ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 5 ตัดเขี้ยวลบคม  ..แว่น...By…areja

เริ่มโดย areja, มีนาคม 22, 2012, 09:52:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

..................................[backcolor=#000000]เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 5 ตัดเขี้ยวลบคม  ..แว่น...By...areja[/backcolor].....

......................ช่วงนี้งานปั้นมาช้า อย่างไร ก็ขออภัย มา ณ.ที่นี้นะคะ  สำหรับเพื่อนสมาชิก ที่ตามอยู่ ขอบคุณแฟนคลับ ที่ คอมเม้น สม่ำเสมอ นะคะ ... (22/3/2555 ).

...............................................................แว่น มาเสิร์ฟอาหาร..

...........................................................เช้าปาคู่ ดูดี กาแฟ เดือด

...........................................................กลางวันเชือด ชาบู ปาคู่หาย

...........................................................เย็นตบ หนักหมูกระทะ ปะทะ  วาย์

...........................................................มื้อสุดท้าย นมร้อนก่อนนอนเอย.

 

.......................ข่าวการดับของ โอตือ ดังไปทั่วนครบาล เหล่าเจ้าพ่อ และ คนใน เยาวราช หาเหตุว่าใครทีทำการหักเขี้ยวพยัคฆ์ในคราวนี้ รวมถึงเหล่าเจ้าพ่อในเยาวราช ก็ระแวงระวังหลังร้อนกันเป็นทิวแถว ต่างเพิ่มกำลังคนติดตามขึ้นด้วยยังไม่รู้ที่มาที่ไปที่แน่นอน..

 

..  ในกองบังคับการตำรวจนครบาล   ..ปัง  แฟ้มเอกสารถูกฟาดลงละบายอารมณ์  จากผู้มีอำนาจสุดในห้อง..

..ครรชิต  " คุณ มั่วทำอะไรกันอยู่  รู้ตัวคนยิง โอตือ ลูก หย่งไถ่  หรือ ยังงานนี้ เขา อัดฉีดเงินรางวัล 5 แสนบาท สำหรับคนที่ รู้เบาะแส และ นำจับ แล้วคุณ มัวทำอะไรกันสืบไปถึงไหน ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างนี่จะครบ 3 วันแล้ว พวกคุณ หาหลักฐานอะไรไม่มีได้  อย่างไงก็รีบ ๆ นะ ไม่อย่างนั้น คุณได้ไปชายแดนแน่  หมวดประชา  กับ ดาบเขียด ."..เขา โมโห ด้วยโดน หย่งไถ่  กดดันมาอย่างหนัก.. ( มาแวะดูประวัติศาสตร์ ช่วงนั้นกันนิด. )

จอมพล ป. พิบูลสงคราม...                                

 ...........................................................

จอมพล ป. พิบูลสงคราม เดิมชื่อ แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมพ.ศ. 2440ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนพ.ศ. 2507เป็นบุตรนายขีด และ นางสำอางค์ ขีตตะสังคะ ภริยาคือ ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม( เดิมนามสกุล "พันธุ์กระวี ")จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เข้าศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนกลาโหมอุทิศโรงเรียนวัดเขมาภิรตารามจังหวัดนนทบุรีจากนั้นได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบก กระทั่งสำเร็จการศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2459ขณะอายุ 19 ปี โดยได้รับยศร้อยตรีและเข้าประจำการที่กองพลที่ 7จังหวัดพิษณุโลกจากนั้นไม่นานได้สอบเข้าโรงเรียนเสนาธิการได้เป็นที่ 1 และ เดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ประเทศฝรั่งเศสจนสำเร็จการศึกษา และ กลับมารับราชการ ต่อไป กระทั่งได้ยศพันตรี มีบรรดาศักดิ์ และราชทินนาม ที่" หลวงพิบูลสงคราม"เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน2475พันตรีหลวงพิบูลสงครามได้เข้าร่วมกับคณะราษฎรในเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยได้เป็นกำลังสำคัญในสายทหาร และ เมื่อปี พ.ศ. 2477ท่านได้เลื่อนยศเป็นพันเอกและ ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบกครั้นเมื่อ วันที่ 16 ธันวาคมพ.ศ. 2481ท่านได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาโดยการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและในช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม2484ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลตรีหลวงพิบูลสงครามเป็นจอมพล แปลก พิบูลสงคราม (โดยได้ยกเลิกราชทินนามแบบเก่า )
 

