ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Copy  พยัคฆ์ฟ้าท่องยุทธจักร ตอนที่3 บทประพันธ์ ท่าน  nookylove

เริ่มโดย areja, ธันวาคม 02, 2012, 01:03:22 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

 พยัคฆ์ฟ้าท่องยุทธจักร ตอนที่3 บทประพันธ์ ท่าน  nookylove

 

ภายในพระราชวังหลินเจียง ในเขตเจียงตูซึ่งก็คือเมืองหยางโจวที่สร้างต่อเติมขึ้นในสมัยสุยหยางตี้ ณ ตำหนักใน เสียงสรวลเส หยอกล้อดังมาจากห้องสรงน้ำด้านใน หากจะเรียกว่าเป็นห้องกลับไม่คล้ายนักเพราะขนาดของสระสรงน้ำนั้น กว้างยาวนับสิบวาเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีท่อส่งน้ำอุ่นมาจากใต้สระ รอบสระสี่ทิศประกอบด้วยหัวมังกร พยัคฆ์ หงส์ และเต่า คอยพ่นน้ำออกมาให้เต็มสระอยู่เสมอ และภายในสระลอยด้วยดอกไม้หอมนานาพันธุ์ เป็นที่รู้กันโดยทั่วว่า สุยหยางตี้หยางกว่าง ทรงโปรดการแช่น้ำยิ่งนัก เช้านี้ก็เช่นกัน วรกายท้วมสมบูรณ์ พระพักตร์ซูบเซียว เนื่องจากหมกมุ่นอยู่กับสุรานารีมานานปี ร่างเปลือยเปล่าของพระองค์ถูกรุมล้อมไปด้วยพระสนม นางกำนัลนับสิบนาง แต่ละนางสวมชุดผ้าแพรเนื้อบางเบา เมื่อลงไปแช่ในน้ำก็ดูคล้ายกับไม่ใส่อะไรเลย เพราะเอี๊ยมตัวในนั้นพวกนางก็ไม่ได้สวม ต่างแย่งกันปรนนิบัติเจ้าชีวิตพระองค์นี้
" ฝ่าบาทเสวยน้ำจัณฑ์เพคะ " พระสนมเซียวเฟยหนึ่งในสนมคนโปรด ออดอ้อนฉอเลาะอย่างมีจริต แล้วยกจอกสุราขึ้นดื่มก่อนจะประกบพระโอษของหยางกว่าง เป็นการป้อนสุราด้วยปาก
" อืม รสชาตดียิ่ง " หยางกว่าง ทรงสรวลอย่างพอพระทัย พระหัตถ์ก็หยอกเย้าปทุมถันอวบนุ่มของสนมรักอย่างหนักหน่วงจนพระนางครางเสียงแผ่ว
" บีบนวดเช่นนี้สบายหรือไม่เพคะ " จูกุ้ยเอ๋อ พระสนมคนโปรดอีกนางบีบนวดพระอังสาอย่างเอาใจ
" อืม สบายเป็นที่สุด " ทรงตอบ พลางเคล้นคลึงไปที่บั้นท้ายของนาง จนนางใบหน้าแดงฉานหอบหายใจถี่
" เจ้า มาทางนี้สิ " หยางกว่างชี้ไปที่นางกำนัลหน้าตาหมดจดสะสวยนางหนึ่ง เรียกให้เข้ามาใกล้ๆ เมื่อนางกำนัลผู้นั้นเข้ามาแล้ว พระองค์ก็ลุกขึ้นนั่งลงที่ขอบสระ ก่อนจะสั่งให้นางคุกเข่าเบื้องหน้าแท่งมังกรเจ้าชีวิต
