🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์บอร์ด => หัวข้อที่ตั้งโดย: twintower เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 05:47:17 หลังเที่ยง

ชื่อ: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: twintower เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 05:47:17 หลังเที่ยง
จนได้เวลาขึ้นเครื่องบิน ระหว่างการเดินทาง บีได้นึกถึงเรื่องที่เพื่อนได้ถามขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออดีตที่เจ็บช้ำของเด็กผู้ชายคนหนึ่งในช่วงวัย 10 ขวบระหว่างที่เรียนอยู่ชั้น ป.4 เย็นวันหนึ่งได้รับข่าวร้ายว่าพ่อกับแม่ที่เป็นครูของโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดนั้นถูกรถ 10 ล้อชนจนเสียชีวิตระหว่างนั่งมอเตอร์ไซด์ที่ซ้อนกันมาระหว่างเดินทางกลับบ้านโดยคนขับรถสิบล้อนั้นเมายาบ้า  ชีวิตได้พลิกผันไปในทันทีตอนแรกปู่กับย่าที่อยู่ด้วยกันจะรับเลี้ยงดูบีต่อ แต่ถูกยายที่เป็นมหาเศรษฐีของจังหวัดอุดรมาขอเลี้ยงดูแทนโดยอ้างเรื่องของฐานะที่ปู่กับย่านั้นค่อนข้างยากจนทำให้จำในยกหลานไปให้อีกฝ่ายเลี้ยงดู ทำให้บีต้องย้ายจากจังหวัดอ่างทองที่อยู่ในไปอยู่ภาคอีสาน ซึ่งบ้านของยายนั้นใหญ่โตกว้างขวางมากตากับยายร่ำรวยจากการทำธุรกิจค้าส่งโดยเฉพาะส่งไปฝั่งลาว และค้าขายที่ดินทำให้ร่ำรวยมากตานั้นเสียไปก่อนที่บีจะเกิด

แต่มันไม่ทำให้ชีวิตบีดีขึ้นเลย เพราะยายนั้นเกลียดแม่ของบีที่เป็นลูกสาวคนโตที่ไปแต่งงานกับพ่อของบีที่ยากจน แต่แม่ไม่สนใจแถมออกจากบ้านโดยไม่เอาทรัพย์สินไปด้วย ตั้งแต่บีเกิดนั้นไม่เคยเจอหน้ายายเลยจนมาด้วยอยู่กัน จากสิ่งที่คิดว่าจะอยู่อย่างสุขสบายแต่มันไม่ใช่ ยายเลี้ยงบีด้วยความเกลียดชัง และคนในบ้านต่างเกลียดบีไปด้วย แม่นั้นมีน้องอีก 3 คน เป็นผู้หญิง 2คน และคนสุดท้องเป็นผู้ชาย น้องสาวคนรองที่บีเรียกว่า น้าขวัญซึ่งมีลูกสาว 2 คน คนโตอายุมากกว่าบี 2-3ปี ชื่อ "กุ้ง" คนเล็กวัยเดียวกับบีชื่อ "นก" น้าขวัญนั้นแต่งงานกับครูคนหนึ่ง ส่วนตัวน้าขวัญนั้นช่วยงานของยายในกิจการค้าส่ง น้าขวัญกับลูกนั้นเกลียดบีมากเรียกบีว่าไอ้ตลอด ส่วนน้องของแม่อีก 2 คนนั้น บีไม่ค่อยคุ้นหน้าเพราะคนที่เป็นผู้หญิงชื่อใจนั้นแต่งงานและอยู่กรุงเทพมีลูกผู้หญิงวัยเดียวกับบี ส่วนคนสุดท้องชื่อธงชัยนั้นอยู่ต่างประเทศเพราะเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ

บีถูกเลี้ยงยิ่งกว่าลูกคนใช้ ความเป็นอยู่นั้นเลวร้ายมาก โดนด่าจากคนในบ้านตลอดโดยเฉพาะแม่บ้านที่ชื่อจอม และบีต้องเรียกว่ายายจอมซึ่งดูจะร้ายกว่าทุกคน ชอบเอาเรื่องของบีไปฟ้องยายตลอดส่วนใหญ่จะขยายความให้ดูเลวร้ายทุกครั้ง และยายจะไม่ยอมฟังบี ทำให้บีถูกลงโทษตลอดหรือโดนด่าว่าแรงๆตลอด ทั้งบ้านมีแต่แม่ครัวเท่านั้นที่แอบสงสาร คอยหาอาหารให้กินเพราะบีไม่มีสิทธิไปนั่งกินข้าวที่ห้องอาหารหรือแม้กระทั่งชั้น 2 ก็ไม่มีสิทธิขึ้นยกเว้นยายจะเรียกขึ้นไปตีหรือไปด่า ต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องเล็กๆที่เคยเป็นห้องเก็บของที่อยู่หลังบ้าน แม้กระทั่งปู่กับย่าก็ไม่ได้เจอบีเพราะยายกีดกันไม่ให้พบ จนทั้งคู่ต้องแอบไปหาบีที่โรงเรียนตอนบีเรียน ป.6 โรงเรียนประชาบาลที่อยู่ไม่ห่างจากบ้าน ต่างจากหลานอีก 2 คนที่เรียนโรงเรียนเอกชนมีชื่อ และก่อนที่ปู่กับย่าจะกลับ ปู่ได้ให้เงินบีไว้ 500 บาทเป็นเงินที่ปู่เก็บสะสมไว้โดยปู่บอกกับบีว่า

"ถ้าอยู่ไม่ไหวจริงๆก็เขียนจดหมายมาหาปู่นะ ปู่จะมารับไปอยู่ด้วย"

ปู่กับย่านั้นรู้ดีว่าหลานชายเจออะไรบ้าง จากสภาพที่เห็น หลานอยู่ในชุดเก่าๆเนื้อตัวสกปรกหน้าตาไม่มีความสุขจากเด็กที่เรียนดีกลับกลายเป็นมีผลการเรียนที่แย่ เพราะผลกระทบจากสิ่งที่ได้รับ และด้วยเงินที่ปู่ให้ทำให้บีคิดอะไรได้ จึงแอบเก็บรวบเงินเพิ่มจนตัวเองเรียนจบ ป.6 ซึ่งยายก็ไม่มีทีท่าจะสนใจในเรื่องที่จะให้บีเรียนต่อ บีรอจนได้วุฒิการศึกษามาและหนีออกจากบ้านไปหาปู่กับย่าที่อ่างทองโดยมีเสื้อผ้าไปด้วย 2ชุดพร้อมวุฒิการศึกษา ซึ่งทุกอย่างมันสะดวกเพราะคนในบ้านไม่มีใครสนใจบีอยู่แล้ว และด้วยความฉลาดที่มีทำให้บีหาข้อมูลการเดินทางได้โดยทำเป็นสอบถามวิธีการเดินจากครูและค้นข้อมูลจากห้องสมุด บีหลบออกจากบ้านโดยนั่งรถสองแถวไปสถานีรถไฟและซื้อตั๋วรถไฟไปลงอยุธยาและต่อรถจากอยุธยาไปอ่างทองโดยใช้เงินที่ปู่ให้และเงินที่แอบเก็บสะสม ซึ่งตลอดเวลาการเดินทาง บีนั้นหวาดกลัวมากแต่ดีที่นายตรวจรถไฟใจดี และบีโกหกไปว่าปู่จะมารับที่อยุธยา ทำให้นายตรวจพาบีไปนั่งที่ตู้การ์ดรถจนถึงอยุธยา และบีนั่งรถโดยสารไปอ่างทอง ซึ่งบีพอจะจำทางได้เพราะบ้านปู่กับย่าอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก จนบีไปถึงบ้านปู่กับย่า บีจำได้ว่าปู่กับย่าตกใจขนาดไหนที่จู่ๆหลานชายมาอยู่หน้าบ้าน

เมื่อมาถึงบ้านน้ำตาที่กลั้นมาตลอดทางได้ไหลออกมาทันทีบีนั้นร้องไห้ไม่หยุด ก่อนจะบอกปู่กับย่ามาหนีมายังไง จนผ่านไป 3 วัน ยายจอมกับคนขับรถได้มาถึงที่บ้านและถามหาบี ซึ่งปู่กับย่าบอกไปตามจริงว่าบีหนีมาอยู่ที่นี่และไม่ขอกลับไปอยู่กับยาย ซึ่งยายจอมนั้นดูจะไม่สน ก่อนจะพูดกับคนขับรถที่มาด้วย

"ไปกลับ กูบอกแล้วมันหนีมาแล้วยังไงมันก็ไม่กลับคุณท่านจะให้มาตามทำไมก็ไม่รู้เสียเวลากูเปล่าๆ"

บีนั้นเห็นและได้ยินอย่างชัดรวมทั้งสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรของทั้งคู่ หลังจากนั้นบีก็ตัดขาดกับทางยาย ถึงจะอยู่อย่างลำบากพอสมควร ปู่กับย่านั้นรับจ้างทำนาและรับจ้างทั่วไป แต่บีก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยและมีน้องชายของพ่อที่บวชเป็นพระได้ส่งเงินมาให้บ้าง หลังจากนั้นบีเข้าเรียนในชั้นมัธยมด้วยสุขภาพจิตที่ดีขึ้นทำให้บีกลับมาเรียนดีเหมือนเดิมจนขอทุนการศึกษาได้ตลอด รวมถึงทำงานพิเศษทุกอย่างที่หาได้ จนจบ ม.6 บีได้สอบติดมหาวิทยาลัยโดยหลวงอาได้รับอุปการะบีต่อ บีมาใช้ชีวิตอยู่ในวัดระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย พร้อมช่วยเหลือหลวงอาตลอด ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเป็นลูกศิษย์ระหว่างที่ท่านออกบิณฑบาต ใช้เวลาว่างจากการเรียนทำความสะอาดกุฏิ ช่วยเหลืองานวัดทุกอย่างหางานพิเศษทำตลอดจนเรียนจบ ก่อนจะได้งานทำในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งบีได้ออกมาเช่าห้องที่ใกล้ที่ทำงานแต่ไม่ลืมที่จะไปช่วยงานหลวงอาที่วัดถ้าตนเองว่างและกลับไปดูแลปู่กับย่าที่อ่างทองตลอด จนปู่ได้จากโลกนี้ไป และนักการเมืองท้องถิ่นที่ตอนนี้เป็น สส.ที่บีรู้จักตั้งแต่ไปช่วยงานในช่วงหาเสียงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนเรียนมหาวิทยาลัยได้ติดต่อมาให้ไปทำงานด้วย ซึ่งบีตอบตกลงเพราะดูแล้วรายได้ดีกว่าพนักงานบริษัทและได้มีเวลาดูย่าได้มากขึ้นจนผลงานของบีนั้นเข้าตาจนได้รับเลื่อนเป็นผู้ช่วย สส. จนย่าได้เสียชีวิตไปอีกคน แต่บีนั้นก้าวหน้าไม่หยุด จนมาถึงตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีแม้จะไม่ได้เป็น สส. พร้อมกับชีวิตที่ดีขึ้น ตอนนี้บีสามารถซื้อบ้านเดี่ยวชั้นเดียวแถวย่านชานเมืองพร้อมกับรถยนต์ 1 คัน ซึ่งตั้งแต่มีชื่อเสียงบีนั้นบอกกับทุกคนตลอดว่าเป็นเด็กวัดมีวันนี้ได้เพราะปู่กับย่าและหลวงอาเท่านั้นและก่อนหน้านี้เพียง 1เดือนเศษๆ บีได้รับการติดต่อขอเข้าพบจากรองอธิบดีในกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งบีเห็นชื่อและนามสกุลก็รู้ว่ารองอธิบดีที่ขอเข้าพบนั้นเป็นน้องชายคนเล็กของแม่ซึ่งตนเองเคยเห็นหน้าตอนเด็กๆเท่านั้น

