ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 15 ฝ่าวิกฤตด้วยตนเอง

เริ่มโดย Kamen Rider V-3, มีนาคม 11, 2018, 09:48:49 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

a park

อ้างจาก: Kamen Rider V-3 เมื่อ มีนาคม 11, 2018, 09:48:49 หลังเที่ยงผมมีเวลาเขียนวันอาทิตย์วันเดียว  แต่ดีหน่อยที่ว่างเกือบทั้งวัน จึงรีบปั่นตอนนี้มาลง หัวมันแล่นก็เขียนไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็เหนื่อย และขอพอตอน 3ทุ่มของวันนี้ อาจจะค้างคาไปบ้างก็ขอให้รอติดตามในตอนที่ 16 ก็แล้วกันนะครับ


----------

ชิตกำลังมุ่งหน้าไปที่บ้านของเสี่ยเจียงอย่างรีบเร่ง  โดยเขานั่งอยู่ตอนหน้าของรถกระบะโดยมีไอ้ซันลูกน้องคู่ใจเป็นผู้ขับ
พร้อมกับลูกสมุนอีกสามคนที่มีปืนครบมือนั่งอยู่ตอนท้ายของกระบะ   ในขณะที่รถกำลังห้อตะบึงไปตามเส้นทางที่
สองข้างทางมีแต่ดงไม้และความมืดมิด  พลันก็บังเกิดเสียงอันแหบพร่าและวังเวงที่ทุกคนในรถต่างก็ได้ยินกันโดยทั่ว


"นาย......นาย.......ข้ากลับมาแล้ว.....ข้าทำไม่สำเร็จ......คนๆนั้นมีอาคมกล้าแข็งเหลือเกิน"


ชิตได้ยินทุกคำพูดของโหงพราย  คิ้วสองข้างของมันขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธ และหงุดหงิดใจที่โหงพราย
ของมันทำงานไม่สำเร็จ

"ไอ้ซัน....มึงจอดรถก่อน"


ซันได้ยินน้ำเสียงของลูกพี่มันก็รู้ว่า ชิตกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ฉุนเฉียว  จึงเหยียบเบรคให้รถหยุดลงทันทีตามคำสั่ง
ของชิต  ชิตเปิดประตูก้าวเท้าลงมาจารถ แล้วยืนนิ่งตะเบ็งเสียงออกไปด้วยใบหน้าอันขุ่นเคือง


"แล้วมึงกลับมาทำไมไอ้โหงพราย.....งานที่กูสั่งให้มึงทำยังไม่สำเร็จ  มึงยังกล้ากลับมาอีกเหรอ"


สิ้นคำของชิต โหงพรายก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ ณ เบื้องหน้าของชิตท่ามกลางสีหน้าซีดสลด
ของเหล่าลูกสมุนที่นั่งกองรวมกันที่ท้ายรถด้วยความหวาดกลัว


"ข้าสู้เขาไม่ได้จริงๆจ้ะนาย.....คนๆนั้นมีไฟกสิณที่ร้อนรุนแรงเหลือเกิน จนข้าไม่อาจทำอะไรกับเขาได้เลย"


"ไป...มึงไปเดี๋ยวนี้นะไอ้โหงพราย.....มึงไปทำงานตามที่กูสั่งให้สำเร็จ....กูไม่สนว่ามึงจะใช้วิธีไหน  แต่มึง
ต้องไปฆ่าพวกมันให้หมด...ไปเดี๋ยวนี้"


"ไม่จ้ะนาย....ข้าสู้เขาไม่ได้จริงๆ  และข้าก็ให้สัญญากับเขาไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปทำร้ายเขาอีก  เขาถึงปล่อยข้ามา"


ชิตได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโกรธจัด   

"กูให้มึงไปฆ่ามัน....มึงกลับไปสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายมัน....นี่มึงคิดจะลองดีกับกูใช่ไหม"


แล้วเชิดก็ล้วงมือลงไปในย่ามหยิบเอาหุ่นไม้ที่สะกดวิญญาณโหงพรายเอาไว้ออกมา  แล้วหลับตาร่ายคาถา
เพียงครู่  ก็หยิบเหล็กแหลมขึ้นมาจากย่ามแล้วทิ่มแทงใส่หุ่นไม้นั้น   

ทันใดนั้นเองโหงพรายก็มีอาการทุรนทุราย คล้ายกับกำลังได้รับความเจ็บปวด ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้น
อย่างทุกข์ทรมาน


"โอ๊ยยยย...........เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน.......พอเถอะนาย....สงสารข้าเถอะ.....ข้าเจ็บปวดไปหมดแล้ว"


"มึงจะไปหรือไม่ไปไอ้โหงพราย......นี่......นี่..........."


"โอ๊ยยยยยยยยย..........เจ็บจริงๆ.....พอแล้ว........ยอมแล้วจ้ะ.........อย่าทำข้าอีกเลย....โอ๊ยยย.....พอแล้ว........
...........ข้ายอมแล้ว......ข้าจะไปแล้ว......."


แล้วโหงพรายก็สลายร่างหายวับไปจากที่ตรงนั้น     เชิดถอนหายใจอย่างหนักด้วยอารมณ์โกรธที่ยังคั่งค้าง


"ไปเว้ย.....ไอ้ซัน......มึงรีบขับรถไปที่บ้านของไอ้เสี่ยเจียงเดี๋ยวนี้เลย....ใช้ผีไม่สำเร็จ...กูก็จะใช้ปืนนี่แหละวะ
ฆ่ามันให้ตายทั้งบ้านเลยคราวนี้"

---------





เชิดกระชากคอเสื้อของวิไลอย่างแรงจนสายคล้องไหล่ของชุดนอนอันเบาพริ้วของเธอขาดสะบั้นออกจากกัน
เผยให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มขาวผุดผ่องจนเต็มสองตา  เชิดตาเบิกโพลงแสยะยิ้มอย่างพอใจแล้วใช้สองมันของมัน
ตะโบมเค้นคลึงสองเต้าของวิไลอย่างเมามันส์


"อื้อหือ...ผมคิดถึงคุณจริงๆนะ คุณวิไล...อืมมมม.......ใหญ่ดีจริงๆ.....ขอผมดูดหน่อยนะ"

"ไอ้เชิด...อย่านะ.....อย่า......ช่วยด้วย......ไอ้สารเลว...แกอย่ามาทำกับฉันอย่างนี้นะ...ออกไป"


เชิดก้มหน้าลงอ้าปักงับหัวนมของวิไลเอาไว้ในปากแล้วดูดกินอย่างหิวกระหาย  ทั้งที่สองมือของมันยังคง
คลึงเค้นอกอวบของเธอจนเต็มกำมือ แล้วเหลือบตาขึ้นมองหน้าของวิไลทั้งที่ยังดูดหัวนมของเธอคาปากอยู่
 

"จ๊วบๆๆ........อืมมม........."

