ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

บ่นเรื่อยเปิ่อย

เริ่มโดย joker socool, กรกฎาคม 30, 2018, 08:16:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

joker socool

             มาทำงานบนเขาปัญหาหนักหัวมันเยอะเลยไม่ได้เขียนอะไรเลย  ใจจริงอยากจะถามเรื่องปัญหาหนักหัวนี่แหละว่าเราจะมุ่งทำงานสายไหนดั  ราชการหรือเอกชนเพราะตอนนี้ทำงานหน้าไซต์ปวดหัวกับคนมากกว่ากับงานเลยคิดเล่นๆว่าจะออกดีหรือสู้ต่อดีแต่...ก็แค่บ่นนะครับใจก็ยังอยากรับราชการอยู่  ส่วนอีกเรื่องที่อยากเอามาคุยคือท่านนักเขียนทั้งหลายคิดกับผลงานของตัวเองว่ายังไง  ศิลปะ?  ความหื่นส่วนตัว? หรือมันคือผลงานที่ภาคภูมิใจ 
             สำหรับผมนะ  บางทีก็คือศิลปะที่เราอยากถ่ายทอดออกมาตามอารมณ์  บางทีก็แค่ความหื่นส่วนตัวที่เห็นคนสวยๆแล้วอยากเอามีจินตนาการเป็นโน่นนี่นั่น  หรือบางทีก็แค่เซ็งๆอยากหนีจากโลกภายนอกแล้วมาใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง
             ผมคิดนะว่าบางทีเราอาจเรียนผิดสาย  สิ่งที่เราชอบคือการเขียนมากกว่าการต้องมาดูแบบคุมคนแต่ชีวิตก็คือชีวิต  คนมีโอกาสมากกว่าสามารถเลือกชีวิตได้แต่สำหรับคนที่มองอนาคตว่าไม่อยากเสี่ยงอย่างผมก็ต้องเลือกสายงานที่มั่นใจว่าจะได้เงิน  แต่...ได้เงินแล้วไม่มีความสุขเท่าไหร่มันก็รู้สึกขาดทุนยังไงไม่รู้นะ 
             เอาเถอะ  กลับมาที่คำถามดีกว่าว่าท่านนักเขียนทั้งหลายมองงานเขียนว่าเป็นอะไรยังไง  ผมก็ไม่รู้นะว่าแต่ละคนเขียนขึ้นมาเพราะอะไรแต่ว่าสิ่งที่คิดว่านักเขียนทุกคนเป็นเหมือนกันก็คือ  เวลาเราย้อนกลับไปอ่านงานเขียนเก่าๆของเราเองมันทำให้เรายิ้มได้และมีความสุขมากนะ  จริงมั้ยล่ะครับ?

declangombley

เห็นด้วยนะครับ ส่วนตัวผมเองก็มองว่าเป็นงานศิลปะที่ถ่ายทอดตามอารมณ์ความรู้สึก
เรื่องพลาดเส้นทางเดินชีวิตก็เช่นกันครับ ของผมนี่พลาดปริญญาโทผิดสายเลยด้วยซ้ำครับ

mikoto2288

สำหรับผมนะ งานทุกชิ้นที่ผมทำ มันคือไดอารี่ของตัวผมเอง

ผมเอาเรื่องราวของตัวเองมาเขียน เอาเรื่องราวของคนใกล้ตัวมาเขียนและบางครั้งผมก็เอาเรื่องที่มีคนเล่าให้ผมฟังมาเขียน
บางครั้งมันก็มีมุมที่สนุก บางครั้งมันก็มีมุมที่ทุกข์ บางครั้งมันก็มีมุมที่หม่นๆทั้งสุขและเจ็บปวด ผสมๆกันไป

แต่มันก็เป็นส่วนนึงของชีวิตเรา ที่มันผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป



ผมว่ามันก็ไม่ได้ต่างกับชีวิตของคนเราเท่าไหร่นักหรอก ไม่ว่าจะเป็นงาน หรือชีวิตประจำวัน

ถึงจุดๆนึง มันจะมีบางอย่างที่เราไม่ทันได้เลือกด้วยซ้ำ แต่มันก็เข้ามาหาเรา บางอย่างก็เป็นสิ่งที่เรากลัวมาตลอด
ถึงแม้เราจะตั้งท่าป้องกันแค่ไหน หรือยอมรับมันแค่ไหน แต่มันก็เจ็บปวดอยู่ดีเมื่อมันมาถึงตัวเราจริงๆ

