🧡 XONLY 🧡

LIGHT ZONE => ห้องนั่งเล่น => หัวข้อที่ตั้งโดย: นีโอ เมื่อ เมษายน 03, 2017, 07:45:35 หลังเที่ยง

ชื่อ: ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ Loso เล่ม 3 วางจำหน่ายแล้ว
โดย: นีโอ เมื่อ เมษายน 03, 2017, 07:45:35 หลังเที่ยง
สวัสดีมิตรรักนักอ่านทุกท่าน

หลังจากพักไปนาน บัดนี้ E book ที่หลายๆท่านรอคอย ได้วางจำหน่ายที่ Meb แล้ว
ขอให้ทุกท่านไปติดตามโหลดอ่านกันได้ตามสะดวก ขอขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุน

                                                                          ด้วยไมตรีจิต นีโอ


https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTcxODQ1IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTYxOTkiO30

ลิ้งค์หน้าเพจ


ตัวอย่าง

(https://i.imgur.com/T3hMF0R.jpg)

อ้างถึง

ท่ามกลางขุนเขาเรียงซ้อนตระหง่านทอดไกลสุดลูกหูลูกตา 

ณ ยอดที่สูงเสียดฟ้าของขุนเขาหนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในม่านเมฆและป่าไม้ที่ขึ้นหนาทึบปกคลุมพื้นที่โดยรอบทำให้มันแลดูลี้ลับน่าสะพรึงกลัว  ในยามราตรีเช่นนี้มันดูคล้ายกับยักษ์ที่นั่งปักหลักแข็งทื่อทะมึนในเงามืด ยิ่งเมื่อมีสายลมพัดผ่านมาตามช่องเขาและแง่หิน ทำให้เกิดเสียง หวีดหวิว ดังเสียงร้องโหยหวนของภูตผี  ยิ่งเพิ่มความหน้าสะพรึงกลัวยิ่งไปอีก แต่ภายใต้รอยแยกปริออกเหมือนรอยขวานยักษ์จามทิ้งไว้กลับดูเงียบงันราวกับเกิดอาการหูดับ แทบจะไม่ได้ยินเสียงสรรพสำเนียงใดจากภายนอกเล็ดลอดผ่านเข้าไปถึงภายใน ประหนึ่งได้ตัดขาดจากโลกภายนอกสิ้นเชิงก็ไม่ผิด

ภายใต้ความมืดมิดของโพลงถ้ำในขุนเขา จะมีใครสักกี่คนล่วงรู้ว่าภายในนั้นมีหุบเหวกว้างขนาดใหญ่กันขวางราวกับหลุมอุกกาบาตที่ลึกลงไปราวจะไม่มีที่สิ้นสุด ปากหุบเหวที่ราบเรียบกว้างไกลสุดสายตาไปอีกฝั่ง มีสะพานหินแคบๆทอดยาวเชื่อมต่อการสัญจรเรียกขานนามว่าสะพานคาร์เธจ ซึ่งตั้งตามชื่อของผู้สร้างสะพานนี้และข้ามเข้าไปสำรวจถ้ำลึกเป็นคนแรก ในถ้ำแห่งนี้สิงสถิตไปด้วยสิ่งชั่วร้าย เป็นที่กักขังอสูรที่โหดเหี้ยม ซึ่งไม่ควรที่จะเฉียดเข้าใกล้

ในห้วงเวลาหนึ่งของสถานที่แห่งนั้น จอมอสูร Dark Priest มอนสเตอร์ระดับ Last Boss หนึ่งในสามจอมปีศาจที่แกร่งที่สุดของเกม Loso ได้ไล่ล่าคณะปาร์ตี้มายังสะพานคาร์เธจ

ร่างมหึมาสูงกว่า 10 เมตรมีไฟลุกท่วมร่างเดินก้าวเข้ามาอย่างน่าสยดสยอง ทุกสายตาของคณะปาร์ตี้จ้องมองอย่างตกตะลึงในขนาดและรูปลักษณ์  มันเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดน่ากลัว  ร่างของมันหนา ล่ำกล้ามแขนใหญ่ กล้ามอกกว้าง แขนยาวกว่าขาที่สั้นๆดูไม่สมส่วน ทั้งตัวแทบไม่มีสีอื่นนอกจากสีดำและมีเปลวเพลิงสีแดงฉานลุกไหม้ทั่วทั้งตัว  เท้าของมันมีความกว้างและหนาปลายเล็บแหลมดั่งเท้าเหยี่ยว  อุ้งมือของมันมีเล็บแหลมยาวออกมาอย่างน่าสยดสยอง นัยน์ตาสีแดงกํ่าราวกับไฟในเตาไฟของมันกวาดตามองไปทั่วบริเวณ  มันมีหางใหญ่ยาวเท่าๆกับความสูงของร่างกาย ซึ่งที่ปลายหางของมันนั้นมีเปลวเพลิงลุกไหม้มากกว่าส่วนอื่นๆ  บนหัวมีเขายาวส่วนใบหน้าของมันนอกจากตาพองโตแดงก่ำแล้วจมูกยังแหลมงองุ้มลงเกือบติดริมฝีปากหนาๆซึ่งฉีกว้างเกือบๆถึงใบหูที่เรียวแหลม  และยังมีปีกเป็นพังผืดคล้ายค้างคาวสีดำติดอยู่ที่แผ่นหลัง  ที่น่าสยองกว่านั้นคือในปากของมันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมยื่นออกมาไม่เป็นระเบียบ

