ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

copy บันทึกคำภีร์มหัศจรรย์ ตอนที่8 ฤๅนี่คือ...รัก...บทประพันธ์ nookylove

เริ่มโดย areja, มีนาคม 11, 2012, 02:36:34 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

..........................copy บันทึกคำภีร์มหัศจรรย์ ตอนที่8 ฤๅนี่คือ...รัก...บทประพันธ์ nookylove
..........................ท่าน nookyloveบันทึกคัมภีร์มหัศจรรย์ ตอน8 ฤๅนี่คือ...รัก 
.........................สาวสวยบนเตียงนอนเริ่มรู้สึกตัวเมื่อมีแสงจากดวงอาทิตย์ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามารบกวนโสตจักษุ เปลือกตาที่หนักอึ้งกว่าทุกเช้าลืมขึ้นมาอย่างยากเย็น กับความรู้สึกที่ร่างกายหน่วงๆ ปวดเมื่อยไปตามตัว จนต้องครางเบาๆ เมื่อดวงตาคู่งามปรับสภาพได้ สมองที่ยังเชื่องช้าหลังการตื่นนอนก็เริ่มทำงาน สิ่งแรกที่สาวสวยรู้สึกคือ เพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย จนเมื่อสติเริ่มกลับเข้าร่าง ร่างบอบบางก็ลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็นเพราะปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย สายตากวาดมองไปทั่วห้องพยายามคิดทบทวนความจำที่ผ่านมา ยังไม่ทันที่เธอจะนึกได้เป็นเรื่องเป็นราว ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ปรากฎร่างผู้ชายผิวเข้ม สูงกำยำ ใบหน้าคุ้นเคย เขามองมาที่เธอเพียงแว่บเดียว แล้วก็รีบปิดประตู สาวสวยที่นั่งบนเตียง งงงันอยู่สักครู่ก็รู้สาเหตุ เพราะ ร่างท่อนบนของเธอเปิดเปลือยอยู่ สองเต้าคู่งามคงอวดเด่นเป็นสง่า เย้ยสายตาของชายหนุ่มไปหมดแล้ว หญิงสาวรีบมุดกลับเขาไปใต้ผ้าห่ม ในใจกรีดร้องอย่างอับอาย ตั้งแต่เกิดมาจนโตเป็นสาวยังไม่เคยให้ชายใดได้ยลร่างกายเธอถึงเพียงนี้ แต่.... เอ๊ะ

ครั้งนี้ชายหนุ่มเคาะประตูก่อน เมื่อไม่มีเสียงห้าม เขาก็เดาเอาว่า หญิงสาวคงพร้อมแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปก็พบ สาวสวยซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มส่งสายตามาให้เขาอย่างโกรธเคืองและเต็มไปด้วยคำถาม ชายหนุ่มเพียงเดินไปที่ตู้ใบเล็กข้างๆตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบชุดของแสงเดือนที่เขาซื้อให้เมื่อนานมาแล้ว พร้อมด้วยผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันใหม่วางไว้ที่ข้างเตียง

"อาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยถาม" เขาออกปากคล้ายคำสั่งกลายๆ ยิ่งเรียกสายตาแวววาวกรุ่นโกรธมากขึ้นไปอีกจากใบหน้าสวยที่โผล่พ้นผ้าห่ม จากนั้นจึงเดินออกไป ทิ้งให้สาวสวยบ่นด่าในใจไล่หลังชายหนุ่มไป ซึ่งก็น่าแปลกเพราะเธอรู้สึกว่าเขาไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งที่ดูจากสภาพการณ์แล้วมันไม่ธรรมดาเลยสักนิด ขณะจะลุกจากเตียง ประตูพลันเปิดออกอีกครั้ง

"อ่อ ห้องน้ำ เดินออกมาแล้วอยู่ทางซ้ายมือนะ " น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังมาจากหลังบานประตู ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง รีบล้มตัวลงคว้าผ้าห่มมาปิดร่างขาวแทบไม่ทัน
"กรี๊ดด ไอ้บ้า ไอ้ลามก " หญิงสาวตะโกนด่า อย่างโมโหและตกใจ แต่ได้เสียงหัวเราะตอบกลับมาจากชายหนุ่มพร้อมประตูที่ปิดอีกครั้ง

เมื่อหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำได้สักพัก ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาถึงชั้นล่างที่เขากำลังนั่งอยู่ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงปึงปังเสียงดัง วิ่งลงบันไดมาจึงจ้องหน้าเขาคราวนี้ไม่ใช่แววตาโกรธแล้วแต่เป็นเคียดแค้นเลยทีเดียว

