ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

* * * สมิงน้ำมัน ภาค ศึกสองตะละแม่ * * *

เริ่มโดย manutnammun, พฤศจิกายน 15, 2024, 12:24:56 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

manutnammun

ศุภมัสดุ ปีมะเมีย นักษัตรอัฐศก ลุวันพุธ แรม 8 ค่ำ เดือนสิบสอง สมิงน้ำมันได้รับสาส์นจากขุนพลทวนทู่ ความว่า

......เราขุนพลทวนทู่ขออวยพรมายังท่านสมิงน้ำมัน ด้วยข้าพเจ้าได้สดับมาว่าเรือนพระราม สร้างสนามกลางแปลงใหม่โดยใช้เก้าอี้สวรรค์เป็นอาวุธ ข้าพเจ้าจึงใคร่ยกไพร่พลทแกล้วทหาร ปรารถนาจะทำสัประยุทธ์สงครามกับน้องนางเหล่านั้น เพื่อให้เทพยดาดูเล่นรื่นเริงสบายเป็นขวัญตาปรากฏเกียรติยศไว้ชั่วกัลปาวสาน  อนึ่งข้าพเจ้านั้นเล่าเปรียบประดุจบุคคลป่วยเป็นไข้หนัก หมอประกอบยามิชอบโรค โรคก็ยิ่งกำเริบขึ้นกว่าเก่า  เห็นแต่ท่านผู้เดียวซึ่งจะเป็นผู้เยียวยาข้าพเจ้าให้หายไข้ โดยแนะนำข้อคิดภาษิตในการทำศึกสงครามกับน้อง ๆ ให้แก่ข้าพเจ้า ถ้าท่านจะช่วยสงเคราะห์ได้หรือมิได้ประการใด ขอให้มีหนังสือถึงข้าพเจ้าแต่พอได้ทราบ......

สมิงน้ำมันได้แจ้งความในหนังสือนั้นแล้ว ก็ยินดีหาที่เปรียบมิได้ จึงแต่งหนังสือออกไปถึง  ลักษณะความในหนังสือนั้นว่า

.......เราสมิงน้ำมันขออวยพรมายังท่านขุนพล  ซึ่งท่านว่ากล่าวมานี้  ข้าพเจ้ายินดีราวกับได้ทิพยสมบัติ  เนื่องด้วยมิได้เยือนเรือนยูเป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว  แลสนามกลางแปลงซึ่งใช้ประลองกับน้องนางด้วยเก้าอี้สวรรค์นั้น  ข้าพเจ้าได้ยินมาก็นานอยู่  แต่ยังมิเคยประลองแม้สักครั้ง  เมื่อท่านขุนพลมีใจเริง ใคร่เข้าสู่ศึกสงคราม  ข้าพเจ้ายินดีที่เข้าร่วมสู้รบเป็นสหายศึกแก่ท่าน อนึ่งที่ท่านต้องการข้อคิดภาษิตอันประกอบด้วยการพิชัยสงครามการสู้ศึกกับน้อง ๆ แปดประการนั้น ข้าพเจ้าย่อมแจ้งให้ทราบโดยมิปิดบังแต่ประการใด

อันการพิชัยสงครามกับน้องแปดประการนั้น   อาวุธกัญจะ  คือ  ตกแต่งสรรพาวุธ มีหอกแลทวนเป็นต้นให้แข็งกล้า เป็นที่บำรุงน้ำจิตทแกล้วทหารผู้ถือมิได้ย่อท้อ ได้เปรียบในการทำสงครามกับน้อง ๆ หนึ่ง  กามสิปปะกัญจะ  คือ ศึกษาในกามศาสตร์ทั้งปวงให้ชำนิชำนาญ แม่นยำในท่วงท่าอากัปกิริยาในการได้เสียกับน้อง ๆ หนึ่ง  พะละกัญจะ คือ ตระเตรียมพละกำลังของตนให้แกล้วกล้าสามารถ สู้ศึกกับน้อง ๆ ได้เป็นเวลานานหนึ่ง  พะยุหะกัญจะ คือ รู้จักการจัดแจงพยุหหมู่พลเป็นปัจจัยหนุนการโจมตีน้อง ๆ หนึ่ง โกฏฐะกัญจะ คือ ฉลาดตั้งซุ้มค่ายให้มั่น ป้องกันภัยตนเองโดยรอบคอบหนึ่ง  มันตะกัญจะ คือ ให้มีสติระลึกทุกอัสสาสะประสาทและอิริยาบถนั่งนอนยืนเดิน ไม่ประมาทแก่สรรพภัยหนึ่ง  วิริยะกัญจะ คือ มีความเพียรในการสู้ศึกกับน้อง ๆ อย่าให้ขาดหนึ่ง   ทายะกัญจะ คือ รู้ปูนบำเหน็จให้แก่น้อง ๆ หลังเสร็จกิจอีกหนึ่ง  เป็นแปดประการด้วยกัน  ข้าพเจ้าหวังว่าท่านขุนพลจักได้ใช้ตำราพิชัยสงครามนี้กับน้อง ๆ ได้ดั่งใจปรารถนา