เมื่อมันก้าวพ้นออกจากประตูมาได้  มันก็เงยหน้าขึ้น แล้วอ้าปากร้องคำรามดังลั่น แรงกระแทกเสียงของมันนั้นทำเอาทุกคนที่ได้ยินแก้วหูแทบแตกเพราะดังมาก  ปีกที่ใหญ่โตของมันกระพืออย่างบ้าคลั่งทำให้เกิดกระแสลมแรงฝุ่นผงปลิวว่อน คณะปาร์ตี้ที่กำลังพากกันข้ามสะพานหินเพื่อหลบหนีมรณกาลที่ไม่อาจจะรับมือได้ต้องเกาะเชือกแน่นเพราะเกรงจะเสียหลักผลัดตกลงไปสู่ความมืดอันเวิ้งว้างด้านล่าง

"รีบหนีข้ามไปฝั่งโน้นเร็วๆ พวกเราสู้มันไม่ได้แล้ว" ยอดนักผจญภัยอันดับหนึ่งของเกมขยับถอยหลังสองสามก้าวขณะเจ้ามอนสเตอร์สุดสะพรึงค่อยก้าวเข้ามาพร้อมเปลวไฟรายล้อมตัวที่ร้อนแรง ความร้อนระอุยิ่งกดดันจนเสกต้องกัดฟันข่มอาการหวาดหวั่น "ผมจะยันมันไว้ให้จนกว่าทุกคนจะข้ามไปถึงฝั่งโน้นอย่างปลอดภัย!"

สาวแว่น Ajaree ยังคงลังเลมองยอดผู้เล่นเท้าติดแสงอย่างหวงใยและดูท่าจะตัดใจข้ามไปโดยทิ้งเขาเผชิญหน้ากับอสูรร้ายลำพังไม่ได้ "ละ..แล้ว..นายหล่ะ...อ้า..นายไม่ไปพร้อมกับเราเหรอ?!"

"ฮู๊มม ม ม มมมมมมมมมม!"

ก่อนจะทันเจรจาอะไรกันต่อ เจ้าอสูรร้ายส่งเสียงคำรามดังลั่นพื้นดินโพลงถ้ำสั่นสะเทือน พลังเสียงมหาโหดทำเอาคนใจไม่แข็งขาสั่นเอาง่ายๆ

"ไม่ต้องห่วงผม รีบหนีเอาตัวเองให้รอดไปก่อน!"

"ฉันจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่ร่วมต่อสู้กับนายที่นี่!" สาวแว่นเปิดหน้าต่างหยิบกระบี่บั้งทองออกมา สายตากลมโตใต้แว่นบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นพร้อมเผชิญหน้าอสูรร้ายอย่างไม่หวาดหวั่น

"มันไม่ใช่เวลาจะมาแสดงความกล้า หรือเป็นเกมตีบอสเพิ่มเลเวล เราสู้มันไม่ได้หรอก ทำได้แค่หนีเท่านั้น และเราจะหนีไม่รอดกันเลยสักคน ถ้าไม่มีใครคอยถ่วงเวลามันไว้!" เสกตะคอกเสียงใส่สาวแว่น แสดงกิริยาจริงจังแกมบังคับ ซึ่งสาวแว่นไม่เคยเห็นเขาแสดงกิริยาแบบนี้กับเธอมาก่อน

บนสะพานคาร์เธจที่กว้างเพียง 2ฟุต การต่อสู้ระหว่างอสุรกายตัวมหึมากับยอดนักผจญภัยอันดับหนึ่งเป็นไปอย่างดุเดือด เสกรวบรวมพลังมานาที่เหลือร่ายเวทย์ไฟไว้ที่มือ จากนั้นเค้นพลังวิ่งกระโดดข้ามหัวของจอมอสูรก่อนยิงไฟใส่ใบหน้าของมันทำให้มันผงะถอยไป  ร่างกำยำของเขาพลิ้วลงมายืนอีกฝั่งตรงกลางสะพาน ด้านข้างซ้ายคือระเบิดที่ผูกติดไว้กับสะพานโดยฝีมือหนุ่มนักดาบแจ็กค์ เป้าหมายคือจะระเบิดสะพานเมื่อทุกคนข้ามไปหมดแล้วให้จอมสูรตนนี้ตกลงไปยังความมืดมิดของเบื้องล่าง  แต่ไม่ทันที่ยอดนักผจญภัยจะหันหลังวิ่งมาอีกฝั่ง หางใหญ่อันยาวประหนึ่งแส้ไฟของมันก็ตวัดรัดร่างของเสกไว้แน่นแล้วยกลอยขึ้น พร้อมๆกับออกแรงรัดเต็มที่จนกระทั่งได้ยินเสียงกระดูกลั่นดัง กร๊อบๆ ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของทุกคนและเสียงคำรามอย่างลำพองของจอมอสูร ในขณะที่เสกเจ็บแปล๊บไปทั้งร่าง เข้าสถานะกระดูกส่วนสำคัญของร่างกายแตกหักหลายที่!