" ปรนนิบัติ ให้ดี แล้วจักมีรางวัลให้ " สิ้นคำสั่งนางก็แลบลิ้นออกมาเลียรอบๆหัวของแท่งมังกรก่อนจะอมเข้าไปจนมิดลำ มือน้อยๆก็จับคลึงแก้วมังกรอย่างมีชั้นเชิง จนหยางกว่างส่งเสียงอย่างพอใจ จากนั้นจึงคว้าร่างดงามของสนมรักทั้งสองมาฟอนเฟ้น ด้วยอารมณ์ใคร่กำลังปะทุ พระโอษฐ์ดูดเม้มถันอวบอิ่มของสนมเซียวเฟยอย่างหื่นกระหาย พลางสลับเงยพระพักตร์ขึ้นมารับริมฝีปากอันอ่อนนุ่มรัญจวน ของสนมจูกุ้ยเอ๋อ ฝ่ายนางกำนัลก็เร่งสำแดงฝีปากและลิ้นเพื่อส่งให้เจ้าชีวิตขึ้นไปยังสวรรค์ ชั้นฟ้า แต่ก่อนที่จะได้สมประสงค์ ผู้เป็นฮ่องเต้ก็จับศีรษะของนางไว้เสียก่อน แล้วเร่งลุกขึ้นดันร่างของสนมจูกุ้ยเอ๋อให้นอนลงแทนที่พระองค์ ก่อนจะแยกขาขาวผ่องเรียวงามของนางออก เผยให้เห็นส่วนที่งดงามของสตรีเพศ ยิ่งชุดบางเบาที่เปียกชุ่มจนแนบไปกับเรือนร่างอ้อนแอ้นยิ่งเพิ่มความรัญจวน ขึ้นอีกหลายส่วน ฮ่องเต้หยางกว่างไม่รอช้าขยับพระองค์เข้าประชิดจ่อหัวมังกรเข้าไปถูไถร่อง โยนีอันสวยสด จนช่ำเยิ้มพร้อมรับศึกหนักหยางกว่างจึงกดส่งมังกรมุดเข้าไปพรวดเดียวหมดทั้ง ลำ จนร่างบอบบางสะดุ้งเฮือก ริมฝีปากสวยเผยอส่งเสียงครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้
" กุ้ยเอ๋อ ร่องรักของเจ้าดียิ่ง สมแล้วที่ข้าโปรดปราน " หยางกว่า เอ่ยปากชมสนมรัก เพราะสุขสมที่ท่อนมังกรจากแรงตอดรัดในช่องทางรักของนาง จากนั้นจึงทอดถอนลำออกมาช้าๆ สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดจากภายใน ก่อนจะกระแทกกลับลงไป
" อ๊า ฝ่าบาทเพคะ " จูกุ้ยเอ๋อ ครวญครางอย่างสุขสม เมื่อฮ่องเต้ของนางเพิ่มจังหวะการเข้าออกของมังกรเนื้อ ฝ่ายเซียวเฟยสนมรักอีกนางก็ไม่ปล่อยให้ คู่แข่งได้มีบทบาทอยู่ฝ่ายเดียวจึงโอบพระศอแล้วมอบจุตพิตอันดุเดือดเร่าร้อน อกอวบบดเบียดไปตามพระวรกายของหย่างกว่าง บรรดานางสนมกำนัลคนอื่นเห็นการร่วมรักระหว่างทั้งสามนั้นก็หน้าแดง แล้วก็เริ่มลูบไล้ตัวเองบ้างจนบางคนถึงกับจับคู่กอดรัดกันนัวเนีย ฮ่องเต้หยางกว่างขณะที่กำลังเร่งจู่โจมสนมจูกุ้ยเอ๋ออยู่นั้น เมื่อถูกสนมเซียวเฟยเข้ามาพัวพันด้วยจึงใช้เคล็ดวิชาแบ่งแยกสมาธิล้วงพระ หัตถ์เข้าไปในกระโปรงของนาง ซึ่งนางก็อ้าขาออกอย่างเชิญชวน เห็นดังนั้นจึงส่งพระองคุลีดันเข้าในช่องทางรักของนางเริ่มจากหนึ่งเป็นสอง จนถึงสาม ทรงคว้านในร่องหลืบนางอย่างสนุกมือ จนน้ำรักหลั่งไหลออกมารดพระหัตถ์จนชุ่มโชก