" แกทำอะไรฉัน ฮะ ไอ้เลว ไอ้ชั่ว " สาวสวยตะโกนด่าทั้งน้ำตา โดยที่ร่างขาวมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันอยู่ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเปียกชื้นถูกมัดรวบไว้ที่ท้ายทอย
ใบหน้าสวยเนียนแดงก่ำด้วยความโมโหสุดชีวิต ดวงตาคู่งามมีน้ำตาเอ่อคลอ
" แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนสิ แล้วผมจะอธิบายให้ฟัง" ชายหนุ่มเพียงบอกเรียบๆ เหมือนไม่สนใจท่าทีของสาวสวยตรงหน้า ที่แทบอยากจะฆ่าเขาให้ตาย ฝ่ายหญิงสาวเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่มีความรู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ทั้งๆที่เขาน่าสงสัยที่สุดที่ทำกับร่างกายเธอจนเป็นรอยจ้ำๆ เกือบทั้งตัวแบบนี้ ความอดทนก็หมดลง คว้าของใกล้มือได้ก็ปาใส่ชายหนุ่มจนต้องหลบบ้าง ปัดบ้าง พัลวัน
"นี่ !! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นจะโดน" ชายหนุ่มตะโกนขู่ แต่ก็ไม่ทำให้พายุข้าวของหยุดลงได้
"โดนอะไร ฮะ ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ นี่ ๆ ไปตายซะ" สาวสวย ตะโกนสวนกลับมามือก็ยังขว้างสิ่งของไม่หยุด จนชายหนุ่ม ต้องเดินเข้าไปคว้าแขนบอบบางทั้งสอง แต่เธอก็ยังดิ้นสู้สุดแรง เมื่อแขนโดนจับไว้ สองขาก็เตะถีบ จนผ้าเช็ดตัวที่พันร่างขาวไว้ ร่ำๆจะหลุด อยู่รอมร่อ เขาจึงดันตัวหญิงสาวไปติดกำแพงแล้วเบียดกายเข้าหาจนร่างแนบชิด ทำให้เธอขยับจะอาละวาดไม่ได้อีก ทำได้เพียงถลึงมองอย่างโกรธแค้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"จะฟังความจริงหรือว่าต้องให้ออกแรงก่อนล่ะ" ชายหนุ่มพูดช้าๆ ชัดๆ ให้รู้ว่าเอาจริง สาวสวยรับรู้ได้ว่าเขาไม่ล้อเล่น จึงหยุดดิ้น
"ก็ได้ ปล่อยสิ " เมื่อเห็นเธอสงบลงเขาจึงยอมปล่อยแล้วกลับไปนั่งทีเดิม หญิงสาวมองเขาอย่างชั่งใจสักครู่ จึงเดินกลับขึ้นไปแต่งตัว

เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วหญิงสาวก็เดินลงมาหาชายหนุ่มที่โต๊ะ ซึ่งตอนนี้บนโต๊ะมี กล้องวีดีโอและแลปท็อปวางอยู่ด้วย
"คุณจำเรื่องเมื่อวานได้หรือเปล่า" เขาเริ่มถามขึ้นเมื่อหญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว สาวสวยนั่งลงใช้ความคิดอย่างหนัก ' อืมม เมื่อวานเราจะไปดูหนังกับพี่เต้ แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย จากนั้นก็ไปที่คอนโด..... '
"จำได้แค่นั่งรถไปกับพี่เต้จนถึงคอนโด แล้วก็รู้สึกมึนๆร้อนๆบอกไม่ถูก" หญิงสาวจำได้เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเปิดไฟล์วีดีโอในเครื่องแลปท็อป แล้วหันไปให้เธอดู
"นี่เครื่องคอมของพี่เต้ของคุณ อ่ะดูซะ" เมื่อสาวสวยได้เป็นภาพก็ตกตะลึงขนลุกซู่ เพราะในภาพนั้นมีผู้ชายถึงสี่คนกำลังรุมโทรมผู้หญิงคนหนึ่งอยู่อย่างเมามัน และก็มีเสียงของคนที่เธอเรียกว่าแฟนร้องสั่งชายสี่คน มาเป็นระยะๆเห็น บางครั้งกล้องก็เปลี่ยนคนถ่ายเป็นอีกคน แล้วเธอก็
เห็นแฟนเข้าไปร่วมวงด้วย หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในภาพที่เห็น เพราะเธอเชื่อมาตลอดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษจิตใจดีให้เกียรติเธอเสมอ ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อเห็นสาวสวยทำหน้าคล้ายไม่เชื่อและไม่ยอมรับก็เปิดอีกไฟล์ให้ดูซึ่งก็มีเหตุการณ์คล้ายๆกัน
"เอ้าดูซะมีอีกเป็นสิบไฟล์เลยนะ มีผู้หญิงตกเป็นเหยื่อพวกมันเป็นสิบ นี่เฉพาะที่มันถ่ายเก็บไว้นะ นอกจากนั้นอีกไม่รู้เท่าไหร่" ชายหนุ่มพูดขึ้น ทำให้หญิงสาวเหมือนจะจำบางอย่างได้ เสียงของผู้ชายหลายคนที่หัวเราะอย่างหื่นกระหาย คำพูดหยาบช้าลามกต่างๆนาๆ แล้วก็มือหลายคู่ที่มารุมทึ้งร่างกายของเธอ เมื่อคิดถึงตอนนี้น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มเนียนด้วยความอดสูและอับอาย ชายหนุ่มเพียงถอนหายใจเบาแล้วลุกออกไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมชามใบนึงอาหารในชามส่งกลิ่นยั่วน้ำย่อยในกระเพาะของหญิงสาว ทำให้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างระงับไม่ได้