"บีพอจะจำน้าได้หรือเปล่า"

อีกฝ่ายทักหลังจากที่เข้ามานั่งในห้องทำงาน

"พอจะคุ้นๆหน้าครับ"

บีตอบด้วยอาการสำรวม

"ก็นั่นนะสินะ เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เจอกันตอนงานศพแม่ของบีและตอนที่น้ากลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทย ชีวิตน้าก็แบบนี้ อยู่แต่เมืองนอก"

บีพยักหน้าเพราะพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำงานที่ต่างประเทศตลอดก่อนจะเป็นทูตไทยที่อาร์เจนติน่าและพึ่งกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน

"ที่น้ามาพบบีวันนี้ก็มีเรื่องจะมาขอร้องนะ น้าพอจะรู้ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับบี เรื่องนี้น้าไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าตอนนั้นน้าจะอยู่ที่ไทยหรือไม่ แต่ตอนนี้ยายของบีป่วยหนักมาก ท่านอยากจะเจอหน้าบีอีกครั้ง น้าขอร้องละ ไปเยี่ยมท่านหน่อย ท่านอาจจะดีขึ้น"

"น้าธงชัยน่าจะรู้นะครับ ว่าผมตัดขาดกับทางนั้นมาตั้งนานแล้วไม่เคยติดต่อกันอีกเลย"

"น้ารู้แต่ยายก็ตามเรื่องของบีมาตลอด ท่านดีใจมากที่บีได้เป็น สส.เมื่อสมัยที่แล้ว"

"แล้วยังไงครับ"

บีสวนขึ้นมาทันที จนอีกฝ่ายชะงักก่อนจะพูดต่อ

"น้าเข้าใจนะว่าบีคิดยังไง คงสาปแช่งทางฝ่ายน้ามาตลอด น้ารู้ภายหลังว่าพี่ขวัญทำอะไรกับบีบ้าง แต่น้าขอร้องอีกครั้งนะ ไปเยี่ยมยายเขาหน่อย เรื่องค่าเดินทางน้าอำนวยความสะดวกให้ ขอร้องละบี"

อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่วิงวอนก่อนที่บีจะพยักหน้าแบบแกนๆหลังจากนั้นอีก 2 วัน เป็นจังหวะที่ทางรัฐมนตรีได้เดินทางไปราชการที่อุดรพอดี บีอาศัยจังหวะช่วงว่างไปที่โรงพยาบาลที่ยายรักษาตัวอยู่ ซึ่งทางธงชัยได้มารออยู่แล้วหลังจากที่บีแจ้งมา ภายในห้องพิเศษตั้งแต่หน้าห้องบีเห็นคนมาเยี่ยมจำนวนมากทั้งคุ้นหน้าและไม่คุ้นหน้า บีนั้นไม่ทักและไม่มองใครที่ต่างมองมาที่บี จนเข้ามาในห้อง บีเห็นร่างหญิงชรานอนอยู่บนเตียงโดยมีเครื่องช่วยหายใจ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆระโยงระยาเต็มไปหมดและมีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างเตียง บียืนนิ่งเฉยมองไปที่เตียงแบบไร้ความรู้สึกแม้อีกฝ่ายจะมองมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา พร้อมพยามกวักมือเรียกแต่บีนิ่งเฉยแม้กระทั่งหมอที่รีบมาหลังจากรู้ว่ามีเลขารัฐมนตรีมาเยี่ยมคนเจ็บ หมอพยายามอธิบายอาการป่วยแต่บีไม่สนใจ ก่อนจะหันมาบอกธงชัย

"ผมขอตัวก่อนนะครับน้าธง ผมมีงาน"

บีพูดจบแล้วหันตัวกลับไปทันที แม้ใครๆจะมองมาที่บี หลังจากนั้น 2 วัน  ธงชัยส่งข่าวมาบอกว่ายายได้เสียแล้วแต่บีไม่สนใจ จนวันก่อนที่จะเผาซึ่งมีการขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ทางธงชัยได้โทรมาขอร้องให้บีไปร่วมงานซึ่งทางธงชัยได้อ้อนวอนอยู่นานจนบียอมไปอย่างไม่เต็มใจ  บีเดินทางไปถึงก่อนที่งานจะเริ่มไม่มากนัก และแต่งกายแบบธรรมดาด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกางกางสีดำ บีรู้ดีว่าหลายคนหวังว่าบีแต่งชุดขาวมาเพราะเป็นงานพระราชทานเพลิงศพและมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานซึ่งเป็นงานที่ใหญ่อีกทั้งผู้ตายเป็นคนมีชื่อเสียงของจังหวัดมีเงินทั้งบารมีและขึ้นชื่อเรื่องการทำบุญกุศล

บีทำตัวเหมือนแขกมาร่วมงาน มีหลายคนที่พยายามเข้ามาทักบีตอบไปสั้นๆว่าตนเป็นแขกเท่านั้นไม่ใช่เจ้าภาพ แม้ธงชัยจะมาชวนให้ไปอยู่ในหมู่ญาติแต่บีปฏิเสธ ซึ่งมีเพียงคนเดียวที่บีคุยด้วยอย่างดีคือน้าแก้มที่เคยเป็นแม่ครัวและแอบช่วยบีมาตลอดนี้ได้ลาออกกลับไปอยู่บ้านที่ขอนแก่นแล้ว ตอนที่บีเดินขึ้นไปบนเมรุเพื่อวางดอกไม้จัน บีไม่ได้มองไปที่รูปของยายและไม่ยกมือไหว้ไปที่โลงเลย ตอนลงมาบีได้สบตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนแจกของชำร่วยบีจำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเตียงของยายแต่บีไม่รับและเดินทางกลับทันทีโดยกล่าวลากับอดีตแม่ครัวที่มีน้ำใจกับความสงสารให้กับตนเองเท่านั้น

หลังจากนั้น 3 วัน ธงชัยได้มาขอพบบีที่กระทรวงอีกครั้งพร้อมนำผู้ชายวัยกลางคนมาด้วยซึ่งธงชัยได้แนะนำให้รู้จักคนที่มาด้วยเป็นทนายความประจำตระกูลชื่อเดชา และที่มาขอพบบีอีกครั้ง เพราะมีเรื่องสำคัญก่อนที่ธงชัยจะบอกกับบี

"คือน้าก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเรื่องนี้น้าก็พึ่งรู้เลยต้องมาขอรบกวนบีอีกครั้ง น้าขอให้คุณเดชาบอกแทนแล้วกัน"

"คืออย่างนี้ครับคุณทินกร"

อีกฝ่ายพูดต่อทันที

"ก่อนที่คุณท่านจะป่วยหนักท่านได้เรียกผมไปทำพินัยกรรม ซึ่งคุณท่านได้สั่งทั้งวาจาและลายลักษณ์อักษรว่าพินัยกรรมนี้จะเปิดไม่ได้ถ้าไม่มีคุณทินกรอยู่ด้วย เพราะท่านถือว่าคุณทินกรเป็นตัวแทนของลูกสาวคนโตของท่าน"

บีหัวเราะออกมาทันที ซึ่งคนฟังนั้นรู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะที่เย้ยหยันอย่างมาก ก่อนจะมองหน้าเหมือนเตือนให้ทนายความพูดต่อ

"อย่างที่ผมเรียนนะครับ พินัยกรรมตอนนี้เปิดไม่ได้เพราะไม่มีคุณทินกรร่วมอยู่ด้วย คุณธงชัยเลยพาผมมาเรียนให้คุณทินกรทราบครับ"

"แล้วมีเหตุผลอะไรหรือครับที่ต้องให้ผมไปร่วม"

"เรื่องนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ก่อนที่ท่านจะทำ ท่านได้ปรึกษากับคุณเพ็ญแขเรียบร้อยแล้ว และตอนทำพินัยกรรมคุณเพ็ญแขก็อยู่ด้วยตลอดครับ"

"เพ็ญแขคือใครหรือครับ"

"บีคงจำไม่ได้แขเป็นสาวลูกพี่ใจ ตอนนี้เป็นผู้พิพากษา"

ธงชัยนั้นเป็นคนตอบแทนก่อนจะพูดต่อ

"เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นะบี น้าเองก็จนปัญญา และอีกเรื่องบีคงจะรู้ว่ามีคนรอให้เปิดพินัยกรรมอยู่มาก ถ้าบีไม่ไปก็ไม่สามารถที่จะเปิดได้"

"ผมบอกแล้วผมไม่สนใจในเรื่องนี้ ใครจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันครับ"

"บีน้าเข้าใจนะ แต่มันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อย่างไรทางเราก็ต้องขอร้องบีแล้วน้าจะไม่มารบกวนบีอีกเลย"

ทั้งเดชาและธงชัยต่างพูดอ้อนวอน จนบีต้องจำใจรับปากว่าจะไปอย่างเสียไม่ได้ จนถึงวันที่นัดบีเดินทางไปที่อุดรโดยไม่สนใจตั๋วเครื่องบินที่ทางธงชัยส่งมาให้ แม้กระทั่งส่งรถไปรับที่สนามบิน บีเช่ารถขับไปเองจนถึงบ้านที่ตัวเองเคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่กลับมาเหยียบอีก แต่ก็ต้องมาเพราะถูกขอร้องอาณาเขตของบ้านนั้นกว้างใหญ่เหมือนเดิมแต่กับบีมันคือคุกดีๆนี่เอง ธงชัยกับเดขานั้นยืนรอรับที่หน้าตึกและพาบีเข้าไปในบ้าน พอเข้าไปในห้องโถงทุกอย่างยังเหมือนเดิมเครื่องประดับตกแต่งที่หรูหราอันมีมูลค่า บีมองไปที่บันไดอันกว้างใหญ่ที่เป็นทางขึ้นไปบนชั้น 2 ตรงกำแพงที่ขั้นพักบันไดก่อนจะเป็นทางเลี้ยวขวาขึ้นไปชั้น 2 มีรูปวาดขนาดใหญ่ของยายติดอยู่ บีมองแล้วยิ้มอย่างเหยียดๆก่อนจะเดินตามไปที่ห้องรับแขก

