ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

รักยม ตอนที่ 49 บทเริ่มต้นของการแก้แค้น

เริ่มโดย sanookinm, สิงหาคม 23, 2010, 10:29:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sanookinm

คุยกันก่อนอ่าน

แรกสุดกะว่าจะจบช่วงเวลานี้ให้ได้ในตอนนี้
นานไปกลัวจะเบื่อซะก่อน แต่ไป ๆ มา ๆ ออกทะเล เกินอีกแล้ว - -"
คาดว่าตอนหน้าน่าจะจบช่วงนี้ แล้วเปลี่ยนฉาก(มั้ง )

เหมือนเดิมนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ปราบขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย
หากมีข้อแนะนำ ติชม ประการใด ก็ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

................................................................................

รักยม ตอนที่ 49 - บทเริ่มต้นของการแก้แค้น

  Assasin008 2010-05-02

................................................................................

เปลวแดดร้อนระอุช่วงยามบ่ายของฤดูแล้งลามเลียไปทั่วทุกสารทิศประหนึ่งจะเผาผลาญให้ทุ
กหย่อมหญ้าไหม้จนแห้งเกรียม สายลมที่พัดผ่านนาน ๆ ครั้งแทนที่จะช่วยดับบรรเทาร้อนร้อนลงบ้าง กลับหอบเอาแต่เพียงกระแสแห่งความร้อนเข้ามากระหน่ำซ้ำเติมเข้าไปอีก ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างที่ไม่อาจทานทนต่อความโหดร้ายแห่งธรรมชาตต่างแห้งเกรียมเป็นสีน้ำตาลไหม้ ผืนดินแห้งแข็งแตกเป็นผงไร้ซึ่งความชุ่มชื้นของสายน้ำแห่งชีวิต

"เออ ตอนนี้กูอยู่แถวอีสาน กูรู้แล้วว่าเหล็กไหลอยู่ไหน ได้มาเมื่อไหร่กูค่อยบอกมึง" เสียงแหบแห้งของชายแก่นุ่งขาวห่มขาวดังออกมาจากกระท่อมโทรม ๆ ที่ใกล้จะพังลงมาได้ทุกเมื่อ น้ำเสียงนั้นแสดงออกถึงความรู้สึกรำคาญอย่างเห็นได้ชัด

"พ่อหมอเสืออย่าเพิ่งรำคาญน่า อั๊วะก็แค่เป็นห่วง เรามันหุ้นส่วนกันนา อั๊วะก็ต้องอยากรู้ซิว่าอีตอนนี้พ่อหมอเป็นยังไงบ้างแล้ว ดูซิ อั๊วะว่าจะส่งลูกน้องมือดีให้ติดตามตัวไปสองสามคนก็ไม่ยอม" เสียงทุ้มสำเนียงไทยผสมจีนของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่แนบหูหมอเสืออยู่

"หึ หึ มึงน่ะเรอะ จะเป็นห่วงกู มึงห่วงแต่ว่ามึงจะได้เหล็กไหล หรือเปล่ามากกว่า ... กูรับรองว่ากูไม่เบี้ยว กูจะหาไปให้มึงตามสัญญาแน่ ๆ ... แล้วมึงล่ะ เมื่อไหร่จะหาคนเจอซักที ไหนมึงโม้นักโม้หนาว่าเป็นรัฐมนตรีแล้วมีเส้นสายเยอะ กูก็ช่วยให้มึงเป็นมาหลายปีแล้ว มึงก็ยังหาคนให้กูไม่ได้อยู่ดี หรือว่ากูต้องช่วยให้เป็นนายกก่อนมึงถึงจะหาเจอ" หมอเสือพูดน้ำเสียงไม่พอใจ

"โอ๊ย อั๊วม่ายอาวหรอก นายกน่ะ ปวดหัวตายเลย วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร ไปปราบม๊อบอย่างเดียว อั๊วะอยู่ตำแหน่งนี้แหละดีแล้ว หาเงินคล่องดี ส่วนเรื่องคนน่ะ อั๊วะก็หาเต็มที่แล้วนะ อีอย่าเร่งมาก เพราะมันก็ตั้งนานแล้ว พวกมันอาจจะตายไปหมดแล้วก็ได้ ก็ขนาดพ่อหมอมีอาคมดีขนาดนั้นยังหาไม่เจอ แล้วอั๊วะจะหาเจอง่าย ๆ ได้ยังไง"

"พวกมันยังไม่ตาย กูรู้ว่าพวกมันยังไม่ตาย รักยมของกูก็รับรู้ได้ว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่พวกมันคงมีของดีอะไรสักอย่างคุ้มกันตัว กูเลยหาพวกมันไม่เจอ ... ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ถ้ามึงหาพวกมันไม่เจอมึงก็จะไม่ได้เหล็กไหล แล้วมึงก็จะไม่ได้ชีวิตอมตะอย่างที่มึงต้องการ เข้าใจไว้ด้วย" หมอเสือพูดเสียงดังด้วยความไม่พอใจ

"อั๊วะรู้น่า หมอเสือหาเหล็กไหล อั๊วะหาไอ้คู่แค้นสองคนนั่นให้ คราวนี้เราทั้งคู่ก็จะสมหวัง พ่อหมอได้เมียคืน ส่วนอั๊วะก็จะได้ชีวิตอมตะเสวยสุขไปตลอดชาติ อั๊วะรับรองว่าต้องหาพวกมันเจอแน่ ๆ" อีกฝ่ายรับคำด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

"เออ ได้แบบนั้นก็ดีแล้ว ... เอ๊ะ ... เออ .. .แค่นี้แหละ" หมอเสือสะดุ้งด้วยสัมผัสได้ถึงอะไรบาง
อย่าง เขากดปิดโทรศัพท์อย่างไม่สนใจอีกฝ่าย แล้วโยนมันลงไว้ตรงข้างตัว ดวงตาที่เต็มไปด้วยเค้าความแก่ชรานั้นหันมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้วยกระกายแวววาว พร้อมกันกับดวงตาสีเขียววาวโรจน์อีกสองคู่ของสองเด็กน้อยร่างสีดำที่หันไปมองแทบจะในเวลาเดียวกัน ด้วยความรู้สึกกึ่งตระหนก กึ่งสงสัย และกึ่งประหลาดใจ

ดวงตาแกร่งกล้าเปี่ยมด้วยฤทธาทั้งสามคู่ของ หนึ่งคน และ สองวิญญาณรักยมดำ เหมือนจะหันหน้าไปมองทางผนังที่บุขึ้นจากฟางแห้งเก่า ๆ ผุพัง หากแต่สายนั้นกลับไม่ได้สนใจผนังบ้านแม้แต่น้อย พวกเขาพยายามเพ่งสัมผัสไกลไปถึงแหล่งพลังอำนาจลึกลับแห่งเวทย์มนต์ของอะไรสักอย่างที่รุนแรงเกรี้ยวกราด จากสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปทั้งสามรู้สึกได้ถึงกระแสเวทย์มนต์อันมหาศาลที่กำลังหมุนวน และหลั่งไหลออกมาจากอะไรบางอย่าง ...
อะไรบางอย่างที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งกระแสมนตรา

".... นั่นมันอะไร ..." หมอเสือหันมามองสองรักยมดำที่ยังคงเพ่งมองไปทางทิศเดิมด้วยความสงสัยท่าทางของพวกมันบ่งบอกได้ว่าไม่รู้คำตอบเช่นเดียวกัน

"... เออ ช่างมันเถอะ ... มันจะเป็นใครก็ช่าง ถึงยังไงพลังของมันก็ยังน้อยกว่ากู ถ้ามาขวางทางกู
.... มันตายแน่ ... ส่วนอีผีกะหรี่ที่ย้อนของมาเล่นงานกู รออีกหน่อยเถอะ อีกแค่ 11 วัน กูจะจับ
มึงถ่วงทะเลให้ไม่ต้องไปผุดไปเกิด" หมอเสือพูดด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม ก่อนจัดท่านั่งและพนมมือเตรียมบริกรรมคาถาเพื่อถอนของที่ย้อนเข้าใส่ตัวเอง

"แม่แตงเอ้ย ... อีกไม่นานหรอก ... ไม่ว่าเอ็งจะอยู่ที่ไหน ข้าจะไปตามหาวิญญาณของเอ็งให้เจอ
แล้วคืนชีพให้กับเอ็งให้ได้ ... ถ้าเอ็งอยู่นรก ข้าก็จะลงนรก ... ถ้าเอ็งอยู่บนสวรรค์ข้าก็จะปีนขึ้นไปหา"

ชายแก่หันไปมองรูปวาดด้วยดินสออันขาดวิ่นที่วางอยู่บนพื้นนั้นด้วยแววตาที่คลายความดุ
ุร้ายลงไป ดวงตานั้นตอนนี้กลับเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก และห่วงหาอาทร เสียงพึมพำในห้วงแห่งคาถาเริ่มแผ่วดังขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับดวงตาสีดำสนิทที่ปิดลงเพื่อเข้าสู่ห้วงแห่งสมาธิ และปล่อยทิ้งให้ตัวตนอยู่ท่ามกลางความร้อนและแห้งของผืนแผ่นดินอีสาน

................................................................................