" ข้าวต้มปลา กินซะคุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่เอ้า" ชาบหนุ่มวางชามข้าวต้มไว้ตรงหน้า แต่หญิงสาวดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์อยากอาหารทั้งๆที่ท้องก็ร้องประท้วงอยู่
" เฮ้อ คุณน่ะยังไม่ทันจะโดนทำอะไรสักหน่อย นอกจากที่เห็นจากรอยช้ำตามตัวน่ะ กินไปด้วยสิเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง" ชายหนุ่มหาวิธีตะล่อมให้สาวสวยกินข้าวต้มที่เขาทำให้ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทีดีขึ้น เขาก็เล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้ฟัง จนข้าวต้มใกล้จะหมดชาม แน่นอนเขาย่อมไม่เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังว่าเธอร่านสวาทขนาดไหน

" เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าคุณไม่เชื่อจะไปให้หมอตรวจว่ามีร่องรอยถูกข่มขืนหรือเปล่าก็ได้นะ" ชายหนุ่มพูดขึ้นให้สาวสวยสบายใจ ซึ่งเมื่อเธอคิดดูแล้วก็น่าจะจริงเพราะเธอเพียงรู้สึกระบมตามตัว แต่ส่วนสำคัญของผู้หญิงก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร ซึ่งคำพูดของผู้ชายคนนี้น่าจะเชื่อได้ แต่เอ๊ะเหมือนเธอลืมอะไรบางอย่างไป....

" เอาข้าวต้มเพิ่มอีกหรือเปล่า ผมทำเผื่อไว้เยอะเลย " ชายหนุ่มพูดขัดตอนที่เธอกำลังจะคิดออก จนในที่สุดก็

" เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน " หญิงสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังลุกไปตักข้าวต้มชะงัก
" เสื้อคุณขาดหมดแล้ว เหลือแต่กระโปรง...จะเอาเหรอ" ชายหนุ่มตอบโดย ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้ถามเพื่ออยากรู้ว่าเสื้อผ้าเธอหายไปไหนจริงๆ แต่หมายถึงว่าเขาเห็นเธอในสภาพเปลือยใช่หรือเปล่า และเธอก็ได้คำตอบจากคำพูดของเขาจึงยิ่งทำให้ทั้งอับอายทั้งโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนึ่งเขาช่วยเธอไว้ และดูท่าทางจะไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับการเห็นร่างเปลือยเปล่าของเธอ นั่นยิ่งทำให้เธอกระดากที่จะเป็นฝ่ายหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก่อน แต่บางสิ่งในใจเริ่มก่อตัวขึ้นยิ่งทำให้ขุ่นเคือง ' นี่ร่างกายเราไม่มีอะไรดึงดูดใจเลยหรือไงนะ ' หญิงสาวคิดอย่างเสียความมั่นใจ ส่วนชายหนุ่มไหนเลยจะรับรู้ถึงความคิดอันซับซ้อนของผู้หญิงได้ เมื่อเห็นหญิงสาวไม่พูดต่อจึงเดินไปตักข้าวต้มแล้วเดินกลับมาวางให้ เมื่อเห็นเธอส่ายหน้า จึงเลื่อนมากินซะเอง