"อย่า...บอกว่าให้ออกไปไอ้เชิด.....อย่า...."


พลันแววตาของมันก็เปล่งประกายถึงความหื่นกระหายออกมาอย่างเห็นได้ชัด  แล้วใช้สองมือฉีกชุดนอนตอนเดียว
ของวิไลจนขาดออกจากกันเป็นสองซีก  เผยให้เห็นเรือนร่างอันขาวผ่องละออตาอย่างชัดเจน   เชิดเพ่งมองเรือนร่าง
ของเธออย่างชื่นชม แล้วยกตัวขึ้นคร่อมนั่งทับขาของวิไลไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว  ดวงตาของมันจ้องมองเนินเนื้อ
อวบอูมภายใต้ซับในสีชมพูมันวาวที่ปกปิดส่วนสำคัญของเธอไว้อย่างหมิ่นเหม่


"อูยยยย.........ทำไมคุณถึงได้น่าเย็ดอย่างนี้ครับ...คุณวิไล........ครั้งที่แล้วผมเห็นแค่แป๊บเดียวเอง...คราวนี้ขอให้ผมดู
เต็มๆตาหน่อยเถอะนะว่ามันจะใหญ่ขนาดไหน....ฮ่าๆๆๆๆๆ...."


"อย่าาาา......อย่านะ...............ไอ้เชิด.....กูบอกอย่า.......อย่าาาา..............."

"โอ๊ะ......"


วิไลพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มที่  แม้ว่าเธอจะยังมีอาการจุกเสียดจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง  แต่ในที่สุด
เธอก็ไม่สามารถป้องกันการจู่โจมจากเชิดได้  เมื่อเชิดต่อยเข้าที่ท้องของวิไลอีกครั้ง  จนเธอจุกงอหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ที่จะขัดขืน  แล้วเอื้อมมือไปจับขอบซับในของวิไลรูดพรืดลงมากองอยู่ที่หัวเข่า  พร้อมกับจ้องมองดูด้วยความตื่นเต้น
จนตาของมันเบิกกว้างพองโต


"อู้หู.......ซี๊ดดด..........ฮ่าๆๆๆๆ.............ทั้งใหญ่ทั้งอูม..........ทำไมถึงได้น่าเย็ดขนาดนี้....อื้อหือ.....ฮ่าๆๆๆๆๆๆ....
เต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน.....ฮ่าๆๆๆๆๆ......."


"อย่า.....อย่า......เอามือแกออกไปนะ.....ช่วยด้วย.........ช่วยด้วยยย......."







เชิดเอื้อมมืออันหยาบกร้านของมันสำรวจลูบคลำเนินเนื้ออันกว้างขวางของวิไลอย่างมันส์มือ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
อย่างพอใจออกมาไม่ขาดปาก  เป้ากางเกงของมันขยายตัวใหญ่ขึ้นด้วยความเงี่ยนจนมันรู้สึกอึดอัด มันจึงเร่งจัดการ
กับเสื้อผ้าตัวเองจนล่อนจ้อน  เผยให้เห็นลำเอ็นที่แข็งยืดยาวออกมา และพยักเพยิดหัวถอกของมัน เหมือนกับกำลัง
แสดงตัวว่า มันพร้อมแล้วที่จะมุดลงไปสำรวจในร่องหลืบของเนินเนื้ออวบอูมที่ท้าทายมันอยู่ที่เบื้องหน้า


วิไลจ้องมองไปที่ลำเอ็นดำปี๋ของเชิด ก็รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง  เธอจึงพยายามเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ในตอนนี้ ยกตัวขึ้นแล้วสลัดร่างของเชิดจนหลุดไปจากร่างของเธอ แล้วพยายามหย่อนขาลงจากเตียงเพื่อตั้งใจจะเดินไปที่ประตู 
แต่เธอก็หย่อนขาลงไปได้เพียงข้างเดียว แล้วก็ถูกรั้งค้างคาไว้อย่างนั้น  เพราะเชือกที่ผูกรั้งข้อมือของเธอเอาไว้


เชิดตั้งหลักได้ก็รีบสอดตัวเข้ามาจับขาของวิไลรั้งไว้ข้างหนึ่ง  แล้วจ้องมองที่ส่วนนั้นของเธอจนตาเหลือกถลน เพราะในเวลานี้
ด้วยท่าทางของวิไลที่ค้างคาอยู่ที่ขอบเตียง กลับช่วยทำให้เพิ่มความโหนกนูนของเธอขึ้นอีกจนเชิดอดไม่ได้ที่จะลิ้มรสตรงส่วนนั้น
ของเธอด้วยปลายลิ้นของมัน  มันจึงก้มตัวลงไปแล้วฝังใบหน้าของมันลงไปกลางหว่างขาของวิไล


"อื้อหือ.....คุณวิไล..หีของคุณทำไมถึงได้ทั้งใหญ่ทั้งโคกแบบนี้.....มา....ขอผมชิมหน่อยเถอะนะ....ฮ่าๆๆๆๆ........."

"อย่า......อย่านะไอ้เชิด.......อย่า.........อ๊าาาา........"


