🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์บอร์ด => หัวข้อที่ตั้งโดย: twintower เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 08:14:09 หลังเที่ยง

ชื่อ: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: twintower เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 08:14:09 หลังเที่ยง
ยูเริ่มเล่าให้ฟังว่า  พ่อของยูกับแด้ดนั้นรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม  เพราะแด้ดเป็นนักเรียนทุน AFS ที่เลือกจะมาประเทศไทยและได้ไปเรียนที่โรงเรียนที่พ่อของยูเรียนอยู่  ทำให้รู้จักกันและกลายเป็นความสนิทกันเพราะพ่อของยูนั้นพูดภาษาอังกฤษเก่งตั้งแต่เด็กๆ  ทำให้ทั้งคู่สื่อสารกันได้สะดวกจนกลายเป็นเพื่อนรักกันและเป็นจุดที่ทำให้แด้ดของยูนั้นศึกษาภาษาไทยอย่างจริงจังจนแตกฉานทั้งอ่านทั้งเขียนทั้งพูดได้คล่อง   พ่อของยูพาแด้ดไปเที่ยวบ้านด้วยจนแด้ดกลับมาที่สเปนมิตรภาพก็ไม่เสื่อมคลายมีการชวนพ่อของยูให้มาเที่ยวสเปนซึ่งพ่อของยูก็ตอบตกลง

ทั้งคู่ติดต่อกันตลอดในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยโดยต่างฝ่ายผลัดกันไปหาอีกฝ่ายทำให้มิตรภาพเพิ่มพูนมากขึ้น แม้กระทั่งเรียนปริญญาโทก็เลือกไปเรียนที่ฮาร์วาร์ดเหมือนกัน  และพอจบแด้ดก็แต่งงานซึ่งพ่อของยูก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่ง  รวมถึงตอนที่พ่อกับแม่ของยูแต่งงานแด้ดกับมัมก็บินมาร่วมงาน  ทำให้มิตรภาพของทั้งสองครอบครัวงอกเงยขึ้น และพอรู้ว่าแม่ของยูท้องทั้งคู่ก็ตกลงรับเป็นพ่อและแม่ทูนหัวทันทีแถมบินมารอตอนที่ยูจะคลอด ชายหนุ่มพูดต่อไปว่า

"ก็ตามภาพที่คุณเห็นนั่นแหละวันที่ผมเกิดทั้งคู่ก็มารอหน้าห้องคลอดด้วย"

หญิงสาวเลยถามต่อไปว่า

"แล้วทำไมแด้ดกับมัมคุณถึงไม่มีลูกละ"

"มัมร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนะคุณ  มีลูกไม่ได้ มัมถึงเน้นทุกอย่างเพื่อสุขภาพทั้งอาหารการกินต่างๆไงคุณ"

หญิงสาวถึงเข้าใจว่าทำไมยูถึงบอกว่าโดนห้ามเรื่องน้ำอัดลม อาหารฟาสฟู้ดเพราะเหตุนี้นี่เองก่อนที่ยูจะเล่าต่อไปว่า จุดที่เริ่มจริงๆคือ หลังจากยูคลอดมาได้ 4 เดือน พ่อถูกย้ายมาเป็นเลขานุการตรีที่สถานทูตไทยในสเปนยูกับแม่จึงตามมาด้วย  และแม่ของยูได้ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อจะมาดูแลยู  ซึ่งตอนแรกย่าของยูไม่อยากให้ยูมาอยากจะให้ยูกับแม่อยู่เมืองไทย แต่แม่ของยูก็ห่วงพ่อเลยต้องย้ายตามมาด้วย  แต่พอเห็นหญิงสาวทำหน้าสงสัย  ยูพอจะเข้าใจว่าแพงสงสัยอะไรเลยบอกต่อไปว่า  ตากับยายของยูเสียก่อนยูเกิด แม่มีพี่สาวอยู่ 1 คน ปู่ก็เสียก่อนยูจะเกิด ส่วนย่าเสียตอนที่ยูเรียนมหาวิทยาลัยปี 1  พ่อนั้นมีน้องสาวอีก 1คน 

ยูบอกต่อไปว่า จะเจอป้าบ่อยมากเพราะตั้งแต่พ่อเสียป้าจะมาชวนแม่ไปทำบุญที่วัดด้วยกันเป็นประจำ  ส่วนอานั้นนานๆเจอที เพราะอาของยูนั้น มีกิจการที่ทำกับสามีเป็นรีสอร์ทอยู่ที่สตูลทำให้ไม่ค่อยจะได้เจอกัน แต่พอย้ายมาที่สเปน ปัญหาคือพ่อได้ห้องพักขนาดเล็กส่วนห้องใหญ่หรือบ้านต้องรออีกนาน พ่อกับแม่กลัวจะเกิดปัญหารบกวนคนอื่นเพราะยูยังเล็กอยู่  แด้ดกับมัมเลยเสนอให้แม่พายูมาพักที่บาร์เซโลน่าก่อน  เพราะบ้านหลังใหม่ก็พึ่งตกแต่งเสร็จทั้งคู่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานนัก

พ่อกับแม่ของยูเลยยอมตกลง  พอมาอยู่ด้วยมัมกับแม่ของยูก็ช่วยกันเลี้ยงดูยูโดยพ่อจะมาหาทุกวันหยุด  และพอยูอายุจะ1 ขวบพ่อก็ได้บ้านพักซึ่งแด้ดนั้นช่วยหาให้ตลอดเวลา  แต่ทั้งพ่อและแม่รู้ดีว่า ทั้งแด้ดกับมัมไม่อยากให้ยูย้ายกลับไปแมดริดและตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งมัมกับแด้ดก็ดูแลยูกับแม่เป็นอย่างดี   ยังไม่รวมข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อนที่มัมกับแด้ดไปซื้อหามาให้ จนไม่รู้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่  เพราะทุกอย่างเป็นของอย่างดี ทั้งคู่เลยตกลงจะฝากยูให้มัมกับแด้ดเป็นคนเลี้ยงและสาเหตุสำคัญที่ทำให้แม่กับพ่อตัดสินใจที่ยอมให้ยูอยู่ที่นี่ต่อเพราะ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่เดินทางไปหาพ่อที่มาดริดและฝากยูให้มัมช่วยดูและยูนั้นไม่สบายพอดี  ซึ่งมัมนั้นดูแลยูอย่างดีเกินกว่าที่แม่จะคาดคิด

ทำเอาแด้ดกับมัมดีใจมากพร้อมให้คำสัญญาว่าจะดูแลยูอย่างดีที่สุดเหมือนลูกคนหนึ่ง หลังจากนั้นยูก็เลยตกอยู่ในความเลี้ยงดูของทั้งคู่ส่วนพ่อกับแม่ก็จะมาหายูทุกวันหยุด   โดยแด้ดคอยอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางให้ตลอด จนยูเริ่มเข้าเรียนในชั้นอนุบาลแต่ พ่อของยูต้องย้ายไปประจำที่เบลเยี่ยม

ซึ่งแด้ดได้บอกว่ายูพึ่งเริ่มเข้าเรียนไม่อยากให้ย้ายตามไปกลัวจะมีปัญหาเรื่องการเรียนที่ไม่ต่อเนื่อง   เลยบอกว่าถ้าพ่อของยูนั้นย้ายไปสถานทูตไทยในยุโรป  ก็จะขอเลี้ยงยูที่สเปนจะเหมาะที่สุดเพราะพ่อกับแม่ของยูสามารถมาเยี่ยมยูได้ง่ายกว่าส่งยูกลับไปที่เมืองไทย และการเรียนจะได้ไม่ขาดช่วงแต่ถ้าถูกย้ายไปนอกทวีปยุโรปหรือย้ายกลับเมืองไทยค่อยว่ากันอีกที  ซึ่งทั้งพ่อกับแม่ยูก็ยินยอมเพราะรู้ดีว่าทั้งแด้ดกับมัมนั้นรักยูเหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง ไม่อยากจะให้ยูจากไป  แล้วยูก็เงียบไปชั่วขณะก่อนจะเงยหน้ามองไปที่รูปของพ่อ  แล้วเล่าต่อไปว่า

"เหมือนผมจะโชคดี เพราะพ่อผมวนเวียนอยู่ในยุโรปตลอด เลยทำให้ผมอยู่ที่นี่ตลอดจนผมเริ่มเรียนไฮสคูล พ่อได้เป็นเลขานุการเอกที่สถานทูตไทยในอิตาลี ก่อนจะย้ายกลับไปเมืองไทยเพื่อเตรียมเป็นทูตแต่แล้วพ่อก็ตัดสินใจลาออก"

"เพราะอะไรละยู"

หญิงสาวถามขึ้นมาทันที ยูเล่าต่อไปว่า พ่อของตนเองนั้นเบื่อที่จะทำงานที่ต่างประเทศแล้วรวมถึงสงสารแม่ด้วยที่ต้องย้ายตามตลอด เลยตัดสินใจลาออกและมีรุ่นพี่ชวนพ่อไปทำธุรกิจนำเข้าส่งออก  พ่อเห็นด้วยพร้อมชวนแด้ดไปลงทุนก่อนจะเปิดบริษัทโดยเข้าไปทำในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการก่อนจะถอยมาเป็นที่ปรึกษาเมื่อลูกชายคนโตของรุ่นพี่เข้ามารับตำแหน่ง แต่แม่ของยูก็ใช่ว่าจะอยู่เฉยๆ  เพราะเข้าไปเป็นที่ปรึกษาให้กับสายการบินที่แด้ดถือหุ้นอยู่และช่วยมัมประสานงานเรื่องมูลนิธิต่างๆที่มัมก่อตั้งขึ้น  เพราะมัมนั้นนำเงินมาจากมูลนิธิมาบริจาคเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กเรียนดีแต่ยากจนอยู่หลายที่รวมถึงบ้านเด็กกำพร้าในไทยด้วยซึ่งทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่  และแม่จะไปเป็นประธานในการสอบสัมภาษณ์แอร์โฮสเตส ของสายการบินที่แด้ดมีอหุ้นอยู่เวลามาเปิดรับสมัครที่ประเทศไทย  หญิงสาวพยักหน้าเพราะรู้แล้วว่าบริษัทที่พ่อยูก่อตั้งนี่คือบริษัทที่น้องสาวตนเองเข้าไปทำงานด้วย แต่เธอก็ถามต่อไปว่า

"อ้าวแล้วพ่อกับแม่คุณกลับเมืองไทยแล้ว ทำไมคุณไม่กลับตามมาละ"

ยูถอนหายใจก่อนบอกว่า

"พ่อผมกับแด้ดคุยกันเรียบร้อยแล้วครับ  ว่าจะให้ผมเรียนจนจบไฮสคูลที่นี่ก่อนแล้วกลับไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทย  ตอนนั้นชีวิตผมถูกกำหนดไว้แล้วครับ   เพราะทั้งแด้ดกับมัมบอกกับพ่อและแม่ว่าจะยกสมบัติให้ผมทั้งหมดเพราะทั้งคู่ไม่มีทายาทและรักผมเหมือนกับลูกแท้ๆตั้งแต่ตอนผมเรียนช่วงประถมได้"

ยูเล่าต่อไปว่า ตั้งแต่ที่ตนเองเริ่มเรียน ทั้งมัมกับแด้ดเริ่มที่จะสอนตนเองในเรื่องต่างๆเพิ่มเติมเข้าไปด้วย  ไม่ว่าจะสอนเองหรือหาครูมาสอนโดยที่มัมจะคุมเข้มตลอด ซึ่งยูต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตลอดซึ่งแด้ดกับมัมนั้นจะไม่ตัดสินใจด้วยตนเองก่อน  ต้องปรึกษาพ่อกับแม่ยูทุกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะบอกว่า

"ตอนเด็กๆผมกลับชอบการใช้ชีวิตที่โรงเรียนมากว่าอยู่ที่บ้านนะแพง  เพราะอยู่ที่นั่นผมพอจะมีอิสระทำอะไรได้ตามใจชอบแต่พอกลับบ้านผมเหมือนติดคุก ต้องทำนี่ทำโน่นตามคำสั่ง  ไม่มีอิสระเหมือนเด็กทั่วๆ กลับมาต้องทำการบ้านให้เสร็จ  ต้องเรียนภาษาเพิ่มเติมไม่ก็วิชาอื่นๆ และมีเทสทุกวันโดยมัมจะคอยคุมเข้ม  จนผมเริ่มจะเกเรไม่สนใจ บางครั้งก็ท้อแอบไปร้องไห้ไม่ให้ใครเห็น  แต่ในที่สุดผมก็กลับมาตั้งใจเรียนเพราะมัมครับ"

