ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_err

Friend (เพื่อน) ตอน 8

เริ่มโดย err, พฤศจิกายน 11, 2010, 11:19:05 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

err

ผมต้องขอโทษเพื่อนๆจริงๆที่มันไม่ค่อยสนุก เพราะผมไม่ได้ทำเอง มันบรรยายยาก ถ้าเขียนไปก็เหมือนกับผมยกเมฆ รู้เห็นยังไงก็เล่าให้เพื่อนๆฟังอย่างนั้นแหล่ะ แต่ที่จริงถ้าเพื่อนๆได้มานั่งฟังพี่เอกเล่าอย่างผม ก็จะบอกว่ามันสนุกจริงๆ อ้อ กระซิบนิดนึงสิ นกที่พี่เอกพูดถึงเนี่ย เคยออกเทปด้วยนะ ผมก็ยังเคยซื้อเทปเธอเลย เวลาดูหน้าปกแล้วนึกถึงที่พี่เอกเล่า แม่งโคตรขำเลย เรื่องที่พี่เอกกลัวขาดทุน...
พี่เอกเล่าให้ผมฟังอีกหลายเรื่อง ตอนนี้ผมหยิบเหล้าที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะมารินใส่แก้วตัวเองแล้วเพราะบางเรื่อง ฟังแล้วตื่นเต้น แต่บางเรื่องฟังแล้วก็หัวเราะไม่ออก จู่ๆพี่เอกก็ถามผมว่ามีแฟนแล้วหรือยัง ผมก็ตอบว่ายังไม่มี ไม่ได้โกหกนี่เพราะเลิกไปหมดแล้ว พี่เอกยิ้มๆแล้วเปรยว่าน่าจะมีแฟนนะเพราะน้องในสาขาผม หลายๆคนก็น่ารัก ผมมองหน้าแกแล้วถามว่าแกคิดว่าคนไหนน่ารักบ้าง แกย้อนถามผมว่าสนิทกับแตงโมหรือเปล่า ผมส่ายหน้าบอกแกว่าไม่สนิท เพราะเรียนคนละวิชาเอกกัน แกยิ้มๆบอกว่านั่นแหล่ะ ไปสนิทสนมให้มากๆเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นจะเสียดาย...
คือผู้ชายเนี่ย บางครั้งไม่ต้องพูดหรอกนะ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ผมเชื่อว่าแกเปิดเรื่องอย่างนี้มา ต้องมีอะไรดีๆแน่ๆ ก็นั่งรอฟังแกด้วยความหวัง แกก็เล่นตัวอยู่นั่นแหล่ะ ไม่ยอมพูดซักที ผมเลยต้องถามแกว่าทำไมต้องเป็นแตงโม สาวๆคนอื่นมีตั้งเยอะ แกบอกว่าไม่อยากพูดเพราะแตงโมเรียนสาขาเดียวกันกับผม เดี๋ยวจะหาว่าแกเอาสาขาผมมาว่า ผมรีบบอกเลยว่าไม่เป็นไร คิดซะว่าผมไม่ได้อยู่สาขานั้นก็ได้ แกนิ่งไปซักพักแล้วก็บอกว่าตอนแกอยู่ปีสาม แกเคยไปเที่ยวผับตรงอโศกแล้วคุ้นๆหน้าว่านักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่เป็น รุ่นน้องที่คณะ แต่การแต่งตัวบนเวทีมันล่อแหลมสุดๆหรือพูดให้ตรงก็คือมันน่าเอานั่นแหล่ะ พอวันรุ่งขึ้นเข้าคณะมา แกก็มาทำเป็นเดินป้วนเปี้ยนหานักร้องคนนั้น แล้วก็รู้ว่าเป็นน้องในสาขาที่ผมเรียนอยู่ สืบดูก็รู้ว่าชื่อแตงโม คราวนี้แกก็ไปผับที่นั่นบ่อยมาก สิ่งที่แกรู้มันตรงกับที่อีพวกแผนกตรวจสอบมันบอกก็คือมีหนุ่มๆมารับมาส่งแตง