ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_คาฟลิอาริส

เพศศึกษาในประวัติศาสตร์ไทย

เริ่มโดย คาฟลิอาริส, มิถุนายน 09, 2025, 10:07:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

คาฟลิอาริส

  เคยสงสัยกันมั้ยว่าบรรพบุรุษของพวกเราสมัยก่อนนั้นเข้าใจ เรื่องเพศศึกษา กันอย่างไรบ้าง โดยผู้เขียนได้รวบรวมบทความต่างๆที่ได้คัดลอกกันมายังรุ่นสู่รุ่น โดยตีความเป็นรูปภาพประกอบ ดังนี้



  จะเห็นได้ว่าตำรา ไขความลับวรรณกรรมตำราเพศศาสตร์ ซึ่งแต่งขึ้นก่อนสมัย ร.6 (ราวก่อน พ.ศ.2453) ใช้หลักการพรรณนาเปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจง่าย โดยเทียบ โยนี ว่าคล้ายกับ ดอกบุก และอธิบายการตอบสนองทางกายภาพได้สอดคล้องกับตำราทางการแพทย์ปัจจุบัน ความว่าสายกามหรือรากกามนั้นคือ เส้นประสาทรับความรู้สึก จากจุดเสียวทั้งหลายคือต้นกามได้แก่ G spot, Clitoris, A spot, O spot, PC-MUSCLE และ Cervix ซึ่งล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดอยู่บริเวณท้องน้อยทั้งสิ้น และได้อธิบายถึงเบ้ากามหรือกระเปาะกามที่กลิ้งขึ้นเมื่อเกิดกามราคะเฉกเช่นเดียวกับมดลูกในขณะที่มีการร่วมเพศในระยะที่เกิดการเร้าอารมณ์(Excitement) ระยะเข้าได้เข้าเข็ม(Plateau) และระยะถึงจุดสุดยอด(Orgasm) ซึ่งจะมีการยกตัวของมดลูกขึ้น ดังนี้



  ได้อธิบายความลึกช่องคลอด (ช่องสังวาส) ว่า ตอนเด็กยาว 3 องคุุลี เมื่อถึงวัยเจริญพันธ์ผ่านการมีบุตรแล้วแล้วจะยาวได้ถึง 4 องคุลี โดยหน่วยองคุลีนั้นคือ หน่วยวัดไทยโบราณ ประมาณระยะของข้อปลายนิ้วชี้หรือข้อปลายนิ้วกลาง ถ้าเทียบเป็นหน่วยปัจจุบันที่ใกล้เคียงกันก็ประมาณ 4 นิ้ว หรือ 10.16 ซม.ดังภาพ


  นอกจากอธิบายเรื่องเพศในทางกายภาพแล้ว ยังสอดแทรกการสอนเพศศึกษาในเรื่อง การเร้าอารมณ์ให้น้ำเงี่ยนหรือสารคัดหลั่งนั้นไหลออกมาก่อน จึงจะร่วมเพศได้

  ครั้นเมื่อถึงสมัย ร.6 (ราว พ.ศ.2453) การแพทย์แผนตะวันตกได้แพร่เข้าสู่สยามประเทศมากขึ้น ทำให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาของคนไทยเข้าใกล้ความเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น โดย  แพทยพงศาวิสุทธาธิบดี (นพ.สุ่น สุนทรเวช) ได้เขียนหนังสือแพทย์ตำบล ให้ความรู้แก่
ราษฎร เมื่อ ร.ศ.129 (สมัยร.6) ในบทที่ว่าด้วย "ตำราคลอดบุตรอย่างฝรั่ง" ได้อธิบายการเปลี่ยนแปลงของสาวเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุโดยมดลูกมีการขยายใหญ่ขึ้น อาการปวดประจำเดือน อารมณ์นึกคิดในทางเพศ ร่วมถึงลักษณะของมดลูก และการเกิดลูก โดยช่วงสมัยนั้นนิยมใช้คำว่า หลอดสังวาส หรือ ช่องสังวาส แทนคำว่า ช่องคลอด ที่ถูกใช้แพร่หลายอย่างในปัจจุบัน เรียกเซลล์ไข่ ว่า เมล็ดไข่ และเรียกเซลล์อสุจิ ว่า ตัวน้ำอสุจิ






  สำหรับ พระตำรามวยบ้าน, เอกสารต้นฉบับอัดสำเนา นั้นคาดว่าถูกเขียนขึ้นสมัยหลังโดยใช้สำนวนที่เก่ากว่าปนกับสำนวนตะวันตกสมัยใหม่ ดังนี้



  คำว่า เยิม นั้นคือ Germ cell หรือ Primodial germ cell คือเซลล์ตั้งต้น หรือ stem cell ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ไข่หรือเซลล์อสุจิเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุ พระตำรามวยบ้าน อธิบายว่าวัยเจริญพันธุ์คือเมื่อชายถึงอายุ 14 ปี และหญิงถึงอายุ 12 ปี ซึ่งปัจจุบันอายุได้ลดน้อยลงจากปัจจัยทางด้านฮอร์โมนจากรับประทานอาหารที่มีสารเร่งฮอร์โมนต่างๆ

  #เรื่องเพศต้องศึกษา #เรียนรู้อดีตเพื่อเข้าใจปัจจุบัน

nu123


dole

มีตำรา แต่ประชาชนยังไม่ได้เรียนรู้ในโรงเรียน คงให้พวกแพทย์เรียนรู้

swbkk

ใครว่าเวบเรามีแต่ความหื่น วิชาการความรู้ก็มีนะเนี่ย....... ::DookDig::

คาฟลิอาริส

อ้างจาก: dole เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 08:35:46 ก่อนเที่ยงมีตำรา แต่ประชาชนยังไม่ได้เรียนรู้ในโรงเรียน คงให้พวกแพทย์เรียนรู้
น่าจะใช่ แต่ก่อนสมัย ร.6 น่าจะอ้างอิงจากองค์ความรู้แพทย์แผนไทย ผ่านการสังเกต การตรวจร่างกายด้วยแหละ

คาฟลิอาริส

อ้างจาก: swbkk เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 11:39:41 ก่อนเที่ยงใครว่าเวบเรามีแต่ความหื่น วิชาการความรู้ก็มีนะเนี่ย....... ::DookDig::
ว่างๆจะมาเล่าต่อครับ.......::KO::