🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์ในตำนานใต้ดิน => หัวข้อที่ตั้งโดย: cobra เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 07:39:37 ก่อนเที่ยง

โพล
คำถาม: ชอบ/ไม่ชอบ
ตัวเลือก 1: ชอบ โหวต: 58
ตัวเลือก 2: ไม่ชอบ โหวต: 0
ชื่อ: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: cobra เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 07:39:37 ก่อนเที่ยง
          ตอน จับผีกระจู๋
          เรื่องผีกระจู๋กลายเป็น"ทอล์คออฟเดอะทาวน์" ดังขึ้นมาในวังการะเวกอีกครั้งจากการที่ชีเปลือยหายไปพร้อมกับผีกระจู๋ที่ปรากฎกายขึ้นเมื่อกลางวัน ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา บ้างหวาดกลัวผีกระจู๋ขึ้นมา โดยเฉพาะเหล่าสาวชาววังที่ไม่กล้านอนคนเดียว เพราะกลัวผีกระจู๋ จะมาหลอกจิ้มหัวกันเป็นแถว จึงต่างหาเพื่อนนอนร่วมกัน


(https://i.imgur.com/kVgSIU0.jpg)(https://i.imgur.com/YhgUyXr.jpg)
พระมเหสีและชาวคณะนางรำในจินตนาการผู้เขียน


           สุดสาคร ตั้งใจจะจับผีกระจู๋ให้ได้โดยเร็ว แต่เกรงว่าหากผีกระจู๋เป็นชีเปลือยพอเห็นตนจะไม่กล้าออกมา จึงทำการย้อนรอยชีเปลือยโดยใช้คาถากำบังกายตัวเองไว้ไม่ให้ใครพบเห็นออกเดินตรวจวังในตอนกลางคืนนั้น
อันคาถากำบังกายของแท้จริง จะไม่เพียงแต่กำบังกายเท่านั้นหากแต่ยังกำบังสิ่งที่อยู่ติดกายเช่นเสื้อผ้า รวมถึงของใช้ที่ถือติดตัวด้วยเช่นไม้เท้ากายสิทธิ์ที่ถือไว้ สุดสาครไม่รู้ว่าผีกระจู๋จะมีอิทธิฤทธิ์อะไรหรือไม่ แต่ไม้เท้ากายสิทธิ์ของหลวงตาฤาษีแห่งเกราะแก้วพิสดารสามารถใช้ป้องกันปราบปรามผีปีศาจร้ายได้ทุกชนิดอยู่แล้วจึงไม่มีเรื่องที่ต้องวิตก
            สุดสาครที่กำบังกายอยู่ได้ผ่านได้ยินเสียงคนร้องไห้ฟูมฟายดังออกมาจากห้องหนึ่ง ด้วยความอยากรู้ว่าเป็นเรื่องราวใดจึงหยุดที่หน้าประตูห้องนั้นที่ปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาภายใน จึงทำการบริกรรมคาถาผ่านสิ่งกีดขวางทำให้ตัวเองกลับกลายคล้ายเป็นหมอกควัน ลอดช่องประตูเข้าไปแล้วไปรวมตัวขึ้นใหม่ในห้องนั้นได้
           "ฮือ ฮือ พี่อยากตายจริงๆ น้องโสภี โจทย์จรรกันไปทั้งวังแบบนี้ จะเอาหน้าไปสู้ใครได้ที่ไหนกัน"
            ที่แท้เป็นนางกนัลละเอียดนี้เองที่กำลังร้องฟูมฟายอยู่กับนางรำโสภีที่เป็นศิษย์เอกของนางที่นอกจากมีความสวยที่สุดแล้วยังรำเก่งที่สุดเป็นมือวางอันดับหนึ่งในคณะนางรำเจ็ดนางฟ้า
            คิดแล้วก็น่าเห็นใจนางกำนัลละเอียดยิ่งนัก เพราะตอนนี้นางตกเป็นขี้ปากของทุกคนว่าโดนผีกระจู๋ข่มขืน ซึ่งไม่ใช่ใครคือชีเปลือยนั่นเอง ตอนยังไม่รู้ว่าเป็นใครยังไม่เท่าไร พอไปเม้าท์กันต่อว่านางถูกชีเปลือยข่มขืนยิ่งเพิ่มความเจ็บช้ำและรู้สึกโดนรังเกียจจากผู้คนหนักขึ้นไปใหญ่
            (การเป็นนางรำ (คณะนาฎศิลป์) ในวังการะเวกนั้นมีข้อดีคือ ไม่ต้องทำงานรับใช้อย่างอื่นให้ลำบากเหมือนนางกำนัลทั่วไป แต่ละวันมีแต่คอยดูแลตนเองให้สวยงาม ฝึกฝนแต่การร้องรำให้งดงาม เพื่อเป็นหน้าตาแก่บ้านเมือง ทำให้เหล่านางรำล้วนมีโอกาสที่จะมัชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยพระราชาสุริโยทัยก็มีน้ำใจกว้างขวางหากแม้เจ้าเมืองใด หรือแม้แต่อำนาตย์ขุนศึกที่อาจมาสดุดตาต้องใจนางรำคนใด หากเห็นเป็นการเหมาะสมทำให้ชีวิตพวกนางดีขึ้น ก็ยินดีสนับสนุนให้พวกนางได้ไปมีความสุข ดังนั้นเหล่านางรำจึงนับว่ามีวาสนาที่ดีที่จะได้พบกับคู่ครองที่ถูกใจในอนาคต และอาจมีโอกาสถูกเลื่อนเป็นสนมได้มากกว่านางกำนัลอื่น ตัวนางละเอียดก็หวังเช่นนั้นแต่เมื่อโดนชีเปลือยข่มขืนเช่นนี้ก็กลัวว่าคงหมดโอกาสไปแล้ว  (เป็นจินตนาของผู้เขียนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมแท้จริงแต่อย่างใด))