" อุ๊ย ฝ่าบาทดีเหลือเกินเพคะ " สนมเซียวเฟย สงเสียงอย่างรัญจวนใจ ฮ่องเต้หยางกว่างก็เร่งพระหัตถ์ขึ้น จนเกิดเสียงดัง แจะ แจะ ด้านบั้นพระเอวก็เร่งจู่โจมแทงมังกรเข้าถ้ำรักสนมจูกุ้ยเอ๋อเป็นการใหญ่ กลายเป็นเสียง พั่บ พั่บ พั่บ จากเนื้อกระทบเนื้อ
" ซี๊ดดด ฝะ ฝ่าบาท อูยยย " " อ๊าย อือออ กรี๊ดดด " สองสนมต่างพากันส่งเสียงแข่งกัน จนกระทั่งกรีดร้องออกมาอย่างสุขสมทั้งคู่ ฝ่ายหยางกว่างก็เร่งกระหน่ำถล่มร่องรักที่กำลังขมิบตอดรัดมังกรของพระองค์ อย่างสุดแสน จนกระทั่งคายพิษเข้าท่วมโพรงถ้ำของสนมรักอย่างเอ่อล้น หลังจากพักผ่อนอยู่ไม่นานก็จัดการกับสนมเซียวเฟยเป็นรายต่อไป
ภายด้านนอก บรรดาขันทีเฝ้าตำหนักต่างกระสับกระสาย เพราะใต้เท้าอีเหวินฮัวจี๋ ขุนนางผู้มากอำนาจและบารมีรอคอยเพื่อจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้อยู่ที่ตำหนักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็มิกล้าเข้าไปขัดขวางความสำราญของผู้เป็นฮ่องเต้ในยาม นี้ เนื่องด้วยรู้กันดีว่าแม้ความผิดเพียงเล็กน้อยหยางกว่างผู้นี้ก็สามารถ ประทานความตายให้แก่พวกมันโดยง่ายดาย ดังนั้นทั้งหมดจึงทำได้เพียงเฝ้าคอยให้พระองค์สำเร็จกิจแล้วเสด็จออกมาเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน
ภายในตำหนักใหญ่อันโอ่โถงอันเป็นที่ ว่าราชการของฮ่องเต้หยางกว่าง หลังจากเสด็จออกมาก็ประทับที่บัลลังก์มังกรซึ่งยกพื้นสูง โดยมีราชองครักษ์ยืนพิทักษ์ลดหลั่นตามขั้นบันไดและยังมีอีกนับร้อยซ่อนอยู่ หลังม่านเพื่อคอยรักษาความปลอดภัยแก่เจ้าชีวิตพระองค์นี้ เบื้องหน้าคุกเข่าไว้ด้วยคนผู้หนึ่งในชุดขุนศึก ลักษณะคนผู้นี้รูปร่างผอมสูง มือเท้าเรียวยาว ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชา ดวงตาทอประกายเจ้าเล่ห์ลึกล้ำ เพียงแต่ยามนี้ใบหน้าแลดูซีดเซียวจากอาการบาดเจ็บ
" ข้าพระองค์ มาถวายรายงาน พะยะค่ะ " ผู้ที่คุกเข่าอยู่เป็นอี้เหวินฮัวจี๋นั่นเอง มันผู้นี้ก้มหน้ารายงานซ่อนแววตาขุ่นข่องรำคาญใจไว้มิดชิดเนื่องด้วยรอบ บัลลังก์เต็มไปด้วยนางสนมกำนัลนับสิบในชุดแพรบางเบาต่างพากันออดอ้อนฉอเลาะ ผู้อยู่ในชุดมังกร รอจนฮ่องเต้โบกมือให้พูดต่อไปจึงกล่าวรายงานต่อไป
" กระหม่อม ได้สังหารนักฆ่าชาวโกกุเรียว ที่บังอาจเข้ามาลอบทำร้ายพระองค์ได้แล้วพะยะค่ะฝ่าบาท " สิ้นคำรายงาน หยางกว่างก็ยังไม่มีทีท่าจะสนใจมัน เพียงส่งเสียงดัง อืม รับรู้คราหนึ่งแล้วหันไปหยอกล้อกับนางสนมต่อไป