พอเข้าไปทุกคนต่างมองมาที่บีโดยบีไม่สนใจใคร และเดินไปยืนริมหน้าต่างโดยไม่สนใจจะนั่งตามคำเชิญของธงชัย ก่อนจะกวาดตามมองไปรอบๆ น้าขวัญนั่งคู่กับสามีและมีลูกสาวทั้งคู่อยู่ไม่ห่างและมองมาที่บีด้วยสายที่ไม่เป็นมิตรนัก ส่วนอีกมุมหนึ่งของห้องคือยายจอมแม่บ้านตัวแสบที่มองมาที่บีด้วยสายตาที่แสดงออกว่าเกลียดชัง ที่นั่งตรงข้ามกับน้าขวัญ คือน้าใจกับผู้หญิงที่บีเห็นยืนแจกของชำร่วยในงานศพ นั่นคงเป็นเพ็ญแข ส่วนน้าธงนั่งอยู่ที่ด้านหน้าบีและที่นั่งติดๆกันคงเป็นภรรยากับลูกชาย พร้อมกับบริวารอีก 4-5 คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ยายจอม ก่อนที่ทนายเดชาที่นั่งฝั่งตรงข้ามน้าธงจะพูดขึ้นมา

"เอาละครับมากันพร้อมหน้าแล้ว ทีนี้ถึงเวลาที่ผมจะเปิดพินัยกรรมที่คุณท่านได้ทำไว้"

ทนายเดชาเปิดกระเป๋าหยิบซองเอกสารมีน้ำตาลขึ้นมาแล้วโชว์ให้ทุกคนดู

"นี่เป็น ซองเอกสารที่ได้บรรจุพินัยกรรมไว้โดยปิดผนึกอย่างดีโดยมีสายเซ็นของคุณท่านและคุณเพ็ญแขกำกับอยู่นะครับเชิญทุกท่านพิจารณาดูได้ครับ"

"อะไรกันยายแขแกมีส่วนทำพินัยกรรมด้วยหรือนี่ทำไมป้าไม่รู้มาก่อนเลย"

น้าขวัญพูดมาอย่างไม่พอใจแต่อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"คุณยายสั่งไว้คะให้แขเก็บเป็นความลับนอกจากคุณเดชาและผู้ช่วยอีก 2คนแล้วไม่มีใครรู้แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ไม่รู้และแขยืนยันไว้เลยว่าทุกอย่างเป็นความตั้งใจของคุณยาย แขมีสำเนาเก็บไว้ด้วยคะป้า"

ทำเอาน้าขวัญเงียบทันทีแต่สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ทนายความจะเปิดซองเอกสารและเริ่มอ่านข้อความในพินัยซึ่งทุกคนได้รับการแบ่งมรดกจนครบแม้กระทั่งยายจอมกับบริวารที่อยู่มานานอีก 4-5คน จนถึงข้อสุดท้าย ที่ดูเหมือนน้าขวัญจะรอคอยมาอย่างใจจ่อ แต่ทั้งครอบครัวนั้นมีสีหน้าผิดหวังอย่างแรงจนดูเหมือนช็อกไปในทันที เพราะบ้านกับที่ดินที่มีมูลค่ารวมกันกว่า 85 ล้าน ถูกยกให้บี ทุกคนยกเว้นเพ็ญแขต่างมองมาที่บี โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมา

"แม่ไม่ยุติธรรม ฉันอุตส่าห์ดูแลมาตลอดทั้งบ้านหลังนี้ทั้งกิจการแต่ทำไมต้องยกบ้านกับที่ดินให้ไอ้บีมันด้วย มันไม่เคยโผล่หัวมาดูแลเลยแถมยังหนีออกจากบ้านไปอีก ทั้งๆที่เรารับมันมาดูแลเพราะพ่อกับแม่มันตาย"

น้าขวัญเริ่มโวยวายรวมถึงสามีที่บีพอจะรู้ว่าเกษียณอายุแล้วได้มาช่วยดูแลกิจการกับน้าขวัญ และตอนนี้เป็นหัวคะแนนให้ สส.ในพื้นที่ ซึ่งอยู่พรรคฝ่ายค้าน ส่วนกุ้งนั้นเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาล และนกนั้นช่วยพ่อกับแม่ทำธุรกิจค้าส่ง ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ทุกคนตางพูดโวยวายกันไม่หยุด พยายามซักถามกับทนายความกับเพ็ญแขว่าทำไมบีถึงจู่ๆได้รับมรดกชิ้นใหญ่ จนบีก้าวเดินเข้าไปก่อนจะพูดด้วยเสียงขรึมๆกับทนายความ

"คุณเดชาครับ ตกลงบ้านหลังนี้เป็นของผมแล้วใช่ไหมครับ

พอบีพูดขึ้นทำเอาคนที่กำลังโวยวายต่างเงียบและหันมามองที่บี

"ใช่ครับ คุณทินกรคุณมีสิทธิ์แล้ว ส่วนนี้เป็นรายการทรัพย์สินในบ้านนี้ คุณให้ทีมงานมาตรวจสอบได้เลยครับ ส่วนเอกสารการโอนผมเตรียมไว้แล้วคุณทินกรจะพิจารณาก่อนก็ได้หรือจะเซ็นรับเลยก็ได้ครับผมจะได้ดำเนินการให้ต่อ"

เดชาพูดพร้อมหันไปหยิบเอกสารในกระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยื่นแฟ้มเอกสารให้บี ซึ่งบีนั้นยังไม่รับก่อนจะพูดขึ้นอีก

"ถ้าอย่างนั้น ผมขอบอกไว้เลยว่าผมจะขายบ้านหลังนี้และที่ดินทันที ดังนั้นขอให้คนไม่เกี่ยวย้ายออกจากบ้านนี้ภายใน 7 วัน ส่วนคุณจอมผมให้เวลาคุณ 3วัน ย้ายออกจากที่นี่"

บีพูดพร้อมประสานสายตาที่เย็นชาไปยังแม่บ้านผู้สูงวัยที่ดูออกเลยว่าตกใจอย่างมากกับคำพูดของบี

"แล้วๆๆ ยายจะไปอยู่ที่ไหนละคะ คุณบี ยายไม่มีใครแล้ว"

น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความตกใจพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาและเป็นครั้งที่พูดกับบีอย่างสุภาพแต่บีไม่สนใจพร้อมพูดต่อ

"นั่นมันเรื่องของคุณ ส่วนคนที่เหลือคือ 7 วัน นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมจะให้ทีมงานเข้ามาตรวจทรัพย์สินพร้อมกับทีมของคุณเดชา เพราะจะได้ดูว่าหลังจากทุกคนออกไปแล้วมีอะไรเสียหายหรือสูญหายไปจะได้เรียกเก็บค่าเสียหายภายหลัง"

"บีอย่านึกว่าแกมีตำแหน่งใหญ่โตแล้วจะมีอำนาจบาตรใหญ่นะแกจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องแก"

เสียงน้าขวัญพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจก่อนที่กุ้งจะพูดเสริมต่อจากแม่

"แกมันไม่มีน้ำใจแล้วคุณยายจอมจะไปอยู่ที่ไหน พวกเราด้วยแกให้เวลาเท่านี้ใครจะไปย้ายทันแล้วสำนึกบุญคุณด้วยสิว่ายายก็เคยเลี้ยงดูแก"

ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างเหยียดๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆสายตาเปลี่ยนไปมองน้าขวัญ

"น้ำใจนะหรือ  ผมอยู่ที่นี่ 2ปีเคยเจอบ้างไหมละครับมีใครมีน้ำใจกับผมบ้าง ทุกคนดูถูกเหยียดหยามผมทั้งนั้น เลี้ยงดูผมเหมือนกับทาส ด่าทอเฆี่ยนตีผมไม่เว้น แม่ผมที่ตายไปก็โดนด่าด้วยเพราะแม่ไปแต่งงานกับพ่อที่เป็นคนจน ทำให้ผมเป็นที่เกลียดชังของทุกคนในบ้านยกเว้นป้าแก้มจนผมต้องหนีออกไปจากไอ้บ้านแห่งความซวยนี้ ตอนนี้ผมได้บ้านหลังนี้ก็เพราะอะไรผมก็ไม่รู้ผมไม่สนใจว่าคนตายให้ผมเพราะอะไร แต่ตอนนี้ผมถือสิทธิ์ของเจ้าบ้านและผมต้องการขายมันทิ้ง ผมทำผิดกฎหมายตรงไหนครับ จะฟ้องผมด้วยเรื่องอะไร ตอบผมมา อีกอย่างทุกคนก็ได้ทั้งเงินทั้งที่ดินไปมากมายแล้วจะไปซื้อบ้านใหม่ที่ไหนก็ได้"

คำพูดที่ท้ายทายจากเด็กที่พวกตนเองข่มขู่มาตลอดแต่ถึงตอนนี้เด็กคนนั้นไม่กลัวพวกเขาอีกต่อไปแล้วทำเอาครอบครัวของขวัญต่างเงียบไปชั่วขณะก่อนที่นกที่ดูจะไม่ยอมได้พูดขึ้น

"แล้วแกไม่กลัวหรือไงถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงสื่อ มันกระทบถึงตำแหน่งชื่อเสียงของแกนะ"

"ตามสบายครับ ผมไม่สนใจเพราะผมไม่ได้ทำผิดอะไรนี่ ผมให้เวลา7 วันก็นับว่าดีแล้ว แต่ถ้าไม่พอใจจะไปเลยก็ได้ ถ้าไม่ไปผมจะได้แจ้งความว่าบุกรุกหรือจะเอาอย่างนั้น"

"แล้วถ้าเราจะขอซื้อละบี"

เป็นเสียงของสามีน้าขวัญซึ่งบียิ้มแบบเหยียดๆก่อนจะตอบโดยไม่มองหน้า

"ก็ราคาตามที่ระบุไว้นะครับ 85 ล้าน"

"งั้นขอเวลาเราหน่อย น้าจะขอซื้อเอง"