            นางรำโสภีได้แต่ปลอบรุ่นพี่ให้ใจเย็น กาลข้างหน้ายังไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสพบกับชายที่ถูกใจก็เป็นได้ด้วยตัวนางโสภีก็ต้องการพบชายในดวงใจเช่นกันแต่คงแล้วแต่บุญวาสนากระมั่ง แต่เชื่อแน่ว่ายังไงเจ้าผีกระจู๋คงต้องถูกปราบโดยเร็ว แล้วต่อไปผู้คนก็จะลืมเรื่องนี้เอง
            "ขอให้มันถูกกำจัดโดยเร็วเถอะ ไอ้ผีชั่วตัวนี้น่าถูกจับไปถ่วงน้ำไม่ให้ผุดให้เกิดนัก ไม่รู้ว่ามันไปร่ำเรียนวิชาอาคมมาแต่ไหน อาจารย์ที่สอนวิชาวิปริตเช่นนี้ออกมาได้ คงมีความวิปริตลามกไม่แพ้กันเป็นแน่"
             นางกำนัลละเอียดพูดอย่างแค้นเคือง สุดสาครที่กำบังกายแอบฟังอยู่ใกล้รู้สึกจุกขึ้นมาเหมือนกำลังโดนด่ามาที่ตัวอย่างจัง สุดสาครฟังสองสาวคุยปลอบประโลมกันสักพักจึงออกมาจากห้องนึกสงสารเห็นใจนางกำนัลละเอียดอยู่เช่นกัน คิดว่าหากภายหน้ามีโอกาสคงต้องหาทางชดเชยบางอย่างให้แก่นางเป็นการขอโทษเหมือนกันที่ตนอาจเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
             เรื่องนางกำนัลละเอียดคงเป็นเรื่องภายหน้าตอนนี้คงต้องหาทางจัดการเจ้าชีเปลือยก่อน สุดสาครคิดอย่างมุมานะที่ต้องจัดการเจ้าชีเปลือยด้วยตนเองให้ได้ จึงออกเดินสำรวจตามห้องต่างๆ ที่นางกำนัลพักอาศัยก็เห็นว่ามีการระวังป้องกันอย่างเข้มแข็งยิ่ง จึงเดินไปสำรวจที่ห้องพระคลังที่เก็บทรัพย์สมบัติต่างๆ ก็พบว่ามีความปกติดีไม่มีวี่แววเจ้าชีเปลือยร้ายแต่อย่างใด ก็คงเหลือแต่ห้องที่ชีเปลือยทำเครื่องหมายสามเหลี่ยมไว้ ซึ่งก็ได้แก่ ห้องครัว ห้องสมุดทรงอักษร ห้องฉลองพระองค์(ห้องแต่งตัว)ฯลฯ ก็เป็นห้องพื้นฐานดูไม่เห็นจะมีความหมายใด
           "หรือเจ้าชีเปลือยจะหนีออกจากวังไปแล้วจริงๆ เราคาดการณ์ผิดไป"
            สุดสาครคิดขึ้น ลองแวะไปดูตามห้องเหล่านี้สักหน่อย เริ่มจากห้องครัวก่อนดีกว่า เผื่อเจ้าชีเปลือยซ่อนอยู่อาจหิวขึ้นมาอาจแวะไปหาอะไรกินที่ห้องครัวก็เป็นได้
สุดสาครเพิ่งเดินมายังไม่ทันถึงห้องครัวดี ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนลากสิ่งของใดมาตามพื้น จึงค่อยย่องไปดู
           โดยไม่นึกฝัน กลับเห็นชีเปลือยกำลังลากถุงผ้าสีดำที่ใส่ของอะไรอยู่ข้างในลากมาตามพื้นจริงๆ
            เที่ยวเดินหาอยู่ตั้งนานไม่พบ เวลาจะพบกลับพบได้ง่ายจริงแท้
            ชีเปลือยแม้ตอนนี้ใช้คาถาบังกายไว้ แต่สุดสาครที่ใช้คาถาบังกายเช่นกันจึงทำให้มองเห็นชีเปลือยในสภาพกายละเอียดสีขาวจางๆ เช่นเดียวกับชีเปลือยก็จะมองเห็นสุดสาครได้ในสภาพเดียวกันโดยที่ผู้อื่นอาจมองไม่เห็น แต่ที่พิลึกคือชีเปลือยแม้มีสภาพกายละเอียดแต่ตรงหว่างขากลับมีไข่กับหำที่เป็นกายหยาบแม้ชีเปลือยจะพยายามเอาผ้าดำมาปิดบังไว้ก็ตาม
            สุดสาครจึงเข้าใจในบัดดลว่านี้กระมั่งคือที่มาของผีกระจู๋ เป็นเพราะชีเปลือยใช้คาถาบังกายไม่หมดนั้นเอง
            "โอม..จงปรากฎกายเดี๋ยวนี้ จ้า มาจ๊ะ ทิง จา"
            ชีเปลือยกำลังลากสาละวนถุงผ้าไม่ทันได้ดู พอได้ยินเสียงพร้อมกับมีแสงสีขาวสว่างวาบมาทางตน
            "เหวอ ..."
