ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

คน 3 คน

เริ่มโดย tee_tores, พฤศจิกายน 27, 2010, 02:07:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

tee_tores

คน3คน

ณวัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง

หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่าผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระแต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อยๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมยไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ

หลวงตานั่งลงข้างๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
เจ้ารู้ไหมในตัวเรามีคนอยู่สามคน

คนแรกคือคนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สองคือคนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สามคือตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้นิ่งฟังหลวงตา

คนเราล้วนมีความฝันความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไปไม่ใช่สิ่งเลวร้ายบางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงามเป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดินเช่น บางคนอยากเป็นนักร้องเป็นนักมวย เป็นดาราถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงามดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตนเพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ

มาถึงไอ้ตัวที่สองจะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็นบางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศจนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอกแต่เราก็ยิ้มรับแต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์จนไม่อยากจะนึกถึงซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่นมันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้

อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉยๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อบางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร

สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้วเพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยวส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่องชาวบ้านซุบซิบนินทาหาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้านคนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้าไร้วิจารณญาณ ใจแคบมองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง

คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคมเจ้าต้องจำไว้นะทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลวคนอื่นไม่ดีก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมาเห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำอย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล

แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้เราห้ามใจใครไม่ได้สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นแต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เราเราก็ไม่ควรให้ความสำคัญเพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่นแต่ไม่มีเวลามองตัวเองจงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม

เข้าใจครับหลวงตา
เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง


ผู้ที่ทำอะไรจะไม่ให้ผิดพลาดเลย

เป็นผู้ที่น่าสมเพช

ผู้ที่ทำอะไรไม่คิดถึงความถูกต้องเลย

เป็นผู้ที่น่ารังเกียจ"
คน3คน

ณวัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง

หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร
ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่าผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระแต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อยๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมยไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ

หลวงตานั่งลงข้างๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า
เจ้ารู้ไหมในตัวเรามีคนอยู่สามคน

คนแรกคือคนที่เราอยากจะเป็น
คนที่สองคือคนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น
คนที่สามคือตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ

ลูกศิษย์หยุดร้องไห้นิ่งฟังหลวงตา

คนเราล้วนมีความฝันความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไปไม่ใช่สิ่งเลวร้ายบางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงามเป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดินเช่น บางคนอยากเป็นนักร้องเป็นนักมวย เป็นดาราถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงามดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตนเพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ

มาถึงไอ้ตัวที่สองจะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็นบางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศจนเราอาย เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอกแต่เราก็ยิ้มรับแต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์จนไม่อยากจะนึกถึงซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่นมันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้

อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉยๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้นถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อบางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร

สมัยที่หลวงตายังไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้วเพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยวส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่องชาวบ้านซุบซิบนินทาหาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้านคนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้าไร้วิจารณญาณ ใจแคบมองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง

คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคมเจ้าต้องจำไว้นะทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลวคนอื่นไม่ดีก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมาเห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำอย่าเลียนแบบ นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล

แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย
ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

เจ้าต้องทำความเข้าใจจิตใจมนุษย์เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้เราห้ามใจใครไม่ได้สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นแต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เราเราก็ไม่ควรให้ความสำคัญเพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริงใจเราควรสงบนิ่ง ยังไม่ต้องชำระใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาดกว่าที่เป็นอยู่เขาเหล่านั้นเป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่นแต่ไม่มีเวลามองตัวเองจงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม

เข้าใจครับหลวงตา
เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง


ผู้ที่ทำอะไรจะไม่ให้ผิดพลาดเลย

เป็นผู้ที่น่าสมเพช

ผู้ที่ทำอะไรไม่คิดถึงความถูกต้องเลย

เป็นผู้ที่น่ารังเกียจ"[/u]