" อื่อ ยังระบมอยู่หรือเปล่า เมื่อคืนผมประคบให้คุณ น่าจะดีขึ้นบ้าง " ชายหนุ่มกินไปพลางถามไปด้วย ทำให้หญิงสาวได้โอกาสเล่นงานเขาทันที
" อ๋อ ประคบเหรอ แล้วทำไมต้องถอดเสื้อผ้าฉันออกหมดด้วย หา " สาวสวยพูดขึ้นอย่างโมโห
" อ้าว ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณช้ำตรงไหนบ้าง เอาเถอะ เอาเป็นว่าผมขอโทษที่ทำลงไปโดยพลการ ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณระบมมากไปกว่านี้" ชายหนุ่มขอโทษ เพราะ ไม่อยากเถียงให้เรื่องยาว ซึ่งสาวสวยก็ยอมรับและเงียบไป เขาจึงพูดต่อ
" วันนี้คุณต้องไปเรียน เพราะอาจมีตำรวจมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น ก็ให้คุณบอกไปว่าเมื่อวานคุณไม่สบายเลยขอตัวกลับบ้านก่อน แล้วก็อย่าลืมไปกำชับคนที่บ้านด้วยล่ะ เอาตามนี้นะ " เขาบอกบทบาทให้เสร็จสรรพ จากนั้นหลังกินข้าวเสร็จก็มาสำรวจรอยช้ำนอกร่มผ้าที่สามารถจะมองเห็นได้ จึงจัดการประคบให้อย่างเบามือ
ทำให้เธอเผลอมองท่าทีอ่อนโยนของชายหนุ่มพลางคิดในใจ ' อืม เขาก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ ปกป้องเราได้ ทำอาหารก็อร่อย แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก '
" อือรอยช้ำดูจางลงแล้ว คุณก็ใส่เสื้อแขนยาวทับ เหมือนที่ใส่ตอนเข้าเรียนประจำนั่นแหละ คงไม่มีใครสงสัยหรอก โชคดีที่หน้าคุณไม่มีร่องรอยอะไร" ชายหนุ่มเงยหน้าพูดขึ้นหลังจากประคบเสร็จ ทำเอาเธอหลบสายตาแทบไม่ทัน เรียบร้อยแล้วจึงขับรถมาส่งเธอที่บ้าน

เขาจอดรถไว้ที่หน้าบ้าน " บ้านวิจิตรจินดา " ซึ่งน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่าเพราะอยู่จากขนาดและเนื้อที่อันกว้างขวางของบ้าน แถมยังสร้างอยู่ใกล้ใจกลางเมือง เท่านี้ก็พอจะประเมินฐานะของครอบครัวนี้ได้ โดยไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องมาพัวพันกับคนบ้านนี้ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มรออยู่ในรถเพราะปฏิเสธคำชวนให้เข้าไปนั่งในบ้านจากหญิงสาว เพื่อเป็นการเร่งให้แต่งตัวเร็วๆอีกทางนึงเมื่อเธอบอกว่าจะไปมหาวิทยาลัยพร้อมเขา สักพักใหญ่สาวสวยในชุดนักศึกษามีเสื้อแขนยาวบางๆคลุมทับจึงเดินมาขึ้นรถ

"เดี๋ยวชุดนั้น ซักเสร็จแล้วจะคืนให้ " หญิงสาวพูดขึ้นขณะอยู่ระหว่างทาง ทั้งที่ในใจอยากจะรู้ว่าชุดนั้นเป็นของใคร แต่ก็ไม่อยากถาม เพราะกลัวว่าตัวเองจะแสดงอาการบางอย่าง ส่วนชายหนุ่มเพียงพยักหน้าแล้วก็ไม่พูดอะไร ทำเอาเธอหงุดหงิดขัดใจจนถึงมหาวิทยาลัย

