างไรกานต์ก็เป็นผู้หญิงของอาร์ต อาร์ตจึงเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและเป็นห่วงขึ้นมา
"เฮ้ย ผมไม่ได้ข่มขืน ก็แค่เข้าไปกอดจูบ กานต์เธอไม่ได้ขัดขืนเลยสักนิด"
"... พูดให้ชัดนะไอ้บอล อย่ามั่ว ไม่งั้นถ้าเข้าใจผิดแล้วช่วยไม่ได้ก็อย่าว่ากัน ข่มขืน หรือสมยอม"
"เอ่อ ... คือ ... แรก ๆ กานต์เขาก็ดิ้นขัดขืนอยู่นะ แต่พอผมจับใส่เข้าไปได้ กานต์ก็ไม่ดิ้นแล้ว"
"ตกลงว่าแกข่มขืน ... แล้วยังไงต่อ เสร็จหรือเปล่า"
"ยังไงน่ะเหรอ ก็สุดยอดน่ะซิพี่ ขาวสวยเนื้อแน่นน่าบีบไปทั้งตัว ตรงนั้นก็ทั้งคับทั้งแน่นตอดแรงน่าดู ผมนี่แอ่นเอวกระแทกแต่ละทีน้ำแทบแตก เสียดายก็แต่ยังทำไม่ทันเสร็จ ลุงยามก็โผล่ออกมาจนผมต้องวิ่งแจ้นหนีมา"
"แล้วกานต์ล่ะ"
"เอ่อ ... ไม่รู้เหมือนกัน ผมวิ่งมาไม่ได้สนใจอะไรเลย"
บอลยักไหล่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแสสนใจสักนิด อาร์ตจึงยิ่งขมวดคิ้วกว่าเดิมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ก่อนหน้านี้เขาก็หงุดหงิดที่บอลแอบปลุกปล้ำกานต์อยู่แล้ว แต่ยิ่งได้ยินว่าบอลทิ้งกานต์แบบไม่แยแสเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดจนจ้องบอลตาเขม็ง ยังดีที่เขาเชื่อว่ากานต์ยังปลอดภัย เพราะว่าเขาเพิ่งจะได้โทรคุยกับกานต์เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วนี้เอง
"... เอ่อ พี่อาร์ต ทำไมทำตาน่ากลัวจัง "
"ก็แกมันทำเรื่องแบบนี้น่าดุหรือเปล่าล่ะ แล้วยังไง แกอยากให้ช่วยยังไง ลองบอกมา"
"ผมกลัวจะเป็นเรื่องฉาว แล้วโดนไล่ออก ผมอยากให้พี่ช่วยปิดข่าวให้หน่อย เผื่อว่าจะทำได้ หรือถ้าพี่เอาคลิปจากกล้องวงจรปิดมาได้ก็ดี ผมจะได้เอาไปขู่ขอมีอะไรกับกานต์อีก ... เอ่อ พี่อาร์ต ตาพี่น่ากลัวมาก"
"เรื่องปิดข่าว เดี๋ยวจะช่วยจัดการคุยให้ ถ้าตอนนี้เรื่องยังไม่แดงก็คงจะไม่มีปัญหา แต่เรื่องภาพจากกล้อง แกฝันไปได้เลย"
อาร์ตตอบเสียงเย็นชา บอลตอบขอบคุณพร้อมกับแสดงท่าทีหวาด ๆ เล็กน้อย คล้ายกับว่าสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธที่แผ่ออกมา แต่บอลย่อมไม่ทราบว่าทำไมอาร์ตจึงแสดงท่าทีโกรธเคืองออกมาแบบนี้
"แค่นั้นก็ดีแล้วพี่ ขอบคุณล่วงหน้า ได้พี่ลองช่วยอีกคนน่าจะมีโอกาสรอดสูงกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ผมก็บอกให้ญาติชื่ออนงค์ช่วยแล้ว อนงค์น่าจะลงมือเต็มที่ เพราะว่าอนงค์ไม่ชอบกานต์ อนงค์น่าจะอยากหาคลิปเอาไปขู่ทำลายชื่อเสียงกานต์ ถ้าอนงค์ทำสำเร็จผมอาจจะได้ฟันกานต์อีกรอบ"
"อนงค์?"