"ไอ้ชิกหายนี่ ! มันคิดว่ามันเป็นใครวะ อั๊วะเป็นรัฐมนตรีนะโว้ย อยู่ ๆ ก็มาวางหูใส่อั๊วะแรง ๆ แบบนี้ รอให้อั๊วะได้เหล็กไหลก่อนเถอะมึง มึงไม่ได้ตายดีแน่ ไอ้หมอเสือ อั๊วะจะแย่งเมียมึงอย่างที่มึงเคยโดน ให้มึงต้องแค้นจนอกแตกตาย" ชายวัยกลางคนผิวขาวในชุดสูทหรูเหวี่ยงโทรศัพท์มือถือสุดแรงจนมันไปชนฝาผนังแล้วแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ รูปร่างอ้วนใหญ่ ที่มีท้องอ้วนกลมนั้นสั่นกระเพื่อมระริกด้วยความโกรธเคืองอย่างที่สุด

"ใจเย็น ๆ นะครับท่าน ... ตอนนี้ปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน รอให้มันได้เหล็กไหลมาก่อน แล้วเราก็จะชุบมือเปิบทีเดียวหมด" ชายวัยกลางคนที่มีสายตาเจ้าเล่ห์เจ้าความคิดพูดอย่างใจเย็น

"จะให้อั๊วะใจเย็นได้ไงไหววะ ไอ้หมอเสือมันไม่เคยเห็นหัวอั๊วะ อั๊วะอยากจะฆ่ามันให้ตายวันนี้เลยด้วยซ้ำ"

"ถ้ามันตาย พวกเราก็จะไม่ได้โคตรเหล็กไหลซิครับท่าน เชื่อผม เราต้องอดทนรอไปก่อน" ชายท่าทางเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์นั้นพูดอย่างใจเย็น

"ว่าแต่ลื้อแน่ใจได้ยังไงว่า อีจะเอาเหล็กไหลให้อั๊วะ แล้วลื้อแน่ใจเหรอว่าจะฆ่ามันได้" ชายอ้วนเจ้าของตำแหน่งรัฐมนตรีใหญ่นั่งลงกระแทกโซฟาจนสั่นยวบ

"หึ หึ ... ผมแน่ใจ ยิ่งกว่าแน่ใจเสียอีก ... เพราะเรามีของถึงสองอย่างที่มันดั้นด้นพยายามหามาทั้งชีวิตถ้าพวกเราวางแผนเพิ่มอีกนิดหน่อย ยังไงมันก็ไม่รอด" ชายท่าทางเจ้าเล่ห์คนนั้นหยิบเอาขวดแก้วใส ๆที่ปิดจุกเอาไว้ด้วยผ้ายันต์ขนาดเล็กขึ้นมาแกว่งเล่นในมือ ภายในนั้นมีกลุ่มหมอกควันสีขาวลอยล่องวนไปมา บางครั้งมันก็เหมือนหมอกควันทั่วไป หากแต่บางครั้งก็เหมือนว่ากลุ่มควันก็จะพยายามที่จะก่อตัวเป็นรูปร่างของมนุษย์ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่ในนั้น

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... เออจริงว่ะอั๊วะลืมไป ... แต่ลื้อแน่ใจว่า มันจะไม่รู้ก่อนว่าพวกมึงหลบกันอยู่ที่นี่"

"เรื่องนั้นก็ไม่ต้องห่วงครับท่าน พวกผมมีตะกรุดผีเก้ากระดูก ห้อยคออยู่ ต่อให้มันมี 10 รักยม มันก็หาพวกผมไม่เจอ ... แถมเรายังมีพ่อหมอมหาเดโช คอยช่วยเหลืออยู่อีก ... รวมกันหลาย ๆ คน ต่อให้ไอ้หมอเสือมันเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางรอด"

"ฮ่า ฮ่า ... พูดอย่างงี้ค่อยสมกับที่เป็นมือขวาอั๊วะหน่อย ... ไม่เหมือนไอ้แว่นปอดแหกวัน ๆ เอาแต่กลัวตัวสั่นท่องมนต์สำนึกผิดบ้าบออะไรอยู่ได้ทั้งวัน นี่ถ้ามันไม่มีลุงเป็นหมอผีเก่ง ๆ อย่างหมอเดโชล่ะก็ กูไล่มันไปนานแล้ว ไม่เลี้ยงเอาไว้หรอก หัดทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างซิวะ" รัฐมนตรีร่างอ้วนหันไปเกรี้ยวกราดใส่ชายรูปร่างผอมใส่แว่นท่าทางตื่นกลัวที่นั่งด้านตรงข้าม

"เอ่อ ... ท่านครับ ... ผมว่า เราปล่อยเธอไปดีมั้ยครับ ... ผมทำบาปกับเธอมาเยอะแล้ว ... เธอเป็นคนดีคอยช่วยเหลือผมตั้งหลายครั้ง ... เราอย่าทำบาปเพิ่มเลย" ชายวัยกลางคนใส่แว่นนั้นจ้องมองดูสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นใจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว

"ถ้าปล่อยไป แล้วพวกเราจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับไอ้หมอเสือล่ะวะ ... หรือมึงอยากตาย"
ชายท่าทางเจ้าเล่ห์นั้นพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งข่มขู่

"เอ่อ ... ผม ... ผมไม่อยากตาย ... แต่ว่า ... ชะ ช่างเถอะ ..." ชายใส่แว่นหลบสายตาดุดันคู่นั้นแล้วหันไปชำเลืองมองขวดแก้วใสใบนั้นด้วยแววตาหม่นหมอง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกเสียจากการนั่งเงียบเอาตัวรอดต่อไป

"ถุย ... ใจเสาะ ... ไม่ได้ครึ่งเพื่อนลื้อเลย" รัฐมนตรีร่างอ้วนสบถใส่ชายใส่แว่นอย่างดูถูกดูแคลน

"ตอนนี้หมอเสืออยู่ที่ไหน ..." เสียงทุ้มต่ำเปี่ยมไปด้วยอำนาจจากชายนุ่งขาวห่มขาวที่นั่งอยู่อีกมุมห้องดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่กลับทรงพลังจนอากาศสั่นสะเทือนไปทั้งห้อง เสียงนั้นขัดจังหวะสนทนาด้วยเหมือนจะไม่พอใจที่หลานที่ตัวเองรักโดนต่อว่า จนรัฐมนตรีร่างอ้วนถึงกับสะดุ้ง

"อั๊วะ อั๊วะ ไม่ได้ว่าอะไรนะพ่อหมอ อั๊วะแค่อยากจะสอนมันให้เอาจริงเอาจังบ้างเท่านั้นเอง" รัฐมนตรีร่างอ้วนรีบแก้ตัวพัลวันด้วยรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจจากคนคนนั้น

"นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ข้าถามว่าตอนนี้หมอเสืออยู่ที่ไหน" ชายนุ่งขาวห่มขาวนั้นทำท่าทางรำคาญ

"เห็นอีบอกว่าอยู่แถว ๆ อีสานน่ะ"

"อืม ... ไม่ใช่หมอเสือหรอกเรอะ ถ้าอย่างงั้น ... พลังนี่มันมาจากใครกัน" ชายนุ่งขาวห่มขาวนั้น
ทอประกายตาแวววาวเมื่อหันไปมองทางทิศเหนือ ทิศที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังของอะไรบางอย่าง

"มหาเดโช เห็นอะไรเหรอ?" ชายท่าทางเจ้าเล่ห์เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยในอาการที่แปลกไป

"ข้าสัมผัสได้ถึงพลัง ... พลังที่มหาศาลใกล้เคียงกับหมอเสือ หมอผีอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน ... ตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากนี้สักเท่าไหร่นัก ... ถ้ามันไม่ใช่หมอเสือ ก็ขออย่าให้มันมาเป็นศัตรูกับพวกเราก็แล้วกัน"มหาเดโชพูดด้วยแววตาที่มีความกังวลเจือปนอยู่เล็กน้อย

"ถ้ามีคนเก่งแบบนั้น เราก็ต้องจ่ายเงินให้มันมาเป็นพวกเดียวกันซิ แบบนี้ยิ่งดีเสียอีก รับรองได้ว่าหมอเสือไม่รอดแน่ ๆ" ชายท่าทางเจ้าเล่ห์นั้นยิ้มกริ่มเหมือนจะเจอไพ่ใบใหม่ให้ลองเล่น

"อืม ... ถ้าทำได้อย่างงั้นก็ดี เพราะถ้ามันอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเราจะลำบาก" มหาเดโชพูดด้วยน้ำเสียงเครียด

"มันจะเป็นใครก็ช่างมันก่อนก็แล้วกัน ... ตอนนี้อั๊วะอยากเห็นหน้าไอ้หมอเสือจัง ว่ามันจะทำหน้ายังไง ถ้ามันรู้ว่าคนที่มันตามหาแทบจะทั้งชีวิตตอนนี้อยู่กับพวกเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไอ้นี่ ... แล้วก็ศัตรูคู่อาฆาตอย่างพวกมึงไอ้แสง และไอ้คง ฮ่า ฮ่า ฮ่า " รัฐมนตรีร่างอ้วนหยิบขวดแก้วใสจากมือของไอ้แสงผู้มีใบหน้าเจ้าเล่ห์แสนกลขึ้นมาเขย่าเล่น แล้วเพ่งมองไปยังหมอกควันสีขาวที่ลอยฟุ้งกระจายอยู่ในนั้น ไอ้แสงผู้เปี่ยมไปด้วยเค้าแห่งความเจ้าเล่ห์มาตั้งแต่วัยหนุ่มหัวเราะร่าตามอย่างสบายอารมณ์ไอ้คงชายใส่แว่นมองขวดแก้วใบนั้นด้วยความรู้สึกสงสาร ขณะที่มหาเดโช
หมอผีเปี่ยมด้วยฤทธากลับยังคงจับจ้องมองไปยังทิศทางที่สัมผัสได้ถึงพลัง ... พลังที่มหาศาลจนเขาต้องกังวล

................................................................................