"ทำไมละ"

"มัมบอกผมว่า  ผมรู้หรือเปล่าในแต่ละวันทุกคนเหนื่อยเพื่อผมขนาดไหน  มิเชลกับปาสกาลต้องตื่นกี่โมงเพื่อมาดูแลเรื่องอาหารเช้าของผม ทีมของมุลเล่อร์ต้องตื่นกี่โมงเพื่อมาดูแลผมตอนไปโรงเรียน  แล้วถ้าวันไหนให้คนขับรถขับให้คนขับต้องตื่นมากี่โมง แต่ มัมไม่ยอมพูดว่ามัมที่สุขภาพไม่ค่อยดีต้องตื่นมากี่โมงเพื่อมาดูแลผม  ส่วนผมต้องตื่นแต่ 6โมงเช้าและ 7โมงก็ต้องออกจากบ้าน  ถ้าผมผลการเรียนไม่ดี  พ่อกับแม่ผมจะผิดหวังในตัวมัมกับแด้ดขนาดไหนที่ให้สัญญาว่าจะดูแลผมอย่างดี และไว้ใจให้เลี้ยงดูผม  ผมเลยคิดได้ ผมถึงบอกคุณในตอนนั้นไง ว่ามันไม่ใช่มาง่ายๆกว่าที่ผมจะพูดได้หลายภาษาหรือมีผลการเรียนที่ดีในเกือบทุกวิชา  เพราะถูกคุมเข้มในเรื่องนี้  ผมไม่ใช่คนหัวดีนะ แต่โชคดีที่มัมกับแด้ดมีเงินจ้างครูดีๆมาสอน  ทำให้ผมมีโอกาสกว่าเด็กคนอื่นๆ จนดูเหมือนคนเรียนเก่ง"

ยูเล่าย้อนไปว่า ตั้งแต่ตนเองหัดพูดทั้งมัมกับแด้ดจะเริ่มให้ตนเองหัดทั้งไทยกับสเปน จนพูดทั้งสองภาษาได้ไม่เพี้ยนพูดได้อย่างชัดเจน และตอนนั้นเริ่มที่จะพอฟังภาษาคาตาลันซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นออกเพราะมัมมักจะใช้พูดกับคนในบ้านไม่ก็เพื่อนฝูงจนทำให้เรียนรู้ภาษานี้อย่างอัตโนมัติ   พอเริ่มโตขึ้น หลังจากเข้าโรงเรียนแล้วยูก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศสเพิ่ม จนชำนาญก่อนจะมาเพิ่มเยอรมันกับอิตาลีภายหลัง รวมถึงวิชาอื่นๆที่ต้องเรียนด้วย  และรวมไปถึงมารยาทในการเข้าสังคมชั้นสูง และบอกต่อไปว่าชีวิตถูกกำหนดไว้แล้วว่าตนเองจะต้องเป็นทายาทของตระกูลนี้ด้วย

ทำให้ทุกคนต่างปรึกษากันเรื่องของยูและตกลงว่าจะให้ไปเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทยเพื่อจะได้รู้จักและมีเพื่อนฝูงเป็นคนไทยด้วย โดยยูจะต้องเรียนให้เหมือนกับพ่อทุกอย่างและเข้าไปทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจะได้เรียนรู้เรื่องการทำงานในฐานะลูกน้องและเข้าใจวิธีการทำการในวงการทูตเพื่อในอนาคต    จะได้นำประสบการณ์มาบริหารงานกับเมนเตซกรุ๊ป

ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้ใหญ่ทุกคนต้องการ ยูสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับพ่อในตอนเรียนปริญญาตรีและจนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกับพ่อและแด้ด พร้อมได้เข้าทำงานโดยที่พ่อกับเพื่อนของพ่อที่ตอนนั้นเป็นรองปลัดกระทรวงได้ทำการช่วยเหลือ ยูพูดจบแล้วมองไปที่แพงนี่นั่งเท้าคางตั้งใจฟังอย่างดีก่อนที่เธอจะถามไปว่า

"แล้วตอนนั้นถ้าคุณสอบไม่ติดละจะทำยังไงต่อ"

"ก็ต้องเรียนในเมืองไทยครับ  เค้าเตรียมให้หมดแล้วถ้าสอบไม่ติดก็เรียนเอกชน"

"แล้วคุณรู้ตัวตอนไหนว่าคุณจะเป็นทายาทของตระกูลนี้"

"รู้ตั้งนานแล้วครับแต่ไม่พูดออกมาใครๆในบ้านก็พูดตั้งแต่ผมเล็กๆ  เพราะไม่อย่างนั้นผมไม่ถูกดูแลขนาดนี้หรอก  แต่ถ้าเป็นอย่างทางการคือวันที่รับปริญญาตรีเพราะแด้ดมอบแหวนประจำตระกูลให้  นั่นหมายถึงผมคือผู้สืบทอดทุกอย่างจากแด้ดครับนอกเหนือจากนาฬิกาเรือนนี้ที่ผมได้เป็นของขวัญ"

ยูพูดพร้อมยกแหวนประจำตระกูลให้ดู และถอดนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อหรูราคาแพงให้หญิงสาวดูด้านหลัง  ซึ่งสลักข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า

"มอบให้ยูลูกรัก จากดวงใจของ มัมและแด้ด

แพงรับมาดูก่อนจะส่งกลับให้เจ้าของและถามต่อไปว่า

"ญาติพี่น้องทางนี้ของแด้ดของมัมไม่มีปัญหาหรือไงคุณ  จู่ๆคุณก็มาเป็นผู้รับมรดกทุกอย่าง  อันนี้ชั้นพูดตรงๆนะ  เพราะคุณก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้"

ยูยิ้มให้แล้วบอกไปว่า

"มีสิ  แต่ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์นะ    แม่ของโซเฟียร์กับมุลเล่อร์อยู่ในนั้นด้วยแต่คนที่เล่าให้ผมฟังคือแม่ของโซเฟียร์นะ คือแด้ดเรียกประชุมบรรดาญาติๆเลย และบอกว่าจะแต่งตั้งให้ผมเป็นผู้สืบทอดหมายถึงได้รับแหวนวงที่ผมสวมอยู่นี่แหละ แต่ก็มีหลายๆคนที่ไม่ยอม  แต่แด้ดก็บออกว่าทรัพย์สินทุกอย่างนะแด้ดกับมัมสร้างมาเกือบทั้งหมดจะมอบให้ใครก็ได้  ส่วนคนอื่นๆนะก็ได้ไปตามสมควรแล้วทั้งให้ยกบริษัทให้ดูไม่ก็ให้ถือหุ้นในบางบริษัท ก็ยังมีคนไม่เห็นด้วย  แต่ทุกคนต้องยอมเพราะมัมเป็นคนที่ยืนยันว่าผมมีสิทธิคนเดียว มัมบอกว่าเลี้ยงผมมาอย่างลูกและสอนอะไรหลายๆอย่างเพื่อเตรียมตัวที่จะสืบทอดตำแหน่งของแด้ด   ทุกคนเลยเงียบแต่คุณถามว่ามีใครไม่พอใจไหม ก็บอกว่ามีแน่  แต่มุลเล่อร์เข้าไปจัดการให้  แต่ผมไม่รู้นะว่ามุลเล่อร์ไปคุยอะไรบ้าง ทำให้คนที่ไม่พอใจ 2-3 คนเงียบไม่ปฏิกิริยาอะไรออกมา"

"มัมนี่รักคุณมากเลยนะ"

"ใช่แล้วคุณ มัมบอกว่าตอนที่มาตรวจบ้านนี้ก่อนที่จะตกแต่งนะ ตอนแรกสถาปนิกเค้าออกแบบให้ห้องที่ผมอยู่นะเป็นห้องของแด้ดกับมัมเพราะเป็นเจ้าของบ้านจะเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดมองเห็นวิวได้ดีที่สุด  แถมรับอากาศได้อย่างดี แต่พอมาตรวจทั้งคู่กับรู้สึกคล้ายๆกันว่า ห้องนี้น่าจะเป็นของใครสักคน ซึ่งตอนนั้นผมยังอยู่ในท้องแม่เลย ทั้งคู่เลยเปลี่ยนใจไปอยู่ห้องมุมแทน  และพอรับผมมาเลี้ยง  ทั้งคู่เลยรู้ว่าห้องนี้ควรเป็นของใคร"

เธอถึงกับหัวเราะก่อนจะบอกว่า

"ก็นั่นนะสินะอาจเป็นอะไรมาดลใจแด้ดกับมัมก็ได้"

ยูบอกต่อไปว่า สาเหตุที่แด้ดกับมัมมาสร้างบ้านที่ตรงนี้เพราะ  แด้ดอยากให้มัมได้รับอากาศบริสุทธิ์แทนที่จะอยู่ในตัวเมืองที่มีมลพิษ  ซึ่งตอนแรกไม่อยากจะให้ใหญ่ขนาดนี้แต่หลายๆคนได้บอกว่าควรจะทำให้สมฐานะและอีกอย่างอยู่ในทำเลที่ดีด้วย ทำหลังเล็กๆใครก็อาจจะมองว่าไม่สมฐานะเจ้าของบริษัทที่ทรงอิทธิพลในยุโรป เลยต้องทำแบบนี้ หญิงสาวเลยได้จังหวะถามทันทีว่า

"เมนเตซกรุ๊ปนี่ทำอะไรมั่ง  ชั้นเข้าไปอ่านเจอเห็นหลากหลายมาก"

ยูตอบไปว่า

"มันเริ่มจากบริษัทขนส่งนะคุณ ปู่ที่เป็นคนเริ่มต้นวางรากฐานจากตรงนี้ก่อน  และต่อมาก็ไปมีหุ้นในสายการบินใหญ่ๆ 2 สายการบิน จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และขยายไปในวงการรถเริ่มตั้งแต่เป็นตัวแทนขายก่อนและถือหุ้นในบริษัทผลิตรถ และก็ขยายมาเปิดสำนักงานกฏหมายที่ดูแลทั้งเรื่องของบริษัทและรับงานว่าความหรือเรื่องให้คำปรึกษากฎหมายให้คนทั่วไปด้วย บริษัทรับตรวจสอบบัญชี บริษัทรักษาความปลอดภัย โรงแรมรีสอร์ทระดับ 5ถึง 6ดาวในแมดริดกับที่นี่และในหลายๆประเทศในยุโรป มีบริษัทรับออกแบบตกแต่งด้วยบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้า บริษัทรถเช่า หุ้นใหญ่ของหนังสือพิมพ์ บริษัทสื่อสาร อีกอันหนึ่งก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทผลิตอาวุธ ล่าสุดก็บริษัทให้เช่าเครื่องบินส่วนตัว  หลายๆอย่างเกิดขึ้นตอนที่แด้ดเข้ามาดูเต็มตัวแล้วหลังจากปู่วางมือแล้ว  ปู่กับย่าเสียไปหลังจากที่แด้ดแต่งงานไม่เท่าไหร่ครับ"

"มิน่า  ถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้ และอีกอย่างชั้นสงสัยว่าทำไมถึงต้องมีบอดี้การ์ดด้วยหรือต้องการเพิ่มบารมี"

ยูส่ายหน้าก่อนบอกว่า

"มันมีที่มานะ  พอแด้ดเริ่มทำธุรกิจรวมถึงเข้าไปมีหุ้นในกิจการหลายๆอย่างจนเริ่มมีชื่อเสียงและอีกอย่างแด้ดไม่ใช่คนคาตาลัน  ส่วนมัมนะเป็นคนที่นี่  แต่แด้ดเป็นคนบาเลนเซียแต่มาตั้งรกรากทำธุรกิจที่นี่จนพวกแบ่งแยกดินแดนบาสก์นะเคยส่งคนมาขอเงินสนับสนุน แต่แด้ดไม่จ่าย  และพวกคู่แข่งทางการค้าด้วย  แด้ดทำธุรกิจจนร่ำรวยประมูลงานได้หลายอย่าง  ตอนนั้นรัฐมนตรีมหาดไทยเลยแนะนำให้แด้ดหาบอดี้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย ก็เลยเป็นจุดเริ่มถึงทุกวันนี้นะยิ่งถือหุ้นใหญ่ในบริษัทขายอาวุธอีกอันนี้ต้องยิ่งระวังเลยละ"

"อ๋อ พอจะเข้าใจแล้วตอนแรกก็นึกว่าเป็นพวกมีอิทธิพลซะอีก"