"ให้เวลา15 วันครับถ้าจะซื้อ ผมไม่ให้เช่าหรืออยู่ฟรีเพราะผมกลัวว่าจะมีใครทำอะไรไม่ดีในทีนี้แล้วชื่อผมเป็นเจ้าของบ้านผมจะซวยไปด้วยครับ"

" 15 วัน น้าหาเงินไม่ทันแน่นอน ขอเวลาเป็นสัก เดือนหรือ 2 เดือนได้ไหม น้าสัญญาว่าจะทำให้เร็วที่สุด"

เสียงอ้อนวอนจากสามีของน้าขวัญซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยพูดกับบีแบบนี้แต่บีไม่สนใจพร้อมส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนที่ธงชัยจะพูดขึ้น

"บี งั้นน้าขอซื้อเองบ้านนี้เป็นบ้านของพ่อกับแม่น้า น้าไม่อยากให้บ้านหลังนี้เป็นของกับคนอื่น น้าจะพยายามทำให้ได้ใน 15 วัน น้าขอเวลาคุยกับธนาคารก่อนและถ้าธนาคารประเมินราคาไม่ถึง 85 ล้าน น้าจะเอาเงินของน้ามาโปะให้ ส่วนที่เรื่องที่ผ่านมา ยังไงน้าบอกอีกครั้งเราย้อนเวลาไปไม่ได้ และน้าขอโทษแทนทุกคนด้วยน้าสงสารป้าจอม ญาติพี่น้องแกไม่เหลือแล้ว ให้แกไปแล้วแกจะไปอยู่ที่ไหน"

"ก็แล้วแต่น้าธงนะครับ ที่จะเลี้ยงคนที่ชอบปั้นน้ำเป็นตัว เอาเรื่องที่มันไม่เป็นความจริงไปฟ้องคนอื่น ผมเจอมาแล้วโดนตีจนหลังลายทั้งๆที่ไม่ได้ทำความผิด ถามน้าขวัญดูสิครับว่าเพราะอะไร ลืมนาฬิกาแล้วหาไม่เจอแต่โทษว่าผมขโมยไป คุณจอมก็รีบไปฟ้องคนตายทันทีว่าผมเป็นคนขโมย ผมถูกมันเฆี่ยนโดยไม่สอบถามพร้อมถูกน้าขวัญตบหน้าด่าว่าเป็นขโมยจนผมต้องตะโกนออกมาว่าไงจำได้ไหมครับน้าขวัญกับคุณจอม ถ้าจำไม่ได้ผมทวนความจำให้ ผมต้องตะโกนออกมาว่า กูไม่ใช่ขโมย พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้กูเป็นขโมย คนตายกับคุณจอมจับผมขังในห้องให้อดข้าวอดน้ำ1วันเต็มๆ  แต่สุดท้ายน้าขวัญเจอนาฬิกาที่ลืมไว้เอง แล้วทำเป็นไม่สนใจว่าทำอะไรไว้กับผม คำขอโทษยังไม่มี ผมจำได้ดีกับเรื่องนี้ ไม่รวมอีกหลายเรื่อง แล้วมาหาว่าผมไม่มีน้ำใจกับพวกคุณมันใช่หรือไม่ครับ"

บีพูดพร้อมกวาดตาไปมองที่แม่บ้านที่ร้องไห้ไม่หยุดและมีกุ้งกับคนอีก2-3คนกำลังช่วยกันปลอบส่วนน้าขวัญนั่งกำมือแน่นไม่ตอบโต้อะไร ธงชัยจึงพูดต่อ

"เอาละน้าเข้าใจและบอกอีกครั้งว่าขอโทษแทนทุกคน น้าคิดว่าที่ยายยกบ้านให้บีก็คงเป็นการขอโทษกับบีในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะยังไงยายก็ไม่มีโอกาสพูดกับบีเอง ถึงยายจะโอกาสพูดบีก็คงไม่ฟัง น้าขอร้องนะว่าอยากให้ยุติลงตรงนี้ ที่ผ่านมาบีก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับพวกเราแต่ครั้งนี้มันเลี่ยงไม่ได้เพราะยายสั่งไว้ จะมาผูกใจเจ็บกันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ยิ่งตอนนี้บีมีทั้งอำนาจวาสนาแถมมีเพื่อนที่มีบารมีอีกด้วย น้ารู้ดีว่าบีกับคุณอลงกรณ์สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว และทางไทยก็คงจะต้องพึ่งพาคุณอลงกรณ์อีกพอสมควร บีจะทำอะไรก็ได้โดยอำนาจวาสนาที่บีมีอยู่ในตอนนี้ ขอร้องละนะบียังไงเราก็ยังเป็นญาติกันอยู่ แม่ของบีก็เป็นพี่สาวของน้า"

พอธงชัยพูดจบน้าใจที่นั่งฟังมาตลอดได้พูดต่อ

"เอาแบบนี้เล็ก พี่ช่วยออกค่าบ้านให้อีกครึ่ง พี่เห็นด้วยเราปล่อยบ้านหลังนี้ไม่ได้ส่วนบีน้าบอกเหมือนกับน้าเล็ก น้าขอโทษจริงๆกับเรื่องที่ผ่านมาแต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว บีจะขายบ้านที่ยายให้บี น้ากับน้าเล็กจะช่วยกันซื้อเราขอเวลาไม่เกิน 15 วันนะ ส่วนเรื่องที่ผ่านมาบีจะยกโทษให้ยายหรือไม่ก็แล้วแต่บี"

"ทำไมผมต้องยกโทษให้ครับ คนอย่างผมเจ็บแล้วจำโดยเฉพาะเรื่องที่ผมไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ต้องมารับโทษ"

"ไอ้บีแกไม่สิทธิพูดแบบนี้ ถึงอย่างไรก็เป็นยายของแก ให้รู้จักที่ต่ำทีที่สูงบ้าง"

ขวัญพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แต่บีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ต่ำสูงวัดกันตรงไหนครับน้าขวัญ จิตใจหรือการกระทำ ไม่ใช่ปากบอกว่าจิตใจดีชอบทำบุญทำทานเอาหน้าแต่จิตใจมันต่ำทรามแบบคนตายกับน้าขวัญแบบนี้ควรเรียกว่าสูงหรือต่ำครับ"

"บีฉันเป็นน้าแกนะ แกไม่มีสิทธิพูดแบบนี้"

"ตรงไหนครับที่ผมไม่มีสิทธิ มันไม่ใช่เมื่อก่อน ที่ผมเรียกว่าน้าแสดงว่าผมยังให้เกียรติทั้งๆที่คุณไม่มีเกียรติที่ผมจะให้เสียด้วยซ้ำเหมือนคุณจอมหรือจะให้ผมเรียกอย่างอื่นคุณขวัญ"

บีตอบพร้อมเน้นเสียงตรงประโยคท้าย ทำเอาขวัญลุกขึ้นยืนทันที

"ไอ้บีแก!!!!"

บีมองมาที่ขวัญโดยไม่ทีท่าสะสกสะท้าน มันให้น้าใจกับน้าธงที่นั่งฟังได้รีบลุกขึ้นมาห้ามทันที เพราะดูแล้วบีคงไม่ยอมแน่นอน

"เอาละบี น้าต้องขอโทษอีกครั้ง น้ารู้ว่าบีลำบากใจจริงๆที่มาที่นี่ ส่วนพี่ขวัญหยุดเถอะครับพูดไปก็เข้าตัวอย่าให้มันบาดหมางไปมากกว่านี้เลยครับ เห็นแก่แม่ที่พึ่งเสียไปเถอะครับ ขอเถอะ"

ธงชัยเป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนและมองไปที่บี ทำให้บียิ้มออกมาอย่างเหยียดๆอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นมา

"ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวกลับ เย็นนี้มีงานต้องทำ ส่วนคุณเดชาครับรบกวนช่วยเก็บเอกสารไว้ก่อนนะครับ เพราะน้าธงกับน้าใจจะซื้อบ้านต่อถ้ามีอะไรโทรถามผมได้"

"ได้ครับถ้าอย่างนั้นคุณทินกรรบกวนช่วยเซ็นรับบ้านก่อนนะครับส่วนเรื่องที่เหลือผมจะช่วยประสานให้ครับ"

บีรับเอกสารมาเซ็นก่อนจะคืนให้และเดินออกโดยไม่สนใจคนอื่นๆแต่ได้ยินเสียงของลูกชายน้าธงชัยที่ได้พูดขึ้นมา

"พ่อครับเงินไม่ใช่น้อยนะครับ"

"เอาเถอะดีกว่าเสียบ้านของปู่กับย่าไป เพราะยังไงบีก็ไม่เอาแล้วพ่อกับป้าใจก็ขอซื้อต่อ"

เป็นเสียงที่บีได้ยินก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยธงชัยตามไปส่งที่รถ และได้พูดกับบีอีกครั้งในเรื่องที่จะรีบในเรื่องการซื้อบ้าน บีพยามทำใจให้ว่างและปล่อยวางกับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ใส่ใจว่าทำไมตนเองถึงได้มรดกก่อนที่จะหยิบเครื่องบันทึกเสียงที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดฟังซึ่งสามารถบันทึกการสนทนาได้ชัดเจนพอสมควร บียิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะจากประสบการณ์ทำให้เรียนรู้ได้หลายๆอย่างโดยเฉพาะในเรื่องแบบนี้บีต้องหาทางป้องกันตัวเองไว้ก่อน หลังจากนั้น 2-3 วันได้มีข่าวออกมาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยไม่ระบุชื่อแต่ทุกคนที่รู้จะเข้าใจดีว่าหมายถึงบีในเรื่องของมรดกที่ได้และความอกตัญญูของนักการเมืองหนุ่มไฟแรง บีนั้นพอจะเดาออกได้ว่าใครอยู่เบื้อง แต่ก่อนที่บีจะทำอะไรบีถูกเลขาธิการพรรคกับทางรัฐมนตรีสอบถามถึงเรื่องนี้ บีจึงเล่าให้ฟังโดยไม่ปิดบังพร้อมเอาเทปที่แอบบันทึกเสียงมาเปิดให้ทั้งคู่ฟัง ทำให้ทั้งคู่นั้นไม่ติดใจแต่บอกให้บีแก้ข่าวให้เรียบร้อยก่อนจะมาฝรั่งเศส