ป้ายไม้เก่า ๆ ที่เขียนไว้ว่า "เจ้าแม่ตะเคียน" เพิ่งจะร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกกับพื้นเบื้องหน้าของวิญญาณนางตะเคียนจนแตกเป็นสองเสี่ยง ร่างวิญญาณของเธอยืนผู้เคยถูกผูดมัดด้วยบ่วงกรรมต่อต้นตะเทียนทองต้นใหญ่ยืนสงบนิ่งมองดูซากต้นตะเคียนใหญ่ที่ล้มกองอยู่กับพื้นด้วยอาการเหม่อลอยเหมือนจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผืนดินที่เคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้ บัดนี้กลับโล่งว่างเปล่าด้วยพลังแห่งความเกรี้ยวกราดของพายุใหญ่แห่งอาคมอันแรงกล้า

แม้จะยังรู้สึกเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่กระนั้นเธอก็หันไปยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นอนสลบไสลเนื่องจากใช้พลังเวทย์จนหมดสิ้น เธอยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เธอแทบจะลืมเลือนไปแล้ว มันเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่สุด

"หนุ่มน้อยเอ๋ย ... เจ้าช่วยข้าแล้ว ... และแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ แต่ข้าก็จะช่วยเจ้า ... ช่วยเท่าที่ข้าจักทำได้ ...ขอให้คู่รักของเจ้ารอดพ้นจากลิขิตแห่งบ่วงกรรมอันโหดร้ายที่ข้ามองเห็นด้วยเนตรพิสุทธิ์ด้วยเถอะ"

นางตะเคียนพาร่างวิญญาณอันบอบช้ำของตนเองเดินหันไปทางต้นไม้ชายป่าด้านหนึ่ง เธอหยุดยืนนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ เริ่มร้องเพลงออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยิน หากแต่เมื่อเวลาผ่าน สุ้มเสียงไพเราะที่เป็นภาษาประหลาดไม่อาจเข้าใจได้นั้นกลับค่อย ๆ แว่วดังขึ้นอย่างน่าประหลาด เสียงของเธอแว่วดังไปยังหมู่แมกไม้พฤกษาในใกล้เคียงก่อนที่หมู่แมกไม้นั้นจะส่งเสียงร้องตอบด้วยท่วงทำนองแบบเดียวกันสะท้อนก้องไปมาไม่หยุด จากหนึ่งต้นเป็นสองต้น จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นดังกึกก้องไปทั่วทั้งหมู่แมกไม้ใกล้เคียง หมู่ต้นไม้พฤกษานานาพันธ์ทั้งใหญ่น้อย
ราวกับจะแข่งกันร่ำร้องด้วยท่วงทำนองแห่งธรรมชาตินี้ ... เสียงนั้นเริ่มก้องดังจากป่าหนึ่ง ไปยังป่าอีกด้านหนึ่งและยังคงก้องดังต่อไปเรื่อย ๆ เป็นทอด ๆ พุ่งตรงไปยังทิศทางที่ หญิง แฟนสาวของ เอก กำลังเผชิญชะตากรรมอันแสนโหดร้ายอยู่

นางตะเคียนยิ้มน้อย ๆ ด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าผืนป่าตอบรับคำร้องขอของตนก่อนทรุดตัวล้มลงนั่งอย่างอ่อนแรง
... เธอค่อย ๆ คลานเข้าไปหาร่างไร้สติของเอก แล้วนั่งมองใบหน้าหล่อเหลานั้น เธอพยายามใช้มือลูบสัมผัสกายเนื้อของเขาอย่างรักใคร่ แต่กระนั้นมันก็ทะลุผ่านกายหยาบของเขาไปจนเธอรู้สึกปวดใจ

"ข้าขอล่วงเกินล่ะนะ พ่อหนุ่มน้อยยอดรักของข้า" นางตะเคียนก้มหน้าลงไปจูบแก้มของเอกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพยายามโอบกอดร่างของเขาเอาไว้ และแม้ว่าเธอจะไม่อาจจะสัมผัสกายเนื้อของเขาได้ แต่จูบนี้ก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกแห่งกายจิต มันเป็นความรู้สึกแห่งความขอบคุณ ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ และความรู้สึกรักใคร่ที่หญิงสาวคนหนึ่งจะพึงมีให้ต่อบุรุษอันเป็นที่รักอย่างสุดซึ้งได้ จูบนั้นช่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นไม่ว่าเขาจะรับรู้หรือไม่ก็ตาม

ร่างวิญญาณบอบบางที่โอบกอดร่างของเขาไว้พลันค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นกลุ่มแสงสีเขียว กลุ่มแสงนั้นค่อย ๆ ขยับผ่านแทรกซึมเข้าไปในร่างของชายหนุ่มอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่อง และเมื่อกลุ่มแสงสีเขียวนั้นหายเข้าไปในร่างของเขาจนหมดสิ้น ชายหนุ่มก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นสีเขียวประกายแวววาว

................................................................................

ยามบ่ายแก่ ๆ ในบ้านโทรม ๆ ห่างไกลจากผู้คน อาจารย์พิชัยเจ้าของบ้านที่ถูกพันธนาการล่ามอยู่กับข้างฝาผนังสุดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ หลายครั้งด้วยอารมณ์ที่ร้อนรน ในใจของเขาตอนนี้คุกรุ่นไปด้วยเพลิงสวาท และเพลิงแห่งความใคร่ที่กำลังแผดเผาจนหัวใจเต้นระรัวแทบระเบิดได้ทุกเวลานาที เสน่ห์ของลูกศิษย์สาวแสนสวยของเขากำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า เรือนร่างขาวผ่องที่เขาใฝ่ฝันหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่เบื้องหน้านี้แล้ว ใบหน้าสวยใสแลดูบริสุทธิ์น่าทะนุถนอมก็อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว ใช่แล้วอีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขาก็จะได้เสพสุขกับนางสาวสุดคะนึง นักศึกษาสาวดาวเด่นของมหาวิทยาลัยที่เขาสอนตามแผนการณ์ที่ได้วางไว้อยู่แล้ว .... หากเพียงแค่ว่าเขาไม่โดนทรยศหักหลังจากไอ้ชดคนขับรถอันแสนต่ำต้อยของเขาเสียก่อน

อาจารย์พิชัยได้แต่มองดูบทสวาทวาบหวามร้อนแรงของนักศึกษาสาววัยกระเตาะเจ้าของตำแหน่ง
ดาวเด่นของมหาวิทยาลัยชื่อดัง และไอ้ชดโจรสวาทรูปร่างดำคล้ำที่กำลังดำเนินต่อไปท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้าแม้จะมีกล้องบันทึกภาพอีกร่วมสิบตัวแต่หนุ่มสาวคู่นี้ก็ดูเหมือนจะปลดปล่อยอารมณ์และกิเลสตัณหาออกมาอย่างไม่มีการรั้งออม ร่างขาวโพลนนั้นส่ายดิ้นระริกอยู่ภายใต้วงแขนสีดำแดงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อประหนึ่งจะขาดใจตาย เธอร้องครวญครางเสียงกระเส่า ทุกครั้งที่มือหยาบกร้านนั้นลูบไล้และบีบเคล้นเนื้อนวลเต่งตึง สะโพกผายส่ายเด้งร่อนแอ่นเกร็งไปมารับสัมผัสของปลายนิ้วสีดำคล้ำที่แหย่แยงชักเข้าชักออกร่องเสียวของเธอจนเสียงดังเจ๊าะ แจ๊ะ น้ำรักใส ๆ ของสาวรุ่นหลั่งไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายจนฉ่ำเยิ้มไปทั่วทั้งโพรงสวาท ยิ่งเธอร่ำ
ร้องครวญครางมากเท่าไหร่ นิ้วนั้นก็ยิ่งขยับเร็วและแรงยิ่งขึ้น ปลายนิ้วดำคล้ำหยาบกร้านยังคงบดเบียดแทรกเข้าไปในร่องสวาทที่กระชับรัดตอดแน่นอย่างไม่หยุดยั้ง และจนกระทั่งเมื่ออารมณ์แห่งความใคร่ดำเนินมาถึงจุดที่อีกฝ่ายเกินจะทนรับไหว หญิงสาวก็เกร็งตัวบิดเร่าไปมาแล้วกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น

"ซี้ดดดสสสส พี่เอก พี่เอก อูววว หญิงไม่ไหวแล้ว ....อืมมมม ... โอววว ... ช่วยหญิงด้วย ... ซี้ดดสสส ...อ๊าาาาา" หญิงสาวเหยื่อสวาทที่โดนเร่งเร้าจนถึงขีดสุดถึงกับตัวกระตุกเกร็งส่ายร่อนไปมา ด้วยไม่อาจทานทนความเสียวจากปลายนิ้วอวบอ้วนที่ล้วงคว้านร่องเสียวของเธอไม่หยุด เธอร้องเรียกชื่อแฟนหนุ่มด้วยอารมณ์โหยหา ความสุขซ่านของจุดสุดยอดแผ่เป็นริ้วไปทั่วสรรพางค์กายจนขนอ่อนลุกซู่ ร่างงามเปลือยกายล่อนจ้อนขาวผ่องนั้นดีดเด้งส่ายกระตุกไปมาในอ้อมกอดโจรสวาทอย่างร้อนแรงด้วยฤทธ์แห่งเพลิงกามโลกีย์

ไอ้ชดผู้กำลังอัดแน่นไปด้วยความกำหนัดจนล้นอก ผลักไสร่างอวบอิ่มที่กำลังอ่อนระทวยด้วยฝีมือนิ้วระดับพระกาฬของมันลงไปล้มกลิ้งบนฟูกนุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนมองร่างอวบอิ่มเนื้อแน่นขาวผ่องที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งกามตัณหาอย่างหื่นกระหายอีกครั้งด้วยความรู้สึกสะใจ มันรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุดเด็กเหลือขอที่กระทำแต่เรื่องเลว ๆ อย่างมัน กำลังจะได้เอาเด็กสาวนักศึกษาท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวานผู้เป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัยชื่อดังแถมเจ้าตัวยังเป็นคนตระกูลไฮโซอีกต่างหาก มันแลบลิ้นเลียรอบปากอย่างกระหายเมื่อสายตากวาดไปเห็นหน้าอกอวบอูมที่กำลังสั่นระริกทะลักล้นอยู่เบื้องหน้า มันรีบลงมือถอดเสื้อยืดที่เป็นสิ่งปกปิดร่างกายชิ้นสุดท้ายโยนทิ้งไป แล้วเดินส่ายท่อนควยดำคล้ำที่กำลังบวมเป่งอาด ๆ เข้าไปหาเหยื่อสวาทด้วยลีลาแห่งนักล่าชั้นเซียน

"ไอ้ชด .. เท่าไหร่ ... มึงอยากได้เท่าไหร่ กูให้ได้ทั้งนั้น ล้านนึง ... ไม่ซิห้าล้านก็ได้ แค่ปล่อยน้องหญิง... ให้น้องหญิงเป็นของกูคนเดียวก็พอ ..."

