ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 1 ไล่ล่า

เริ่มโดย sim2000, เมษายน 26, 2025, 09:38:23 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sim2000

บทที่ 1 ล่า

"มนต์ดำหรือมนต์ขาว... สุดท้ายก็เป็นเพียงเครื่องมือสนองตัณหา... ไม่ว่าจะเป็นตัณหาแห่งอำนาจ หรือตัณหาแห่งเรือนร่าง"

เสียงฝีเท้ากระทบน้ำที่เจิ่งนองในตรอกแคบๆ ดังก้องสะท้อนผนังปูนเก่าคร่ำคร่า กลิ่นอับชื้นของขยะและไอเสียจากถนนใหญ่ด้านนอกผสมปนเปกันจนแทบสำลัก ชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่บัดนี้เปียกชื้นแนบแผ่นหลังหยุดยืนหอบหายใจอยู่ในเงาหลืบ มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้ อีกข้างกุมชายโครงที่ปวดแปลบจากการวิ่งหนีสุดชีวิตมาหลายชั่วโมง

อาจารย์คม...นามที่เคยทำให้ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนต้องครั่นคร้าม บัดนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาจนตรอก

"แฮ่ก...แฮ่ก..." เสียงหอบหายใจของตัวเองดังกว่าเสียงเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา เขาหลับตาลงชั่วครู่ พยายามรวบรวมสมาธิ สัมผัสถึงไอสังหารที่ยังคงไล่ตามมาติดๆ ไม่ใช่แค่คนกลุ่มเดียว แต่เหมือนมีหลายกลุ่ม หลายทิศทาง พวกมันฉลาดกว่าที่คิด มีทั้งคนในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ แถมยังใช้เทคโนโลยีที่เขาไม่คุ้นเคยในการตามล่า

"ไอ้พวกเวรเอ๊ย..." เขาสบถในใจ ความผิดพลาดครั้งเดียวที่เขาไว้ใจคนผิด ทำให้ความลับที่เขากุมไว้...ความลับที่สั่นคลอนอำนาจของ 'ท่านสุนทร' นักการเมืองหน้าเนื้อใจเสือ กับ 'เฮียกระทิง' มาเฟียขาใหญ่ที่หนุนหลัง...รั่วไหลออกไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าที่ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ

ความทรงจำแวบหนึ่งผุดขึ้นมา...ภาพของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ยืนอยู่กลางห้องโถงหรูหรา แสงไฟระย้าสาดส่องลงบนใบหน้าคมคายที่ประดับรอยยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า บรรดาเศรษฐีและผู้มีอำนาจต่างเข้ามาทักทายอย่างนอบน้อม บ้างก็ยกยอปอปั้น บ้างก็หวาดเกรงในอำนาจลึกลับที่เขามี วันนั้น...เขาสามารถทำให้หญิงสาวที่สวยที่สุดในงานยอมเดินตามออกมาด้วยเพียงสายตา หรือทำให้คู่แข่งทางธุรกิจของลูกค้าต้องล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ด้วยพิธีกรรมง่ายๆ

ช่างน่าขันสิ้นดี... อาจารย์คมแค่นยิ้มให้กับความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน พลังอำนาจที่เคยมี บัดนี้กลับต้องนำมาใช้เพียงเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ
ครั้งหนึ่ง...ไม่ใช่แค่เงินทองหรืออำนาจที่วิ่งเข้าหาเขา... ความทรงจำอีกห้วงหนึ่งผุดซ้อนขึ้นมา ชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ภาพของอาศรมส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างวิจิตรแต่แฝงความขรึมขลัง ม่านกำมะหยี่สีเลือดหมูปิดทับหน้าต่างบานสูง กลิ่นกำยานชั้นดีลอยอบอวลปะปนกับไอเย็นจางๆ ที่แผ่ออกมาจากวัตถุอาถรรพ์ที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นไม้สัก