สุดท้ายแล้ว ผมเลือกที่จะยอมรับ แล้วสนุกไปกับมันเลย
ผลกลับออกมาดีกว่าที่เราจะไปเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เคยเกิดหรือเกิดขึ้นไปแล้ว



สุดท้ายแล้ว ถ้าถามว่างานผมคืออะไร ผมตอบได้เลย ว่างานผมก็แค่เรื่องเล่าเรื่องนึง
ไม่ได้มีคุณค่าทางศิลปะ ไม่ได้มีคุณค่าทางวรรณกรรมใดๆ
มีเพียงแค่ตัวหนังสือที่บอกว่าสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นในชีวิตผม แค่นั้นเอง
พูดคุยกันได้ที่ Id Skype : mikoto2288

B C

2 thoughts:
1. เกือบทุกงานแหละ ที่ปวดหัวเรื่องคนมากกว่าเรื่องงาน  ต่อให้งานที่คิดว่าจบในตัว ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใครเท่าไหร่
2. ในเมื่อหลีกหนีการยุ่งเกี่ยวกับคน จัดการเรื่องคน ปวดหัวเรื่องคน ไปไม่ได้  ในฐานะนักเขียน น่าจะถือเป็นโอกาสในการสังเกต ตรวจสอบพฤติกรรม ทดสอบสมมติฐาน หรือแม้แต่ get feedback (บางทีที่มีโอกาสทำได้)  น่าจะเป็น "แหล่ง" (resource) ที่ดี    because after all, what is a good story if not an alternate reality so-called another life (and life is about, well, lives)?

Just my two cents

(จิ๋ว)

#4
ถ้าไม่รังเกียจความเห็นของผู้หญิง ก็ขออนุญาตให้ความเห็นไว้ดังนี้นะคะ

งานเขียนที่จิ๋วแต่งขึ้นในเว็บนี้  จิ๋วว่ามันเป็น.. ศิลปะที่แต่งเติมจากอารมณ์และความรู้สึก
แล้วเพิ่มจินตนาการลงไป ครั้งแรกทำไปเพราะต้องการจะหนีโลกความจริง ที่คิดว่ามันโหดร้าย
ก็หนีคนอ่ะนะ มีปัญหากับคนเช่นกันก็หาอะไรทำไม่ให้หมกมุ่นกับปัญหา
แต่ตอนนี้ ทำเพราะอยากทำ เขียนเพราะสบายใจ และภูมิใจนำเสนอ

จิ๋วชอบอ่านหนังสือ เติบโตมากับห้องสมุด รู้จักห้องสมุดก่อน google
รู้จักหนังสือชื่อ เมืองในตู้เสื้อผ้า ที่อ่านตอนประถม 5 (ราวปี 2529-2530)
ก่อนจะมาเป็นนาเนียในยุคนี้   จิ๋วเพิ่งจะมารู้สึกเมื่อไม่นานมานี้ว่าถ้าสมัยก่อน
เป็นวัยรุ่นที่เลือกได้ คงขอแม่เรียนอักษรศาสตร์  แต่ว่าบ้านเราจน เลยต้องเป็น
เด็กสายพาณิชย์ ทำงานไปเรียนไป  มันเลยไม่มีอะไรสักอย่างที่เป็นความใฝ่ฝัน
แค่ดิ้นรนให้มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ตอนนี้มีหน้าที่ ที่ต้องทำ ที่ดิ้นออกจากหน้าที่ไม่ได้ 
เคยเขียนเรื่อง เขียนกลอน เขียนบล็อค แต่ทำไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง 
เพราะต้องคอยดิ้นรนทำมาหากินตลอด การมานั่งเขียนนิยายในความนึกคิดของจิ๋วคือ
มันเป็นเรื่องของคนที่ร่ำรวยไม่ต้องทำมาหากิน มีเวลามานั่นเขียนโน่นนี่นั่น
เป็นอะไรที่ฉันคงไม่มีวันทำได้ ฉันไม่ว่างขนาดนั้น (ใช่มันเป็นความคิดที่คับแคบ และงี่เง่า)

หลังเรียนจบป.ตรี ฉันเคยถามตัวเองว่า อยากเป็นอะไร
ฉันกลับตอบตัวเองในใจว่า อยากเป็นนักเขียน ใช่ฉันชอบ ลึก ๆ ในใจมันชอบ
อ่านแล้วขัดแย้งไหมคะ  ใช่ค่ะที่จริงชอบแต่กลับปฏิเสธ หาเรื่องว่า ไม่ดีอย่างนั้น
อย่างนี้ ไม่ต่างอะไรกับองุ่นเปรี้ยวของหมาจิ้งจอก