ยูสะดุ้งก่อนตอบด้วยเสียงหัวเราะว่า

"ไม่ใช่คุณ  เราทำทุกอย่างถูกกฎหมาย"

"แล้วคุณละทำไมต้องมีด้วย หรือว่าเป็นทายาท"

"มันก็มีที่มาอีกละครับ ทายาทนะมันส่วนหนึ่งครับ"

ยูเล่าให้ฟังว่ามันเริ่มจากตอนที่ตนเองเริ่มไปเรียนในชั้นอนุบาล  ซึ่งมัมจะเป็นคนไปรับไปส่งที่โรงเรียนและเจ้าของเป็นเพื่อนของมัมด้วย   บางครั้งก็จะมีพี่เลี้ยงไปด้วยหรือถ้าวันไหนมีคนขับรถมัมก็จะไปด้วยเหมือนกัน แต่พอผ่านไป 2เดือนมุลเล่อร์นั้นได้ข่าวที่ยืนยันมาว่ามีแก็งส์โจรจากอิตาลีจะมาจับตัวยูไปเรียกค่าไถ่  ทุกอย่างเลยเปลี่ยนไปทันทีโดยคำสั่งของแด้ดกับมุลเล่อร์  จากที่มีรถคันเดียวอย่างมากก็มีแค่พี่เลี้ยง 1คน  ก็เปลี่ยนเป็นรถ 3คันพร้อมทีมบอดี้การ์ด จนไปถึงโรงเรียนที่ต้องมีบอดี้การ์ดดูแลยูตลอดไม่รวมถึงตำรวจที่แวะเวียนไปดูตลอด จนกลายเป็นยูต้องมีบอดี้การ์ดดูแลถึงทุกวันนี้ แพงเลยถามต่อไปว่า

"แล้วกลุ่มโจรพวกนั้นละ"

"ผมมารู้ทีหลังตอนผมโตแล้วว่ามันล้มเลิกเพราะเห็นการคุ้มกันผมอย่างหนาแน่นมันไม่กล้าเสี่ยงและแก็งส์มันก็โดนตำรวจทะลายไปเรียบร้อย ผมเลยต้องมีคนดูแลตลอด  เพราะกฎของมุลเล่อร์ที่ออกมาและทุกคนต้องปฏิบัติตามถึงทุกวันนี้คือ  จูเนียร์ห้ามคลาดสายตาเป็นอันขาด   ตอนนั้นพ่อผมบอกว่าผมถูกคุ้มกันยิ่งกว่าลูกประธานาธิบดีสหรัฐ ทีมของมุลเล่อร์ดูแลผมยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ นางสิงโตหวงลูกอ่อน  แม่ก็จะเอาผมกลับเมืองไทยเหมือนกัน แต่มุลเล่อร์รับประกันความปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แม่เลยยอม ส่วนพอผมเริ่มโตเป็นหนุ่มก็มีกฎของมุลเล่อร์ออกมาอีกข้อคือ  ถ้าผมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้แต่แก้วเดียว  ผมห้ามขับรถเด็ดขาดซึ่งทั้งมิเกลและมิเชลก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดถึงทุกวันนี้ไม่อย่างนั้นผมโดนเละ"

ยูเว้นระยะไว้ก่อนจะพูดต่อไปว่า

"ตอนเด็กผมก็ดูสนุกดีนะ มีผู้ชายสวมแว่นดำสวมหูฟังมาดูแลแต่พอโตขึ้น ถามว่าอึดอัดไหมผมก็อึดอัด  อย่างวันนี้ผมรู้ว่าคุณอีดอัดตั้งแต่เห็นคาร์รอสแล้ว  แต่เค้าทำตามหน้าที่นะผมก็ต้องเข้าใจพวกนี้ด้วย  ขนาดผมขอว่าจะไปกับคุณเท่านั้นตอนแรกเค้าจะไม่ยอมนะ แต่ผมบอกว่าคุณไม่คุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้เค้าเลยยอมแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่  แต่ผมต้องบอกว่าผมจะไปที่ไหนบ้าง บางทีผมไปไหนเค้าก็ขับรถตามห่างๆนะ   เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเค้าต้องรับผิดชอบเต็มๆแต่เรื่องที่ผมไปไหน     และไม่มีการ์ดคอยดูแลต้องรายงานแด้ดนะไม่งั้นทั้งมิเกลกับคาร์รอสโดน แด้ดเล่นงานแน่นอน"

หญิงสาวนิ่งคิดและพอจะเห็นใจชายหนุ่มก่อนจะถามต่อไปว่า

"แล้วพวกนี้เค้าดูแลคุณตลอดเลยหรือไง"

"ใช่แล้ว  ถ้าผมอยู่ในสเปนต้องมีคนคุ้มกันตลอด  อย่างที่ผมบอกคุณเมื่อกี้ว่าเรามีบริษัทรักษาความปลอดภัยด้วย  คนพวกนี้ก็สังกัดบริษัทนี้แหละ  เพราะเรารับจ้างดูแลพวกนักธุรกิจหรือนักกีฬาดาราชื่อดังรวมถึงคนดังๆทั้งหลายด้วย  มุลเล่อร์เป็นคนเสนอให้แด้ดทำ  และแด้ดเห็นด้วยเลยตั้งบริษัทขึ้นมาอย่างถูกกฎหมายนะมุลเล่อร์เลยเป็น GM คนแรก  แต่ตอนนี้มิเกลจะรับหน้าที่เป็น GM ส่วนคาร์รอสเป็นผู้ช่วยมิเกล  สองคนนี้นอกจากดูแลความปลอดภัยให้แด้ดกับผมแล้ว  เค้าก็ต้องคอยบริหารงานคอยจัดคนไปตามงานที่มีคนจ้างมานะ  แต่เราก็ต้องตรวจสอบประวัติคนว่าจ้างด้วยไม่ใช่รับงานอย่างเดียว  หรือบางครั้งทางรัฐบาลก็มาจ้างเราเหมือนกัน เพราะบางที่พวก VIP หรือ VVIP มาเที่ยวมาพักผ่อนที่นี่อย่างไม่เป็นทางการ ก็จ้างเราดูแลแทนเจ้าหน้าที่รัฐบาล"

"งั้นมีคนอยู่กี่คนละ"

เธอถามอย่างไม่มีความหมาย แต่ยูตอบได้ทันที

"ถ้าเฉพาะพวกที่เป็นบอดี้การ์ดไม่รวมพนักงานด้านอื่นๆที่เราใช้บริษัทในเครือเมนเตซทำให้นะ มี 44 คน ไม่รวมมิเกลกับคาร์รอสนะ เป็นผู้ชาย 40 ผู้หญิง 4 คน แต่มี 14 คน คราวนี้รวมมิเกลกับคาร์รอสด้วยจะต้องทำหน้าที่ดูแลแด้ดกับผมนะถ้าแม่มาก็ต้องมีด้วย  แต่มาไม่พร้อมกันทั้ง 14 คนนะ  แต่คาร์รอสจะเป็นคนจัดเวรให้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน  เพราะที่บ้านต้องมีคนดูแล 24 ชั่วโมง       แต่ถ้ามีไปข้างนอกทางมิเกลกับคาร์รอสจะพิจารณาอีกทีว่าต้องใช้คนกี่คน"

และยูอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นแพงสนใจว่า  ทีมบอดี้การ์ดจะจ้างด้วยเงินเดือนที่สูงและมีสวัสดิการให้อย่างดี จะมีสัญญาจ้างให้ คนละ5ปี ยกเว้นมิเกลกับคาร์รอสที่เป็นพนักงานประจำถ้าใครอยู่ถึง 10 ปี  ก็จะมีโบนัสก้อนใหญ่ให้ไม่รวมถึงโบนัสที่ได้ทุกปี  และการต่อสัญญาจะดูจากผลงานและการทดสอบร่างกายทุก 6เดือน รวมถึงการประเมินของคาร์รอสกับมิเกล  แต่ก็มีพนักงานที่ลาออกไปก่อนก็มีเพราะบางครั้งจะถูกซื้อตัวไปจากพวกที่มาจ้างให้คุ้มกันและเกิดพอใจขึ้นมา   หญิงสาวถามต่อไปว่าหาคนพวกนี้มาจากไหน ยูตอบไปว่า จะเป็นพวกอดีตตำรวจหรือทหารมาสมัครกันหรือไม่ก็แนะนำกันมา อย่างมิเกลกับคาร์รอสก็เป็นอดีตทหารหน่วยรบพิเศษของสเปน  คาร์รอสนั้นมาทำงานก่อนแล้วเป็นคนชวนมิเกลที่เป็นหัวหน้าเก่ามาทำด้วยซึ่งมิเกลนั้นเข้ามาก็รับตำแหน่งรองหัวหน้าจากมุลเล่อร์

จนมุลเล่อร์เกษียณก็เลื่อนมิเกลขึ้นพร้อมเลื่อนคาร์รอสขึ้นเป็นผู้ช่วย  ซึ่งคนที่รับเข้ามาต้องเคยผ่านการอบรมหลักสูตรคุ้มครองบุคคลสำคัญมาก่อนถึงจะพิจารณารับเข้ามาทำงาน  แล้วมีการตรวจสอบประวัติพร้อมตรวจสภาพจิตใจด้วย  ยิ่งถ้าเป็นตำรวจมาก่อนได้ยิ่งดี  เพราะต้องประสานงานในเรื่องข้อมูลการข่าวกับทางตำรวจอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่จำกัดเชื้อชาติแต่ขอให้พูดอังกฤษกับสเปนได้  ยูบอกว่าคนที่ขับรถให้เมื่อเช้าเป็นคนแคนาดาเป็นตำรวจม้าแคนาดามาก่อน  และทุกเช้าจะมีการประชุมเพื่อประเมินการข่าวที่ได้รับมาที่ออฟฟิตที่ตั้งที่ตึกเก่า

หญิงสาวเลยพูดด้วยความสงสัยว่า

"ทำไมคุณรู้ละเอียดจัง"

"แด้ดมอบผมดูแลบริษัทนี้ ผมต้องรู้ข้อมูลสิ บริษัทนี้สำคัญมากๆและเป็นหน้าเป็นตาให้ด้วยเลยให้อยู่ที่ตึกเก่า ขนาดพวกสายการบินยังอยู่บนตึกใหม่เลยคุณ"

"คุณดูแลบริษัทได้ยังไงชั้นเริ่มงงแล้ว"

ยูบอกต่อไปว่า ตั้งแต่ตนเองจบปริญญาโทและเริ่มทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศแด้ดก็เริ่มมอบหมายงานบริษัท3-4บริษัทให้ตนเองบริหารดูแลรับผิดชอบ รวมถึงการอนุมัติค่าใช้จ่ายต่างๆ  ซึ่งยูจะใช้เวลาช่วงค่ำในการทำงานกับบริษัทพวกนี้มาตลอดเวลาแต่ในการอนุมัติค่าใช้จ่ายนั้นแด้ดจะให้ยูอนุมัติโดยใช้รหัสของตนเองในการอนุมัติค่าใช้จ่าย    เพราะยูนั้นไม่ได้มีชื่อเป็นผู้บริหารหรือพนักงาน และทางทีมงานกลัวจะมีปัญหามากระทบในเรื่องงานที่ทำอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศและข้อกฎหมายของทางสเปน เลยต้องใช้รหัสของพ่อทูนหัวมาอนุมัติในระบบแทน  ยูอธิบายเพิ่มเติมไปว่า  ทางแด้ดให้มีการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ  โดยตอนแรกแม่ของโซเฟียร์จะโอนข้อมูลมาให้ยูพิจารณาซึ่งยูจะทำการอนุมัติหลังจากที่ได้รับข้อมูลมาแล้ว ซึ่งถ้ามีการตรวจสอบขึ้นมาคนที่อนุมัติก็คือโรแบร์โต้ แพงถามทันทีว่า

"แล้วคุณแบ่งเวลายังไงนี่ นั่งทำงานที่เมืองไทย  แล้วมันไม่มีข้อผิดพลาดเลยหรือไง"