" แล้วเรื่องคัมภีร์อมตะของพวกนักพรตลัทธิเต๋าเล่า ไปถึงไหนแล้ว " หยางกว่าง คล้ายนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถามออกไป ทำเอาอี้เหวินฮัวจี๋ลอบปาดเหงื่อ ด่าทอในใจ
" ได้เบาะแสมาแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคงนำมาถวายฝ่าบาทได้ พะยะค่ะ " มันจำเป็นต้องตอบออกไปเช่นนั้น เพราะถ้าหากบอกความจริงคงต้องเสียหน้ามากแล้วที่ปล่อยให้โจรน้อยสองคนหนีหาย ไปพร้อมกับคัมภีร์
" อืม เช่นนั้นก็ดี เจ้าคงเหนื่อยมามาก ใบหน้าแลดูซีดเซียว กลับไปพักผ่อนเถอะ " หยางกว่างบอกแล้วโบกมือให้มันจากไป อี้เหวินฮัวจี๋จึงถวายบังคมแล้วลุกเดินออกไป ขณะที่กำลังเดินออกมาก็สวนทางกับขุนนางร่างอ้วนเตี้ย ใบหน้าอ้วนกลม แววตาหลุกหลิกผู้หนึ่ง ชายผู้นั้นผงกศีรษะทักทายมันคราหนึ่งแต่มันแสร้งทำเป็นไม่เห็น ด้วยนึกดูถูกเหยียดหยามขุนนางช่างประจบสอพลอผู้นี้ยิ่งนัก วันนี้คงเข้าไปประจบฮ่องเต้โฉดอีกเช่นเคย
ยามราตรี ภายในสวนอุทยานจำลองในเขตพระราชฐานชั้นใน ปรากฎร่างของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัด มอบจุมพิตแก่กันอย่างดูดดื่ม
" เพลานี้ฮ่องเต้โฉดประทับอยู่ที่ใดกัน อืม ดูเจ้าอวบอั๋นกว่าเดิมเสียอีกน้องเซียว " เสียงบุรุษพูดขึ้น ขณะที่สองมือใหญ่กอบกุมอยู่บนอกอวบคู่งาม ปลายนิ้วยอกล้อปลายยอดทรวงอกที่เริ่มแข็งขึ้นจากแรงกำหนัด
" อุ๊ย พี่อี้เหวินมือของท่านซุกซนยิ่ง คิกคิก " นางหัวเราะเบาๆอย่างมีจริต แต่กลับแอ่นอกให้ลูบคลำอย่างถนัด ชายหญิงคู่นี้ก็คือพระสนมเซียวเฟยและอี้เหวินฮัวจี๋นั่นเอง
" อยู่ที่ห้องบรรทม พร้อมกับหญิงงามบรรรณาการจากแดนใต้ อ่อ แล้ววันนี้ยังเรียกหาเผยอวิ้นฟังว่าคิดกะเกณฑ์หญิงงามเข้าวังอีก ช่างเป็นคู่ที่เข้ากันยิ่งนักฮ่องเต้โฉดกับขุนนางสอพลอ " สนมเซียวเฟยวิจารณ์อย่างไม่กลัวเกรง เนื่องด้วยขยะแขยงในพฤติกรรมของทั้งคู่ยิ่งนัก ซึ่งนางเองก็โดนบังคับให้เข้าถวายตัวเช่นกัน เพียงแต่นางจำต้องแสดงท่าทียินยอมพร้อมใจเนื่องด้วยไม่มีทางเลือก
" พวกมันเสวยสุขได้อีกไม่นานดอก ข้าพเจ้าสัญญา ขอท่านอดทนอีกนิดคอยส่งข่าวให้แก่ข้าพเจ้า รับรองจักตอบแทนท่านให้ถึงขนาด " อี้เหวินฮัวจี๋ พูดพลางซุกไซร้ไปที่ต้นคอขาวผ่องของนาง
