🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์ในตำนานใต้ดิน => หัวข้อที่ตั้งโดย: ekklesta เมื่อ เมษายน 30, 2010, 01:00:40 ก่อนเที่ยง

ชื่อ: จอมแพทย์นิรนาม (ก็อป) ตอนที่ 27 ผิดคาด by กระปี่หัก
โดย: ekklesta เมื่อ เมษายน 30, 2010, 01:00:40 ก่อนเที่ยง
          จอมแพทย์นิรนาม ตอนที่ 27 ผิดคาด
          โดย ท่านกระปี่หัก


บนต้นไม้ที่สูงโดดเดี่ยวบนยอดเขาบ่อเมี้ยนั่งกอดเบญจมาศตรงง่ามของต้นไม้นั้นเบญจมาศลืมตากลมโตสดใสมองรอบเบื้องบนมีหมู่ดาวระยิบระยับมากมายทั้งดวงจันทร์ส่องสว่างทั่วนภาเบื้องล่างมีเมฆปกคลุมดั่งทะเลเมฆสุดลูกหูลูกตามีเสียงลมแผ่วเบาฟังไม่รำคาญหู บวกกับเสียงหัวใจของชายคนรักที่เต้นเป็นจังหวะ ทำให้เบญจมาศเป็นสุขยิ่งนัก
**** ข้อความถูกซ่อน ตอบกระทู้เพื่อดูข้อความ *****
"ที่นี่สวยเหลือเกิน ท่านเคยพาใครมาแล้วล่ะ"
"นอกจากนางแมวป่าข้าพเจ้าไม่เคยพาใครมา"
เบญจมาศหันขวับมาทันทีร้องถามด้วยเสียงเขียวว่าใครคือนางแมวป่า บ่อเมี้ยยิ้มอย่างนิ่มนวลไม่ตอบคำ นางก็รู้ว่าด้วยทันทีว่านางแมวป่าหมายถึงใคร นางหน้าแดงทุบอกไปที่บ่อเมี้ยสองสามที
"บ่อเมี้ย....ท่านรับปากข้าพเจ้าได้ไหม ..."
"อะไร"
"สถานที่นี่อย่าพาใครมาอีกน่ะ"
บ่อเมี้ยกอดเบญจมาศกระชับแน่นหอมแก้มของนางพร้อมกระซิบเบาแม้กระทั่งนางแมวป่าก็พามาไม่ได้เหรอ เบญจมาศก้มหน้าปากบอกไม่รู้แต่ก็ซบที่อกอันอบอุ่นตาก็มองไปที่ภาพแห่งความฝันเพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำให้มากที่สุด
"บ่อเมี้ยหลังจากรักษาแป๊ะบ้อเสร็จท่านจะกลับไปสำนักดอกไม้กับพวกเราไหม"
"............................."
"บ่อเมี้ยท่าน...ไม่อยากอยู่กับ..........พวกเราเหรอ"
"หาใช่ไม่ ข้าพเจ้าอยากอยู่กับพวกท่านตลอดไปแต่ข้าพเจ้า.....ยังไม่รู้ชาติกำเนิดตนเอง ซือแป๋เคยทำนายทายทักว่าข้าพเจ้าจะได้พบผู้ให้กำเนิดแต่หนทางมีอุปสรรคขวากหนามต้องลำบากอีกหลายปี"
"แล้วพวกเรา....."
"อีกอย่างสมบัติทั้งหลายที่ติดตัวมาก็ทิ้งไปหมดแล้วจะกลับไปเอามาใหม่ซือแป๋ก็ไม่ให้กลับ ข้าพเจ้าต้องหาเงินมาตกแต่งเมียเมียเมียทั้งหลายด้วย"
บ่อเมี้ยพูดไปใช้นิ้วชี้ไปรอบๆและวนกลับมาชี้ที่เบญจมาศ
"ใครจะแต่งกับท่าน"
เบญจมาศตอบด้วยเสียงงอนๆแล้วหัวเราะคิก คิก
"ข้าพเจ้าไม่สนเงินทองหรอก งั้นถ้าข้าพเจ้าไม่กลับสำนักช่วยท่านตามหาครอบครัวท่านดีหรือไม่"
"ดีซิแต่ซือแป๋ กับ ครอบครัวท่านจะยอมหรือ?!"