ตอนนั้นเขายังเป็นหมอผีหนุ่มที่กำลังรุ่งโรจน์ ไฟแรง และ...ไม่ปฏิเสธสิ่งยั่วยวนที่เข้ามาหาเท่าใดนัก

"อาจารย์คะ... เบลลี่ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้วจริงๆ" เสียงหวานปนสะอื้นของดาราสาวระดับซูเปอร์สตาร์ดังขึ้นตรงหน้า 'เบลลี่' ในชุดเดรสรัดรูปสีแดงเพลิงที่ขับเน้นเรือนร่างสุดเซ็กซี่จนน่าใจหาย ใบหน้าสวยคมที่แต่งแต้มอย่างดีบัดนี้มีคราบน้ำตา ดวงตาคู่โตฉ่ำเยิ้มมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง...และแฝงแววเจ้าเล่ห์เอาไว้ลึกๆ

อาจารย์คมในวัยหนุ่ม (ซึ่งตอนนั้นอาจจะเพิ่งสามสิบต้นๆ) เอนหลังพิงพนักเก้าอี้บุหนังราคาแพง มือข้างหนึ่งควงแก้วบรั่นดีชั้นเลิศ ดวงตาคมกริบจ้องมองดาราสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา เขาเห็นความเจ็บปวด ความอัปยศ และความแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในแววตานั้น

"ผัวระยำของเบลลี่มันไปติดเด็กเสิร์ฟในผับค่ะอาจารย์!" เธอฟูมฟายออกมาอีกระลอก "มันไม่กลับบ้าน ทิ้งเบลลี่ให้อับอายขายหน้า เบลลี่ทนไม่ไหวแล้ว... อาจารย์ต้องช่วยเบลลี่นะคะ ต้องทำให้มันกลับมา... กลับมาคุกเข่าแทบเท้าเบลลี่ ทำให้มันลุ่มหลงเบลลี่จนโงหัวไม่ขึ้น ลืมอีเด็กนั่นไปเลย!"

อาจารย์คมหนุ่มยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบช้าๆ "คุณไสยสายเสน่ห์น่ะมันทำได้... แต่ทำให้คนหลงจนโงหัวไม่ขึ้น มันก็ต้องใช้ 'ของ' แรงหน่อยนะคุณเบลลี่... และของแรง...ก็ย่อมต้องมี 'เครื่องสังเวย' ที่สมน้ำสมเนื้อ" เขาพูดเสียงเรียบ แต่แววตาพราวระยับ

เบลลี่เงยหน้าขึ้น สบตาเขาตรงๆ น้ำตาเหือดหายไปแล้ว เหลือเพียงแววตาเด็ดเดี่ยวและร้อนแรง "เบลลี่ยอมทุกอย่างค่ะอาจารย์... ขอแค่ให้มันกลับมา ให้เบลลี่ได้แก้แค้นมัน... เบลลี่มีเงินนะคะ อาจารย์อยากได้เท่าไหร่..."

"ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน" อาจารย์คมขัดขึ้น เขาลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนตรงหน้าดาราสาว ร่างสูงใหญ่ของเขาบดบังแสงไฟจากด้านหลัง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแต่แฝงความลึกลับนั้นอยู่ในเงามืด "ของบางอย่าง... เงินซื้อไม่ได้ แต่ต้องใช้... 'พลังงาน' บางอย่างมาแลกเปลี่ยน"

เบลลี่ใจเต้นแรง เธอรู้ดีว่าหมอผีหนุ่มคนนี้มีชื่อเสียงเรื่องอะไรบ้าง... ไม่ใช่แค่เรื่องไสยเวทย์ แต่ยังรวมถึง... เสน่ห์อันร้ายกาจที่ทำให้ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต้องยอมสยบแทบเท้า เธอสูดหายใจลึก ยื่นมือเรียวสวยที่ทาเล็บสีแดงสดแตะลงบนแผงอกกำยำของเขาเบาๆ