"ใช่พี่ ญาติผมชื่ออรอนงค์ เป็นสาวสวยเชียวล่ะ เรียนปีเดียวกับกานต์ สวยเป็นรองแค่กานต์คนเดียว อนงค์เธอเลยไม่ชอบกานต์ ถ้าพี่สนใจเดี๋ยวผมแนะนำให้รู้จักกัน แต่ยากหน่อยนะอนงค์มันหัวสูง"
บอลรีบเสนอข้อมูลเพราะเห็นว่าอาร์ตให้ความสนใจกับชื่อของอรอนงค์ อาร์ตรับฟังแล้วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง บอลไม่ทราบว่าอาร์ตกำลังคิดอะไรแต่ก็ไม่กล้ารบกวน
รอจนเวลาผ่านไปครู่หนึ่งอาร์ตจึงค่อยขยับมือยกโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความด้วยความคล่องแคล่วว่องไว ใบหน้าของอาร์ตในเวลานี้ให้ความรู้สึกเย็นชาไม่แสดงอารมณ์อันใดออกมา หากทว่ารอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากนั้นทำให้บอลรู้สึกเย็นยะเยือกแปลก ๆ จนขนลุกวูบ
ช่วงนี้ท่านแอสอย่างขยัน ลงงานถี่มาก ขอคาราวะเลย
ลงไวจนผมตามอ่านไม่ทัน ค้างหลายสิบตอนอยู่เลย ฮ่าๆ
ขอบคุณครับชอบอ่านทุกเรื่องที่ท่าแต่ง
ไอ้บอลชะตาขาดแล้ว
สรุปนายอาร์ตกวาดเรียบทั้งสามใบเถา แต่ว่าจะได้อยู่กันแบบสี่คนผัวเมียไหมนี่
ป.ล. ปีใหม่มานี่ท่านแอสฯ ลงเรื่องเสียวถี่มาก ๆ ผมรอ XO อยู่นะครับ
น้องแก้วนี่คิดมากจังครับแถมชอบจินตนาการผู้หญิงเก่งก็ผิดหวังได้นะครับเพราะผู้ชายไม่ได้สนใจความเก่งของผู้หญิงสักเท่าไหร่ บางคนอาจไม่ชอบด้วยซ้ำ จััังหวะนี้น้องดามาแรงครับ แต่น้องกานต์น่าจะต้องการการเอาใจใส่มากว่านะครับ ขอบคุณครับ
มาแล้ว เรื่องโปรด ลงต่อเนื่องยาวๆเลยครับ
xoxo รอได้ครับ แต่ตอนนี้ อนงค์ อยากรู้ตอนต่อไป 555
ขอบคุณครับ
ปีนี้ท่านแอสไฟโหมมาก งานมาถี่สุดๆ ผมล่ะดีใจ ::JubuJubu::
บอลปรึกษาถูกคนเลย กานต์่จะดีใจไหมเมื่ออาร์ตรู้ว่าไปโดนนายบอลปล้ำมาแม้ไม่สำเร็จ แถมมีหลักฐานอีก
แล้วน้องดาก็ยังไม่ได้คำตอบ ส่วนน้องแก้วกับน้องกานต์ ก็ยังไม่รู้ว่าจะลงล็อคเมื่อไหร่
ขอบคุณนะครับ
พี่อาร์ทสงสัยไขว้เขว เอนเอียงมาทางน้องเล็กซะแล้วครับ
นายอาร์ตนี่จะเป็นคนเดียวกันกับอาทิตย์
และเสี่ยที่เลี้ยงสองสาวด้วยรึเปล่าน้า
นายอาร์ตคิดจะทำอะไรอยากรู้จัง...
ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ
ตัดสินใจไม่ถูกหากต้องเจอกับสาวสวยที้ง3คนแบบนี้ ว่าจะเลือกใคร
แต่ใจผมแอบชอบแบบกานต์ที่สุด
มาเร็วแฮะ สู้ต่อไปครับท่าน ลงทีรั่วๆเลย
ขอบคุณครับผม
สุดยอดคับ ติดตามอ่านตลอดเลยคับ
อาร์ตน่าจะหมกบอลให้รู้แล้วรู้รอด ปล่อยไปเดี๋ยวก้อไปสยิวกิ้วกะกานต์ลับหลังอีก อิอิ
ชอบเรื่องนี้มากๆครับ อยากรู้จิงๆว่าจะเฉลยเนื้อเรืองออกมายังไง มาต่อไวๆน่ะครับ ติดตามครับ
ตอนใหม่มาแล้ว อยากรู้จิงๆว่าเนื้อเรื่องจะจบแบบไหนกันแน่
ตูว่าตูเจอทายาทพันล้านในคาบยามแล้วละ มันใช่แน่ๆ
ยามก็อาชีพสุจริตนะน้องดา มีศักดิ์ศรีทุกอาชีพแหละครับ กดไลท์ให้น้องดากับพี่อาร์ตครับ ขอบคุณท่านแอสมากครับ
ผมชอบเรื่องนี้มากเลยครับ ขอบคุณมากครับ ::Thankyou:: ::Thankyou::
อยากให้พี่อาร์ตได้กับน้องดาจัง จะโรแมนติคมากเลย ส่วนแก้วหัวสูงไปหน่อยแค่อาร์ตจนก็ไม่ยอมคบด้วย
ขอบคุณครับ เรื่องนี้โลกมันแคบจริงๆ 555 บอลนะบอล กำลังจะตายยังไม่รู้ตัว เป็นทั้งโชคดีและโชคร้ายของแก้ว กานต์ ดา ที่เจออาร์ต ขอให้อาร์ตแก้ปัญหา และจบปัญหาทุกอย่างด้วยดี
อาร์ตเริ่มมีข้อมูลของสามพี่น้องมากขึ้นนเรื่อย ๆแล้ว..เขารับรุ้ว่า กานต์ เป็นพี่สาวดา..