คำสั่งอาจารย์หนักแน่นดั่งขุนเขาฝ่าฝืนไม่ได้เบญจมาศได้แต่หน้าสลดลงเรื่องนี้คงต้องแล้วแต่อนาคตแล้ว
"งั้นท่านต้องรับปากท่านต้องกลับมาหา...........พวกเรา"
"ข้าพเจ้ารับปากลำบากแค่ไหนข้าพเจ้าต้องบุกสำนักดอกไม้ไปขโมยเมียเมียของข้าพเจ้ากลับมา"
นางได้แต่หัวเราะคิก คิก อืม...บ่อเมี้ยจูบที่ปากน้อยๆของนางมือเคลื่อนไหวไปที่ปทุมถันอันอวบอิ่มใหญ่โตเต็มมือยอดพธูชูชันตั้งเต้าบ่อเมี้ยขยำเบาๆเต็มสองมือ ปากของบ่อเมี้ยงับไปที่ติ่งหูนางเผลอครางออกมาเบาๆ มืออีกข้างหนึ่งของบ่อเมี้ยคืบคลานเข้าหาดอกไม้เขี่ยเกสรอย่างบางเบานางได้แต่กอดคอร้องซีด...ปากของบ่อเมี้ยไซร้ไปที่ซอกคอเลื่อนลงไปที่อกอันอวบอิ่มเต่งตึงตั้งเต้าอันสวยงามดูดและตวัดปลายลิ้นนางได้แต่แอ่นอกคราง. อูย บ่อเมี้ยจับนางหันหลังให้แผ่นหลังนางแนบกับอกมันมือหนึ่งขยำขยี้ที่ปทุมถันอีกมือเขี่ยเกสรจากช้าไปเร็ว นางได้แต่เกาะแขน อยากแนบแน่น น้ำหล่อเลี้ยงไหลลงตามมือ ปากครางหัวส่วยไปมา อ้า นางเผลอร้องเสียงดังนางเสร็จนิ้วปีศาจไปแล้ว จากนั้นบ่อเมี้ยจับนางยกขึ้นสวมกับแท่งหยกอันร้อนระอุกระแสเย็นกระทบพลังร้อนจนควันพุ่ง ความคับแน่น กระชับทำให้นางและบ่อเมี้ยเสียวแทบขาดใจ โดยเฉพาะเบญจมาศกระแสร้อนพุ่งผ่านเข้าดอกไม้ทำให้นางหลั่งน้ำค้างมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ กว่าจะดันเข้าจนหมดนางก็หอบหายใจแทบหมดแรง เมื่อเข้าหมดบ่อเมี้ยก็ซอยอย่างช้าๆโดยใช้มือช่วยจับเอวนาง นางร้อง อึย อา อา อยู่ตลอดเวลา บ่อเมี้ยเองก็เร่ง นางเองก็เผลอร้องบอกให้กระแทกแรงๆ เด้งสะโพกนางเข้ารับแท่งหยกนั้น แท่งหยกเองก็ครูดกับดอกไม้จนเกสรผลุบเข้าผลุบออกแท่งหยกและดอกไม้ต่างประสานกันอย่างรู้งาน เบญจมาศ ครางถี่ตามจังหวังการซอย สุดท้ายนางร้องเสียงดังบ่งบอกให้รู้นางเข้าเฝ้าเซียนบนสวรรค์ไปก่อนแล้วแต่บ่อเมี้ยยังเร่งความเร็วจนสุดท้ายบ่อเมี้ยเองกอดเบญจมาศแนบแน่นพุ่งความร้อนพร้อมน้ำจากแท่งหยกเข้าดอกไม้เต็มแรง พลังความร้อนพุ่งผ่านกระแสจุดต่างๆอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำให้จุดตีบตันของเบญจมาศคลายออกอย่างไม่น่าเชื่อนางกระตุกร่างกายอย่างแรงร้อง อา ดังๆ นับแต่นี้นางจะมีพลังวัตรใช้ไม่มีวันเหนื่อยเพราะจุดสำคัญนางได้ทะลุผ่านไปแล้วนางกำลังก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ยอดฝีมือโดยการส่งเสริมของบ่อเมี้ยซึ่งนางเองไม่คิดไม่ฝันมาก่อน เมื่อกระแสร้อนผ่านร่างกายนางนับสิบรอบความร้อนเริ่มจางเนื่องจากร่างกายนางเป็นกระแสเย็นทำให้เกิดการประสมกลมกลืนหยินและหยางนางไม่จำเป็นต้องแปลงเป็นธาตุเย็นนางเพียงปรับให้สมดุลและส่งคืนตามบ่อเมี้ยบอกบ่อเมี้ยเองก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเบญจมาศพร้อมทั้งรับพลังอันอบอุ่นเข้ามาในร่างกายจึงอาศัยเบญจมาศในการปรับลมปราณตลอดคืน..................................