"ฮู๊มมม  ม มม ม มมม...."

แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่เสกก็ไม่ร้องสักแอะ เขาพยายามกัดฟันกระชากมือขวาหลุดจากการรัดอันแน่นหนา มานาเฮือกสุดท้ายถูกเค้นมารวมที่ฝ่ามือ ก่อนจะร่ายเวทย์เขาหันไปสบตาทุกคนที่พยายามช่วยกันยิงเวทย์ใส่เจ้าอสูรร้าย สาวแว่นทนไม่ไหวจะวิ่งเข้ามาช่วย แต่เสกก็เค้นเสียงตะโกนสั่งห้ามไว้

"อย่าเข้ามา!!!"


สาวแว่นชะงักกึก สบตาบนใบหน้าคมเข้ม เขายิ้มให้เธออีกครั้ง ดวงตาเป็นประกายบอกความนัยบางอย่าง

"นาย...นะ...นายจะทำอะไร....?!..." วูบหนึ่งสาวแว่นก็คิดออกมาได้ทันที ว่าเขาจะทำอะไร "ไม่นะ...นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น..อย่าทำอย่างนั้น...อย่าาา....ได้โปรด....อย่าทำ...." สาวแว่นรีบวิ่งหวังจะไปกลางสะพานโดยเร็วที่สุดเพื่อยับยั้งความคิดบ้าๆของเขาโดยที่ตัวเองก็ไม่ทันยั้งคิดเช่นกัน

สการ์เล็ตเองก็พอเข้าใจความหมาย รีบวิ่งตามหลังสาวแว่นมาติดๆ ในขณะที่คนอื่นๆก็ตกใจวิ่งตามมาเป็นพรวนด้วยเช่นกัน แต่แล้วเสกก็จุดไฟที่ฝ่ามือขึ้นเสียงดัง 'พรึ่บ!' และยังตะโกนสั่งอีกครั้ง "กลับไปให้หมด อย่าทำอะไรโง่ๆ!!!"

วู้บ!

เมื่อประกายไฟติดขึ้นบนฝ่ามือของเสก โดยไม่รอช้าเขายิงลูกไฟที่ระเบิดไดนาไมค์ข้างสะพานทันที
.
.
.
บรึ้ม มมมมม  ม ม ม ม มม !!!

"ไม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม........................."

สาวแว่นตะโกนสุดเสียง และเกิดประกายแสงสว่างวาบไปทั้งโพลงถ้ำกว้างพร้อมเสียงระเบิดดังกึกก้อง สะพานหินช่วงกลางแตกกระจายด้วยอานุภาพของระเบิดทำลายล้าง ร่างของจอมอสูร Dark Priest  และเสกร่วงหล่นลงไปพร้อมเศษหินของสะพานสู่ความมืดอันไม่มีสิ้นสุดของขอบเหวเบื้องล่าง แรงระเบิดทำเอาร่างสาวแว่นผงะหงายหลังมาชนสการ์เล็ตจนเกือบผลัดจะตกลงไปเบื้องล่าง แต่บิลลี่และหนุ่มนักดาบมาช่วยคว้าเอวเอาไว้ได้ทัน และช่วยกันดึงทุกคนขึ้นไปข้างบนอย่างปลอดภัยหวุดหวิดจะร่วงตามเสกและจอมอสูรที่ลอยละลิ่วตกลงสู่หุบเหวเบื้องล่าง จอมอสูรส่งเสียงร้องน่าสยดสยอง ในขณะที่ร่างของเสกร่วงตามปรปักษ์ไปด้วยความรวดเร็วพอๆกัน ค่อยๆเลือนหายไปกลายเป็นจุดเล็กๆและจมดิ่งไปในความมืดเบื้องล่างท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคนที่จ้องมองไปในหุบเหว!
 
หลังเหตุการณ์สูญเสียที่ไม่คาดฝันผ่านไปชั่วอึดใจ  สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือต่างพากันทรุดร่างลงคร่ำครวญร้องไห้สะเทือนใจในความสูญเสียที่ไม่อาจจะประเมินค่าครั้งนี้  หัวหน้าปาร์ตี้และแม่ทัพของกองกำลังกอบกู้ จากไปพร้อมๆกับความหวังที่ดับวูบลงของทุกคนภายใต้เงามืดครึ้มของโพลงถ้ำที่ลึกลงไปใต้พื้นผิวโลกแห่งนั้น!

" นักฆ่าหมายเลขแปด...นายตายแล้วหรือนี่...ไม่จริงงงงงงง....!!!..."

---------------------------------


"ทิลทาเล...ลูกสาวข้า...!?" เสียงอุทานของราชินีฟินเวดังอย่างหัวใจสลาย

"เอ่อ...ฝ่าบาท ทรงหักห้ามพระทัยด้วย..." มหาดเล็กทูลเตือนสติ แต่บุคคลที่สูญเสียบุตรย่อมไม่สามารถทานทนและเก็บอาการต่อความสูญเสียแก้วตาดวงใจไว้ได้ พระนางออกอาการฟูมฟายร่ำไห้ด้วยความอาลัยพระธิดาอย่างไม่ปิดบังหรืออับอายสายตาใครๆ สร้างความสะเทือนใจแก่ข้าราชบริพารทุกคนในท้องพระโรง

"ไม่จริงใช่ไหม!?" ราชินีเอลฟ์ถลาวิ่งลงมาจากบัลลังก์ทองปรี่ออกมายังประตูวังหลังเห็นทหารนำร่างของพระธิดาเข้ามา "พวกเจ้าโป้ปดต่อข้าใช่ไหม โอ้..ไม่จริงๆ ลูกข้าต้องไม่ตาย โอ้...ลูกสาวที่รักของข้า..."