ที่กระทำการเบ็ดเสร็จ สำเร็จเสมอ และแนบเนียนทุกครั้งเดือนเมษายน 2500 กลุ่มอนุรักษ์-กษัตริย์นิยม(สยามรัฐ) และ กองทัพภายใต้การนำของ
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เริ่มเคลื่อนไหวเตรียม แผนรัฐประหาร โดยมีแกนนำสำคัญ เข้าประชุมร่วมกับกองทัพ เช่น กรมหมื่นพิทยาลาภพฤฒิยากร ( พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติ ) ประธานองคมนตรี,
ม.ร.ว.เสนีย์และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช 
...................................
    ๒๕๐๐ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหาร จอมพล ป. พิบูลสงครามหมดรอบ เชิญลงครับนาย ถึงป้ายแล้ว
จอมพลสฤษดิ์ รัฐประหารยึดอำนาจ รัฐบาลจอมพล ป. ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๐๐เมื่อ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจาก จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม แล้ว ก็แสดงตนว่าไม่ได้ยึดอำนาจเพื่อตัวเอง หลงติดในอำนาจวาสนา ลาภยศสรรเสริญ จึงจัดให้มีการเลือก ตั้ง ผลปรากฏว่า พรรคสหภูมิ ของสฤษดิ์ได้ที่นั่งมากที่สุด แต่ยังไม่พอจัดตั้งรัฐบาลได้ สฤษดิ์จึงได้ตั้งพรรคใหม่ขึ้นชื่อ ชาติสังคม โดยกวาด สส.พรรคสหภูมิรวมเข้ากับ สส.พรรคเล็กอีกหลายพรรคบวก กับ สส.ประเภทที่๒ ที่แต่งตั้งขึ้นทั้งหมดโดยสฤษดิ์เองหลังการปฏิวัติ ก็มีเสียงมากเกินพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วให้ จอมพลถนอม กิตติขจร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ.2501 
.........................................................
             
                                               เมื่อครั้งยังเป็นขุนทหาร เคียงคู่บารมีนาย จอมพล ป.
                                 ได้ครับพี่ .. ดีครับผม .. เหมาะสมครับนาย .. สบายครับท่าน
                                                      ก่อนจะแข็งข้อยึดอำนาจนายเก่า

รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๑แต่ จอมพลถนอม บารมีไม่พอ โดนลูกพรรคตัวเองบีบให้ออกกฎหมายควบคุมการใช้เงินกองสลาก ซึ่งลือกันว่า มีการพิมพ์สลาก ๒ชุด เพื่อเอาเงินไปให้ สฤษดิ์ รักษาตัวอย่างลับๆ เรื่องนี้ทำให้ สฤษดิ์ โกรธมาก และในวันรุ่งขึ้น สฤษดิ์ ก็บินด่วนกลับเมืองไทย เพื่อทำการรัฐประหารซ้ำอีกครั้งหนึ่ง แล้ว จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่11 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2502 ในการ "กำจัด" ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง หนึ่งในข้อกล่าวหา ที่ใช้ได้ผลมาตลอดยุคสมัย นับแต่อดีตถึง ปัจจุบัน กว่าครึ่งทศวรรษ สำหรับ "การเมืองสามานย์" ก็ถูกนำมาใช้กันเปิดเผยยิ่งขึ้นทุกที นั่นคือข้อหา
" หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ "และผนวกด้วย " ล้มล้างสถาบัน "นับตั้งแต่ปี 2503 จอมพลสฤษดิ์ได้ใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อย่างไม่มีความปราณีเพื่อ สำแดงความสูงส่งของ สถาบันพระมหากษัตริย์ และ มักจะพ่วงข้อหา" ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์"เข้าไปด้วย  
 .....................................................                
                       จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ กระหนาบข้างซ้ายขวา ด้วยนายทหารคู่บารมีถนอม-ประภาส
 ...................................................                      
จอมพลถนอม กิตติขจรและ จอมพลประภาส จารุเสถียรผู้สืบทอดอำนาจเผด็จการตัวแทนและ ทำการยึดทรัพย์เจ้านายหลังวายชนม์ หมดสิ้น ด้วยมาตรา17 ที่ตราขึ้นเอง ฐานโกงชาติโกงแผ่นดิน ยึดทรัพย์เข้าหลวง 3,000 ล้านบาทในสมัยนั้นแต่คงเหลือทรัพย์สินจริงเพียง 604 ล้านบาทที่ยึดคืนมาได้กาลต่อมา 2 จอมพล ถนอม-ประภาส พร้อมลูกชาย พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ก็ถูกยึดทรัพย์ด้วยเช่นกัน หลังเหตุการณ์ วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม พ.ศ.2516
กงเกวียนกำเกวียน กฎแห่งกรรม    
...................................          
                                                                              มาแชล สฤษดิ์ เซ็งเป็ดเซ็งไก่
                                                    อุ้มแทบตาย หักหลังนายเก่าให้ก็แล้ว ดันมายึดทรัพย์กันอีก
                                                                            "
พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ"
                                               "  
อย่าทำร้ายประชาชนเป็นอันขาด จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากข้าพเจ้า"และ ข้าพเจ้านั้นเป็นใคร?


 

................พันตำรวจเอกครรชิต รองผู้กำกับนครบาล ซึ่ง ครั้งหนึ่ง อำนาจเคยคับฟ้าในสมัย จอมพล .ป ดำรงตำแหน่งนายก ฯ   กลุ่มสมุน อัศวินแหวนเพชร ภายใต้คำขวัญอดีตอธิบดีกรมตำรวจ  "อัศวินเผ่า ศรียานนท์" วาทกรรมที่จารึกไว้เนื่องในวันตำรวจ 13 ตุลาคม 2494 มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ ดังนี้ "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยจะทำไม่ได้ ในทางที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม และกฎหมายบ้านเมือง "...

.................................................