วิไลหลับตาปี๋สะกดกลั้นความรู้สึกของตนเองไว้ เมื่อถูกเชิดฝังใบหน้าจ่อมจมลงไปกลางหว่างขาของเธอ  มันส่งปลายลิ้นของมัน
ชอนไชกวาดเลียไปทั้งร่องหลืบสลับกับใช้ปากดูดดัง ......ซู๊ด....ๆๆๆ....อย่างหิวกระหาย   เธอทั้งรู้สึกขยะแขยงและโกรธแค้น
อย่างที่สุด ที่ถูกมันย่ำยีจนไม่อาจปกป้องตัวเองได้    แต่เมื่อถูกมันใช้ปากจู่โจมส่วนนั้นของเธออย่างไม่หยุดหย่อน
เธอก็เริ่มพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกที่ธรรมชาติให้มาจนขาดสติในบางครั้ง เผลอไผลครางออกมาอย่างสุดจะทน


"ไอ้เชิด...อย่า..........ช่วยด้วย....อ๊าาาา........ช่วยด้วย.........อ๊าาาาา......ซี๊ดดดดดดดดด.............."


"ชอบแล้วใช่ไหมล่ะ......คุณวิไล.....มา...เดี๋ยวผมจะช่วยส่งคุณไปสวรรค์คาปากของผมเลย...ฮ่าๆๆๆ..."



แล้วเชิดก็ก้มหน้าลงไปห่อเกร็งลิ้นจี้เข้าไปยังติ่งเสียวของวิไลที่กำลังชี้ชันจากการถูกกระตุ้นของมันอย่างตั้งใจ
ตามที่มันพูด  ส่งผลให้เธอเกร็งหน้าท้อง ยกก้นลอยขึ้นอย่างสุดเสียว


"อ๊ายยยยยยย.................อ๊ายยยยยยย.............อ๊ายยยยยยยยย........."

"ซู๊ดดดดด.............แผล็บ...ๆๆๆๆ..........ซู๊ดดดดด..............แผล็บๆๆๆๆ......"


วิไลยอมรับอยู่ในใจแล้วว่า  ลิ้นและปากของเชิดทำให้เธอเสียวจนแทบจะขาดใจ  แต่พอเธอกลับมามีสติในบางครั้ง
ความเกลียดชังและความโกรธก็กลับปะทุขึ้นมา  เธอก็ส่งเสียงด่าทอมันและพยามยามจะดิ้นหนีเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพ
ที่ถูกกระทำอยู่   แต่เชิดก็ไม่ยอมหยุด มันยังคงใช้ทั้งลิ้นและริมฝีปากของมันจู่โจมตรงนั้นของเธออย่างต่อเนื่อง จนหน้าของมัน
เริ่มเปียกแฉะไปกับน้ำหล่อลื่นของเธอ


"ไอ้เหี้ยเชิด....มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ.............อ๊ายยยยยยยย...........ไอ้.....อ๊ายยยยยยยยยย........."

"หีแฉะแล้วยังไม่เลิกด่าผมอีกเหรอ.......แผ็ลบๆๆๆๆ......เงี่ยนแล้วใช่ไหมล่ะ.....ซู๊ดดดด..."


แล้วในที่สุด วิไก็พ่ายแพ้ต่อความเสียวที่ถูกเชิดจู่โจมด้วยปากอย่างไม่หยุดยั้ง  สะโพกของเธอส่ายร่อนไปตามอารมณ์
อย่างเร่าร้อน พร้อมกับส่งเสียงครางกระเส่าออกมาอย่างไม่ขาดปาก  เชิดเห็นอาการของเธอเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งได้ใจ
บรรจงใช้เพลงลิ้นของมันจนสุดฝีมือ

ถึงตอนนี้วิไลได้ลืมไปเสียแล้วว่าใครกำลังเป็นผู้กระทำต่อเรือนร่างของเธออยู่   เสียงร้องของเธอดังกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ 
พร้อมกับหน้าท้องที่แข็งเกร็งขึ้นจนเป็นสันลอน  แล้วยกสะโพกสูงขึ้นพร้อมกับมีอาการสั่นกระตุก อันเป็นอาการที่บ่งบอก
ว่าเธอได้เข้าสู่จุดสุดยอดคาปากของไอ้เชิดเสียแล้ว


"อ๊ายยย.....ซี๊ดดดดด........อ๊ายยยย.....ซี๊ดดดด........อ๊ายยย.....ซี๊ดดดดด........อ๊ายยยย.....ซี๊ดดดด........
อ๊ายยย.....ซี๊ดดดดด........อ๊ายยยย.....ซี๊ดดดด........อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย..................................."


เมื่อส่งวิไลไปสู่จุดสุดยอดด้วยลิ้นของมันแล้ว  เชิดก็ยันตัวลุกขึ้นยืนมองดูอาการของวิไลที่กำลังผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
แล้วยิ้มเยาะออกมาอย่างพอใจ


"เป็นยังไงล่ะครับ....เสียวหีดีไหม........ทีนี้ขอผมมีความสุขบ้างล่ะนะ"


เชิดพูดขึ้นพร้อมกับจับลำเอ็นอันแข็งเด่ของมันจดจ่อไปที่ร่องเสียวของวิไล ที่เปียกแฉะไปด้วยทั้งน้ำลายและน้ำเสียวของเธอ

วิไลลืมตาโพลงขึ้นแล้วรีบหุบเรียวขาของเธอลงทันที  แต่ดูเหมือนจะช้าไปเมื่อเชิดใช้แขนคล้องขาของเธอไว้ข้างหนึ่ง
แล้วจับปลายลำเอ็นของมันจ่อเข้าไปยังร่องหลืบที่กำลังเปิดอ้าอยู่


"อย่า.........เชิด...อย่า.....อย่าทำอย่างนั้น........อย่าาาาา......"




"บลั้ก....บลักก........โครมม ! ......."


ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นที่ประตูห้องที่ล้อคอยู่อย่างรุนแรง  แล้วประตูก็เปิดผางออกจนกว้าง
เชิดตกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นเบื้องหลังของมัน จนต้องหันเหลียวมาดู  และเมื่อมันเห็นประตูเปิดผางออกจนปรากฏร่าง
ของคนๆหนึ่งขึ้น มันก็ยิ่งตกใจหนักขึ้นไปอีก   

มันเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับมันมาแล้วครั้งหนึ่ง  จนสร้างความเจ็บแค้นฝังลึกอยู่ในใจของมัน และบัดนี้เหตุการณ์นั้น
ก็ได้วนกลับมาเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง  เมื่อคนที่พังประตูเข้าหาใช่ใครที่ไหน  แต่เป็นป๊อดที่ได้รับการบอกเล่าจากภูตแห่งปลัดขิก
ถึงภัยที่กำลังเกิดขึ้นกับวิไลหลังจากที่เขาจัดการกับโหงพรายได้สำเร็จ   ป๊อดก็รีบวิ่งมาที่ตึกอันเป็นที่อาศัยของวิไลและพังประตู
เข้ามาในทันที


"ไอ้เชิด......นี่มึงยังกล้ามาทำความชั่วที่บ้านหลังนี้อีกเหรอ......"


