ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ก้อย season 2 ep 16 By ukisa

เริ่มโดย godgod610, สิงหาคม 02, 2011, 10:41:39 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

godgod610

ผมหลับตลอดทางจนถึงสนามบิน แล้วผมก็หลับต่อจนถึงเกาะโอกินาวะ เอริกะปลุกให้ผมตื่นเพื่อลงจากเครื่อง เรานั่งแท๊กซี่มาที่โรงแรมริมทะเลตอนนั้นใกล้มืดแล้ว อีกอย่างผมก็เหนื่อยมาก ผมเลยให้เธอสั่งอาหารมาทานกันสองคนที่ห้อง หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็อาบน้ำด้วยกันโดยครั้งนี้ เราไม่ได้มีอะไรกันเหมือนทุกที คงเพราะผมเหนื่อยมากและเอริกะเองคงโดนเอ็นผมไปเต็มอิ่มแล้ววันนี้ เราสองคนนอนกอดกันหลับจนถึงเช้า

แล้วก็เหมือนเดิม ผมตื่นมาเพราะรู้สึกมีอะไรเปียกๆ ที่แก้มและที่หว่างขา พอผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นเอริกะจังกำลัง หลับตาพริ้มควบเอวอยู่บนตัวผม หน้าอกเธอเด้งไปมา ผมเลยดันตัวขึ้นไปงับหน้าอกข้างขวาของเธอ เอริกะซูดปากพร้อมกับขมิบรูสวาทอย่างแรงหลายครั้ง ผมซึ่งแทบไม่ได้ตั้งตัวถึงกับมีน้ำไหลออกมาจากรูปลายหัวบาน แล้วเอริกะก็ดันผมให้นอนลง เธอก้มมาประกบปากจูบผม แล้วเร่งควบเอวถี่ยิบ ผมเสียวจนอยากจะร้องออกมาแต่โดนเอริกะเอาลิ้นอุดปากอยู่ แล้วเราก็แอ่นตัวกระตุกพร้อมกันหลายครั้งก่อนจะนอนสงบนิ่ง

เราคลอเคลียกันอยู่ซักพักเอริกะก็ชวนผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเล่นน้ำทะเลกัน เอริกะใส่ชุดว่ายน้ำทูพิชสีส้มสวยมาก หุ่นเธอสวยมากๆ สมส่วนไปหมดทั้งตัว ยกเว้นหน้าอกเท่าลูกส้มโอของเธอที่จริงมันก็ดีนั้นแหละ เราลงไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันทั้งวัน เราสองคนเดินเที่ยวซื้อขนมจากทุกร้านที่เจอมากินกันสองคน จนเที่ยงเรากลับขึ้นไปอาบน้ำและเตรียมตัวลงมาทานข้าวเที่ยงกัน แต่โทรศัพท์ของเอริกะดังขึ้นมาซะก่อน เธอรับสายเสร็จ เอริกะก็ทำหน้านิ่งๆ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เธอออกมาพร้อมกับชุดทำงาน

"มีอะไรหรอ บอส มาที่นี่ด้วยหรอ"
"เปล่าค่ะ แต่มีคนมาขอพอยูกิซัง เค้ารอยู่ที่ล๊อบบี้" เอริกะ
"ใครกันหนะ แล้วทำไมเอริกะจังต้องแต่งตัวเป็นทางการด้วยหละ"
"รีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวเค้าจะรอ"

ผมลงไปที่ล๊อบบี้ทั้งๆ ที่ยังใส่เสื้อชายทะเลและกางเกงขาสั้น หญิงสาวร่างเล็กนั่งรอผมอยู่พร้อมกับชายสูทดำยืนรอบๆ ไม่ต่ำกว่า 10 คน พอเข้าไปใกล้ผมก็จำเธอได้ ผมตะโกนเรียกเธอ

"โชโกะจัง Please to meet you again"
"ยูกิซัง" โชโกะลุกขึ้นพร้อมกับวิ่งมาหาผม

ผมรู้สึกดีใจจนแทบจะกอดโชโกะ แต่ก็นึกได้ถึงคำเตือนของซาโตชิและท่าทางของบอร์ดี้การ์ดของโชโกะที่ทำท่าจะเข้ามารุมผมตอนที่โชโกะวิ่งมาหาผม ผมเลยทำได้แค่จับมือเธอไว้ทั้งสองข้าง แค่นั้นผมก็รู้สึกได้ว่าเอริกะกำลังจ้องผมตาเขม็ง แต่ที่โหดกว่านั้นคือสายตาพวกบอร์ดี้การ์ดที่เหมือนกำลังจะรุมกระทืบผมหยังกับผมไปจับหน้าอกเจ้านายของพวกมัน
*บทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่ขอแปลเป็นไทยเพื่อง่ายต่อการอ่าน (และการแต่งด้วย 55)

"โชโกะคิดถึงยูกิซังมากนะ ทำไมมาญี่ปุ่นแล้วถึงไม่ยอมมาหาโชโกะก่อน" โชโกะ
"ขอโทษทีนะ ซาโตชิบอกว่าโชโกะจัง ไม่ค่อยว่าง ผมเลยไม่อยากรบกวน"
"ทำไมพูดแบบนั้นหละ เราสองคนลึกซึ้งเกินกว่าจะมีคำว่าไม่ว่างแล้วนะ" โชโกะ
"แต่มันก็นานมาแล้วนะ ผมเองคิดว่าโชโกะจังคงแต่งงานไปแล้วซะอีก"
ผมรู้สึกได้ว่าโชโกะจังเปลี่ยนไปจากเด็กสาวที่เคยเจอ และผมก็เริ่มกังวลกับความสัมพันธ์ในอดีตกับเธอ ยิ่งเธอทวงถามเอาตรงๆ แบบนี้ ผมเริ่มทำใจลำบาก เพราะตอนนี้ผมมีเมียแล้ว 3 คน แล้วจะความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวกับเอริกะจังอีก
"เราไปทานข้าวแล้วคุยเรื่องความหลังกันเถอะ" โชโกะ

โชโกะลากมือผมให้ตามไป เอริกะเดินตามผมมาห่างๆ แต่พวกบอร์การ์ดนี่ซิแทบจะเดินประกบตัวผมเลย ผมกับโชโกะไปนั่งกินข้าวกันสองคนที่ร้านในโรงแรม ผมแอบมองเอริกะหลายครั้ง นี่ถ้าเป็นซาโตชิผมคงเรียกให้เธอมานั่งทานด้วยอีกแน่ๆ แต่นี้เป็นโชโกะ ผมไม่รู้ว่าเธอจะโกรธจนสั่งลูกน้องทำอะไรเอริกะจังหรือเปล่า