ดาทำตัวน่ารักจนอาร์ตคงแปลกใจและสนใจ..ยิ่งรับรู้ความผิดพลาดของกานต์พีสาวดา อาร์ตน่าจะรับสภาพของกานต์ได้
ถ้าอาร์ตได้รุ้ว่า..แก้ว เป็นพี่เมีย..ของเขาทั้งสองคน และเธอก็เป็นเมียเขาด้วย..สนุกไม๊นี่..
สมกับเป็นเรื่องเสียวสีเทาที่ต้องติดตามจริง ๆ
ทุกเรื่องที่สลับมาลงมันสุดยอดจริงๆ ตอนนี้ถึงจะไม่มีเสียวแต่ก็เข้มข้นจนไม่อยากละสายตา ตัวละครเกี่ยวพันกันอย่างคาดไม่ถึง เมื่อถึงตอนที่อาร์ตเผยตัวทุกคนคงเงิบกันหมด ว่าแต่คนที่อาร์ตเลือกอาจจะเป็นน้องเล็กนะครับเนี่ย ขอบคุณจริงๆครับ ปล.ฉากกานต์กับลุงยามยังติดตาอยู่จนบัดนี้ครับ
เห็นเงียบๆนี่ฟาดเรียบเลยนะอาร์ต เนื้อเรื่องชวนให้ติดตามตลอดเลยครับท่าน
เรื่องนี้ออกได้หลายหน้าเลยแฮะ เดาใจคนแต่งไม่ถูกเลย
รู้สึกเริ่มจะหม่นๆซะงั้น
::Sweat::
ขอบคุณมากๆครับ
เข้มข้นเข้าไปทุกทีแล้ว ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆสนุกๆครับ
รักคุณแอสมากก
ลงงานถี่แบบนี้ รักที่สุด
ขอบคุณนะค่ะ
งานเข้าล่ะบอล ปรึกษาถูกตัว แถมลากลุงยามกะญาติโดนด้วย
สนุกน่าติดตามเหมือนเคย แต่ตองนี้ยังหานางเอกไม่เจอ อาจมีคนที่4มาก็ได้ เดาไม่ถูกว่านางเอกจะคือใคร แต่ตอนนี้คะแนนน้องดาเริ่มนำแล้ว
เดาเนื้อเรืองไม่ออกเลย ใครจะได้ครอบครองหัวใจพระเอกเรา แหม หรือจะรวบทั้ง3 เลยอะไรจะขนาดนั้น คุณอาทิตย์ หรือ นายอาร์ต ดี สนุกมากครับรอติดตามตอนต่อไป เป็นกำลังใจให้ครับท่าน
หลายเรื่องแตกต่างแต่ก็ยังมีคุณภาพครับ
ดูเหมือน..คุณคมกฤช..จะร้ายไม่ใช่เล่น
วางแผนหลอกล่อซะ...คุณแก้วหลงทางไปเลย
คาดว่า...พอสบโอกาสเมื่อไหร่
คุณแก้ว..โดนคุณคมกฤชจัดหนักแน่
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ ช่วงนี้มาติดๆกันเลย อ่านอย่างอิ่มใจเลยครับ งานนี้เดาๆว่าน้องดาน่าจะมาแรงเพราะอาจมีความหลังกันมาก่อน
อยากรู้ว่ารายต่อไปจะใครเอ่ย
บอล หนอ บอล ทำไมซวยแบบนี้ น่าจะกลั้นใจเสร็จๆไปนะครับ อิอิ
ยามธรรมดาแต่ไม่ธรรมดามีปูมหลังอิอิ
ขอบคุณมากครับ นอกจากมาลงเร็วแล้ว คุณภาพก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมครับ
ขอบคุณครับ....นึกๆ ก็น่าอิจฉาอาร์ตนะครับ ได้ทั้งสามศรีพี่น้อง แต่ถ้ามองดูจากลักษณะนิสัย...ผมขอเชียร์น้องดาครับ
สามสามพี่น้อง สามสไตล์เลยใช่มั้ยล่ะนายอาร์ต น่ารักน่าหลงใหลกันหมด ว่าแต่จัดการบอลให้น้องกานต์ด้วยนะ
อืม ถึงจะออกแนวดาร์ค แต่ว่าก็มีเนื้อเรื่องซับซ้อนและตัวเอกมีมโนธรรมหรือความคิดอยู่บ้างนะนี่