"พลังงานแบบไหน... ที่อาจารย์ต้องการหรือคะ?" เธอถามเสียงพร่า แหบโหยด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

อาจารย์คมยิ้มมุมปาก มือแกร่งคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยของเบลลี่ กดใบหน้าสวยนั้นให้แหงนเงยขึ้นรับจูบที่ร้อนแรงและดุดัน ลิ้นของเขาแทรกผ่านริมฝีปากอวบอิ่มเข้าไปควานหาความหอมหวานในโพรงปากอย่างจาบจ้วงและช่ำชอง เบลลี่ครางอื้ออึงในลำคอ วงแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ตอบสนองจูบนั้นอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ความแค้นต่อสามีถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ แทนที่ด้วยความปรารถนาที่ลุกโชนต่อชายตรงหน้า

"อืมมม..." เขาถอนจูบออก มองดวงตาที่ปรือฉ่ำด้วยแรงปรารถนาของเธอ "พลังงาน... ที่มาจากความสุขสม... จากความเร่าร้อน... จากจุดสุดยอดของคุณไงล่ะ เบลลี่"

เขาไม่อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น เพียงแค่อุ้มร่างเพรียวระหงของดาราสาวขึ้นแนบอกอย่างง่ายดาย เบลลี่ส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ ด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น วาดขาเรียวสวยเกี่ยวรอบเอวสอบของเขาไว้แน่นขณะที่เขาพาเธอเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ซึ่งปูทับด้วยผ้าไหมสีดำสนิท

เสื้อผ้าถูกถอดโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี เรือนร่างอันสมบูรณ์แบบของดาราสาวที่เคยเห็นแต่ในจอนิตยสาร บัดนี้เปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าอาจารย์คมหนุ่ม ผิวขาวผ่องละเอียดลออ หน้าอกอวบอิ่มชูชันอวดสายตา เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายได้รูป ทุกสัดส่วนล้วนสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ

อาจารย์คมในวัยหนุ่มเองก็ไม่ได้น้อยหน้า ร่างกายที่ฝึกฝนมาอย่างดีเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ผิวสีแทนเข้มขับเน้นความคมคายและดูดุดัน เขาก้มลงไซร้ซอกคอขาวผ่องของเบลลี่ สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นพร้อมกับขบเม้มเบาๆ สร้างรอยสีกุหลาบไว้เป็นหลักฐาน

"อ๊ะ... อาจารย์..." เบลลี่บิดกายเร่า ร้องครางเสียงกระเส่า มือไม้ปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังกว้าง ลูบไล้กล้ามเนื้อที่เกร็งตัวรับสัมผัสของเธอ

เกมรักอันดุเดือดและถึงพริกถึงขิงดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง อาจารย์คมใช้ทั้งร่างกายและอาจมี 'มนต์' บางอย่างเสริม เพื่อกระตุ้นเร้าทุกประสาทสัมผัสของเบลลี่ให้พลุ่งพล่านถึงขีดสุด เขารู้จักร่างกายสตรีเป็นอย่างดี รู้ว่าจุดไหนคือจุดอ่อนไหว รู้ว่าต้องสัมผัสอย่างไรจึงจะสร้างความซ่านสยิวขั้นสุดยอด

เสียงครวญครางหวานหูสลับกับเสียงหอบหายใจหนักๆ ดังเคล้าคลอไปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ ร่างสองร่างที่แนบชิดบดเบียดเข้าหากันอย่างเร่าร้อนบนเตียงผ้าไหมสีดำ แต่ละท่วงท่าเต็มไปด้วยพลังและความปรารถนาที่ไม่อาจหยุดยั้ง

เบลลี่กรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อถึงจุดสุดยอดครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายสั่นสะท้าน ดวงตาเหลือกค้าง ความสุขสมที่ได้รับมันรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต ขณะเดียวกัน อาจารย์คมก็สัมผัสได้ถึง "พลังงาน" ที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเธอ... พลังงานแห่งความสุขสมอันบริสุทธิ์ที่เขาสามารถดูดซับและนำไปใช้เป็น "เชื้อเพลิง" ในการประกอบพิธีคุณไสยให้เธอได้