"ซาโตชิแต่งงานแล้ว เมื่อไหร่ยูกิซังจะไปพบคุณพ่อของโชโกะหละ" โชโกะ
ผมรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก
"งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จเราไปเจอคุณพ่อกันนะ หลังจากนั้นเราจะได้เตรียมตัวจัดงานแต่งกัน" โชโกะ
"โชโกะจัง"
"มีอะไรค่ะยูกิซัง" โชโกะ
"ที่ผมเคยบอกโชโกะจังว่ารัก ตอนนั้นผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ" 
เอริกะที่ยืนฟังอยู่กำมือแน่นในตาเริ่มมีน้ำตาเอ่อออกมา
"ก็ดีแล้วนี่ค่ะ โชโกะเองก็ไม่เคยมีใครอีกหลังจากที่ เจอยูกิซังที่ประเทศไทย" โชโกะ
ผมกลืนน้ำลายเอือกเพราะคำพูดขอโชโกะจัง นี่ไม่ใช่แค่เอริกะที่กำลังเสียใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ผมกำลังจะทำให้ ก้อย แนน เจน จะต้องเสียใจกับเรื่องนี้ด้วย
"คือโชโกะจัง ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว"
"มันไม่เหมือนกันยังไง ยูกิซังมีคนอื่นหรอ ผู้หญิงที่มาด้วยนี่ใช่ไหม" โชโกะพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
"ไม่ใช่ ผมมีเมียแล้ว อีกสองวันเมียผมก็จะบินตามมา ผมขอโทษในเรื่องที่ผมเคยทำไป ผมผิดเอง ผมไม่เคยคิดว่าระหว่างเรามันจะสมหวังได้ และผมก็คิดว่าโชโกะจังอาจจะลืมผมไปแล้วเพราะโชโกะจังเองก็ไม่เคยติดต่อผมเลยหลังจากที่เราจากกัน"
โชโกะลุกขึ้นพร้อมกับตะหวาดลั่น
"เพราะนั่งนี่ใช้ไหม ยูกิซังถึงไม่อยากแต่งกับโชโกะ ยูกิซังรักมันมากกว่าโชโกะใช่ไหม" โชโกะ
"ไม่ใช่นะโชโกะจัง เอริกะจังไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าจะโกรธ ขอให้โกรธผมหลายใจไม่ได้มีแต่โชโกะจังคนเดียว แต่หลังจากที่เราจากกันโชโกะจังก็ไม่เคยติดต่อผมเลย ผมส่งเมลไปก็ไม่เคยตอบ ผมเลยคิดเอาเองว่าโชโกะจังคงลืมผมไปแล้ว"
"อย่ามาแก้ตัวแทนมัน แล้วยูกิซังจะต้องเสียใจที่ทำให้โชโกะผิดหวัง" โชโกะ

โชโกะลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านโดยมีเหล่าบอร์ดี้การ์ดเดินตามออกไป ผมรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่โชโกะเป็นตอนนี้มากเธอเอาแต่ใจ ชอบใช้อำนาจ ไม่เหมือนกันเด็กสาวที่ผมเคยรู้จัก ถ้าเธอเป็นแบบนี้ต่อให้ผมรอเธออยู่จริงๆ ผมก็คงรักเธอไม่ลง ผมบอกให้เอริกะนั่งทานอาหารกับผม เอริกะดูเป็นห่วงผมมาก เธออยากให้ผมรีบกลับโตเกียวก่อนจะมีเรื่อง แต่ผมบอกเธอว่าคงไม่มีเรื่องอะไร โชโกะคงไม่ทำอะไรผมหรอก โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าผมคิดผิด

หลังทานอาหารเสร็จผมก็ให้เอริกะพาเที่ยวต่อเพื่อลมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เอริกะไม่เต็มใจนักเธออยากให้ผมรีบขึ้นเครื่องกลับโตเกียวมากกว่า แต่ผมก็อ้อเธอจนเธอต้องยอมพาผมเที่ยว เราเที่ยวกันจนเย็นเอริกะขอให้ผมกลับโรงแรมก่อนมืด ผมเลยชวนเดินริมชายหาดก่อนกลับไปโรงแรม ผมเดินยังไม่ถึงโรงแรมมันก็มืดซะก่อน อากาศเริ่มเย็น ผมเลยกอดเอริกะไว้แล้วพาเธอเดินต่อไปเรื่อยๆ

แล้วอยู่ๆ ก็มีพวกยากูซ่า 5 คนวิ่งเข้ามาหาพวกเราจากริมถนน เอริกะเห็นเธอรีบดึงแขนผมพยายามพาผมวิ่งหนี เราสองคนวิ่งกันสุดชีวิตเพื่อหนีคนพวกนั้น แต่วิ่งมาได้แค่นิดเดี๋ยวเอริกะก็ล้มลงข้อเท้าพลิก 

"โอ้ยยย" เอริกะ
"เป็นอะไรไหมวิ่งไหวหรือเปล่า"
"ยูกิซังหนีไปเถอะไม่ต้องห่วงเอริกะ" เอริกะ
"ไม่ได้พวกมันมาจับเอริกะแน่ๆ โชโกะคงโกรธที่ผมไม่ยอมรับขอเสนอของเค้า"
"โอ้ยยย เอริกะไปไม่ไหวแล้ว ยูกิซังไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเอริกะ" เอริกะ
"ไม่ได้ ผมต้องพาเอริกะจังไปด้วย"

ผมอุ้มเอริกะขึ้นหลังแล้วรีบวิ่งต่อ แต่การที่ต้องแบกเอริกะไปด้วยทำให้ผมหนีได้ช้าลงจนในที่สุดเราก็โดนพวกยากูซ่าล้อมไว้ ผมวางเอริกะลงบนพื้น ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

"อย่ามายุ่งกับเธอ ปล่อยเธอไปซะ"

พวกมันคงฟังไม่ออก เอาแต่จ้องจะเข้ามาจับตัวเอริกะที่หมดทางหนี ผมตัดสินใจสู้เพื่อปกป้องเอริกะ หลังจากนั้นมันก็ชุนลมุนมาก ผมทั้งต่อยทั้งเตะคนที่จะเข้ามาจับตัวเอริกะ และก็โดนเตะโดนต่อมั่วไปหมด แต่ผมก็ปกป้องไม่ให้เอริกะถูกจับตัวได้อยู่หลาย 10 นาที จนกระทั้งมีเสียงภาษาญี่ปุ่นดังขึ้น ผมหันไปมองทางที่เสียงดังก็พบว่า มียากูซ่าหน้าโหดมีรอยแผลเป็นยาวบนใบหน้ากำลังถือดาบญี่ปุ่นจ่ออยู่ที่คอเอริกะ ถึงผมจะไม่เข้าใจคำพูดมันแต่ผมก็รู้ในทันที่ว่าผมต้องทำยังไง ผมยืนนิ่งพร้อมทั้งปล่อยแขนลงข้างลำตัว จากนั้นผมก็โดนพวกยากูซ่าที่ตุลุมบอนกันอยู่อัดจนหมดสติไป

ผมค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งภาพที่เห็นคือเอริกะที่โดนมัดอยู่ ดูเหมือนเราจะอยู่ในโกดังร้างแห่งหนึ่ง ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ผมเองก็โดนมัดอยู่เหมือนกัน จากนั้นพวกยากูซ่าก็เอาเชือกที่ผูกกับบล๊อคคอนกรีตมาผูกที่ขาเอริกะ ผมรู้ทันทีว่าพวกมันจะเอาเธอไปโยนทะเลแน่ๆ ผมรีบตะโกนบอกให้พวกมันปล่อยเธอ

"อย่ายุ่งกับเธอ ปล่อยเธอไป เรียกนายแกมาคุยกับฉัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ"

ผมตะโกนแบบนั้นอยู่นานจนเสียงแหบ แต่พวกมันทำเหมือนไม่สนใจ ผมรู้สึกว่าเชือกที่มัดผมไว้มันหลุดจากการที่ผมพยายามจะดิ้นรนไปช่วยเอริกะ ผมรีบลุกขึ้นทั้งๆที่เชื่อกที่มัดมือผมไว้ยังไม่หลุด ผมรีบวิ่งไปถีบยากูซ่าที่กำลังมัดเชือกที่ข้อเท้าเอริกะ จากนั้นพวกยากูซ่าก็เข้ามารุมยำผม แต่ผมก็สู้สุดฤทธิ์จนไอ้หน้าบากต้องลงมือเอง มันเข้ามาต่อยที่ท้องผมแบบไม่ทันตั้งตัว ทำเอาผมทรุดลงนั่งตัวงอ ผมได้ยินเสียงคมดาบ มันคงกำลังดึงดาบออกจากฝักเพื่อที่จะฟันผม ผมคิดว่าต้องตายแน่ๆ 

แต่แล้วก็มีเสียงภาษาญี่ปุ่นดังมาอีกครั้ง พวกยากูซ่ารีบออกไปยืนตั้งแถวเพื่อต้อนรับคนที่กำลังเข้ามา ผมมองไปทางเสียงนั้น เป็นชายแก่แต่งตัวเหมือนเป็นหัวหน้าใหญ่กำลังเดินเข้ามาหาผม ผมพยายามพูดขอให้ปล่อยเอริกะอีกครั้ง แค่ก็เหมือนเดิมดูเหมือนหัวหน้าใหญ่ก็ฟังภาษาอังกฤษไม่ออก คนที่มาด้วยกระซิบที่ข้างหูหัวหน้าใหญ่ ก่อนที่หัวหน้าใหญ่จะพูดกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่น โดยที่คนที่มาด้วยพูดย้ำอีกทีเป็นภาษาอังกฤษ

"ลูกสาวฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ตายวันนี้" หัวหน้าใหญ่
"แต่เธอไม่เกี่ยว เธอไม่ได้เป็นอะไรกับผม โชโกะเข้าใจผิด"
"งั้นเธอก็คือผู้ชายที่โชโกะพูดถึงสินะ" หัวหน้าใหญ่พูดจบก็ตบหัวไอ้หน้าบากอย่างแรงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโมโห แต่ครั้งนี้คนที่มากับหัวหน้าใหญ่ไม่แปลให้ผมฟัง แต่ผมพอจะเดาได้ว่าโชโกะคงสั่งมาว่าห้ามทำร้ายผม
"ขอโทษด้วย พวกนี้มันการศึกษาน้อยใช้เป็นแต่กำลังสั่งอะไรไม่ค่อยจะเข้าใจ" หัวหน้าใหญ่

จากนั้นพวกยากูซ่าก็มาแก้มัดให้ผม ผมรีบไปแก้เชือกที่ผูกขาเอริกะออกแล้วแก้มัดเธอ เอริกะร้องไห้ไม่หยุดเธอคงรู้ว่ากำลังจะโดนอุ้มไปทิ้งทะเล

"ปล่อยเธอไป"
"ไม่ได้ฉันสั่งแล้วว่าเธอต้องตายเธอก็ต้องตาย" หัวหน้าใหญ่
"ปล่อยเธอไป แล้วผมจะยอมทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องแต่งงานเพราะผมมีเมียแล้ว"
"ฉันสั่งว่าตายก็ต้องตายเท่านั้น" หัวหน้าใหญ่

ผมเห็นว่าคุยไปก็ไม่รู้เรื่องเลยตัดสินใจที่จะสู้อีกครั้งเพื่อพาเอริกะหนี ผมพยุงเอริกะขึ้น พวกยากูซ่ากรูกันเข้ามาหา ผมทั้งถีบทั้งต่อยพยายามพาเอริกะหนี แต่ก็ไปไม่รอดโดนพวกมันจับได้อยู่ดี คราวนี้หัวหน้าใหญ่ทำหน้าโมโหมาก 

"ถึงลูกสาวฉันจะบอกว่าห้ามทำร้ายแก แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะยอมให้แกทำตามใจได้นะ" หัวหน้าใหญ่
"ปล่อยเธอไปได้โปรดผมยอมทุกอย่าง"

หัวหน้าใหญ่คุยกับล่ามอยู่ซักพักก่อนที่ลามจะแปลให้ผมฟัง

"หัวหน้าใหญ่เห็นว่าแกยอมเสี่ยงชีวิตปกป้องผู้หญิงคนนี้ ท่านจะยอมปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปก็ได้ แต่ตามกฎยากูซ่า ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตเท่านั้น เลือกเอาจะมีชีวิตกลับไปหาคนรักของแก หรือว่าจะยอมสละชีวิตเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้รอด" ล่าม

ผมอึ้งไปซักพักผมจะต้องเอาชีวิตตัวเองแลกกับเอริกะ แต่ถ้าผมตายก้อยแนนเจนคงต้องเสียใจมาก ผมเองยังไม่ได้แต่งงานกับพวกเธอเลย แต่ผมจะทำเป็นนิ่งเฉยปล่อยให้เอริกะตายเพื่อตัวผมรอดไปมีความสุขก็ไม่ได้  ผมได้แต่คิดในใจว่าก้อยแนนเจนคงเข้าใจว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้

"ปล่อยเธอไปแล้วก็ฆ่าผมซะ"
"ได้แต่แกต้องตายก่อนเธอถึงจะเป็นอิสระ" หัวหน้าใหญ่
"ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะปล่อยเอริกะถ้าผมตายไปก่อน ไม่ใช่ฆ่าผมแล้วก็ฆ่าเธอตาม"
"ยากูซ่าสัญญาแล้วไม่คืนคำแน่นนอน แกไม่มีทางเลือกอื่นให้เลือกแล้ว" หัวหน้าใหญ่

ผมตกลงเอริกะพยายามพูดภาษาญี่ปุ่นกับพวกยากูซ่าผมคิดว่าเธอกำลังขอร้องให้ฆ่าเธอแล้วปล่อยผมไปแทน แต่ดูเหมือนหัวหน้าใหญ่จะชอบใจที่จะได้ฆ่าผมแล้วปล่อยเธอไปมากกว่า พวกยากูซ่าจับผมนั่งคุกเข่า ไอ้หน้าบากเดินมาพร้อมกับดาบในมือ แต่หัวหน้าใหญ่ส่งปืนให้แทน มันเก็บดาบเข้าฝัก แล้วยกปืนจ่อมาที่ผม

ไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวก็มีเสียง ปัง ปัง สองครั้ง ผมรู้สึกร้อนวูบที่หน้าอกก่อนที่ความเจ็บปวดจะค่อยตามมา ทุกอย่างดูเลือนลางไปหมด เอริกะเข้ามาเขย่าตัวผม แต่ผมกลับรู้สึกว่ารอบๆ ตัวค่อยๆ มืดลง ความรู้สึกทั้งหมดค่อยๆ หายไป

ผมลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืดที่เงียบสนิท นี่ผมตายแล้วใช่ไหมทีนี้ผมก็รู้คำตอบของคำถามที่ว่า ตายแล้วไปไหน แล้วซิ ผมคิดจบก็มีเสียงพูดชายดังขึ้น

"ใช่ซะที่ไหนหละ" ???
"คุณเป็นใคร" ผมถามกลับไปยังเสียงที่ดังมา

ผมหรี่ตามองไปยังเสียงที่พูดขึ้นมา ผมมองเห็นชายรูปร่างสูงผมสีเงินใส่ชุดคลุมยาวสีแดงกางเกงหนังสีดำ 

"คุณคือ" 
"มันยังไม่ถึงเวลาที่จะแนะนำตัวกันเอาไว้วันนั้นมาถึงเราค่อยแนะนำตัวกันอีกที  พ่อลูกนี่พอกันเลยชอบทำให้มันยุ่งยากกันจริง" ???

พูดจบชายปริศนาก็ควักปืนคู่ออกมาพร้อมกับยิงใส่ผม ผมตกใจสะดุ้งตื่นรีบจับหน้าอก หน้าอกผมไม่มีรูมีแค่เพียงรอยช้ำสองจุด ผมมองไปรอบๆ ที่นี่คือโรงแรมที่ผมมาพักกับเอริกะนี่ แล้วมือผมก็ไปสัมผัสถูผมลื่นๆ บนเตียง ผมรีบหันไปดูเอริกะฟุบหลับอยู่ข้างๆ เตียง เธอคงนั่งเฝ้าผมจนหลับไป นี่ผมยังไม่ตายหรอ แล้วที่ผมถูกยิงหละ เอริกะตื่นขึ้นมาเธอรีบเข้ามากอดผมทันที

"ยูกิซัง" เอริกะร้องไห้
"ไม่เป็นอะไรนะ ไม่มีใครทำอะไรเอริกะจังนะ"
"เอริกะไม่เป็นไรค่ะ แต่ยูกิซังเป็นยังไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า" เอริกะ

เอริกะเล่าให้ผมฟังว่ากระสุนที่ยิงผมเป็นกระสุนยาง หลังจากผมสลบไปพวกยากูซ่าก็อุ้มผมและพาเอริกะมาส่งที่โรงแรม พ่อของโชโกะยอมรับกับความใจเด็ดของผมแต่มีข้อแม้ว่าห้ามผมติดต่อกับโชโกะอีก ซึ่งผมเองต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ผมก็ไม่คิดจะติดต่อกับโชโกะอีกแล้ว เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวน่ารักแต่กลายเป็นนางมารร้ายไปซะแล้ว