ครั้นขุนพลทวนทู่ได้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ยินดีหาที่เปรียบมิได้ นัดหมายเวลาห้านาฬิกากึ่งเพื่อเดินทางสู่เรือน  สมิงน้ำมันระลึกถึงตะละแม่มินตราขึ้นมาได้ จึ่งส่งสัญญาณเภรีไปยังตะละแม่ แลได้รับคำตัดพ้อต่อความว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันลืมตะละแม่ผู้นี้ไปเสียแล้วหรือ จึงมิได้มาเยี่ยมเยียนเช่นดังแต่ก่อน ปล่อยให้ข้าพเจ้ารอคอยอยู่เพียงเดียวดาย  สมิงน้ำมันยิ้มพรายพลางว่า หามิได้ แม่นางมินตราเอย ข้าพเจ้านี้ระลึกถึงท่านอยู่เสมอ เพียงแต่ด้วยหน้าที่ราชการของข้าพเจ้านั้นยุ่งเหยิงวุ่นวายยิ่งนัก แม้ระลึกถึงเพียงใด ก็หาอาจมาเยี่ยมตะละแม่ได้ไม่ ยามสายัณห์วันนี้ ข้าพเจ้าแลเพื่อนอันมีนามว่าขุนพลทวนทู่ ใคร่จะไปเยือนเรือน จึ่งได้ติดต่อมายังท่านเพื่อนัดหมายเวลาพานพบ ตะละแม่มินตราหัวเราะเสียงใสด้วยความยินดี แลว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันชาญฉลาดการเจรจาพาที  ข้าพเจ้าผู้นี้มิอาจต่อความกับพี่ท่านได้ พี่ท่านจักมาเยี่ยมข้าพเจ้าวันนี้ในเพลาใดเล่า สมิงน้ำมันจึงว่า ข้าพเจ้าคาดว่าเวลาอันเหมาะสมคือหกนาฬิกากึ่ง เนื่องด้วยขุนพลทวนทู่จักร่วมเดินทางไปพร้อมด้วย  ตะละแม่มินตรารับนัดหมายแลว่า ข้าพเจ้าจักรอพี่ท่านยามเวลาที่มาถึง

ยามถึงเวลาหกนาฬิกากึ่ง สมิงน้ำมันเพิ่งเดินทางมาถึง ก็ได้รับสัญญาณเภรีจากขุนพลทวนทู่แจ้งว่ามิสามารถเดินทางมาได้ เนื่องด้วยติดภาระกิจราชการงานสำคัญอันมิอาจเลี่ยงได้ แลแจ้งว่ามิต้องรอแต่ประการใด สมิงน้ำมันจึ่งก้าวเข้าสู่เรือนเพียงลำพัง แลส่งสัญญาณเภรีถึงตะละแม่มินตราเพื่อให้ล่วงรู้ว่าเดินทางมาถึงตามนัดหมาย
 



manutnammun

ตอน ตะละแม่ใจแก้ว

ตะละแม่มินตราเดินออกมาต้อนรับแลยกมือขึ้นวันทาสมิงน้ำมันซึ่งแย้มยิ้มแลรับไหว้ด้วยไมตรี พลางเอ่ยถามสมิงน้ำมันว่า สหายของพี่ท่านสมิงน้ำมันอยู่แห่งใดเล่า สมิงน้ำมันจึ่งว่า สหายของข้าพเจ้านั้นมิอาจมาเยี่ยมเยือนได้เนื่องจากติดราชการสำคัญกระทันหัน คงเหลือข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แลข้าพเจ้าใคร่ถามแม่นางมินตราว่า ตะละแม่ที่อยู่เบื้องข้างนี้คือสาวสัญจรฤาไม่ เนื่องด้วยสถานที่นั่งผิดแผกแตกด้านต่างมุมออกไป ตะละแม่มินตราแจ้งว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันคาดการณ์ถูกต้องแม่นยำดังเทพยดา สถานที่เบื้องหน้าคือแหล่งสถิตย์สาวสัญจรซึ่งย้ายจากระเบียงด้านบน เพียงแต่โยกย้ายมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ข้าพเจ้าจักพาพี่ท่านไปรู้จักตะละแม่นางหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาวข้าพเจ้า

ตะละแม่มินตราเอื้อมมือมากุมมือแห่งสมิงน้ำมัน พลางจูงไปยังเบื้องหน้าตะละแม่อันงามสะคราญนางหนึ่ง เอ่ยแนะนำว่า ตะละแม่ใจแก้วเอย ข้าพเจ้าใคร่ขอแนะนำให้ท่านรู้จักบุคคลเลื่องชื่อลือนามผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นที่นับถือแห่งวงการ เมื่อเอ่ยนามแล้ว มิมีผู้ใดที่จะไม่รู้จักท่านผู้นี้  ตะละแม่ผู้นั้นแย้มยิ้มว่า เป็นผู้ใดฤา พี่มินตรา สมิงน้ำมันคือนามของพี่ท่านผู้นี้ ตะละแม่มินตราเอ่ยแลเสริมว่า พี่ท่านสมิงน้ำมัน ตะละแม่ผู้แช่มช้อยนางนี้ มีนามว่าใจแก้ว แม้นพี่ท่านจดจำได้ เพนนีคือนามแฝงแห่งนางที่ใช้ในกระดานแจ้งข่าวเพิ่งจะจารึกได้เพียงสองวัน มีผู้ตอบรับกันเกรียวกราวเป็นอันมาก