เมื่อพายุรักสงบลง ทั้งสองนอนหอบหายใจอยู่เคียงข้างกัน เบลลี่ซบหน้ากับแผงอกแกร่งของอาจารย์คมอย่างอ่อนแรงแต่เปี่ยมสุข ดวงตาของเธอเป็นประกายแห่งความพึงพอใจอย่างถึงที่สุด

"อาจารย์...สุดยอดเลยค่ะ" เธอกระซิบเสียงแหบพร่า "เบลลี่ไม่เคย...รู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย"

อาจารย์คมเพียงแค่ยกยิ้มบางๆ ลูบไล้เรือนผมสลวยของเธอเบาๆ "จำความรู้สึกนี้ไว้... พลังงานของคุณ... มันแรงพอที่จะทำให้ผัวคุณกลับมาสยบแทบเท้าได้แน่... ส่วนเรื่องอื่น... ก็แค่รอเวลา"

วันนั้น...เบลลี่จากไปพร้อมรอยยิ้มของผู้ชนะ และอาจารย์คมก็ได้พลังงานที่ต้องการพร้อมค่าตอบแทนราคาแพง... และเรื่องราวทำนองนี้ก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้งกับลูกค้ารายอื่นๆ ที่ยอมแลกเปลี่ยน... มันคือส่วนหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงและอำนาจให้เขาในโลกแห่งไสยเวทย์อันมืดมน...

ช่างน่าขันสิ้นดี... อาจารย์คมแค่นยิ้มอีกครั้งในความมืดของตรอกแคบๆ พลังอำนาจและเสน่ห์ที่เคยใช้ควบคุมคนอื่น บัดนี้กลับไร้ความหมายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจปืนและเทคโนโลยี เขาปาดเหงื่อและความทรงจำอันเร่าร้อนทิ้งไป ความจริงอันโหดร้ายตรงหน้าสำคัญกว่า

เสียงเห่าของหมาข้างถนนดังขึ้นใกล้ๆ ตามด้วยเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ พวกมันตามมาทันแล้ว!

อาจารย์คมฝืนความเจ็บปวด เคลื่อนตัวออกจากเงามืดอย่างรวดเร็วแต่เงียบกริบ สองเท้าก้าวข้ามกองขยะไปยังอีกฟากของตรอก...

เขายกมือซ้ายขึ้นมา นิ้วชี้และนิ้วกลางจิกเข้าหากัน ร่ายคาถาไร้เสียงในใจเพียงชั่วอึดใจ หลอดไฟริมทางที่ริบหรี่อยู่แล้วก็ดับพรึบลงพร้อมกันสามดวง สร้างความมืดมิดชั่วขณะให้ตรอกนั้น เสียงอุทานและคำสบถด้วยความไม่พอใจดังมาจากกลุ่มคนที่ไล่ตาม

ซื้อเวลาได้นิดหน่อย... เขาคิด พลางเร่งฝีเท้าวิ่งลัดเลาะไปตามทางที่พอจะมองเห็นในความมืด การใช้คาถาแบบนี้กินพลังงานพอสมควร และยิ่งทำให้ตำแหน่งของเขาถูกตรวจจับได้ง่ายขึ้นหากอีกฝ่ายมีเครื่องมือที่ทันสมัยพอ

เสียงหึ่งๆ เบาๆ ดังมาจากด้านบน อาจารย์คมเงยหน้ามองอย่างรวดเร็ว...โดรน! ไอ้เวรตะไลเอ๊ย พวกมันใช้ของเล่นไฮเทคตามล่าเขาเหมือนในหนังไม่มีผิด
แสงสปอตไลท์ขนาดเล็กแต่สว่างจ้าสาดลงมาจากโดรน กวาดไปมาอย่างรวดเร็ว เขาต้องรีบหลบเข้าที่กำบังอีกครั้ง แต่ตรอกนี้แทบไม่มีอะไรให้ซ่อนตัว นอกจากถังขยะเน่าๆ ไม่กี่ใบ