หลังจากหมดคาบเช้า ก็มีประกาศจากทางคณะให้เธอไปพบที่ห้องคณบดี เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่าข้างในห้องมี คณบดี อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ และตำรวจสองนายรออยู่ จากนั้นตำรวจสองนายนั้นก็สอบถามถึงเรื่องเมื่อวานว่าเธออยู่ที่ไหน ทำอะไร ซึ่งเธอก็ตอบไปตามที่ชายหนุ่มบอกเมื่อเช้า แล้วถามคำถามที่สงสัยที่เขาไม่ยอมบอกเธอ
"คุณตำรวจคะ พี่เต้เขาเป็นอะไรเหรอคะ" หญิงสาวถามขึ้นอย่างสงสัย นายตำรวจก็อธิบายว่า เขากับเพื่อนถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเพียงสั้นๆแล้วก็ขอลากลับเพราะหมดหน้าที่แล้ว จากนั้นเธอก็ถูกซักถามจากคณบดีและอาจารย์ที่ปรึกษาอีกเล็กน้อยแล้วจึงออกมา ถูกเพื่อนซี้สองสาวถามเรียบร้อยจึงไปหาอะไรกินกัน

เธอเดินมาหาชายหนุ่มที่โต๊ะหลังจากหมดคาบบ่าย ด้วยท่าทีไม่ค่อยหมั่นใจนัก ซึ่งดูแปลกไปจากพลอยชมพู คนเก่าที่ สวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่ง เต็มไปด้วยความมั่นใจ
"ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยฉัน " สาวสวยพูดเสียงเบาอย่างขัดเขิน
"ผมช่วยเพราะผมชอบคุณ" ชายหนุ่มพูดขึ้นเรียบๆ เหมือนพูดเรื่องทั่วๆไป ไม่คล้ายคนบอกรักทั่วไป ทำเอาเธออึ้ง แต่ก็ใจเต้นแรงอยากประหลาด เพียงแต่...
"เอ่อ... เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ" เธอตอบออกไปเหมือนระบบอัตโนมัติ พอพูดออกไปแล้วแทบอยากจะกลั้นใจตาย ต้องหลบตาไม่กล้ามองเขา รอสักครู่ดูกว่าชายหนุ่มจะลุกจากไปด้วยความโกรธหรือไม่ แต่กลับเงียบเขายังคงนั่งอยู่ ' หรือว่าเขากำลังนั่งนิ่งด้วยความเสียใจ ' เธอจึงเบือนหน้าสวยๆ มามอง ก็พบกับรอยยิ้มของเขา ยิ้มที่เหมือนกับ...ยิ้มเยาะ
"เข้าใจแล้ว อ้อ วันนี้จะไปติวหรือเปล่าใกล้จะสอบแล้วนะ " ชายหนุ่มถามขึ้นดูไม่มีทีท่าโกรธหรือเสียใจเลยสักนิด ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นที่ไม่โกรธและเสียหน้าจนหุนหันจากไปหรือไม่ก็นั่งเศร้าซึม ทำเอาเธอพยักหน้ารับอย่างงงๆ

ตอนเย็นของทุกวันนักศึกษากลุ่มใหญ่จะมานั่งติวกัน โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่่งคอยอธิบายและตอบคำถาม ให้แก่เพื่อนๆ บางครั้งก็ต้องอธิบายซ้ำหลายๆรอบเพื่อให้เพื่อนเข้าใจ ซึ่งเขาก็อธิบายอย่างไม่มีทีท่าเบื่อหน่าย ติดจะมีรอยยิ้มด้วยซ้ำ เธอนั่งมองเขาอยู่เงียบๆ คิดถึงความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มไปมากจากหลายเดือนก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จนยัยหงส์เพื่อนเธอพามาเข้ากลุ่มทำรายงาน จากนั้นก็ให้เขาติวให้ตอนเย็น จนตอนนี้เพื่อนภายในห้องก็เข้ามาร่วมด้วยแทบจะทั้งห้อง ซึ่ง ทางคณะแบ่งกลุ่มออกเป็นหลายกลุ่มเพื่อสะดวกในการบรรยายคล้ายๆกับแบ่งห้องเรียนตอนมัธยม
"คุณพลอยสงสัยตรงไหนถามได้นะครับ" ชายหนุ่มถามอย่างสุภาพและห่างเหิน นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้เธอขัดใจ กลับคนอื่นเขาจะพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
"ไม่มี ขอบใจ" เธอจึงตอบเขาห้วนๆอย่างขุ่นเคือง ทำเอาเพื่อนสาวทั้งสองหันมามองหน้าอย่างงุนงงที่อยู่ดีๆ ก็ไปอารมณ์เสียใส่ติวเตอร์คนเก่ง ส่วนเขาเพียงหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปอธิบายกับเพื่อนอีกคนนึงที่ส่งเสียงเรียก