................ แต่ มาในยุค นายพลผ้าขาวม้าแดง จอมพลสฤดิ์ เขา กับตันทั้ง ชั้นยศ ขั้นเงือนเดือนไม่ลื่นไหลตามพวกพร้อง เพราะ พัวพันทุจริต มากชนิด และ มีส่วนร่วม กำผลประโยชน์หลายอย่าง ใน เยาราช ที่ เขา รอดปลอดภัยมาได้ก็ เพราะ มีนายอีกชั้นเป็นนักการเมือง แต่ พอ สับเปลี่ยนขั้วที ก็ ดูว่า ถ้านายรับตำแหน่งรับมนตรี ไหม ? ถ้านายได้ เขา ก็โตขึ้นไว แต่ ช่วงไหนนายเป็นฝ่ายค้าน เขา ก็จะ แป๊กอย่างในขณะนี้ แต่ รายได้ เขา  ก็มีมาไม่ขาด ตั้งแต่ มารับตำแหน่งรองผู้กำกับนครบาล พ.ต.อ. ครรชิต ส่ง ตำรวจปลายแถว และ ทหารนอกราชการ ช่วย เป็น ม้าใช้ และ เป็นนิ้ว  ให้ โดย รับสินบนทุกกิจการ นอกกฎหมายที่ 5%  พ.ต.อ. ครรชิต สนิทกับ หย่งไถ่ มาก โดย หวัง ตกเขียว ลูกสาววัยสะพรั่งที่สวยสง่าดังนางหงส์ ของ หย่งไถ่  อีกทั้งยังติดบ่อน การพนันเรียกว่า " เข้าเส้นทีเดียว ."   หมวดประชา นายร้อยหนุ่มไฟแรงจากโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร  ลูกชาวนาที่มุมานะจากความมุ่งมั่นเป็นข้าราช ที่ดีเพื่อปราบเหล่าทรชน เพราะ พ่อ-แม่ซึ่งเป็นชาวนาชาวไร่ โดนรังแก เขา ถูกส่งไปอาศัยวัดเพื่อเล่าเรียน และ ไม่ให้รับรู้ ถึงการถูกเอารัดเอาเปรียบต่าง ๆ นานา จากนายทุนหน้าเลือด พ่อ-แม่ ต้องขายทุกสิ่งใช้หนี้ ที่ถูกยกเมฆขึ้นมาเพื่อโกงผืนนา กว่าจะหมด ก็เหลือที่อยู่แปลงเดียว ที่ พ่อ-แม่ ทนทำเพื่อส่งเสีย เขา เรียน จนจบตำรวจ ร้อยตำรวจโทประชา ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่หลังเรียนจบ ณ. ยัง สถานีตำรวจภูธร อ.แสวงหา จ.อ่างทอง อยู่ 2 ปีกว่า ก็ถูกเรียกตัวเข้ามานครบาล ในตำแหน่งรองสารวัตรสืบ และ สอบสวน นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะส่วนใหญ่ แต่ ด้วย ความสามารถในการสืบสวนที่สามารถสืบเสาะร่วมกับ กองปราบปราม ทำให้คดีลุล่วงคลี่คลายหลายคดี ระยะหลังจึงมักถูกมาดึงมาร่วมงานในฐานะสายลับหาข่าว แต่ ยังคงขึ้นตรงต่อนครบาลอยู่  เขา ถูกรับมอบหมายจากส่วนกลาง ให้หาเบาะแสคดีนี้   นายดาบเขียด ตำรวจตรงฉินอีกนาย เมื่อ หมวดประชา ย้ายมาใหม่ก็ถูกในคอยติดตามร่วมงานกับ หมวดประชา โดยตลอด ด้วยเป็นคนที่ทำงานในเมืองหลวงมาตลอดอายุราชการ จึงมีความชำนาญในพื้นที่แทบทุกตารางนิ้ว ในพระนคร ดาบเขียดเป็นคนตรง และ ไม่ยอมงอให้ใคร จึงมักไม่ค่อยเข้าตาตำรวจชั้นผู้ใหญ่เท่าไร เขา เคยถูกลอบยิงจากกลุ่มทุนมาหลายครั้ง แต่ก็รอดแทบทุกครั้ง จะด้วย พุทธคุณความดี หรือ ความซื่อตรงต่ออาชีพก็เป็นไปได้ ที่ปกปักษ์รักษา เขา ตลอดมา 2 คนทำงานเข้าขากันด้วยดี งานสืบหาคนฆ่า โอตือ ถูกโยนมาให้ด้วยหวังเล่นงาน 2 ตำรวจตรงฉิน ด้วยเหตุมักขัดขวางธุรกิจมืดบ่อยครั้ง และ ยังมักจับเหล่า ลิ่วล้อ เจ้าพ่อใน เขต เยาวราช บ่อยครั้งโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพล และ ไม่ฟังคำทัดทาน จากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อย่างน้อย ก็ รองผู้กำกับครรชิต คนหนึ่งที่เป็นไม้เบื่อไม่เมากันโดยตลอด 2 ตำรวจยังคงสืบหามูลเหตุฉนวนแห่งการสังหาร โอตือ ครั้งนี้ แต่ดูเหมือน เส้นทางควาน ตัว มือดีคนนี้คงยากสำหรับ เขา ทั้ง 2 คนซะแล้ว เพราะ ไม่มีเบาะแสใด ๆ เลย หลังผ่านไป 3 วัน 2 ตำรวจเดินออกมาจากห้อง พ.ต.อ.ครรชิต โดยสวนกับอดีต 2 จ่าทหารนอกราชการ ทั้งสองฝ่ายมองกันอย่างไม่ละตาช่วงเดินสวนกันด้วยมีเหตุปะทะขุ่นเคือง 2 ตำรวจนำกำลังกองปราบบุกกวาดล้างบอนหวยจับอีกี่ และ บ่อนต่าง ๆใน เขต ป้องครองของ 2 จ่าทหารครั้งล่าสุด เมื่อไม่นานมานี้ จึงสร้างรอยแค้น ให้ 2 จ่าทหารเป็นอันมาก