"มีสิคุณตอนที่ผม ได้รับให้ทำใหม่ๆ  ผมก็จับต้นชนปลายไม่ถูก บางทีการอ่านข้อมูลทางเมลที่แนบมามันก็ไม่กระจ่างต้องโทรถามกันไปมา กว่าจะเข้าใจถ้าคุณถามว่าเคยพลาดไหม  ผมตอบได้เลยว่าผมเคยทำพลาดจนถูกปรับถึง 12 ล้านยูโรนะคือแบบนี้คุณ  การอนุมัติในระบบนะที่เราตั้งไว้ มันก็จะกำหนดในโปรแกรมว่าวงเงินเท่านี้  เรื่องนี้ใครถึงจะมีอำนาจอนุมัติ  ซึ่งพวกคนที่เกี่ยวข้องหรือเลขาพอได้รับเรื่องมาแล้วก็จะคีย์เข้าระบบ  แต่ส่วนใหญ่นะพวกที่ทำเรื่องของก็จะเป็นคนคีย์เพื่อเสนอหัวหน้าของตัวเองแล้วก็ผ่านตามขั้นตอนไปในระบบ   ทีนี้ปกติถ้าคนแรกยังไม่อนุมัติภายในกี่วันก็แล้วแต่ตามที่เราตั้งไว้โดยเหตุผลอะไรซักอย่าง เช่นไม่เปิดเครื่องเข้ามาดู  ระบบมันก็จะเด้งไปที่ผู้มีอำนาจเหนือกว่าเป็นชั้นๆไปจนถึงสูงสุด  ทีนี้มันก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม  เพราะคนนี้ไม่อนุมัติอีกคนก็อนุมัติได้ตามเวลา  และบางคนก็มีเลขาคอยตรวจให้

ทีนี้ตอนนั้นนะไม่มีใครนึกถึง  เพราะผมใช้รหัสของแด้ดซึ่งมันสูงสุดมันก็ไม่เด้งต่อไปหาใครแล้วนี่  และผมตอนนั้นก็งานยุ่งเลิกงานดึก ไม่มีเวลามาดูจนอนุมัติจ่ายเงินค่าขนส่งไม่ทันตามกำหนดส่วนแม่ของโซเฟียร์ช่วงนั้นป่วยเป็นไข้หวัดพอดีเลยไม่มีคนตาม  แด้ดก็ไม่รู้นึกว่าผมอนุมัติเรียบร้อยแล้ว  เลยโดนปรับไปร่วม 12 ล้านยูโร"

หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อได้ยินแบบนี้ก่อนจะถามไปว่า

"แล้วคุณเป็นไงละ"

"แทบช็อคนะคุณ กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย  พ่อกับแม่รุมด่าผมใหญ่เลย  ยิ่งทำเอาผมเครียดหนักเข้าไปอีก"

"แล้วแด้ดกับมัมละ"

"ทั้งคู่บินด่วนมาหาผมเพื่อปลอบใจผมและขอร้องพ่อกับแม่ผมอย่าว่าผมอีกเลย  แด้ดบอกว่าแด้ดเป็นคนผิดเองที่ลืมนึกไปว่าถ้าผมไม่อนุมัติในระบบ ต้องให้เรื่องมันต้องย้อนกลับมาที่แด้ด แถมไม่มีคนคอยประสานกับผมอย่างชัดเจน  ส่วนเรื่องที่สเปนแด้ดให้บ็อบจัดการเพราะมันเรื่องใหญ่ซึ่งแด้ดประกาศรับผิดชอบเอง  ก็เลยให้โซเฟียร์ที่พึ่งเข้ามาทำงานด้านประชาสัมพันธ์คอยมาดูแลผมในเรื่องนี้โดยตรงและแก้ไขโปรแกรมใหม่ถ้าผมยังไม่อนุมัติมันจะเด้งกับไปที่แด้ด  ตอนนี้ก็เป็นแมรี่ที่จะประสานกับโซเฟียร์ก่อนและโซเฟียร์ก็จะคอยอธิบายให้รายละเอียดให้ผมอีกทีส่วนใหญ่ก็คุยทางวีดีโอคอล ถือเป็นบทเรียนใหญ่ของผมเลย แต่แด้ดบอกกับพ่อแม่ผมว่า แด้ดมีทุนไว้ให้สำหรับการทำงานที่ผิดพลาดผมอยู่แล้วถือเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ มันต้องขาดทุนบ้าง "

"คุณดูบริษัทอะไรบ้างละ"

ยูบอกหญิงสาวไปว่าตนเองดูแลอะไรบ้างรวมถึงเนอสเซอรี่ ด้วยยูบอกต่อไปว่ามัมนั้นมีมูลนิธิดูแลหลายมูลนิธิ แต่ตนเองยังไม่มีเวลามาดูตอนนี้ต้องให้บ็อบกับผู้บริหารคนอื่นๆดูแลและเล่าถึงความเป็นมาในการตั้งเนอสเซอรี่ให้แพงฟังด้วย เธอจึงพึมพำออกมาว่า

"ทั้งแด้ดทั้งมัมนี่รักคุณสุดหัวใจเลยนะ"

"ก็นั่นแหละคุณ แต่มัมที่เป็นคนเจ้าระเบียบอยู่แล้วก็เข้มงวดกับผมจริงๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ขนาดเสื้อที่แขวนต้องเรียงตามเฉดสี  ก่อนไปงานเลี้ยงต้องตรวจตัวผม หัวจรดเท้าว่าทุกอย่างเรียบร้อยหรือไม่ รวมถึงเรื่องคุมเข้าเรื่องการเรียน  มัมจะส่งผลการเรียนให้พ่อกับแม่ผมตลอด แต่ถ้าเวลาเล่นมัมปล่อยเต็มที่นะคุณ เค้าเลี้ยงผมเหมือนเด็กฝรั่งนะ  ไม่ใช่เด็กไทย  ผมแต่งตัวไปโรงเรียนเองตั้งแต่เด็กๆ แต่เพราะพ่อกับแม่ยอมให้แด้ดกับมัมเลี้ยงผม  แด้ดเลยให้ความนับถือแม่ผมมากขึ้นเรียกคุณพี่ทุกคำ ทั้งๆที่แม่ผมอายุน้อยกว่าแด้ดนะ"

"พ่อกับแม่คุณละติดต่อคุณบ่อยไหม"

"ก็โทรคุยกันทุกวัน  บางวันแม่ก็จะทำเซอร์ไพส์บินมาถึงที่นี่ตอนบ่ายๆแล้วไปรับผมที่โรงเรียนพร้อมกับมัม  ไม่ก็มายืนรอผมหน้าประตูบ้านตอนผมกลับจากโรงเรียน   มัมจะไม่บอกว่าแม่จะมาในวันนี้เพราะกลัวผมไม่มีสมาธิในการเรียน  ยกเว้นเย็นวันศุกร์ที่ทั้งคู่ต้องมาแน่นอน   พอวันกลับเราก็จะไปยืนบ๊ายบายกันที่สนามบิน ตอนที่พ่อถูกย้ายไปประเทศอื่น  บางทีผมนั่งเครื่องบินไปหา  มัมกับแด้ดก็จะฝึกผมให้เดินทางคนเดียวตั้งแต่ 7 ขวบ เวลาผมไปหาพ่อกับแม่ มัมกับแด้ดก็จะไปส่งผมแค่ตรงทางเข้า แต่มุลเล่อร์จะเป็นคนพาไปส่งถึงประตูเครื่องบิน  พอไปถึงแอร์โฮสเตสก็จะเดินจูงมือผม มาส่งพ่อกับแม่ที่รออยู่ด้านนอก แต่ตอนไปหาพ่อกับแม่ผมก็สนุกนะ  เพราะบางที พ่อกับแม่ พาผมนั่งรถไฟฟ้า  นั่งรถเมล์ มันมีความสุขมีอิสระจะตาย  และขากลับก็เหมือนกัน  บางครั้งมัมกับแด้ดก็จะมายืนรอที่ประตูเครื่องเลย  แต่ส่วนใหญ่จะให้เจ้าหน้าที่สนามบินมาส่งผมที่ด้านนอก"

"โอ้โหขนาดนั้นเลย "

หญิงสาวร้องอย่างประหลาดใจ

"ใช่แล้วคุณ  ผมถูกฝึกตั้งแต่เด็กๆ  แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหมือนเด็กทั่วๆไปนะ  ก่อนนอนมัมจะมานั่งอ่านหนังสือเล่านิทานให้ฟังที่ข้างเตียง ถ้าแม่ผมมา แม่ผมก็จะเป็นคนมาอ่านให้ฟัง  แต่ก็มีนะ  ถ้าวันไหนผมออกฤทธิ์โมโหที่ถูกมัมดุ  ผมจะทำเป็นหลับนอนตะแคงคลุมโปรง  มัมก็จะใช้วิธีไปนั่งบนเตียงข้างๆตัวผมแล้วอ่านให้ฟังเพราะรู้ว่าผมแกล้งหลับ และมัมก็จะทำเป็นอ่านผิด ผมก็จะเผลอตัวทักออกมาว่าไม่ใช่ มันต้องชื่อนี้ มันต้องเป็นแบบนี้   แล้วมัมก็จะแกล้งทักว่าทำไมผมไม่หลับนึกว่าหลับไปแล้ว  ก่อนจะอธิบายให้ผมฟังว่า  ที่ผมถูกดุนะเพราะอะไร ทำไมถึงต้องดุผม มัมอธิบายไปเอามือลูบหัวผมไปด้วย   พอผมง่วงจริงๆ  มัมก็จะจูบหน้าผากผมไม่ก็หอมแก้มส่งผมเข้านอน  แต่พอกลับมาเรียนที่เมืองไทยพอช่วงมาที่นี่มัมก็จะมาคุยกับผมก่อนนอนนะ  มัมจะนั่งบนเตียงแล้วคุยกับผมนานพอสมควรพอเห็นผมหาวมัมก็จะทำเหมือนตอนผมเด็กๆตลอด  แต่พอไปเมืองไทย  ผมก็จะเป็นคนไปส่งมัมเข้านอนแทน"

ยูพูดไปยิ้มไปก่อนจะพูดต่อไปว่า

"มันไม่ง่ายเลยนะคุณกว่าจะมาถึงวันนี้ ใครๆก็นึกว่าผมสบายถูกเลี้ยงดูอย่างเจ้าชาย  แต่ต้องมาสัมผัสจริงๆแล้วจะรู้ ในวัยเด็กของทุกอย่างที่ผมได้มาต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนเกือบทุกอย่างนะ  ถ้าอยากได้อะไร  ผลการเรียนในวิชานี้ต้องมาให้ได้เท่านี้ก่อนไม่งั้นไม่ได้ นี่คือข้อตกลง  และถ้าอันไหนที่ผมอยากเรียนมัมก็จะหาครูมาสอนให้นะ  แต่ตรงนี้ก็ต้องทำออกให้ได้อย่างดีและไม่มีรางวัลให้เพราะเป็นสิ่งที่ผมต้องการและถือเป็นรางวัลแล้ว อย่างภาษาเยอรมัน  ผมขอเรียนเพราะเห็นมุลเล่อร์พูดเราเลยอยากรู้ว่าเค้าพูดอะไร  มัมกับแด้ดไม่ปฏิเสธเลย  เรียนเปียโนมัมก็ถามว่าแน่ใจแล้วนะ  ผมก็ตอบว่าแน่ใจมัมก็ให้เรียนแต่กว่าจะได้ท้อไปเหมือนกัน เรียนขี่ม้าผมก็ขอเรียนเอง แต่บางทีของเล่นแด้ดก็จะซื้อให้นะ เหมือนปลอบใจอย่างเวลาไปเดินห้างสรรพสินค้าแล้วไปแผนกของเล่นถ้าอยากได้ของเล่น  ก็จะไม่ได้ทุกอย่าง ก็อาจจะมีข้อตกลงให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนอันอื่นๆต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมีผลงานให้เห็น"

"เท่ากับว่าแด้ดใจดีกว่ามัมนะสิ"

ยูส่ายหน้า ก่อนจะตอบว่า

"ไม่หรอก  แต่แด้ดเห็นว่ามัมเข้มงวดกับผมแล้ว  จะไปเข้มงวดกับผมอีกทำไม แต่เราก็รู้กันว่าถ้าผมขอแล้วแด้ดส่ายหน้าคือยังไม่ได้เหมือนผมอยากขี่ม้าแด้ดก็ส่ายหน้า  รอจนผม 7 ขวบถึงได้เรียน  ยิงปืนก็เหมือนกัน รอผม 10 ขวบก่อน  เพราะผมเคยขอแต่แด้ดก็ส่ายหน้า เป็นอันว่าเรารู้กันว่ายังไม่ได้"