สมิงน้ำมันแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายตอบ  อันนามนี้ ข้าพเจ้าย่อมได้ยินชัดเจนอยู่ เนื่องด้วยข้าพเจ้าก็ได้ตอบไปเช่นกันว่ายินดีต้อนรับ เพียงแต่ใจแก้วน้องท่านจักจำจารึกได้ฤา ตะละแม่ใจแก้วตอบว่า ข้าพเจ้าจดจำมิได้ว่ามีผู้ใดบ้างที่ตอบถ้อยความจารึก เนื่องด้วยมากชื่อหลากนามที่จารไว้  แต่นามกรสมิงน้ำมันของพี่ท่านนั้น ข้าพเจ้าเคยได้ยินอยู่ แลมีความยินดีที่ได้รู้จักกับพี่ท่าน

ตะละแม่มินตรากระตุกมือสมิงน้ำมันเบา ๆ พลางถามว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันสนใจตะละแม่ใจแก้วผู้นี้ฤาไม่  ข้าพเจ้าใคร่จะได้ใจแก้วเป็นทัพสนับสนุนในการสู้รบกับพี่ท่านสมิงน้ำมัน เนื่องด้วยพี่ท่านนั้นอึดเกินผู้อื่น สมิงน้ำมันจ้องมองตะละแม่มินตราด้วยความพิศวง แลว่า การที่แม่นางมินตราถามข้าพเจ้าดังนี้ เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว ยิ่งเป็นความประสงค์ของแม่นางมินตราแล้ว ข้าพเจ้าผู้พี่ฤาจะกล้าขัด แลอีกประการหนึ่งข้าพเจ้ามีความนิยมยินดีในตัวตะละแม่ใจแก้วผู้นี้อยู่แล้ว วานแม่นางมินตราแจ้งใจแก้วด้วยเถิดว่า ข้าพเจ้าผู้พี่ปรารถนาในตัวนางเพื่อการร่วมรบในสมรภูมิด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ระหว่างรอเกรินเพื่อชักจูงสู่เบื้องบนนั้น ตะละแม่ใจแก้วแจ้งว่า ข้าพเจ้ามีนัดหมายในเพลาทุ่มตรง ควรจักทำฉันใด ตะละแม่มินตราจึ่งว่า วานใจแก้วน้องสาวจงอย่าปริวิตก การนัดหมายนี้ข้าพเจ้าทราบมาว่า ผู้นัดนั้นยินดีที่จะรอใจแก้ว เนื่องด้วยมีเวลาว่างที่จะอยู่เรือนยูถึงยามสาม น้องท่านจงมาร่วมถวายงานพี่ท่านสมิงน้ำมันกับข้าพเจ้าก่อนเถิด ตะละแม่ใจแก้วจึ่งก้าวเข้าเกรินร่วมกับสมิงน้ำมันแลตะละแม่มินตรา

เมื่อถึงยังห้อง หลังจากตะละแม่มินตราสั่งสุธารส ตะละแม่ใจแก้วสั่งน้ำบริสุทธิ์แล้ว สมิงน้ำมันจึ่งผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อยู่ภายใต้ผืนผ้าขาว  ตะละแม่มินตรายื่นแผ่นสุพรรณบัฎให้แก่สมิงน้ำมันแลถามว่า พี่ท่านมีความเห็นต่อแผ่นสุพรรณบัฎของข้าพเจ้าเยี่ยงใด สมิงน้ำมันรับมาแลดู เห็นแผ่นสุพรรณบัฎนั้นจารึกชื่อนางแลหมายเลขติดต่อ อีกทั้งมีรูปสุวานน่ารักทอทาบปรากฏบนแผ่นบัฎ จึ่งชมเชยว่า แม่นางมินตราเข้าใจหาภาพและจัดตำแหน่งได้น่ารัก ตะละแม่ใจแก้วได้ฟังดั่งนั้นอดรนทนมิได้ ส่งแผ่นสุพรรณบัฎของนางให้แก่สมิงน้ำมันเช่นกัน ซึ่งสมิงน้ำมันก็ชมเชยว่า แม่นางใจแก้วจัดทำได้ดี มีรูปวิฬาร์น่ารัก ข้าพเจ้าใคร่ขอไว้ใบหนึ่ง จักได้ฤาไม่ ตะละแม่ใจแก้วแย้มยิ้มด้วยชอบใจ อนุญาตให้ตามคำขอ สมิงน้ำมันจึ่งขอแผ่นบัฎจากตะละแม่มินตราไว้เป็นคู่ร่วมกัน

