ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Copy The Arch Angel ตอน Eyes of Angel บทประพันธ์ nookylove

เริ่มโดย areja, สิงหาคม 04, 2012, 11:09:08 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

   Normal  0          false  false  false    EN-US  X-NONE  TH                                          MicrosoftInternetExplorer4                                                                                                                                                                                                                                                                                                                        
TheArch Angel ตอน Eyes of Angel บทประพันธ์nookylove

ตอน Eyesof Angel

นับแต่โบราณกาลมาที่มนุษย์รู้จักรวมกลุ่มกันเพื่อความอยู่รอด การขัดแย้งทะเลาะเบาะแว้งกันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อความสงบสุขของกลุ่ม จึงจำเป็นต้องมีผู้นำและสร้างกฎต่างเพื่อใช้ควบคุมความสงบเรียบร้อยหากแต่ปัญหาความขัดแย้งก็ไม่ได้จางหายไปจากนิสัยสันดานของมนุษย์ เพียงแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ด้วยข้อจำกัดของกฎที่สร้างไว้จึงบังเกิดอาชีพหนึ่งซึ่งใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งได้อย่างเฉียบขาด คือ มือสังหาร อาชีพที่เก่าแก่ที่สุดพอๆกับโสเภณีบุคคลในเงามืด ที่รับงานจ้างวานให้ปลิดชีพศัตรูคู่แค้น มีทั้งกลุ่มมือสังหาร และ มือพิฆาตที่ทำงานเพียงผู้เดียวและเรื่องต่อไปนี้คือ เรื่องของผู้สืบทอดพรสวรรค์และศาสตร์แห่งการสังหารขั้นสุดยอดที่เมื่อก้าวถึงจุดสูงสุดแล้วจะได้รับปีกแห่งเสรี สามารถโบยบินได้อย่างอิสระโดย ไม่ต้องรับคำสั่งจากผู้ใดจนได้รับการขนานนาม"เทวทูตผู้นำไปสู่ความตาย"

บทแรก : Eyes of Angel 
เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนเช้ามืดภายในห้องเช่าเก่าๆย่านชานเมืองของเมืองเนเปิ้ลส์หรือที่ชาวอิตาลีนิยมเรียกว่านาโปลี ร่างที่นอนอยู่บนเตียงเก่าๆสบถอย่างรำคาญเพราะเสียงที่มารบกวนการนอนของเขา นานเข้าจึงเอื้อมมือไปรับด้วยความรำคาญ
' อือ ใคร(วะ)ครับ '
' นี่นายมัลโก้ มาที่สนามบินเดี๋ยวนี้ ' เสียงใสๆบ่งบอกอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่
' คุณหนู? มีอะไรครับ วันนี้วันหยุดผมนะครับอ่อ ผมมาโค นะครับไม่ใช่มัลโก้ '
' จะชื่ออะไรก็เรื่องของนาย ฉันบอกให้มาก็มา ฉันให้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงไม่งั้นนายได้ไปนอนก้นทะเลแน่ อ่อเอาพาสปอร์ตมาด้วยนะ ' จากนั้นก็วางสายไปโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อชายหนุ่มทึ้งศีรษะตนเองอย่างกับคนบ้าด้วยความหัวเสียเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเขาที่นานๆครั้งนะได้หยุดสักวันนึงเขา นายมาโค เบเนตติ อายุ 26 สัญชาติอิตาเลี่ยนปัจจุบันทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ มาคัส ริเวอโน่ ผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนาโปลี เมืองโบราณที่สวยงามและสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสี่ของอิตาลีและสตรีที่โทรมารบกวนการนอนของเขาเมื่อครู่ คือ บุตรสาวคนเดียวของ ดอนมาคัส ริเวอโน่คุณหนูแองเจลล่า ริเวอโน่ สาวน้อยวัย18ปี เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งด้วยความเป็นลูกสาวคนเดียวจึงได้รับการตามใจมาตั้งแต่เด็กอีกทั้งยังกำพร้ามารดายิ่งทำให้ผู้เป็นบิดา ทุ่มเทเอาใจต้องการสิ่งใดก็รีบจัดหามาให้วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่สาวน้อยยังคงแผลงฤทธิ์ให้ผู้คนรอบข้างได้ปวดหัว

มาโค ไปถึงสนามบินทันเวลาอย่างเฉียดฉิว เมื่อเดินเข้ามาที่ส่วนที่พักผู้โดยสารก็พบสาวน้อยนั่งไขว่ห้างมีหูฟังครอบศีรษะนั่งฟังเพลงรออยู่ เมื่อเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วแองเจลล่าถึงได้รู้ตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วจึงยกนาฬิกาข้อมือแบรนด์หรูสำหรับสุภาพสตรีขึ้นดูเวลา
" อื่อ มาเร็วดีนี่ เอ้ารับไป จัดการด้วยนะ " พูดพลางยื่นตั๋วเครื่องบินสองใบให้ชายหนุ่ม
" อะไรครับ " มาโค ถามทั้งๆที่เห็นนี่ล่ะ
" ตานายไม่ดี หรือว่า อ่านไม่ออกเนี่ย ตั๋วเครื่องบิน เราจะไป ริโอกัน " สาวน้อยพูดอย่างรำคาญ
" เรา....ริโอ ... หา!!  ริโอ เดอ จาเนโรบราซิลเนี่ยนะคุณหนู โอ้ พระเจ้า " ท่าทางเหมือนคนเสียสติของเขาทำให้สาวน้อยอดหัวเราะไม่ได้
" อื่อใช่ ท่าทางแบบนี้อยากไปล่ะสิ " แองเจลล่ายิ้มอย่างถูกใจ
" ท่าน รู้เรื่องนี้หรือเปล่าครับ " มาโค ถามขึ้นเมื่อเริ่มเห็นลางร้ายของตัวเองปรากฏขึ้นมาทันที
" พ่อ ไม่สนหรอก ว่าฉันจะไปไหนตอนนี้คงมัวอยู่กับนางแบบที่ไหนล่ะมั๊ง " น้ำเสียงของแองเจลล่าน้อยใจเต็มที่เขาคิดไว้ไม่ผิด นี่คงทำอะไรขัดใจสาวน้อยคนนี้ เธอถึงประชดด้วยการหนีไปเที่ยวถึงบราซิลแถมยังลากเขาไปด้วยนี่สิ
" เอ่อ ผมว่าควรโทรบอก ท่านนะครับ หรือ อย่างน้อย โทรบอกคุณบอนนี่ก็ยังดี " มาโค พูดพลางล้วงมือถือมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูท
" นี่ ห้ามโทรนะ " สาวน้อยขัดขึ้นเสียงเขียวทำเอาชายหนุ่มชะงัก
" โธ่ คุณหนู ถ้าอย่างนั้นโทรตามคนเพิ่มดีไหมครับ " มาโค ยังคงต่อรอง เพราะไปกันสองคนแบบนี้เขามีแต่ซวยกับซวยเกิดผิดพลาดคุณหนูเป็นอันตราย หรือ สะดวกราบรื่น แต่ไปสองต่อสองกับลูกสาวเจ้านายไม่โดนเพ่งเล็งก็แปลกแล้ว
" อย่า เรื่องมากได้ไหม ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ได้ " แอลเจลล่าทำท่ารำคาญ แล้วลุกขึ้นคว้าตั๋วเครื่องบินจากมือชายหนุ่มแล้วเดินไปขึ้นเครื่องเพราะเสียงประกาศจากสนามบิน

ในที่สุด มาโค ก็มาอยู่ในเครื่องบินชั้นบิสเนสตามที่นั่งที่แองเจลล่าซื้อไว้ให้ ป่านนี้ที่บ้านของสาวน้อยตัวยุ่งนี่คงรู้แล้วล่ะว่าเธอหายไปจากบ้านชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนัก สมองคิดถึงปัญหามากมายที่จะตามมา
" คุณหนู ครับ " มาโค หันไปเรียกสาวน้อยที่นั่งหลับตาอยู่ข้างๆ
" หือ มีอะไรอีก นายนี่น่ารำคาญจริงๆ " แองเจลล่าบ่นอย่างรำคาญ แต่ก็ยังลืมตาขึ้นมามองคนเรียก