ยูเว้นระยะไปชั่วขณะแล้วพูดต่อไปว่า

"อย่างเรื่องภาษาที่เราพูดกัน ถ้าเราอยู่กัน 3 คนก็พูดสเปน  แต่ผมอยู่กับแด้ด 2 คนก็ไทยผสมสเปน แด้ดจะเน้นพูดไทยกับผมนะคุณ แต่พออยู่กับมัมก็คุยภาษาคาตาลัน  แต่ถ้าพ่อกับแม่ผมมา  ต้องพูดไทยนะ  ถ้าผมเผลอพูดอังกฤษหรือสเปนให้มัมได้ยิน มัมจะมองหน้าผมแล้วทำตาดุๆพร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นมาเตือนตลอด  มัมซีเรียสมาก ถึงมัมจะพูดไทยไม่ค่อยได้ก็ตาม แต่มัมก็ถือว่าผมเป็นคนไทยต้องพูดไทยให้ชัดเจน แต่ผมก็เคยออกฤทธิ์นะแต่เป็นที่เมืองไทย  ตอน 6 ขวบ กลับไปหาย่า  มัมกับแด้ดไม่ได้มาด้วยผมมากับพ่อกับแม่ตอนนั้นผมก็พูดไทยชัดแล้วนะ  แต่ผมโดนญาติที่นั่นล้อว่าผมพูดไทยไม่ชัด ยิ่งพวกแม่ครัวพวกคนใช้ที่บ้านย่าผมละตัวดี ล้อกันจนผมอาย  ผมเลยไม่ยอมพูดไทยเลย   พอย่ารู้เข้าก็เรียกไปถามว่าทำไมผมไม่พูดไทย

เพราะตอนโทรทางไกลคุยกับย่าก่อนผมจะมาเมืองไทยผมก็พูดไทยชัด  พ่อกับแม่ก็นั่งฟังอยู่ด้วย ผมก็นิ่งไม่พูดอะไรทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง  แม่ผมก็หน้าเสีย  ย่าร้องไห้เลยและย่าบอกว่ารู้หยั่งนี้ย่าเอาผมมาเลี้ยงเองดีกว่าถึงจะรวยสู้แด้ดไม่ได้  พ่อผมก็เลยถามย้ำและบอกว่าถ้าผมไม่ยอมพูดไทย แด้ดกับมัมจะเสียใจนะ อุตส่าห์รับรองกันมาดิบดีว่าผมพูดไทยชัด  ผมเลยอธิบายให้พ่อฟังเป็นภาษาอังกฤษ ว่าเพราะอะไร  พอย่ารู้เข้าว่าเพราะอะไร  เค้าเรียกว่าอะไรนะ  อ้อ ระเบิดลง ย่าสั่งไปเลยวาถ้าใครล้อว่าผมพูดไทยไม่ชัดถ้าเป็นหลานก็เห็นดีกัน  ถ้าเป็นคนใช้ก็จะไล่ออก  ทำเอาไม่มีใครกล้าล้อ  ผมก็เลยกล้าพูด"

เธอฟังพร้อมคิดตามไปด้วยว่าชีวิตของยูไม่ใช่ชีวิตที่สะดวกสบาย เธอกับน้องสาวซะอีกที่พ่อกับแม่ไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้แต่เธอก็สังเกตว่า ถ้ายูพูดถึงมัมหน้าตาของยูนั้นมีความสุขมากแต่ยังถามอีกว่า

"เอ๊ะเมื่อกี้คุณบอกว่าตอนเด็กๆเดินทางโดยเครื่องบินไม่ใช่เครื่องบินส่วนตัวหรือไง"

ยูทำท่าบิดขี้เกียจแล้วบอกว่า

"จริงๆเรื่องเครื่องบินส่วนตัวนะ  เรามีตอนที่ผมกลับไปเรียนเมืองไทยแล้ว  ก่อนหน้านี้เราก็โดยสารเครื่องบินโดยสารทั่วๆไปนะ  มีบางครั้งที่เร่งด่วนแด้ดก็จะเช่าเครื่องส่วนตัวมาใช้เป็นครั้งๆ  เพราะแด้ดถือว่ามีหุ้นใหญ่ในสายการบินแล้ว  แต่ก็มีเหตุให้ซื้อเพราะตอนผมกลับไปเรียนที่เมืองไทยช่วงแรกๆ   มัมแอบมานั่งร้องไห้ที่ห้องผมเพราะคิดถึงผมทุกวัน  แต่ตอนนั้นแด้ดกับพ่อและแม่ผมขอร้องว่าอย่าพึ่งให้มัมมาหาผม  เพราะต้องการให้ผมมีสมาธิกับการเตรียมตัวเพื่อจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้มากที่สุด   ในช่วงที่ผมต้องเรียนพิเศษเพิ่ม เหมือนเรียนปรับพื้นฐานให้เข้าใจกับการศึกษาของไทยนะคุณ  และศึกษาภาษาไทยให้แตกฉานเพิ่มขึ้นจะได้เข้าใจข้อสอบ  แต่เราก็โทรคุยกันทุกวันนะ แด้ดบอกว่ามัมจะรอเวลาให้ตอน 6 โมงเย็นของเมืองไทย ทุกวัน  เพราะผมจะโทรมาหาตอนเวลานั้น   มัมจะไม่ทำงานอะไร  มีนัดอะไรในช่วงนั้นก็ขอเลื่อนไปก่อน จนวันที่ผมสอบวันสุดท้าย  มัมก็บินมาหาทันทีโดยแด้ดแอบไปซื้อเครื่องบินส่วนตัวไว้ก่อนแล้วจากบริษัทที่แด้ดเคยเช่าประจำ  และเอามาตกแต่งภายในใหม่ ทำสีใหม่ แต่ปิดไว้ไม่ให้ใครรู้ และจดทะเบียนให้มัมเป็นเจ้าของ

เพราะอยากจะเซอร์ไพส์มัม  เพราะแด้ดรู้ว่าต่อไปนี้ทั้งผมทั้งมัมคงจะเดินทางไปหากันตลอด  เลยซื้อให้เพื่อมัมจะได้สะดวกสบายในการเดินทางและประหยัดเวลาด้วย และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่นั้นมัมจะเดินทางมาหาผมทุกเดือนครึ่งและอยู่เมืองไทย1 อาทิตย์ และตอนที่มัมบินมาหาในวันที่ผมสอบวันสุดท้ายมัมอยู่รอจนถึงวันที่ประกาศผลสอบเลยนะส่วนแด้ดบินตามมาทีหลัง   ส่วนผมก็เหมือนกันตอนปิดเทอมก็บินไปหาพร้อมพ่อกับแม่ ไม่ก็มัมกับแด้ดบินมาที่ไทยแล้วเราก็ไปเที่ยวกัน ทั้งภูเก็ต สมุย เชียงใหม่"

"ลำที่เรานั่งกันมาวันนี้นะหรือ"

"ไม่ใช่ ลำนั้นขายไปนานแล้วครับเพราะมันลำเล็กจุน้ำมันได้น้อย  สู้ลำนี้ไม่ได้  ขนาดใหญ่กว่าและบินได้นานกว่าครับ อย่างที่คุณรู้นะว่ามัมชอบสีฟ้าอ่อน แด้ดเลยให้สีเครื่องบินและการตกแต่งภายในเป็นสีฟ้าอ่อน แต่อีกไม่นานลำแรกก็จะกลับมาแล้ว  เพราะเราซื้อกลับมาแล้ว  ตอนนั้นเราขายให้บริษัทนี้แหละแต่ตอนนี้เราซื้อทั้งบริษัทกลับมาเลย"

หญิงสาวพยักหน้ารับรู้แล้วถามต่อไปว่า

"ตอนที่ไปเมืองไทยแด้ดกับมัมเค้าพักกันที่บ้านของคุณหรือ"

"ใช่แล้วที่บ้านมีห้องนอนของแด้ดกับมัมอยู่  ถ้าคนอื่นอย่างโซเฟียร์หรือมิเชลกับปาสกาลมาด้วยเราก็ให้พักโรงแรม บ้านผมที่เมืองไทยไม่ใหญ่เหมือนที่นี่ "

"ดูเป็นชีวิตที่มีความสุขมาก"

"ถูกต้องแล้วคุณ  คุณเชื่อหรือเปล่าบางที  เรา 3 คนพ่อลูกหมายถึงพ่อผม แด้ดและผมนะ  นั่งรถจากบ้านไปต่อรถไฟใต้ดินแล้วไปที่หัวลำโพงก่อนจะนั่งรถเมล์ไม่ก็สามล้อไปหาอะไรกินที่เยาวราช หรือไม่ก็ข้าวมันไก่ประตูน้ำ  ใครจะไปนึกฝรั่งที่พูดไทยได้ชัด ใส่กางเกงขาสั้นใส่เสื้อโปโลสวมรองเท้าแตะ  นั่งกินข้าวมันไก่อย่างเอร็ดอร่อยคืออภิมหาเศรษฐีของยุโรป  พอตอนเย็นก็สวมสูทไม่ก็ทักสิโด้ไปร่วมงานเลี้ยงตามสถานทูต  แม่กับมัมก็เหมือนกัน  ช็อปปิ้งกันเพลิน  แต่แหล่งช็อปปิ้งนะหรือ  พาหุรัด สำเพ็ง ประตูน้ำ  มัมบอกว่าเบื่อห้างหรูๆเดินจนเบื่อแล้วมาเมืองไทยเดินซื้อของถูกๆสบายใจกว่า  ใครจะไปรู้ มาดามของเมนเตซกรุ๊ปใส่เสื้อที่ซื้อจากประตูน้ำไปทำงาน"

ทำเอาหญิงสาวหัวเราะออกมาไม่หยุด  แต่ยูก็เล่าต่อไปว่า

"ช่วงที่ผมเรียนที่เมืองไทย  ผมรู้สึกอิสระมากนะ  ไม่ต้องมีคนใส่สูทมีหูฟังมาให้เห็นตลอด แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบที่พ่อกับแม่ตั้งไว้   ไปไหนมาไหนสะดวก ตลอด 4 ปีช่วงไปเรียนผมนั่งรถเมล์ รถใต้ดินไปเรียนตลอดเลยนะ  พ่อกับแม่ไม่ซื้อรถให้ เพราะจะฝึกผมให้รู้การใช้ชีวิต แบบคนชั้นกลาง  แต่ผมก็ชอบนะ  มัมยังแอบถามเลยว่าไหวไหมถ้าไม่ไหวมัมจะคุยกับพ่อกับแม่ผมให้และมัมจะซื้อให้  ผมบอกว่าไม่ต้องเพราะผมชอบ แต่ตอนไปเรียนที่อเมริกาต้องใช้คำว่าโคตรอิสระเลย ผมชอบการใช้ชีวิตที่นั่นมาก  ไม่มีคนคอยคุม ไม่มีคนมาเฝ้า  แต่มัมกับแด้ดก็ไปเยี่ยมนะ  พ่อกับแม่ผมไม่ไป แต่แพงคุณรู้ไหม  ความเป็นระเบียบความสะอาดที่มัมสอนให้กับผมนะมันฝังลึกจนเป็นนิสัยเลย ห้องพักที่นั่นผมดูแลทำความสะอาดอย่างดี  จนมัมชม ตอนอยู่อเมริกาเราก็ใช้ชีวิตอิสระเสรีกันเต็มที่ ไม่ใช่บอสกับมาดามของเมนเตซกรุ๊ป เป็นแค่นายและนางเมนเตซเท่านั้น นึกจะไปไหนก็ไปได้ตามสบาย จนผมเรียนจบแล้วก็มาทำงานนี่แหละ"

หญิงสาวนั่งฟังอย่างเพลิดเพลินและคลายความสงสัยไปได้เยอะก่อนจะถามต่อไปว่า

"ขอโทษนะยู  แล้วมัมเป็นอะไรถึงเสีย"

ยูบอกไปถึงสาเหตุการจากไปของมัมและพ่อจนมาถึงมุลเล่อร์ยูบอกว่า

"จริงๆแล้วมุลเล่อร์นะแข็งแรงนะ แต่ทุกคนดูออกว่าเค้าตรอมใจตั้งแต่ที่มัมผมเสีย  เค้ามาร่วมงานด้วย และเริ่มมีอาการที่ไม่ค่อยดี  แล้วตอนพ่อผมเสียเค้าไม่ยอมมาทั้งๆที่แด้ดจะไปรับ  และเค้าเริ่มทรุดแต่โทรมาหาผม บอกว่าเสียใจและปลอบผมหลังจากนั้นเค้าก็เข้าโรงพยาบาลผมก็บินไปเยี่ยมทั้งหมอทั้งญาติเค้าก็บอกว่ามาจากทางใจ มากกว่า  แต่ตอนเค้าเสียผมบินไปดูใจไม่ทัน  ไปถึงก็เสียแล้ว  แต่ตอนพ่อผมเสียด้วยโรคหัวใจผมจัดการให้คนใกล้ตัวตรวจอย่างละเอียดเลยนะ  มิเชลกับปาสกาลและแม่ของโซเฟียร์ก็ต้องตรวจด้วย และหมอต้องรายงานผลตรวจกับผมโดยตรงโดยเฉพาะแด้ด  ผมให้ตรวจทุก 3เดือนเลย ส่วนแม่ก็เหมือนกันต้องตรวจอย่างละเอียด"