โมเกือบทุกคืน แกบอกว่าคิดๆดูแล้ว ถ้าน้องเป็นคนดี แกก็ไม่อยากยุ่งด้วย แต่ภาพที่เห็น ถ้าเพิ่มแกเข้าไปอีกซักคนก็คงไม่ทำให้น้องเค้าสึกหรอไปมากกว่านี้อีก พอความคิดอันประเสริฐแวบเข้ามา วันต่อมาแกก็ทำมาเป็นเดินที่สาขาผม แล้วรอจนเห็นแตงโมเดินอยู่ แกรีบเข้าไปประกบแล้วบอกว่าแกไปเที่ยวผับที่แตงโมร้องเพลงบ่อยๆ ถ้าไม่ว่าอะไร แกจะไปส่งแตงโมที่ผับนั้นเองได้หรือเปล่า แกบอกว่าลุ้นเหมือนกันเพราะถ้าแตงโมส่ายหน้า แกจะเสียหน้ามากเพราะเป็นรุ่นพี่ด้วย แต่พี่เอกก็ไม่เสียหน้าเพราะแตงโมตอบตกลง คราวนี้ก็เข้าทางแกสิ ตกเย็นแกเอารถมาแอบไว้ด้านหลังแล้วรอแตงโม ซักพักเธอก็เดินมาขึ้นรถ แกก็พาไปส่ง แต่ยังไม่ได้ไปผับนั้นนะ เพราะแตงโมต้องไปร้องเพลงที่สุรวงศ์ก่อน แกก็อุตส่าห์ไปรอ แล้วก็ไปส่งที่ผับ แกก็ไปนั่งฟังเพลงรอจนเลิก ก็พาแตงโมกลับไปส่งบ้าน...
ผมมองหน้าพี่เอกตาค้าง เรื่องแค่นี้เอามาเล่าให้ผมฟังทำไมวะ แต่ดูเหมือนแกจะรู้ แกยิ้มๆแล้วเล่าต่อ...
พี่เอกบอกว่าแกตั้งใจจะรับส่งแตงโมทุกวัน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเธอมักจะบอกว่าเดี๋ยวเพื่อนมารับ พอแอบดูก็เห็นมีหนุ่มๆมารับแทบไม่ซ้ำหน้าเลย คิวของแกมีน้อยมาก แต่แกก็อดทนรอ จนวันของแกมาถึงจนได้ วันนั้นคิวแกเป็นคนมารับแตงโม ก็เหมือนเดิม จนเลิกจากผับเกือบๆเที่ยงคืน แต่คราวนี้แกไม่รอแล้ว เสียเวลามาพอแล้ว พอออกจากผับแกก็พาแตงโมไปหาข้าวกินก็นั่งคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กัน ออกจากร้านข้าว แกบอกว่าแกตัดสินใจวัดใจแตงโมว่าจะคิดยังไง พอขับรถผ่านม่านรูดตรงกล้วยน้ำไท แกเลี้ยวขวับเข้าไปทันทีแล้วนั่งกลั้นหายใจว่าแตงโมจะด่าเมื่อไหร่ แต่แกก็ต้องหันมามองหน้าแตงโมด้วยความแปลกใจเพราะเธอไม่ได้ตีโพยตีพายอะไร เลย แกเห็นอย่างนั้นก็เลยตามเลย พาเธอเลี้ยวรถเข้าจอด จ่ายเงินให้เด็กส่องไฟแล้วพาเธอเข้าไปข้างใน...
พี่เอกเล่าถึงตอนนี้แล้วก็เลิก ผมจ้องหน้าแกตาค้างอีกครั้ง แม่ง ทำไมไม่เล่าต่อวะ พี่เอกก็ยังนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ผมทนไม่ได้จริงๆ ไอ้เล่าค้างๆไว้อย่างนี้มันอึดอัดนะ ผมก็ถามแกเบาๆว่าแล้วยังไงต่อ พี่เอกหัวเราะแล้วย้อนผมว่าถ้าอยากรู้ก็ลองเองดูสิ แกไม่เล่าเรื่องนี้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต่อต้องทำเอง เพียงแต่แกรับรองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แกจะมาหลอกผมให้ผมไปขายหน้าทำไม...