เวลาเริ่มเย็นมากแล้วเพื่อนบางส่วนก็ขอตัวกลับที่พัก ติวเตอร์หนุ่มจึงขอตัวไปเข้าชมรมบ้าง ก่อนไปยังบอกว่าถ้าสงสัยอะไรให้โทรมาถามได้ เมื่อเขาเดินไปแล้ว เพื่อนสาวตาคมของเธอจึงถามว่า
" นี่ไปดูลมเขาซ้อมกันไหม เห็นบอกว่าหลังสอบจะมีแข่งกับมหาวิทยาลัยอื่นด้วย" สาวใต้ตาคมเอ่ยชวน
" อื้อ ฉันจะฝากลมเล่นไอ้น๊อตให้หมอบเลย " สาวหมวยร่างเล็กบอกอย่างแค้นเคือง เรื่องที่น๊อต อดีตแฟนที่เลิกกันไปไม่กี่วัน เข้ามาจีบเป็นที่จะหวังใช้เป็นสะพานมาหาพลอยเพื่อนเธอ แต่บังเอิญแอบไปได้ยินเข้าเลยรู้ความจริง
" แต่ฉันอยู่ได้ไม่นานนะ วันนี้ขับรถมาเองไม่อยากกลับมืด" เธอออกตัวทั้งที่อยากจะไปดู 'นายลม' เหมือนกันแต่กลัวเสียฟอร์ม แต่ดูท่าทางเพื่อนซี้ทั้งสองของเธอจะสนใจนายลมเป็นพิเศษ

ทั้งสามสาวเดินเข้ามาในโรงยิม ก็พบว่าในนี้มีคนอยู่เยอะพอสมควร ส่วนมากจะเป็นกองเชียร์ซะมากกว่า มีสาวๆที่เข้ามาดูแฟนตัวเองซ้อมก็ไม่น้อย แถมยังมีกลุ่มที่มาเชียร์คนที่ตัวเองปลื้ม เหมือนเป็นกลุ่มแฟนคลับ แล้วเธอก็เห็นเขากำลังวอร์มอยู่เพื่อเตรียมตัวลงนวมซ้อม หลังจากวอร์มจนได้ที่ ชายหนุ่มก็ถอดชุดวอร์มออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง แม้จะสวมเสื้อกล้ามอยู่ก็พอจะมองออกผิวเข้มละเอียด เป็นมันเลื่อมด้วยเหงื่อน่ามองเป็นอย่างยิ่ง ทำให้เธอกับเพื่อนเผลอจ้องมองอย่างไม่คลาดสายตา จนมีหญิงสาวคนนึงเดินเข้าไปยื่นผ้าขนหนูให้ซับเหงื่ออย่างอายๆ ซึ่งเขาก็ยิ้มรับอย่างขอบคุณแล้วรับมาซับเหงื่อที่ใบหน้า ทำให้เธอมองภาพนั้นอย่างขัดใจ
"อื้อ หือ ลมนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะ " หนึ่งในเพื่อนสาวของเธอพูดขึ้น ยังไม่ทันขาดคำก็มีสาวหลายคนเข้าไปพูดคุยกับเขาตอนกำลังพันมือเพื่อเตรียมใส่นวมอยู่ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกขวางหูขวางตา ' ฮึ จะเสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะ คราวก่อนยังบอกชอบเธออยู่เลย มาวันนี้ไปยิ้มพูดคุยกับผู้หญิงอื่นซะแล้ว ตาบ้าเอ้ย' สาวสวยคิดอย่างพาลๆ ฝ่ายชายหนุ่มเมื่อสวมนวมเสร็จก็ขึ้นเวทีกับคู่ซ้อม
"เอามันให้ตายเลยลม จัดให้หนักๆ" สาวหมวยร่างเล็กตะโกนขึ้นเมื่อเห็นว่าคู่ซ้อมเป็นอดีตแฟนของเธอ ทำให้เพื่อนสาวอีกสองคนอดหัวเราะกับท่าทางนั้นไม่ได้ ฝ่ายชายที่ถูกสาวหมวยแช่งด่า ถึงกับสะดุ้ง ส่วนคนถูกยุเพียงหัวเราะเบาๆ เมื่อรุ่นพี่ที่เป็นกรรมการให้สัญญาณทั้งคู่จึงเริ่มเดินเข้าหากัน ผลัดกันแลกหมัดใส่กัน ถึงจะเอาจริงแต่ก็ไม่รุนแรงนัก เพียงหาจังหวะแล้วค่อยตีโต้กันมากกว่า
"ลม ซัดมันเลยสิ เอาให้หมอบเดี๋ยวให้รางวัล" เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่เล่นตามที่ยุ สาวหมวยจึงหันมาให้สินบนแทน แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่เล่นด้วย เพียงชกในรูปแบบเดิม ทำให้สาวหมวยฮึดฮัดอย่างขัดใจ เมื่อได้สัญญาณพัก สาวหมวยจึงเดินเข้าไปหาอย่างบึงตึง แล้วคุยอะไรกันสักครู่ก็เดินกลับมายิ้มได้ ทำเอาทั้งเธอและนุ้ย
ประหลาดใจ และรู้สึกแปลกๆดูเหมือนเพื่อนสาวของเธอคนนี้จะสนิทสนมกับเขามากจากท่าทีที่แสดงออกมา เมื่อนุ้ยเอ่ยถาม สาวหมวยเพีอนซี้ ก็ตอบเพียงว่าความลับ