เป็นความฝันที่ไม่เคยลงมือทำ จริงจัง มันเป็นความเพ้อเจ้อ
มีบ้างที่เขียนเรื่องสั้น ๆ ให้เพื่อนบางกลุ่มอ่าน
แต่ก็ต้องทิ้งมันไป.... ไม่เคยยึดมันไว้....
ไม่เคยสานต่อให้มันเป็นจริง.... ไม่เคยผลักดันตัวเองให้ลงมือทำ..

แต่พอมาถึงวันนี้ ตอนนี้ ถึงวันที่ลองเขียนขึ้นมาจริงจัง กลับบอกให้ใครรู้ไม่ได้
เพราะสิ่งที่ฉันเขียน .... หลุดออกจากกรอบสังคมชีวิต

สิ่งที่ฉันเขียน ฉันมีความสุข กับมัน และที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น
ฉันมีความสุขกับคนที่ฉันรัก มันหลุดออกนอกกรอบชีวิต
แต่มันอยู่ในกรอบความเข้าใจของเราสองคน  ในคืนที่จิ๋วเขียนเรื่องที่ 2 จบ
(เรื่อง ตระกร้าปริศนา)  ฉันนั่งร้องไห้ ฉันเสียดาย ที่บอกใครไม่ได้....ว่าฉันทำอะไร
โดยเฉพาะอยางยิ่ง ในสังคมที่เป็นอยู่ของฉัน ..

ฉันนั่งถามตัวเองว่า ทำไมไม่ลองเขียนสิ่งที่จะบอกใครๆ ได้ ว่าฉันทำหล่ะ
ฉันกลับคิดว่า.....ถ้าเขียนแบบนั้น ..... นั่นอาจไม่ใช่ฉันแล้วหล่ะ
เพราะถ้าใช่ คงทำสำเร็จไปนานแล้ว....แต่นี่กลับหยุดกลางคันตลอด
เพิ่งจะมีคราวนี้แหละที่ทำจนสำเร็จได้

ตอนคิด ตอนเขียน ฉันสามารถสร้างโลกเสมือน
ที่ฉันกำหนดทุกสิ่งอย่างได้เอง และทำลายทุกสิ่งอย่างจนหมดสิ้นก็ได้
ฉันชอบโลกใบนี้ โลกที่มอมแมม เต็มไปด้วยเซ็กซ์
ฉันชอบความรัก ความสมหวัง ความมหัศจรรย์ เหนือคาดหมาย
ฉันชอบความท้าทาย ที่อยู่บนเหตุผลบ้าง ไม่อยู่บ้างแล้วแต่อารมณ์
ฉันใส่แต่สิ่งที่ฉันชอบ  และเขี่ยความหมองหม่นออกไป
กลายเป็นโลกใบใหม่ที่เอาไว้หลบซ่อนจากความเป็นจริง และกลับไปเป็น
ตัวของตัวเองอีกครั้ง แต่ฉันก็กลัวว่าจะติดใจโลกสมมุติใบนี้มากเกินไป ..... จะทำยังไงดี....^^

ตอนนี้จิ๋วก็ยังมีปัญหาอยู่ตลอด ยิ่งแก่ ยิ่งหางานใหม่ยาก ขยับขยายลำบาก
และกระทบกับคนรอบข้างไปหมด จำต้องก้มหน้ารับกรรม ทำต่อไป
เพียงแต่มีโลกอีกใบที่รอจิ๋วอยู่ แค่คิดว่ามีคนจำนวนหนึ่งรออยู่ มันก็ตื่นเต้นแล้ว
ฉันจัดสรรตัวเองใหม่ ฉีกตัวเองเป็นชิ้น ๆ ส่วนของงานภาระหน้าที่รับผิดชอบ
ที่ต้องทำ ก็จะต้องทำ แต่เลิกหวังอะไรที่เกี่ยวกับคนไปซะ  เอาเวลาไปให้ส่วนที่สอง
ส่วนครอบครัวดีกว่า เพราะสุดท้ายคนที่จะอยู่กับเราไม่ใช่งาน แต่คือสามีกับลูก
แล้วก็ค่อยเป็นตัวเองเป็นสิ่งที่ตัวเองรัก ชอบ และอยากจะทำ  ชีวิตคนเรามันสั้น
อยากทำอะไรก็ทำ ถ้าสิ่งนั้นไม่ทำให้ใครเสียใจ หรือเดือดร้อน ทำเท่าที่คิดแล้วว่าทำได้
พยายามแล้วและสามารถบอกตัวเองได้อย่างเต็มปากว่า ฉันพยายามแล้ว ไม่ได้
เหยาะแหยะเลย เพราะไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้หรอกว่า "พรุ่งนี้  จะมีจริงไหม"