            ชีเปลือยร้องได้เท่านั้นก็มองเห็นร่างมันกลับสู่สภาพเดิม พร้อมกับเห็นสุดสาครยืนตรงหน้า ต้องตกใจ ราวกับเห็นเพชฆาตรู้ตัวว่าจบสิ้นแน่คราวนี้
            "พ่อไม้เท้าวิเศษจ๋า จง."
            "พอแล้วจ้า ข้ายอมแล้ว อย่าให้ไม้เท้ามาทำอะไรข้าอีกเลย หัวยังน่วมไม่หาย ยอมแพ้แล้ว"
             สุดสาครกำลังสั่งให้ไม้เท้าไปจัดการ แต่เจ้าชีเปลือยนกรู้ รีบก้มลงกราบสุดสาครยอมแพ้เสียก่อน เพราะกลัวว่าสุดสาครจะสั่งให้ไม้เท้ามาเขกหัวตนอีก ยอมให้จับกุมสิ้นท่าโดยง่ายกว่าที่สุดสาครคิดไว้เสียอีก ด้วยชีเปลือยพอถูกยึดไม้เท้ากลับไปก็ไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆเหลือมาต่อกรกับใครอีกต่อไปแล้ว
......................................................................................
            พระราชาสุริโยทัยทราบข่าวชีเปลือยถูกจับได้ก็แสนดีใจ รีบออกว่าราชการพร้อมกับพระมเหสีทั้งๆที่อยู่ในชุดนอนโดยมีเสื้อคลุมทับไว้อีกทีเท่านั้น พระราชาสุริโยทัยพิจารณาชีเปลือยที่อยู่ในสภาพอนาจหัวหูบวมปูดราวกับผลมะกูดด้วยโดนไม้เท้าเขกหัวเอาเมื่อกลางวันยังไม่เท่าไร ตอนนี้คงเพิ่งออกฤทธิ์จึงดูบวมปูดมากกว่ากลางวันหลายเท่าถึงกับขบขันยิ่ง
            แล้วจึงมองดูสิ่งของในถุงผ้าซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ในวังรวมถึงของใช้ส่วนพระองค์กับพระมเหสีหลายชิ้น ทั้งจาน ชาม แก้วน้ำ ที่เป็นทองคำและที่ประดับด้วยอัญมณี แก้วหลากสีอันเป็นของถวายจากต่างแดน รวมถึง แจกัน เสี้ยนหมากทองคำ และแม้แต่ตะปิ้งทองคำของพระมเหสีก็ปนอยู่ด้วย ทำให้พระมเหสีที่มองเห็นตะปิ้งทองคำที่ตนเคยใช้เกิดความอับอายที่นำออกมาแสดงต่อหน้าธารกำนัล
           "ชิชะ เจ้านี่ช่างตัวร้ายเล่นมาขโมยข้าวของในวังไปมากมายขนาดนี้เชียว"
           (เดิมทีชีเปลือยต้องการเข้าไปขโมยของในท้องพระคลังเหมือนกัน แต่แผนการณ์กลับผิดพลาดไปเกือบหมด เช่น พาหนะที่คิดจะใช้หลบหนีก็หายไป เวทย์มนต์ที่ใช้ก็ติดขัดไปหมด ไม้เท้าก็ถูกแย่งไปแล้วจึงไม่มีอาคมอะไรที่จะไปทำให้ทหารเวรยามหยุดนิ่งเพื่อไปขโมยของได้ แต่ได้สำรวจดูตามห้องต่างๆ ก็มีของมีค่าอยู่มากมายที่วางไว้ประดับและสดวกในการใช้สอยของพระราชาโดยไม่มีใครมาให้ความสนใจด้วยคิดว่าเป็นของใช้ในวังส่วนพระองค์ไม่มีใครกล้าหยิบฉวย เพราะหากหายไปก็จะรู้ จึงเปิดโอกาสให้เจ้าชีเปลือยไปหยิบฉวยโดยง่าย ทีแรกเจ้าชีเปลือยก็ตั้งใจจะเอาแค่อย่างสองอย่าง แต่หยิบไปหยิบมาเลยเต็มถุงแบกไม่ไหว ไม่สามารถใช้อาคมทำให้ตัวลอยไปกับของได้ด้วยมีน้ำหนักเกินจนถูกสุดสาครมาพบ เข้าตำราโลภมากลาภหายนั้นเอง)
            "เจ้านี้ช่างใจกล้าไม่กลัวตายเลยหรือไง แทนที่จะหนีไปเปล่าๆยังมาขโมยของอีก เห็นทีคราวนี้คงเอาไว้ไม่ได้ ลูกสุดสาครละว่ายังไง ควรที่จะจัดการยังไงดี พ่อมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการ"
             ชีเปลือยได้ฟังรีบก้มลงกราบร้องขอชีวิต พร้อมทั้งทวงสัญญาว่าสุดสาครรับปากว่าจะไว้ชีวิตตนตอนถูกจับได้แล้ว ตนยินดีทำทุกอย่าง ที่ขโมยของเพราะตนแก่ชราไม่มีลูกหลานเลี้ยงดู ออกไปก็หากินลำบากจึงตั้งใจแค่เอาไปเป็นทุนรอนและใช้จับจ่ายเท่านั้น
             แต่เหตุผลชีเปลือยฟังไม่ค่อยขึ้นเพราะหากต้องการแค่นั้นจริงก็ไม่จำเป็นต้องขโมยของอะไรตั้งมากมายขนาดนี้ สุดสาครได้ฟังหยุดคิดได้เพียงครู่จึงพูดขึ้น
             "ทูลพระบิดา หากลูกไม่ต้องให้ประหารชีวิตตาชีเปลือยนี้ได้หรือไม่"