ไอ้ชดที่กำลังหน้ามืดชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งดังมาจากอาจารย์พิชัยอดีตเจ้านายของมัน

"คิดดูให้ดี ๆ นะไอ้ชด ... เงินห้าล้าน มึงจะเอาไปหาความสุขกับผู้หญิงคนอื่นได้เยอะแยะ ถ้ามีเงินเยอะขนาดนี้มึงไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งชาติก็ยังได้ อยากจะหาเมียกี่คน มึงก็หาได้ ... ถ้ามึงนึกว่าจะเอาผู้หญิงคนนี้ทำเมียแล้วจะเกาะกินล่ะก็ไม่ง่ายอย่างที่มึงคิดหรอก คนเขามีพ่อมีแม่คุมอยู่ ... ลับหลังเข้าหน่อย ถ้าพ่อเขารู้ความจริง มึงจะโดนจับไปฆ่าเผานั่งยางก็เท่านั้น ... พ่อเขาไม่ยอมรับคนต่ำ ๆ อย่างมึงเข้าไปอยู่ในบ้านหรอก ... กูมีเงินซ่อนอยู่ในเซฟห้าล้านเดี๋ยวกูจะยกให้มึงหมดเลย" อาจารย์พิชัยพูดต่อทั้ง ๆ ที่เลือดยังคงไหลกลบปาก

"... ห้าล้าน ..." ดวงตาสีแดงกล่ำที่เปี่ยมไปด้วยไฟแห่งราคะของไอ้ชดฉายประกายของความสับสน คนอย่างมันอย่าว่าแต่ห้าล้านเลย เงินแสนก็ไม่เคยได้ถือในมือด้วยซ้ำ หากได้เงินจำนวนนี้จริง ๆ มันก็จะอยู่ได้อย่างสุขสบายจริงๆอย่างที่อดีตเจ้านายของมันว่าไว้     

ในห้วงขณะที่ไอ้ชดกำลังสับสนนั้น เจ้าของร่างเปลือยเปล่าที่นอนแผ่อยู่บนเบาะนอนก็เริ่มได้สติทีละน้อย ใบหน้าสวยของเธอยังคงแดงกล่ำด้วยรสสวาท ความรู้สึกพุ่งพล่านจากฤทธิ์ยาสร่างซาลงไปบ้างเมื่อเธอเพิ่งจะเดินทางไปถึงจุดสุดยอดแห่งอารมณ์เสียวมาหมาด ๆ แต่กระนั้นร่างของเธอก็ยังคงร้อนผ่าว และเปี่ยมล้นไปด้วยความเพลิงไฟแห่งความต้องการประหนึ่งจะไม่มีวันมอดดับ ขนตางามงอนนั้นกระพริบถี่ ๆ ด้วยพยายามเรียกสติตนเองกลับมาอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าอารมณ์อะไรบางอย่างนั้นยังคงคุกรุ่นอัดแน่นอยู่ภายในร่างกาย หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง และปล่อยให้เขาทำอะไรมากกว่านี้เธอคงไม่สามารถต่อต้านความต้องการของร่างกายได้อีกต่อไป และไม่อาจจะรอดพ้นจากการขยี้สวาทของชายร่างดำคล้ำเบื้องหน้าอย่างแน่นอน

"ห้าล้าน นี่ทุ่มสุดตัวแล้ว มึงเอาเงินไป เอารถกูไปด้วย แล้วก็ไปไหนก็ไป กูเอาแค่ผู้หญิงคนเดียว" อาจารย์พิชัยกัดฟันยื่นข้อเสนอใหม่เมื่อเห็นว่าไอ้ชดยังออกอาการลังเล

"... " ไอ้ชดนิ่งเงียบ มันหันมาดูหน้าอกอวบใหญ่ขาวผ่องตึงแน่นที่เด้งสะท้านขึ้นลงอยู่บนเรือนร่างทรงเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างพิจารณา ขณะเดียวกันก็ขบคิดเกี่ยวกับจำนวนเงินที่มันจะได้รับ หัวสมองส่วนบนทำงานอย่างหนักเพื่อหาเหตและผล แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามต่อต้านความต้องการของหัวสมองส่วนล่างที่กำลังพองตัวบวมเป่งด้วยความกระสันจนแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ ... โอกาสในการได้เมียสวยเป็นนางฟ้า กับเงินหลายล้าน มันจะเลือกอะไรดี

"ว่าไงตกลงใช่มั้ย ดีมากไอ้ชด ... อ๊อก ..." อาจารย์พิชัยยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นไอ้ชดเดินมาหาเขาคิดว่าไอ้ชดคงจะยอมรับข้อตกลงของเขาแล้ว แต่ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มนั้นก็พลันโดนกำปั้นลุ่น ๆ ซัดตูมเข้าไปเสียงดังพลั่กเต็ม ๆอีกครั้งจนหน้าหัน

"กูจะเอาทั้งหมด ทั้งเงินมึง รถมึง แล้วก็อีนางฟ้าคนนี้ กูจะเอาอีนี่ทำเมีย เกิดมากูไม่เคยเจอผู้หญิงน่าเอาทำเมียแบบนี้มาก่อน กูจะจับมันไปทำเมียทั้งวันทั้งคืน ทำให้มันหลงกู กูจะทำให้มันท้อง ให้มันมีลูกกับคนต่ำ ๆ อย่างกู ดูซิว่าพ่อมันจะทำยังไง" ไอ้ชดตอบเสียงห้วน สำหรับมันแล้วจำนวนเงินเยอะมากมายจนยากจะปฎิเสธก็จริง แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจจะปฎิเสธความต้องการอันล้นเหลือที่มีต่อเรือนร่างบอบบางทรงเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้ได้โดยง่าย


"เฮ้ย จะหนีไปไหนวะ ..." ไอ้ชดร้องโวยวายเมื่อมันหันมาพบว่า ร่างขาวเปลือยนั้นอาศัยจังหวะที่มันเผลอ แอบย่องไปเปิดประตูห้อง และกำลังถลันวิ่งหนีออกไปแล้ว
   
เจ้าของร่างเต่งตึงนั้นพยายามอย่างเต็มที่ในการหลบหนี แต่กระนั้นด้วยสภาพสติที่สะลึมสะลือทำให้ไม่สามารถที่จะออกแรงวิ่งได้มากนัก เรือนร่างขาวผ่องนุ่มนิ่มเต็มไปด้วยสัดส่วนอวบอัดนั้นจึงทำได้เพียงเดินไปอย่างช้า ๆ ตามทางเดินที่มีเพียงแสงไฟกระพริบสลัวน่ากลัว และเพียงชั่วครู่เท่านั้นเจ้าของร่างที่เปี่ยมไปด้วยสิ่งเร้าราคะก็ต้องส่งเสียงหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อมือสาก ๆ ดำคล้ำของไอ้ชดรวบมัดเข้าที่หน้าท้องของเธออย่างแน่นหนา เธอพยายามออกแรงดิ้นขัดขืน แต่ก็ไม่อาจจะหลุดออกจากวงแขนนั้นได้ สุดท้ายไอ้ชดก็กระชากรั้งร่างของเธอลงไปนอนหงายอยู่กับพื้น แล้วขึ้นคร่อมร่างอวบเต่งตึงแน่นนั้นอย่างรวดเร็ว

"อื๊อออ ... ยะ อย่า ... ไม่เอา !! อืมมม .... ปะ ... ปล่อยนะ ปล่อยหญิงนะ .... อูยย" หญิงหวีดร้องห้ามเมื่อฝ่ามือหยาบหนานั้นตะปบหมับเกาะกุมเข้าที่หน้าอกขนาดล้นมือของเธอแล้วบีบขยำขยี้อย่างไม่คิดถนอมจนเธอทั้งเจ็บแปลบ  และเสียวซ่านสะท้านทรวงจนต้องสะดุ้งเฮือกไปพร้อม ๆ กัน ร่างงามราวนางแบบนั้นพยายามดิ้นขัดขืน แต่กระนั้นก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะเรี่ยว
แรงที่มีก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น และยิ่งโดนบีบเคล้นกระตุ้นมากเท่าไหร่ ความเสียวซ่านที่โดนเร่งปลุกเร้าจากฤทธ์ยาสวาทก็ยิ่งแผ่ซ่านไปทั่วร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอแทบคลั่งตาย

"จะหนีไปล่ะจ๊ะ เมียจ๋า เมื่อกี้ยังร่านดี ๆ อยู่เลย คงจะครั้งแรกล่ะซิ ไม่ต้องกลัวนะ ผัวจะเย็ดเมียเบา ๆ จะเอาให้เมียติดใจควยยาว ๆ ดำ ๆ ของผัวเลยคอยดูซิ" ไอ้ชดพูดด้วยแววตาหื่นกระหาย ขณะพยายามออกแรงจับสองขาเรียวยาวเหมือนนางแบบนั้นให้แยกออกจากกัน แต่หญิงพยายามรวบรวมสติที่เหลืออันน้อยนิดออกแรงสู้ด้วยการหนีบขาเข้าหากันไม่ยอมให้เขาแยกออกหากแต่เพียงชั่วครู่เดียวมือหยาบใหญ่นั้นก็ออกแรงกระชากถ่างอ้าสองขาของเธอออกจนได้

ไอ้ชดมองดูเนินสวรรค์อันขาวสะอาดและปิดสนิทที่ซุกซ่อนอยู่อย่างหิวโหย ก่อนรีบขยับซุกตัวเบียดลงไปนั่งตรงหว่างกลางหว่างขาอย่างร้อนรน ปลายทวนสีดำคล้ำน่ากลัวกระดกตัวหงึกหงักเมื่อมันไปจรดจ่อรอท่าอยู่ที่ร่องสวาทสีขาวสะอาดที่ปิดสนิทและคับแน่นนั้น