ตะละแม่ทั้งสองผลัดเปลี่ยนพัสตราภรณ์อยู่ภายใต้ผืนผ้าขาว สมิงน้ำมันเห็นอาภรณ์ชิ้นล่างของตะละแม่ใจแก้วก็หวั่นไหว พลางถามว่า อาภรณ์เบื้องล่างของใจแก้วชิ้นนี้ ทำให้เราปั่นป่วนยิ่งนัก ยิ่งสีสันแห่งอาภรณ์เล่าก็แปลกประหลาด เนื่องด้วยอิสตรีส่วนมากมักจะสวมใส่สีหวาน มากกว่าที่จะนิยมชมชอบสีเขียวขาบเยี่ยงนี้   ตะละแม่ใจแก้วหัวเราะแลว่า ข้าพเจ้านี้ผิดแผกไปจากอิสตรีผู้อื่น นิยมชมชอบสิ่งที่แตกต่างไปจากธรรมดาสามัญ ขอเชิญพี่ท่านสมิงน้ำมันร่วมลงสระสนานกับข้าพเจ้าเถิด

จากสายตาแห่งสมิงน้ำมันอันจับจ้องไปยังเรือนร่างของตะละแม่ใจแก้วยามปราศจากพัสตราภรณ์นั้น แลดูเป็นที่ต้องตาพึงใจ ผิวเนียนสีน้ำผึ้งเอี่ยมละออ แลยามเมื่อใช้มือนุ่มลูบไล้ทำความสะอาดร่างกายสมิงน้ำมันนั้นเล่า ทรวงอกก็ไหวสะท้อนขึ้นลงชวนให้ทัศนายิ่ง สมิงน้ำมันอดมิได้ที่จะใช้สองหัตถ์เกาะกุมขาแลโสณีของตะละแม่ที่อยู่เบื้องล่างภายใต้สายน้ำ เป็นที่ชื่นฉ่ำสำราญบานใจนัก


manutnammun

ตอน สามสวาทศึกหนึ่ง

หลังจากเช็ดเรือนร่าง แลก้าวกลับมายังแท่นยี่ภู่แล้ว   ตะละแม่มินตรากล่าวต่อสมิงน้ำมันว่า ข้าพเจ้าใคร่ขอถามพี่ท่านประการหนึ่ง  พี่ท่านพอจะให้คำตอบแก่ข้าพเจ้าได้หรือไม่   สมิงน้ำมันจึ่งว่า แม่นางมินตรามีคำถามใด วานเร่งแจ้งข้าพเจ้ามาเถิด   ตะละแม่ยิ้มพรายพลางว่า  พี่ท่านสมิงน้ำมันใคร่จักได้น้องใจแก้วฤาข้าพเจ้าก่อนหลังประการใด สมิงน้ำมันจึ่งว่า อันตะละแม่ทั้งสองนั้น อุปมาดังทองนพคุณและแก้วมณี  ข้าพเจ้าปัญญาน้อยไม่เห็นตัวชั่งมิได้  แต่กล่าวถึงความชอบแล้ว ข้าพเจ้าก็ชอบมากเสมอกันทั้งสอง แต่อาการนั้นต่างกัน ชอบมินตราแม่ด้วยจิตแน่แน่ว ชอบใจแก้วแม่ด้วยจิตใฝ่ปอง  จะให้ข้าพเจ้าเลือกนางใดก่อนหลัง เป็นที่ยากลำบากใจยิ่งนักแล้ว

ตะละแม่มินตรายิ้มด้วยความชอบใจในความเจรจา จึงว่า เยี่ยงนี้เถิด ข้าพเจ้ายินดีให้พี่ท่านสมิงน้ำมันได้น้องใจแก้วก่อน สำหรับข้าพเจ้านั้นยินดีที่จะเป็นลำดับถัดไป ใจแก้วน้องท่านเห็นเป็นอย่างใด ตะละแม่ใจแก้วได้ยินความดั่งนั้น ก็ขวยเขินอยู่ พลางว่า แล้วแต่พี่มินตราจะเห็นสมควรเถิด  ข้าพเจ้าผู้น้องหาทัดทานไม่

สมิงน้ำมันฟังความดังนั้นก็ยินดีนัก ยุดมือตะละแม่ใจแก้วให้มาเคียงกาย ส่วนตะละแม่มินตรารู้ใจสมิงน้ำมัน ทรุดกายลงนั่งยังเบื้องล่าง ริมฝีปากนั้นโอบกระชับศาสตราวุธแห่งสมิงน้ำมัน เริ่มโรมรันพันตูอยู่มิลดละ ส่วนตะละแม่ใจแก้วนั้น แอ่นอุระเบื้องซ้ายยื่นเข้ายังใบหน้าของสมิงน้ำมัน พลางว่า ข้าพเจ้าเจ็บในทรวงอกอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นโรคสิ่งใด ให้เจ็บแปลบ ๆ เหมือนหนามยอกอยู่สักสิบเล่ม กินยาก็ไม่หาย วานพี่ท่านสมิงน้ำมันพินิจพิจารณาอาการให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

