🧡 XONLY 🧡

LIGHT ZONE => ห้องนั่งเล่น => หัวข้อที่ตั้งโดย: Durexmans เมื่อ มีนาคม 30, 2010, 07:15:04 หลังเที่ยง

ชื่อ: ตำนานที่เป็นจริง : แร๊กนาร็อค (Ragnarok)
โดย: Durexmans เมื่อ มีนาคม 30, 2010, 07:15:04 หลังเที่ยง
แร๊กนาร็อค (Ragnarok) เป็นชื่อที่ฮิตมากในหมู่เด็กๆ ที่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ตอนนี้ นัยว่าเป็นเกมส์ออนไลน์ ที่ยังครองอันดับหนึ่ง ซึ่งเกมส์อื่นๆ ยังแย่งความนิยมไปไม่สำเร็จ

อันที่จริง ชื่อนี้มีมานานแล้วในอดีตคือ เป็นชื่อหนึ่งในตำนานชาวเหนือ (Norsemen) หมายถึงช่วงวาระสุดท้ายของเทพต่างๆ (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ภาวะอันวุ่นวายในช่วงเวลาดังกล่าวนี่แหละ ที่ทำให้ศิลปินสมองใสชาวญี่ปุ่นนำมาเขียนเป็นการ์ตูนให้เด็กอ่านติดกันงอมแงม แล้วชาวเกาหลีก็เอาไปสร้างเป็นเกมส์อีกที
ชาวเหนือเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็นเก้าโลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ ตัวขาวเสียสาม เป็นของมนุษย์ (ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ลการ์ด ฟังแล้วชวนคิดถึงชื่อ มิดเดิ้ลเอิร์ท ในเรื่อง เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง-มหันตภัยแห่งแหวน ยังไงไม่รู้) คนแคระ เอลฟ์ตัวดำ และยักษ์นํ้าแข็งอีกสี่ และใต้พิภพอีกสอง ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์ เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชัง ระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่ง ความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่ที่ โลกิ เทพจอมโกง หากลวิธีเข่นฆ่า บาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงรักนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมา ในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ในตำนานของชาวเหนือ

สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกฤติ (Vigrid-วิกริด ฟังแล้วเหมือน วิกฤติ และความหมายก็แทบจะคล้ายกันด้วย) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามปี พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ เทพจอมโกง กับวิญญาณจากนรก หมาป่า เฟนเรอ (Fenrir) และสัตว์ ประหลาดจากท้องทะเล จอร์มุน กานด์ (Jormungand)

เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งนํ้าแข็ง ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผาจอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดเดิ้ลการ์ด) ดีดตัวขึ้นจาก ทะเลที่กำลังเดือดขึ้น ไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกฤติ พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนเรอแหกที่คุม ขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ จน โลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด โลกิจอมลวงแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่ เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่ อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งจักรวาลก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล

โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนเรอฆ่า ส่วนธอร์ โอรสของโอดิน แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้ แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิปลํ้าอยู่กับ เฮมดาล เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตลอดกาล และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ

ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวเหนือ

ดูเหมือนว่าท่ามกลางความโหดร้าย ทุกๆ อย่างจะสิ้นสูญ ทว่าก่อนที่สงครามจะอุบัติ มนุษย์ สองคน ลิฟและลิฟธราเซอร์ (ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เหมือนกับอดัมกับอีฟยังไงไม่รู้) แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากนํ้า เขียวชอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก รวมทั้งเทพชั้นลูกชั้นหลานอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่น ลูกของโอดิน คือ วิดาร์, วาลี และ โฮเนอร์ ลูกของธอร์ คือ โมดิ และ แมกนิ ผู้สืบทอดค้อน และทั้งบาลเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย ต่างก็ช่วยกันสร้างโลกกันใหม่ คงเป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน (ละมั้ง)

เรื่องรักนาร็อค เป็นสงครามที่ซาบซึ้งอยู่ในใจ ของพวกไวกิ้งเป็นอันมาก มันผนึกอยู่ในตำนานที่สร้างศรัทธา ในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทั้งนี้ เพราะชาวเหนือเป็นพวกที่ชอบการรบ และไม่เกรงกลัวความตาย เขามีชีวิตอย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น" ทำให้กลายเป็น พวกรุกรานยุโรป หลังจากโรมันเสื่อมอำนาจ อย่างช่วยไม่ได้ และสงครามที่ไวกิ้งรบแต่ละครั้ง ก็จะตราความน่ากลัว อยู่ในความทรงจำ ของคนชนิดลืมไม่ลง จนมีการบันทึกไว้หลายที่


ทว่า ในมุมมองของชาวไวกิ้งแล้ว

สงครามครั้งใด ก็ไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้น ในรักนาร็อค.


Credit : dek-d