ป๊อดตะเบ็งเสียงออกมาอย่างโกรธแค้นที่เห็นสภาพของวิไลซึ่งกำลังถูกระทำ  แล้วถลันเข้ากระชากคอของเชิดให้ผละออกมา
จากร่างของวิไล จนมันล้มลงไปกับพื้นด้วยกำลังแรง   วิไลมองเห็นใบหน้าของคนที่เข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงทีก็ร้องออกมา
ด้วยความดีใจ

"ป๊อด"


เชิดกำลังตกใจเพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีใครทะลึ่งพรวดเข้ามาในขณะที่มันอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม  จึงไม่ทันระวังตัว
ล้มกลิ้งหงายลงไปกับพื้นตามกำลังฉุดรั้งของป๊อดอย่างไม่เป็นท่า

ป๊อดกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัดที่เห็นวิไลถูกกระทำ  เขาจึงวิ่งถลาไปเตะร่างของเชิดที่กำลังนอนหงายอย่างไม่เป็นท่า
ซ้ำลงไปอีก   เชิดถูกเท้าของป๊อดเตะเข้าที่ชายโครงดัง..อั๊ก ก็รู้สึกจุกจนดันร่างลุกขึ้นมาไม่ไหว ได้แต่ใช้แขนทั้งสอง
ข้างบังเท้าของป๊อดที่กำลังเงื้อเตะลงมาอย่างไม่ยอมหยุด


"นี่แหนะมึง.......ไอ้เหี้ยเชิด...มึงกล้ามาทำอย่างนี้กับคุณวิไลได้ยังไง....หา......ไอ้ชั่ว....."


เชิดใช้สองแขนปิดป้องการเตะของป๊อดเป็นพัลวันจนในจังหวะหนึ่ง มันก็สามารถคว้าจับเท้าของป๊อดไว้ได้ข้างหนึ่ง 
แล้วดันออกไปจนป๊อดเซถลาเสียหลัก   มันเห็นเป็นโอกาสทองจึงรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้องทั้งๆที่ยัง
ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า  แต่แล้วมันก็ชนเข้ากับหนิงซึ่งกำลังตกใจที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย จึงรีบมาเข้ามาดูที่ห้องของแม่
ของเธอจนล้มลง


ป๊อดตั้งหลักได้ก็รีบถลันวิ่งตามไป พอเห็นหนิงกำลังล้มกลิ้งอยู่ ก็เข้าไปประคองร่างของเธอให้ลุกขึ้น

"คุณหนิง....เป็นอะไรไหมครับ"


"ไม่เป็นไร....เกิดอะไรขึ้นหรือป๊อด....แล้วคนที่ชนหนิงนั่นเป็นใครน่ะ"


"ไอ้เชิดครับ...มันเข้ามาทำร้ายคุณวิไล...ฝากคุณหนิงช่วยดูคุณวิไลด้วยนะครับ  ผมขอตามไอ้ชั่วนั่นไปก่อน"


แล้วป๊อดก็วิ่งฝ่าความมืดติดตามเชิดไปยังทิศทางที่มันหลบหนีไป  จนเมื่อเขาติดตามมาจนใกล้จะถึงหน้าประตูบ้าน
เขาก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถยนต์ ที่บริเวณนอกริมกำแพงบ้าน แล้วเหยียบคันเร่งขับออกไปอย่างรวดเร็ว 
ป๊อดกำลังโกรธจัดรีบวิ่งวนกลับมายังที่จอดรถแล้วสตาร์ท เร่งขับออกติดตามไปในทันที


รถของเชิดขับออกไปด้วยความเร็วสูง  ออกสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้าไปยังแหล่งกบดานของมันกับพี่ชาย  โดยมีรถของป๊อด
ขับติดตามไปอย่างไม่ลดละ   ป๊อดไม่เคยเกิดอารมณ์โกรธอย่างมากมายเท่าในครั้งนี้มาก่อน  นั่นก็คงเป็นเพราะความผูกพันธ์
ที่เขามีให้ต่อวิไลอย่างลึกซึ้งจนเขาเองก็ไม่รู้ตัว  ป๊อดกำลังมีอารมณ์พลุ่งพล่านจนแม้ภูตแห่งปลัดขิกพยายามที่จะพูดบางสิ่ง
ออกมา เขาก็ไม่สนใจที่จะฟัง และพูดตัดบทเสียโดยมุ่งความสนใจไปที่รถของเชิดที่ขับหนีเขาอยู่ข้างหน้า


"ไอ้หนู.......ไอ้หนู......เฮ้ย......"

"อย่าพึ่งได้ไหม...น้าขิก...........ยังไม่ใช่เวลา"

"เอ็งฟังข้าก่อน....มี...."

"หยุดเลย...น้าขิก.........ผมไม่ฟัง....ผมขอตามไปกระทืบไอ้เลวนั่นก่อน"


และแล้วรถของคนทั้งสองก็ขับออกมาจนพ้นเขตเมือง เข้าสู่เส้นทางที่เล็กและแคบลงเรื่อยๆ  ทั้งบรรยากาศในสองข้างทาง
ก็เข้าสู่ความมืดมิด ไม่เอื้อต่อทัศนวิสัยในการขับรถ  แต่รถทั้งสองคันก็ยังคงใช้ความเร็วไล่ติดตามกันอย่างไม่ลดละ

จนในที่สุด ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น  เมื่อรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งออกมาจากถนนของหมู่บ้านที่ตัดกับถนนที่รถทั้งสองคัน
กำลังพุ่งตรงมาด้วยความเร็ว  แต่ด้วยความมืดของสองข้างทางทำให้เชิดพึ่งจะสังเกตเห็นในระยะที่กระชั้นชิด เขาจึงเหยียบเบรค
อย่างแรงเพื่อหยุดรถอย่างกระทันหัน


"เฮ้ยยยย.!!!.........เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด....................โครมมม........โครมมมมมม.........."