"ก็ดีนะ  แต่คุณนี่เก่งมากเลยนะยู ที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาได้"

"ก็ทุกคนช่วยปลอบผมนะ ทั้งแด้ด ทั้งมิเชลทั้งปาสกาล  ครอบครัวของอ็อดด้วย  ดูแลผมไม่ห่างเลย ชีวิตผมมีแต่คนปลอบนะคุณตอนเด็กๆหมาตายผมร้องไห้ มัมกับแด้ดก็มาปลอบ  บาร์เซโลน่าตกรอบฟุตบอลยุโรป  ผมก็นั่งร้องไห้ในสนามเลยมัมก็นั่งปลอบขนาดประธานสโมสรยังมาปลอบผมเลย"

"อืมแล้วมิเชลกับปาสกาลนี่อยู่กันมานานแล้วสิ"

"ใช่แล้วคุณ  อยู่กันมานานมากก่อนผมเกิด จนเหมือนครอบครัวเดียวกัน  เราไม่พูดถึงรายได้ที่ให้นะ  เพราะถ้าเอามาเทียบกับพวกพ่อบ้านแม่บ้านที่ดูและตระกูลดังๆแล้วดีไม่ดี ติดอันดับต้นๆของโลก  ไม่รวมหุ้นที่แด้ดมอบให้อีก ถ้าคุณจะถามว่าเค้าดูแลอะไรบ้าง มิเชลจะดูเรื่องภายในบ้านไม่ว่าจะเป็น การทำความสะอาด  อาหาร ซักรีด ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ส่วนปาสกาลดูแลภายนอก ดูแลสวน ดูแลต้นไม้ สัตว์เลี้ยง ระบบน้ำ ระบบไฟ  แต่เจ้าระเบียบทั้งคู่นะ  มิเชลนะสุดยอด ถอดแบบมัมมาเกือบทั้งหมดขนาดทุกวันนี้ยังโทรไปรายงานแม่ผมเลย ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกใจ ครั้งก่อนโน้นผมเล่นหมากรุกกับแด้ดจนดึกมิเชลต้องมาบอกให้ไปนอน วันต่อมาโทรไปรายงานแม่ผมเลย ปาสกาลยังผ่อนผันให้ผมบ้าง เค้ามีลูกอยู่ 1 คนเป็นผู้ชายแก่กว่าผม  ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยที่ฝรั่งเศสมีครอบครัวไปเรียบร้อยแล้ว "

"มีคนกี่คนนะ  ชั้นแทบจะไม่เห็นนอกจากสองคนนี้กับทีมรปภ.ที่หน้าบ้านคุณ"

"ร่วมๆ 30 คนได้คุณ  ที่คุณไม่เห็นนะเพราะเป็นช่วงเวลาไม่ตรงกัน มีทั้งคนที่อยู่ประจำ ทั้งไปกลับนะ มีหมดไม่ว่าจะเป็นคนสวน คนเลี้ยงหมา เลี้ยงม้า แม่บ้านทำความสะอาด  คนขับรถ พรุ่งนี้คุณก็เห็นเองแหละ"

"แล้วพวก บอดี้การ์ดของคุณละ"

"พวกนี้ส่วนใหญ่จะมีที่พักกันเพราะมีครอบครัวเกือบทั้งนั้น  แต่ถ้าใครจะพักที่นี่เราก็เตรียมที่พักให้  เพราะบางทีเลิกงานดึกก็จะนอนกันที่นี่"

"เออแล้วชั้นสงสัยอีกอย่างตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วทำไมตอนอยู่บนรถคุณต้องให้ชั้นคุยกับคุณเป็นภาษาอังกฤษด้วย  เหมือนตอนที่มีมิเชลอยู่ด้วยคุณก็พูดฝรั่งเศสกับชั้น"

"พ่อผมสอนไว้นะคุณ เราต้องให้เกียรติคนพวกนี้ เพราะเค้าทำงานกับเรา  อย่างบอดี้การ์ดนี่เค้าเอาชีวิตของเค้ามาปกป้องชีวิตเรานะ เวลาเราพูดอะไรกันถ้าไม่ลับก็ควรจะพูดให้เค้ารับรู้ด้วย  เค้าจะได้สบายใจ  แต่มิเชลกับปาสกาลนี่พอฟังภาษาไทยออกแต่เวลาพูดค่อนข้างลำบาก แต่อย่างที่บอกนะผมอยู่กับแด้ดส่วนใหญ่จะคุยภาษาไทยกันเพราะความเคยชิน    โซเฟียร์ก็คุ้นเคยกับภาษาไทยดี  ฟังได้แต่พูดไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และอีกอย่าง พ่อบอกว่าเราต้องให้ความเคารพพวกเค้าด้วย  เพราะผมนะโชคดีกว่าเด็กคนอื่นๆไม่รู้กี่ล้านเท่า ในเมื่อเราได้รับการเชิดชูขนาดนี้ เราก็อย่าไปดูถูกคนอื่น ผมถึงขอบคุณพวกเค้าตลอด อย่างทีมบอดี้การ์ดนี่ถ้ามีงานเลิกดึกตอนมาส่งผมถึงบ้าน  ผมแทบจะเดินขอบคุณเป็นรายคนเลยนะ  อย่างน้อยก็ด้านกำลังใจนะ ถึงเราจะจ่ายตอบแทนเค้าสูงอยู่แล้ว"

เธอพยักหน้า  และวันนี้เธอเห็นอย่างนั้นจริงๆ  ยูจะขอบคุณทุกคนที่มาช่วยดูแล แต่เธอยังมีข้อสงสัยอยู่ที่ยูบอกว่าบ้านหลังเคยมีงานเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่รองรับคอปเตอร์ขนาดใหญ่ได้  ยูบอกว่า เมื่อก่อนจะมีการจัดงานเลี้ยงซึ่งแขกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสำคัญในวงการค้าหรือนักธุรกิจชั้นนำจนคนระดับ รัฐมนตรีและเชื้อพระวงศ์  แต่พองานเสร็จมัมที่สุขภาพไม่แข็งแรงอยู่แล้วก็ต้องมาควบคุมดูแลการจัดเก็บการทำความสะอาดถึงจะมีมิเชลคอยช่วย  แด้ดเลยตัดปัญหาให้ไปจัดที่โรงแรมแทน มัมจะได้ไม่เหนื่อย

ส่วนอีกเรื่องยูบอกว่าบางครั้งจะมีพวกนักการเมือง นายกเทศมนตรี หรือรัฐมนตรีแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีมาหารือลับๆกับพ่อทูนหัวที่นี่โดยไม่ให้นักข่าวรับรู้ บางทีมากลางวัน บางทีมากลางคืน  ส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยเฮลิคอปเตอร์ ทำเอาหญิงสาวถึงกับงงเพราะนึกไม่ถึงว่า แด้ดของยูจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้  ยูจึงบอกต่อไปว่า

"คือพวกนี้นะ  ทางเราบริจาคเงินให้พรรคการเมืองอยู่แล้ว  เราบริจาคให้ทุกพรรคนะคุณไม่เลือกและเป็นการบริจาคอย่างถูกกฎหมายด้วย รวมถึงพรรคสำคัญๆในยุโรปเราก็บริจาค และยิ่งแด้ดมีอิทธิผล มีบารมีทางการค้าด้วยสามารถกำหนดทิศทางตลาดได้ ทำให้บางครั้งพวกนี้ต้องแอบมาปรึกษาเรื่องต่างๆนะคุณ  เคยมีนะมาเสนอจะแต่งตั้งให้แด้ดเป็นที่ปรึกษาแต่แด้ดรีบปฏิเสธ ซึ่งมันก็ช่วยเหลือธุรกิจของเราได้เหมือนกันเพราะเราช่วยเหลือพวกเค้า  เค้าก็ตอบแทนให้เท่าที่ตอบแทนได้  อย่างผมกับแม่บินมาก็ได้รับการอำนวยความสะดวกทุกครั้งตั้งแต่สนามบิน เลย  เราเข้าวงการพวกนี้แล้วปฏิเสธที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้หรอกแพง  มันจำเป็น เพียงแต่เราไม่ถลำลึกเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้มากนัก"

หญิงสาวพยักหน้าเพราะพอจะเข้าใจและยูได้ถามเธอมาว่า

"ไงคุณพอจะหายสงสัยความเป็นมาของผมได้หรือยัง"

"ก็ยังมีอยู่นะ"

"เรื่องอะไรละครับ"

ยูถามอย่างอ่อนโยน

"ชั้นสงสัยเค้าปิดข่าวคุณได้ยังไง  เพราะมันก็ใช่ว่าจะลับ คุณก็ออกงานเลี้ยงงานสังคมด้วย"

"ก็อาศัยทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทและเส้นสายในวงการสื่อและบารมีของแด้ดขอความร่วมมือ ว่าอย่าพึ่งนำเสนอเรื่องของผม  เพราะมันอาจกระทบความเป็นส่วนตัวของผมกับพ่อและแม่ผมที่เมืองไทย  อีกอย่างคือผมทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศด้วย  ถ้ามีการนำเสนออาจจะกระทบต่อการทำงานของผม  คือถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงทุกเรื่อง หรือถ้าบังเอิญมีรูปผมติดอยู่ด้วยก็ขออย่าให้เอ่ยถึงว่าผมเป็นใคร ให้รู้กันในวงการ  แต่เคยมีนักข่าวไปเขียนข่าวในซุบซิบตอนที่ผมกลับไปเรียนที่เมืองไทย  แด้ดโกรธมาก  สั่งถอนโฆษณาทันที จนบรรณาธิการต้องวิ่งโร่มาขอโทษ  เลยไม่มีใครกล้าเขียน  แต่พวกเค้าก็เลยขนานนามผมว่า พรินซ์ออฟบาร์เซโลน่าแต่ตอนนี้ก็มีนักข่าวของไทยพอจะรู้เรื่องผมแล้ว  แต่ผมขอร้องเค้าไว้ก่อน"

ยูได้เล่าเรื่องของตรีให้เธอฟังโดยไม่ปิดปังก่อนที่เธอจะถามไปว่า

"คุณจะเอายังไงต่อกับอนาคตของคุณ"

ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาแล้วตอบแพงว่า

"ผมคิดไว้แล้วละแต่ยังไม่บอกใคร  ผมขอเวลาอีกไม่เกิน 5 ปี ผมจะลาออกจากกระทรวงแล้วมาทำงานกับแด้ดอย่างเต็มตัว แต่ผมก็ไม่ทิ้งเมืองไทยนะ  ผมอาจจะไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้พี่เกมส์แล้วนั่งทำงานที่นั่น  และเดือนหรือสองเดือนผมก็จะมานั่งทำงานที่สเปนสักอาทิตย์ สองอาทิตย์ ตอนนั้นผมคงให้โซเฟียร์มาเป็นเลขาผมอย่างเป็นทางการซะที เพราะตอนนี้โซเฟียร์ก็ไม่ได้ทำงานประชาสัมพันธ์เลย  ลูกน้องทำให้อย่างเดียว  เพราะงานที่ต้องซับพอร์ทผมก็หนักแล้ว ส่วนอีกเรื่องผมคิดไว้เหมือนกัน  ผมคิดว่าถ้าในอนาคตผมแต่งงานแล้วผมมีลูกเป็นผู้ชายคนแรก  ผมจะให้ถือสัญชาติสเปนและใช้นามสกุลเมนเตซ  เพื่อตอบแทนบุญคุณแด้ดกับมัม "

หญิงสาวทำตาโตแม้จะใจแป้วที่ได้ยินยูบอกถึงเรื่องแต่งงานมีลูกแล้วถามทันทีว่า

"คุณบอกแด้ดหรือยัง"