บีจึงเชิญนักข่าวประจำกระทรวงมาพูดคุยและเปิดเทปให้ฟังก่อนจะให้สัมภาษณ์ในบางประเด็นซึ่งสามารถตอบข้อสงสัยของสังคมได้พอสมควร บีขอให้นักข่าวลงข่าวไปว่าตนเองเคยอยู่กับยายเพียง 2 ปีเท่านั้นแต่ไม่ขอบอกว่าทำไมถึงต้องมาอยู่กับปู่และย่า ส่วนเรื่องมรดกตนเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงได้รับแต่ดูแลไม่ได้จึงขายออกไปและจะมาว่าบี อกตัญญูก็ไม่ถูกในเรื่องที่ไม่ให้คนอยู่ต่อ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้เลี้ยงดูตนเองพร้อมกับกลัวว่าถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมามันอาจจะทำให้บีได้รับความเสียหายได้ หลังจากที่ข่าวออกไปทำให้กระแสดูจะเงียบไป แต่ในวันต่อมาลูกสาวของน้าใจที่เป็นผู้พิพากษาได้มาติดต่อขอพบบีที่กระทรวง ซึ่งในใจบีนั้นไม่อยากจะเจอญาติทางฝ่ายแม่อีกแต่ต้องจำยอมหลังจากที่เพ็ญแขได้เข้ามาในห้องทำงานเธอพูดขึ้นทันทีหลังจากที่นั่ง

"ขอบคุณนะคะ พี่บี ที่ยอมให้พบคือแขขออนุญาตเรียกพี่บีแล้วกันเพราะยังไงตามศักดิ์พี่บีเป็นลูกของป้าเพ็ญลักษณ์ ที่แขมาในวันนี้แขมีเรื่องที่อยากจะบอกพี่บีคะ ตอนแรกแม่จะมาด้วยแต่แขบอกเองว่าให้แขมาหาพี่บีคนเดียวก็พอ คือเรื่องที่อยากจะบอกพี่บีมันเป็นเรื่องที่ยายได้สั่งไว้ก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลคะ ยายขอให้แขมาบอกกับพี่บีหลังจากที่ยายเสียแล้ว"

"ไม่จำเป็นหรอกครับผมไม่อยากฟัง"

"ขอความกรุณาเถอะคะพี่ แขว่ามันจำเป็นคะ คือแขอยากจะทำตามที่ยายสั่งเสียไว้ให้เสร็จสิ้นคะ แขจะมาหาพี่ก่อนหน้านี้ก็ไม่สะดวกเพราะติดเรื่องานเก็บอัฐิของยาย ที่มาเพราะไม่ใช่มาแก้ตัวให้กับยายรวมทั้งเรื่องที่พึ่งเป็นข่าวด้วยคะ"

เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่วิงวอนเพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องจากปากของยายและเธอเก็บเงียบไว้ตลอดจนมาเล่าให้พ่อกับแม่เธอฟัง จนแม่เธอเร่งให้เธอมาบอกกับบี  บีนั้นนิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไร มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เฉยเมย ทำให้แขย้อนไปนึกถึงในวันนั้นหลังจากที่บีเดินออกไปโดยที่น้าธงชัยหรือที่เธอเรียกว่าน้าเล็กเดินตามออกไปส่ง เธอกับทนายความถูกซักถามอย่างหนักจากครอบครัวของป้าขวัญในเรื่องพินัยกรรม ก่อนที่น้าเล็กจะเดินกลับเข้ามา

"มันกลับไปแล้วหรือเล็ก"

เสียงถามอย่างไม่พอใจจากป้าขวัญ

"ครับพี่"

"แม่คิดยังไงนะถึงยกบ้านให้มันนะพี่ไม่เข้าใจ"

"ผมว่าเรื่องนี้เรายุติดีกว่าครับอย่าไปถามอะไรอีกเพราะแม่ตัดสินใจแล้ว ตอนนี้เราขอให้ทางคุณเดชาเอาเอกสารรายการทรัพย์สินที่แม่มอบให้คนที่ได้รับก่อน คุณเดชาจะได้ไปเตรียมทำเรื่องโอนให้"

ทนายความรีบทำตามทันทีก่อนจะขอตัวกลับแต่ขวัญยังพูดไม่จบเพราะดูจะไม่พอใจบีอย่างมากจนธงชัยนั้นพูดขึ้นมา

"พี่ขวัญครับ ผมว่าเราต้องมาดูนะครับว่าเพราะอะไร บีถึงเกลียดทางเรามาก ผมบอกตรงๆว่าถ้าตอนนั้นผมอยู่เมืองไทยผมจะไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นยังไงเขาก็เป็นลูกพี่ลักษณ์ แม่จะโกรธจะเกลียดพี่ลักษณ์ยังไงแต่เอามาลงกับหลานมันก็ไม่ถูกครับบีไม่รู้เรื่องอะไรแต่ต้องมารับกรรม แทนที่เราจะเลี้ยงเขาแบบดีๆให้สมกับเป็นหลานของมหาเศรษฐี แต่เรากลับเอาเขามากดขี่ เอามาทรมานจนเขาต้องหนีกลับไปหาปู่กับย่าและตัดขาดกับเรา จนผมต้องบากหน้าไปขอให้เขามาเยี่ยมแม่ตามที่แม่ขอร้อง รวมถึงมางานศพและวันนี้ ทั้งๆที่เขาไม่เต็มใจจะมา เราก็ดูกันออกนะครับว่าเขาไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเรา งานศพก็มาแค่วันเผาแถมทำตัวเป็นแขก ผมไม่อยากให้มันบานปลายไปมากกว่านี้ เอาเป็นว่าต่างคนอย่างอยู่ดีกว่าครับ"

"ใช่แล้วพี่ขวัญ ใจก็เห็นด้วยกับเล็ก ตอนนั้นใจก็อยากจะเอาเขาไปเลี้ยงที่กรุงเทพแต่แม่ก็ไม่ยอม ยิ่งมาเห็นสภาพความเป็นอยู่ในตอนนั้น ใจก็ทะเลาะกับแม่กับพี่ไปทีแล้ว จนเขาเรียนจวนจะจบ ป.6 ใจยังถามว่าจะให้เขาเรียนต่อที่ไหนแต่แม่ก็ทำท่าไม่สนใจว่าจะส่งให้เขาเรียนต่อหรือไม่จนเขาหนีออกจากบ้าน ใจบอกตรงๆสำหรับเด็ก 12 ขวบเดินทางจากอุดรไปอ่างทองคนเดียวถ้าไม่กล้าไม่ฉลาดจริงๆ ไปไม่ถึงแน่นอนคะ แล้วยังไงคะ เด็กที่พี่ขวัญบอกว่าขี้เกียจไม่เอาไหน ผลการเรียนดีมาตลอดจนได้ทุนแถมสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับยายแข  เรียนได้เกียรตินิยมอันดับ2 จนถึงวันนี้ บีก้าวหน้าไปขนาดไหนแล้ว ใจบอกตรงๆว่าสิ่งที่เขาทำนะมันถูก เขาจะเก็บบ้านไว้ทำไม ในเมื่อเราทำให้เขาเกลียดบ้านหลังนี้ "

เพ็ญแขมองไปที่ป้าของเธอที่ดูจะไม่พอใจรวมถึงครอบครัวแต่ไมพูดอะไรออกมาอีกแต่แม่เธอนั้นพูดต่อ

"ถ้าเราพูดกับเขาดีๆคงจะดีกว่านี้แต่พี่ไปพูดกับเขาแบบเมื่อก่อนมันเลยยิ่งทำให้บีไม่พอใจ พี่อย่าลืมสิตอนนี้บีเป็นใคร ไม่ใช่เด็กที่พี่จะด่าว่าเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว  แถมเมื่อกี้ที่เขาไม่เรียกพี่ว่าน้าก็แปลว่าเขาไม่ได้ให้ความเคารพในตัวพี่เหมือนป้าจอมที่เราดูออกว่าบีเกลียดขนาดไหน เรียกคุณตลอดขนาดแม่เขาก็ไม่เอ่ยชื่อหรือเรียกยาย เรียกคนตายตลอด"

"แล้วแบบนี้จะไม่ให้โมโหได้ยังไง แม่ยกบ้านให้มันแต่มันไม่สนใจแถมเรียกแม่แบบนี้อีก มันอกตัญญูจริงๆไม่เห็นคุณคน"

"พี่ขวัญคะพอเถอะคะ ถ้าพี่ยังคิดแบบนี้อีกใจก็ไม่รู้แล้วจะอธิบายยังไง แต่อยากจะขอร้องว่าอย่าไปผูกใจเจ็บบี เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วเขาเอาเราคืนได้สบายๆนะคะ"

"ใช่ครับพี่ผมเห็นด้วยกับพี่ใจ อย่างที่ผมบอกเขาเป็นถึงเลขานุการรัฐมนตรี ถึงผมจะเป็นรองอธิบดีแต่เกิดอะไรขึ้นผมก็อาจช่วยไม่ได้แต่เมื่อกี้ที่ผมบอกไว้ เพื่อนสนิทของบีคนหนึ่งตอนนี้กำลังมีบารมีมากและทางรัฐบาลอาจต้องพึ่งพาเพื่อนบีคนนี้ในระดับโลกโดยเฉพาะเรื่องการค้ากับต่างประเทศ ถ้ามันมีอะไรที่ทางเราให้ร้ายบีผมก็เดาไม่ออกนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

"น้าเล็กหมายถึงคนที่น้าบอกว่าชื่ออลงกรณ์นั้นนะหรือคะ"

"ใช่แล้วแข คนๆนี้เคยทำงานในกระทรวงการต่างประเทศมาก่อนแต่น้าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ไปเป็นผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ในสเปนที่มีอิทธิพลมากในยุโรปและแอฟริกาเหนือ  ถ้าแขจำได้เคยมีบทสัมภาษณ์ลงในหนังสือมาแล้ว เรียกความสนใจจากพวกนักธุรกิจกับนักการเมืองได้อย่างมาก"

"จำไม่ค่อยได้นะคะแขอ่านผ่านๆ  แต่เห็นว่าฮือฮาพอสมควร"

"ตรงนี้ละที่น้ากลัว เพราะน้าพอจะรู้ว่าทางรัฐบาลกำลังขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของบีหลายเรื่อง และใครจะเป็นคนติดต่อให้ถ้าไม่ใช่บี มันยิ่งไปเพิ่มบารมีให้บีเข้าไปอีก ทางที่ดีเราอย่าไปยุ่งอะไรกับเขาให้มากกว่านี้เรื่องบางเรื่องก็ขอให้มันยุติลงที่นี่ ถ้ามันขยายออกไปแล้วเราจะคุมลำบาก ยิ่งถ้าเขาบอกว่าช่วงที่เขายู่ที่นี่แล้วเจออะไรบ้างมันไม่เป็นผลดีต่อแม่แน่นอน"

"จะอะไรนักเชียวแล้ว เรื่องแบบนี้ใครจะไปสนใจ มันก็แค่เลขา ไม่ได้เป็น สส.หรือรัฐมนตรี เรื่องนี้พี่ก็ไม่ยอมจะลองปรึกษาทนายดูเราจะฟ้องเรื่องมรดกได้หรือเปล่า"