เสียงล้อรถของเชิดเสียดสีกับพื้นถนนดังออกมาอย่างน่ากลัว  รถของเชิดเป็นรถกระบะที่ไม่ได้บรรทุก เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
แล้วเบรคอย่างกระทันหันเช่นนี้ รถก็เกิดการเสียสมดุลย์ส่วนท้ายของกระบะปัดออกข้างแล้วหมุนคว้างพลิกคว่ำไปสองสามตลบ
ชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางเสียงดังสนั่นจนหยุดนิ่งอยู่กับที่   ป๊อดที่ขับติดตามมาเห็นดังนั้นก็รีบเหยียบเบรคอย่างกระทันหันเช่นเดียวกัน


"...เอี๊ยดดดดดดดดดดดด................."


รถของป๊อดท้ายปัดเซออกข้างแล้วหมุนคว้างอยู่กลางถนน  เสียหลักพุ่งเข้าไปจะปะทะกับรถของเชิดที่จอดนิ่งสนิทอยู่อย่างแรง 

ทันใดนั้นเองก็เกิดเงาดำขึ้นวูบหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของรถ  แล้วรถของป๊อดก็หยุดสนิทลงอย่างปาฏิหารย์ห่างจากรถของเชิด
ไปไม่ถึงคืบ  ป๊อดนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับนึกขอบคุณภูตแห่งปลัดขิก


"ขอบคุณนะน้าขิก....ถ้าไม่ได้น้าผมแย่แน่ๆ"


"ไม่ใช่ข้าเว้ย......โน่น...ไอ้โหงพรายโน่น"


ป๊อดได้ยินดังนั้นก็หันไปโดยรอบ

"โหงพรายไหนเหรอ...น้าขิก"


"ก็โหงพรายที่เอ็งปล่อยมันไปไงเล่า.....เอ้าไอ้โหงพราย...ออกมาสิวะ"


สิ้นคำของภูตแห่งปลัดขิก  โหงพรายก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้


"ข้าเองล่ะนาย"

ป๊อดลงมาจากรถแล้วเหลือบไปดูรถของเชิด  ก่อนที่จะหันมาพูดกับโหงพราย

"ขอบใจนะที่ช่วยฉันไว้   เอ้อ...แล้วแกตามฉันมาทำไม"


"เจ้านายของข้าสั่งให้มาฆ่านาย"


ป๊อดสะดุ้งจนสุดตัวแล้วถอยหลังออกห่างจากโหงพราย


"ข้าไม่ยอมทำตามเพราะให้สัญญาไว้กับนายแล้ว  แต่เจ้านายของข้าก็ทรมานข้า  ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วนาย
ช่วยข้าด้วยเถอะ"


โหงพรายพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้  จนป๊อดมองดูแล้วก็รู้สึกสงสาร


"เอายังไงดีล่ะน้าขิก...ผมอยากจะช่วยเจ้านี่จังเลย"


"เฮ้ยย...ไอ้หนู...มันไม่ง่ายนะเว้ย...โหงพรายเป็นผีที่ถูกเลี้ยงและถูกสะกดวิญญาณเอาไว้โดยเจ้าของของมัน  เอ็งจะช่วยมัน
เอ็งก็ต้องปราบคนเลี้ยงของมันเสียก่อน  แล้วหาของที่นายมันสะกดวิญญาณมันเอาไว้ให้เจอ เพื่อมาคลายมนต์สะกด"


โหงพรายพอได้ยินคำพูดของภูตแห่งปลัดขิก ก็พึ่งรู้สึกสนใจอย่างจริงจังถึงดวงวิญญาณที่แฝงอยู่ในร่างของป๊อด 
จึงเพ่งกระแสจิตของตนเข้าไปยังภูตแห่งปลัดขิก  และเมื่อมันสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของภูตแห่งปลัดขิก
มันก็ถึงผงะ ดวงตาเบิกโพลงอย่างตกใจ แล้วยกมือไหว้


"โอ้....ท่าน....ท่านไม่ได้เป็นสัมภเวสีเช่นเดียวกับข้า...ท่านคือใคร เหตุใดจึงมีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้"


"เออ...รู้ก็ดีแล้ว.....กูไม่ได้เป็นผีชั้นสวะเหมือนมึง  แล้วทีหลังอย่าเสือกใช้จิตของมึงมาส่องดูกูอีก ไม่อย่างนั้น
กูจะทำให้วิญญาณมึงมอดไหม้ไปเลย"


โหงพรายได้ฟังดังนั้นก็ก้มหน้าลงนิ่งอย่างกลัวเกรงในพลังอำนาจของภูตแห่งปลัดขิก 


"เอาน่า...น้าขิก  ทำเป็นโกรธไปได้เรื่องแค่นี้....แล้วนายมันอยู่ที่ไหนล่ะน้าขิก"


"เฮอะ....นายมันอยู่ที่ไหนน่ะเหรอ...ก็กำลังพาพวกของมันบุกไปที่บ้านของไอ้เสี่ยเจียงไง"


"หา....ว่าไงนะ  น้าขิก   แล้วทำไมพึ่งมาบอกผมล่ะ"

ป๊อดร้องถามขึ้นอย่างตกใจ


"ยังมีหน้ามาต่อว่าข้าอีก....ข้าก็จะบอกเอ็งตอนตามไอ้เชิดมาไง.....แล้วเอ็งฟังข้าไหม...เอ็งโกรธจนหน้ามืด
ที่มีคนมารังแกเมียเอ็งไง"


พอป๊อดได้ฟังดังนั้นก็พูดไม่ออก เพราะเป็นความผิดของเขาเองจริงๆที่ไม่ได้ฟังสิ่งที่น้าขิกพยายามจะบอก
ป๊อดรู้สึกร้อนใจเป็นห่วงทางบ้าน จึงพูดขึ้นกับโหงพรายว่า

"ฉันสัญญานะว่าจะหาหนทางปลดปล่อยแกให้เป็นอิสระ  แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องทำก่อน"