              พระราชาสุริโยทัยได้ฟังว่าสุดสาครได้เรียกตนว่าพระบิดาก็ดีใจ ด้วยเมื่อกลางวันสุดสาครไม่ได้รับข้อเสนอของตน แต่ตอนนี้สุดสาครเรียกพระองค์ว่าพระบิดาก็เท่ากับสุดสาครยอมรับข้อเสนอนั้นแล้วที่จะอยู่ยังเมืองการะเวกต่อไป
             "แล้วลูกมีเหตุผลใด เจ้าชีเปลือยมันเป็นคนร้าย มิอาจปล่อยไปได้เพราะคงไม่อาจกลับใจได้ แล้วอาจมีภัยในภาคหน้าควรจะกำจัดเสีย"
             สุดสาครนึกถึงที่พระฤาษีก็เคยสอนไว้เช่นกันว่า
             แม้ใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา
             เหมือนหลวงตาจะรู้ว่าสุดสาครจะต้องเจออะไรในภายหน้า จึงให้คำสอนเตือนสติไว้ แต่ด้วยใจมีเมตตาจึงไม่อยากต้องสังหารชีเปลือย จึงทูลตอบกลับไปว่า
             "คือหนูไม่อยากเสียสัจจะที่ได้ให้ไว้กับชีเปลือย และตอนนี้หนูก็อยู่ในเพศบรรพชิตผู้ทรงศีล ไม่ควรที่จะให้แปดเปื้อนการเป็นผู้ทรงศีล ที่จะต้องมาให้สังหารผู้ใด"
             พระราชาได้ฟังเหตุผลของสุดสาครจึงคิดได้ว่าตนนั้นต่างหากที่เป็นผู้พลาดไปอย่างใหญ่หลวง ในการนี้พระองค์ควรเป็นผู้ที่ต้องตัดสินใจเองไม่ควรให้เด็กมาตัดสินใจ แลสุดสาครก็อยู่ในชุดดาบสเป็นผู้ทรงศีลจะให้มาบอกว่าให้นำใครประหารก็ดูเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงเอ่ยถามไปว่าแล้วสุดสาครจะจัดการเช่นไร สุดสาครจึงแจ้งว่า
            "ในเมื่อชีเปลือยร้องขอเพียงต้องการมีชีวิตอยู่รอดเพียงแค่มีอาหารประทังชีวิตไม่ต้องการมาก่อเรื่องให้ใครอีก  ตอนที่ออกจากเกาะแก้วพิสดารได้พบเกาะร้างแห่งหนึ่งมีพืชพันธ์อาหารแลน้ำใช้ดื่มกินได้อยู่แห่งหนึ่ง ก่อนจะถึงเมืองผีดิบที่นั้นคิดว่าคงเหมาะแก่ชีเปลือย เพราะหากหลบหนีออกมาก็ต้องผ่านเมืองดิบเป็นอันตรายอย่างยิ่ง การที่ไม่มีผู้คนไปอยู่หรือเรือผ่านไปก็ด้วยเหตุนี้พะยะค่ะ"
            พระสุริโยทัยฟังที่สุดสาครพูดมาก็มีเหตุผลแต่ก็ติงว่ามันเป็นการลำบากที่จะพาชีเปลือยไปที่นั่นทั้งยังต้องผ่านเมืองผีดิบซอมบี้ (walking dead) อาจได้รับอันตราย แต่สุดสาครยังยืนยันว่าตนมีม้านิลมังกรสามาถเดินทางไปกลับได้ในหนึ่งชั่วยาม(สามชั่วโมง) และมีไม้เท้าป้องกันภูตผีทำให้เกรงกลัวไม่อาจเข้าใกล้มาได้
            พระราชาสุดจะทัดทานอีกทั้งเป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า เห็นว่าเมื่อตนพลั้งให้สุดสาครเป็นผู้ที่คิดจัดการเรื่องนี้แต่แรก หากจะหักหาญไม่ให้สุสาครได้เป็นผู้ดำเนิการต่อไป ด้วยเพราะมีความคิดเห็นที่ไม่ถูกใจพระองค์ก็จะเป็นการเผด็จการทางความคิดและไม่แฟร์ต่อสุดสาครที่พอสุดสาครคิดไม่เป็นไปตามใจของพระองค์ก็จะไม่ยอมให้ทำ ต่อไปสุดสาครอาจเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคิดทำอะไรที่อาจแตกต่างต้องคอยคิดแต่ว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นที่ถูกใจของผู้มีอำนาจเท่านั้น ทั้งอาจเป็นตัวอย่างให้สุดสาครเป็นผู้ที่เอาแต่ความคิดของตัวได้เช่นกัน พระองค์ต้องการให้สุดสาครต่อไปต้องเป็นพระราชาที่เป็นที่รักและชื่นชมของปวงชน เพราะปกครองด้วยคุณธรรมรับฟังความคิดเห็นและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบทุกข์ยากต่อไปในกาลข้างหน้า ซึ่งคงต้องใช้เวลาสั่งสอนให้สุดสาครได้เรียนรู้ต่อไป
             จึงได้กล่าวเป็นเชิงแนะนำสุดสาครว่า
             "สิ่งใดก็ตามที่เราคิดตัดสินใจ ย่อมอาจมีผลกระทบที่ตามมาด้วยเสมอ ดังนั้นไม่ว่าเราจะคิดตัดสินใจใดต้องคำนึงให้รอบด้านโดยพยายามเลี่ยงไม่ให้มีผลกระทบที่ตามมาอันเป็นเรื่องเดือดร้อนมาสู่ตัวให้น้อยที่สุด"