สนุกดีครับ ลุ้นดี น่าตื่นเต้น
ขอบคุณครับ
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลยครับตามลุ้นอยู่ว่าทั้งสามสาวจะเป็นเช่นไรจะต้องพบกับอะไรอีกบ้างและทางฝ่ายชายในที่สุดแล้วจะหักเหลี่ยมลบคมกันเช่นไรในเมื่อแต่ละคนก้ได้ลิ้มรสสาวๆมากันบ้างแล้วในที่สุดแล้วความมืดมัวจะลงเอยแบบไหนให้สวยงาม...ขอบคุณครับ
ชอบมากเลยครับพี่อาร์ทกับอาทิตย์เป็นคนเดียวกันแน่ๆ ท่านแอสใส่สกิลขั้นเทพให้ด้วยสามสาวหลงหัวปักหัวปำเลย เดาเรื่องราวต่อไปไม่ออกเลย สุดยอดจริงๆครับ
รักจากสาวสวย 3 คน เป็นผมคงเลือกไม่ถูก ::Dizzy::
รอติดตามตลอดเวลา ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ ดูท่านายอาร์ตท่าจะไม่ธรรมดา
ขอบคุณมากครับ สนุกสนานน่าติดตามมากๆเลยครับ
กะแล้วว่าพระเอกต้องไม่ใช่ยามธรรมดาๆ มีดีกรีเป็นลูกมหาเศรษฐี จบนอก จอมติสต์ แถมได้นางเอกสามพี่น้องไปเป็นเมียโดยที่แต่ละคนไม่รู้เรื่องอีกต่างหากว่ากำลังมีสามีคนเดียวกัน สุดยอดครับท่านแอส
ตอนนี้ไม่มีเรื่องเสียวแต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ
ขอบคุณครับ อ่านเรื่องนี้แล้วสนุกไปอีกแบบ เหมือนได้อ่านนิยายดีๆเรื่องนึง ได้ลุ้นทุกตอนเหมือนกันครับ
ขอบคุณมากครับ
ตัวละครมาเพิ่มละคราวนี้ รอติดตามผลงานครับ
น้องกานต์จะโดนอะไรบ้างเนี่ย
มีเป้าหมายใหม่แล้วพระเอกเรา. ุุุุมากครัย
รอตอนต่อไป มาเร็วๆน่ะครับ ว่าจะเฉลยตัวพระเอกของเรายังไง แล้วใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป
ที่แท้ไอ้หนุ่มบนรถไฟฟ่าคือเจ้าสิงห์นี่เอง
พระเอกจะได้อะไรเป็นค่าตอบแทนบ้างนะ
ชอบครับ ลงต่อเนื่องเยอะๆเลยนะครับ
ลงต่อเนื่องเลยครับ ขอบคุณมากเลย
ติดตาม สนุกมาก ::Bloody::
ชอบมากครับ รบกวนขอตอนต่อไปด่วนๆ นะครับ ::Thankyou::
บอล มาปรึกษาได้ถูกคนจริงๆ อาร์ตนี้เก็บความรู้สึกได้ดีมากๆ ไม่งั้นได้มีต่อยกันแน่ๆ
มีนางเอกมาเพิ่มอีกแล้ว ท่าทางจะเลือกยากแน่ๆ
อาร์ต คงวางแผน ช่วยน้องกาน์ต หรือ บอล กันแน่ นะ
แล้วอาร์ต จะเป็นใครกันแน่ ต้องลุ้น ต่อไป
น้องสาวคนเล็กของบ้านมาแรงแซงทุกคน แต่อาจจะกลายเป็นสี่คนผัวเมียก็ได้ใครจะไปรู่
อนงค์จะโดนอาร์ตเล่น หรือจะโดนลุงยาม(ที่อาจไม่รู้ว่าเป็นลูกสาว)เล่นกันแน่นะ
ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน ชอบทุกตอนเลย อ่านสนุกได้อารมณ์ดี
สุดยอด
สนุก