แล้วป๊อดก็เตรียมจะขึ้นรถขับออกไป แต่ก็ถูกภูตแห่งปลัดขิกทักท้วงขึ้น

"เฮ้ย...เดี๋ยว....ไอ้หนู...เอ็งฟังข้าก่อน"


"มีไรเหรอน้าขิก"


"มันมาครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ  พวกมันมีทั้งปืนทั้งคน  ครั้งนี้ข้าอาจจะช่วยคุ้มครองเอ็งได้ไม่ตลอด หากพลาดพลั้ง
ขึ้นมาเอ็งอาจตายได้เลยนะ"


"น้าขิกก็สอนมนต์ให้ผมหนังเหนียวสิ  จะได้ยิงไม่เข้า"


"เฮ้ยยย.....มันไม่ใช่จะง่ายขนาดนั้นนะเว้ย วิชาหนังเหนียวที่เอ็งพูดถึงเนี่ย  มันต้องทั้งสักยันต์มหาอุจน์ทั้งอาบน้ำว่าน"


"อ้าว....แล้วเอายังไงดีล่ะน้าขิก  ผมเป็นห่วงที่บ้านมากเลย"


"สงสัยว่าคราวนี้ ข้าคงอยู่ช่วยเอ็งไม่ได้ซะแล้ว  เพราะเอ็งต้องใช้ปลัดขิกที่พ่อเอ็งให้มา"


"ทำไมล่ะน้าขิก  ถ้าน้าขิกไม่คอยอยู่แนะนำ ผมจะทำได้ยังไง"


"ถึงเวลาที่เอ็งต้องต่อสู้ด้วยตัวเอ็งเองแล้ว..ไอ้หนู........พ่อเอ็งเขาลงอักขระมหาอุจน์ไว้ที่ตัวปลัดขิก พร้อมกับสะกดวิญญาณ
ของข้าเอาไว้ด้วยกัน   พอเอ็งร่ายมนต์ปลุกให้ข้าตื่น ปลัดขิกก็จะอันตรธานหายไปด้วย  เอ็งต้องภาวนาคาถาถอดถอนข้า
ออกจากร่างของเอ็งให้คืนรูปเป็นปลัดขิกดังเดิม  เพื่อที่เอ็งจะได้มียันต์มหาอุจน์ติดตัว เอาไว้คุ้มครองเอ็งจากกระสุนปืน
ของไอ้พวกนั้น  เร็วเข้าเถอะไม่มีเวลาแล้ว ไอ้พวกนั้นมันกำลังจะบุกเข้าบ้านของไอ้เถ้าแก่เจียงแล้ว"


ป๊อดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดตามที่น้าขิกพูด  มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่กำลังบุกรุกเข้ามาทำร้ายคนที่เขารัก
ด้วยตัวของเขาเอง แล้วจึงปิดตาลง ภาวนาคาถาถอดถอนดวงวิญญาณของภูตแห่งปลัดขิกออกจากร่างของเขา


"นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อน หลุดหาย"

แล้วร่างของป๊อดพลันก็มีอาการขนลุกเกลียวขึ้นทั้งร่าง  และรับรู้ถึงไอเย็นที่พุ่งพวยออกไปทางกระหม่อม
จนในที่สุด ปลัดขิกสีดำสนิทเป็นมันวาว ก็ล่วงตกลงอยู่ตรงหน้าเขานั่นเอง

-------

รถของชิตจอดพรืดที่หน้าประตูบ้านของเสี่ยเจียง  และทันทีที่รถจอดสนิท ลูกสมุนทั้งสามคนของชิตก็กระโดดลงจากรถ
วิ่งกรูไปที่ประตูที่เปิดอ้าอยู่  จากการที่ป๊อดเร่งรีบขับรถออกไปติดตามเชิด แล้วพวกมันก็เข้าไปถึงตึกใหญ่ได้อย่างเงียบสนิท

ชิตลงจากรถเดินติดตามไปโดยมีซันถือปืนอยู่เคียงข้าง   เมื่อชิตเดินติดตามมาทันลูกสมุนทั้งสาม  ก็ให้สัญญาณแก่พวกมัน
ให้บุกขึ้นไปยังตัวตึก   จนพบเข้ากับคนงานชายสองคนที่กำลังจะเดินลงมาจากตึกใหญ่หลังจากที่พึ่งจบสิ้นปัญหาโหงพราย

โดยไม่ทันได้ระวังตัวคนงานชายทั้งสอง ก็ถูกลูกสมุนของชิตคนหนึ่งใช้พานท้ายปืนตีเข้าที่กกหูจนสลบเหมือดไปหนึ่งคน
ส่วนอีกคนก็ถูกปืนจี้เข้าที่หน้าจนหยุดนิ่งด้วยความหวาดกลัว  ชิตเดินขึ้นบันไดตึกมาอย่างย่ามใจแล้วจ้องมองเชลย
ที่ถูกจี้ด้วยปืนพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น


"ไอ้เสี่ยเจียงอยู่ที่ไหน"


"อยะ....อยะ...อยู่.......ที่ห้องใหญ่"


คนงานคนนั้นกลัวจนตัวสั่น  พูดตะกุกตะกักพร้อมกับชี้มือไปที่ห้องที่มีบานประตูเป็นไม้สัก และเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
บนตึก  พอชิตได้รับคำตอบก็เดินผ่านคนงานชายคนนั้นอย่างไม่สนใจ ตรงไปที่ห้องนั้นทันที  สมุนของชิตที่จ่อปืนจี้เชลยอยู่
ก็หวดพานท้ายปืนไปที่กรามของคนงานชายคนนั้นจนสลบแน่นิ่งไปอีกคน  แล้วพากันติดตามลูกพี่ของมันไป

ภายในห้องใหญ่ยังคงมีทั้งเถ้าแก่เจียง เนี้ยซิมลั้ง หลิว และคนรับใช้หญิงอีกสองคนนั่งพูดคุยกันอยู่ ทันใดนั้นบานประตูใหญ่
ของห้องก็ถูกผลักออกอย่างแรงทั้งสองบานจนฟาดเข้ากับผนังเสียงดังโครม

ทุกคนที่อยู่ในห้องพากันสะดุ้งตกใจหันมามองที่ประตูโดยพร้อมเพรียงกัน  และเมื่อเห็นว่าเป็นกลุ่มคนแปลกหน้า ในมือถือปืน
กันอยู่ครบ ก็พากันตกใจจนนิ่งค้าง  เถ้าแก่เจียงเป็นคนแรกที่ได้สติ จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

"พวกลื้อเป็นใคร....เข้ามาในบ้านอั๊ว..มีธุระอะไร"


คนรับใช้หญิงคนหนึ่ง เกิดความกลัวจนไม่ได้สติ หุนหันลุกขึ้นเตรียมที่จะวิ่งออกจากห้อง

" ปัง !"