"อื๊อออ ..." น้องหญิงแอ่นตัวสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายหัวเห็ดนั้นพยายามกดตัวเบียดแทรกเข้ามาในร่างกายของเธอ ร่องสวาทอันร้อนรุ่มนั้นราวกับจะรับรู้ความเสียวได้รุนแรงขึ้นนับสิบนับร้อยเท่า และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่สติของเธอเริ่มเตลิดเปิดเปิงหายไปอีกหน

"ฮึ่ย ... ครั้งแรกแน่ ๆ โคกก็ใหญ่ แต่ฟิตแน่นขนาดนี้ แม่งเข้ายากชิบหาย แน่นชะมัด" ไอ้ชดสบถอย่างขัดใจที่ยังไม่สามารถสอดใส่ท่อนควยผ่านกลีบเสียวเข้าไปได้ แต่ก็รู้สึกลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก มันไม่เคยเจอหญิงสาวคนไหนที่จะมีร่องสวรรค์คับแน่นได้ขนาดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเคยเปิดบริสุทธ์มานักต่อนักแล้วก็ตาม ร่องสวรรค์เบื้องหน้านี้ฟิตแน่นไม่ต่างอะไรกับเด็กสาว ๆ อายุสิบห้าสิบหกที่ยังบริสุทธ์ผุดผ่องแม้แต่น้อย มันเชื่อมั่นอย่างเต็มร้อยว่ามันต้องเป็นผัวคนแรกของผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ ... ผู้ชายคนแรกของผู้หญิงที่สวยสง่าอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่มันเคยพบเจอมา

"มะ ... ไม่เอา ... อื๊ออ ... อูยสสสส ... ยะ อย่าา ... อะ อาาา" เธอร้องห้ามเสียงกระเส่ารับสัมผัสที่พยายามกดเบียดแทรกรุกล้ำเข้ามาในร่องอันคับแน่นของเธอ เธอพยายามออกแรงหนีบขาเข้าหากันเพื่อป้องกันการรุกล้ำ แต่กระนั้นความเสียวสยิวจากท่อนเนื้อร้อนผ่าวที่บดเบียดกับติ่งแตดของเธอทำเอาเธอแทบคลั่งเสียให้ได้ สะโพกขาวเนียนแทนที่จะขยับหนีอย่างที่ปากเธอเรียกร้อง แต่กลับส่ายร่อนขึ้นเหมือนจะเรียกร้องหาสิ่งนั้นมาเติมเต็มให้กับอารมณ์กระสันของเธอ

"... ช่วยด้วย ... อื๊อออ ช่วยหญิงด้วย .... ซี้ดดสส พี่เอก .... อาาาา" เพียงเวลาไม่นานนักเสียงร้องห้ามก็เงียบหายไปมีแต่เพียงแววตาที่หยาดเยิ้มเชิญชวนให้กระทำการสมสู่กับเธอ มือเล็ก ๆ ของเธอขยับไปลูบไล้สะเปะสะปะไปทั่วร่างสีดำคล้ำของเขา ร่างงามบิดไหวและเริ่มส่ายร่อนเอวอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทั่วทั้งร่างนั้นร้อนรุ่ม และมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาจนเป็นประกาย นักศึกษาสาวคนสวยไม่มีสติในการยับยั้งหลงเหลืออยู่อีกต่อไป ฤทธิ์ยาสวาทอัน
ร้อนแรงเริ่มทำงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง

ไอ้ชดขยับตัวอย่างร้อนรนด้วยยังไม่อาจล่วงล้ำเข้าไปสัมผัสภายในร่องสวรรค์ทั้งที่อยู่แค่เอื้อม ตอนนี้มันเกร็งตัวด้วยความตื่นเต้นจนบนใบหน้าของมันปรากฎเส้นเลือดปูดโปนแลดูน่าเกลียด มือหยาบหนาจับกระชับส่วนสะโพกด้วยสองมืออย่างแม่นมั่น ท่อนเอ็นที่แข็งประหนึ่งทวนจรดจ่ออย่างรอคอย มันกระดกก้นแอ่นเอวเตรียมกระเด้าทะลวงเข้าไปที่กลีบเสียวนั้นอย่างเต็มที่ อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น มันก็จะได้ลิ้มรสสวาทคุณหนูสุดสวยอยู่รอมร่อ ขอเพียงแค่มันได้กระเด้าเอวอีกสักสองสามทีมันก็จะได้ชื่อว่าเป็นผัวนักศึกษาสาวสวยแสนเซ็กส์ซี่ร้อนแรงดีกรีดาวมหาลัยกับเขาแล้ว ....สวรรค์ ... สวรรค์ของมันอยู่แค่เอื้อม


แต่กระนั้นของบางอย่างอาจจะอยู่แค่เอื้อม แต่ก็ไม่มีวันคว้าถึง ไอ้ชดที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาตของการขยี้สวาทขั้นสุดท้ายพลันรู้สึกได้ถึงของแข็ง ๆ มากระแทกใส่ใบหน้าตัวเองพร้อมกับเสียงดังพลั่ก จนร่างดำคล้ำของมันเซผงะออกจากเรือนร่างอวบอัดที่มันทับคล่อมอยู่จนล้มลงไปกระแทกกับพื้นทางเดิน

"ตายแล้ว ... เธอยังไม่โดนทำอะไรใช่มั้ย เรามาทันใช่มั้ย เธอยังไม่โดนพวกมันทำอะไรนะ" หญิงสาวร่างบางที่สวมหมวกกันน๊อคโยนท่อนไม้ที่เพิ่งใช้ฟาดชายหื่นทิ้งลงกับพื้น เธอร้องถามชุดใหญ่ด้วยความตกใจในสภาพของอีกฝ่ายก่อนรีบก้มลงไปประคองร่างเปลือยเปล่าที่ไร้เรี่ยวแรงอย่างเป็นห่วงเป็นใย

"ช่วยหญิงด้วย ... อือออ .... หญิงไม่ไหวแล้ว ... พี่เอกช่วยด้วย" ดวงตากลมสวยนั้นหรี่ปรือด้วยไม่อาจควบคุมสติได้อารมณ์สวาทที่ร้อนแรงประหนึ่งหินหลอมเหลวภูเขาไฟเผาผลาญสติของเธอจนหมดสิ้นแล้ว เธอไม่อาจรับรู้ด้วยซ้ำว่าใครที่อยู่เบื้องหน้าของเธอ สองมือสองแขนของเธอเพียงแต่ป่ายมือสะเปะสะปะไปมาไขว่คว้าหาความแข็งแกร่งของเพศตรงข้ามมาเติมเต็มให้กับรางกาย

"ตื่นซิยัยคุณหนู .... นี่ฟ้าเองนะ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เราจะพาแกออกไปจากที่บ้า ๆ แบบนี้เอง ... ตื่นเดี๋ยวนี้นะ"
ฟ้าถอดหมวกกันน๊อคออกวางข้างตัวให้เพื่อนเห็นตัวเองให้ชัด ๆ เธอตบหน้าหญิงเบา ๆ เพื่อพยายามเรียกสติหากแต่เพื่อนรักของเธอนั้นดูจะไร้สติโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาการแบบนี้เธอเคยได้ยินมาบ้างว่าน่าจะเกิดจากฤทธิ์ของยากระตุ้นประสาทอะไรสักอย่าง

"พี่เอกคะ ... ได้โปรด .... พี่เอกคะ หญิงไม่ไหวแล้ว พี่เอกช่วยหญิงด้วยนะ" หญิงไม่ตอบคำถามใด ๆ นอกเสียจากส่งเสียงร้องวิงวอนขอร้อง ร่างเปลือยเปล่านั้นบิดเร่ากระสับกระส่ายราวกับจะขาดใจตาย เธอผวาเข้ากอดรัดร่างของฟ้าเพื่อนสาวอย่างแนบแน่นแล้วลูบไล้ไปมาด้วยแรงกระตุ้นจากยาสวาท

"โธ่ แย่แล้ว ยัยคุณหนูรวบรวมสติหน่อยซิ แกต้องไม่เป็นอะไรนะ แกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเราจะรีบพาไปโรงพยาบาล"
ฟ้าพยายามประคองตัวหญิงขึ้นด้วยความทุลักทุเล การที่อีกฝ่ายกอดรัดลูบไล้ตัวเธอไม่หยุดแบบนี้ทำให้การประคองทำได้อย่างยากลำบากเหลือเกิน


"โอ๊ย เจ็บโว้ย อีนี่เป็นใครวะ มาขัดขวางความสุขของกู" ไอ้ชดที่เพิ่งโดนไม้ท่อนใหญ่หวดเข้าไปเต็มหน้าลุกขึ้นมาร้องโวยวาย มันจับจมูกของมันที่แตกจนมีเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดสด ๆ สีแดงไหลย้อยลงไปนองกับพื้นห้องเหมือนท่อประปาแตก

"แก นี่แก แกทำอะไรเพื่อนชั้น บอกมาเดี๋ยวนี้นะ" ฟ้าวางหญิงลงกับพื้นตามเดิมก่อนหยิบท่อนไม้ขึ้นมาใหม่ แล้วหันไปประจันหน้ากับไอ้ชดโจรสวาท เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังเปลือยล่อนจ้อนทั้งตัว

"จะทำอะไร ก็จะเอาเพื่อนมึงทำเมียไงวะอีดอก มึงมายุ่งแบบนี้กูจะเอามึงทำเมียด้วย มึงโดนกูแน่" ไอ้ชดพ่นลมหายใจแรง ๆ ขับเอาเลือดที่คั่งค้างอยู่ออกมา ก่อนเดินย่างสามขุมเข้าหาเด็กผู้หญิงร่างบอบบางด้วยความมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรมันได้