========== ( ^-^ ) ติดตามผลงานย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ( ^-^ ) ==========
>>>>> รวมเรื่องเล่าของ จิ๋ว // พัดลมจิ๋ว <<<<<<<<    
====== ( ^-^ ) ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่มาให้กำลังใจค่ะ ( ^-^ ) ======

(อาจอย่า-ออดอ้อน.อาจอยู่-อย่างอยาก.อาจอย่าง-เอื้อนเอ่ย.อาจอยาก-แอบอิง.อาจแอบ-อำอดีต.อาจอ่าน-อ้างอวด.อาจอิอิ-อำอีก)
...ปริศนาอักษรจิ๋ว...


momo2029

ผมไม่ใช่สายนักเขียน แต่เป็นนักอ่าน อ่านไปเรื่อยทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ก็เป็นเรื่องที่ให้ความสุขแก่ตนเองได้ บางครั้งชีวิตเราไม่มีทางเลือกให้เดินมากครับ แต่เราพยายามทำส่วนที่เราทำให้ดีที่สุด สนุกกะมัน มันก็ทำให้เราลืมเรื่องที่ไม่ดี ที่ทำให้เราทุกข์ได้ ลองมองในมุมบวกครับ เราจะรู้ว่าชีวิตมีคุณค่ามากกว่าที่เราคิดเยอะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกท่านครับผม... ::JubuJubu::

cd13579

#6
แต่ละท่านที่แชร์มุมมองก็ค่อนข้างจะคล้ายๆผมนะ

แต่ของผมนี่ต้องเริ่มเท้าความตั้งแต่พม่ารามัญล้อมกรุงศรี ่ แฮ่!!

เลิกเล่นๆ แนวคิดของผมเริ่มจากอยากลองเล่าเรื่องต่างๆออกมาในมุมมองของเรา งานเขียนมันสะท้อนตัวตนของเราได้ในระดับนึงเลย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเราโหยหา สิ่งเราอยากเห็นอยากทำ สิ่งเราเคยประสบพบเจอ มันคือโลกทีี่เราสรรสร้างทุกอย่างออกมาตามใจได้ มันคือโลกที่เราไม่ต้องแคร์ห่าอะไรในโลก
แต่ในอีกแง่นอกจากในแง่ของการระบายมันคือวรรณกรรมมันคือความงดงามของการนำเสนอ การจัดเรียงประดิษฐ์ถ้อยคำสื่อความหมายให้ผู้อ่านเข้าใจสิ่งที่เราสื่อออกไป

นี่ความงดงามของวรรณกรรมที่อีเด็กหัวเกรียนคนนึงพบในห้องสมุดโรงเรียน การนั่งอ่านนิยายเก่าๆเปิดโลกให้เขา จากเล่มสู่เรื่อง ลุกลามแพร่พันธุ์ไปจนมันกลายเป็นคนที่มียอดยืมห้องสมุดติด10คนตลอด3ปี

จนวันนึงเริ่มมาเขียนเองมันก็ยังคงเปิดมุมให้ผมเสมอ ผมอยากให้มันเป็นอย่างไรผมก็สรรเสกตามใจ แม้ว่าเนื่องจากเรื่องที่เราเขียนมันจะไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมไทย (แมร่งเอ่ยยย) ไม่ว่าจะในแง่สังคมและกฎหมาย แค่นั้นแหละไม่ว่างานเขียนจะเป็นอย่างไร มันก็คือความสุขของเราอยู่ดี ถูกปะ!!