ร่างยับเยินของเจ้าหญิงดาร์คเอลฟ์ถูกใส่เปลสนามนำเข้ามายังท้องพระโรงในสภาพสิ้นใจ สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ราชินีฟินเวยิ่งนัก พระนางร่ำไห้อาลัยรักพระธิดาสุดที่รักปิ่มจะขาดใจ

หัวกิลด์ Destroyer และสมุนเองก็มีสีหน้าสำนึกผิดและกลับมาในสภาพบาดเจ็บสารรูปมอมแมมเช่นกัน พวกมันรายงานเท็จว่า ขณะไปรับพระธิดาได้ถูกกองกำลังของนักฆ่าหมายเลขแปดซุ่มโจมตี แม้จะพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องพระธิดาอย่างเต็มกำลัง แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของนางไว้ได้ ส่วนองครักษ์หญิงเดอะน่าและคนอื่นๆก็ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องพระธิดาจนตายหมดทุกตัวตน พวกเขาทำได้แค่ตีฝ่าวงล้อมนำร่างไร้ลมหายใจของพระธิดากลับมาได้เท่านั้น

"บอกข้าซิ!?" ราชินีฟินเวสบตา Chart199 ด้วยน้ำตานองใบหน้า "ทำไมถึงมีแต่คนของข้าที่ไม่รอดสักคน แต่พวกเจ้ากลับรอดมาครบและบาดเจ็บเท่านั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา!"

คำถามนั้นทำให้ Chart199 และเหล่าสมุนอ้ำอึ้ง แต่จอมตลบตะแลงอย่าง Chart199 ไม่ใช่จะยอมจนมุมง่ายๆ เขารีบเอ่ยปากแก้ตัวเพื่อเอาตัวรอดทันที "เอ่อ..หม่อมฉันสมควรตาย ในขณะที่คนอื่นๆยอมสู้ตายกับศัตรู กลับหนีเอาตัวรอดออกมา แต่เป็นเพราะคำสั่งขององครักษ์เดอะน่า นางสั่งให้หม่อมฉันเอาศพของพระธิดาแหวกวงล้อมหนีออกมา เพื่อนำมามอบให้องค์ราชินี นางไม่อยากให้ศัตรูใช้ศพของเจ้าหญิงเป็นเครื่องต่อรองหรือหยามเกียรติองค์ราชินีพะยะคะ!"

ได้ฟังคำแก้ตัวโป้ปดของ Chart199 ทำใฟ้พระทัยขององค์ราชินีพุ่งพล่านไปด้วยไฟแค้น พระนางทรุดลงนั่งข้างๆศพของพระธิดา กุมมือมาประคองไว้และหลั่งน้ำตามากขึ้นกว่าเดิม ภาพศพอันน่าอนาถของพระธิดาเมื่อทอดพระเนตรมอง ยิ่งตอกย้ำความแค้นชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ต่อศัตรู ทำให้ Chart199 และบรรดาลูกสมุนกระหยิ่มใจแต่ก็เก็บอาการทำสีหน้าเศร้าสร้อยเสียใจเต็มประดาไปกับพระราชินีและข้าทาสบริวารในท้องพระโรง

"บอกข้ามา...ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกของข้า!" องค์ราชินีที่ร่ำไห้จนคล้ายจะเสียสติตะคอกถาม "ข้าจะไปจับมันมาแล้วมอบความตายอย่างทรมานให้แก่มันอย่างสาสมเซ่นวิญญาณลูกข้า!"

"ในตอนนั้นมันชุลมุนมาก ไม่ทราบว่าใครลงมือ แต่หม่อมฉันได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ฆ่าเจ้าหญิงให้ได้ อย่าให้หนีกลับไปเด็ดขาด นี่คือคำสั่งของท่านนักฆ่าหมายเลขแปด!!!"

ได้ยินนามนั้นทำให้พระราชินีหยุดกรรแสง สองพระเนตรวาวด้วยไฟแค้นทันที

"นักฆ่าหมายเลขแปด!" พระนางทวนชื่อ "นามนั้นคือนักผจญภัยอันดับหนึ่ง แม่ทัพของมันใช่หรือไม่!?"

"พะยะคะ...องค์ราชินีเข้าใจถูกต้องแล้ว มันคือนามของผู้ออกคำสั่งสามาลย์คนนั้น"

"นักฆ่าหมายเลขแปด! เมื่อเจ้ามอบความตายให้ลูกข้าอย่างอนาถ... ข้าก็จะตอบแทนเจ้าด้วยความตายอย่างสาสมเช่นกัน รวมทั้งพรรคพวกของเจ้าที่ร่วมกันก่อกรรมทำร้ายลูกสาวข้าจนถึงแก่ความตายด้วย!"