ขมิ้นและดอกท้อเป็นตายร้ายดีอย่างไร ซากุระไม่กล้าคิดแต่การหายตัวไป ซากุระรู้แน่ว่าเกิดจากน้ำมือคนเพียงแต่ไม่รู้กี่คนนางชักดาบซามูไรของนางถือกระชับด้วยสองมือเฉียงลงล่างเป็นท่าเตรียมพร้อมของนาง นางได้ยินเสียงเขวี้ยงก้อนหิน หลอกล่อซ้ายขวา นางหาสนใจไม่ นางใช้ประสาทที่ถูกฝึกมาอย่างดีคอยละแวกระวังอย่างเต็มที่คืนที่นางโชคร้ายไม่มีสิทธิ์ตอบโต้เพราะนางโดนยาสลบ ถ้านางปกติโอกาสที่จะทำร้ายนางคงไม่ง่ายปานนั้น กงซุนเป่ยสามารถสะกดจุดขมิ้นและดอกท้อง่ายดายด้วยความไม่ระมัดระวังตัวแต่จะหลอกซากุระกับไม่ง่ายขนาดนั้นทางหนึ่งคิดจะอุ้มดอกท้อจากไปก็จะทำให้ซากุระรู้ตัวทันทีเห็นทีต้องไปจัดการนังซากุระก่อนแล้วค่อยเสพสุขให้สมใจอยาก เมื่อคิดดังนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาปรากฏตัวฟาดฝ่ามือเพื่อทดสอบโดยใช้กำลังเพียงสองส่วน ซากุระรับรู้ถึงพลังฝ่ามือด้านหลังจึงตวัดดาบย้อนหลังเงานั้นหลบจึงยืนประจันหน้ากันเห็นชายคลุมหน้าด้วยผ้าแพรใส่เสื้อหนังกลับ แววตาคล้ายรู้จักแต่นึกไม่ออก จึงถามออกไปว่า
"ท่านเป็นใคร ต้องการอะไร คืนดอกท้อ และขมิ้นมานะ"
มันไม่ตอบโต้อะไรแต่ใช้วิชาตัวเบาและฟาดฝ่ามือใส่ไหล่ขวาของซากุระ ซากุระเอี๊ยวตัวหลบใช้ดาบฟันระหว่างเอวมันผู้นั้น มันเมื่อฟาดผิดรีบพลิกตัวหลบกลางอากาศ เสียงดาบผ่านเอวมันไม่ถึงครึ่งหุนเมื่อถึงพื้นมันกวาดขาซากุระกระโดดจับดาบสองมือฟาดกลางกระหม่อม มันได้แต่กระโดดถอยหนี มันคิดไม่ถึงซากุระมีเพลงดาบที่เผ็ดร้อนจึงล้วงเอาพัดอาวุธคู่ชีพออกมาโดยไม่กางพัด มันแทงซากุระด้วยท่าพายุกะหมายสยบจุดจึงมีความหนาแน่นและถี่เร็ว ซากุระได้แต่ควงดาบถี่เร็ว เสียงดาบปะทะก้านพัดดังก๊ง เกร๊ง ลั่นไปหมดซากุระถอยหนีอย่างรวดเร็ว มันกลับไม่บุกต่อเข้ามาเหมือนยิ้มเยาะว่าเจ้าก็เพียงแค่นี้ ซากุระหอบหายใจอย่างถี่เร็วแต่แววตาหาได้ยอมแพ้ไม่ จึงจับดาบสองมือฟาดฟันจากเหนือศีรษะมันกระโดดหลบพร้อมฟาดก้านพัดเข้าที่หลังของนาง ปึก นางกระเด็นกระอักเลือดออกมาดาบหล่น มันเดินย่างสามขุมเข้าอย่างช้าๆ เตรียมสกัดจุดนาง ควับ มันรีบหลบกระบี่เฉียดหัวมันไปปรากฏดอกท้อมายืนขวางหน้าซากุระ ในขณะเดียวกันขมิ้นก็เข้าไปดูอาการของซากุระ มัน ตาเหลือกเหลือเชื่อ ดอกท้อหลังโดนสะกัดจุดถ้าเป็นเมื่อก่อนพบบ่อเมี้ยคงไม่สามารถคายจุดให้ตนเองได้หลังจากกินผลไม้ร้อนเย็นลมปราณได้ถูกปรับกระแสพลังเข้มแข็งขึ้นทำให้สามารถคายจุดให้ตนเองได้เพียงแต่อาศัยเวลาเท่านั้นเมื่อคายจุดให้ตนเองก็เห็นขมิ้นโดนจี้จุดสลบอยู่ใกล้จึงทำการแก้ไขฟื้นคืนสติและรีบมาช่วยซากุระอย่างทันเวลา กงซุนเป่ยไม่คิดว่าหมูอยู่ในเล้าจะกลายเป็นหมูเขี้ยวตัน