ร่างเปลือยเปล่าดำคล้ำนั้นขยับใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ ด้วยความประมาท สายตาของมันเริ่มจับจ้องที่ใบหน้าและทรวดทรงองค์เอวอันบอบบางของอีกฝ่ายมากกว่าที่จะสนใจท่อนไม้ที่อีกฝ่ายใช้เป็นอาวุธเสียอีก แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในชุดทะมัดทะแมงแต่ก็ไม่อาจจะปิดบังเสน่ห์แห่งสาวรุ่นที่น่าทะนุถนอมได้ มันก้มลองมองหน้าอกหนั่นแน่นที่โดนเสื้อผ้ารัดรึงไว้จนแทบแตกทะลักนั้นด้วยความหิวกระหาย แม้จะไม่เท่าคนแรก แต่ผู้หญิงคนนี้สำหรับมันแล้วก็จัดได้ว่าสวยน่าฟัดทีเดียว ความคิดชั่วช้าเริ่มทำงานวาดฝันอันแสนหวานอีกครั้ง มันตั้งใจจะกำราบอีกฝ่ายลงซะ จากนั้นก็จัดการผู้หญิงทั้งสองคนให้เป็นเมียของมันซะให้หมด

"อ๊อก" เพียงเสี้ยววินาทีที่ไอ้ชดไม่ทันระวัง ไม้แข็ง ๆ ท่อนนั้นก็พุ่งพรวดสวนกระแทกเข้ามาอย่างแม่นยำเข้าเต็มลำคอจนร่างกำยำของมันชะงักกึกหยุดนิ่ง มันยังโชคดีอยู่บ้าง ที่ปลายไม้นั้นทู่และด้าน ซึ่งหากปลายไม้แหลมพอล่ะก็มันคงโดนไม้ท่อนเล็ก ๆ นั้นเสียบทะลุคอไปเรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นแม้จะรอดจากการเจ็บหนักไปได้ แต่แรงกระแทกก็แรงพอที่จะทำให้เจ้าของร่างกำยำอยากจะแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย หากแต่เสียงร้องแห่งความเจ็บปวดก็ไม่อาจจะเล็ดลอดผ่านออกมาได้ด้วยความจุกแน่นที่ลำคอ ร่างดำคล้ำของมันจึงทำได้เพียงดีดเผงลงไปนอนดิ้นกระตุกเฮือก ๆ อยู่กับพื้นด้วยอาการเจ็บปวดผสมกับความรู้สึกขาดอากาศหายใจ มันเจ็บปวดเสียจนไอ้ชดถึงกับสลบเหมือดไปแทบจะในทันที

"เชอะ นึกว่าจะแน่" เมื่อฟ้าสาวน้อยผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้เห็นว่าอีกฝ่ายสลบไปแล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอรู้สึกยินดีที่อย่างน้อยวิชาเคนโด้ที่เธอเคยเรียนก็มีประโยชน์จนได้ เธอหันไปประคองร่างบอบบางไร้สติของเพื่อนสาวให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินไปตามทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวน่ากลัว เธอหวังว่าเธอจะสามารถพาเพื่อนรักของเธอให้รอดพ้นจากสถานการณ์แบบนี้ให้ได้เร็วที่สุด หากแต่เพียงเมื่อเดินพ้นบันได้ไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องพบกับชายร่างใหญ่บึกบึนแต่ออกท่าทางตุ้งติ้งยืนขวางทางออกจากตัวบ้านอยู่

...............................................................

"อีชะนี นี่แกเป็นใครกันยะ แล้วจะพาอีดอกที่ชอบแย่งผัวของฮันนี่ไปไหน" ฮันนี่ยืนมองด้วยความแปลกใจ ที่อยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อีกคนเดินประคองเหยื่อสวาทของเจ้านายเดินออกมาเฉย ๆ โดยไม่มีใครขัดขวาง แทนที่จะได้เห็นภาพคุณหนูไฮโซคนนั้นโดนข่มขืนจนยับเยิน

"ถอยไปนะ" ฟ้าส่งเสียงร้องขู่อย่างดุดัน แต่ด้วยรูปร่างตัวที่ต่างกันเกือบสองเท่าก็เหมือนลูกแมวน้อยพยายามร้องเมี้ยว ๆขู่พญาช้างสารก็ไม่ปาน

"แล้วทำไมคนสวยอย่างชั้น ต้องถอยให้พวกชะนีอย่างหล่อนด้วยล่ะยะ" ฮันนี่ตอบด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายดูจะสวยและน่ารักไม่แพ้คนที่เจ้านายชื่นชอบ และที่สำคัญที่สุดก็คือฮันนี่เกลียดผู้หญิงทุกคนที่สวยและน่ารัก

"... คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ..." ฟ้าวางร่างของเพื่อนสาวลงไปนั่งพิงผนังห้องอีกครั้ง ก่อนจับท่อนไม้ขึ้นมาแล้วหันไปตั้งท่าเตรียมรับมือคู่ต่อสู้ร่างใหญ่ยักษ์ที่ขวางทางอยู่

"โอ๊ะ โอ๊ะ ท่าทางจะพอรู้วิชาการต่อสู้กับเขาบ้างนะอีชะนีคนนี้ เรียนอะไรมาล่ะเคนโด้เหรอ" ฮันนี่เดินเข้าหาอย่างช้า ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง พลางบิดหมุนคอยืดเส้นยืดสายจนดังกร๊อบแกร๊บ

"เรียนอะไรก็ช่าง แต่ถ้าชั้นเป็นชะนี เธอก็ต้องเป็นไอ้ตัวนั่นซิ ... อะไรดีนะ ฮิปโปขึ้นอืดล่ะมั้ง" ฟ้าตอบเสียงกระแทกพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธให้มากที่สุด

"ต๊าย อีชะนีตัวนี้ ปากคอเราะร้าย เดี๋ยวแม่จะจับตบให้ฟันหลุดหมดปากเลยคอยดู" ฮันนี่กระเทยควายร่างใหญ่ยักษ์ย่อตัวแล้วพุ่งเข้าหาฟ้าด้วยความคล่องแคล่วว่องไวผิดกับขนาดร่างกาย เพียงพริบตาร่างใหญ่ยักษ์นั้นก็แทบจะประชิดตัวเธอ สองแขนล่ำบึ้กโอบมาจากทั้งซ้ายและขวาพร้อมจะบีบเธอให้บี้แบนตายในชั่วพริบตา
   
ฟ้าตะลึงไปชั่วขณะด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่มีร่างกายใหญ่โตจะเคลื่อนไหวร่างกายได้ไวขนาดนี้ แต่กระนั้นเธอเองก็ยังคงว่องไวกว่าอีกฝ่าย ร่างบอบบางเล็ก ๆ นั้น ก้มตัวแล้วสืบเท้าพุ่งลอดหลบท่อนแขนล่ำบึ้กนั้นไปทางขวามือได้แบบฉิวเฉียด และเมื่ออ้อมหลบไปด้านหลังได้ฟ้าก็เงื้อท่อนไม้และฟาดใส่ท้ายทอยของอีกฝ่ายเต็มแรง

เสียงไม้กระทบเนื้อดังตุบขึ้นมาหนึ่งครั้ง แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผลอะไรเลย ไม่เพียงไม่มีอาการชะงักใด ๆ หากแต่ท่อนแขนใหญ่นั้นกลับฟาดมาด้านหลังแทบจะในทันทีด้วยซ้ำ ฟ้าก้มตัวหลบอย่างหวุดหวิดอีกครั้ง ท่อนแขนวาดผ่านอากาศเหนือหัวของเธอไปเพียงนิ้วเดียว ฟ้าที่ยังไวพอพยายามฝืนมือที่กำลังชาดิกจากการฟาดไม้ครั้งแรก จับไม้แล้วฟาดไปที่หัวเข่าของอีกฝ่าย
อีกครั้งอย่างต่อเนื่อง แล้วรีบดีดตัวถอยออกห่างหากแต่เธอยังคงรู้สึกเหมือนเดิม ว่าอีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไรเลย

"เอาอะไรมาสะกิดชั้นยะ ... ไวเหมือนชะนีจริง ๆ นะอีนี่" ฮันนี่หันตัวมามองด้วยท่าทางไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้นกับการฟาดเต็มแรงของฟ้า กลับเป็นฟ้าเสียอีกที่โดนแรงกระแทกกลับจนง่ามมือชาดิก

"แกซิ ทนยิ่งกว่าแรดขึ้นอืดเสียอีก" ฟ้าพยายามพูดข่มสู้ แม้ว่าตัวเองจะขาดความมั่นใจในการโจมตีไปแล้วก็ตาม

"เก่งดีนี่ หลบไว แล้วก็รู้จักพูดยั่วยุทางจิตวิทยา ... แต่นั่นใช้ได้เฉพาะพวกชั้นต่ำนะจ๊ะ ใช้กับฮันนี่ที่เคยเป็นแชมป์มวยปล้ำไม่ได้หรอก แค่เอาไม้จิ้มฟันอันเหล็ก ๆ นี่ตียังไงก็ไม่รู้สึก สู้แรงทุบ แรงตีของผู้ชายตัวใหญ่ ๆ กล้ามโต ๆ ก็ไม่ได้" ฮันนี่พูดทำหน้าเฉยชาด้วยรู้ว่าตนเองกำลังคุมความได้เปรียบ

ฟ้าที่เริ่มจะสูญเสียความมั่นใจยิ่งรู้สึกเหมือนโดนตอกย้ำความเสียเปรียบเข้าไปอีก เธอรู้ดีว่าถึงแม้ว่าเธอจะฝึกหนักยังไงก็ยังคงก้าวข้ามไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่าข้อจำกัดของร่างกาย ผู้หญิงอย่างเธอหากต้องสู้กับผู้ชายตัวใหญ่ ๆ แล้ว ก็ทำได้แค่โจมตีไปยังจุดอ่อนเท่านั้น และหากการโจมตีจุดอ่อนไม่ได้ผลเธอก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำยังไง และที่สำคัญเธอก็ไม่มีเวลาพอที่จะมาหลอกล่อต่อสู้แบบยืดเยื้อเสียด้วย