เขาตัดสินใจเสี่ยง กระโดดข้ามรั้วสังกะสีผุๆ เข้าไปในเขตบ้านร้างหลังหนึ่ง เสียงสังกะสีครูดกันดังน่าหวาดเสียว แต่ก็ยังดีกว่าโดนจับได้

ภายในบริเวณบ้านร้างรกทึบไปด้วยวัชพืช ตัวบ้านไม้เก่าๆ ผุพังจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม อาจารย์คมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดินชื้นแฉะหลังแนวกำแพงอิฐที่ยังพอแข็งแรงอยู่ เขาหายใจหอบถี่กว่าเดิม พลังกายเริ่มร่อยหรอ พลังอาคมก็ใช้ไปมากเกินไปแล้ว

เสียงฝีเท้าของพวกมันดังอยู่รอบนอก พวกมันกำลังล้อมเข้ามา!

"ทางตันแล้วสินะ..." อาจารย์คมพึมพำกับตัวเอง สมองทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก เขาไม่กลัวตาย แต่การตายมือเปล่าโดยที่ความลับยังอยู่กับตัวและศัตรูยังลอยนวลนั้น...เขายอมไม่ได้!

ทางเลือกสุดท้ายผุดขึ้นมาในหัว...วิชาที่อันตรายที่สุด แลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี...วิชา "ย้ายจิตสถิตร่าง"

เป็นวิชาโบราณที่น้อยคนนักจะรู้และแทบไม่มีใครกล้าใช้ เพราะเงื่อนไขและผลที่ตามมานั้นร้ายแรงเกินกว่าจะคาดเดา ผู้ใช้ต้องอยู่ในสภาพใกล้ตาย จิตต้องแข็งแกร่งพอที่จะละทิ้งร่างเดิม และต้องหาร่างใหม่ที่เหมาะสม...ร่างของคนที่ใกล้ตายเช่นกัน แต่ต้องมี "ธาตุ" ที่พอจะเข้ากันได้ และต้องทำพิธีให้สำเร็จก่อนที่ร่างเดิมจะดับสนิทหรือถูกทำลาย

ที่สำคัญที่สุดคือ...ไม่มีอะไรรับประกันความสำเร็จ และหากล้มเหลว วิญญาณจะแตกสลาย กลายเป็นผงธุลี ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด
แต่ตอนนี้...เขามีทางเลือกอื่นอีกหรือ?

อาจารย์คมกัดฟันแน่น รวบรวมพลังสมาธิที่เหลืออยู่ เพ่งจิตสัมผัสพลังงานชีวิตรอบตัวในรัศมีหลายร้อยเมตร...มีแต่พลังชีวิตที่สมบูรณ์แข็งแรงของชาวบ้านทั่วไป หรือพลังงานที่แข็งกร้าวของพวกนักล่า...ไม่มีพลังงานใกล้ดับที่เขาต้องการ

หรือว่า...โชคจะไม่เข้าข้างกันเลย?

ทันใดนั้น...เขาสัมผัสได้! พลังงานชีวิตที่อ่อนแสงและริบหรี่ลงอย่างรวดเร็ว อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก...ทิศทางนั้น...เหมือนจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่อยู่ถัดไปไม่กี่ช่วงตึก!

มีคนกำลังจะตาย...และอยู่ใกล้พอที่เขาจะทำพิธีได้!