" อืมมม ขอเพียงท่านรักข้าพเจ้าให้มากก็พอแล้ว " เสียงนางครางแผ่วเบาด้วยความสยิว อี้เหวินฮัวจี๋ไม่รอช้าเพราะด้วยหาทราบไม่ว่าฮ่องเต้จะเรียกหานางเมื่อใด จึงเร่งปลดกางเกงลงปล่อยแท่งทวนยาวขึ้นผงาด ก่อนจะพลิกตัวนางให้หันหลังเอามือยันต้นไม้ไว้ แล้วรวบกระโปรงแพรตัวยาวขึ้นไว้ที่เอวจัดให้นางกางขาออกเล็กน้อย ช่องทางรักสวยสดก็ปรากฏช่วยให้บุกรุกยิ่งนัก อี้เหวินฮัวจี๋จึงจับแท่งทวนเนื้อลำยาวจดจ่อไปที่ปากทางที่เปิดอ้าออกอย่าง เชิญชวน แล้วเสือกแทงพรวดเข้าไปมิดลำในทีเดียว ทำให้ร่างงามผวาเฮือกส่งเสียงครางยาวออกมา ผู้แซ่อี้เหวินเห็นดังนั้นยิ่งได้ใจ บดเอวส่ายสะโพกส่งลำทวนคว้านไปในร่องตอดรัด
" ซี๊ดดด พี่อี้เหวิน ทำข้าพเจ้าเสียวยิ่งนัก เร่งลงมือเถิด " สนมเซียวเฟย หันใบหน้าแดงฉานมาบอก อี้เหวินฮัวจี๋จึงเร่งทำตามบัญชาของนาง ทอดถอนแท่งทวนออกจนเกือบสุด แล้วส่งกลับเข้าไปสุดลำ จนร่างงดงามสั่นสะท้าน
" ร่องรักของเจ้าตอดรัดยิ่ง น้องเฟย ฮึบ " อี้เหวินฮัวจี๋ เร่งกระแทกแท่งทวนอย่างเมามัน ผสานกับเสียงครวญครางของนางโดยไม่เกรงกลัวใครจะได้ยินเพราะมันจัดวางคนใน ตระกูลเฝ้ารอบนอกเอาไว้เป็นอย่างดีประกอบกับมีวงบรรเลงดนตรีเล่นอยู่ตลอด เวลาจึงทำให้กลบเสียงครางอันรัญจวนใจนี้ได้อย่างดี หลังจากสุขสมแล้วทั้งสองประคองกอดกันชั่วครู่ก็แยกย้ายจากไปโดยไร้ร่องรอย
ยามสายภายในตึกชั้นในอันเป็นที่อยู่ของผู้นำตระกูลหลิวและครอบครัว  ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อคุณชายเหอมาเยือนในตอนเช้าตรู่
" ท่านพ่อ ถึงต้องตายข้าพก็จักไม่เข้าวังเป็นอันขาด " เสียงคร่ำครวญอันน่าสงสาร ดังมาจากปากของสาวงามแห่งตระกูลหลิว คือ หลิวอี้หลิงนั่นเอง เนื่องด้วยเหอเสียนนำข่าวเรื่องไม่ช้าจะมีราชโองการประกาศคัดสรรค์หญิงงาม เพื่อเข้าสู่พระราชวังหลินเจียง ซึ่งนางเองคงไม่อาจรอดพ้นคราเคราะห์นี้ไปได้ เมื่อได้ทราบข่าวจากชายคนรักทำให้นางกระวนกระวายอย่างยิ่ง
" แล้วเจ้าจะให้บิดาทำเช่นไร " ชายวัยกลางคน รูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ หน้าผากกว้างดูมีสง่าราศีของคหบดีใหญ่ นามหลิวไห่หลงเดินไปเดินมาด้วยความกังวลไม่แพ้บุตรี