หลังจากคุยกันเราสองคนก็ร่วมรักกันเพราะนี่มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะพรุ่งนี้แนนกับก้อยก็จะมาญี่ปุ่นแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กอดเธออีก ตอนเช้าเราสองคนนั่งเครื่องบินกลับไปโตเกียวเพื่อเตรียมตัวไปรอรับก้อยกับแนน 

เรากลับไปที่โรงแรมกันก่อนเอริกะเก็บของใช้ส่วนตัวผมมองเธอด้วยความสงสาร 

"เอริกะจังผมไปสนามบินเองได้นะ เอริกะจังกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนก็ได้เหนื่อยมาหลายวันแล้ว" ผมกลัวเธอจะเสียใจถ้าต้องไปรับก้อยและแนนที่สนามบินกับผม
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอริกะรับปากบอสแล้ว เอริกะต้องทำงานให้จบค่ะ" เอริกะ

ผมรู้สึกอยากกอดอยากมีอะไรกับเธออีกซักครั้งแต่ก็ต้องห้ามใจ ไม่งั้นมันจะดูเหมือนผมชอบแค่ร่างกายเธอโดยไม่สนใจเลยว่าเธอกำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า เที่ยงเราสองคนนั่งรถไปรอรับก้อยกับแนนที่สนามบิน

ระหว่างที่รอเครื่องลงผมก็ได้แต่ลุ้นว่าก้อยจะมาด้วยหรือเปล่า แนนไม่โทรมาหาผมเลย ผมเองก็มีแต่เรื่องจนไม่ได้โทรไปเช็คกับแนนเหมือนกันว่าก้อยจะมาหรือเปล่า พอถึงเวลาเครื่องลงผมกับเอริกะก็ไปยืนรอที่ทางเข้าผู้โดยสาร

เอริกะเห็นผมทำหน้ากังวลเธอเอื่อมมือมาจับมือผม

"มีอะไรหรือเปล่าค่ะ" เอริกะ
"ไม่มีอะไรครับ"

แล้วผมก็เห็นแนนเดินลากกระเป๋ามา ผมบีบมือเอริกะแน่นเพราะคิดว่าก้อยคงไม่มาด้วย เอริกะรีบปล่อยมือผมทันทีที่แนนเห็นเราสองคน แนนรีบวิ่งมาหาผม

"คิดถึงจังพี่บี นี่ใครอะ" แนน
"นี่เลขาเพื่อนพี่เค้ามาคอยดูแลพวกเราชื่อ เอริกะ"
"เอริกะจัง" แนน
"ค่ะ" เอริกะทำหน้างงๆ ที่แนนเรียกเธอ
"แล้วพี่สาวเราหละเค้าไม่มาหรอ"
"แหมคิดถึงกันหละซิ โน้นตามมาโน้นแล้ว" แนน

แนนชี้ไปที่ก้อยที่กำลังเดินมา

"พี่ก้อยเค้าเป็นอะไรไม่รู้ทำท่าเหมือนไม่อยากเดินมา แนนเลยวิ่งมาก่อน" แนน
"งั้นหรอ"

ก้อยเดินมาถึงเราแทบจะไม่ได้คุยอะไรกัน ผมแนะนำเอริกะให้ก้อยกับแนนรู้จัก พวกเรากลับไปโรงแรม

"ไม่ใช่สองห้องหรอ" ก้อย
"ห้องเดียวนะแต่เตียงใหญ่นอนกันได้อยู่แล้ว"
"แต่ก้อยอยากนอนคนเดียว" ก้อย
"พี่ก้อยจะนอนคนเดียวทำไม นอนกับแนนซิ" แนน
"ไม่เป็นไร ก้อยนอนกับแนนบนเตียงก็ได้ เดี๋ยวพี่นอนโซฟาเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ แต่แนนนอนกลางนะพี่อยากนอนริม" ก้อย

เอริกะขอตัวไปเอาชุกกิโมโนที่จะให้ก้อยกับแนนใส่ในวันงาน แนนดูจะชอบเอริกะมากเธอพยายามชวนเอริกะคุยด้วยภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ถูกๆ ของเธอ

"นี่เราไปเรียกพี่เค้าว่าเอริกะจังได้ยังไงเค้าอายุเยอะกว่าเรานะ"
"แล้วให้เรียกว่าอะไรหละ" แนน
"อืมพี่สาวก็ โอเน่ซังนะ"
"หรอ โอเน่ซัง โอเน่ซัง มาให้แนนกอดหน่อยแนนหิวหน่มนม" แนน
"ทะลึ่งอีกแล้วนะเรา"

ก้อยค้อนใส่ผมกับแนน แนนเลยต้องกลับไปเอาใจเธอ ผมปล่อยให้แนนกับก้อยพักผ่อนโดยผมออกมานั่งอยู่ห่างๆ ไม่อยากให้ก้อยอึดอัด เอริกะกลับมาพร้อมชุดกิโมโนสีม่วงและสีแดง สีม่วงของก้อยส่วนสีแดงของแนน แนนตื่นเต้นมาที่จะได้ใส่ชุดกิโมโน ตอนเย็นเอริกะพาพวกเราไปทานข้าวกัน ก้อยยังคงนิ่งเฉยไม่คุยกับผม หลังจากทานข้าวเสร็จเอริกะก็พาเราไปส่งที่โรงแรมก่อนจะขอตัวกลับและบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบมาช่วยก้อยกับแนนแต่งตัว

คืนนั้นแนนนอนตรงกลางระหว่างผมกับก้อย แนนกับก้อยหลับกันสนิทมีแต่ผมที่นอนไม่หลับ ผมอยากจะคุยกับก้อยอยากถามเธอว่าเป็นอะไรทำไมถึงได้เมินเฉยกับผมแบบนี้ แต่ก็กลัวจะทำเธอลำบากใจ แล้วยิ่งอยู่ต่างประเทศแบบนี้เธอจะหนีไปไหนก็ไม่ได้

ตอนเช้าเอริกะมาแต่เช้ามืดเธอมาช่วยก้อยกับแนนแต่งตัวผมเองก็ต้องใส่ชุดมนท์ซุกิ ฮะโอะริ ฮะกะมะ ซึ่งเป็นชุดพิธีการของผู้ชาย ผมต้องใส่เกี๊ยะด้วย ซึ่งมันเดินยากมากๆ แถมแข็งด้วย ก้อยดูสวยมากผิวเธอตัดกับชุดกิโมโนสีม่วงมาก แนนเองก็สวยมากเหมือนกัน แต่งตัวเสร็จ พวกเราก็รีบไปที่วัดที่จัดงานแต่งงานของซาโตชิกับยุ้ยทันที

ไปถึงงานผมได้มีโอกาสแนะนำก้อยกับแนนให้ซาโตชิกับยุ้ยรู้จัก ซาโตชิแอบแซวว่าขอแลกยุ้ยกับก้อยได้ไหม ทำเอายุ้ยจ้องซาโตชิตาเขียว หลังจากนั้นผมก้อยแนนก็ได้แต่ยืนดูพิธีการแต่งงานแบบญี่ปุ่นโบราณ เสร็จพิธีแต่งงานซาโตชิก็แนะนำให้ผมรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ของเขา

หลังจากเสร็จพิธี ผมก็หลับโรงแรมผมกับก้อยอาบน้ำเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดธรรมดามีแต่แนนที่ยังไม่ยอมเลิกใส่กิโมโน แนนให้ผมถ่ายรูปให้หลายรูปเธอบอกว่าจะส่งให้เจนดู

หลังจากแนนเลิกเห่อชุดกิโมโนไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เธอก็เดินมานั่งข้างๆ ผมที่โซฟา แล้วพูดกับผมเบาๆ เพื่อไม่ให้ก้อยที่นั่งอยู่ที่เตียงได้ยิน