"โอ๊ยยย.............."

ลูกสมุนของชิตใช้ปืนยิงเข้าที่ขาของคนรับใช้คนนั้น จนล้มลงไปนอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

"โอยยย......อย่าทำฉันเลย....ฉันกลัวแล้ว......"


"หุบปาก...ไม่งั้นกูจะให้มึงแดกลูกปืน"


ชิตเดินเข้ามาข้างหน้าบรรดาลูกสมุน แล้วมองจ้องไปที่เสี่ยเจียง

"มึงคือเสี่ยเจียงใช่ไหม"


เสี่ยเจียงจ้องมองโดยไม่หลบสายตาของชิต  แล้วเอ่ยขึ้น

"ใช่.....อั๊วนี่แหละชื่อเจียง....พวกลื้อเป็นคนของเสี่ยวิชัยใช่ไหม"


ชิตยิ้มออกมาอย่างยียวน  แล้วควักปืนสั้นออกมาจากอกเสื้อ เล็งไปยังตำแหน่งที่เสี่ยเจียงนั่งอยู่ แล้วเอ่ยขึ้น

"ถ้าอย่างนั้น วันนี้มึงก็ต้องตาย  แต่ก่อนที่มึงจะตายกูจะบอกให้เอาบุญก็ได้  เสี่ยเจียงว่าจ้างกูให้มาฆ่ามึงเสีย
เพราะมึงชอบทำตัวไปขวางทางเขา.....ทีนี้มึงตายตาหลับได้แล้วสินะ"


หลิวจ้องมองอาการของชิตอยู่ตลอดเวลา พอเห็นว่าชิตคงจะยิงพ่อของเธออย่างแน่นอนแล้ว เธอก็ส่งเสียงร้องขึ้น
พร้อมกับถลันเข้าไปเอาตัวบังพ่อของเธอไว้

"อย่าาาาา........"


ชิตชะงักปืนที่คิดจะเหนี่ยวไก แล้วลดปืนลงมองดูหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ

"หนูเป็นอะไรกับเสี่ยเจียงเหรอ    ถอยออกไปซะ"


"ไม่...ฉันไม่ไป...ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเตี่ยของฉัน"


"อ้อ....ที่แท้ก็เป็นลูกสาว....ไป...ออกไปซะ...อย่ามาขวางทาง....เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะไปสนุกด้วยนะ"


ชิตเดินเข้าไปหาหลิวแล้วออกแรงฉุดกระชากให้หลิวหลบออกไปให้พ้นทางปืนของมัน  แต่หลิวก็พยายามดิ้นรนขัดขืน
อย่างสุดกำลัง จนชิตต้องใช้แขนทั้งสองรวบตัวหลิวเอาไว้   และพอดีกับที่ด้านนอกลูกสมุนของชิตก็กำลังลากตัวของวิไล
และหนิงเข้ามาสมทบในห้อง


"ฤทธิ์มากนักนะมึง....อื้อหือ...ตัวก็ห๊อมหอม....นุ่มนิ่มไปทั้งตัวเลยนะ...ไอ้ซัน...มึงเฝ้าไอ้พวกนี้ไว้  กูเปลี่ยนใจแล้ว
รอกูเย็ดอีนี่ให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวจะให้พวกมึงลงแขกอีพวกนี้ด้วย  เสร็จแล้วค่อยยิงแม่งให้ตายทั้งบ้านเลย"


แล้วชิตก็ฉุดลากตัวหลิวไปที่เตียงนอน  หลิวพยายามขัดขืนอย่างสุดกำลังแล้วทิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อให้ชิตฉุดลากเธอได้ลำบากขึ้น
เสี่ยเจียงมองเห็นลูกสาวคนโต ถูกฉุดกระชากเช่นนั้นก็ทนดูไม่ได้ โผเข้ามาที่ร่างของชิตหมายจะช่วยหลิว แต่ก็ถูกไอ้ซันฟาดหลังมือ
ไปที่ใบหน้าจนล้มลง แล้วจ่อปืนไว้ที่หัว

"เผี่ย.............อยู่นิ่งๆ...ไม่งั้นกูยิงหัวระเบิดแน่"


เนี้ยซิมลั้ง วิไล หนิง และคนอื่นๆ ได้แต่มองดูภาพบาดตาที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า  แม้วิไลจะไม่ค่อยชอบเนี้ยซิมลั้งและหลิว
แต่เมื่อเห็นหลิวกำลังจะประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันกับเธอ  เธอก็รู้สึกสงสารและคิดเห็นใจเอื้อมมือไปเกาะกุมมือของเนี้ยซิมลั้ง
อย่างปลอบใจ  เนื้ยซิมลั้งทั้งรู้สึกขวัญเสีย ทั้งเป็นห่วงสามีและลูกสาว กำลังต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก เธอจึงหันมาซบลงที่ไหล่
ของวิไลแล้วร้องไห้ออกมา

ชิตพยายามดึงตัวหลิวขึ้นมาอย่างสุดกำลัง  แต่หลิวก็ดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดกำลังเช่นกัน จนชิตรู้สึกรำคาญที่จะต้องลากตัวเธอถูลู่ถูกัง
ไปที่เตียงนอน มันจึงทรุดตัวลงนั่งแล้วจับตัวหลิวกดลงไปกับพื้นห้อง


"แหม......แรงเยอะจริงนะมึง....ชอบถูกเย็ดกับพื้นก็ไม่บอก.....ได้....เดี๋ยวกูจะเย็ดมึงที่พื้นนี่แหละ บนเตียงนุ่มๆไม่ชอบ"

"อย่า....อย่านะ..........ออกไป..................อย่า......"