ตอนนั้นผมฟุ้งซ่านมากเลยนะ เรื่องที่พี่เอกเล่ามันชวนให้จินตนาการต่อจริงๆ ไม่รู้ว่าแกตอแหลหรือเปล่า อะไรมันจะง่ายดายขนาดนั้นวะ แต่พอผมนึกถึงริน ตอนนั้นผมหาวิธีจะตายว่าทำยังไงจะเข้าถึงตัวรินได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ รินกลับเปิดเกมกับผมก่อนด้วยซ้ำ ความคิดเข้าข้างตัวเองเริ่มเกิดในใจ เอ หรือว่ากูจะลองอย่างที่พี่เอกบอกดีวะ แต่มันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเพราะก็รู้ๆกันอยู่ว่าผมไม่ได้สนิทกับแตงโม ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเดินไปทำความสนิทสนมด้วย มันจะผิดสังเกต โดยเฉพาะวิชาเอกของแตงโมมีอีนังแผนกตรวจสอบจอมสาระแนอยู่ด้วย...
คนเรามันจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ยังไงๆมันก็ต้องได้ใกล้ชิดกัน ที่มหาวิทยาลัยมีงานวิชาการ เพื่อนๆที่เคยผ่านมาแล้วคงนึกภาพออกว่ามันวุ่นไปหมด คณะใครคณะมัน แบ่งงานกันทำ ใครทำบอร์ด ใครเตรียมการแสดง ใครเตรียมเอกสารเผยแพร่ เสียงตะโกน เสียงด่ากันดังลั่นไปหมด ไอ้คนที่เกิดมาไม่เคยแตะงานเลย ก็ถูกบังคับให้ต้องแตะ บรรดาลูกท่านหลานเธอถูกดัดนิสัยกันถ้วนหน้าในครั้งนี้แหล่ะ แผนกเสบียงวิ่งกันวุ่น คณบดีอนุมัติให้ใช้งบของคณะได้ไม่อั้น แล้วใครที่ไม่เคยนอนคณะ ก็ต้องหัดนอน เพราะเวลามันกระชั้นเข้ามาแต่งานยังไม่เสร็จเลย แล้วไม่มีที่นอนหรอกนะ เสื่อผืนหมอนใบ นอนกันอยู่ในห้องประชุมรวม ยังดีที่คณะยอมให้เปิดแอร์นอน ไม่อย่างนั้นยุงกัดตายเลย...
ผมได้ยินมาว่าน้ำไปออดอ้อนพ่อบ้าง จะขอนอนที่คณะเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่มีทางหรอก ไข่ในหินขนาดนั้น ถ้าเธอมานอน พ่อเธอก็ต้องเตรียมมุ้งเตรียมที่นอนมานอนเฝ้าลูกแน่ๆ ยังงงอยู่เลยว่าผมมีอะไรกับเธอได้ยังไงวะเนี่ย...
สาขาของผมไม่ได้แบ่งงานออกเป็นวิชาเอก แต่รวมคนทั้งหมดแล้วแบ่งงานกันทำ ผมอยู่แผนกเตรียมเอกสารเผยแพร่ของสาขา พอดูรายชื่อทีมแล้วก็ใจเต้นเลยล่ะ เพราะหนึ่งในทีมของผมซึ่งมีอยู่ 10 คนก็คือแตงโม และอีกคนที่ไม่ได้นึกไว้ก็คือริน น้ำอยู่ทีมทำบอร์ด ส่วนนังจุ๋มไปอยู่ด้านการแสดง ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะนังจุ๋ม มันอยู่ลิบๆแต่ยังคอยหันมามองพวกผมอยู่เรื่อยๆ จะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนวะ แต่น้องรหัสผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมไม่ได้หวังจะอยู่ใกล้ๆรินอีกแล้ว เพราะเป้าหมายที่ผมคิดไว้คือแตงโมต่างหาก...
ใครที่คิดว่าการทำเอกสารเผยแพร่เป็นเรื่องง่าย ขอบอกว่าคิดผิดมากๆ นอกจากจะต้องเก็บเล็กผสมน้อยเกี่ยวกับสาขาแล้ว เรายังต้องช่วยกันเขียนบทความเกี่ยวกับสาขาด้วย แล้วไอ้การเขียนบทความเนี่ย มันไม่ใช่กดปุ่มปุ๊บแล้วจะโผล่เข้ามาในหัวเลยซะเมื่อไหร่ ต้องค่อยๆนึก ค่อยๆคิด นั่งปรึกษากันว่าจะเอาเรื่องอะไรดี จะเขียนแนวไหนดี ซึ่งไอ้ช่วงเวลานี่แหล่ะที่เราต้องรวมหัวกันคิด ส่วนผม นอกจากจะคิดเรื่องงานแล้ว ยังคิดเรื่องชั่วๆอีกด้วย ก็เลยยิ่งยากกว่าคนอื่นเข้าไปอีก...