" ทำไมถึงโทรตามผมล่ะครับ " แต่ในใจ คิดว่า 'หาเรื่องมาให้ผมทำไม(วะ)ครับ'
" ก็....ฉันเพิ่งเคยไปต่างทวีปครั้งแรก ถ้าเป็น ปารีส ลอนดอน ฉันไม่ชวนนายมาให้รำคาญหูหรอก" เหตุผลของลูกสาวเจ้านายชวนให้โทสะชายหนุ่มพุ่งปรี๊ด แต่ยังรักษาสีหน้ายิ้มแย้มอยู่
" แล้วทำไม ไม่พาคุณบอนนี่หรือคุณวอร์เรน มาแทนผมล่ะครับ " มาโค พูดถึงสองบอดี้การ์ดฝีมือเยี่ยมของเจ้านาย
" นี่นายใช้สมองบ้างไหมเนี่ย ถ้าเป็นสองคนนั้นฉันจะได้ออกมาเหรอ อีกอย่างพาท่อนไม้ไปยังจะดีกว่าสองคนนี่อีกวันๆพูดบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ " แองเจลล่าให้เหตุผล
" อ้าว แล้ว...." " นี่นายหุบปากไม่เป็นเหรอฉันจะนอน " ยังไม่ทันที่มาโคจะพูดจบ แองเจลล่าก็ตัดบทแล้วหลับตาหันหน้าหนี ทำเอาชายหนุ่มได้แต่บ่นเบาๆ สรุปกับตัวเองว่า เป็นความซวยของเขาเองที่บอดี้การ์ดเป็นสิบแต่ลูกสาวเจ้านายดันเลือกโทรหาเขา

เมื่อมาถึงริโอ เดอจาเนโร มาโคก็จัดแจงหาที่พักเป็นโรงแรมห้าดาวใกล้ชายหาดชื่อดังอย่าง โคปาคาบานา ยังดีที่ช่วงนี้ไม่มีงานเทศกาลระดับโลกอย่างงานคาร์นิวัลจึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องห้องพักโดยแองเจลล่าใช้บัตรเครดิตจ่ายค่าห้องพักสองห้องติดกัน แล้วพากันแยกย้ายไปพักผ่อน เมื่อชายหนุ่มอยู่ตามลำพังแล้วจึงต่อสายโทรศัพท์ในโรงแรมโทรไปรายงานบอนนี่หัวหน้าโดยตรงของเขา ทางฝ่ายโน้นรับรู้และกำชับว่าให้ดูแลแองเจลล่าให้ดีแล้วจึงวางสายไป
หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่หนึ่งคืน ตอนสายหลังรับประทานอาหารเสร็จแองเจลล่าไปที่ศูนย์การค้า เพื่อเลือกซื้อชุดที่จะใช้เที่ยวทริปนี้ โดยมีมาโคเดินตามอยู่ไม่ห่าง" คุณหนู จะอยู่กี่วันครับ " มาโคถามขึ้นหลังจากเดินตามอยู่นาน สองมือของเขาเต็มไปด้วยถุงใส่ข้าวของมากมาย
" เบื่อ เมื่อไหร่ฉันก็กลับเองแหละ ถามทำไม " แองเจลล่าพูดโดยสายตายังมองหาของที่ถูกใจไปเรื่อยๆ
" แต่อีกไม่กี่วัน คุณหนูก็จะเปิดเทอมแล้วนะครับ " ชายหนุ่มเตือนเธอ
" เรื่องของฉันหน่า ไม่ต้องพูดมาก เดินตามมาเงียบๆ ก็พอ " สาวน้อย บอกอย่างรำคาญ
เมื่อเดินช็อปปิ้งจนพอใจแล้ว ทั้งคู่ก็พากันกลับโรงแรม เมื่อหอบถุงใส่ของเข้าไปในห้องของแองเจลล่าเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็หันหลังกลับห้องแต่สาวน้อยเรียกเขาไว้ก่อน
" นี่ เอาของนายไปด้วย " สาวน้อยพูดแล้วก็ควานหาสักพักก่อนจะหยิบถุงสองถุงให้ชายหนุ่ม
" ชุดของนายไง ตอนมาไม่เห็นนายเตรียมอะไรมาเลย ฉันเลยซื้อมาเผื่อรับไปเร็วๆ " แองเจลล่า บอกเมื่อเห็น มาโคยังยืนบื่อทำหน้าสงสัยอยู่
" อีกครึ่งชั่วโมง ฉันจะลงไปที่หาด " สาวน้อย บอกขึ้นเมื่อชายหนุ่มรับถุงไปแล้วจากนั้นก็เดินเข้าห้องไป มาโคไม่รู้จะนึกขอบคุณดี หรือว่าระอากับอาการเอาแต่ใจอย่างนี้ดี จึงเดินกลับห้องของตัวเอง