 

..พ.ต.อ.ครรชิต  " เอา จ่าเชียร จ่าโทน มาเร็วดี ลื้อสองคน หาคนตามประกบ ไอ้ 2 ขวากหนามนั้นหน่อย มีโอกาส ก็เป่ามันซะ ตอนนี้  2 หัวนั้นมีค่าหัว หัวละ 2 แสนจะได้ ทำอะไรสะดวกขึ้นหน่อย แม่ง ทำงานเหยียบหน้าอั๊ว หลายครั้งแล้ว ."..เขา สั่งเชิงกำชับ หน้าเคร่งเคลียด..

..จ่าเชียร  " ครับนาย ผม กับ ไอ้โทน ก็เหม็นหน้ามันแย่แล้ว มันเล่นเอาผม โดนด่า จาก ซาปั๊ก ( หนึ่งในสี่เจ้าพ่อเยาราช ที่ 2 จ่าซุกปีกเดินผลประโยชน์ให้อยู่ ) หูชาหมด ไม่ค่อยอยากเข้าหน้าเลย."..จ่าเชียร พูดด้วยความโมโหคิ้วขมวดหนวดกระดิก..

..จ่าโทน  " แล้ว นายจะให้เก็บมันหลังงาน โอตือ เสร็จ หรือ เล่นมันในงานเลยดีครับ ."..จ่าโทน จอมเถื่อนลูบศีรษะที่โล้นล้าน ด้วยอาการหมั่นเคี้ยว และ คั่งแค้น..

..พ.ต.อ.ครรชิต  " สบโอกาสตอนไหน ก็อย่าให้มันหายใจบนพื้นโลก หึ หึ ."..เขา ยิ้มเหี้ยม ๆ ที่มุมปาก..

 

..................3 วัน ที่ หยก เข้ามาอาศัยพักพิง ญาติ ที่ห่างกันมานาน สอง สามีภรรยาเอ็นดู หยก เป็นอย่างมากรักใคร่ และ เอนดู เขา อย่าง ดี ส่วนสาวน้อยวัยใส มุ่ย ก็แอบชอบ หยก ตั้งแต่เด็กยิ่งมาอยู่ใกล้เช่นนี้ ทำให้ เธอ มีความสุข และ กลับบ้านไวแทบทุกวัน และ มัก ขึ้นมาคุย กับ เขา บนห้องพักเกือบทุกเวลาที่ว่างเว้นงาน เอ มีใจแก่ เขา หยก นั้นพอดูออกแม้นไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่ หยก มอง มุ่ย แค่น้องสาวไม่ได้คิดอะไรเกินเลยแม้  มุ่ย พยายามชิดใกล้ เขา ด้วย หลงรูปอันสง่างาม และ บุคลิก ที่เงียบขรึมนิ่ง สร้างเสน่ห์ ดึงดูด จน มุ่ย เก็บไปฝันทุกคืน    บาดแผลที่บ่า หยก จากคมกระสุน หายอักเสบ และ แห้งยุบไวกว่าที่ หยก คิดไว้ ช่วงมาอยู่ เขา แทบไม่ค่อยลงมาข้างล่างเลยถ้าไม่จำเป็น เวลาที่ เขา จะเยื้อย่างออกบ้านคือหลัง ร้านปิด เกือบ สองทุ่ม 2 วันมานี้ เขา ลงมา และ หายออกจากบ้านไป 3- 4 ชั่วโมงก่อนกลับเข้ามายามราตรีพลางทุกวัน  วันนี้ เขา ลา จางฮุย ตอนกลางวันโดยบอกถึงงานที่จะทำในค่ำคืนนี้ หลังงานเสร็จ หรือ พลาดพลั้ง เขา จะหายตัวไปโดย ให้ จางฮุย บอก แก่กิมเฮง ด้วยว่า เขา มีธุระด่วนต้องรีบไปก่อน แล้วจะกลับมาเยี่ยมในวันหน้า  หยก กำชับ จางฮุย ให้รักษาตัว และ ไม่ต้องห่วงเขา เขา เอาตัวรอดได้ วันหน้าเรื่องเงียบสาลงแล้ว จะกลับมาเยี่ยมเยือน จางฮุย น้ำตาตกในกับสิ่งที่ หยก ซึ่งเปรียบดั่งลูกชายจะไปทำ แต่ ก็ไม่พูดใด ๆ   ให้ หยก พะว้าพะวง เพียงบอกสั้น ๆ  " รักษาตัวนะ ลูกชาย ."  ทุ่มกว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อม อาวุธประจำกายถูกตรวจล้างตั้งแต่กลางวัน ทุ่มตรง มุ่ย เข้ามาหาทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่า หยก จะลาจากพอประตูเปิดออก หยก เดินหันหลัง มุ่ย ก็ตรงเข้าสวมกอด หยกจากด้านหลัง เนื้อเต้าอวบคู่งามของ เด็กสาว อายุต่างกันไม่ถึง อาทิตย์ ที่แน่นเบียด ทำเอา หยก หยุดเท้า..