"ทะเลาะอะไรกันอะ" แนน
"เปล่านี่"
"ไม่จริงหรอก แนนไม่เห็นพี่บีคุยกับพี่ก้อยเลย" แนน
"ไม่รู้ซิพี่ไม่รู้ว่าพี่ก้อยโกรธอะไรพี่"
"เอางี่ซิวันนี้พาพี่ก้อยไปทานข้าวกันสองคน จะได้คุยกัน" แนน
"แล้วเราหละ จะกินข้าวกับใคร"
"ก็กินกับโอเน่ซังซิ" แนน
"คุยกับเค้ารู้เรื่องหรอ"
"รู้ซิ แหม พี่บีไปเถอะไม่ต้องห่วงแนน กลับมาเช้าก็ได้" แนน
"จะดีหรอ" ตอนนี้ผมไม่ได้ห่วงแนน ผมห่วงเอริกะจังมากกว่าซะแล้ว แนนมีแผนแน่ๆ ถึงบอกให้ผมกลับมาตอนเช้า
"ดีซิ อยู่ที่นี่พี่ก้อยหนีไปไหนไม่ได้นะ มีอะไรจะได้คุยกัน กลับไปกรุงเทพฯ เดี๋ยวพี่ก้อยก็หนีไม่ยอมคุยกับพี่อีก" แนน
"งั้นหรอพี่ขอคิดดูก่อนนะ"
"ทำไมหละพี่ไม่อยากคืนดีกับพี่ก้อยหรอ" แนน
"พี่อยากคืนดีซิ แต่พี่กลัวทำก้อยอึดอัดมากกว่า"
"ก็ตามใจ" แนน

แนนกดโทรศัพท์หาใครไม่รู้ซักพักเธอก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผม

"สวัสดีค่ะพี่บี" เจน
"เจนหรอ เป็นไงบ้าง พี่ไม่ได้โทรหาเจนเลยไม่โกรธพี่นะ"
"เจนไม่โกรธพี่บีหรอกค่ะ เจนรู้ว่าพี่บียุ่ง อีกอย่างถ้าเจนคิดถึงมากๆ เจนค่อยโทรหาพี่ก็ได้" เจน
"ขอบคุณนะที่เจนเข้าใจพี่"
"อืม พี่บีทะเลาะกับพี่ก้อยหรอ" เจน
"ตัวเล็กบอกหละซิ"
"แล้วทำไมไม่ยอมพาพี่ก้อยไปทานข้าวกันหละจะได้มีเวลาคุยกัน" เจน
"พี่กลัวพี่ก้อยเค้าจะอึดอัดหนะ"
"พี่คิดไปเองหรือเปล่าค่ะพี่ถามพี่ก้อยเค้าหรือยัง" เจน
"ก็ยังนะ"
"งั้นก็ลองถามดูก่อนซิ พี่ก้อยเองก็อาจจะอยากอยู่กับพี่สองต่อสองเพื่อคุยเรื่องนี้อยู่ก็ได้นะ" เจน
"เจนคิดแบบนั้นหรอ"
"ค่ะ"
"งั้นก็ได้พี่จะลองชวนพี่ก้อยดูนะ"
"ดีแล้วค่ะ อืมเจนคงต้องวางแล้ว เจนรักพี่บีนะค่ะ คิดถึงมากด้วย" เจน
"พี่ก็รับเจนจ๊ะ คิดถึงมากเหมือนกันนะ"
"ค่ะบายนะค่ะ อย่าลืมบอกแนนให้ซื้อของที่เจนฝากซื้อนะค่ะ" เจน
"ได้ซิเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาตัวเล็กไปซื้อของพี่จะเตือนให้ บายนะ ขยันเรียนให้จบเร็วๆ นะ พี่รออยู่"
"ค่ะบายนะค่ะ" เจน

เจนวางหูไป ผมส่งโทรศัพท์ให้แนน จากนั้นผมก็เดินไปนั่งที่เตียงห่างกับก้อย

"วันเราไปทานข้าวกันไหม"
ก้อยหันมามองผมแต่ไม่ตอบอะไร
"ไปเหอะพี่ก้อย แนนจะไปเที่ยวกับโอเน่ซังพี่ก้อยจะได้มีเพื่อนกินข้าวนะ" แนน
"อย่าไปบังคับพี่เค้าซิแนนให้พี่เค้าตัดสินใจเองเถอะ อืมถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จพี่จะไปข้างนอกไว้แนนกลับมาพี่ค่อยขึ้นมาที่ห้องก็ได้ก้อยจะได้ไม่อึดอัดที่ต้องอยู่กับพี่สองคน" ผมตัดใจหลังจากเห็นสีหน้าของก้อยเธอคงไม่อยากไปกับผม
"ไปค่ะ" ก้อย
"เย้งั้นแนนเตรียมตัวไปเที่ยวก่อนนะ พี่สองคนคุยกันนะว่าจะไปทานข้าวกันที่ไหน" แนน

ผมคิดเรื่องพาก้อยไปทานข้าวกันสองคนตอนมาที่ญี่ปุ่นนี่ก่อนที่เราจะทะเลาะกัน แต่พอผมทะเลาะกับก้อยผมก็เลิกคิดไป

ตอนเย็นเอริกะมารับแนน ผมเลยถามทางไปยังที่ที่ผมจะไปสรุปคือไปแท็กซี่คงง่ายสุดสำหรับผม แนนลากเอริกะออกไปจากห้อง เหลือก้อยที่กำลังแต่งตัวอยู่ เธอใส่ชุดแซกสั้นสีดำสวยมาก เราสองคนออกจากโรงแรมขึ้นแท๊กซี่ไปยังสถานที่ที่ผมอยากพาเธอไป

ไปถึงที่ก้อยก็ทำตาโตจ้องมองไปยังชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

"คลอสโมคล๊อค" ก้อย
"ใช่ ก้อยเคยบอกว่าอยากมาไม่ใช่หรอ"

ตอนที่เราจีบกันผมกับก้อยเคยคุยกันเรื่อง คลอสโมคล๊อคที่มักจะเห็นในซี่รี่ญี่ปุ่น เวลาชายหนุ่มหญิงสาวที่ไฮโซหน่อยมักจะนัดไปกุ๊กกิ๊กกันที่โรงแรมที่สามารถมองเห็นเจ้าชิงช้าสวรรค์ คลอสโมคล๊อคอันนี้ จนก้อยเคยบอกว่าอยากมีคืนแรกกับผมที่โรงแรมที่มองเห็นคลอสโมคล๊อคเหมือนในซี่รี่ที่ดู

ผมพาก้อยเข้าไปเดินเล่นในสวนสนุกก่อนที่เราจะไปทานข้าวกันที่โรงแรมใกล้ พอเริ่มมืดอากาศก็เริ่มเย็น ผมเห็นก้อยเดินกอดอกเธอคงหนาวเพราะใส่แค่ชุดแซกมาตัวเดียว ผมเลยถอดเสื้อโค๊ทที่ใส่มาแล้วสวมให้ก้อย ก้อยหลบตาผมตอนที่ผมมองเธอ ผมเลยชวนขึ้นไปนั่ง คลอสโมคล๊อค ดูซักครั้ง ก้อยพยักหน้า ผมพาเธอไปต่อแถวขึ้น คลอสโมคล๊อค เราอยู่บนนั้นกันประมาณ 15 นาที 15นาทีที่ก้อยเอาแต่มองไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย 15 นาทีที่ผมได้แต่อึกอักไม่กล้าที่จะเริ่มถามเธอถึงเรื่องที่เธอโกรธผม

แล้วผมก็พาก้อยไปทานข้าวที่โรงแรมโดยไม่ได้คุยกับเธอ เนื่องจากภัทรคารที่เราไปทานกันค่อนข้างหรูเลยมีเครื่องดื่มเป็นไวน์แดง ก้อยทำหน้าเบ้ตอนที่บริกรเทไวน์ให้ ผมเลยบอกให้บอกให้บริกรเอาน้ำเปล่ามาให้เธอแทน

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่กินเอง ก้อยจะได้ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะมอมก้อยนะ"