"เพื่อล้างแค้นให้พระธิดา ขององค์ราชินีโปรดมีคำบัญชา ให้พวกเรายกทัพไปล้างแค้นพวกมัน!" บรรดาแม่ทัพนายกองในท้องพระโรงพากันคุกเข่ากราบทูลเสนอตนจะออกรบกับศัตรูอย่างห้าวหาญ ด้วยความรู้สึกเครียดแค้นแทนองค์ราชินีผู้สูญเสียพระราชธิดาอันเป็นที่รัก ภาพนั้นทำให้ Chart199 และพรรคพวกพอใจกับผลตอบรับที่ตนลงมือกระทำ

"ข้าต้องพึ่งพาฝีมือของพวกเจ้าแน่ๆในการทำศึกครั้งนี้ เตรียมทำสงครามละเลงเลือดได้เลย!"

"พวกเรายินดีถวายชีวิตรับใช้ฝ่าบาท ขอทรงมีพระบัญชาออกมา จะบุกน้ำลุยไฟพวกเราก็ไม่หวั่น!"

"ข้าจะระดมกองทัพดาร์คเอลฟ์ทั้งสรรพกำลังและอาวุธทั้งปวงไปถล่มพวกมันให้ย่อยยับ ศึกครั้งนี้ข้าจะให้โลกได้เห็นกองทัพดาร์คเอลฟ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้เห็นสงครามที่เหี้ยมโหดที่สุดนับตั้งแต่โลกถือกำเนิดมา ข้าจะเข่นฆ่าพวกมันทุกชีวิตอย่างไม่ปราณี จะตามล้างผลาญชีวิตพวกมันจนถึงพวกมันคนสุดท้าย!"

สิ้นคำประกาศสงครามของพระราชินีฟินเว แตรทหารและกลองศึกก็ดังประโคมขึ้น สัญญาณนั้นดังต่อกันเป็นทอดๆไปทั่วพระราชอาณาจักร บอกให้เหล่ามวลมหาประชาชนดาร์คเอลฟ์ได้รู้ว่ากำลังจะมีศึกใหญ่ในไม่ช้า


---------------------------------

"มีคำสั่งจากรักษาการแม่ทัพ มีบัญชาให้ประชาชนทุกคนอพยพออกจากป้อมฟรอนเทียร์ พวกเราจะอพยพจะลี้ภัยไปที่ Lagos จงอย่าหอบสมบัติพะรุงพะรัง เอาไปเท่าที่จำเป็นเท่านั้น..." เหล่าทหารช่างป่าวร้องบอกชาวบ้านพร้อมเป่าแตรเตือนภัย ในขณะที่ชาวบ้านเองก็รู้เรื่องที่กองทัพดาร์คเอลฟ์กำลังกรีทาพลมามืดฟ้ามัวดิน และเคยสัมผัสความโหดร้ายของพวกมันมาแล้วจึงพากันแตกตื่นเก็บข้าวของเตรียมเคลื่อนขบวนตามกองทหารอย่างไม่รอช้า ทั้งๆที่ยังเป็นเวลาช่วงตีสี่กว่าๆห้ายังมือสนิทอยู่

"ไปเมือง Lagos พวกเขาอพยพทั้งๆที่เรายังพอสู้ไหว ทำอย่างนี้เหมือนดูถูกพวกเราชัดๆ" อันทรัสต์ หนึ่งในลูกกิลด์ Mag Army. เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ และมองดูการตั้งขบวนอพยพอันวุ่นวายด้วยสายตาขัดใจ

"ไม่ใช่พวกเรา แล้วใครจะปกป้องชาวเมือง ริชาร์คเขาแค่ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อกองทัพและชาวเมือง" แม็กกายเวอร์อธิบายให้ลูกกิลด์เข้าใจ "เจตนาเขาไม่ใช่จะดูถูกเลย แต่ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยสัมผัสกับ Guild War มาแล้ว มันไม่ได้สนุกเท่าไหร่เลย ในโลกเสมือนจริงแห่งนี้ ภาพการสูญเสียมันสมจริงเสียจนฉันขยาด"

"การที่ให้ยอมแพ้ก่อนจะสู้ แถมยังเป็นจังหวะที่เรากำลังโดนบุกมาถึงที่มั่นแล้ว นั่นล่ะคือสิ่งที่รักษาการแม่ทัพกำลังดูถูกพวกทหารอย่างเรา!"

"ไว้ให้ถึงคราวศัตรูบุกเข้ามา ก็จงพิสูจน์ว่าให้เขารู้ฝีมือของพวกเราละกัน!" แม็กกายเวอร์พยายามอธิบายให้ลูกกิลด์เข้าใจในขณะภายในของตนร้อนรุ่ม และขัดใจต่อคำสั่งให้ถอยหนีของริชาร์คไม่ต่างจากลูกกิลด์

ฉึ่ก!