.......................................

 

..หยก  " มุ่ย เรา พี่น้องกันนะ อย่า ทำแบบนี้ ถ้า อาป๋า อาม้า มุ่ย มาเห็น อาจโดนตำหนิได้ ."..เขากล่าวเสียงเรียบนุ่ม และ แกะมือเด็กสาวที่โอบมากอด เขา ก่อนจะหมุนตัวมาเผชิญหนา..

..มุ่ย  " เฮีย หยก   เฮีย จะไปไม่บอก มุ่ย ซะคำเลย ถ้า มุ่ย ไม่ถาม อาป๋า มุ่ย ก็ไม่รู้เลยว่า เฮีย จะไปคืนนี้ เฮีย ใจดำ ."..เธอ ก้มหน้าน้ำตาอาบแก้มแดงระเรื่อ ค่อย ๆ ใบหน้าเนียนนวลซบแผลงอกแน่นของ หยก ถ้อยคำตัดพล้อน้อยใจอกอวบแน่นนาบเบียดกาย มังกรหนุ่ม..

..หยก  " โอ๋ โอ๋ สาวน้อยของ เฮีย ก็กะจะบอกตอนไปนี่ไง พอดี เฮีย มีเรื่องด่วนต้องรีบกลับ พระนคร จริงๆ เอาไว้ว่าง ๆ เฮีย จะมาเที่ยวหาใหม่นะจ๊ะคนดี หรือ วันหน้า โรงเรียนปิด หรือ หยุดเทศกาล อยากล่องไป พระนครหา เฮีย ก็ได้แล้ว เฮีย จะพา มุ่ย ไปเที่ยวให้ทั่วกรุงเลยนะ."..เขา ปลอบประโลม เด็กสาวในอ้อมกอด ตื่นเล็กน้อยกับเต้าคู่ที่เบียดแนบ มือหนึ่ง กอดกลับร่างสาวน้อย  อีกมือลูบศีรษะแผ่วเบา ..

..มุ่ย  " จริงนะ เฮีย ไม่โกหก มุ่ย นะ .".. เธอ อ้อนออดพร้อมเงยหน้าขึ้น สายตา ทั้งคู่ประสานกัน..