อากาศที่ริโอ ร้อนกว่านาโปลี แองเจลล่าจึงเลือกเสื้อเชิ้ตบางสีขาวปลดกระดุมบนออกสามเม็ดโชว์เนินอกเย้ายวนสวมทับบิกินี่สีฟ้ากางเกงยีนส์ขาสั้นเข้ารูปอวดบั้นท้ายงามงอน เมื่อเปิดประตูออกมาก็พบมาโคในชุดที่เธอซื้อให้ยื่นรออยู่หน้าห้องชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตลายดอกสีฟ้า กางเกงขาสั้น หญิงสาวมองสำรวจอยู่สักครู่ยื่นกระเป๋าให้แล้วจึงออกเดินนำไปที่ลิฟท์เมื่อเดินออกมาจากโรมแรมเพียงแค่ข้ามถนนก็เป็นหาดโคปาคาบานา ชายหาดยาวร่วมสี่กิโลเมตรผืนทรายสีขาวละเอียดนุ่มเท้า นักท่องเที่ยวส่วนมากมักมาเป็นคู่หรือครอบครัว ผู้คนที่หาดนี้ไม่มากนักอาจเป็นเพราะเพิ่งจะบ่ายกว่าอากาศยังร้อนอยู่
" นี่ ไปเซ็กซี่บีชกัน " แองเจลล่าหันมาบอกชายหนุ่มที่เดินถือกระเป๋าตามมา เซ็กซี่บีชที่สาวน้อยพูดถึงก็คือหาดอิปานีมาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโคปาคาบานา
ทั้งคู่เดินมาประมาณ
10นาทีก็มาถึงหาดอิปานีมา ซึ่งคึกคักกว่าโคปาคาบานาส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น หรือหนุ่มสาวโสด เพราะหาดอิปานีมา ขึ้นชื่อเรื่องสาวสวยทั้งสาวแท้และสาวเทียม อีกฟากถนนเต็มไปด้วยคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ที่มีราคาสูงซึ่งต่างจากโคปาคาบานาที่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม
" นายนี่ก็ดูดีเหมือนกันนะ " แองเจลล่าหันมาพูดด้วยหลังมองเสื้อลายดอกที่เธอซื้อให้เขา เมื่อหาที่นั่งริมหาดได้แล้วทำเอาชายหนุ่มที่ถูกชม ทำสีหน้าไม่ถูก แต่ดูท่าทางจะไม่ใช่สีหน้าที่แสดงอาการพอใจหรือ ปลาบปลื้มในคำชมเท่าไหร่นัก
" เฮอะ ดูทำหน้า คิดว่าตัวเองดูดีจริงๆหรือไง " พูดจบ ก็ลุกขึ้นถอดเสื้อตัวนอกออก อวดผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนอกอวบสวยได้รูปถูกปกปิดด้วยบิกินี่สีฟ้าสดใส จากนั้นก็ตามมาด้วยกางเกงยีนส์ขาสั้นหลุดออกไปจากรวดขาเรียวงามเอวคอดบั้นท้ายงามงอน ก็เผยโฉมท้าสายตาหนุ่มๆ รอบข้าง
" เอานี่ ทาให้ฉันที " สาวน้อยพูดพลางยื่นหลอดครีมกันแดดให้บอดี้การ์ดหนุ่ม ที่ดูท่าทางเฉยเมย ไม่มีอาการแบบคนอื่นๆรอบตัวที่ตอนนี้หันมาจ้องตาเป็นมันทำเอาเธออดหมั่นไส้ไม่ได้ มาโครับครีมกันแดดแล้วสาวน้อยจึงนอนคว่ำหน้ากับเกาอี้ยาว ปล่อยให้ชายหนุ่มลงมือจัดการละเลงครีมกันแดด
" นวดให้ด้วยสิ " เสียงใสๆ ร้องสั่งหลับตาพริ้มอย่างแสนสบาย ส่วนคนถูกใช้งานถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ก็ลงมือนวดให้โดยไม่พูดอะไรสาวน้อยคราวเบาๆในลำคออย่างพอใจกับน้ำหนักมือของชายหนุ่มที่ลูบไล้นวดคลึง ไล่มาตั้งแต่ต้นคอลงมาถึงไหล่บอบบางกดเบาๆไปตามแนวกระดูกสันหลัง แล้วก็ต้องร้อนวูบวาบเมื่อเขาคลึงเบาๆที่ต้นขาอันเป็นจุดไวต่อความรู้สึกของเธอ
" นี่ พอแล้ว " แองเจลล่าบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆใบหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มจึงหยุดมือ
" ผิวคุณหนูเนียนดีนะครับ ไว้โอกาสหน้าใช้บริการใหม่ได้นะ " มาโค พูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
" พูดมากน่า ตอนนี้ฉันกระหายน้ำ อยากดื่มไคปิรินญ่าเอาของโคปาคาบานา นะ " หลังออกคำสั่งเสียงดุ เพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินอายจึงเอาคืนด้วยการสั่งให้เดินกลับไปซื้อเครื่องดื่มถึงอีกหาด