            เมื่อทรงแนะนำแล้วก็หมดเรื่องที่จะทัดทาน กล่าวอนุญาติให้สุดสาครมัดชีเปลือยขึ้นม้าพาไปปล่อยยังเกาะร้างตามต้องการได้ โดยให้รีบไปรีบกลับอย่าได้แวะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ ในระหว่างทางทั้งสิ้น
            เมื่อสุดสาครไปแล้วพระสุริโยทัยกลับต้องเป็นฝ่ายกลุ้มพระทัยเอง รำพึงขึ้น
            "นี้ตัวเราคิดอะไรนี้ สอนสุดสาครว่าให้คิดอะไรควรคำนึงถึงผลที่ตามมาให้ดี แต่เราก็ดันตัดสินใจให้สุดสาครออกไปเสี่ยงอันตราย ผลกระทบคือความไม่สบายใจมาสู่ตัวเราแท้ๆ เคยว่าพระฤาษีปล่อยหลานออกไปผจญภัยได้ไงแต่เราก็กลับเป็นเอง หากสุดสาครเป็นอะไรไปเราคงไม่อาจให้อภัยตัวเองที่ตัดสินใจไปแบบนี้เป็นแน่"
             พระราชาจึงได้แต่ห่วงสุดสาครผุดนั่งผุดลุกคอยแต่ว่าสุดสาครเมื่อไรจะกลับมา คอยเรียกหาแต่ทหารให้เฝ้าดูว่าเมื่อไรสุดสาครกลับมาให้รีบมารายงานทันที ทำให้พระมเหสีและคนอื่นพลอยตั้งตารอสุดสาครไม่ยอมนอนไปด้วย
             เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปสำหรับพระองค์เหมือนนานเป็นชาติทีเดียว จนในที่สุดเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์เมื่อทหารต่างตะโกนเข้ามา
             "พระโอรสกลับมาแล้วพะยะค่ะ"
             "พระโอรสกลับมาแล้ว"
              นั้นแหละจึงทำให้คลายวิตกกังวลสีหน้ากลับมาแช่มชื่นขึ้น ทุกคนต่างไชโยโห่ร้องดีใจที่บัดนี้ความสงบสุขได้กลับมาเยือนเมืองการะเวกอย่างแท้จริง
              สุดสาครจึงเล่าให้ฟังว่าได้เดินทางพาชีเปลือยไปยังเกาะร้างเรียบร้อยไม่มีอุปสรรคใด เมื่อไปถึงก็ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจนชีเปลือยเป็นปกติ และดูเหมือนชีเปลือยก็พอใจที่ได้มาอยู่ยังเกาะร้างนั้น ด้วยตัวมันคิดว่าเมื่อได้ก่อเรื่องในวัง แม้หนีมาได้ก็คงอยู่ยาก ยิ่งชาวการะเวกรู้มันเป็นคนร้ายก็จะยิ่งทำให้มันเป็นอันตรายต่อตัวเองมากขึ้น อีกทั้งทหารของเมืองการะเวกมีตั้งมากมายพระราชาสั่งตามจับให้รางวัลแบบนี้มันคงไม่รอด มาอยู่นี้มีอาหารการกินสมบูรณ์ ชีเปลือยจึงขอบคุณที่สุดสาครไว้ชีวิต วิ่งกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจทำตัวราวกับเป็นเจ้าของเกาะร้างนั้นแต่เพียงผู้เดียว สุดสาครจึงกลับมา
             พระราชาว่าได้เห็นสุดสาครกลับมาก็ดีใจแล้ว วันนี้เหนื่อยมามาก สมควรจะไปพักผ่อนนอนหลับกันได้แล้วต่อไปเมืองการะเวกจะพบแต่ความสุขรุ่งเรือง พรุ่งนี้จะทำพิธีแต่งตั้งสุดสาครเป็นโอรสบุญธรรมอย่างเป็นทางการ อยู่นี้ค่อยเรียนรู้ศิลปะวิทยาจนกว่าจะได้ข่าวพระอภัยมณีผู้เป็นบิดาแท้จริงเถอะ
             ว่าแล้วจึงพาพระมเหสีไปเข้าห้องบรรทมระหว่างทางได้หารือว่านับแต่พรุ่งนี้คงต้องหาคนมาช่วยดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้สุดสาครกระมั่งจะได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมในวัง
             สุดสาครได้ยินจึงนึกได้ว่ามีเรื่องอยากจะกราบทูล แต่พระองค์กับพระมเหสีเข้าห้องบรรทมไปแล้ว โดยยังปรึกษาเรื่องสุดสาครกันต่อ สุดสาครทีแรกคิดจะไปแล้วค่อยมาหารือต่อในวันพรุ่งนี้ แต่ด้วยความอยากรู้ว่าตอนอยู่ลำพังพระราชาสุริโยทัยจะมีความคิดเห็นกับตนเช่นไร จึงใช้วิชากำบังกายแล้วลอดประตูเข้าไปในห้องบรรทม
            "สุดสาครเป็นเด็กฉลาดนัก พระองค์อย่าห่วงเลยหม่อมฉันเชื่อว่าต่อไปต้องเป็นพระราชาที่ดีตามที่เสด็จพี่มุ่งหวังเป็นแน่"
เสียงพระมเหสีเอ่ย