สมิงน้ำมันยิ้มพลางกล่าวแก่ตะละแม่ใจแก้วว่า  อันโรคที่ใจแก้วแม่จับไข้เจ็บทรวงแปลบปลาบนั้น ไข้ท่านเป็นไข้อยู่นอกตำรา หมอที่จะรักษาได้ก็แต่คนที่ล่วงรู้ใจดอก ใจแก้วแม่อยู่ไกลจากหมอคือตัวข้าพเจ้า อาการจึงกำเริบขึ้น การวางยากำกับโรคจำเป็นที่ข้าพเจ้าจักต้องจูบประโลมอุระของใจแก้วแม่เยี่ยงนี้ ไข้ท่านจึ่งจักทุเลาเบาบางลง ประโยคของสมิงน้ำมันขาดคำ เรียวลิ้นก็ตวัดสู่เบื้องบนยอดทรวงของตะละแม่ใจแก้ว แลดูดดุนประดุจทารกน้อยกระหายกษิรธารแห่งมารดร หัตถ์หนึ่งก็ฟอนเฟ้นฐานแห่งถันขวาที่ตั้งเต้า อีกหัตถ์หนึ่งเล่าก็โลมลูบไปยังฐานเบื้องล่างแห่งโสณีที่ผายสล้าง

ตะละแม่ใจแก้วครวญครางแผ่วเบาในลำคอ มาตรแม้นว่าเรือนร่างท่อนบนของสมิงน้ำมันคลุกเคล้ากับตะละแม่ใจแก้ว แต่เรือนร่างท่อนล่างกลับตกเป็นสมบัติของตะละแม่มินตราที่คลอเคลียอยู่อย่างมิยินยอมแยกจาก อีกทั้งยังบีบคั้นแลมุ่งเค้นทวนเหล็กกล้าอย่างมิละลดมากกว่าสามรอบ สมิงน้ำมันจึ่งอดที่จะกล่าวแก่ตะละแม่มินตรามิได้ว่า มินตราเอย การที่น้องท่านกระทำแก่ข้าพเจ้านี้ แม้นเป็นบุรุษอื่น ข้าพเจ้าเกรงว่าจักต้องพ่ายแพ้ท่าน เปรียบประดุจกระจอกเทศเรือนร่างสูงใหญ่ใกล้บึงอันกว้างขวาง มิทันเสร็จสมอารมณ์หมายก็กลับกลายร่างเป็นนกกระจอกดื่มน้ำเป็นแน่แท้  ข้าพเจ้าแม้จะอึดก็จริงอยู่ แต่กลับจวนเจียนจะเสร็จกิจอยู่รอมร่อด้วยริมฝีปากของมินตราแม่ ตะละแม่มินตราหัวเราะแลว่า พี่ท่านแสร้งกล่าวเป็นเล่น คราครั้งก่อนสองชั่วยาม ท่านยังมิยินยอมเสร็จกิจโดยง่าย ข้าพเจ้าสิสำเร็จแล้วสำเร็จอีก ครั้งนี้ข้าพเจ้าจึงต้องอาศัยน้องใจแก้วเป็นทัพหน้า มาเถิดพี่ท่านสมิงน้ำมัน เชิญท่านประลองกับตะละแม่ใจแก้วให้รู้แพ้แลชนะก่อนเถิด

สมิงน้ำมันพลิกร่างตะละแม่ใจแก้วลงยังเบื้องล่าง ศาสตราวุธอันคมกล้าถูกสวมใส่ในฝักก่อนหยั่งเชิงจุดหมายสำคัญของตะละแม่อย่างนุ่มนวลในเบื้องต้น หลังจากยามที่จู่โจมลงสู่เบื้องลึกได้เต็มที่แล้วนั้นเล่า จึ่งได้แทงเข้าถอนออกอย่างไม่หยุดยั้ง  ตะละแม่ใจแก้วเริ่มครวญครางประหนึ่งเจ็บปวดแสนสาหัส สมิงน้ำมันยังคงแทงทวนอยู่ราวไร้ความปราณี ตะละแม่มินตราเห็นดั่งนั้น จึ่งใช้ริมฝีปากแลหัตถ์ทั้งสองจู่โจมไปยังทัพหลังของสมิงน้ำมัน ล้วงลึกไปถึงคลังเสบียง โดยหมุนควงแลแกะเกาถุงบรรจุอาหารขณะที่ทวนเหล็กกล้ากำลังประจำศึกอยู่