ผมเอื่อมมือไปหยิบแก้วไวน์ของก้อยแต่เธอจับมันไว้ไม่ยอมให้ผมยกขึ้น

"ไม่เป็นไรค่ะก้อยรู้สึกอยากดื่มขึ้นมาพอดี" ก้อย

ก้อยดื่มไวน์จนหมดขวดระหว่างที่เราทานอาหารกันจนผมต้องสั่งเพิ่ม หน้าก้อยแดงกล่ำ หลังจากทานอาหารเสร็จผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมแอบไปเปิดห้องไว้แบบคิดเข้าค้างตัวเองว่าก้อยคงหายโกรธผมและยอมค้างกับผมที่นี่เหมือนที่เธอเคยคุยกับผมไว้ แต่ตอนนี้มันคงไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ผมได้แต่ตัดใจแล้วชวนเธอกลับโรงแรม

"อืม ก้อยอิ่มแล้วนะ งั้นเรากลับโรงแรมกันนะ"
"ก้อยยังไม่อยากกลับ ก้อยยังอยากดื่มต่อ" ก้อย
"ก็ได้ งั้นพี่สั่งไวน์มาให้อีกนะ"
"ก้อยอยากไปที่ที่มันเงียบกว่าที่นี่" ก้อย
"งั้นหรอ งั้นเปิดห้องไหม ห้องที่มีวิวมองเห็นคลอสโมคล๊อคแบบที่ก้อยเคยบอก"
ก้อยมองหน้าผมหน้าเธอเหมือนกำลังคิดว่าผมจะหลอกพาเธอเข้าห้องเพื่อไปทำมิดีมิร้าย
"ไม่สบายใจไปที่อื่นก็ได้นะพี่ก็แค่เห็นว่าก้อยเคยอยากค้างที่นี่"
"ก็ได้ค่ะ เอาไวน์ไปดื่มต่อด้วยนะค่ะ" ก้อย

ผมสั่งไวน์เพิ่มอีกขวดเป็นสองขวด แล้วพาก้อยไปที่ห้อง ก้อยน่าจะเมาแล้วเธอไม่สงสัยเลยว่าผมไม่เห็นไปติดต่อเปิดห้องแต่พาเธอมาที่ห้องเลย

ห้องที่ผมเลือกสามารถมองเห็นคลอสโมคล๊อคได้ชัดเจน ก้อยเดินไปเกาะที่กระจกจ้องมองมันตาไม่กระพริบ ผมเลยลากโซฟาไปให้เธอนั่ง ก้อยนั่งลงเธอรินไวน์ดื่มเข้าไปอีกแก้วจนปากเธอแดงเป็นสีเดียวกับไวน์ 

ผมเห็นก้อยดื่มจัดผิดปรกติเธอคงมีเรื่องกลุ่มใจมากแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจถามเธอ

"ก้อยมีอะไรในใจหรือเปล่า"
"เปล่าค่ะ" ก้อย
"แต่ก้อยไม่เคยดื่มมากแบบนี้นะ ปรกติแค่แก้วเดียวก้อยดื่มไม่หมดแล้ว"
"พี่บีไม่ต้องห่วงก้อยหรอกค่ะ ก้อยดูแลตัวเองได้" ก้อย
"ทำไมก้อยถึงห้ามพี่ไม่ให้ห่วงก้อยหละ"
"ก้อยมีชีวิตของก้อย ก้อยเลือกทางเดินของก้อยเองได้ พี่บีไม่ต้องมาสนใจก้อยหรอก" ก้อย
"ทำไมก้อยพูดแบบนี้ ก้อยพูดแบบนี้เหมือนเรา...." ผมไม่อยากพูดว่ากำลังจะเลิกกัน
ก้อยดื่มไวน์เข้าไปอีกแก้วเต็มๆ จนสำลักก่อนจะตอบผม
"พี่บีห่วงก้อย หรือว่าห่วงว่าจะไม่ได้เอาก้อยหละค่ะ" ก้อย
"ก้อยทำไมก้อยพูดแบบนี้หละ พี่รักก้อยมากกว่าเรื่องนั้นนะ"
"แน่ใจหรอค่ะ มาซิค่ะก้อยเมาแล้ว มาเอาก้อยให้หายอยากซิ" ก้อยถลกกระโปรงขึ้นจนถึงเอว
"ก้อย" ผมจับชุดเธอดึงลงมาปิดเหมือนเดิม
ก้อยหัวเราะลั่นเธอคงเมาไม่ได้สติแล้วถึงได้เริ่มทำอะไรแปลกๆ
"ทำไมค่ะ ไม่กล้าแล้วหรอ กลัวอะไร กลัวว่าพอก้อยหายเมาก้อยจะโกรธจนขอเลิกกับพี่หรอ" ก้อย
ก้อยทำเอาผมฟิวล์ขาดไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
"ไม่ต้องรอก้อยหายเมาหรอก ตอนนี้ก้อยก็ทำกับพี่เหมือนเราเลิกกันไปแล้ว"
ก้อยหัวเราะอีกทำเอาผมเริ่มโกรธ
"ทำไมค่ะเสียใจหรอ เสียใจเรื่องอะไร เสียดายหน้าอกก้อย ก้นงอนๆ ของก้อย หรือว่า หีก้อย" ก้อย
"พี่ว่าก้อยเมาแล้วเลิกดื่มเถอะ" 
ก้อยหยิบขวดไวน์ยกกระดกจนมันหกเลอะหน้าอกเธอเต็มไปหมด ผมต้องรีบเข้าไปแย่งขวดไวน์จากมือเธอ
"อย่ายุ่งได้ไหม ก้อยจะกินอีก" ก้อย
"พอได้แล้วก้อย ก้อยไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ พี่เข้าใจแล้ว กลับไปกรุงเทพฯ พี่จะทำให้ก้อยอึดอัดอีกแล้ว"
ผมคิดว่าผมเสียเธอไปแล้ว ผมเลยต้องตัดใจเพื่อไม่ให้เธอทำตัวเละเทะไปมากกว่านี้
"งั้นหรอ แน่ใจหรอ ไม่อยากเอาก้อยแล้วหรอ นี่โอกาสสุดท้ายแล้วนะ ดูซิหน้าอกก้อยตั้งอีกแล้ว มันคงอยากโดน แต่พี่คงไม่กล้าหรอก พี่ชอบทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไม่ใช่หรอ พี่คงไม่กล้าปล้ำก้อยตอนนี้ซินะ" ก้อยหัวเราะเยาะผมอีก

ก้อยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอทำผมโกรธจนหน้ามืด ผมเข้าไปกอดแล้วซุกหน้าดูหน้าอกกินไวน์ที่หกใส่อย่างหื่นกระหาย 



"อ้า แบบนี้ซิ โอ้ววววว ดูดแรงๆ ค่ะ ก้อยเสียววววว" ก้อย

ผมล้วงมือเข้าไปใต้ชุดแซกก้อยแล้วลากนิ้วหนักๆ ไปตามร่องสาวเธอที่กำลังเปียกเยิ้ม

"โอ้ววว เสียวค่ะ โอ้วววว เสียวจังเลยค่ะ ผัวขา" ก้อย

ผมยืนขย้ำก้อยซักพักก็ดันเธอไปที่เตียงแล้วกดเธอนอนลง ก้อยยังคงครางซีดซาดเหมือนสาวร่านสวาทเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมกระทั้งผมถอดชุดแซกเธอแล้วดึงลงมาที่เอวเผยหน้าอกกลมสองข้าง ก้อยเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังจะโดนผมทำอะไร เธอเริ่มเปลี่ยนใจ