หัวใจที่เหนื่อยล้ากลับมาเต้นแรงอีกครั้งด้วยความหวัง อาจารย์คมไม่รอช้า รีบค้นหา "เครื่องมือ" ที่เขาพกติดตัวไว้เสมอในย่ามผ้าเก่าๆ ที่สะพายเฉียงอยู่
มีดหมอเล่มเล็กแต่คมกริบ เทียนขี้ผึ้งสีดำสนิท เศษผ้าลงอาคม และ...วัตถุสำคัญที่สุด...ผลึกสีเลือดขนาดเท่านิ้วโป้งที่สั่นสะท้านเบาๆ ในมือ
ของพวกนี้ไม่ใช่อุปกรณ์เต็มรูปแบบ แต่ก็พอจะใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินได้...หวังว่านะ

เสียงตะโกนและเสียงพังประตูรั้วสังกะสีดังขึ้น พวกมันเข้ามาในเขตบ้านร้างแล้ว!

อาจารย์คมรีบวิ่งเข้าไปในซากตัวบ้าน มองหาห้องที่ยังพอมีหลังคาและผนังกันฝนกันตาคนได้ เขาเจอห้องเล็กๆ ด้านในสุดที่ดูจะมิดชิดที่สุด แม้จะเหม็นอับและเต็มไปด้วยหยากไย่ก็ตาม

เขาวางย่ามลง ปักเทียนสีดำลงบนพื้นไม้ผุๆ ใช้มีดหมอกรีดปลายนิ้วตัวเองให้เลือดหยดลงบนผลึกสีเลือดสามหยด จากนั้นจึงเริ่มใช้เลือดผสมกับฝุ่นดิน วาดอักขระโบราณลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ลวดลายซับซ้อนแต่แม่นยำปรากฏขึ้นเป็นวงกลมขนาดพอดีตัวคนนั่ง

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกขณะ พวกมันแยกกันค้นหาอย่างระมัดระวัง

อาจารย์คมรีบจุดเทียนดำ เปลวไฟสีแดงเข้มสั่นไหวอย่างน่าประหลาดในความมืด กลิ่นกำยานจางๆ ที่ติดอยู่ในย่ามเริ่มส่งกลิ่นออกมาผสมกับกลิ่นอับชื้น
เขานั่งขัดสมาธิลงกลางวงอักขระ วางผลึกสีเลือดไว้ตรงหน้า หลับตาลง เริ่มต้นบริกรรมคาถาด้วยเสียงที่แหบพร่าแต่ทรงพลัง

"มะ อะ อุ...จิตตัง พันธะนัง...อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ..."

ภาษาบาลีโบราณที่ผิดเพี้ยนไปตามสายวิชาของเขาล่องลอยอยู่ในอากาศ บรรยากาศในห้องเริ่มเปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว เงาไม้ที่ทอดผ่านช่องหน้าต่างที่พังดูเหมือนจะบิดเบี้ยว เต้นระริกราวกับมีชีวิต

พลังงานเริ่มก่อตัวขึ้นรอบกายอาจารย์คม เขารู้สึกถึงมัน...พลังงานดิบเถื่อนที่ไหลเวียนอยู่ในสรรพสิ่ง พลังที่เขาสามารถหยิบยืมมาใช้ได้ แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเสมอ

เขารู้สึกถึงความร้อนวาบที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง...ไม่ใช่ความร้อนจากไฟ แต่เป็นความร้อนจากพลังงานที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นตามไรผมและแผ่นหลัง เสื้อเชิ้ตที่เปียกอยู่แล้วยิ่งแนบเนื้อหนักขึ้น เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่ยังคงสมส่วนแม้จะอยู่ในวัยสี่สิบกลางๆ และผ่านการหลบหนีมาอย่างหนักหน่วง
พลังงานนี้...มันทั้งน่าหวาดหวั่นและเย้ายวนในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกเหมือนกำลังควบคุมพายุร้ายไว้ในกำมือ มันกระตุ้นสัญชาตญาณดิบ ความเป็นชายชาตรี...ความรู้สึกที่เขาหลงลืมไปนานในการใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง

ปัง! เสียงประตูห้องถูกถีบพังเข้ามา!