ตอนนี้มีแต่ต้องรีบไปจากที่นี่เพลงกระบี่ของดอกท้อก็ยอดเยี่ยมขืนอยู่นางอาจรู้ว่าตนเป็นใคร ก่อนที่ตนเองจะตัดสินใจอะไร มีเสียงอาวุธฝ่าอากาศมันรีบใช้พัดปัด อะ เป็นอาวุธลับของนินจา ปรากฏนินจามามากกว่าสิบตนเข้ารุมล้อมกงซุนใช้พัดปัดป่ายอาวุธของมันเป็นมือระวิง ดอกท้อ ซากุระ และขมิ้น กลายเป็นพันธมิตรชั่วคราว เมื่อเห็นพวกนินจาให้ความสนใจพวกนางมากกว่ามันแม้จะเสียดายแต่โอกาสที่สามารถปลีกตัวไปได้มันไม่รีรอรีบใช้วิชาตัวเบาเผ่นหนีไปทันที
"ไม่ต้องตามมันไป นำแหมาจับพวกนางไป"
นินจาสองคนเหวี่ยงแหไปที่ดอกท้อ ซากุระ ขมิ้น พวกนางยิ่งดิ้นแหยิ่งรัดแน่นสุดท้าย กระบี่ของดอกท้อและดาบของซากุระก็หล่นเจ้าของดาบและกระบี่ต่างถูกจับไป
"พาพวกนางกลับสำนักด่วน........................."
ตอนเช้าตรู่บ่อเมี้ยเข้าไปดูอาการของแป๊ะบ้ออีกครั้งหลังจากจับชีพจรนางสามารถเดินกำลังภายในสลายธาตุไฟแตกได้ด้วยตนเองจึงแสดงความยินดีแต่สีหน้าแสดงเสียดายแป๊ะบ้อเหมือนรู้จึงยิ้มอย่างอารมณ์ดีมือน้อยๆลูบที่ใบหน้าของบ่อเมี้ย
"พ่อหมอน้อยแสดงความยินดีแต่สีหน้าปั้นยากนะ ฮิ ฮิ"
"แป๊ะบ้อข้าพเจ้ากลัวท่านจะไข้กลับจึงเป็นห่วงท่านหรอก"
"ฮิ ฮิ ไม่ต้องแล้วเราสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว เรียกหงส์ยี้มาดูแลเราเถอะท่านไม่ต้องแล้ว"
บ่อเมี้ยได้แต่ทำหน้าเซ็ง นางเห็นยิ่งแย้มยิ้มเข้าไปใหญ่
"พ่อหมอน้อยถ้าบุตรเราอยู่ก็คงโตเท่าเจ้าแล้ว อือถ้าท่านเจอจอมเมฆแดงที่ไหนช่วยส่งข่าวให้เราด้วยบุตรชายเราอาจอยู่กับมัน"
"แป๊ะบ้อจอมเมฆแดงมีลักษณะเช่นไร"
"มันมีผมหนวดเคราสีแดงชอบแต่งกายสีแดง อายุตอนนี้มันคงประมาณซักหกสิบถึงเจ็ดสิบปี"
"ท่านมีความแค้นเคืองอันใดมันถึงทำกับท่านแบบนี้"
"เรื่องมันยาวเราไม่อยากเล่าให้เจ็บใจ ท่านไปเรียกหงส์ยี้มาเถอะ"
บ่อเมี้ยได้แต่รับคำให้หงส์หยกมาดูอาการแทน เมื่อบอกหงส์หยกเสร็จสิ้นโบตั๋นก็มาบอกว่าพวกดอกท้อยังไม่กลับหายไปทั้งคืนน่ากลัวจะมีปัญหา บ่อเมี้ย โบตั๋น เบญจมาศจึงออกเดินทางตามเส้นทางที่คาดว่าพวกดอกท้อจะไปจนกระทั่งพบดาบและกระบี่ซึ่งทุกคนจำได้ว่าเป็นของพวกนาง มีร่องรอยการต่อสู้ มีรอยเลือดน่าจะเป็นกระอักเลือดมากกว่าโดนอาวุธ มีรอยเท้ามีผู้คนมากกว่าสิบคน บ่อเมี้ยจึงเร่งออกตามหาทันที
"ร่องรอยแสดงให้เห็นไปทางนี้ เจ้เจ้ ม่วยม่วย ไปกันเถอะ"
ทั้งสามรีบเร่งเดินทางแต่เมื่อมีทางแยกทุกคนได้แต่งงจึงแยกย้ายสืบหาร่องรอย พบเศษผ้าชิ้นไม่ใหญ่ซึ่งทั้งสามจำได้ว่าเป็นของขมิ้น บ่อเมี้ยจึงยิ้มและพูดให้ทุกคนได้ยินว่า
"สมเป็นศิษย์จอมขโมยมีหนทางจริงๆ พวกเราเร่งเดินทางเถอะทุกทางแยกขมิ้นจะบอกเอง..............................."