"อย่าค่ะ โอ้ยยยย อย่าทำก้อย" ก้อย

มาถึงตอนนี้ผมเองหยุดไม่อยู่แล้ว ผมงับหน้าอกก้อยแล้วดูดเม้มอย่างสนุกปาก ก้อยแอ่นอกเด้งไปมาปากก็บอกให้ผมหยุดแต่มือกลับกดหัวผมแน่น จากนั้นผมก็ถลกชุดแซกด้านล่างของก้อยขึ้นไปไว้ที่เอว ก้อยใส่กางเกงในสีดำตัวเล็กเซ็กซี่มาก ผมรีบรูดมันออกจากเอวก้อยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบถอดกางเกงของตัวเองออกเพื่อปลดปล่อยแท่งเอ็นผมที่มันแข็งจนปวด มันคงทนรอที่จะมุดเข้าไปในร่องก้อยไม่ไหวแล้ว พอผมถอดกางเกงในออกลำแท่งของผมมันก็เด้งออกมาทันที ผมจับก้อยถ่างขาออก 

คราวนี้ก้อยคงได้สติจริงๆแล้ว ทันทีที่ผมเอาหัวบานไปถูที่ร่องก้อยเพื่อที่จะดันมันเข้าไป ก้อยรีบหนีบขาแน่นพร้อมกับตีแขนผมอย่างแรงหลายครั้ง

"อย่า อย่าทำนะ" ก้อยเริ่มร้องไห้ออก

แต่ด้วยความโทสะที่ก้อยสร้างให้ผมรวมกับกลิ่นหอมจากตัวเธอและรสรักที่เคยได้สัมผัสอยู่เป็นประจำ มันก็ทำให้ผมยอมผิดคำพูดที่ว่าจะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่ได้สมยอม ผมเอาแขนสอดไปใต้ขาก้อยทั้งสองข้างแล้วดันออกอย่างแรงเพื่อให้ขาเธออ้า ก้อยร้อง