 

..................ใจที่มีอยู่แล้วของ เด็กสาว เพิ่มความกล้าท่ามกลางความเศร้าที่จะพรากจาก และ ความหลงใหล หยก มาแต่เด็ก ทำให้ เธอ ยื่นผิวหน้าเนียนสีชมพูระเรื่อ เชิดขึ้นมอง  สองสายตาประสานกัน คนหนึ่งด้วยห่วงใยเอ็นดู คนหนึ่งหลงใหลใฝ่หาตอนมา มุ่ย เขย่งตัวยืดร่าง เรียวปากน้อยชมพูสดเผยออ้าเล็กน้อยรอรสจูบ ที่ก้มลงมาประกบ หยก ทาบรีบฝีปากลงเบาแผ่ว ค่อย ๆ เลื่อนสัมผัส ของ ขอบริมฝีปากขยับทั่ว เรียวปากบาง ของ มุ่ย อกที่แนบเบียดอัดแน่นร่างสั่นเกร็งเล็กน้อย เธอ หลับตาพริ้มด้วยรส สัมผัสแรกแห่งรอยจุมพิตจากคนที่ เธอ เฝ้ารอมาตลอดเวลา แม้ในห้วงความฝัน  ซอกขานาบเบียดจน โหนกเนื้ออูมกลางลำตัวอัดต้นขา ของ หยก  หยก ฉกลิ้นเลียริมฝีปากบางก่อนแทรกชิวหา เข้าโพรงปากหอม ของ มุ่ย  เขา แซะเซาะเรียวลิ้นแทรกร่องฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ และ ควานลิ้นห่อดูด พันเรียวลิ้น ของ เด็กสาว   เธอ ร่างสะท้านขนลุกเกรียวในครั้งแรก ที่ถูก ยอดหนุ่มในฝัน จูบเน้นหนัก ตัว เธอ อ่อนสิ้นแรงพยุงกายทิ้งน้ำหนักตัวโถมทั้งหมด สู่ร่าง หนุ่มน้อย หยก ค่อย ๆ ประครองร่างที่กอดแน่นในชุดนักเรียน บรรจงหย่อนกายสู่พื้น กันอย่างช้า ๆ  พอหลัง หยก นาบพื้น อกหยุ่นแน่นที่แนบแผลงอกกำยำก็เบียดจนเม็ดกระดุมหลุดจากรั้งดุม 3 เม็ด เนื้อเนินอกอิ่มปลิ้น อวดความเนียนขาว โคกครามโหนกอูม ก็บดเทินอยู่บนแกนดุ้นลำ ที่ตุงขยายในร่มผ้า ร่างทั้งคู่สะเทินสรรพกาย ต่างกอดรัดกันแน่ พลิกซ้อนกลับกันไป-มามือเด็กสาวกอดเด็กหนุ่มแน่ แต่ มือเด็กหนุ่ม นั้นกับฉกลูบล้วงผ่านกางเกงในตัวจิ๋วที่ซ่อนใต้กระโปรงนักเรียน หยก ทาบนิ้วขยี้โหนกอูมที่แฉะชุ่มน้ำเลี้ยงความกำหนัด นิ้ว หยก ลากผ่านขึ้นลงสำรวจผืนโคกอวบที่ไร้ขน เสียงครวญในลำคอเด็กสาว อื้ออึง ด้วยลิ้น ที่พันเกี่ยวสายใยสวาทที่เริ่มก่อตัวลิ้นทั้งสองพันดูดกันสลับไป-มากาย สาวน้อย สั่นเทามือเท้าเหยียดเกร็ง ด้วย เรียวนิ้วที่ล่วงล้ำจีบเนื้ออ่อนขอบรูเสียว นิ้วถูกปาดวนรอบขอบแคม กลีบเนื้ออ่อน  และ ค่อย ๆ  แทรกผ่านลึกล้ำเข้าไป เข้าไป ขอบจีบเสียวขมิบตอดเกร็ง ลืบในขับน้ำเยิ้มย้อยเมือกใส ๆ  ออกมาไม่หยุดหย่อน เอวแดะเด้งบางครา บางครั้ง ห่อตัวงอส่ายหนีนิ้ว  หยก รุกไล่เข้าไปกรีดเนื้ออ่อนภายในลืมช่องทาง เขา ควานจนน้ำเอ่อปริ่ม หยก รีบเร่งซอยนิ้วถี่แรง

 ...............ฉ๊อก ฉอก ฉอก ฉอกแฉะแฉะแจะแจะ แจะ แปะแปะ ฉ๊อกฉอก ปัก ปัก ปัก  ฉอกฉอกฉอกฉอก..