อาจารย์คมสะดุ้ง แต่ไม่ลืมตา สมาธิยังคงแน่วแน่อยู่กับการร่ายคาถาและดึงพลังงานให้ถึงจุดสูงสุด

"เจอตัวแล้ว! อยู่นี่เองไอ้หมอผี!" เสียงห้าวตะโกนขึ้น ตามด้วยเสียงลั่นไกปืนดังสนั่น!

ฉัวะ!

คมรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นแปลบที่หัวไหล่ซ้าย เลือดอุ่นๆ ทะลักออกมา แต่เขากัดฟันแน่น ไม่ยอมหยุดพิธี วงอักขระบนพื้นส่องแสงสีแดงเรืองรองขึ้นมา
"ยิงมัน! อย่าให้มันร่ายมนต์บ้าๆ นั่นได้!" เสียงสั่งการดังขึ้นอีก

อาจารย์คมเร่งคาถาให้เร็วขึ้น มือทั้งสองข้างยกขึ้นประสานกันเหนือผลึกสีเลือด จิตเพ่งไปยังพลังงานชีวิตที่ริบหรี่ในโรงพยาบาลแห่งนั้น...สัมผัสได้ถึงร่างของเด็กหนุ่ม...อายุสิบแปด...ร่างกายยังแข็งแรงแต่จิตกำลังจะดับ...ใช่แล้ว ร่างนี้แหละ!

"อัตตา อนัตตา...สังขารา ปะริวัตเตนติ...สู่ร่างใหม่...บัดนี้!"

สิ้นเสียงคำสุดท้าย ผลึกสีเลือดที่อยู่ตรงหน้าก็แตกสลายเป็นผงละเอียด! แสงสีแดงเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาจากวงอักขระ หมุนวนรอบกายอาจารย์คมอย่างบ้าคลั่ง!

พวกที่บุกเข้ามาเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงในภาพที่ไม่น่าเชื่อ แสงสีแดงเจิดจ้าจนแสบตา ลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาในห้องซากบ้านร้างอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"นะ...นี่มันอะไรกันวะ?!"

"ยิง! ยิงเข้าไป!"

เสียงปืนดังระงมขึ้นอีกหลายนัด กระสุนพุ่งเข้าใส่ร่างของอาจารย์คมที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่กลางวงแสง แต่เหมือนมีม่านพลังงานบางอย่างป้องกันไว้ กระสุนส่วนใหญ่เบี่ยงเบนออกไป หรือไม่ก็ฝังเข้าไปในเนื้อได้ไม่ลึกนัก

แต่คมรู้ดี...ม่านพลังนี้จะอยู่ได้ไม่นาน...และร่างกายนี้ก็ใกล้จะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว

ความรู้สึกเหมือนถูกฉีกกระชากถาโถมเข้าใส่จิตวิญญาณของเขา มันเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนยิงร้อยเท่าพันเท่า เหมือนวิญญาณกำลังถูกดึงออกจากร่างอย่างรุนแรง เขาเห็นภาพร่างกายของตัวเองนั่งอยู่เบื้องล่าง...ร่างที่เริ่มซีดเซียวและมีเลือดไหลนอง...กำลังจะกลายเป็นแค่เปลือกที่ไร้ความหมาย

ไป...ต้องไปเดี๋ยวนี้!

เขารวบรวมเจตจำนงสุดท้าย พุ่งจิตวิญญาณที่หลุดลอยออกมาแล้ว ตรงไปยังทิศทางของโรงพยาบาล...ตรงไปยังร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น!

...

ทุกอย่างพร่าเลือน กลายเป็นเส้นแสงสีต่างๆ ที่พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง เขารับรู้ถึงการเดินทางข้ามมิติที่บิดเบี้ยวและผิดธรรมชาติ มันทั้งน่าตื่นตาและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน จิตวิญญาณของเขาโห่ร้องด้วยความเจ็บปวดและอิสรภาพ

แล้วทันใดนั้น...ทุกอย่างก็ดับวูบลงสู่ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ...