เมื่อซ้อมเสร็จ หญิงสาวหลายคนต่างยื่นทั้งผ้าขนหนูทั้งน้ำดื่มให้ชายหนุ่ม ซึ่งเขาก็ยิ้มรับอย่างอัธยาศัยดี จากนั้นจึงขอตัวไปอาบน้ำ เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาเพื่อไปที่จอดรถหน้าตึกคณะ ขณะกำลังเดินผ่านโต๊ะหินอ่อนที่ใช้ติว ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่
" อ้าวยังไม่กลับเหรอครับคุณพลอย หงส์กับนุ้ยไปไหนล่ะ" ชายหนุ่มเดินเข้าไปทัก เมื่อเห็นสาวสวยนั่งอยู่คนเดียว
" นี่เลิกเรียกฉันว่าคุณได้ไหม ทีกับหงส์ กับนุ้ย ยังเรียกชื่อเฉยๆได้เลย" หญิงสาวพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
" อือ ก็ได้ ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะพลอย" เขาเปลี่ยนคำเรียกใหม่
" นายชอบฉันจริงๆ เหรอ" หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับถามขึ้นแทน
" อืม ชอบ " ชายหนุุ่มตอบออกมาแบบไม่ต้องคิดนาน
" ทำไมถึงชอบล่ะ" สาวสวยยังคงถามต่อ
" ชอบต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ" เขาเริ่ม งง กับท่าทีของสาวสวยตรงหน้า
" ชอบแล้วทำไม ไม่ตามจีบ ตามดูแลเหมือนคนอื่นเขาล่ะ " เธอถามอย่างสงสัย
" ไม่ล่ะ ผมเคยตามจีบมานานแล้ว ตอนนี้ผมเหนื่อย และจะไม่ไล่ตามใครอีกแล้ว " ชายหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มที่ดูประหลาด คล้ายเศร้า แลดูเหนื่อยล้าจริงๆ เหตุผลของเขา ทำเอาหญิงสาวอึ้ง ขนลุกซู่ คล้ายจะเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าไม่รั้งเขาไว้ตอนนี้ นาทีนี้ เธอจะเสียเขาไปตลอดกาล
" ถ้าเราจะขอให้ลม รออีกสักหน่อยล่ะ ลมจะรอได้ไหม " เธอต้องการเวลาเพื่อจะทบทวนความรู้สึกของตัวเอง
" เราก็ตอบไม่ได้ ขอโทษด้วยนะ กลับบ้านเถอะนี่ก็มืดแล้ว เดี๋ยวเราเดินไปส่ง" ชายหนุ่มยังให้คำตอบที่แน่นอนแก่เธอไม่ได้ จึงชวนหญิงสาวกลับบ้าน ซึ่งเธอก็ออกเดินโดยไม่พูดอะไรต่อ เขาเดินมาส่งเธอจนถึงรถ เมื่อหญิงสาวขึ้นรถแล้วชายหนุ่มก็เดินจากไป และตอนนั้นเองที่เธอเห็นภาพเขาเดินเคียงคู่ไปกับผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง เธอตัดสินใจได้ทันที จึงก้าวลงจากรถแล้วรีบวิ่งตามเขาไป เมื่อใกล้จะทันแล้วกลับเห็นชายหนุ่มเดินอยู่คนเดียว
" วันนี้ไปส่งเราที่บ้านได้ไหม " เธอพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอน .............