" ท่านก็ส่งผู้อื่นไปแทนข้าพเจ้าได้หรือไม่ " บุตรสาวออกความเห็น เพราะกลัวการเข้าวังเป็นอย่างยิ่งเหตุเพราะทราบถึงพระนิสัยของฮ่องเต้ พระองค์นี้ที่โจษขานไปทั่วแผ่นดิน ยิ่งหลีมี่แห่งกองกำลังหวากัง หลังจากประชิดลั่วโคว ก็ได้ประกาศความผิดสิบประการของฮ่องเต้พระองค์นี้ หนึ่งในนั้นก็คือ สมสู่เยี่ยงเดรัจฉาน เช่นนี้แล้วเหตุใดนางจักต้องยอมเข้าวังด้วยเล่า
" เรื่องนี้ทำมิได้ หากทางราชสำนักรู้เข้า ตระกูลหลิวของเราคงจบสิ้น " เพื่อตระกูล หลิวไห่หลงมิอาจย่อมเสี่ยงอีกทั้ง บุตรีของเขามิใช่ว่าจะไม่มีใครเคยพบอย่างน้อยความงามของนางก็เป็นที่เลื่อง ลือในหยางโจว
" เช่นนั้น พี่เหอ เอ่อ.....สะ สมรสกับข้าพเจ้าได้หรือไม่ " หลิวอี้หลิงกล่าวกับชายคนรักที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ด้วยความกระดากและอับอาย เพราะตนเป็นหญิงแต่กลับเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ก่อน แต่เมื่อไม่มีทางเลือกจึงจำต้องพูดออกไป นางคิดว่าถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็คงไม่บังคับสตรีที่มีเจ้าของแล้วให้เข้าวัง เป็นแน่ คำขอของนางทำเอาบุรุษในห้องทั้งสองคนถึงกับสะดุ้งเฮือก ฝ่ายบิดาตกใจที่บุตรสาวกลับออกปากเช่นนี้แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวกระไรเพียงมอง เลยไปยังชายหนุ่มอีกคน ฝ่ายเหอเสียนได้แต่ลอบคร่ำครวญในใจคิดว่าเหตุใดมันต้องรับเผือกร้อนก้อนนี้ แม้มันจะพอใจในรูปโฉมของนางเพียงใดแต่กระนั้นหากให้แต่งงานกับนางในยามนี้ ไยมิใช่ส่งตัวเองเข้าสู่หุบเหวเพราะการชิงตัดหน้าหญิงงามกับฮ่องเต้เช่น หยางกว่างไม่ช้าหายนะต้องมาเยือนมันและครอบครัว
" เอ่อ...คือ ข้าพเห็นว่ายามนี้คงไม่เหมาะสมขอให้น้องอี้หลิงโปรดเข้าใจ " มันตอบอย่างกระอักกระอ่วน แลกมาซึ่งสายตาอันเต็มไปด้วยความผิดหวังของนาง ส่วนหลิวไห่หลงแม้จะโกรธแต่ก็รักษาความเยือกเย็นไว้ได้ เพราะหากเป็นมันก็คงต้องตัดสินใจแบบเดียวกัน
" ข้าพเจ้า มีความคิดดีงามประการหนึ่ง " เหอเสียนทนเห็นสีหน้าและสายตาของนางไม่ไหวจึงลองเสนอความคิดดู เมื่อผู้เป็นบิดาของหญิงคนรัก ออกปากให้มันพูดออกมา
" อาศัยก่อนที่จะมีราชโองการลงมา ไยเรามิให้น้องอี้หลิงกลับไปเยี่ยมท่านตาท่านยายที่นครฉางอานเล่า เมื่อราชโองการมาถึงทางเรายังสามารถบอกได้ว่านางกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่ ชราทั้งยังแสดงถึงความกตัญญู เช่นนี้จักสามารถทอดเวลาออกไปได้สักหลายเดือน