"ไม่ได้คะป้าฟ้องไปก็เท่านั้นยังไงศาลก็ไม่รับฟ้องเพราะทุกอย่างยายเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แถมมีพยานถึง 4 คน ป้าก็เห็นหนังสือที่กำหนดไว้แล้วว่าให้พี่บีมาฟังด้วยไม่อย่างนั้นเปิดพินัยกรรมไม่ได้ว่าเป็นลายมือของยาย ยายปรึกษากับแขและคุณเดชาตลอดเพราะไม่อยากให้มีปัญหาเกิดขึ้นภายหลังจากที่ยายเสียไปแล้ว ยายบอกแขว่ายายจะได้ตายตาหลับแบบไม่ต้องห่วงอะไรเพราะทุกคนได้รับทรัพย์สินที่ยายกับตาสร้างมา ยายไม่อยากให้ลูกหลานหรือญาติๆต้องมาทะเลาะกัน ส่วนเรื่องอื่นๆแขไม่ขอพูดคะ"

ด้วยประโยคนี้ทำให้ป้าขวัญไม่กล้าพูดอะไรอีก คงเป็นเพราะเกรงใจในตำแหน่งของเธอถึงเพ็ญแขจะพึ่งสอบเป็นผู้พิพากษาได้ไม่นานนัก แต่เธอดูออกว่านอกจากป้าแล้วลูกป้าทั้ง 2 คนต่างไม่พอใจกันทั้งคู่โดยเฉพาะนกที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จนถึงตอนนี้แขได้มาพบกับลูกพี่ลูกน้องเธออีกคน มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอจะต้องมาพบบี เพราะเป็นคำขอร้องของยาย พอเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเธอจึงพูดต่อ

"พี่บีคะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยายขอร้องกับแขมาตลอดก่อนที่จะป่วยเข้าโรงพยาบาล พี่บีกับอีกหลายๆคนคนจะสงสัยว่าทำไมจู่ๆพี่บีถึงได้รับมรดกบ้านกับที่ดิน ยายบอกแขไว้ว่าบ้านและที่ดินหลังนี้มันต้องเป็นของลูกคนโตคือป้าเพ็ญลักษณ์ ซึ่งป้าไม่อยู่แล้วคนที่ได้คือทายาทของป้าคือพี่บี พี่บีอย่าเข้าใจผิดนะคะว่าที่ยายมอบให้พี่เพื่อชดเชยกับสิ่งที่ยายทำกับพี่บีในวัยเด็ก ยายบอกกับแขว่าไม่มีอะไรที่จะชดเชยกับความผิดที่ยายทำกับพี่บี ตลอดเวลาตั้งแต่ที่พี่บีหนีกลับไปอยู่กับปู่และย่าที่อ่างทอง ยายรู้สึกผิดมาตลอด ตอนที่ยายบอกให้ยายจอมไปหาที่อ่างทองเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าพี่บีมาอยู่กับปู่และย่าของพี่ และพี่ปลอดภัยแล้ว ยายรู้ดีว่ายังไงพี่ก็ไม่กลับไปหายาย ตั้งแต่นั้นยายแอบตามเรื่องของพี่มาตลอดแต่ยายไม่บอกใคร จนพี่เรียนจบ เรารับปริญญาพร้อมกันคะพี่แต่คนละวันเท่านั้น วันที่พี่รับปริญญายายยังแอบไปดูพี่แต่หาพี่ไม่เจอ จนพี่เป็น สส. ยายดีใจมากคอยดูข่าวของพี่มาตลอด ยิ่งตอนที่พี่ให้สัมภาษณ์หรืออภิปรายในสภายายจะติดตามตลอดแต่ไม่พูดอะไร เรื่องนี้คนที่บ้านรู้กันดี ข่าวเกี่ยวกับพี่ที่ลงหนังสือพิมพ์ยายก็ให้คนตัดเก็บไว้"

เพ็ญแขเว้นระยะไว้ชั่วขณะแต่พอเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเฉยอยู่เธอจึงพูดต่อ

"ยายยอมรับกับแขว่าตอนนั้นยายไม่กล้าที่จะไปขอโทษกับพี่บีเพราะยายอายต่อสิ่งที่ทำยิ่งพอพี่มีชื่อเสียง ทำให้ยายยิ่งไม่กล้าเพราะกลัวพี่คิดว่าเห็นว่าพี่มีชื่อเสียงแล้วถึงมาหาพี่เพื่อหวังผลประโยชน์ พอยายเริ่มจะป่วย ยายจึงเรียกแขมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แขบอกตรงๆคะพี่แขก็สงสารยายอยู่เหมือนกันเพราะตอนที่ยายเล่าไปยายร้องไห้ตลอด ก่อนที่ยายจะปรึกษาแขในเรื่องของพินัยกรรม ตอนทำก็มีแขกับคุณเดชาและลูกน้องที่ไว้ใจได้ของคุณเดชาอีก 2คนเท่านั้นที่รู้เรื่องในพินัยกรรม  แล้ววันที่พี่ไปที่โรงพยาบาลยายพยายามเรียกพี่ไปหาแต่พี่กลับเฉย ยายอยากจะบอกว่าขอโทษกับพี่ พอพี่กลับอาการของยายทรุดหนักลงมาก แขเดาว่ายายคงจะเสียใจมากจนยายจากไป ส่วนเรื่องนาฬิกาของป้าขวัญก็เหมือนกันคะยายบอกว่าเพราะทิฐิของยายที่ ทำให้ไม่ยอมขอโทษพี่บี พี่บีจะผูกใจเจ็บมันก็ถูกแล้ว พ่อกับแม่แขก็คิดแบบนี้คะพี่"

เธอพูดจบพร้อมกับนึกไปตอนที่เธอเล่าเรื่องนี้ให้กับพ่อแม่ของเธอฟังก่อนจะมาบอกบี พ่อของเธอนั้นไม่ค่อยถูกกับยายและป้าขวัญเช่นกัน วันที่เปิดพินัยกรรมพ่อเธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยเลยไม่ได้ไป แต่ที่ผ่านมาเธอจำได้ว่าทั้งพ่อและแม่พยายามจะพาบีมาอยู่ด้วยแต่ยายไม่ยอมและเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พ่อไม่ถูกกับยายและป้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังไม่พูดอะไรเธอจึงพูดต่อ

"แล้วเรื่องข่าวที่มีออกไป พี่บีก็คงพอจะเดาออกนะคะว่าเพราะใครแต่พี่บีก็แก้ข่าวไปแล้ว แม่กับน้าเล็กฝากแขกับขอร้องว่าพี่บีอย่าไปถือสาอะไรเลยนะคะ ไม่อย่างนั้นมันอาจจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องบ้านแม่จะติดต่อมาหาพี่ภายใน 2-3วันนี้คะ"


"ก็ตามนั้น ผมนะไม่อยากจะใจดำหรือใจไม้ไส้ระกำ แต่ผมไม่อยากเก็บบ้านนี้ไว้"

"ทั้งแม่กับน้าเล็กก็เข้าใจเหตุผลของพี่คะและก็ไม่แปลกใจที่พี่บีได้บ้านและ  ยายจอมก็ฝากมาบอกว่าแกขอให้พี่บียกโทษให้แกด้วย เพราะสิ่งที่แกทำแกถูกสั่งให้ทำคะ"

บีตาลุกวาวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้

"ผู้หญิงคนนี้นะหรือ ผมบอกตรงๆนะคุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้ว ผมไม่เชื่อที่แกพูด เพราะที่ผ่านมาแกทำเกินหน้าที่มาตลอด ในตอนนั้นผมถูกแกใส่ร้ายต่างๆนานา ผมเข้าใจจอมนะรักขวัญมากและเป็นคนเลี้ยงขวัญมาตั้งแต่เด็กๆต่างจากแม่ผมที่คนตายกับตาเป็นคนเลี้ยง ตอนนั้นแกพูดกรอกหูผมตลอดว่าผมนะจะมาแบ่งสมบัติกับขวัญแกไม่อยากให้ผมได้สมบัติของคนตาย ยิ่งทำให้ผมไม่ลืมสิ่งที่แกทำกับผมมาตลอด 2 ปี ทั้งปั้นน้ำเป็นตัว เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปฟ้องคนตายกับขวัญพูดจาด่าทอผมตลอด แกคงเกลียดผมไม่ต่างจากคนตายในเมื่อตอนนั้นผมยังเด็กและจำยอมต้องอยู่ที่นั่นแกก็ข่มเหงผมได้ตลอด ผมถึงเตือนให้น้าธงระวังไว้ ที่แกฝากคุณมาบอกเพราะเห็นว่าผมถือไพ่เหนือกว่าก็เท่านั้นครับ แต่ก็เอาเถอะผมไม่ใส่ใจแล้วแต่อย่ามายุ่งกับผมก็แล้วกัน ไปตามทางของแต่ละคนจะดีที่สุด เพราะดูแล้วแกก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน"

หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มันเป็นอย่างที่คิดบีนั้นเกลียดยายจอมจริงๆรวมถึงป้าขวัญที่บีเรียกชื่ออย่างเดียว แต่ทำยังไงได้ถึงอย่างไรยายจอมก็ช่วยยายเลี้ยงแม่เธอมา เธอคงจะพูดอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ เพราะอย่างไรเธอก็มาทำหน้าที่ตามที่ยายขอร้องไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือคงเป็นฝ่ายบีเองที่จะรับฟังหรือไม่ ก่อนที่เธอจะขอบคุณที่ให้เธอเข้าพบและกล่าวลา จนเธอกลับมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังที่บ้านในเรื่องที่พบกับบี พ่อที่ฟังมาตลอดพร้อมถามเพิ่มเติมได้บอกกับแม่

"คุณก็ไปเตือนพี่สาวคุณกับหลานคุณก็แล้วกันว่าอย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลย มันก็จริงอย่างที่บีพูดไปตามทางของแต่ละคนก็ดีแล้ว"

เพ็ญแขเห็นแม่เธอเงียบๆไม่ได้ตอบไปที่พ่อหลังจากอีก 3 วัน การซื้อขายบ้านจากบีนั้นเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร น้าใจกับน้าธงชัยได้หาเงินทั้งที่เก็บสะสมมาและส่วนหนึ่งจากมรดกมาซื้อบ้านต่อจากบี หลังจากที่เซ็นโอนบ้านพร้อมกับบีได้รับเช็คเงินสดเป็นที่เรียนร้อย ทั้งคู่ต่างบอกกกับบีว่า

"ยังไงเราก็เป็นญาติกันนะบี ติดต่อกันมาบ้างมีอะไรก็บอกน้า"