            "ดูจากการกระทำวันนี้ สุดสาครนอกจากไม่โกรธแค้นชีเปลือยแถมมีใจเมตตา ก็เชื่อว่าคงเป็นพระราชาที่ทรงธรรมในอนาคต แต่โลกมันอาจไม่สวยงามดั่งที่คิดไว้เสมอ นับแต่พรุ่งนี้คงต้องให้สุดสาครสึกจากการเป็นดาบสเสียก่อนจึงจะสามารถทำการสอนให้รู้เรื่องทางโลกได้ง่ายขึ้น"
             สุดสาครได้ฟังทั้งคู่กล่าวถึงตนด้วยความรักที่แท้จริงขนาดคิดจะยกทรัพย์สมบัติให้ตนครองราชย์ต่อไปก็รู้สึกตื้นตัน ขณะตัดสินใจว่าจะออกจากห้องบรรทม อยู่ๆพระราชาก็เปลี่ยนเรื่อง พูดว่าพระมเหสีอย่าน้อยใจไปที่ไม่มีบุตรชายเราต่างยังหนุ่มสาวเชื่อว่าวันหน้าก็อาจมีบุตรได้ แล้วแต่วาสนาเถอะเพียงตอนนี้ชะตาชักพาให้สุดสาครมาเป็นบุตรบุญธรรมเท่านั้น วันนี้เป็นโอกาสเหมาะและพระองค์ก็รู้สึกอารมณ์ดีเรามาลองทำบุตรของเราเองเถอะ
             สุดสาครหันไปเห็นพระราชาบรรจงจูบพระมเหสีแสนสวย พร้อมกับช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย สุดสาครถึงกับตาค้างไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับการแสดงหนังสดต่อหน้าเช่นนี้
             คราก่อนตอนแอบดูชีเปลือยก็อยู่ภายนอกห้องห่างไกล แต่ตอนนี้ได้มาอยู่ในห้องใกล้ชิดขนาดนี้ แถมพระราชายังแสดงขั้นตอนให้เห็นตั้งแต่เริ่มแรกอีกด้วย
ตอนนี้พระราชากับพระมเหสีต่างแก้ผ้าเปลือยล่อนจ้อนด้วยกันทั้งคู่ พระราชาก้มลงดูดนมพระมเหสีทั้งซ้ายขวาก่อนลากลิ้นไล่เลียไปถึงหน้าท้องแบนราบแล้ววกไปซุกไซร้ไปตวัดเลียที่ร่องรอยแยกตรงหว่างขา แลเห็นพระมเหสีถึงกับดิ้นทุรนทุรายสบัดหน้าร้องครางอย่างสุดเสียว
             สุดสาครแลเห็นพระมเหสรโฉมจันทวดีแล้วพาลนึกไปถึงพระธิดาเสาวคนธ์ไม่ได้ ด้วยมีใบหน้าประพิมประพรายคล้ายกันด้วยเป็นแม่ลูกกัน ก็ในวรรณคดีบรรยายว่าพระธิดาเสาวคนธ์งามราวนางฟ้าในสวรรค์ชั้นหก ผู้เป็นแม่ก็ต้องสวยงามไม่น้อยกว่ากัน ตอนนี้สุดสาครจึงนึกถึงว่าหากเป็นพระธิดาเสาวคนธ์โดนเลียหีคงออกอาการทำใบหน้าสยิวอย่างนี้เหมือนกัน ต่อมาพระราชาสุริโยทัยกลับลงไปนอนหงายอวดควยตั้งเด่ชี้ขึ้นข้างบน พระมเหสีกลับเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาบ้างเอามือไปคว้าควยพระราชาเอาใส่ปากราวกลับกำลังกลืนกินไม่มีผิด สุดสาครยิ่งมองไปกลับคิดไปเหมือนพระธิดาเสาวคนธ์กำลังอมรูดดูดกระเจี้ยวของตนที่กำลังแข็งขันขึ้นมาตอนนี้ไม่ปาน ตราวนี้เห็นเป็นพระราชาที่เป็นฝ่ายตีหน้าเหยเกด้วยความเสียวบ้าง เสียงพระเมหสีดูดควยดังจ๊วบๆ น้ำลายกระเซ็น
              อา..ฮ่า..สุดสาครได้ความรู้ใหม่ว่ากระเจี้ยวมีความอร่อยสามารถเอาใส่ปากให้ผู้หญิงดูดเล่นได้ เพราะดูพระมเหสีทั้งเลียทั้งดูดอย่างชอบใจ สักพักพระราชาต้องขอให้พระมเหสีหยุด ให้นอนหงายลงแล้วพระองค์จึงเอาท่อนควยจ่อลงตรงรอยแยกตรงหว่างขาของพระมเหสี เหมือนกับที่ชีเปลือยฝึกให้ตนเอากระเจี้ยวจิ้มลงไปในรอยแยกของรูหินนี้เอง ที่รูรอยแยกของพระมเหสีคงดีกว่ากว่าร่องหินมากเพราะตอนนี้สุดสาครมายืนดูอยู่ด้านหลังเห็นพระราชาแทงควยเข้าไปไม่เท่าไรมันก็ดันแคมพระมเหสียู่ลงไปพักเดียวก็จมมิดรู ทำให้พระองค์ซอยเข้าซอยออกอย่างสนุก สุดสาครทนไม่ไหวต้องเอามือสาวกระเจี้ยวตัวเองตามนึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนทำเช่นนั้นอยู่เอง พักเดียวก็เห็นพระราชานอนตะแคงยกขาพระมเหสีขึ้นแล้วเข้าไปแทงควยเข้าออกอยู่ด้านหลัง
             "โอวส์...เสียวดีจริงๆ เพคะ เสด็จพี่ วันนี้ลำลึงค์ของเสด็จพี่แข็งปั่งดีแท้"
             "น้องโฉมจันทวดี เปลี่ยนไปเป็นคว่ำหน้าโก่งตูดขึ้นเถิด เขาว่าท่านี้จะทำให้ได้ลูกชาย"