ชิตจับข้อมือทั้งสองของหลิวกดลงกับพื้น แล้วพยายามซุกไซ้ใบหน้าเข้าไปสูดดมพวงแก้มของหลิว  หลิวพยายามเบือนหน้าหนี
แล้วฝืนดิ้นรนอย่างเต็มที่  แต่เรี่ยวแรงของเธอกำลังจะหมดลงจากการดิ้นรนขัดขืนมาเป็นเวลานาน จนเธอเริ่มสิ้นหวังและหมดที่พึ่ง
แต่ในทันทีที่เธอรู้สึกอับจนและหมดหนทาง เธอก็คิดถึงใบหน้าของป๊อดลอยเข้ามาในความคิด  แล้วเปล่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
จากเขาอีกครั้ง


"ป๊อด.........ป๊อด........ช่วยด้วย......ช่วยหลิวด้วย.............ป๊อดดดด........."


ชิตรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินหลิวเรียกชื่อของป๊อด  แล้วก็คิดถึงคนที่มันกำลังต้องการจะเห็นหน้า  มันคิดว่าอาจจะเป็นคนที่ชื่อป๊อด
ที่บังอาจส่งหนังเสกอาคมกลับมาหามัน  ทั้งยังสามารถสยบโหงพรายที่มันส่งมาอย่างราบคาบ  มันยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความแค้น
จึงตะคอกถามหลิวขึ้นทันที


"มันเป็นใครวะ.......ไอ้คนที่ชื่อป๊อดเนี่ย....มันเป็นใคร.....มันอยู่ที่ไหน"

หลิวไม่สนใจคำถามของชิต  เธอยังคงส่งเสียงร้องเรียกชื่อของป๊อด จนชิตโกรธเล็งปืนไปที่เสี่ยเจียงแล้วเอ่ยขึ้น


"ทีนี้มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าไอ้คนที่ชื่อป๊อดมันอยู่ที่ไหน  ไม่อย่างนั้นกูจะยิงหัวพ่อมึงเดี๋ยวนี้"




ทันใดนั้นเองร่างป๊อดก็ปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูห้อง

"กูนี่แหละชื่อป๊อด"


ทันทีที่ลูกสมุนของชิตได้ยินเสียงของป๊อด ก็พากันหันหน้ามาที่ประตูห้องโดยพร้อมกัน แล้วกรูกันเข้ามาจับตัวของป๊อดไว้
ป๊อดมองเห็นปืนที่ชิตเล็งไปที่เถ้าแก่เจียง ก็ยินยอมให้จับแต่โดยดีและถูกนำตัวเข้ามาหาชิต

ชิตมองป๊อดอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็เอ่ยขึ้น

"มึงนี่เหรอที่ชื่อป๊อด....มึงคงไม่ใช่ไอ้คนที่คิดจะลองดีกับกู  เพราะมึงยังเด็กเหลือเกิน  ถ้าอย่างนั้นที่อีนี่มันเรียกหามึง
ก็คงเป็นเพราะพวกมึงเป็นแฟนกันใช่ไหม.....หึๆๆๆๆ.....เสียใจด้วยนะเว้ยไอ้หนุ่ม  ยังไงวันนี้กูก็จะขอเย็ดแฟนมึงให้
สำราญบานใจซักหน่อย มึงคงไม่ว่าอะไรนะ"


แล้วชิตก็ก้มลงซุกไซ้หลิวไปตามต้นคอต่อหน้าของป๊อด   ป๊อดเห็นภาพบาดตาที่อยู่ตรงหน้าก็ดิ้นรนให้พ้นจากการจับยึด
อย่างสุดชีวิต

"ไอ้สัตว์...มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ...........กูบอกให้หยุดไง........"


"อย่า.........ออกไป..............อย่า......"


แม้ป๊อดจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากการยึดจับของลูกสมุนของชิตได้  จนเขาคิดถึงภูตแห่งปลัดขิกขึ้นมา
ด้วยความเคยชิน  แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ภูตแห่งปลัดขิกไม่ได้อยู่กับเขาเสียแล้ว  วิกฤตในครั้งนี้เขาจะต้องต่อสู้ด้วยตนเองเพียงลำพัง


ป๊อดปิดตาลงแล้วพยายามสงบจิตให้นิ่งพ้นจากสภาวะอันตื่นตระหนกที่อยู่ตรงหน้า    จนในที่สุดจิตของเขาก็นิ่งสงบดิ่งลงสู่
สภาวะแห่งฌาณ  ป๊อดจึงร่ายคาถาพญาลิงลมขึ้นในทันที

"นะมะพะทะ จะพะกะสะ วานรพยุหะ ยุวาพะวา มะอะอุ อะสังวิสุโล ปุสะพุพะ โสทายะคงคงอะ"


และแล้วลมหายใจเข้าออกของป๊อดก็แรงขึ้นจนดังฟืดฟาด ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ พร้อมกับโยกย้ายใบหน้าไปมา
อย่างไม่อยู่สุข  จนสมุนของชิตที่ยึดจับตัวป๊อดอยู่  จ้องมองดูการเปลี่ยนแปลงของป๊อดอย่างตกใจ

ทันใดนั้นเองป๊อดก็สลัดแขนข้างหนึ่งจนหลุดจากการยึดจับ แล้วหวดฝ่ามือเข้าไปที่ใบหน้าของลูกสมุนของชิตคนหนึ่งอย่างเต็มแรง
จนมันแหกปากส่งเสียงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด คลายมือที่ยึดจับตัวป๊อดในทันที


ป๊อดหันไปมองสมุนอีกคนที่ยังจับยึดแขนของเขาไว้ ด้วยดวงตาที่แดงกล่ำอย่างน่ากลัว แล้วยกเท้าถีบลูกสมุนคนนั้นด้วยแรง
อันมหาศาล จนตัวของมันลอยไปชนกับผนังห้องดังอั้ก  แล้วพุ่งตรงเข้ามาหาชิตเพื่อที่จะช่วยหลิว 


ชิตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับป๊อดด้วยตาของตนเอง  จนมันตกตะลึงตาค้าง แล้วเผลอรำพึงออกมาจากปากอย่างตกใจ

"วิชาพญาลิงลม"




a park






basset


เอี้ยเกี้ย



sanyamakmee




pukdee


YESno13


sexy-boy