ตายล่ะหว่า เขียนไปเขียนมา มันออกนอกเรื่อง ผิดคอนเซ็ปต์ของบอร์ดไปซะไกลเลย คุณjam กับเพื่อนๆอย่าพึ่งด่านะ กำลังหาทางกลับเข้าไปในแนวของบอร์ดอยู่...
ผมสรุปเลยดีกว่าจะได้ไม่เยิ่นเย้อ ทีมของเราทำงานได้ค่อนข้างดี สมาชิกให้ความร่วมมือกันดีมาก และการที่ทำงานร่วมกัน ทำให้ผมได้คุยกับแตงโมมากขึ้น ที่จริงเธอเป็นคนน่ารักนะ ไม่ได้หยิ่งอย่างที่ผมคิดไว้ แตงโมคงจะบอกทางโรงแรมกับที่ผับว่าเธอต้องทำงานที่คณะ เพราะช่วงที่อยู่ด้วยกัน ไม่เห็นเธอไปไหนเลย อยู่จนดึกเหมือนคนอื่นๆเกือบทุกวันและบางวันก็นอนค้างที่คณะด้วย รินก็นอนคณะด้วยนะ แต่นังจุ๋มมาจากไหนไม่รู้ โผล่เข้ามานอนอยู่ข้างๆด้วยเฉยเลย นางมารจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องสร้างภาพต่อหน้าแตงโมนะ ผมตั้งใจจะเล่นมือผีกับรินเหมือนกันแหล่ะ...
งานวิชาการผ่านไปได้ด้วยดี สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือผมสนิทกับแตงโมมากขึ้น เรานั่งกินข้าวในโรงอาหารด้วยกันบ้างเป็นบางครั้ง แล้วก็มีวันที่ผมไปนั่งฟังเธอร้องเพลงที่ผับจนได้ แตงโมแต่งตัวโป๊อย่างที่พี่เอกบอกจริงๆด้วย ชุดนักศึกษาว่าเธอนมใหญ่แล้วนะ พอมาเห็นชุดนักร้องของเธอ ผมว่าคงต้องใช้สองคนช่วยแหล่ะถึงจะเอาอยู่ เธอไม่เห็นผมหรอกนะเพราะผมนั่งโต๊ะด้านหลัง แล้วในผับมันค่อนข้างมืด ผมอยู่ดูจนเธอเลิกร้องเพลง เธอกลับ ผมก็กลับ แต่ต่างคนต่างกลับนะ ก็ได้เห็นอย่างที่พี่เอกกับไอ้บิ๊กบอกจริงๆแหล่ะว่าเธอขึ้นรถของใครก็ไม่รู้ ออกไป ตอนนั้นเรื่องเล่าของพี่เอกวิ่งไปมาอยู่ในหัว ทำยังไงดีวะ ผมไม่มีโอกาสแหงเลยเพราะผมไม่มีรถ...
แต่ฟ้ากำหนดมาแล้วว่าผมจะได้เอาแตงโม เราได้คุยกันเรื่อยๆจนถึงวันสิ้นปี ผมจำได้ว่าวันที่ 28 ธันวานะเพราะที่สาขามีเลี้ยงปีใหม่กันในวันนั้น ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แล้ววันนั้นเป็นวันพิเศษ สาขาอนุญาตให้มีเหล้าในงานได้ คราวนี้ทุกคนก็เต็มที่ ผมก็เต็มที่เหมือนกัน ตอนนั้นยังไม่ได้นึกถึงแตงโมนะเพราะมัวแต่เสียเวลาเดินไปกินเหล้าโต๊ะโน้น โต๊ะนี้กับเพื่อนๆ จนเวลาผ่านไป หลายๆคนเริ่มทยอยกลับ น้ำนี่กลับคนแรกเลยเพราะพ่อมารอ เธอหน้าหงิกมากๆ คงยังไม่อยากกลับ จนผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว เหลือคนอยู่ประมาณ 30 กว่าคน คราวนี้ก็เริ่มมารวมกลุ่มนั่งด้วยกัน ผมต้องลดปริมาณการกินลงไปบ้างเพราะชักจะเริ่มเมา ไอ้คนเมาเนี่ย หน้ามันจะหนาขึ้นนะ ที่คิดไว้ในใจเล่นๆ เสือกแสดงออกมาจริงๆ ผมมานั่งข้างๆแตงโมแล้วก็ชวนเธอคุยโน่นคุยนี่ ซึ่งถ้าไม่กินเหล้า รับรองได้ว่าไม่มีการคุยอย่างนี้เด็ดขาด...