ด้วยระยะทางหลายพันลี้เดินทางไปกลับก็เกือบหมื่นลี้ ส่วนผู้อัญเชิญราชโองการหากเราจัดหาของที่ถูกใจให้คาดว่าคงเจรจาด้วยไม่ยาก " เหอเสียนแสดงความคิดเห็นออกไปยาวยืด เพื่อหวังผลักเผือกร้อนก้อนนี้ออกไปก่อน ยามหน้าค่อยคิดอ่านอีกที  ตอนนี้สองพ่อลูกสกุลหลิวก็ผงกศีรษะเห็นพ้อง เมื่อต่างยอมรับในความคิดนี้เวลาที่เหลือของวันจึงสั่งให้บ่าวไพร่จัดเต็ม ขบวนสัมภาระเพื่อเดินทางไกลทันทีเมื่อตะวันขึ้นในวันพรุ่งนี้
ขบวนของ หลิวอี้หลิงมีทั้งสิ้นกว่าห้ากว่าสิบชีวิต ประกอบด้วยรถม้าหนึ่งคันเกวียนสามเล่มไว้บรรทุกสัมภาระและเสบียงอาหาร นักบู๊คุมกันขบวนที่จ้างมายี่สิบคน ที่เหลือเป็นบ่าวไพร่และกรรมกรแบกหามล้วนแต่เป็นบุรุษ สตรีในขบวนมีเพียงสามนางคือ หลิวอี้หลิง สาวใช้คนสนิท ถิงถิง และอาซวง ส่วนเอี้ยนเทียนก็ได้ติดสอยห้อยตามมากับขบวนด้วย เพราะพ่อบ้านเห็นว่ามันพอมือฝีมืออยู่บ้างยามคับขันน่าจะพอช่วยเหลือผู้อื่น ได้
ยามนี้ภายในรถม้าสตรีสองนางก็คือ ถิงถิงและอาซวง พยายามชวนคุณหนูของพวกนางพูดคุยเนื่องจากสีหน้ายามนี้ของนางเศร้าหมองระคน ผิดหวังยิ่งนัก เหตุเกิดจากชายคนรักแม้กระทั่งนางออกเดินทางมันยังไม่ยอมติดตามออกมาส่ง คงเพราะหวั่นเกรงผู้คนสืบสาวเลศนัยเรื่องที่นางเดินทางออกจากหยางโจวก่อนมี ราชโองการเรียกตัวเข้าวังก็เป็นได้ หลิวอี้หลิงได้แต่ทอดถอนใจ เหม่อลอยจนสาวใช้คนสนิทที่รักใคร่กลมเกลียวดุจพี่น้องอดเป็นห่วงมิได้ จึงได้ชักชวนกันพูดคุยชมทิวทัศน์ด้านนอก
การเดินทางครั้งนี้นางตัดสินใจ เดินทางล่องแม่น้ำฉางเจียง(แยงซี)ชื่มชมทัศนียภาพแดนเจียงหนัน ที่เล่าลือกันว่างดงามนัก แทนที่จะล่องแม่น้ำฮวงโหซึ่งระยะทางในการไปเมืองฉานอันสั้นกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเดินทางยิ่งใช้เวลามากยิ่งยืดเวลาของนางออกไป อีกเหตุผลหนึ่งคือนางต้องการลบความขุ่นข้องใจเรื่องชายคนรัก คณะของนางลงเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่ดัดแปลงจากเรือขนส่งสินค้าของตระกูลหลิว สองลำ แบ่งออกเป็นสองกลุ่มเท่าๆกันเพียงแต่ลำหนึ่งใช้ขนสัมภาระและบ่าวรับใช้ ส่วนขบวนผู้คุ้มกันแบ่งให้มาอยู่ลำเดียวกันกับนางถึงสิบห้าจากยี่สิบคน ซึ่งเอี้ยนเทียนก็เป็นหนึ่งในบ่าวไพร่จำนวนน้อยที่ถูกดึงมาอยู่เรือลำเดียว กันกับนางอีกด้วย