"ท่านหัวหน้าสายรายงานว่าเมื่อคืนบุรุษหน้าแดงพาฮูหยินมือพิฆาตมังกรไปที่ถ้ำน้ำตกหลังเขา แต่เมื่อเช้า สายรายงาน เห็นว่ามันกับสองสาวมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือทิศทางไปเกาะพู้ซึงทิ้งฮูหยินมือพิฆาตมังกรไว้ ท่านหัวหน้าจะมุ่งหน้าไปที่ใด"
"ผิดคาดจริง แต่ก็เป็นผลดีพวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม เราอาจปะทะพวกนินจา จำไว้เป้าหมายหลักยังคงเป็นบุรุษหน้าแดงแต่ถ้าโชคอำนวยก็ชิงคัมภีร์มหายุทธ์จากพวกนินจามันซะเลย เจ้าไปทำเครื่องหมายให้รู้ทิศทางไปตามที่ท่านรองประมุขสั่งไว้ไป"
ประมงเบ็ดเดียวกล่าวกับลูกสมุนชาวยุทธฝ่ายอธรรมและรีบเร่งเร่งเดินทางทันที ทั้งหมดหาได้รอดสายตาคู่หนึ่งที่พลาดหวังจากสามสาว
"ฮึ คัมภีร์มหายุทธ์เราผู้เดียวเท่านั้นที่ได้ครอบครอง"
กงซุนเป่ยจึงใช้วิชาตัวเบาติดตามไป
"ขมิ้นเจ้าฉีกเสื้อผ้าเจ้ทำไมอ่ะ"
"เบาเบาเจ้ท้อ ถ้าฉีกของขมิ้นคนเดียวมันจะผิดสังเกต"
"เจ้าฉีกก็ฉีกไปทำไมมือต้องยุ่มย่ามด้วย"
"แหมเจ้อยู่ในแหมันไม่ถนัดอ่ะดูอย่างเจ้ซานิ่งให้จับไม่เห็นบ่นซักคำ"
"เรากำลังคิดว่าถ้ารอดไปได้จะจัดการเจ้ายังไง"
"โหเจ้มีอาฆาตด้วยให้รอดก่อนเถอะจะให้บ่อเมี้ยจัดการเจ้เจ้ทั้งคืนเลย"
"แล้วเจ้าหวังจะรอดหรือ"
"โธ่เจ้ยังไงคนเราต้องมีความหวัง บ่อเมี้ย เจ้โบตั๋น เจ้เบญจมาศ เจ้หงส์หยกต่างมีฝีมือกันทั้งนั้น"
"แต่ปัญหาพวกเขาจะรู้ไหมว่าพวกเราถูกจับกลัวว่ากว่าจะรู้มันจะสายไปแล้ว"
"เจ้ท้อ เจ้ซา เชื่อในสามีพวกเราเถอะพวกเจ้ท้อแท้ขมิ้นแย่ด้วยนะ"
"ขอโทษขมิ้นท่านเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิดนะ"
"คิก คิก งั้นคราวหน้ายอมข้าพเจ้าบ้างก็ล่ะกัน"
"นี่.....พวกเจ้าถูกจับเป็นเชลยแล้วพูดอยู่ได้เงียบได้แล้ว"
"ปล่อยมันหมายเลข 23 พวกมันไม่มีโอกาสออกมาอีกแล้วให้พวกมันได้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ"
"พวกเจ้าไม่ใช่คนเก่งจริงปล่อยพวกเราออกมาสู้กันตัวต่อตัวซิ พวกรังแกผู้หญิง เจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย เจ้า...."
"นี่แม่นางอยากให้พวกเรามัดและอุดปากพวกท่านไหม ตอนนี้อย่างน้อยก็ยังให้ท่านสะดวกสบายไม่ต้องเดินพวกเราไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดเพราะฉะนั้น... .. หุบปาก....."
ทั้งสามสาวไม่ได้พูดอะไรอีกมีเพียงขมิ้นที่มือไม่อยู่สุขโดยมีดอกท้อและซากุระคอยดูต้นทางให้........