คุยไปคุยมา เกือบตีสอง ตอนนี้เหลือคนกันแค่สิบกว่าคน ผมนั่งคิดถึงภาพของแตงโมที่เห็นในผับในขณะที่เจ้าตัวจริงๆนั่งอยู่ข้างๆ แล้วในหัวเสือกเห็นภาพของผู้หญิงคนโน้นคนนี้ที่ผมผ่านมาโดยเฉพาะริน ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ปากมันเสือกพูดออกมาเอง ผมเอ่ยปากชวนเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก แตงโมทำตาโตเลยเพราะไม่คิดว่าผมจะชวนบ้าๆอย่างนั้น นี่มันตีสองแล้ว แต่บอกแล้วไงว่าคนเมา ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมบอกว่าไปเหอะ ข้างนอกเค้ายังไม่นอนกันหรอก อ้อ! ลืมบอกไป สมัยนั้นช่วงปีใหม่นี่ เค้าอยู่เที่ยวกันทั้งคืนนะ โรงหนังเปิดฉายทั้งคืนจนถึงรอบตีห้าเลย ร้านเหล้าทุกร้านเปิดกันโต้รุ่งทั้งนั้น แตงโมถามว่าจะไปไหน ผมบอกว่าไปเรื่อยๆแหล่ะ อยากไปไหนก็ไป เธอจ้องหน้าผมตั้งนานจนผมคิดว่าเธอคงจะปฏิเสธ แต่เธอกลับพยักหน้า ผมใจสั่นเลยล่ะ อุตส่าห์คิดวิธี คิดเหตุผลไว้ตั้งเยอะถ้าเธอปฏิเสธ แต่พอชวนจริงๆ เธอกลับตกลง...
เราขยับตัวเดินออกจากวง จริงๆแล้ว ถ้าผมไม่เมา ผมไม่กล้าเดินออกมาอย่างนั้นหรอกนะ เพราะเพื่อนๆมันมองตามว่าสองคนนี้จะไปไหน ผมบอกทุกคนว่าแตงโมจะกลับบ้านและผมรับปากเธอไว้ว่าจะไปส่ง ไม่รู้ว่ามีใครสงสัยอะไรหรือเปล่า แต่เราเดินออกมากันแล้ว ผมพาเธอขึ้นแท็กซี่นั่งเข้ามาในเมือง สมัยนั้น สวนลุมมีงานปีใหม่ทั้งคืน ตั้งใจว่าจะพาเธอมาเที่ยวที่นี่ ก็พาเธอมาอย่างที่คิดไว้ แต่พอเห็นคนยั้วเยี้ยก็หมดศรัทธาเพราะขี้เกียจเดินฝ่าคนขนาดนั้น เราเดินเล่นมาตามถนนวิทยุเรื่อยๆจนถึงแยกซอยร่วมฤดี พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายหน้าปากซอย ผมนึกยังไงก็ไม่รู้จูงมือเธอเดินเข้าไปในซอย แตงโมทำหน้างงๆแต่ก็เดินตามผมเข้าไป เพื่อนๆทายถูกใช่หรือเปล่าว่าป้ายหน้าปากซอยมันเป็นป้ายอะไร เฉลยเลย ป้ายเขียนว่าโรงแรมร่วมฤดี ชั่วคราว ค้างคืน ห้องพักพร้อมวีดีโอ แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่านี้มันโรงแรมม่านรูด...