ยามเย็นวันหนึ่งหลังจากเรือโดยสารล่องแม่น้ำฉางเจียง ได้หลายวัน เอี้ยนเทียนซึ่งเวลานี้ยืนอยู่ที่ท้ายเรือกำลังทอดสายตามองผืนน้ำอันกว้าง ใหญ่ ขณะที่อยู่ในภวังค์คล้ายกำลังจะคิดอะไรได้ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดิน จากข้างหลังกำลังเดินมาหา โสตประสาทของมันไวขึ้นกว่าเดิมมากนักนับตั้งแต่ฝึกการเข้าฌาณอย่างสม่ำเสมอ ทุกคืนจนเดี๋ยวนี้มันกลับใช้การเข้าฌานแทนการนอนหลับเหมือนผู้อื่น
" พี่สาวมีเรื่องจักเรียกใช้ข้าพเจ้าหรือ " เอี้ยนเทียนเอ่ยปากขึ้นทั้งที่ยังหันหลังอยู่
" ว้า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้าพเจ้า " ถิงถิง เอ่ยถามอย่างสงสัย หากแต่ไม่คล้ายกับจริงจังนัก
" ก็กลิ่นหอมของท่านลอยไปไกลหลายลี้เช่นนี้ หากไม่ทราบเกรงว่าผู้นั้นคงจมูกพิการแล้ว " เอี้ยนเทียน ตอบอย่างหยอกล้อเป็นกันเองเพราะสาวใช้นางนี้สนิทสนมและดีต่อมันไม่น้อย
" คิก คิก ช่างเจรจานัก คาดว่าบุรุษทั่วหล้าคงปากหวานมิต่างอันใดกับเจ้า " นางหัวเราะแย้มยิ้มอย่างสดใส ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
" ข้าพเจ้าเพียงออกมาสูดอากาศ อุดอู้อยู่แต่ในห้องโดนสารทั้งวัน ปวดเมื่อยแทบตายแล้ว " พูดพลางก็ทำท่าบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบ
" คุณหนูของท่านเล่า อารมณ์ดีขึ้นหรือไม่ " เอี้ยนเทียนหาเรื่องชวนคุย
" เอ... เจ้าก็ทราบเรื่องนี้หรือ " ครานี้นางถามอย่างเกิดความสงสัยจริงๆ เพราะคุณหนูของนางมิใคร่จะออกมาพบปะผู้คน เพียงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องโดยสาร ขณะจะตอบคำพลันเกิดความรู้สึกสังหรณ์บางประการ เมื่อทอดตามองไกลออกไปก็พบว่า มีเรือเร็วหลายลำกำลังมุ่งตรงมาทางนี้คาดว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามคงจะไล่ ตามทัน จึงหันกลับมาบอกให้ ถิงถิง กลับห้องโดยสารไปก่อนซึ่งนางก็ทำตามอย่างว่าง่ายคาดว่าคงรับรู้จากสีหน้าและ แววตาของมัน ส่วนตัวมันนั้นก็เร่งไปบอกให้หัวหน้าผู้คุ้มกันขบวนรับทราบ



หลัง จากนั่งเหงาๆในวันลอยกระทงก็ได้อารมณ์พิมพ์ตอนที่สาม ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเช่นเคย ขอบคุณพี่สาวแว่นผู้น่ารักตลอดเวลา สำหรับเรื่องอื่นก็จะทยอยๆออกมานะครับ



*ก๊อป ไปอ่านได้  แต่ ห้าม ! นำไปเผยแพร่นะคะ เพราะ คุณ nookylove ฝากให้นำมาลงจ๊ะ*