หลังจากกลับมาพร้อมเครื่องดื่มเลื่องชื่อของบราซิล มาโคก็พบว่าสาวน้อยนั่งพูดคุยอยู่กับหนุ่มบราซิลเลี่ยนหน้าตาหล่อเหลาคาดว่าคงจะเข้ามาจีบ เพราะเห็นสาวสวยนั่งตามลำพัง เมื่อเขาส่งแก้วให้แองเจลล่าแล้วก็ถอยห่างออกมาปล่อยให้ทั้งสองคนคุยกันตามสะดวก แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่ยังพอจะได้ยินทั้งคู่คุยกันได้ส่วนหนุ่มแปลกหน้าเมื่อเห็นมาโคก็มองเพียงแว่บเดียว เมื่อดูท่าทางแล้วว่าไม่น่าจะใช่แฟนของสาวน้อยแสนสวยคนนี้จึงละความสนใจหันไปคุยกับเธอต่อ
" คืนนี้ผมขอชวนคุณแองเจลล่า ไปเป็นแขกที่คลับของผม รับรองว่าสนุกไม่แพ้ที่อิตาลีแน่นอนครับ" หนุ่มแปลกหน้าเอ่ยปากชวนสาวน้อย ด้วยภาษาอิตาเลี่ยนค่อนข้างชัด
" แต่ฉันอายุ 18 เองนะคะไม่แน่ใจว่าจะเข้าได้หรือเปล่า" แองเจลล่าบอก ชายหนุ่มยิ่งตาวาว
" เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ แค่บอกว่าเป็นแขกของผม ริคาโด้ มูร่าจะมีคนพาเข้าไปเอง " ชายหนุ่มแนะนำอย่างมั่นใจและโอ้อวดกลายๆเมื่อสาวน้อยตอบตกลง ทั้งก็คู่คุยกันอีกสักพักใหญ่ก่อนหนุ่มแปลกหน้านามริคาโด้จะขอตัวไปทำธุระ

หลังจากประวิงเวลาอยู่นับชั่วโมง ประมาณสามทุ่มแองเจลล่ากับมาโคก็มาถึงคลับที่ริคาโด้หนุ่มบราซิลรูปหล่อบอกไว้ ป้ายชื่อข้างหน้าติดไว้ว่า
Angel เมื่อบอกชื่อริคาโด้ชายผิวดำร่างกำยำ ที่ยืนคุมหน้าประตูก็เดินนำเข้าไป ภายในมีสามชั้น ชั้นแรกเปิดเป็นฟลอร์ไว้ให้หนุ่มสาวได้ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงส่วนชั้นสองเป็นที่นั่งสำหรับนั่งดื่ม คนนำทางพาทั้งคู่ขึ้นไปชั้นสามที่จัดไว้สำหรับแขกวีไอพีหรือ สมาชิกเมมเบอร์ของคลับ เมื่อเดินเข้าไปในห้องในสุดซึ่งจัดไว้อย่างหรูหราก็พบชายหนุ่มที่นัดไว้นั่งคอยอยู่พร้อมเครื่องดื่ม
" ผมนึกว่าคุณแองเจลล่า จะไม่มาซะแล้ว เป็นอย่างไรบ้างครับคลับของผมสู้ที่อิตาลีได้หรือเปล่า" เจ้าของคลับเอ่ยทักทายอย่าง อารมณ์ดีก่อนจะเชิญสาวสวยนั่ง แววตาวาววับมองแองเจลล่าในชุดเกาะอกสีฟ้า
" ขอโทษนะคะ พอดีเพลียเลยเผลอหลับนานไปหน่อย คลับของคุณสวยมากคะ "แองเจลล่าตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปบอกให้มาโคที่ยังคงยืนอยู่เพราะเจ้าของห้องไม่ได้เชิญให้นั่งให้ไปสนุกได้ตามสบาย ชายหนุ่มจึงออกไปยืนรอที่หน้าห้องโดยมิได้ลงไปสนุกตามที่สาวน้อยบอก
ภายในห้องวีไอพีฝ่ายชายหลังจากสั่งพันช์มาให้แองเจลล่าแล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเมื่อแอลกอฮอล์เริ่มทำงานได้ที่แล้วทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องแล้วลงไปที่ฟลอร์เต้นรำกันอย่างแนบชิดเร่าร้อน
" คืนนี้เราไปต่อกันไหมครับ " ริคาโด้ กระซิบข้างหูสาวสวยที่ตอนนี้สองมือของเขาโอบเอวเธออยู่แผงอกแนบไปกับหลังของเธอ เขาฉวยโอกาสสูดดมความหอมจากต้นคอระหง
" อืมมม ขอคิดดูก่อนนะคะ " แองเจลล่ายังไม่ยอมตกลงไปกับชายหนุ่มรูปหล่อง่ายๆ