"ยัง  เพราะมันยังไม่ถึงเวลาและผมไม่รู้ด้วยว่าจะมีคนมาแต่งด้วยหรือเปล่า ผมเคยนึกนะตอนช่วงที่ผมเรียนปริญญาตรีว่า วันใดที่ผมเข้ารับมาบริหารกิจการผมจะขายให้หมด  แล้วเอาเงินมาใช้อย่างสบายๆ  แต่พ่อผมเหมือนจะรู้ทันความคิดของผม  เลยบอกมาว่า ไม่สงสารแด้ดกับมัมหรือไงทำที่ทำทุกอย่าง จนผมมีวันนี้ ทุ่มเทให้กับผมเท่าไหร่  แล้วถ้าผมทำจริงๆแล้วคนอื่นๆละ  อีกพันกว่าชีวิตอาจมีปัญหาตามมาได้ถ้าผมคิดสั้นๆแบบนี้  พ่อผมเล่าต่อเลยนะ  นึกถึงตอนที่พ่อไปบอกว่าหาบ้านพักได้แล้ว  มัมมีสีหน้าไม่ดีทันที  ทำให้พ่อกับแม่ผมรู้เลยว่าเค้าทั้งคู่รักผมเหมือนลูกจริงๆ  เลยยอมให้ผมไปอยู่ในความอุปการะของทั้งคู่  และทั้งแด้ดกับมัมก็ไม่ทำให้พ่อกับแม่ผมผิดหวัง แล้วทำไมผมถึงคิดแบบนี้  ผมก็เลยเลิกคิดและตั้งหน้าตั้งตาเรียน"

หญิงสาวแอบโล่งใจที่ได้ยินประโยคแรกพร้อมกับแอบชื่นชมในความคิดของชายหนุ่ม ทั้งคู่ต่างนั่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่ยูจะดูนาฬิกาและบอกว่า

"หมดข้อสงสัยแล้วนะ  ผมว่าเราก็คุยกันมานานแล้วอีกอย่างคุณไปพักผ่อนเถอะวันนี้ก็ไปมาหลายที่แล้ว  ไปผมไปส่ง"

ยูพูดถูกเธอเริ่มรู้สึกง่วง ก่อนจะเดินตามไปจนถึงหน้าห้องพอเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องยูบอกว่า

"ถ้าคุณหิวก็หาอะไรรองท้องในตู้เย็นได้นะ  ผมไม่รู้ว่ามิเชลเอาอะไรมาใส่ไว้บ้าง"

"ชั้นตัวจะแตกอยู่แล้ว อิ่มจะตายไม่กินอะไรแล้ว"

ยูนั้นทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่ก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนบอกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

"อ้ออีกอย่างถ้าคุณนึกอยากจะลงไปเดินเล่นข้างล่าง  ห้ามเด็ดขาดนะคุณ เพราะตอนนี้เราปล่อยเกรทเดน 4 ตัวออกมาเฝ้าบ้าน  มันไม่รู้จักคุณมันขย้ำแน่นอนไว้พรุ่งนี้ค่อยไปกับผม  และถ้าดึกๆคุณได้ยินเสียงอะไรก็อย่าไปสนใจนะนอนต่อได้เลย"

แพงทำตาโตก่อนจะบอกว่า

"ทำไม คุณหลอกผีชั้นหรือไง"

"คุณกลัวผีหรือ"

"บ้าแล้วพูดทำไม อีตาคนบ้า"

"อ้าวไหงงั้นละ  คือผมจะบอกว่า ดึกๆนะบางทีซีซ่าร์มันจะแอบขึ้นมาหาผม มันจะตะกายประตูไม่ก็เห่าเรียกผม  เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้วต่อให้ปิดประตู แล้วไม่ล็อกมันก็หาวิธีเปิดขึ้นมาหาผม  ผมเลยบอกไว้ก่อน  เพราะผมกลัวคุณถูกมันขย้ำ ถ้ามันแอบขึ้นมาผมจัดการเอง"

เธอโวยวายทันทีเมื่อรู้ตัวเองพลาดอีกแล้ว

"ก็คุณพูดแบบกำกวมทำไม ไม่บอกมาแต่แรกคนบ้า แบร่"

หญิงสาวโวยวายพร้อมแลบลิ้นให้ ยูได้แต่อมยิ้มก่อนบอกว่า

"ไปอาบน้ำนอนเถอะคุณพรุ่งนี้เจอกัน "

ก่อนจะเป็นฝ่ายปิดประตูให้ ส่วนหญิงสาวพอประตูปิดแล้วเธอย่นหน้าแล้วแลบลิ้นออกมาแล้วพูดว่า

"จะพูดอะไรก็ไม่ยอมพูดทำอ้ำๆอึ้งๆ  ย่ะอีตาสุภาพบุรุษ อีตาจูเนียร์"

แล้วเธอก็เอาหลังมือทั้งสองข้างมาท้าวที่เอวพร้อมลอยหน้าลอยตาเลียนคำพูดของยูเมื่อครู่นี้  แต่แล้วเธอก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู  และเสียงของยูที่เรียกเธอเบาๆ ทำเอาเธอพึมพำมาว่า

"ได้ยินที่เรานินทาหรือเปล่าวะ  ถึงมาเคาะประตู"

แล้วหญิงสาวเปิดประตู พบยูยืนยิ้มอยู่ก่อนบอกว่า

"คุณโทษที ผมลืมบอกไปว่ารหัสไวไฟนะ  มัมแอนด์แด้ด  เป็นภาษาอังกฤษตัวเล็กไม่มีสัญลักษณ์อะไรเท่านี้แหละ  พรุ่งนี้เจอกัน"

แพงย่นจมูกพร้อมพยักหน้ารับ ก่อนที่เจ้าของบ้านจะปิดประตูให้  หญิงแลบลิ้นอีกครั้งแต่ไม่กล้าพูดอะไรเธอยืนรอสักครู่แต่คราวนี้ยูหายเงียบไป เธอเลยพูดเบาๆว่า

"อีตาบ้า"

แล้วหันมามองรอบๆห้อง ก่อนที่สายตาจะไปหยุดตรงตู้เย็น  เธอจึงเดินเข้าไปที่ตู้เย็นแล้วบ่นในใจว่า

"เห็นเราเป็นคนเห็นแก่กินหรือไงวะ โธ่"

แต่พอเปิดตู้เย็นเธอเห็นขวดที่ใส่นมขนาดเล็ก 2ขวดวางติดกัน  พร้อมเหยือกน้ำผลไม้เหยือกเล็ก 2เหยือก  ซึ่งพอจะดูออกว่าเป็นน้ำส้มกับน้ำแอปเปิ้ลและขวดน้ำเปล่าอีก 3ขวด  เธอตัดสินใจหยิบขวดนมใส่นมขึ้นมาและเปิดฝาพร้อมลองจิบ  และบอกมาว่า

"เฮ้ยนมสด รสชาติดีต้องกิน"

เธอยกขึ้นดื่มจนหมดก่อนเอาขวดที่สองมาดื่มต่อเพราะติดใจในรสชาติ และบ่นเบาๆว่า

"งานนี้อ้วนแหงๆเลยแพงเอ๋ย"

และเธอเดินไปหยิบรีโมทก่อนนึกว่าอันไหนเป็นรีโมทฮีทเตอร์ เธอจึงเปิดและรอให้ห้องเริ่มอุ่นก่อนจะเดินไปที่เป้เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำพอเธออาบน้ำเสร็จหญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวพร้อมสวมถุงเท้าเพื่อให้ความอบอุ่น  แพงเดินไปหยิบรีโมททีวีมาเปิดดูและเปลี่ยนช่องไปมา  แต่เนื่องจากเธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากดูแพงจึงปิดทีวีและทำท่าจะนอนแต่ประสาทมันยังตื่นอยู่  หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูภาพที่หน้าจอก่อนจะเอานิ้วลูบไปตรงหน้าของยูและบอกว่า

"ชีวิตเธอมันก็ลำบากเหมือนกันเน็อะ  ไม่ใช่สบายเหมือนที่คนอื่นๆคิด แต่ยังโชคดีที่ได้พบกับความรักความเอาใจใส่ที่อบอุ่นจนทำให้เธอเป็นคนเก่งคนหนึ่ง"

หญิงสาววางโทรศัพท์ลงพร้อมกับคิดอะไรวนไปมาจนเธอเริ่มวิตกแต่ก็ปฏิเสธใจตนเองไม่ได้ เพราะยิ่งรู้ประวัติของยูและบางอย่างที่เธอเห็นในวันนี้ ทำให้เธอวิตกเพิ่มเข้าไปอีกว่า  เธอกับยูนั้นห่างกันเหลือเกินแต่ด้วยความรู้สึกที่สับสน  เธออยากจะหาคนมาคุยด้วยแพงจึงหันไปที่โทรศัพท์ข้างเตียงพร้อมนึกเบอร์ห้อง นอนของยูที่เธอบอกไว้  เธอกดโทรศัพท์เรียกไปแต่ไม่คนรับ พอเธอวางสายด้วยสีหน้าที่ง้ำ พร้อมกับการบ่นในใจว่า

"อีตาบ้าไปไหนของเค้านะ"

แล้วเธอก็สะดุ้งเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นเธอรออีก2-3 ครั้งก่อนจะตัดสินในรับก่อนที่เธอจะพูดอะไรก็เป็นเสียงของยูที่พูดมาว่า

"แพงคุณโทรหาผมเหรอมีอะไรหรือเปล่าครับ"

"เปล่าๆๆ ไม่ใช่อะไร  คือๆๆ ชั้นลองกดดูนะ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าชั้นโทรหาคุณ"

"ก็ผมเห็นเบอร์ที่ห้องคุณมันโชว์ว่าโทรหาที่ห้องผมนี่  ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ที่ห้องนอน  ผมนั่งอยู่ห้องของเล่น ถ้าคุณยังไม่ง่วงก็เดินลงมาสิ"

เสียงอันอ่อนโยนของยูพูดมาหญิงสาวเลยรับคำแบบเสียงแข็งๆทั้งที่ที่ใบหน้ามีรอยยิ้ม

"ก็ได้"

เธอเอาเสื้อคลุมมาสวมและสวมรองเท้าแบบที่ใส่อยู่ในบ้านที่มีเตรียมไว้ในห้องและเดินออกจากห้องก่อนจะลงไปที่ชั้น 2 ที่เธอเห็นว่ามีแสงไฟสว่างอยู่ที่ห้องของเล่นที่ยูพึ่งพาเธอมาดู  ก่อนจะเดินไปและพบว่ายูนั้นกำลังนั่งดูรถไฟที่กำลังวิ่งไปมาอยู่แต่เธอก็แอบยิ้มที่เห็นใบหน้าที่ดูมีความสุขของยู  แต่พอยูเงยหน้าขึ้นมาหญิงสาวรีบทำหน้าแบบปกติไม่ทัน และยูบอกมาว่า

"แพงมาสิ มานั่งข้างๆผมก็ได้" 

เธอทำตามก่อนจะพูดทำเสียงตวัดๆว่า

"คุณรู้ได้ไงว่าชั้นโทรหา"

"ก็นี่ไง"

"ยูชี้ไปที่โทรศัพท์เครื่องใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆที่บนตัวเครื่องไฟกระพริบบอกไว้ว่าเบอร์ไหนโทรหาเบอร์ไหน ทำให้หญิงสาวแก้อาการเขินก่อนบอกไปว่า

"ก็ชั้นแค่จะโทรไปบอกว่าจะเอาผ้าพันคอกับหมวกไหมพรมไปคืน"

แต่ยูถามเธอไปว่า

"งั้นคุณจะดื่มอะไรร้อนๆไหม นมหรือโกโก้ดีผมจะไปชงมาให้"

"ไม่เอาชั้นแปรงฟันแล้ว"

แต่ความจริงนั้นเธออิ่มจากนม 2 ขวดที่ดื่มเข้าไปเลยไม่กล้ากินอะไรอีก ยูไม่พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้มก่อนจะชี้ให้เธอดูรถไฟที่กำลังวิ่งพร้อมอธิบายว่า

"ที่กำลังวิ่งอยู่มันเป็นแบบใช้ไฟฟ้าบังคับ เครื่องบังคับอยู่ตรงหน้าผมนี่ไง"

แต่เธอชี้ไปที่รถจักรไอน้ำที่อยู่อีกรางไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่

"แล้วคันนั้นทำไม่วิ่งละ"

"อ๋ออันนี้เป็นแบบใส่ถ่าน สวิทช์อยู่ใต้รถผมใส่ถ่านไปแล้วคุณลองเปิดดูสิ"

เธอทำตามที่ยูบอกก่อนจะปล่อยให้วิ่งไปตามราง และเธออุทานว่า

"มีควันออกจากปล่องด้วย"