"เดี๋ยวจะแสดงให้ดูว่าพวกเพศชะนีอย่างพวกหล่อนน่ะ ไม่มีทางสู้กับเพศที่สามอย่างฮันนี่ได้หรอกย่ะ" ฮันนี่เดินไปยกเอาโต๊ะตัวใหญ่น้ำหนักเกือบร้อยกิโลขึ้นจากพื้นอย่างสบายมือ แล้วเหวี่ยงหวือพุ่งมาทางฟ้าเหมือนกับเหวี่ยงหินก้อนเล็ก ๆ

ฟ้าร้องลั่นในใจแต่ก็อาศัยความคล่องตัวพุ่งหลบฉากออกมาทางซ้ายอย่างหวุดหวิด โต๊ะไม้ตัวใหญ่ลอยหวือไปชนผนังบ้านเสียงดังโครมสนั่น จนตัวบ้านสะเทือน ผลคือโต๊ะไม้หักเป็นชิ้น ๆ ส่วนผนังก็เป็นรูโหว่รูใหญ่ ฟ้าหันไปมองก่อนกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ด้วยความตระหนก

"เอ้า คราวนี้เอาเก้าอี้ไป" ขณะที่ฟ้ายังคงล้มตัวกลิ้งอยู่กับพื้น ฮันนี่ก็หันไปหยิบเก้าอี้ขึ้นมาข้างละตัว แล้วเหวี่ยงจนลอยหวือไปทางฟ้าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ฟ้ารีบลุกและกระโดดหลบเก้าอี้ตัวแรกจนพ้น แต่แล้วขณะที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเก้าอี้ตัวที่สองก็ลอยหวือพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กบอบบางนั้นพยายามเอี้ยวตัวหลบเท่าที่จะทำได้ หากแต่ปลายขาเก้าอี้นั้นก็ชนเกี่ยวเข้ากับแขนซ้ายของเธอจนได้ เก้าอี้กระแทกร่างของเธอเสียงดังพลั่กก่อนจะกระเด็นไปทางหนึ่ง ส่วนร่างเล็กบอบบางนั้นก็ร้องว้ายก่อนเซถลาด้วยแรงกระแทกลงไปล้มกลิ้งกับพื้นห้องอีกทางหนึ่ง

"ก็แค่นี้เอง พวกชะนีดีแต่อ่อนแอ ร้องหาผัวไปวัน ๆ สู้ฮันนี่ก็ไม่ได้ ฮันนี่เก่งกว่าตั้งเยอะ ฮันนี่ปกป้องผัวตัวเองได้" ฮันนี่หันไปมองร่างบอบบางของอีกฝ่ายที่ล้มกลิ้งคลุกฝุ่นอยู่กับพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วหันเดินย่างสามขุมเข้าไปใกล้ ๆ

"อูยยย ..." ฟ้าบิดตัวงอนอนกอดแขนซ้ายของตัวเองอยู่กับพื้น เธอรู้สึกเจ็บแปลบจากแรงกระแทกนั้น ความรู้สึกเจ็บชาในตอนแรกค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดจนน้ำตาไหล ตอนนี้เธอคิดว่าแขนของเธออาจจะหักไปแล้วก็ได้ เธอแทบจะหมดสติไปกับความรู้สึกเจ็บนี้ หากแต่เมื่อเธอสังเกตเห็นเพื่อนรักที่รอความช่วยเหลืออยู่ที่อีกด้านทำให้เธอพยายามฝืนใจไม่สลบลงไปอย่างที่ร่างกายเรียกร้อง

"เก่งนี่ ยังไม่สลบอีก ทนนักนะอีชะนีตัวนี้" ฮันนี่เดินเข้าไปจับร่างของฟ้าขึ้นมายืนง่ายเหมือนอุ้มเด็กตัวเล็ก ๆ จากนั้นก็ออกแรงบีบแขนซ้ายข้างที่กำลังเจ็บอยู่ของฟ้าอย่างแรง

"โอ๊ยยย ๆ ๆ ๆ เจ็บ ๆ โอ๊ย ปล่อยนะ โอ๊ยยยย" ฟ้ากรีดร้องเสียงดัง ร่างบอบบางกระตุกไปทั้งร่างเมื่อโดนซ้ำเติมความเจ็บนั้นด้วยความเจ็บที่หนักขึ้น แขนซ้ายที่โดนกระแทกนั้นเจ็บจนชาดิก

"ว่าไง ยอมแพ้หรือยังยะ อีนังชะนี พูดซิว่าฮันนี่คนนี้สวยน่ารักที่สุด" ฮันนี่ผู้แข็งแกร่งกว่าชายอกสามศอก กระชากร่างของฟ้าเข้ามาใกล้ ๆ จนใบหน้าที่มีแต่สิวเขรอะนั้นแทบจะชิดกันกับใบหน้าสวยใสของอีกฝ่าย

"ไม่ยอม โอะ โอ๊ยยย เจ็บ ๆ โอ๊ย" ฟ้าไม่ยอมพูดตามที่อีกฝ่ายเรียกร้องเลยโดนบีบแขนซ้ายแรงขึ้นอีก

"ยอมมั้ย" ฮันนี่แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ขณะออกแรงบีบแขนซ้ายของอีกฝ่ายหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัวว่าจะหักแตกสลายคามือในไม่ช้า

"ไม่ยอมหรอก ... ย่าห์" ฟ้าพยายามข่มความเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง เธอรู้สึกเจ็บน้อยลงแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายบีบแรงน้อยลงหรอก แต่เป็นเพราะแขนซ้ายของเธอตนนี้ชาจนแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้วต่างหาก ในระยะประชิดนี้ฟ้าออกแรงตีเข่าเข้าไปยังหว่างขาของอีกฝ่ายเต็มแรงจนเสียงดังปึ้ก

"โอ๊ยยยยยยยย" และมันได้ผล อีกฝ่ายแม้จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ยังเป็นผู้ชายที่มีจุดอ่อนสำคัญอยู่วันยังค่ำ และฮันนี่แม้จะเป็นเพศที่สามแต่ในเมื่อยังไม่ได้กำจัดจุดอ่อนส่วนนี้ทิ้งไป เมื่อโดนเข่าเข้าไปเต็ม ๆ ดอกจึงต้องปล่อยมือที่จับอีกฝ่ายอยู่ แล้วทรุดตัวฮวบลงไปนอนจุกกับพื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวทรมาณอย่างที่สุด

ฟ้าที่หากตอนนี้อยู่ในสภาวะปกติ คงจะต้องลงมือโจมตีซ้ำไปแล้ว หากแต่ว่าตอนนี้เธอเองนั้นเจ็บจนสติเริ่มจะลืมเลือนเหมือนจะสลบลงไปได้ในทุกวินาทีหากเพียงผ่อนคลายอารมณ์ลง เธอใช้มือขวากุมแขนซ้ายที่ชาดิกเบา ๆ แล้วพิงตัวกับผนังห้องด้วยรู้ตัวว่าหากล้มลงไปอีกครั้งเธอคงจะสลบลงไปแน่ ๆ ร่างบอบบางนั้นค่อย ๆ เดินเกาะผนังอย่างช้า ๆ ไปทางร่างเปลือยเปล่าของเพื่อน
สาวที่กำลังกระสับกระส่ายบิดตัวไปมารอคอยความช่วยเหลืออยู่

..............................

"อูยยยย ... อีชะนี มึงกล้านักนะ มึงต้องตาย" เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ฮันนี่ที่เพิ่งจะคลายความจุกแน่นไปบ้างลุกขึ้นยืนด้วยดวงตาที่แดงกล่ำ มันวิ่งพุ่งเข้าหาฟ้าที่เดินเกาะผนังห้องอยู่อีกด้านอย่างดุดัน ด้วยกะจะกระแทกอีกฝ่ายให้บี้แบนตายไปซะในทีเดียว ร่างใหญ๋ยักษ์บัดนี้เสมือนกับวัวกระทิงตัวใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้าขวิดเหยื่อที่น่าสงสาร

ฟ้ายืนมองภาพเบื้องหน้าด้วยสติที่แทบจะหมดสิ้นอยู่แล้ว เธอเห็นชัดว่าร่างใหญ่ยักษ์นั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ หากแต่ว่าเธอไม่อาจจะสั่งการให้ร่างกายของเธอหลบหลีกหรือกระทำการอะไรได้อีกต่อ เวลาในตอนนั้นเหมือนจะเดินช้าลงจนน่ากลัว ในหัวเธอเริ่มจะเห็นทุกอย่างเบลอไปหมด เธอเห็นใบหน้าของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเธอผุดขึ้นมาในความคิด เธอเห็นเพื่อนของเธอ เธอเห็นหญิงเพื่อนที่เธอรักที่สุด และสุดท้ายเธอก็เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นผู้ชายคนแรกของเธอ ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบลงไปอย่างรวดเร็ว

โครมมมม

เสียงร่างใหญ่ยักษ์นั้นพุ่งกระแทกเข้าใส่เสียงดังสนั่น ฝาผนังบ้านทะลุเป็นรูโหว่รูใหญ่โดยมีร่างใหญ่ยักษ์นั้นค้างเติ่งติดอยู่ในรูนั้นส่วนฟ้านั้นถือว่าโชคดีมาก ที่เธอหมดสติจนร่างไถลวูบลงไปนอนกับพื้น หากไม่เช่นนั้นแล้ว ร่างบอบบางเล็ก ๆ นั้นคงจะโดนร่างใหญ่ยักษ์ของอีกฝ่ายพุ่งกระแทกเข้าใส่จนแตกหักไปทั้งร่าง

เสียงครึ่ก ๆ ดังออกมาพร้อมกับเศษหินเศษไม้ที่ร่วงหล่นออกมาจากผนัง ฮันนี่ที่ยังไม่สิ้นสติพยายามดันตัวขยับออกมาจากรูที่ตัวเองพุ่งทะลุถลำเข้าไป และเมื่อมันดันตัวออกมายืนทรงตัวได้ มันก็หัวเราะด้วยความชอบใจในชัยชนะที่เห็นคู่ต่อสู้นอนสลบไสลอย่างพ่ายแพ้อยู่กับพื้นห้อง และมันก็ยิ่งหัวเราะขำดังขึ้น เมื่อเห็นสภาพของไอ้ชดที่กำลังเดินกุมคอโซซัดโซเซอย่างเจ็บปวดลงมา
จากด้านบน