เมื่อชายหนุ่มขับรถของสาวสวย เข้ามาจอดในบ้าน ' วิจิตรจินดา ' เธอก็ชวนเขาเข้าบ้าน เดินตรงเข้ามาในห้องรับแขกก็พบสตรีวัยกลางคนแต่งกายดูหรูหรา นั่งคุยอยู่กับชายหนุ่มรูปงาม สะโอดสะอง ผิวพรรณขาวนวล แต่งกายภูมิฐานดูแล้วอายุน่าจะไม่มากเท่าไหร่ เขาและเธอจึงทักทายตามมารยาทไทย เมื่อสตรีวัยกลางคนนั้นหันมาเห็น จึงทักทาย
"อ้าว หนูพลอยวันนี้ทำไมกลับค่ำจังล่ะลูก แม่มานั่งคอยหนูนานแล้วนะ นั่งก่อนสิจ๊ะ " สตรีวัยกลางคน คนนี้เป็นคุณแม่ของเธอซึ่งปกติก็ไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่
" นี่ลม เพื่อนพลอยค่ะ คุณแม่ " เธอรีบแนะนำชายหนุ่มให้รู้จัก แต่ดูเหมือนแม่ของเธอนั้นจะเพียงมองผ่านไปอย่างไม่สนใจนัก หญิงสาวจึงเริ่มอึดอัด และกลัวว่าเขาจะโกรธ แต่ชายหนุ่มก็เพียงยกมือไหว้อีกครั้งและยิ้มรับเหมือนเช่นเคยจึงทำให้เธอรู้สึกเบาใจลงบ้าง
" คุณย่ายังไม่กลับอีกเหรอคะ" หญิงสาวถามถึงย่า ที่บอกว่าจะไปถือศิลและไปหาเพื่อนเก่าเป็นเดือนแล้วยังไม่มีทีท่าจะกลับบ้าน
"ยังหรอกจ้ะ มาแม่จะแนะนำลูกชายเพื่อนสนิทแม่ให้รู้จัก พี่เขาเพิ่งจบโทมาจากอังกฤษ รู้จักกันไว้สิลูก " แม่ของหญิงสาวแนะนำหนุ่มหล่อที่นั่งข้างๆให้ลูกสาว
" งั้นผมขอตัวลาเลยนะครับ " อนิล เริ่มรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินจึงขอลากลับบ้าน หญิงอาวุโส เพียงพยักหน้ารับรู้เฉยๆ เขาจึงลุกเดินออกมา โดยมีหญิงสาวขออนุญาต แล้วเดินตามมาส่งด้วย
"เอ่อ...คือ ......เอารถเราไปล่ะกัน แล้วพรุ่งนี้ขับมารับด้วย" เธอยัดกุญแจรถใส่มือชายหนุ่ม พลางมองเขาด้วยแววตาขอโทษ แล้วรีบหันหลังเดินหนีไปเพราะกลัวเขาจะปฏิเสธ ส่วนชายหนุ่มเพียงถอนหายใจเบาๆ กับความเอาแต่ใจของสาวสวยแล้วเดินไปที่รถและขับออกไป

เมื่อพลอยชมพูเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกแม่ของเธอจึงแนะนำชายหนุ่มผู้นี้อีกรอบ
"สวัสดีครับ น้องพลอยพี่ชื่อ ' นิรุฬ ' ครับ " เมื่อสักครู่เธอยังไม่ทันมองชายหนุ่มรูปงามสะโอดสะองค์คนนี้ดีๆ แต่เมื่อเขายืนขึ้นแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
ทำให้เธอถึงกับนิ่งงัน เพราะรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด และยื่นมือไปสัมผัส กับมือของชายหนุ่มรูปงามที่ยื่นมาคอยอยู่ก่อน ..............................................................จบตอน ฤๅนี่คือ...รัก


...........................................................................

ฮูว ตอนนี้ทั้งยาวและนานมาก เปลืองแรงไปไม่น้อยเนื่องจากพิมพ์ในมือถือแล้วดันค้างต้องมาพิมพ์ใหม่ ขออภัยที่ล่าช้าครับทุกท่าน และขอบคุณที่ติดตามให้กำลังใจมาโดยตลอด ขอบคุณพี่สาวแว่นมากๆ เช่นเคยครับ
ปล.แทบไม่กล้าอ่านคอมเมนท์เลยเพราะยังแต่งไม่เสร็จ ติมตามโบนัสสตอรี่ได้ได้ไม่ช้าครับ

                                                                  จบ 100  %อิอิ   

           *ก๊อป ไปอ่านได้  แต่ ห้าม ! นำไปเผยแพร่นะคะ เพราะ nookylove ฝากให้นำมาลงจ๊ะ*