ธรรมดาชนอันวนเวียนอยู่ในสงสารภพนี้ ล้วนแต่มีความกำหนัดยินดีในกามสังวาสสิ้นทั้งนั้น แม้พระดาบสทรงณานสมาบัติเหาะเหินไปได้ในอากาศแล้ว พอได้ยินเสียงสตรีขับร้องเพราะจับจิตเข้าก็ยังพลัดตกลงมาสู่ภูมิภาคปฐพี ด้วยความกำหนัดในรัชนียารมณ์ จะนับประสาอะไรกับสมิงน้ำมันยามที่ถูกสองตะละแม่กระหนาบอยู่ผู้นี้ มีหรือจะอึดได้ดังเช่นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกเค้นด้วยริมฝีปากกว่าสามรอบก่อนทำศึก แลถูกจู่โจมทั้งหน้าหลัง จึ่งย่อมพ่ายสงครามอย่างย่อยยับอัปราชัย


manutnammun

ตอน สามสวาทศึกสอง

สมิงน้ำมันทอดถอนใจอยู่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยบนเรือนร่างของตะละแม่ใจแก้ว ตะละแม่มินตรากล่าวแก่สมิงน้ำมันว่า คืนนี้ไยพี่ท่านสมิงน้ำมันจึงสำเร็จเสร็จกิจรวดเร็วเช่นนี้เล่า คราครั้งก่อนที่พานพบกับข้าพเจ้านั้นยังใช้เวลานับประมาณได้ถึงสองชั่วยาม สมิงน้ำมันพลิกร่างจากตะละแม่ใจแก้วลงนอนหงายแลว่า มินตราเอย ไยน้องท่านกล่าวเสมือนแสร้ง ศาสตราวุธของข้าพเจ้าถูกบีบคั้นหลายรอบ แลยังต้องความเย็นแปลกประหลาดจากริมฝีปากของมินตราแม่ จวนเจียนจักแพ้พ่ายก่อนทำศึก ระหว่างการรบกับน้องใจแก้วเล่า มินตราแม่ยังยกทัพกระหนาบยุ้งฉางคลังเสบียงด้วยสองหัตถ์อีก มีหรือที่ข้าพเจ้าจักรบทัพจับศึกเป็นระยะเวลานานได้ ตะละแม่มินตราก็หัวเราะอยู่ด้วยความชอบใจ

 หลังชำระล้างหยาดเหงื่อ สมิงน้ำมันนอนทอดกายคว่ำบนแท่นบรรจถรณ์ ตะละแม่มินตราจึ่งว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันไยนอนคว่ำแสดงแผ่นหลังเล่า ข้าพเจ้าใคร่จักชมด้านหน้าของพี่ท่านมากกว่าประการอื่น สมิงน้ำมันหัวเราะพลิกร่างขึ้นนอนหงาย  แลว่า ข้าพเจ้าผู้พี่นี้อับอายในการปราชัยศึก จึ่งมิใคร่กล้าสู้หน้ามินตราแม่ ตะละแม่มินตรากล่าวแก่ตะละแม่ใจแก้วว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันผู้นี้ เมื่อคราครั้งก่อนที่พานพบกับข้าพเจ้าผู้พี่ ประมือกันกว่าชั่วยาม เสโทแห่งพี่ท่านหลั่งไหลชะโลมกายยังมิยินยอมเสร็จกิจ หาคาดไม่ว่าวันนี้กลับรวดเร็วเกินคาด ใช้เวลาเพียงกึ่งชั่วยามเท่านั้น ตะละแม่ใจแก้วที่นอนอยู่เคียงข้างสมิงน้ำมันแม้มิกล่าวคำใด แต่ใบหน้านั้นบ่งบอกความไม่เชื่อถือ จนกระทั่งตะละแม่มินตราต้องย้ำความอีกครั้ง

ตะละแม่มินตราเบือนหน้ามาถามว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันสู้ศึกครั้งที่สองไหวฤาไม่ประการใด ข้าพเจ้าใคร่สำเร็จกิจกับพี่ท่านอยู่ สมิงน้ำมันแย้มยิ้มแม้ว่าจะแฝงด้วยแววอ่อนล้า แต่ยังคงเจรจาว่า มินตราแม่ทดลองดูเถิด แม้ข้าพเจ้ามิอาจพยากรณ์การณ์เบื้องหน้า แต่การรบครั้งใหม่นี้ การเอาชัยมินตราแม่ ยังคงมิมีปัญหาแต่ประการใด ตะละแม่มินตราหัวเราะเสียงใส ใช้สองหัตถ์คว้ากุมหอกด้ามน้อยแห่งสมิงน้ำมันไว้ในอุ้งมือ ลูบไล้เพียงชั่วครู่ หอกน้อยกลับกลายเป็นทวนมหึมา แต่หาเป็นที่ครณาแก่ริมฝีปากของตะละแม่ไม่

ตะละแม่ใจแก้วเมื่อแลเห็นตะละแม่ผู้พี่เปิดศึกเช่นนั้น จึ่งจู่โจมโลมไล้ปลายทรวงซ้ายของสมิงน้ำมัน ประสานทัพกระหนาบโดยต่อเนื่อง สมิงน้ำมันพลันโต้ตอบโดยใช้ดรรชนีแลหัตถ์เข้ารบพุ่งตะลุมบอนฝ่าด่านผ่านโสณีเบื้องล่างแห่งใจแก้ว