สารภาพกับเพื่อนๆว่าถึงแม้ผมจะเข้าม่านรูด แต่ยังไม่เคยเดินเข้ามาก่อนเลย ตอนนั้นผมไม่สนใจหรอกว่าแตงโมคิดยังไง ถ้าเธอยอมออกมาเที่ยวตอนตีสองกับผม เธอน่าจะรู้แล้วว่าตอนจบจะเป็นยังไง เรายังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย แตงโมคงจะรู้แล้วว่าผมจะพาเธอไปที่ไหน ต้องบอกว่าเธอละเอียดถี่ถ้วนกว่าผมซะอีกเพราะพอเดินมาถึงหน้าโรงแรม แตงโมปลดเข็มออกจากอกเสื้อและปลดเข็มขัดเก็บใส่กระเป๋า เราไม่ได้พูดหรือปรึกษากันเลยนะว่าเข้าหรือไม่เข้าดี ผมพาเธอเดินดุ่ยๆเข้าไป เด็กส่องไฟมันมองงงๆ แต่มันมืออาชีพจริงๆ รีบไปเปิดห้องรอไว้เลย พอผมพาเธอเดินผ่านม่านพลาสติกแล้วก็ให้เธอเข้าไปข้างใน ส่วนผมรีบจ่ายเงินให้ไอ้เด็กนั่นแล้วบอกว่าชั่วคราว ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะสามร้อยบาทนะ พอเด็กนั่นเดินไปผมก็รีบเข้าไปในห้อง...
แตงโมนั่งอยู่บนเตียง เธอใช้หางตามองผมแล้วบอกว่าคิดแล้วว่าผมต้องคิดกับเธอแบบนี้ ผมไปนั่งข้างๆเธอแล้วบอกว่าคิดมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ไม่มีโอกาสซักที ผมเชื่อว่าถ้าแตงโมมืออาชีพจริง เราก็ไม่ต้องพูดอะไรกันมากนักหรอก แล้วก็จริงๆ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก พอนั่งจนใกล้กันขนาดนั้น แตงโมมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึง กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเธอเรียกอารมณ์อย่างว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยล่ะ พอขยับจะเข้าหา เธอบอกว่าถอดเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวจะยับ ผมรีบปลดกระดุมเสื้อเธอออกทันที ปลดง่ายแล้วล่ะเพราะผมฝึกมาตั้งหลายปีแล้ว ถอดเสื้อเธอไปวางบนโต๊ะเครื่องแป้งแล้วเอื้อมมือไปปลดตะขอกระโปรงของเธอด้าน หลัง แตงโมขยับเอวให้ผมดึงกระโปรงออกจากปลายขา ทั้งร่างเธอเหลือแค่ซับในชั้นบนกับชั้นล่าง คงไม่ต้องเสียเวลารออะไรอีกแล้วมั๊ง...
สารภาพกับเพื่อนๆอีกเรื่องนึงว่าผมไม่ค่อยอยากจะบรรยายฉากนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันก็ซ้ำๆกับที่ผมเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งที่มีอะไรกับรินหรือน้ำไป แล้ว อย่างที่บอกไงว่าเวลาเอากับผู้หญิงเนี่ยมันมีไม่กี่ท่าหรอก สรุปให้ฟังคร่าวๆเลยดีกว่าว่านมของแตงโมใหญ่ดีจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แน่นอะไรมากนัก หัวนมออกจะเป็นสีน้ำตาลแล้วด้วย ไม่รู้กี่มือมาแล้ว แตงโมเป็นคนผิวออกขาวเหลือง ไม่ได้ขาวทั้งตัวเหมือนรินหรือน้ำ เนินเนื้อข้างล่างมีไหมสีดำคลุมอยู่บางๆ ส่วนคุณภาพของร่องเธอ ผมให้B- นะ เพราะมันค่อนข้างหลวม เรียกว่าดันรวดเดียวก็เข้าไปได้มิดดุ้นเลยล่ะ ที่จริงต้องได้C- แต่โหนกเนื้อตรงนั้นของเธอมันมีเนื้อเยอะมาก เวลาโยกตัวเข้าหาเธอเนี่ย มันนุ่มนวลดีจัง ก็เลยได้คะแนนข้อนี้มาชดเชย ผมเอากับเธอจนเสร็จแล้วเราก็นอนกันทั้งอย่างนั้น ตอนเกือบๆตีห้า โอเปอเรเตอร์โทรมา ผมกำลังง่วงก็เลยบอกต่อไปอีกสามชั่วโมง เด็กส่องไฟมาเก็บเงิน ผมเอาเงินไปให้ที่ประตูแล้วก็กลับมานอนต่อ แตงโมนอนหลับสนิทเลย พอดูดีๆแล้ว เธอก็น่าเอาดีเหมือนกันนะ ผมกลับมานอนลูบๆคลำๆเธอซักพักไอ้นั่นเสือกแข็งขึ้นมาอีก ก็เลยเอาเธอต่ออีกครั้งนึงโดยที่เธอก็ยังหลับๆตื่นๆอย่างนั้นแหล่ะ คราวนี้พอเสร็จแล้วผมก็หลับจริงๆเพราะทั้งเมา ทั้งง่วง ทั้งเพลีย...