สองหนุ่มสาวหลังจากเต้นกันจนเหนื่อยก็กลับขึ้นมาที่ห้อง เพื่อดื่มเครื่องดื่มดับกระหายจนเวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน แองเจลล่าจึงขอตัวกลับโรงแรมแต่ริคาโด้พยายามหว่านล้อมให้ไปต่อที่อื่นกับเขา เมื่อหญิงสาวยืนกรานจะกลับชายหนุ่มจึงขออาสามาส่งที่โรงแรมระหว่างทางที่เจ้าของคลับประคองสาวสวยเดินออกมา มาโคสังเกตุเห็นหญิงสาวหลายคนในคลับมองมาทางทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้และเพิ่มความระวังมากขึ้นเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เมื่อทั้งสามมาถึงหน้าห้องพัก ริคาโด้ก็มีท่าทียังไม่ยอมกลับง่ายๆอยากจะขอเข้าไปในห้องของสาวสวย ฝ่ายมาโค เมื่อหญิงสาวไม่ได้สั่งหรือชายหนุ่มแปลกหน้าที่รู้จักได้ไม่ถึงวันไม่ได้มีท่าทีคุมคามทำร้ายแองเจลล่าเขาจึงไม่เสนอหน้าเข้าไปเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของลูกสาวเจ้านายยิ่งสาวน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือห้ามปรามอะไรแต่กลับมีสีหน้าพอใจด้วยซ้ำที่เห็นผู้ชายมาหลงเสน่ห์ของเธอ" งั้นนายเข้าห้องก่อนก็ได้ ถ้าฉันเรียกค่อยเข้ามาอย่าเพิ่งเข้านอนล่ะ " แองเจลล่า หันไปบอกมาโคพร้อมสำทับ
" ส่วนคุณริคาโด้ เข้ามาดื่มกาแฟสักถ้วยก็ได้ค่ะจะได้สดชื่นขึ้น "พูดจบก็พาชายหนุ่มเข้าห้องไป มาโคยืนทบทวนแววตาและรอยยิ้มชอบใจของแองเจลล่าแบบเด็กที่จะทำเรื่องสนุกก็อดถอนหายใจไม่ได้
พอเข้ามาในห้องแล้วแองเจลล่าพาชายหนุ่มมานั่งที่โซฟา ส่วนตัวเธอจะลุกไปชงกาแฟให้เขาแต่ยังไม่ทันจะเดินไปชายหนุ่มก็ฉุดแขนเธอลงมานั่งบนหน้าขาแล้วเริ่มซุกไซร้ที่ไหล่พรมจูบไปถึงต้นคอด้านหลัง
" ผมไม่อยากดื่มกาแฟ แต่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า " ริคาโด้ เพ้ออย่างกระหาย มือเริ่มซุกซนมือนึงลูบไปที่ต้นขาของเธอส่วนอีกมือวกมาด้านหน้าโอบเข้าที่ฐานอกอวบ จนร่างสวยสั่นระริก
" นี่ ใจเย็นๆสิคะ ปล่อยฉันก่อน " แองเจลล่าขอร้องเสียงหวานแต่ไม่ได้ดิ้นหนีอะไรชายหนุ่มจึงคลายวงแขนลงทั้งๆที่ไม่อยากจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มหอมกรุ่นนี่ไปเท่าไหร่แต่เมื่อฝ่ายหญิงไม่ได้มีท่าทีขัดขืนหรือไม่พอใจ เขาจึงคิดในใจว่ายังไปซะสาวสวยคนนี้ก็ไม่มีทางรอดมือไปได้จึงอยากจะดูว่าเธอจะทำอะไรต่อไป
" ตอนอยู่ในคลับคุณเต้นเก่งมาก ฉันอยากดูคุณเต้นอีกจัง นะคะ"แองเจลล่าขอร้องออดอ้อน พร้อมส่งยิ้มหวาน ยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหล่อเหลาแล้วลูบไล้ลงมาที่แผงอกอย่างยั่วยวนเมื่อสาวสวยร้องขอมีหรือเขาจะปฏิเสธจึงลุกขึ้น แองเจลล่าเดินไปเปิดเพลงเพื่อสร้างจังหวะชายหนุ่มจึงเริ่มโชว์ลีลา การเต้น
" ถอดเสื้อด้วยสิคะ " แองเจลล่าร้องบอกชายหนุ่มจึงเริ่มถอดเสื้อเชิ้ต อวดร่างกายที่ดูแลอย่างดีเรียกเสียงชื่นชมจากหญิงสาวทุกคนที่เห็น
" กางเกงค่ะ "เมื่อเสื้อหลุดไปจากร่างแล้วเสียงหวานๆก็ร้องบอกมาอีก ชายหนุ่มลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ขยับเริ่มแก้เข็ดขัด เพราะเห็นแววตาฉ่ำเยิ้มของสาวสวยมองอย่างรอคอยจนกางเกงขายาวสีดำกองลงอยู่ที่พื้น แองเจลล่าจึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้ามาหาริคาโด้แล้วโอบรอบคอของเขาโน้มใบหน้าลงมาคล้ายจะจูบ ทำเอาชายหนุ่มยิ้มร่าแต่กลับยิ้มเก้อ
" ผู้ชาย เวลาอยากนอนกับผู้หญิงนี่ทำได้ทุกอย่างจริงๆ " แองเจลล่ากระซิบบอก ทำเอาชายหนุ่มหุบยิ้ม ก่อนจะผละออกห่างจากเขา