gai

 ::Angry:: ต่อๆๆ ส่วนที่ขาดหาย



ก้อยร้องโอ้ยย พร้อมทั้งขอร้องให้ผมหยุด แต่ผมตอนนี้หน้ามืดหูอือไปหมดแล้ว พอแยกขาก้อยได้ผมก็เอามือจับแขนเธอที่พยายามทุบตีผลักผม พอผมจับแขนเธอได้ผมก็กดมันลงกับที่นอน ก้อยพยายามดิ้นสู้แต่แรงเธอหรือจะมาสู้แรงผมได้ ผมดันขาก้อยโน้มไปด้านหน้าทำให้ก้นก้อยยกขึ้นมา ผมรีบเอาแท่งเอ็นไปจ่อแล้วกดพรวดเข้าไปทันที ก้อยสะดุ้งร้องโอ้ยลั่น น้ำตาเธอไหลพราก ผมเลื่อนหน้าจากหน้าอกก้อยไปไซด์ลำคอเธอแทน ก้อยพยายามหนีบคอไม่ให้ผมไซด์พร้อมกับส่งเสียอู้อี้ออกมาเบา ผมเห็นก้อยขัดขืนนักผมเลยสาวเอวแล้วกระทุ้งเอ็นใส่เธอไปครั้งนึง ปลายหัวบานกระแทกกับมดลูกดังกึก ก้อยแหง่นหน้าร้องโอ้ยยย มือเธอกำแน่น แล้วเธอก็พยายามจะดิ้นออกจากตัวผมที่คล่อมเธออยู่ ผมยิ่งรู้สึกโมโห ผมเลยสาวเอวใส่ก้อยอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ตับ ตับ ตับ ก้อยแหง่นหน้าอ้าปากค้าง มือเธอกำแน่นจนเล็บจิกฝ่ามือตัวเอง ผมรู้ทันทีว่าก้อยพยายามฝืนความรู้สึกสุดฤทธิ์ มันทำให้ผมยิ่งโกรธเธอมากขึ้น ผมก้มลงกัดที่หัวไหล่ก้อย เธอสะดุ้งร้องเจ็บ จากนั้นผมก็อัดเอ็นใส่แบบไม่ยั้งเสียดัง ตับ ตับ ตับ อย่างชัดเจน เอวก้อยเด้งตามแรงดีดของเตียงทุกครั้งที่ผมกระแทกเธอ ก้อยพยายามกัดฟันแน่นคิ้วขมวด เธอพยายามฝืนต่อความเสียวที่ได้รับ ผมเลยยิ่งมีอารมณ์กระแทกเธอหนักขึ้นอีกจนผมเริ่มแสบเอ็นเพราะร่องก้อยไม่มีน้ำออกมาเลย แถมมันยังพยายามปิดกันการลุกล้ำของผม ผมกัดฟันทนเจ็บซอยเอวแบบนี้ติดต่อกันไม่หยุด จนในที่สุดผมก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นภายในร่องสาวก้อย ร่องสาวเธอค่อยๆ ขยายตัวพร้อมทั้งตอดรัดเอ็นผม ก้อยคงทนต่อความเสียวไม่ไหว ถึงใบหน้าเธอจะเหมือนไม่มีความสุขร่วมกับผม แต่ตอนนี้ร่องสาวเธอกำลังตอบสนองเอ็นผมเต็มที่ ผมปล่อยแขนก้อยที่ผมกดไว้จนเป็นรอยมือสีแดง ก้อยเลิกกำมือแล้วแต่เปลี่ยนไปกำผ้าปูที่นอนแทน ผมเลยเอามือที่ว่างมาคลึงหน้าอกก้อยพร้อมกับดูดปลายถันไปด้วย ก้อยครางอืม อืม ทั้งน้ำตา ไม่นานก้อยก็เริ่มครางเสียวซูดปากกับรสชาติการกระทุ้งเอ็นของผม ผมเลื่อนหน้าจะไปจูบปากกับเธอ แต่ก้อยหันหน้าหนี ผมเลยกระแทกเอวดันเอ็นไปกระแทกมดลูกก้อยทางซ้ายที ทางขวาที เวลาดึงเอ็นออกก็พยายามเอาลำแทงควานรูเธอไปด้วย ก้อยเสียวซ่านจนต้องเป็นฝ่ายหันกลับมาจับผมจูบปากกับเธอเอง เราสองคนแลกลิ้นพันกันจนน้ำลายไหลเยิ้มออกมาข้างปาก ผมก็ซอยเอวไปไม่หยุดด้วยเหมือนกัน จนในที่สุดผมก็ทนกลั้นน้ำกามที่อัดแน่นในลำแท่งของผมต่อไปไม่ไหว ผมกระเด้าเน้นๆ พร้อมกับปล่อยน้ำกามใส่ร่องสาวก้อย ก้อยแอ่นเอวรับจนก้นไม่ติดเตียง เราดูดปากกันแน่น ผมสาวเอวเน้นๆ อยู่สี่ห้าครั้งก่อนน้ำกามจะไหลย้อยออกมาด้านนอกร่องสาวก้อย ผมทรุดร่างลงทับตัวเธอ เรายังคงดูดปากกันเบา ผมรอให้ร่องสาวก้อยสงบจากอาการบีบรัดเพราะถึงฝั่งฝัน พอร่องสาวก้อยหยุดตอดผมก็ผละปากจากเธอแล้วนอนลงข้างๆ ผมได้แต่คิดว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้มีอะไรกับก้อย เธอคงโกรธผมที่ทำกับเธอทั้งๆ ที่เธอไม่สมยอม ผมไม่กล้าที่จะหันไปมองหน้าก้อย ตอนนี้เธอคงจะเริ่มร้องไห้สะอืนออกมาอีกแน่น แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อก้อยเป็นฝ่ายหันมากอดผมเธอเอาหน้ามาซุกที่อกผม ผมเลยหันไปกอดเธอตอบ เราไม่ได้พูดอะไรกันแต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้ก้อยกำลังยิ้มและมีความสุขอยู่ ผมก้มไปหอมหน้าผากก้อยเธอเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่คุ้นเคย มันทำเอาผมรู้สึกโล่งใจจนไม่คิดที่จะถามว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น ผมจับเอวก้อยแล้วเลื่อนตัวเธอขึ้นมาให้หน้าเธอตรงกับผม ผมจ้องหน้าเธอ ก้อยทำท่าเอียงอาย ผมเลยอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มที่กำลังแดงระเรื่อของเธอ ก้อยเอียงแก้มให้ผมหอมไม่ได้ขัดขืนเหมือนก่อนหน้านี้ ผมหอมแก้มก้อยทั้งสองข้างไปหลายฟอด ก่อนจะเอามือจับริมฝีปากบางๆ ของเธอแล้วใช้นิ้วแตะมันเล่น ผมเอานิ้วลูบไปตามริมฝีปากก้อยแล้วยกนิ้วขึ้น ก้อยเผยอปากตาม ผมหัวเราะเธอเบาๆ ก้อยมองที่ผมหัวเราะ จากนั้นเธอก็จับหน้าผมพร้อมกับหลับตาพริ้มเผยอปาก สงสัยก้อยเริ่มมีอารมณ์อีกรอบเพราะตอนนี้หัวนมก้อยแข็งตั้งทิ่มหน้าอกผมอยู่ ผมก้มไปประกบปากจูบกับก้อยยอ่างแผ่วเบา มือก็ลูบไล้ไปทั่วร่างของก้อย ก้อยสะดุ้งเบาๆ ทุกครั้งที่มือผมลูบผ่านจุดกระสันของเธอ ผมลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่เนียนุ่มของก้อยจนไปถึงสะโพกกลมกลึง ผมใช้นิ้วลูบไปตามร่องก้นก้อยเบาๆ ก้อยตัวกระตุกเล็กน้อย เธอเริ่มหายใจฝืดฝาดหัวใจเธอเต้นตุบ ตุบ จนผมรู้สึกได้ ผมลูบไล้ไปทั่วแก้มก้นแน่นๆ ของก้อยแล้วมาหยุดที่รูก้นเธอ ก้อยร้องอืมมมม ก่อนจะผละปากจากผมแล้วดันผมให้นอนหงาย จากนั้นเธอก็ขึ้นมาคล่อมผม ก้อยก้มมาไซด์ซอกคอผมไปทั่ว ผมรู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ จากร่องสาวก้อยที่เธอกำลังเอาถูขึ้นลงกับหน้าขาผม จากนั้นก้อยก็เงยหน้าขึ้นเธอเอาขนนิ่มบนเนินเนื้อของเธอถูจากหน้าขาผมขึ้นมาที่หน้าท้องผม ตอนนี้ก้อยนั่งทับหน้าท้องผมอยู่ เธอเอามือสองข้างช้อนใต้ฐานอกทำท่ายั่วยวนก่อนจะก้มตัวลงผมเพื่อให้ผมช่วยดูดงับหน้าอกกลมกลึงของเธอ ผมทั้งดูดทั้งงับมันตามแต่ก้อยจะโน้มตัวเอาหน้าอกข้างไหนลงมาหาปากผม ก้อยซูดปากหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ซัพพักก้อยก็เลื่อยตัวลงมานอนแนบกับตัวผม เธอเลื่อนร่องสาวที่คลอยไปทางด้านหลังในท่านอนคว่ำไปถูกับลำแท่งผมที่กำลังแข็งเด่เต็มที่ ก้อยกระดกก้นขึ้นลงเพื่อเอาร่องสาวถูกับลำแท่งผมพร้อมกับหลับตาซูดปากจากความเสียวที่ได้รับ ผมเองก็เสียวไม่แพ้เธอ ผมคิดว่าก้อยคงคิดวิธีนี้ขึ้นมาเองแน่ๆ แล้วดูเธอจะชอบมาซะด้วย ผมเอื่อมมือไปจับแก้มก้นแล้วขย้ำมันไปตามจังหวะที่เธอกระดกก้น ก้อยเริ่มครางดังขึ้น หัวใจเธอเต้นรั่ว ลมหายใจฝืดฝาดดังขึ้น ไม่นานก้อยก็เด้งเอวเร็วขึ้นเธอดันลำตัวขึ้นพร้อมกับเม้มปากสายหัวไปมาช้าๆ แล้วเธอก็ร้องโอ้ยยยยยาว เอวกระตุกหลายครั้ง น้ำรักอุ่นๆ พุ่งออกมาชโลมเอ็นผมจนชุมทำเอาผมเสียวเอ็นแทบขาดใจ ก้อยก้มมาดูดปากกับผม ก้อยเสร็จไปแล้วแต่ผมยังไม่เสร็จ ผมเลยเอาแท่งเอ็นถูกับร่องสาวและร่องก้นก้อยเบาๆ เพื่อปลุกอารมณ์ก้อยอีกรอบ ซักพักก้อยก็สะดุ้งเพราะหัวบานผมมันทำท่าจะมุดร่องสาวเธอแทนที่จะแค่ถูไปมา ก้อยผละปากจากผมเธอดันตัวขึ้นนั่ง จากนั้นเธอก็ยกเอวเอามือคว้าเอ็นผมจ่อร่องสาวเธอแล้วนั่งทับลงมาจนสุดลำ ผมเสียวจนต้องแอ่นตัวรับร่องสาวก้อย ก้อยเองก็แอ่นตัวซูดปาก แล้วก้อยก็เริ่มควบเอวขึ้นลงเหมือนกำลังควบม้า ผมปล่อยให้ก้อยเป็นคนควบคุมจังหวะเองทั้งหมด โดยผมไม่เด้งเอวขึ้นสวนเลย ก้อยโยกซ้ายโยกขวาตามแต่เธอต้องการจนพอใจเธอก็เอามือวางที่หน้าอกผมแล้วเริ่มควบเอวเร็วจี๋จนหน้าอกเธอเด้งขึ้นลงไปด้วย แล้วก้อยก็ร้องโอ้ยยยลั่น ก่อนจะฟุบตัวลงนอนทับตัวผม ครั้งนี้ผมเองกำลังเสียวได้ที่เลยไม่รอให้ก้อยได้พัก ผมเด้งเอวทำหน้าที่ต่อทันที ก้อยร้องโอ้วว โอ้วว ตามจังหวะการอัดเอ็นของผม แล้วผมก็เสียวจนทนไม่ไหวอยากปลดปล่อยความสุขตามก้อยไปบ้าง ผมจับสะโพกก้อยแน่นไม่ให้มันขยับแล้วเด้งเอวรั่วใส่ไม่หยุดจนผมทนไม่ไหวปล่อยน้ำกามอัดเข้าไปจนเต็มร่องสาวของก้อย ก้อยร้องโอ้ยยยยเสร็จพร้อมผม เราอัดเอวใส่กันตามจังหวะการบีบรัดของร่องก้อยก่อนจะหมดแรง ผมนอนแผ่โดยมีก้อยนอนทับผมอยู่ ผมจับผมก้อยที่ตกมาปิดหน้าเธอไปไว้ข้างหู จึงได้เห็นว่าก้อยหลับไปแล้ว ผมเลยกอดเธอแล้วปิดตาหลับตามเธอ ผมมารู้สึกตัวอีกทีมันยังมืดอยู่แต่ก้อยไม่ได้อยู่บนตัวผมแล้ว ผมเห็นเธอสวมชุดคลุมของโรงแรมแล้วไปยืนเกาะหน้าต่างดูวิวด้านนอก ผมเลยลุกขึ้นไปกอดเอวเธอไว้ เราไม่ได้พูดอะไรกัน แล้วร่างกายเราสองคนก็เริ่มตอบสนองกันเองอีก ผมยืนดันเอ็นก้อยจากด้านหลังโดยที่เธอใช้มือดันกระจกหน้าต่างเพื่อพยุงตัว คืนนั้นเราสองคนแทบมได้คุยกันและก็ไม่ได้หลับได้นอนกันเลยมีแต่ภาษากายที่สื่อสารกันทั้งคืนจนเกือบสว่าง จบตอนที่ ขอบคุณนะครับสำหรับข้อคิดเห็นติดชม เสนอมาได้เต็มที ช่วงนี้เขียนเร็วมาก เพราะเจ้านายไปข้างนอกบ่อยเลยว่างงานตอนกลางวัน แต่พอเจ้านายกลับมาดันบอกให้เราอยู่ทำงานต่อเนี่ยซิ เหนื่อยชะมัด ขอบคุณเพื่อนๆ ให้กำลังใจและติดตามผลงานตลอดมา