...

ณ บ้านร้างหลังนั้น แสงสีแดงเจิดจ้าค่อยๆ จางหายไป ร่างของอาจารย์คมทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดไหลนองออกมาจากบาดแผลหลายแห่ง ดวงตาเบิกค้าง แต่ไร้แววแห่งชีวิต ลมหายใจหยุดลงแล้วโดยสิ้นเชิง

พวกนักล่าที่ยืนตะลึงอยู่ค่อยๆ ลดปืนลง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"มัน...มันตายแล้ว?" คนหนึ่งถามเสียงสั่น

หัวหน้าทีมเดินเข้าไปใกล้ ใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างนั้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะก้มลงใช้นิ้วอังที่จมูก

"อืม...ตายสนิท" เขาพูดเสียงเรียบ แต่ในใจก็ยังอดขนลุกไม่ได้กับเหตุการณ์เมื่อครู่ "รายงาน 'ท่าน' ด้วยว่าเป้าหมายสิ้นฤทธิ์แล้ว ค้นตัวมันดูซิว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง"

ลูกน้องสองสามคนรีบเข้าไปค้นร่างอาจารย์คม แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากของใช้ส่วนตัวธรรมดาๆ ไม่มีเอกสารลับ ไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างที่คิด

"ไม่มีอะไรเลยครับหัวหน้า นอกจากเศษผ้าลงยันต์แปลกๆ กับผงอะไรไม่รู้ในกระเป๋า"

หัวหน้าทีมขมวดคิ้ว "ช่างมัน เผาร่างมันทิ้งตรงนี้แหละ อย่าให้เหลือซาก แล้วรีบกลับ"

สิ้นคำสั่ง ร่างของอาจารย์คม...อดีตหมอผีผู้ยิ่งใหญ่...ก็ถูกราดด้วยน้ำมันและจุดไฟเผาท่ามกลางสายฝนที่เริ่มซาลง เปลวเพลิงลุกโชน เผาผลาญหลักฐานทุกอย่างให้มอดไหม้ไปพร้อมกับความลับที่เขาเคยครอบครอง...

...หารู้ไม่ว่า จิตวิญญาณของเขาได้หลุดรอดไปแล้ว...สู่การเริ่มต้นครั้งใหม่...ในร่างของใครอีกคน...


อ่านตอนต่อไป ได้ที

https://www.readawrite.com/a/fb34101364e5b1cb876ea904f8177793

Skyioi

ขอบคุณ​ครับ
โครงเรื่องน่าสนุกดีครับ

peddo

เรื่องนี้น่าสนุกครับ ขึ้นขื่อว่าหมอผี ต้องมีความบ้ากามไม่มากก็น้อย ยิ่งได้ร่างใหม่หนุ่มแน่น น่าจะกลายเป็นยัก (ไม่มีเพชร) อิอิ

sim2000

อ้างจาก: peddo เมื่อ เมษายน 27, 2025, 04:03:53 หลังเที่ยงเรื่องนี้น่าสนุกครับ ขึ้นขื่อว่าหมอผี ต้องมีความบ้ากามไม่มากก็น้อย ยิ่งได้ร่างใหม่หนุ่มแน่น น่าจะกลายเป็นยัก (ไม่มีเพชร) อิอิ
คือ อยากแต่งเรื่องที่พระเอกเก่งๆ หน่อยอิงไสยศาตร์หน่อยๆ มาเป็นแรงบรรดาลใจจากรักยมของท่าน Assasin008 เน้นพระเอกเก่งๆ หน่อย สุขนิยมเยอะๆ มีสาวๆ เกื้อหนุน

prsclub

ปูเนื้อเรื่องมาได้ชวนติดตามดีครับ

Wtwtwt

ชอบๆ  จัดมาเรื่อยๆนะครับ แนวนี้ สุดจริงๆคนเขียน

ponggunyuki2527


Asura4237