" คืนนี้ฉันสนุกมากพอแล้ว เชิญคุณกลับไปได้แล้ว " คราวนี้ทั้งรอยยิ้มและแววตา เปลี่ยนเป็นรอยเย้ยหยันที่ทำให้ผู้ชายกลายเป็นคนโง่ให้เธอปั่นหัวเล่นได้
" นี่เธอ !!! " หลังจากมึนงงและสมองแล่นช้าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์จนกว่าจะรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกหลอกให้เต้นแร้งเต้นกาอยู่นานสองนาน อารมณ์โมโหเพราะถูกหยามทำให้ชายหนุ่มเดินปรี่เข้ามาหวังจะใช้ร่างกายของเธอชดใช้ที่ทำให้เขากลายเป็นไอ้โง่แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวหญิงสาวประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อนพร้อมกับร่างของชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามผู้หญิงคนนี้มาทั้งวันจึงทำให้ริคาโด้ชะงักไปส่วนหญิงสาวคนเดียวในห้องนั่งไขว่ห้างฮัมเพลงอย่างสบายใจ
" เชิญคุณกลับไปเถอะครับ " มาโคไล่อย่างสุภาพด้วยภาษาโปรตุกีสทำเอาแองเจลล่าหันมามองอย่างแปลกใจ ส่วนชายหนุ่มที่ถูกไล่ฮึดฮัดอยู่ชั่วครู่จึงเก็บเสื้อผ้ามาสวมก่อนจะเดินไปที่ประตู
" จำไว้ เธอทำให้ฉันเป็นไอ้โง่ มันไม่จบแค่นี้หรอก " ก่อนออกไป ริคาโด้หันมาชี้หน้าแองเจลล่า ก่อนมาดร้ายด้วยภาษาโปรตุกีส ถึงเธอจะฟังไม่ออกแต่ก็พอจับน้ำอาฆาตเสียงได้หญิงสาวหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
" คุณหนูไม่น่าทำแบบนี้เลยนะครับ " มาโคพูดขึ้นหลังจากที่ริคาโด้ไปแล้ว
" เข้ามาก่อนสิ นายพูดอะไรฉันไม่ค่อยได้ยิน " แองเจลล่าเรียกให้เข้ามาเพราะเขายังยืนอยู่หน้าประตูมาโคจึงเดินเข้ามาหยุดที่โซฟา จนหญิงสาวจิ๊จ๊ะในลำคออย่างรำคาญ
" นี่ถ้าไม่บอกให้นั่งก็จะไม่นั่งใช่ไหม ซื่อบื่อจริงๆ " ชายหนุ่มถึงนั่งลงตรงข้ามเธอ
" เมื่อกี้ นายพูดว่าอะไรนะ " แองเจลล่าถามขึ้นเพราะตอนแรกได้ยินไม่ค่อยถนัด
" ผมบอกว่า คุณหนูไม่น่าทำแบบนี้เลยนะครับ " มาโคบอกอีกครั้ง
" ทำแบบนี้ ? ฉันทำอะไร " สาวน้อยยังคงเล่นลิ้น แกล้งทำไม่รู้เรื่อง ทำเอาชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเอื่อมระอา
" คุณหนูไปทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีแบบนั้นมันอันตรายนะครับ ที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นของเราด้วย" มาโคเอ่ยเตือน
" เสียศักดิ์ศรี ? ตลกหน่า เขาไม่ได้ฟันฉันสมใจนี่นะเสียศักดิ์ศรีของพวกผู้ชาย พวกนี้สมองคงเหลือน้อยเต็มที รู้จักกันยังไม่ถึง24ชั่วโมงคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ ปัญญาอ่อนสิ้นดี " แองเจลล่าพูดอย่างเย้ยหยันทำเอามาโคหมดคำพูด
" หรือก็นายคิด เหมือนที่พ่อฉันพูด ฉันมันก็แค่เด็กใจแตกไม่มีแม่คอยสั่งสอน " น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยความน้อยใจในที่สุดเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาไกลถึงริโอ ก็หลุดออกมาจากปากของเธอ
" คุณหนูยังโชคดีกว่าอีกหลายคนนะครับเด็กบางคนไม่มีพ่อแม่ต้องเร่รอน นอนข้างถนนหรือตามสวนสาธารณะ " ชายหนุ่มพูดขึ้นบ้าง ถึงน้ำเสียงจะเรียบๆไม่แสดงอะไร แต่แองเจลล่าก็จับความรู้สึกบางอย่างได้ว่าเขากำลังพูดถึงตัวเอง