คะละแม่ใจแก้วคุกเข่าหยัดกายขึ้นเหยียดตรง แลเงยพักตร์ขึ้นสู่เบื้องบน อากัปกิริยาเครียดเขม็งเต่งตึงทุกองคาพยพในเรือนร่าง ต้นขาเบื้องล่างเล่าก็กระชับเข้าหากัน ลำดับนั้น ตะละแม่มินตราเห็นใจแก้วผู้น้องเพลี่ยงพล้ำเป็นฝ่ายเสียที จึ่งแปรเปลี่ยนท่วงท่าทำศึก เริ่มเป็นฝ่ายรุกไล่สมิงน้ำมันยันที่ยี่ภู่รองกาย 

แม้สมิงน้ำมันตกเป็นฝ่ายรับ แต่หาได้แพ้พ่ายดุจดั่งการศึกเมื่อครู่ ครั้นเมื่อสบจังหวะโอกาสตะละแม่มินตราเหน็ดเหนื่อย ก็กลับพลิกกายเป็นฝ่ายรุกล้ำสู่คูหากำแพงเมือง  เบื้องนั้น การสัประยุทธกระทำกันอย่างดุเดือด สมิงน้ำมันรบกับตะละแม่ด้วยใจเริง บงการทแกล้วทหารให้เข้าตีจุดสำคัญเบื้องบนแห่งตะละแม่มินตราจงหนัก แลแต่งไพร่พลยกท่อนซุงกระทุ้งเข้าใส่ประตูคูหาเชิงเทินไม่หยุดยั้ง ตะละแม่ครวญครางว่า ใจแก้วเอย วานน้องท่านจุมพิตปลายถันพี่มินตราผู้นี้ด้วยเถิด ข้าพเจ้าผู้พี่ทานทนมิได้แล้ว

ตะละแม่ใจแก้วจึ่งก้มพักตร์ลงโลมเลียอุระด้านซ้ายแม่นางมินตราผู้พี่ ยอดอุระเบื้องขวากลับตกเป็นสมบัติของสมิงน้ำมัน ท่ามกลางควันศึกไฟสงคราม เสโทแห่งสมิงน้ำมันเริ่มรินหลั่งไหลเป็นสายธารหยดหยาดทั้งใบหน้าแลลำตัว   ตะละแม่มินตราพริ้มเนตร เม้มกลีบริมฝีปากเข้าหากัน บิดกายเขม็งเกลียวรองรับท่อนซุงแห่งสมิงน้ำมันที่กระทุ้งโจมตีถี่เร็วหมายพิชิตชัย

ฉับพลันทันใดนั้นให้บังเกิดอัศจรรย์  ได้ยินเสียงประโคมดุริยางค์ดนตรีอื้ออึงขึ้นบนอากาศ  ทั้งดวงภาณุมาศก็ทรงกลดหมดเมฆควรจะพิศวง ตะละแม่มินตราครวญเสียงสะท้าน นิ่งไปชั่วอึดใจ แลหอบหายใจหนักหน่วง ตะละแม่ใจแก้วหยุดยั้งการโลมเล้าเคล้าคลอทรวง เสียงสัญญาณเภรีแจ้งเวลาหยุดทัพจับศึกดังก้องขึ้น สมิงน้ำมันจึ่งสั่งไพร่พลถอดถอนท่อนซุงออกจากการโจมตี


manutnammun

ตอน ศึกใหญ่ภายหน้า

ตะละแม่ใจแก้วชำระสนานร่างกายเป็นลำดับแรก ถัดมาจึ่งเป็นสมิงน้ำมัน ตะละแม่มินตราที่นอนระทวยบนแท่นบรรจถรณ์จึ่งเป็นลำดับสุดท้าย ระหว่างชำระชะล้างร่างกาย ตะละแม่มินตราหัวเราะแลว่า แม้นมังกะเยโชทราบข่าวว่า พี่ท่านสมิงน้ำมันได้สมัครสโมสรข้าพเจ้าแลตะละแม่ใจแก้วพร้อมกันแล้ว ข้าพเจ้าเกรงว่าดวงตาของท่านมังกะเยโชจักร้อนผ่าว แลเปิดศึกขับเคี่ยวสงครามกับพี่ท่านสมิงน้ำมันให้เสียรี้พลทแกล้วทหารเช่นดังที่ผ่านมาในอดีตอีก เนื่องด้วยมังกะเยโชนั้นมีความปรารถนาในตัวตะละแม่ใจแก้วยิ่งนัก พานพบกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังมิอาจครอบครองได้  พี่ท่านสมิงน้ำมันเพียงเยี่ยมเยือนคราแรก กลับได้ตะละแม่ใจแก้วไว้ถวายงานทันที นับว่าฟ้าประทานมาให้พี่ท่านอย่างแท้จริง