ส่วนเรื่องชีวิตนี่องค์ประกอบมันต่างกันในแต่ละบุคคล แต่เป็นผมก็เอาความมั่นคงก่อน ชีวิตติดภาระครับ 5555
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

DR.MAN

แวะเวียนมาให้กำลังใจท่านบร๊ะเจ้าโจ๊ก  ผมเป็นคนนึงที่เคยทำงานราชการ  แต่ลาออกมาละ   ไม่รู้เหมือนกันว่า ท่านอยู่กระทรวงไหน  แต่ของผมนี่แย่แบบมากๆๆๆๆ ขออนุญาตแชร์


ผมสอบติด เพื่อเรียนต่อ ศัลยแพทย์สาขาหนึ่ง  ซึ่งรพ.ที่ผมทำงานอยู่ มีโควต้าส่งเรียนสาขานี้  เพราะจังหวัดนี้ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านนี้เลย


การได้โควต้าเรียน หมายความว่า  รพ.จะให้เงินเดือน 19025 บาท  ในช่วงเวลาที่ผมไปเรียน    ให้แค่นี้นะครับ  ค่าเทอม ค่าอยู่ค่ากิน  ไม่ได้จ่ายให้



แต่...รพไม่ให้โควต้า  แม้ว่าจะไม่มีหมอคนไหนในรพแย่งกับผมเลย   ด้วยเหตุผลที่ว่า  ผมอายุน้อยไป.......ผมเลยลาออกจากราชการ  เพื่อมาเรียนต่อ



ผมลาออกจากราชการมา เมื่อเดือน มิถุนา 60 รพ.ยังค้างจ่ายเงินเดือน  เดือนพ.ค. และมิถุ 60  เดือนละ 10000  รวมเป็น 20000 บาท



แต่เมื่อกุมภา 61 ที่ผ่านมา  รพขออนุญาตคิดเกณเงินเดือนใหม่   และมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง!!!



จากที่ผมต้องได้เดือนละ 10000  เกณใหม่ ผมเหลือเงิน เดือนละ 4000   สรุปรพจ่าย 8000....และผ่อนจ่ายเดือนละ 2000  เพิ่งครบเมื่อสิ้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา



นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมเกลียดระบบของรัฐมาก   ส่วนเรื่องปัญหากับคนนั้น  ไม่ว่าทำรัฐ หรือเอกชน เจอหมดล่ะครับ



นอกเรื่องไปเยอะ...กลับมาที่เหตุผลที่แต่งนิยาย 18+   



ผมมีหลายเหตุผลนะ   ทั้งเป็นการระบายปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต   ปัญหาที่มันค่อนข้างดาร์ค  เล่าให้ใครฟังไม่ได้  ด้วยสถานะทางสังคม  ผมก็แอบๆเนียนๆแทรกๆไว้ในนิยาย



ข้อสอง ผมชอบอ่านซุปเปอร์ฮีโร่คอมิกส์   ผมอยากจะมีพลังวิเศษแบบนั้น  และก็เหมือนท่านแหละครับ   ที่พอเห็นคนสวยๆก็จะเอาไปจินตนาการ ว่าได้จัดกับเธอ  ที่นั่นที่นี่  ที่ๆในชีวิตจริงทำไม่ได้ 5555  ผมเลยเอามารวมกันซะเลย



ผมคิดว่าการแต่งนิยาย เป็นการปลดปล่อยจินตนาการ  ความเครียดในรูปแบบหนึ่ง   ถ้าพอใจก็แต่งๆๆ   ไม่อยากก็ไม่แต่งครับ


เป็นกำลังใจให้ท่านผ่านปัญหาเรื่องงานไปได้  แล้วกลับมาสร้างความเสียวต่อนะครับ

P Eet ✦Diamond✦

Just come here to give you support...
I am not a writer by heart ...
I am a reader by choice...

But to comment on your career choice...
You are still young enough to make any correction that you need it to be...
Don't let life pass you by and soon .. a decade has gone by and you are still asking the same question naaaa...

True some have better opportunities than others...
But... the choice is still up to our own ...
Soooo ... yeah ... if you are NOT happy with your career choice...
You can always make a change... just use your creativity ...
Sometimes ... the answer is right before your eyes naaa

Hope you find your way back to this side of happiness
And start your writing again... 
Disclaimer: The view and opinion expressed on this website are solely those of my very own. It is solely for the purpose of entertainment and has NO meaningful value of any kind. They DO NOT necessarily represent those of the majority of READERS & WRITERS of this website staff, and/or any/all contributors to this site.

ஜ۩۞۩ஜ THANK YOU ஜ۩۞۩ஜ 



❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

DIAMONDS ARE FOREVER !!!

   ..... (¯`v´¯)♥
   .......•.¸.•´
   ....¸.•´
   ... (
   ☻/
   /▌♥♥
   / \ ♥♥