"ไอ้ชด มึงจะเอาอีชะนีตัวโน้นไปทำเมียที่ไหนก็ได้นะ แต่อย่าให้มันกลับมาให้พี่พิชัยเห็นอีก ส่วนอีชะนีตัวที่สลบอยู่นี่ มันทำกูเจ็บ กูจะพาไปให้พรรคพวกรุมโทรม ดูซิว่ามันจะฆ่าตัวตายหนีเหมือนอย่างที่อีชะนีสองตัวก่อนนั่นมันทำหรือเปล่า ถ้ามันทำกูจะได้เอาไปฝังไว้ที่เดียวกันเลย" ฮันนี่พูดหน้าตาเหี้ยมเกรียมด้วยความเจ็บแค้น มันเดินไปหยิบเอาหลอดยาที่อยู่ในตู้ออกมาแล้วจับกรอกปากใส่ฟ้าที่สลบไสลอยู่จนหมดทั้งหลอด ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่ายาใส ๆ ที่ไหลลงคอของเธอไปนี้ คงไม่พ้นเป็นยาสวาทแบบเดียวกับที่หญิงเพื่อนรักของเธอโดนไปอย่างแน่นอน

สองสาวเพื่อนรักจะต้องผจญกับชะตากรรมแบบไหน เมื่อไอ้ชดที่ฟื้นสติแล้วกำลังเดินกุมคอตัวเองที่มีรอยช้ำลงมา นี่อาจจะถือได้ว่าเป็นโชคร้ายมากกว่าโชคดีของฟ้าก็ได้ เพราะแม้จะรอดจากความตายมาได้ แต่ในตอนนี้ทั้งหญิง และฟ้าต่างก็ไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่น้อย คนหนึ่งนั้นสลบไสลด้วยความเจ็บปวด ส่วนอีกหนึ่งนั้นแม้จะไม่ได้สลบ แต่ก็ไม่ได้มีสติใด ๆด้วยโดนฤทธิ์ยากระตุ้นสวาท เข้าไปจนหมดสิ้นซึ่งการควบคุมตัวเอง หรือน้องหญิงและน้องฟ้า จะมีชะตากรรมเฉกเช่นเดียวกันกับนักศึกษาสาวเหยื่อสวาทที่พวกมันเคยพามารุมโทรมและต้องหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ???


..................................................................................


"จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอน....." ชายหัวล้านขี้ยาฮัมเพลงไปพลาง เต้นท่ายึกยักไปพลาง ขณะกำลังยืนฉี่ที่บริเวณหลังบ้านไปพลางอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาของมันแดงก่ำ แต่ฉ่ำเยิ้มด้วยเมามายในรสชาตของควันนรกที่มันสูบเข้าไปสายน้ำเล็ก ๆ สีเหลืองพุ่งลงไปกระทบผืนดินหลังบ้านบริเวณที่ถูกใช้เป็นหลุมฝังศพเหยื่อสวาทผู้น่าสงสารทั้งสองชีวิตอย่างไม่รู้สึกรู้สา

"เอิ๊ก เอิ๊ก ๆ พวกมึงนึกว่าตายแล้วจะรอดจากกูไปได้เหรอวะ ตอนพวกมึงอยู่ก็ไม่รอดควยกู ตอนพวกมึงตายก็ต้องมาทนกับควยกูอยู่ดี ตอนพวกมึงอยู่ต้องกินน้ำเงี่ยนกู ตอนพวกมึงตายก็ต้องกินฉี่กูอีก กินเข้าไปเยอะ ๆ เลยเว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ... "

"เอ ทำไมฟ้ามืดเร็วจังวะ หรือว่ากูจะเมายา อย่างนี้สงสัยต้องถอนอีกซักกระบอก เอิ๊ก เอิ๊ก .... จั่งซี่มันต้องถอน จั่งซี่มันต้องถอนจั่งซี่มันต้องถอน ....."

ไอ้ขี้ยาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยความแปลกใจที่ตอนนี้ท้องฟ้ายามบ่ายกลับมืดครึ้มอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน เมฆฝนสีดำมืดทึบครอบคลุมท้องฟ้าจนแทบจะเหมือนเป็นเวลากลางคืน ก่อนก้มหน้าลงมองผลงานการละเลงฉี่เคารพหลุมฝังศพของเหยื่อสวาทที่มันได้กระทำการรุมโทรมข่มขืนจนอีกฝ่ายต้องหนีด้วยการฆ่าตัวตายอย่างสบายอารมณ์

"เอ๊ะ ... เสียงอะไรวะ" ไอ้หัวล้านขี้ยาเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในป่า เมื่อรู้สึกได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมาอย่างแผ่วเบา เสียงนั้นเริ่มแรกเหมือนจะเป็นเสียงเพลง แต่เมื่อฟัง ๆ ไปแล้วเสียงนั้นก็แว่วดังคิกคักเหมือนสุ้มเสียงหัวเราะของคนนับสิบนับร้อยที่ดังแว่วมาพร้อมกัน และเสียงนั้นแม้จะเริ่มจากแผ่วเบาแต่มันก็ยิ่งทวีชัดขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้หัวล้านเริ่มได้ยินประหนึ่งว่าต้นไม้และต้นหญ้าทุกต้นที่อยู่ล้อมรอบตัวกำลังส่งเสียงกระซิบกระซาบ และหัวเราะเยอะใส่มัน เสียงนั้นวังเวงน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงไหน ๆ ที่มันเคยได้ยินมาก่อน ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้าไปในจิตใจของมัน ยิ่งเสียงนั้นชัดเจนมากเท่าไหร่ ท้องฟ้าก็ยิ่งมืดครึ้มประหนึ่งเวลากลางคืนมากยิ่งขึ้น อากาศที่เมื่อกี้นี้ร้อนอบอ้าวจนเหงื่อตก กลับเริ่มเย็นเยียบลงอย่างรวดเร็วจนมันขนลุก

"เงียบโว้ย กะ กะ กู กู กู มะ ไม่ ไม่กลัว พวกมึงหรอก โว้ย กูไม่กลัว กูไม่กลัว ได้ยินมั้ยวะ ปะ ไป ไป ให้พ้นโว้ย" ไอ้หัวล้านตะโกนเสียงดังเพื่อกลบเสียงแห่งความหวาดกลัวในใจ แต่กระนั้นร่างกายของมันกำลังสั่นระริกด้วยความกลัวอย่างไม่อาจจะบรรยายได้ มือและเท้าของมันสั่นระริก ขนลุกชันทั่วร่าง และแม้กระทั่งคำพูดของมัน มันก็ยังแทบควบคุมไม่อยู่

มันตัดสินที่จะรีบวิ่งหนีกลับไปหาพรรคพวก แต่กระนั้นก็เริ่มรู้สึกเหมือนว่าแผ่นดินกำลังเคลื่อนไหวเบา ๆ ที่ใต้เท้าของมัน และเมื่อมันก้มลงมองดูก็รู้สึกตัวแข็งทื่อจนทำอะไรไม่ถูก ผืนดินที่กลบซากศพสองนักศึกษาสาวเหยื่อสวาทของพวกมันตอนนี้สั่นยวบ ๆ เหมือนมีอะไรกำลังขุดคุ้ยรื้อแผ่นดินขึ้นมา เศษดินเศษใบไม้ที่มันยืนเหยียบอยู่นั้นสั่นไหวยวบแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนพร้อมจะทรุดตัวลงไปได้ทุกเมื่อ ไอ้ชดที่ยืนตัวสั่นลุ้นอยู่หัวใจเต้นเร็วจนแทบระเบิดออกมาจากอก มันพยายามปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่สิ่งที่มันกำลังกลัว ไม่ใช่สิ่งที่มันกลัว ไม่ใช่สิ่งที่มันกลัว .... มันค่อย ๆ เริ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อการสั่นยวบของผืนดินนั้นหยุดลง ... แต่แล้วขณะที่มันถอนหายใจเฮือกใหญ่นั้น ก็มีแสงแวบวาบของสายฟ้าที่วิ่งแปลบปลาบอยู่บนท้องฟ้า พร้อมๆ  กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังเน่าเปื่อย และเต็มไปด้วยหนอนยั้วเยี้ยสี่มือพุ่งพรวดออกมาจากผืนดินขึ้นมาจับยึดขาของมันเอาไว้จนแน่น

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงฟ้าร้องดังลั่นตามแสงแวบวาบที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว

"วะ .... วะ ... วะ ...... ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก" เสียงไอ้หัวล้านขี้ยาแหกปากร้องด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดชีวิตเสียงตะโกนของมันคงจะดังลั่นจนได้ยินไปทั่วทั้งบริเวณ หากเพียงแต่ว่าเหมือนสรรพสิ่งรอบข้างจะช่วยกันปิดบังให้ไว้เพราะเสียงแห่งความหวาดกลัวของมันกลับโดนเสียงแห่งท้องฟ้าที่ร้องคำรามในเวลาเดียวกันกลบเสียจนสิ้น

การแก้แค้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !!!

..................................................................................



เบื้องหลังของหมอเสือมีใครอยู่ ?
ใครจะเป็นฝ่ายหักหลังใคร ?
อะไรอยู่ในหลอดแก้ว ?
ชายท่าทางเจ้าเล่ห์ และ ชายใส่แว่น นั้นคือคู่แค้นของหมอเสือใช่หรือไม่?
เกิดอะไรขึ้นกับเอก?
น้องหญิง และน้องฟ้า จะรอดจากกรรมในครั้งนี้หรือไม่?
กรรมจะสนองตอบพวกคนชั่วอย่างไร ?

และคำถามสำคัญ
จะต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะได้อ่านตอนใหม่ ? :lol:  :lol:  :lol:


โปรดติดตามชมตอนต่อไปครับ ^ ^"




series120

อยากไปอยู่ระหว่างน้องหญิงและน้องฟ้าตอนนี้เหลือเกิน...คงมันส์พิลึก  ::Glad::