เกือบๆแปดโมงเช้า ผมตื่นขึ้นมา พอดูนาฬิกาก็กระโดดขึ้นทั้งตัวเลยเพราะมันสายมากแล้ว วันนี้ไม่มีเรียนหรอก แต่นี่มันม่านรูด แล้วผมจะออกไปได้ยังไง ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าโรงแรมมีบริการเรียกแท็กซี่ให้ ชิบหายแล้ว รีบปลุกแตงโม เธองัวเงียตื่นขึ้นมา ผมไม่สนใจแล้ว เร่งให้เธอรีบแต่งตัว แตงโมเดินไปเข้าห้องน้ำ ซักพักก็แต่งตัวออกมา ทำยังไงดีวะ ผมยืนคิดซักพักแล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ พาเธอเดินออกมาจากโรงแรม ตั้งใจจะออกมาเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม โห..รถในซอยแม่งติดเป็นทางเลย ทุกคันที่เห็นผมกับแตงโมเดินออกมาต่างหันมามองจนเหลียวหลังเพราะเรายังอยู่ ในชุดนักศึกษาอยู่เลย ระยะทางแค่ห้าสิบเมตรจากโรงแรมถึงปากซอย แต่ผมรู้สึกว่ามันไกลเหมือนอยู่คนละโลก เดินผ่านรถคันไหน แม่งก็มอง ไม่รู้ทำยังไง ก็ก้มหน้าก้มตาเดิน แตงโมเป็นยิ่งกว่าผมเสียอีก เธอเดินจ้ำแทบจะวิ่ง พอออกมาหน้าปากซอยได้ เราเรียกแท็กซี่คันแรกที่ผ่านมาแล้วขึ้นไปนั่ง ไม่กล้าหันหลังกลับไปดูอีก แต่ก็แปลก ผมนึกว่าแตงโมจะโกรธ แต่เธอกลับกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง ผมเสียอีกที่อาย แตงโมบอกว่าไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลย เรานั่งแท็กซี่มาส่งเธอที่บ้าน ส่วนผมก็กลับบ้านนอน...
หลายๆคนอาจตั้งคำถามว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอเกี่ยวกับเรื่องแตงโม ผมจำได้ว่าเคยบอกเพื่อนๆไปครั้งนึง จำไม่ได้ว่าตอนไหน ที่ว่าผมไม่เชื่อว่าจะเอาผู้หญิงดีๆได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่นน้ำ กว่าผมจะได้นอนกับเธอ ก็ใช้เวลาหลายเดือนมาก กับรินผมใช้เวลาหลายอาทิตย์ ส่วนกับแตงโม จะว่าง่ายมันก็ไม่ง่ายนะ เวลาพามาเอานี่ไม่ยากหรอก เรื่องของเรื่องคือต้องทำให้พวกเธอไว้ใจ ซึ่งเรื่องยากก็คือทำยังไงเธอถึงจะไว้ใจต่างหาก ถ้าเธอไว้ใจแล้ว เรื่องอย่างอื่นมันจะตามมาเองนั่นแหล่ะ...
ผมมีอะไรกับแตงโมครั้งเดียวก็เลิก ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่หรอก ไม่สมราคาคุยของพี่เอกเลย เธอมีดีแค่ปริมาณเท่านั้น ปล่อยให้เธอไปอยู่กับไอ้พวกหนุ่มๆที่มารับมาส่งเธออย่างนั้นน่ะดีแล้ว ส่วนผมก็กลับมาเฮฮากับเพื่อนๆเหมือนเดิม...

pinmonkey


forxonly8

ไม่ประทับใจก็ปล่อยผ่านกันไป