บีได้แต่ยิ้มๆไม่ตอบอะไร หลังจากที่ได้เงินจำนวนมหาศาลมา บีก็คิดวางแผนการใช้ชีวิตไว้พอสมควรโดยเริ่มจากการหาเวลาไปเรียนปริญญาโทก่อนและนำไปจ่ายค่ารถกับค่าบ้านที่ผ่อนอยู่ให้หมด ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เป็นทุนสำหรับใช้ชีวิตในอนาคต ความคิดของบีสิ้นสุดลงเมื่อเครื่องบินร่อนลงที่สนามบิน ชาร์ล เดอ โกล  หลังจากลงจากเครื่อง เพราะไม่มีสัมภาระและพาสปอร์ตสีน้ำเงินทำให้บีใช้เวลาไม่นานนักก่อนจะเดินออกมาด้านนอกซึ่งมีเจ้าหน้าที่สถานทูตมารอรับอยู่และพาบีไปโรงแรมที่พักซึ่งบีรีบไปพบท่านรัฐมนตรีเพื่อรายงานรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งทางรัฐมนตรีดูจะพอใจอย่างมาก

และเป็นอย่างที่ยูบอกไว้ก่อนที่คณะจะกลับไทย ทางโอมานติดต่อมาในเรื่องจากเจรจาสัมปทานขุดเจาะนำมันซึ่งยูนั้นแจ้งรายละเอียดกับบีทั้งทางโทรศัพท์และอีเมลทำให้ทางรัฐมนตรีและผู้ติดตามอีก4-5 คนรวมทั้งบี ได้เดินทางไปที่โอมานส่วนคณะที่เหลือเดินทางกลับไทยไปก่อน ซึ่งทางโอมานให้การต้อนรับเป็นอย่างดีและการเจรจานั้นดูราบรื่นและใช้เวลาไม่นานนักซึ่งเป็นไปตามความต้องการของไทย โดยเจ้าชายที่สนิทกับยูนั้นมาเป็นประธานในการเจรจาด้วยพระองค์เอง ซึ่งฝ่ายไทยรู้ดีว่าที่สำเร็จได้โดยง่ายเพราะยูนั้นปูทางให้ไว้ก่อนแล้ว และระหว่างที่รอขึ้นเครื่องบินกลับไทยทางรัฐมนตรีได้คุยกับบี

"งานนี้คุณอลงกรณ์เพื่อนคุณช่วยเราได้มากจริงๆ ทางโอมานนั้นแทบจะทำตามทุกอย่างที่เราต้องการตอนผมโทรรายงานท่านนายกท่านดีใจมาก และบอกผมมาว่าทางโมร็อกโคนั้นแจ้งให้ทางเราบินไปเจรจาเรื่องสิ่งทอแล้ว ถ้าวันไหนที่เขากลับไทยคุณช่วยประสานให้ผมหน่อยนะผมอยากขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว"

"ได้ครับท่าน"

"นี่เป็นอีกครั้งที่เขาช่วยเรา คุณรู้เรื่องหรือเปล่าเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วได้เขาก็ช่วยเราในเรื่องการขายสินค้าเกษตร คุณอลงกรณ์อยู่ในคณะเจรจาขายสินค้าเกษตรให้ประเทศในแอฟริกาเขาใช้วิธีเอาธุรกิจของพ่อทูนหัวมาบีบทางล็อบบี้ยิสต์ทำให้ทางนั้นยอมทำตามเราแต่โดยดีมาเจรจากันที่สเปนนี่ละตอนนั้นทูตคือคุณธวัชชัย เพื่อนคุณได้รับคำชมอย่างมาก"

"เรื่องนี่ผมไม่ทราบเลยครับ"

บีตอบด้วยความสุภาพและรู้ว่าทูตที่ชื่อธวัชชัยตอนนี้ย้ายไปเป็นทูตที่สหรัฐเมื่อไม่นานมานี้

"ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศเล่าให้ผมเอง ตอนแรกคุณอลงกรณ์จะมาธุระของเขาที่สเปนทางเราเลยมีการขอให้ช่วยซึ่งไม่ผิดหวัง ผมว่าเพื่อนคุณนี่อนาคตไกลแน่นอน"

บียิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบคำถามนี้ รัฐมนตรีท่านนี้ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทน้ำมันมาก่อนทำให้มีประสบการณ์ด้านพลังงานอย่างดีจึงได้ถูกทาบทามให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบียอมรับว่าทำงานเข้าขากับรัฐมนตรีมากแถมได้ความรู้และประสบการณ์อย่างมากโดยเฉพาะเรื่องพลังงาน จนทางคณะเดินทางกลับมาถึงไทยซึ่งเป็นเช้าวันเสาร์พอดี และปิงปองไปรับบีที่สนามบิน พอไปถึงบ้านด้วยความเหนื่อยบีจึงอาบน้ำและเข้านอนทันทีเช่นเดียวกับแฟนสาวที่ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปรับบี ทำให้ง่วงพอสมควรปิงปองจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดเพื่อจะนอนเหมือนกัน ถึงเธอจะไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้แต่เธอมีชุดสำรองอยู่ที่บ้านนี้หลายชุด เพราะเธอก็หาโอกาสมาพักบ้านนี้อยู่บ่อยครั้ง ปิงปองนอนข้างๆบี จากตอนแรกที่ดูเหมือนบีจะหลับสนิทและเป็นจังหวะที่เธอพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้บีนั้นพลิกตัวมากอดเธอและเบียดตัวเข้ามาชิดพร้อมเอามือไปขยำที่หน้าอกทีไม่มียกทรงห่อหุ้มของเธอเบาๆ

"ไม่เอาบีนอนเถอะ ปองง่วงนอนบีก็เหมือนนอนพักก่อน"

บีนั้นไม่ตอบแต่มือที่ขยำนมปิงปองเลื่อนลงไปด้านล่างพร้อมล้วงผ่านขอบกางเกงขาสั้นรวมถึงกางเกงในของปอง ไปสัมผัสขนหมอยและโคกหี บีขยำไปเบาก่อนจะบอกปองด้วยเสียงเบาๆ

"ไอ้จิ๋มใหญ่"

"แล้วไงละชอบละสิ แต่บีพักเถอะนะไว้ก่อน"

"ขอนับก่อนว่ามีกี่เส้น"

บีตอบพร้อมนิ้วเขี่ยไปมาตามขนหมอยที่ดกดำของปิงปอง

"ได้นับทั้งวันแน่นอน แต่นอนเถอะบีปองง่วง"

เธอตอบแต่รู้ว่ามันไม่ได้ผล เพราะมือของบีขยำโคกหีเธอไปมาเบาๆก่อนที่นิ้วจะล้วงเข้าไปในรูหีพร้อมกับควยที่โดนก้นเธอนั้นมันเริ่มแข็งตัว ปองขยับตัวให้บีล้วงหีเธอสะดวกขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาด้านหลังและล้วงเข้าไปในกางเกงของบี เพื่อทำคล้ายๆกัน มือของปองรูดไปมาบนควยที่เริ่มจะแข็งตัว ทั้งคู่เริ่มหายใจแรงๆขึ้นจนเธอร้องออกมา

"บีทำเถอะทนไม่ไหวแล้ว"

บีจึงเลิกล้วงหีแฟนสาวแล้วถอดกางเกงของเธอออกก่อนจะจัดการกับกางเกงของตนเอง ปองยังนอนตะแคงอยู่ก่อนทีบีจะมาประกบหลังเธออีกครั้งแล้วค่อยๆดันควยเข้าไปในรูหีของเธอ ปองหายใจยาวๆพร้อมขยับตัวรับและจับมือของฝ่ายชายให้ล้วงผ่านชายเสื้อให้ไปสัมผัสนมของตนเอง บีสนองตอบพร้อมบีบเคล้นเบาๆ ส่วนเอวนั้นกระเด้าไปตามจังหวะเหมือนกับหญิงสาวที่เด้งรับตลอดจากที่ห่างกันไปเกือบ 2 อาทิตย์ทำให้ทั้งคู่ต่างอดใจไม่ไหว เสียงครางของทั้งคู่นั้นต่างดังประสานกันไม่หยุด

"เสียวไหมปอง"

"อูยเสียวคะบีขา โอ้วแรงๆหน่อยก็ด็อูว"

บีสนองตอบตามคำขอของแฟนสาวกระเด้าแรงและถี่ขึ้น ยิ่งทำให้เสียงเนื้อที่กระทบกันนั้นดังไม่หยุดผสมไปกับเสียงคราง จนบีนั้นดันควยเข้าไปสุดแรงก่อนจะปล่อยน้ำกามเข้าไปในรูหีของปิงปองที่มีอาการเกร็งเช่นเดียวกัน บีกอดแฟนสาวที่นอนหายใจถี่ๆแน่นขึ้นก่อนจะเอาเอาจมูกซุกไซร้ไปตามลำคอ ปิงปองปล่อยให้บีซุกไซร้อยู่พักใหญ่ก่อนจะเอ่ยขึ้น

"บีไปอาบน้ำอีกครั้งเถอะ ปองเหนอะตัว"

พูดเจอเธอลุกขึ้นพร้อมถอดเสื้อก่อนหันมามองบีที่ยังนอนอยู่บนเตียง บีจึงลุกขึ้นและถอดเสื้อออกก่อนจะพากันเดินโอบเอวในร่างเปลือยไปที่ห้องน้ำ ภายใต้ฝักบัวที่กระแสน้ำอันอุ่นที่อาบไปทั่วร่างของทั้งคู่ ปิงปองยืนหันหลังให้บีเพื่อให้ฝ่ายชายถูและนวดหลังให้ มือของบีเลื่อนไปถึงสะโพกที่ผายแล้วขยำเบาๆ ร่างกายของปิงปองนั้นเจ้าตัวดูแลอย่างดีออกกำลังกายตลอดทั้งเต้นแอโรบิค ,โยคะรวมทั้งปั่นจักรยาน ทำให้ร่างกายของเธอมีมัดกล้ามที่สมส่วนบีจึงชอบร่างกายของแฟนตนเองมาก บีขยำสะโพกเธอแรงขึ้นทำเอาปิงปองหายใจแรงๆยิ่งบียืนมาประชิดพร้อมเลื่อนมือมากุมที่หน้าอกทั้งสองข้าง ทำเอาหญิงสาวใจสั่นก่อนจะพลิกกายกลับไปหาพร้อมเอามือคล้องคอบีและโน้มลงมา ปากเธอรับการจูบอย่างดูดดื่มต่างฝ่ายต่างแลกลิ้นกันยาวนาน จนปองผละหน้าออกมาแล้วทรุดตัวนั่งลง ควยที่เริ่มจะแข็งตัวอยู่ตรงหน้าเธอพอดี ปองไม่รีรอใช้มือจับแล้วรูดอีก2-3ครั้งก่อนจะจับเข้าปากลิ้นเธอตวัดเลียไปทั่วส่วนหัว ก่อนจะผงกหัวไปมา บีถอนหายใจแรงมือจับบ่าปองแน่น ส่วนปองเธออมควยให้บีครู่หนึ่งจนควยเริ่มแข็งตัว เธอจึงเปลี่ยนไปใช้ลิ้นเลียไปทั่วควยของบีจนถึงลูกกระโปกแถมใช้ริมฝีปากเม้ม