ลูกธนูจากคันศรของเจ้าหญิงอาเวนท์ พระธิดาของลอร์ดเอลฟ์แห่งป่าอัล์ฟเฮมเข้าปักใจกลางเป้าอย่างแม่นยำ  ทางด้านหลังของเจ้าหญิง เป็นภาพบรรดาทหารเอลฟ์ในชุดเกราะสีทองสวยงามกำลังเดินแถวขึ้นรักษาการบนเชิงเทิน บางส่วนก็จัดเตรียมอาวุธยิงระยะไกล และบางส่วนก็กำลังซ่อมแซมอาวุธต่างๆเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่สงคราม ทุกอย่างเป็นอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ไม่จอแจวุ่นวายเหมือนด้านอื่นๆ

"ฝีมือของเจ้าหญิงแม่นยำเหมือนเดิม พวกดาร์คเอลฟ์ที่บุกด้านนี้กว่าจะรู้ตัวว่าคิดผิด ก็คงตายเสียก่อน"

แม็กกายเวอร์เดินผ่านมาเห็นการซ้อมธนูของเจ้าหญิงอาเวนท์ ก็แวะมาพูดคุยทักทาย

"เตรียมการด้านของท่านเรียบร้อยแล้วหรือ ถึงได้เตร่มาชมข้าซ้อมได้ อย่าประมาทเล่ห์ดาร์คเอลฟ์นะ"

"หม่อมฉันไม่ประมาท แต่ก็ไม่ได้กลัวจนต้องหนี" พูดพลางหันไปมองขบวนอพยพที่เคลื่อนออกห่างป้อมไป

"ถ้าท่านลอร์ดนักฆ่ายังอยู่ สงครามครั้งนี้คงจะเป็นไปในอีกรูปแบบ ทำไมไม่กลับมาสักที ท่านเซอร์แม็กได้ข่าวเขาบ้างหรือไม่?" เจ้าหญิงเอ่ยถามถึงเสกและปาร์ตี้ ที่ข่าวเงียบหายไปสองวันแล้ว

"บอกตรงๆว่า ในตอนนี้เราไม่รู้ว่าทางปาร์ตี้ของนายนักฆ่าเดินทางไปไหนแล้ว" แม็กกายเวอร์พูดถึงข่าวที่ได้ยินครั้งสุดท้ายของเสกด้วยท่าทีหนักใจ "ข้อความครั้งล่าสุดที่ได้รับมาคือพวกเขาได้พบเส้นทางไปวิหารเทพธิดาพยากรณ์แล้ว จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปยังที่นั่นโดยไม่ได้บอกสถานที่ปลายทาง ซึ่งเขาก็ขาดการติดต่อไปทั้งข้อความและในเว็บบอร์ด ฉะนั้นแล้วเรื่องจะไปตามตัวกลับมาภายในวันรุ่งขึ้นคงไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เมื่อไม่มีเขาอยู่  เราก็ต้องช่วยตัวเอง และทำในรูปแบบของเราเอง ให้ดีที่สุด!"

"แต่จะดีกว่า ถ้ามีเขาอยู่ด้วย..." เจ้าหญิงอาเวนท์เอ่ยด้วยแววตาเหม่อลอยเพราะความคิดถึง

กองทัพหลวงกอบกู้โยธกายาตราออกจากป้อมฟรอนเทียร์ นำขบวนอพยพของชาวบ้านเคลื่อนผ่านถนนตรงไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เลียบไปตามเชิงเทือกเขาสีขาว ไต่ขึ้นๆลงๆบนพื้นที่เขียวชอุ่ม ก่อนตัดข้ามลำธารเล็กๆหลายแห่ง ขบวนอพยพอันพะรุงพะรัง มี ริชาร์คนำขบวน กองสรรพวุธและกองเสบียงอยู่ในส่วนหน้า ขบวนอพยพของชาวบ้านอยู่ส่วนกลาง โดยมีกองทหารของผู้เล่นกิลด์  Avengers  เป็นกองระวังหลัง แต่การเดินทางเป็นไปด้วยความล่าช้าอย่างยิ่ง ขบวนค่อยๆ เคลื่อนไปได้เพียงชั่วโมงละไม่ถึง 5 กิโลเมตรเท่านั้น นับว่าล่าช้ากว่าที่ริชาร์คคาดการไว้มาก...

หนึ่งชั่วโมงให้หลังจากที่ขบวนอพยพนำโดยริชาร์คเดินทางไปยัง Lagos อันเป็นจุดหมายปลายทาง

เจ้าหญิงอาเวนท์ได้เดินออกจากลานซ้อนอาวุธหลังแยกจากแม็กกายเวอร์ เธอตรงไปที่กำแพงเมืองทางทิศเหนือ จากนั้นก็ได้เดินขึ้นบันไดไปบนกำแพง และเดินห่างจากบริเวณประตูใหญ่ราวยี่สิบเมตรเพื่อหนีความวุ่นวายในการจัดทัพ อันจะทำให้มีสมาธิในการจับตามองข้าศึกได้มากขึ้น

เจ้าหญิงเอลฟ์ยืนนิ่งใช้สกิลสายตาดูความเคลื่อนไหวที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ห่างๆ เวลาเข้าสู่ช่วงเวลาตีห้าครึ่งซึ่งเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้าดี แต่ฝั่งป้อมฟรอนเทียร์เตรียมการพร้อมสำหรับรับมือข้าศึกเสร็จสิ้นตั้งแต่เที่ยงคืน โดยเฉพาะฝั่งเอลฟ์นั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยรวดเร็วจนฝั่งอื่นๆพากันทึ่ง