              สิ้นเสียงพระมเหสีก็กลับไปเป็นโก่งโค้งตูดขึ้นปล่อยให้พระราชาซอยเย็ดรูหีจากด้านหลัง สุดสาครจึงมองอย่างเพลิดเพลิน เย็ดกันมันมีหลายท่าจริงแฮะ ไม่เหมือนชีเปลือยที่เย็ดเพียงท่าเดียว  ไม่เพียงแต่ฝ่ายชายที่เป็นฝ่ายกระเด้าเท่านั้นผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน
             ที่สุดสาครคิดเช่นนี้เพราะตอนนี้เห็นพระราชาเป็นฝ่ายนอนลงไปแต่พระมเหสีเป็นฝ่ายนั่งยองๆหันหน้าไปทางปลายเท้าเป็นฝ่ายห่มกระเด้ารูหีลงบนลำควยของพระราชาเสียเองจนในที่สุดพระมเหสีก็เอามือยันไปด้านหลังทั้งพระราชาและทั้งพระมเหสีต่างช่วยกันกระเด้ากระเด้งใส่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนท้ายที่สุดพระมเหสีกลับหมุนหันหน้าไปทางศรีษะของพระราชาทั้งที่ควยยังคารูหีอยู่ ขย่มหีกระเด้า ๆ เย็ดควยพระราชา จนต่างส่งเสียงหวีดร้องโอด โอ้ย น้ำแตกแล้วด้วยกันทั้งคู่ ก่อนพระมเหสีลงไปนอนคว่ำจูบปากกับพระราชาปล่อยให้น้ำแตกทะลักอย่างนองเนืองค่อยหลับกันไปทั้งคู่
            สุดสาครแสนระทึกใจด้วยความเสียว ด้วยพระราชากับพระมเหสีต่างไม่รู้ตัวว่าได้เป็นนักแสดงโชว์การเย็ดให้สุดสาครได้ดูอย่างถึงพริกถึงขิง สุดสาครทนไม่ไหวว่ากลับไปชักว่าวต่อที่ห้องดีกว่า ก็บังเอิญเดินผ่านห้องพระธิดาเสาวคนธ์ว่าจะแวะเข้าไปดูสักหน่อย จึงใช้คาถาลอดช่องประตูเข้าไป ก็เห็นนางรำคนสวยในคณะเจ็ดนางฟ้าที่มานอนเป็นเพื่อนพระธิดาสองคนชื่อจำปีและจำปาซึ่งเป็นพี่น้องกัน ต่างนอนแก้ผ้าอยู่ในขณะที่พระธิดาหลับอยู่ ซึ่งสองคนนี้กลับไม่ได้นอนแก้ผ้าธรรมดา ต่างนอนกอดก่ายกัน โดยต่างเอาสองขาสอดเข้ากันและกัน ต่างบดเบียดรูหีถูไถเข้าอีกฝ่ายราวกับเล่นอะไรกัน
            "พี่จำปี โอ๊ยดีจัง ข้าจะเสร็จแล้ว"
            "ชูว์ อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวพระธิดาตื่น อูยส์ ออกแล้ว"
            "ข้าก็ออกเหมือนกัน"
             ต่างร้องบอกกันแล้วต่างก็ขึ้นมานอนกอดจูบกัน สุดสาครงุนงงไม่รู้ว่านางรำคนสวยสองคนนี้เล่นอะไรกัน แต่ก็รู้สึกเกิดอารมณ์ดีแท้ เห็นพระธิดานอนอยู่ด้านในคงไม่สดวกที่จะเข้าไปดู จึงออกจากห้องมา
             พอเดินมาตามระเบียง มองออกไปเห็นม้านิลมังกรของตน วิ่งไล่ตามม้าสีขาวพ่วงพีตัวหนึ่งพอตามทันมันก็กระโดดขึ้นขี่ ทำท่าซอยกระเด้าบนหลังม้าในทันที ได้ยินเสียงม้าสาวตัวนั้น ร้อง ฮี่ ฮี่ ปล่อยให้ม้านิลมังกรซอยสักพัก พอม้านิลมังกรลงมามองไปเห็นม้าสีน้ำตาลเหลืองอีกตัว ก็วิ่งไล่ไปโดดขึ้นขี่กระเด้าม้าตัวนั้น จนมันต้องร้อง ฮี่ ฮี่ ไปอีกตัว
            สุดสาครนึกในใจว่าโลกนี้กับเรื่องกามารมณ์(เซ็กส์) คงเป็นของคู่กันโดยแท้ แม้แต่ม้านิลมังกรก็ไม่พ้นเช่นกัน
             ตอนนี้สุดสาครได้ตัดสินใจเข้ามาอยู่ในวังการะเวกแล้วในฐานะพระโอรสบุญธรรม ซึ่งคงต้องอยู่ไปอีกหลายปีกว่าจะเจอพระอภัยมณี ช่วงเรื่องราวต่อไปนี้สุดสาครจะได้พบเจอกับเรื่องพิศวาสดังที่ตนได้พบเห็นในคืนนี้ด้วยตนเองเป็นแน่
ที่ผู้เขียนได้เสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชม อาจเรียกได้ว่าเป็นการปูพื้นเรื่องทั้งหมดในตอนต้นเท่านั้น เพราะยังไม่ได้เข้าคอนเซปที่ผู้เขียน วางไว้ว่าสุดสาครจะเป็นนักจิ้มรุ่นจิ๋วแต่อย่างใด
            ตั้งแต่ตอนหน้าเป็นต้นไปจึงจะเป็นการเริ่มตอนต้นของสุดสาครนักจิ้มรุ่นจิ๋ว และอาจเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องที่จะพลาดในตอนหน้าไม่ได้ ในตอนถึงเวลาสุดสาคร