"อูยยยยยยย ซี๊ดดดดดดดดดดดดด ดีมากปอง อูย"


บีครวญครางจากรสลิ้นของปองที่เธอกล้าที่จะใช้ปากทำรักให้บีจนชำนาญ เธอทั้งอมทั้งเลียควยบีจนพอใจก่อนจะลุกขึ้นยืน บีดันตัวไปชิดผนังพร้อมยกขาด้านขวาเธอมาที่เอว ตัวเบียดชิดเข้าไปมือของปองทั้งสองจับที่ไหล่ของบี ตาทั้งสองประสานกันปองเลื่อนมือข้างหนึ่งไปจับที่ควยของบีพร้อมเอาไปจ่อที่รูหีของเธอและขยับตัวให้ควยเข้ามาในหีของเธอ พร้อมกับที่บีดันควยเข้าไปมือของเลื่อนมาจับบ่าบีอีกครั้งพร้อมแอ่นตัวรับการเย็ด บีกระเด้าช้าๆ เช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่เด้งตัวรับเป็นจังหวะ  ภายใต้สายน้ำที่อุ่นมันกระตุ้นอารมณ์สวาทของทั้งคู่ได้อย่างดี ยิ่งบีไม่เร่งจังหวะรักเท่าไหร่นักเหมือนกับปองที่สอดรับการกระเด้าของแฟนหนุ่มทำให้บทรักครั้งนี้มันยืดยาว ก่อนที่บีจะหลั่งน้ำกามออกมาอีกครั้งไล่ๆกับการไปถึงจุดหมายของปอง ปากของครั้งคู่ประกบกันอีกครั้งพร้อมช่วยกันล้างคราบไคลที่เกิดขึ้นและอาบน้ำอย่างจริงจังกันจะช่วยกันเช็ดตัวจนแห้งสนิทก่อนจะพากันเดินกอดกันด้วยร่างที่เปลือยเปล่าไปนอนกอดกันที่เตียงนอนและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียของทั้งคู่
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: D4rthvader เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 07:29:52 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ อยากให้เขียนเรื่องออกมาบ่อยๆ ชอบเนื้อเรื่องแนวๆ นี้ มีให้อ่านหลายๆ เรื่องราวมากกว่า สงครามบนเตียง 

ปล. สงสัยว่าบีลืมให้โบนัท แม่บ้านที่ดีกับบีตอนเด็กรึป่าวครับ ขายบ้านแล้วน่าจะมีการให้เงินซักก้อนไปต่อยอดชีวิต .
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: gumpxxxx เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 07:34:03 หลังเที่ยง
นายบีแค้นฝังหุ่นใช่เล่น ถีงขนาดไม่ฟัวและไม่สนอะไรทั้งนั้นเลย
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: weeraj เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 07:37:16 หลังเที่ยง
ผมชอบผลงานการเขียนของผู้เขียนมากๆครับติดตามมาตลอดชอบเนื้อหาชอบการดำเนินเนื้อเรื่องขอให้มีผลงานมาเรื่อยๆนะครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: Nong5670 เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 08:38:59 หลังเที่ยง
เจอแค้นของนายบีเข้าไปเป็นไงล่ะป้าขวัญ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: dwarf เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 09:08:19 หลังเที่ยง
ขอบคุณ​ครับ.. ชอบครับ.. แนวการเขียนไม่ได้มุ่งเน้นที่บทเสียวอย่างเดียว.. การดำเนินเนื้อเรื่องคล้ายกับหลายชีวิตที่ปรากฎอยู่ในสังคมปัจจุบัน
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: cobra888 เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 09:54:19 หลังเที่ยง
สงสารบีครับ เจอปมวิกฤตตั้งแต่เด็ก รอดมาก็ดีแล้ว
  ฟ้าหลังฝนน่าจะดีนะ   ::Waiting::
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: Pongsathorn Weerahong เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 10:07:03 หลังเที่ยง
ชอบงานเขียนมีสอดแทรกสาระดีๆอ่านเพลินจนจบ ขอบคุณที่เขียนมาให้อ่านครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: pornpat tammalangka เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 10:26:30 หลังเที่ยง
เป็นใครก็คงจะแค้น โดนทำแบบนี้ ดีที่บียังมีใจอภัย ไม่ไปเอาคืน
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: densanova เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 10:56:36 หลังเที่ยง
ชอบงานของท่านtwinมากเลยครับ เนื้อเรื่องน่าติดตามทุกเรื่องเลย พาร์ทดราม่าก็ทำได้ดีครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: guang_k เมื่อ พฤศจิกายน 09, 2020, 11:22:40 หลังเที่ยง
ชีวิตของบีผ่านอะไรมาหนักมากเลย แต่ยังดีที่รักความก้าวหน้าและพยายามมุ่งทางดี ไม่ทำเลวประชดชีวิต ยังดีที่ไม่ตอบโต้คนที่เคยทำเลวร้ายในอดีต ทางใครทางมันได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: elviswhat เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 01:25:04 ก่อนเที่ยง
ดุเดือดมาก เป็นใครก็แค้นครับเจอแบบนี้ตั้งแต่เด็กมันฝังใจมาก ๆ เรื่องแบบนี้
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: 1819 เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 01:47:13 ก่อนเที่ยง
 สาแก่ใจยอดชายนายบีนัก ทำกับพระเอกของเราได่สุดแสนทารุณจริงๆ แต่ถ้าบีไม้ได้รับความทารุณในอดีต ก็อาจไม่ใล่บีในปัจุบันก็ได้ ไหนๆยายแกก็สำนึกแล้วให้อภัยอโหสิกรรมเถอะ แล้วมาจัดกับปองแฟนสาวให้สาแกใจอิอิ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: aumoum เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 06:18:53 ก่อนเที่ยง
ชอบวิธี​การเล่าเรื่องได้น่าติดตามไม่เบื่อเลยแม้จะมีเรื่องบนเตียงน้อย​
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: ALonggorn Gongsee เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 06:21:41 ก่อนเที่ยง
สนุกมากเลยครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: 9toulek เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 07:17:42 ก่อนเที่ยง
ไม่ต้อวรอนานเลย สมกับที่รอคอย
เนื้อหาสนุกมากครับ ดูจากตัวละครที่เยอะแล้ว บีคงต้องเจออะไรหลายๆอย่างแน่นอน
ทำให้ผมลุ้นตามไปด้วยว่า ตินต่อไปจะได้อ่านอะไรบ้าง
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: swss2511 เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 08:10:30 ก่อนเที่ยง
เจ็บและแค้นที่จำฝังใจเป็นแรงผลักดันให้บีมีวันนี้
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: Sakoda เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 12:52:36 หลังเที่ยง
คนเราก็แปลกดี เรื่องของผู้ใหญ่ทะเลาะกัน ดันไปลงกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: dew1 เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 01:22:42 หลังเที่ยง
ชีวิตของบี ก็ผ่านอะไีรมาเยอะเหมือนกันนะ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: jaojom เมื่อ พฤศจิกายน 10, 2020, 05:26:46 หลังเที่ยง
ชีวิตไม่ธรรมดานะครับ ทีแรกคิดว่าจะจนแบบปกติ นี่จนแบบซับซ้อน บ้านรวยแต่ตัวเองจน ญาติๆไม่ชอบก็เลยจน
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: Chan_Som เมื่อ พฤศจิกายน 11, 2020, 01:03:20 ก่อนเที่ยง
ผมชอบวิธีการเล่าเรื่อง ลำดับเรื่องได้ดีมากครับ ภาษาก็ดี มีบทรักที่เร้าใจเสริมเข้ามา ได้อรรถรส
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: schareon เมื่อ พฤศจิกายน 11, 2020, 10:29:43 ก่อนเที่ยง
ประสบการณ์ชีวิต บี นี่มันน่าเศร้าจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเพ็ญแขจะมีความรักกับบีหรือเปล่านะ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: BooM_Za เมื่อ พฤศจิกายน 12, 2020, 09:49:13 ก่อนเที่ยง
เป็นอีกตอนที่สนุกมากๆๆขอให้ทำเรื่องแบบนี้ออกมาอีกนะครับสนุกจริงมีครบทุกรสจริงๆๆ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: adas เมื่อ พฤศจิกายน 12, 2020, 01:33:03 หลังเที่ยง
ผมชอบมากครับ ไม่หวือหว่า เรียบง่าย ครบทุกอรรถรส ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: iammaa เมื่อ พฤศจิกายน 12, 2020, 09:46:39 หลังเที่ยง
สนุกมากเลยครับ...เนื้อหาไปได้ไกลมาก อ่านไปแล้วจินตนาการตามเนื้อเรื่องไปสนุกมากเลยครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: na1987 เมื่อ มิถุนายน 20, 2021, 06:39:10 หลังเที่ยง
ติดตามผลงาน และเป็นกำลังใจให้ครับ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: 7878 เมื่อ กันยายน 24, 2021, 02:15:18 หลังเที่ยง
อ่านแล้ว รู้สึกได้ ถึงความโกรธเกลียดที่อยู่ในใจ ได้เลย

ส่วนตัวยังคิดว่า ทินกรยังมีความรับผิดชอบชั่วดี ที่ยังไม่ถือโอกาสแก้แค้นเรือ่งในอดีต
ทั้ง ๆ ที่ตัวเอง ก็มีอำนาจมากเพียงพอ
ชื่อ: Re: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: dodam เมื่อ มีนาคม 01, 2024, 09:28:49 หลังเที่ยง
แต่ละตอนมีเนื้อหาที่ยาวมาก น่าอ่านมากเลยครับ
ชื่อ: ต่อ: เรื่องเล่าของทินกร 2 (อดีตและปัจจุบัน)
โดย: dick1050 เมื่อ มีนาคม 17, 2024, 03:16:17 หลังเที่ยง
นายบีแก้แค้นคนบางคนได้สะใจ บทประพันธ์ของคุณ Twin น่าสนุกทุกเรื่อง ไม่ใช่เปิดมาก็ฉะกันทั้งเรื่อง มีบรรยายถึงการดำรงชีวิต การต่อสู้ของชีวิต สนุกมากครับ