ยูพยักหน้าก่อนจะอธิบายประเภทรถต่างๆให้เธอฟังพร้อมกับบอกว่าคันไหนที่ได้มาช่วงไหนพร้อมกับเล่าได้ไอเดียตกแต่งมาจากไหน และตรงไหนบ้างที่ 3 คนพ่อแม่ลูก ช่วยกันทำ  แพงนั่งฟังอย่างตั้งใจพร้อมมองไปรอบๆห้อง พร้อมกับนึกชมภายในใจของไอเดียการตกแต่งห้องของยูที่ดูแล้วสร้างสรรค์  ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังชื่นชมและเธอก็ถามยูไปถึงเรื่องของเล่นต่างๆที่ตั้งอยู่ในห้องซึ่งยูก็บอกความเป็นมาได้ตลอดว่าใครซื้อให้ ซื้อให้เมื่อไหร่  แถมยังบอกว่าเครื่องบินเล็กๆบางลำตนเองก็ซื้อมาเพิ่มไม่นานนี้เอง แล้วจู่ๆยูก็พูดมาว่า

"จริงๆผมก็อิจฉาไอ้อ็อดมันนะ  เพราะผมก็ใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าอยากเป็นทหารอยากเป็นนักบินไอพ่น  ยิ่งพอเห็นมันแต่งชุดนักบินผมยิ่งอิจฉามัน  แต่พ่อผมก็บอกว่า  อย่าไปอิจฉาเพราะเราก็ต้องมีหน้าที่ ที่รับผิดชอบกันคนละแบบ ผมมีอะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นๆไม่มีขอให้ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดก็แล้วกัน  แต่ผมก็เลยหาทางออกมามาเรียนขับเครื่องบินถึงมันจะเทียบไอ้อ็อดไม่ได้ แต่ก็พอจะชดเชยความรู้สึกผมได้"

ยูพูดมาเหมือนจะระบายความรู้สึกในใจหญิงสาวนั้นไม่ตอบอะไรแต่ชวนคุยเรื่องอื่น  แต่เวลาผ่านไปสักพักเสียงพูดไม่หยุดของแพงก็เงียบไปและก่อนที่ชายหนุ่มจะถามอะไรศีรษะของเธอก็มาพิงที่ไหล่ของยู  ยูแอบสูดดลมหายใจลึกๆเพราะความหอมจากศีรษะของเธอแล้วชะโงกหน้าไปดูพบว่าหญิงสาวนั้นหลับสนิทยูจึงเอามืออีกเอื้อมมาเขย่าตัวหญิงสาว

"แพง คุณง่วงแล้วก็ไปนอนเถอะ"

แพงสะดุ้งตื่นแล้วหันมามองยู ใบหน้าเธอนั้นแดงออกมาก่อนจะถามด้วยเสียงเบาๆว่า

"ชั้นเผลอหลับไปหรือ"

"ใช่แล้วคือ  เอ่อ  ผมหันไปเห็นคุณสัปหงกนะ ผมเลยเรียกคุณ"

เธอยกมือมาปิดปากก่อนจะหาวยูจึงบอกว่า

"ไปนอนเหอะ  ผมก็ง่วงแล้ว"

เธอไม่พูดอะไรก่อนจะลุกขึ้นยืน  ยูจัดการปิดสวิทช์รถไฟและพาเธอเดินออกจากห้องก่อนจะปิดไฟ  พอไปถึงห้องหญิงสาวหันมาบอกขอบคุณแล้วปิดประตู  แต่พอยูเข้าไปที่ห้องได้แต่ถอนหายใจพร้อมคิดมาว่า

"ทำไมไม่กล้าพูดขอเธอเป็นแฟนสักทีวะ อุตส่าห์บินด่วนมาเพื่อเรื่องนี้  พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว"

ผิดกับแพงที่นอนบนเตียงแล้วพึมพำมาว่า 

"คนบ้า  บอกเราตรงๆก็ไม่ได้จะพูดอะไรก็ไม่ยอมพูด"
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: kaithai เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 09:07:57 หลังเที่ยง
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ในตอนนี้ เป็นแค่บทสนทนา ของคนแค่สองคน
แต่เมื่ออ่านแล้ว  ไม่สามารถหยุดได้  ต้องอ่านต่อไปจนจบตอน
และรู้สึกอยากฟังบทสนทนาอีก ไม่อยากให้จบตอนเลย
ขอบคุณมากๆครับ







คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................................................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: wattana2015 เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 09:20:33 หลังเที่ยง
เป็นกำลังใจให้ท่าน twintower สร้างสรรค์งานที่ดีแบบนี้ให้เราได้อ่านกันต่อไป   ::Fighto:: เป็นกำลังใจให้คู่รักยูและแพงให้ดำเนินความรักที่แสนหวานต่อไปครับ  ::Reader::  อยากอ่านตอนยูเข้าไปพบว่าที่พ่อตาแม่ยายคงได้อ่านในตอนนี้นะครับ  มาเม้นต์ให้ก่อนอ่านแล้วแล้วอ่านจบจะมาเม้นต์ต่อครับท่าน กำลังรออ่านอยู่เลยครับ  ::JubuJubu::

ผู้สาวแพงรอบ่าวยูมาขอคบแต่บ่าวคนเก่งก็พูดม่ะออก น่ารักดีแท้ๆ อิอิ  อ่านแล้วฟินเลย  ::Shy::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: sniperteam เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 09:39:57 หลังเที่ยง
อ่านแล้วไม่เคยเบื่อ แถมตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไป คิดว่าจะจบแล้วก็ใจหายนะ ได้รู้ประวัติยูแล้วเหนื่อยแทนเลย คนรวยไม่ใช่ว่าจะสบาย ขอบคุณมากครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: micky เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 09:48:06 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ นึกว่าตอนจบแล้ว สู้ต่อไปคุณยู อ่านเพลินดีครับ แต่งเก่งมากครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: tanavong เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 10:11:46 หลังเที่ยง
นึกว่าแพงจะไม่รู้ตัว ว่านาย ยูแอบชอบตัวเองอยู่เสียอีก
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: devilzoa เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 10:25:47 หลังเที่ยง
อ่านเพลินเลยครับ ตอนแรกยึกว่าจบตอนนี้ซะแล้ว
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: man5252 เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 10:35:29 หลังเที่ยง
อ่านแล้ว วางไม่ลง  เดินเรื่องได้ลื่นมากๆ  สุดยอด
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: lunla เมื่อ พฤษภาคม 29, 2017, 10:51:59 หลังเที่ยง
 ::Shy:: พระเอกเก่งทุกเรื่องครับ ยกเว้นเวลาเจอสาวที่ตัวเองรัก เหมือนผมเลย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: sushinmana เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 04:03:35 ก่อนเที่ยง
อื้อหือ นี่ล่ะหนา คนรักคนชอบกัน คุยกันยังไงก็ไม่มีเบื่อ ไม่มีหมด แต่เมื่อไหร่พระเอกจะขอแพงสักทีนะ เผื่ออาจจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งบ้าง

ปล..แอบสงสารแพงเหมือนกันนะ ที่มาคิดว่าครอบครัวนางต่างกับพระเอกก็จริง กลัวนางจะไม่รับรักพระเอกเพราะฐานะ ผมลุ้นเอาใจช่วยแพงดีกว่า เพราะพระเอกมีแต่คนอิจฉา
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: azerothx เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 04:50:23 ก่อนเที่ยง
      ใกล้แล้วบทสรุปแล้วสินะ  มีแต่บทพูดก็ยังสนุกแล้วทำให้คล้อยตามได้อีก
สุดยอดมากครับท่าน twin
   
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: tacklove เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 08:02:56 ก่อนเที่ยง
คงใกล้เวลาเปิดเผยความในใจซึ่งกันและกันแล้วเนาะ แพงคงเป็นเจ้าสาวที่คนทั้งโลกอิจฉาแน่ๆเลย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: elviswhat เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 09:54:21 ก่อนเที่ยง
แอบเขินตามไปด้วยเลย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: durocman เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 10:26:15 ก่อนเที่ยง
รีบบอกได้แล้ว คุณพระเอก  แต่ว่า คงไม่มีการหักมุมเกิดขึ้นใช่ไหมครับ ท่านหอคอย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: psm_mach เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 11:09:08 ก่อนเที่ยง
ลุ้นจนอ่านจบ พระเอกเราไม่ขอเป็นแฟนเลย จะว่าปากหนักก็ไม่ใช่ คุยจ้อซะขนาดนี้ ขี้อายหรือเป็นสุภาพบุรุุษมากไป ตอนหน้านางเอกตกลงก็คงจบเพราะเรื่องในอนาคตก็เฉลยแล้ว
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: 633sqd เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 01:13:29 หลังเที่ยง
คุยกันจะข้ามคืนอยู่แล้ว มั่วอ้ำอึ้งอยู่นั้นแหละ อีกฝ่ายก็คอยกันต่อไป ::Cheeky::
ขอบคุณที่เขียนงานดีๆมาให้อ่านครับ ::Thankyou::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: txxt30 เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 01:43:36 หลังเที่ยง
ลุ้นเต็มที่เลยว่าเมื่อไหร่ยูจะบอกรักและขอแต่งงานกับแพง
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: mighty เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 01:55:03 หลังเที่ยง
เป็นเรื่องโรแมนติคเรื่องนึงเลยการเล่าเรื่องเป็นไปอย่างละเมียดรายละเอียดอ่านแล้วมองเห็นภาพตามเลย..ชอบครับ..ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: peddo เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 01:56:36 หลังเที่ยง
คนเพอร์เฟคเกินน่าจะกลัวพลาดครับ แต่แพงน่ารักดีนะครับ หวังว่าจะอยู่กันยืด ฐานะไม่ใช่ปัญหา ทัศนคติด้านการอัปบาสต่างหาก ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: naitoom เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 03:42:26 หลังเที่ยง
ทุกเรื่องราวมาเปิดเผยเอาตอนนี้เอง
แพงก็รู้ว่ายูคิดอะไร และกำลังรอให้ยูพูดเท่านั้น
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยูยังไม่ได้เล่าให้แพงฟัง...ก็เรื่องความรักครั้งก่อนไง
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: waveviviann เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 08:06:32 หลังเที่ยง
ยูน่ารัก
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: tetete เมื่อ พฤษภาคม 30, 2017, 10:33:18 หลังเที่ยง
รักกันก็รีบๆบอกเถอะครับจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: swss2511 เมื่อ พฤษภาคม 31, 2017, 09:01:37 ก่อนเที่ยง
แค่คุยกันก็ตรึงใจคนอ่านได้ เมื่อไหร่จะกล้าบอกรักเสียทีนะยู
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: P Eet ✦Diamond✦ เมื่อ พฤษภาคม 31, 2017, 10:34:23 หลังเที่ยง
Interesting life style of the rich & our hero is very sensitive indeed.  Life goes on whether you are rich or poor we all could not get away from life. Our hero has been through a lot and it's time for him to have some sunshine in his life. Despite the fact that he is extraordinary wealthy, his personality is appropriate & befits a hero of a novel.  Our heroine is very kind, sincere and very down to earth... this  should be a very ideal setting of a life mate...

Very nicely put together... even though all through the story I really felt that I was reading a conversation that just cataloguing what our hero owns... But understandably... it could not be done in any other way...

This story will be a very very good setting to expand and turn into a real novel with plots & some little drama with his businesses & love life.

But since we read it at a horny site... expand it more will be too involved, not appropriate for an erotica!
All in all, a very enjoyable read.
Cheers to our talented writer!
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: adas เมื่อ มิถุนายน 01, 2017, 06:19:26 ก่อนเที่ยง
เนื้อหาดีมากครับ คลายปมหลายๆอย่าง
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: gumpxxxx เมื่อ มิถุนายน 02, 2017, 01:45:57 หลังเที่ยง
ผูกเรื่องราวได้สนุกมากครับ บทสนทนาไม่น่าเบื่อเลย  อ่านเพลินเลยล่ะ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: Somchai Sudsakhorn เมื่อ มกราคม 19, 2018, 06:04:05 หลังเที่ยง
เริ่ืมอ่านตอน1ทุ่มถึงตี3ยังไม่จบง่วงนอนมากเริ่มอ่านใหม่ตอน6โมงเย็น
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (9)
โดย: suriyamahajit เมื่อ เมษายน 24, 2018, 06:29:38 ก่อนเที่ยง
คงใกล้จบแล้วถึงเวลาสารภาพรักสะทีนะ