           (ในท้องเรื่องพระอภัยมณีว่าสุดสาครเข้ามาอยู่ในเมืองการะเวกจนอายุได้สิบกว่าปี จึวออกเดินทางไปตามหาพระอภัยมณีอีกครั้ง เรื่องที่สุดสาครอาศัยอยู่ในเมืองการะเวกจึงเป็นจินตนาการของผู้เขียนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จึงได้ทำการปูพื้นเรื่องยาวไปสักหน่อยกว่าครึ่งข่อนเรื่องเพื่อให้ลงตัว)
            ในตอนหน้ายังมีเรื่องที่คาดไม่ถึงของสุดสาคร ที่อาจทำให้ผู้อ่านต้องเซอร์ไพส์ โปรดอดใจรอตอนต่อไป
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: pisanuman3 เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 09:32:26 ก่อนเที่ยง
สุดสาครเยี่ยมจัง  เรียนรู้ตั้งแต่เด็ก

(https://i.imgur.com/yTm2blA.png) cobra
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: review1972 เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 10:21:58 ก่อนเที่ยง
นึกว่าสุดสาครจะเข้าไปจัดพระธิดาซะแล้ว แต่ดูแววแล้วคงไม่พ้น555 ภาพประกอบสวยมากครับว่าแต่ตอนที่แล้วทำไมไม่ขึ้นอ่ะครับ

รูปตอนที่แล้วก็ขึ้นตามปกติเป็นรูปนางรำทั้งเจ็ดเหมือนในตอนนี้เพียงภาพเดียว(https://i.imgur.com/yTm2blA.png) cobra
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: somc217 เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 12:28:47 หลังเที่ยง
เรื่องเรื่องพระอภัยมณี ภาคนี้เด็ดจริงๆครับ
ยิ่งอ่านยิ่งมันส์
รออ่านตอนต่อไปครับ
ขอบคุณมากๆ

(https://i.imgur.com/yTm2blA.png) cobra
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: cd13579 เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 01:36:05 หลังเที่ยง
ปูนิ่มๆ ปูมาลงตัวมากครับ สุดสาครจะฟาดไปกี่หลายใน
อนาคต ป.ล. เอาศรีสุวรรณด้วยนะครับทางนั้นก็น่าจะมันส์ไปอีกแบบ

ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: songsak เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 02:12:40 หลังเที่ยง
สาวๆในวังเยอะซะด้วย งานนี้ได้จิ้มทุกวันแน่ๆน้องสุดสาคร
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: medsay เมื่อ พฤษภาคม 15, 2017, 09:16:53 หลังเที่ยง
ปู่เสื่อรอรับชมเลยค๊าบ ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: Seraphia13 เมื่อ พฤษภาคม 16, 2017, 06:12:27 ก่อนเที่ยง
ดูแล้ว ครูสอนเต็มเมืองเลยนะนั่น  ::HoHo::
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: notani26 เมื่อ พฤษภาคม 16, 2017, 08:21:36 หลังเที่ยง
แค่บทรักของพระราชาก็เสียวแล้ว
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: smuity เมื่อ พฤษภาคม 17, 2017, 01:03:02 ก่อนเที่ยง
สุดสาครคงได้เรียนอะไรอีกเยอะที่เมืองนี้
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: SH IT เมื่อ พฤษภาคม 17, 2017, 12:00:52 หลังเที่ยง
อยากเป็นสุดสาครเลยอ่ะ 5555
จินตนาการเยี่ยนครับบ
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: azerothx เมื่อ พฤษภาคม 18, 2017, 10:55:29 หลังเที่ยง
สุดสาครจะได้ใครบ้างหนอ แต่พระธิดาตอนท้ายๆ แน่ พระฤาษีบอกไว้แล้วว่าคนนี้อย่าพึ่ง ::Thankyou::
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: suriyamahajit เมื่อ พฤษภาคม 21, 2017, 07:28:06 หลังเที่ยง
ตอนหน้าสุดสาครคงมีสนุกเป็นแน่เลย
ชื่อ: Re: ตามรอยวรรณคดี สุดสาคร 8 (ตอนจับผีกระจู๋)
โดย: ่jub2520 เมื่อ มิถุนายน 29, 2017, 11:17:14 ก่อนเที่ยง
เป็นแนววรรณคดีที่ฉีกแนวไม่ซ้ำจำเจ  ขอบคุณที่นำมาให้ได้อ่านอย่างเต็มเนื้อเรื่อง