พลธนูเอลฟ์ในชุดเกราะสีทองสวมผ้าคลุมสีดำมีฮู้ทเดินขึ้นบันไดมายืนเรียงแถวอยู่ที่บนเชิงเทิน ลูกธนูกับคันธนูถูกจัดเตรียมและทดสอบว่าพร้อมใช้งานได้เต็มศักยภาพทุกเมื่อ

บริเวณเหนือคุ้มประตูมีการนำถังน้ำมันมาเตรียมไว้ ทางด้านหน้าของปราสาท กองทัพผสมกว่าหมื่นชีวิตไปจัดทัพกันอย่างเป็นระเบียบ

ตามความเป็นจริงแล้วการป้องกันข้าศึกควรมีกำลังทหารมากกว่านี้ แต่การทำตามแผนโจมตีฉาบฉวยก่อนจะยกกำลังหนีทิ้งป้อมไปทำให้ต้องลดจำนวนลงอยู่ในระดับที่ต่อสู้ได้ดีที่สุดและยืนระยะได้นานที่สุด จนกว่าจะบรรลุตามแผน

นอกจากนั้นยังมีกองทัพที่เหลืออีกครึ่งก็ได้อยู่หลังประตูเมืองรอต้าน หากกรณีที่กองทัพข้าศึกบุกตะลุยเข้ามาได้ก็จะมีแนวป้องกันอีกชั้นหนึ่ง

เจ้าหญิงอาเวนท์มองย้อนกลับไปที่ด้านหลังเห็นกองทัพอีกนับพันยืนเรียงแถวตามท้องถนนเป็นทางยาว โดยที่เครื่องยิงหินได้ถูกลำเลียงมาจัดไว้ตามแถวๆพร้อมยิงวิถีไกลหากศัตรูบุกเข้ามา

รูปแบบการจัดทัพทั้งหมดดูเป็นแบบแผน เคยใช้งานจริงและประสบผลสำเร็จมาแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ถูกกองทัพขนาดใหญ่บุกประชิดป้อมค่าย แต่ด้วยการที่มีนักผจญภัยระดับ Top คอยบัญชาการทุกจุด ทำให้ฝ่ายตั้งรับดูจะมีกำลังใจสู้รบ แม้ว่าจะอดใจหายต่อการขาดหายของแม่ทัพคนสำคัญที่นำชัยชนะมาสู่กองทัพเสมอๆไปก็ตาม

เจ้าหญิงเอลฟ์หันมองไปข้างหน้าแล้วเพ่งมองไปในความมืดใช้ประสาทสัมผัสรับรู้ความเคลื่อนไหวอย่างสงบ

ทุกอย่างเบื้องหน้ายังเงียบเชียบไร้การเคลื่อนไหว จนเวลาผ่านไปกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มทอแสงรำไรที่ปลายฟ้าช้าๆขณะเสียงระฆังบอกโมงยามดังขึ้น

ช่วงเวลาสายๆอาหารเช้าถูกนำมาแจกจ่ายผู้ประจำตามเชิงเทิน แต่กองทัพของศัตรูก็ยังนิ่งเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น Airship. ป้อมรบลอยฟ้าที่เลื่องลือของศัตรูก็ไม่ได้บินผ่านมาสังเกตการณ์  สภาพรอบๆป้อมฟรอนเทียร์ในเวลานี้เปรียบไปก็ประหนึ่งดังท้องทะเลที่เงียบสงบก่อนจะเกิดพายุใหญ่ก็ไม่ผิด

ระหว่างเพ่งมองหาสิ่งผิดปรกติองครักษ์สาวทั้งสองคือเควนย่าและซินดารินเข้ามารายงาน

"ท่านนันโดอิน ร่างสาส์นขอความช่วยเหลือไปยังท่านลอร์ดแห่งฮัล์ฟเฮมให้ยกกำลังมาช่วยเหลือเสร็จแล้ว รอให้องค์หญิงไปตรวจดูสำนวนและลงพระนามเพคะ"

"ขอบใจเจ้ามากที่มาบอกข้า เราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากเสด็จพ่อในห้วงเวลานี้ นึกไม่ถึงว่าดาร์คเอลฟ์จะเหิมเกริมถึงเพียงนี้ หากเรากำจัดพวกมันได้ในครั้งนี้ ภัยดาร์คเอลฟ์ต่อป่าอัล์ฟเฮมก็จะสิ้นสุดไปด้วย!"

"ดาร์คเอลฟ์จิตใจดำมืด สมควรตายเพคะ!" องครักษ์ทั้งสองเอ่ยด้วยอคติส่วนตัวต่อความเเตกต่าง

"ข้าขอดูความเคลื่อนไหวตรงนี้สักครู่ แล้วจะตามไป"

"เพคะ!..."