........................................

.................เสียงหอบแทรกออกมาพร้อมกับเสียงคราง เพราะความเสียว ของ มุ่ย เธอ ดิ้นส่ายร่อน บิดกาย เล็บจิกแน่น ที่แผ่นหลัง หยก เขา ก็ไม่ปล่อยเวลาล่วง ด้วยภารกิจเบื้องหน้านั้นใหญ่หลวงนัก นิ้วถูกซ้อนแทรกเข้าไปเพิ่มขนาดขยายลู่ทาง น้ำเสียวยืดเยิ้มไหลไม่หยุด เอว เด็กสาวแอ่นเด้งสุดตัว พร้องเสียงกรี๊ดร้อง กรี๊ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด ด เธอ  แอ่นโหนกโคกค้างส่ายร่อนวน ให้นิ้วอ้าควานสะบัดนิ้ว ในร่องรวง ที่เกร็งขมิบ ตัวสั่นอย่างกับลูกนกตกน้ำ เกือบ 3 นาที เธอ หน้าแดงเงยหน้ามอง เด็กหนุ่มที่หลงรัก พร้อมกระชับกอดอีกพักใหญ่...

 

..หยก  " เฮีย ต้องไปก่อนนะ มุ่ย ใกล้ได้เวลานัดกับรถที่จะมารับ แล้ว ไว้วันหน้าเจอกันนะคะ คนดี รักษาตัวด้วย."..เขา พูดพร้อมพรมจูบไปทั่วใบหน้าแดงเนียน..

..มุ่ย  " จ๊ะ เฮีย สัญญานะ ว่าจะคิดถึง มุ่ย มุ่ย รัก เฮีย ."..เธอ ปรือตามองดวงหน้า หยก ด้วยความหลงไหลน้ำตาคลอเบ้า..

 

.....................ก๊อก ๆ  สองร่างแยกจากเมื่อเสียงเคาะประตู ดังขึ้น มุ่ย จัดเสื้อผ้าเข้าที่เข้าทางกางเกงในตัวจิ๋วชุ่มแฉะน้ำเสียวโชกไปทั้งตัว หยก จัดเสื้อผ้าเสร็จ ก็เปิดประตู  กิมเฮง เข้ามาไม่สงสัย  เธอ ผวากอดหลานชายลูก ของ ฝาแฝด เธอ ที่ลาโลก อารามห่วงใยรักเอ็นดู  เธอ พูดคุยล่ำลา หยก พักใหญ่ หยก ก็ก้าวลงจากชั้น 4 ของ ตัวตึกสวนกับ จางฮุย ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่กล่าวคำใด เขา ออกจากร้านไปเดินห่างร้านไปเกือบ 200 เมตร มองทั่วรอบก็เปิดประตูรถ มุดร่าง เขา ไปนั่งเบาะหลัง ..

 

..หยก  " รบกวน อีกแล้วนะ อากู๋ ไปศาลเจ้าพ่อ วันนี้ เหล่า เซียนมาร จะอำลากลับ ยมโลก ."..เขา กล่าวด้วยแววตาคมวาวดุจเพชรจะกรีดพลอยให้แยกจาก..

 

....................3 เสี่ยน้อยยังไม่มาร่วมงานด้วยกำลังเพลิดเพลินกับกามหมู่ ที่เหยื่อกามครั้งนี้ ถูกพรากจากอกครอบครัวเมื่อเช้า ด้วยบุพการี ค้างชำระหนี้ บวกอารมณ์หื่น ที่ทั้ง 3 ยลร่างสาววัย 20 ปี ลูกสาวลูกหนี้ แล้วหมายนำมาขัดดอกเงินต้น พ่อ-แม่ เด็กสาวไม่ยอมก็ถูกทำร้าย เด็กสาวทนต่อไปไม่ไหว จึงยอมมากับ 3 มาร ท

kaithai