สมิงน้ำมันหัวเราะกล่าวกับตะละแม่มินตราว่า แม่นางมินตราเอย ข้าพเจ้าผู้นี้ได้อาศัยใบบุญของแม่นางดอก จึ่งได้ตะละแม่ใจแก้วมาไว้ครอบครอง แม้นแม่มิแนะนำนางให้แก่ข้าพเจ้า สมิงน้ำมันผู้นี้มีหรือจะรู้จักนาง แลแม้นแม่มิชักชวนน้องใจแก้วให้ร่วมถวายงานข้าพเจ้า สมิงน้ำมันผู้นี้มีหรือจะรู้จักความสุขสองเท่าเยี่ยงนี้  มังกะเยโชนั้น ข้าพเจ้าสมิงน้ำมันเฒ่ายินดีที่จะรบทัพจับศึกอีกครั้งหนึ่งถ้ามังกะเยโชยกทัพมาโจมตี แลอีกประการหนึ่งนั้น ข้าพเจ้าคาดว่าออกญาพิชัยเดโชแห่งกรุงศรีอยูโธเปียที่ได้รับการเลื่อนยศปูนตำแหน่งเป็นราชครูผู้นั้นอาจจักมาร่วมรุกไล่ข้าพเจ้าเฉกเช่นมังกะเยโชเป็นแน่

ตะละแม่มินตราเอ่ยด้วยความพิศวงสงสัยว่า ไยพี่ท่านสมิงน้ำมันกล่าวเช่นนั้นเล่า เท่าที่ข้าพเจ้าทราบราชครูเป็นผู้รักสงบ แลยังจำได้ว่าคราครั้งก่อนราชครูผู้นี้ยังเป็นผู้ห้ามทัพระหว่างพี่ท่านกับมังกะเยโชด้วยซ้ำ

สมิงน้ำมันจึ่งว่า มินตราน้องพี่รู้หนึ่งมิรู้ถึงสอง ตะละแม่ใจแก้วน้องสาวท่านนั้นสมบูรณ์ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก  ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นแลได้นั่งใกล้แล้วเมื่อใด ก็มิอาจจะดำรงจิตอยู่ได้ ดวงกระมลก็หวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์ อุปมาดั่งชายธงยามต้องลมย่อมพลิ้วปลิวไสวไปตามกระแส ราชครูแม้จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังอ่อนวัยกว่าข้าพเจ้าผู้พี่ แลยังเป็นบุรุษผู้หนึ่ง ยามใดที่ราชครูได้พบปะแลเห็นตะละแม่ใจแก้วแล้ว ย่อมหวั่นไหวแลคิดแค้นการศึกที่ข้าพเจ้ากระทำเสมือนหนึ่งล่วงหน้าโดยมิคาดหมายเช่นเดียวกับมังกะเยโชเป็นแม่นมั่น

ตะละแม่มินตรายกหัตถ์ขึ้นทาบทรวงอกแลว่า ข้าพเจ้าหารู้ซึ้งถึงการศึกเบื้องหน้าเช่นพี่ท่านหยั่งคะเนไม่ กลับกลายเป็นข้าพเจ้าชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านพี่ท่านเสียแล้วกระนั้น สมิงน้ำมันจึ่งว่า มินตราแม่อย่าปริวิตกกังวล ศึกสองตะละแม่นั้นข้าพเจ้าแม้แพ้พ่าย ศึกสองบุรุษเพียงเท่านี้ ผู้พี่หาได้หวั่นไหวไม่

หนึ่งสมิงสองตะละแม่สนทนาความกันระหว่างตกแต่งภูษาอาภรณ์ให้เข้าชุด  ครั้นครบครันดั่งใจหมาย จึ่งอาศัยเกรินกลับสู่เบื้องล่าง ตะละแม่ใจแก้วอำลาสมิงน้ำมันด้วยความอาลัย  ตะละแม่มินตราจับหัตถ์สมิงน้ำมันเยื้องย่างผ่านมรรคา พลันพานพบตะละแม่ผู้หนึ่งเดินผ่านสายตาอันคมวาว สมิงน้ำมันถามไถ่รหัสอิสตรีนางนั้นจากตะละแม่มินตรา แลกระซิบว่า มินตราเอย วานน้องท่านไถ่ถามแทนข้าพเจ้าด้วยเถิดว่า ตะละแม่ผู้นั้นยินดีร่วมรบทัพจับศึกในภายภาคหน้ากับท่านแลข้าพเจ้าผู้พี่ด้วยฤาไม่

ตะละแม่มินตราค้อนใส่สมิงน้ำมันด้วยกิริยากระชดกระช้อย แลว่า  เอาเถิด ข้าพเจ้ายินดีจะลองสอบถามให้ แม้นได้ความประการใด ข้าพเจ้าจะส่งสัญญาณเภรีไปบอกกล่าวแก่พี่ท่าน

สมิงน้ำมันแย้มยิ้มด้วยความชอบใจ พลางรำพึงกับตนเองว่า แม้นต้องทำศึกสองตะละแม่อีกครา  การศึกสงครามภายภาคหน้าย่อมเป็นศึกอันใหญ่หลวงอย่างมิต้องสงสัย

ขอได้รับการคารวะ

จาก
สมิงน้ำมัน