หลังจากองครักษ์ทั้งสองรับคำสั่งและแยกย้ายไปประจำการตามจุดบนเชิงเทิน เจ้าหญิงไลท์เอลฟ์ก็หันกลับไปยังทิศเหนืออีกครั้ง คิ้วโกร่งขวดแทบจะเป็นปมในทันที เพราะสัมผัสได้ถึงกระแสอำมหิตที่ลอยละล่องมาตามสายลม พลังแห่งด้านมืดที่อัดแน่นด้วยความแค้นแผ่กระจายมาจนขนลุกเมื่อใช้จิตสัมผัส

"ในที่สุด... พวกมันก็มาถึงกันแล้ว..."

ทอดสายตามองเห็นภาพไกลริบราวอยู่แค่มือเอื้อม จุดเล็กๆที่เคลื่อนไหวยุบยับๆนั่นคือกองหำลังทหารดาร์คเอลฟ์กำลังเคลื่อนพลเข้ามาตามถนนสายหลัก กำลังพลด้านนี้มีทัพเดินเท้ากะจำนวนคร่าวๆน่าจะสองหมื่นเป็นอย่างต่ำ และมีกองผสมเป็นสัตว์เดินสี่เท้าคล้ายช้างตัวมหึมาราวตึกสิบชั้น บนหลังติดป้อมรบพร้อมกำลังพลนับร้อย ทัพม้าคอยคุ้มกันขบวนขนาบมาสองฝั่ง ทั้งยังมีเครื่องดีดหิน เครื่องยิงลูกไฟ ป้อมรบเคลื่อนที่มาพร้อมสรรพ

ทางด้านราชินีดาร์คเอลฟ์นั่งรถลากส่วนพระองค์แวดล้อมด้วยราชองครักษ์เกราะสีทองนับพัน นำทัพบุกทางด้านประตูใหญ่ที่แม็กกายเวอร์ดูแลรับผิดชอบอยู่

เมือกองทัพหลวงเคลื่อนพลมาจนถึงระยะที่สามารถมองเห็นกำแพงป้อมได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ก็สั่งหยุดทัพกระจายกำลังตั้งแถวเพื่อปักหลักเตรียมพร้อมโจมตี โดยรอเพียงคำสั่งจากนายเหนือหัวผู้เป็นใหญ่บัญชามาเท่านั้น

บนท้องฟ้าเบื้องหลังทัพหลวงของราชินีเอลฟ์ เรือรบ Airship.นับร้อยๆลำบินเป็นแถวออกมาจากหลังแนวป่าในระยะสูงเหนือพื้นดินประมาณ 200 เมตร ปืนใหญ่ เล็ก รวมทั้งถังระเบิดถูกจุดชนวนเตรียมพร้อมทิ้งบอร์ม ขณะพื้นดินรอบๆกำแพงป้อมสั่นสะเทือนเมื่อหนอนภูเขาชอนไชพื้นดินโผล่หัวมาอวดศักดาข่มขวัญอยู่รอบๆ แม้จะยังไม่ทันลงมือโจมตี แต่ก็ทำเอาฝ่ายตั้งรับมีอาการเสียขวัญแข้งขาสั่นไปบ้างเช่นกัน

เจ้าหญิงไลท์เอลฟ์ทอดสายตามองราชินีดาร์คเอลฟ์ที่ประทับบนรถศึกส่วนพระองค์อย่างสง่างาม พลังด้านมืดที่แผ่ออกมามหาศาลกดดันสองบ่าจนหนักอึ้ง และลางสังหรณ์ใจลึกๆบอกว่าศึกดาร์เอลฟ์ครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสกว่าครั้งแรกอย่างชนิดเทียบกันไม่ได้ และด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่แทบจะปิดประตูชนะทีเดียว

"ท่านลอร์ดนักฆ่า...ได้โปรดกลับมาโดยไวด้วยเถิด ถ้าท่านมาช้า พวกเราคงหมดหนทางรอดเป็นแน่!"

ชื่อ: Re: ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ Loso เล่ม 3 วางจำหน่ายแล้ว
โดย: kaithai เมื่อ เมษายน 03, 2017, 09:51:51 หลังเที่ยง
ขอบคุณมากครับ คุณนีโอ ที่แจ้งให้ทราบ

เพื่อนๆคงวิ่งแจ้นไปที่ Meb กันหมดแล้ว   อิอิ

ชื่อ: Re: ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ Loso เล่ม 3 วางจำหน่ายแล้ว
โดย: (จิ๋ว) เมื่อ เมษายน 11, 2017, 11:59:48 ก่อนเที่ยง
แอบอิจฉา มือถือ กับคอมฯ ของ @พัดลม

หันไปทีไร ก็เห็นพื้นดำ ตัวหนังสือขาว ๆ ไม่รู้อีกกี่วัน
กว่าเขาจะหันกลับมา
::Crying::

ชื่อ: Re: ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ Loso เล่ม 3 วางจำหน่ายแล้ว
โดย: P Eet ✦Diamond✦ เมื่อ เมษายน 29, 2017, 10:49:46 หลังเที่ยง
Dearest writer...  When you put on R-book on MEB .... did you have to edit the content?  E..E..E...  I buy books from there many time, most adult content is NOT really adult ... they have been edit into more like an R rated version.  If you would like to keep the erotica version MEB ... does not support !!!

I got soooooo upset  when I bought books that's in the "ADULT" category, but when we open & read.... OMG... it's like PG -13  & they put it in the "ADULT " category !!!

Wasted my $$$$$$