" เฮ้อ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มาดื่มกันต่อดีกว่า " พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองขวดแล้ว ยืนเหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็หาที่เปิดไม่เจอจึงเดินกลับมายื่นขวดเบียร์ให้เขามาโคหัวเราะเบาๆ รับขวดเบียร์มาใช้นิ้วโป้งงัดฝาเปิดออกพร้อมกัน จนหญิงสาวร้องว้าว อย่างตื่นเต้น 
" นายพูดโปรตุเกส ได้ด้วยเหรอ " แองเจลล่าถาม หลังจากกระดกเบียร์ไปหลายอึก
" ก็ได้นิดหน่อยครับ พอดีเมื่อก่อนเคยทำงานในร้านอาหารที่มีพ่อครัวเป็นคนโปรตุเกส" ชายหนุ่มตอบอย่างแนบเนียน หญิงสาวพยักหน้างึกงักหมดความสงสัยไป ทั้งคู่ดื่มหมดไปค่อนขวดแองเจลล่าก็ยิ้มตาเป็นประกายอีกครั้ง
" นี่ นายมีแฟนหรือยัง " อยู่แองเจลล่าก็ถามขึ้นทำเขาคนถูกถามแทบสำลักเพราะไม่รู้ว่าสาวน้อยตัวแสบจะมาไม้ไหนกับเขาอีก
" ยังครับ " มาโค ตอบอย่างระมัดระวัง
" อ้าว ทำไมล่ะ นายอายุเท่าไหร่แล้ว  " สาวน้อยยังคงซักต่อ
" 26 ครับ " ชายหนุ่มเลือกตอบคำถามหลังแทน
" นายเป็นเกย์หรือเปล่าเนี่ย " น้ำเสียงที่ถามฟังดูจริงจังจริงจังมากจนเกินไปด้วยซ้ำ คล้ายจะแกล้งมากกว่า มาโคไม่ตอบแต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ
" นี่ นายว่าฉันสวยไหม " ถึงตอนนี้น้ำเสียงยั่วยวนมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานแววตาหยาดเยิ้มกลับมาอีกครั้ง
" ผมว่า คุณหนูดื่มมากไปแล้วล่ะครับ ผมขอตัวก่อน ราตรีสวัสครับ "มาโค รีบลุกขึ้นพูดรวดเดียว แล้วก้าวยาวๆไปที่ประตูเหมือนกับจะหนีตัวประหลาดที่น่ากลัว ทำเอาแองเจลล่าเออร์เร่อร์ไปเหมือนกันก่อนจะหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อยกเบียร์จนหมดขวดแล้วจึงเดินไปที่ห้องนอนล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข

ตอนสายวันรุ่งขึ้นมาโค มายืนรอแองเจลล่าที่หน้าห้องแต่คอยอยู่นานสาวน้อยก็ไม่ออกมาสักที เขาจึงเปิดประตูเข้าไปสำรวจดูก็พบว่าเธอไม่อยู่ในห้องพอลงไปดูที่ห้องอาหารของโรงแรมก็ไม่พบจึงกลับขึ้นมาที่ห้อง เมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติจึงหยิบเครื่องรับสัญญาณจีพีเอสที่แอบติดไว้ไม่ให้แองเจลล่ารู้อย่างน้อยสามที่ เช่น ตามเครื่องประดับ นาฬิกา
รับรู้กันเฉพาะกลุ่มบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลเธอ เมื่อเปิดเครื่องรับสัญญาณผ่านดาวเทียมก็ระบุตำแหน่งของแองเจลล่าได้หญิงสาวขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่ออยู่ในสภาพถูกมัดสองมือไขว้หลังติดกับเก้าอี้ศรีษะถูกครอบด้วยถุงผ้าสีดำ สมองยังคงมึนงงจากฤทธิ์ยาสลบเธอจำได้เพียงตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่จึง และเมื่อคืนผ่านช่วงเวลาที่ทำให้อารมณ์ดีจึงอยากลงมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดทรายเพียงแต่ไม่อยากจะรบกวนบอดี้การ์ดของเธอและคิดว่าระยะไม่ไกลจากโรงแรมเท่าใดนักจึงไม่น่าจะมีอันตรายแต่ก็คิดผิดจึงทำให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แองเจลล่าพอจะรู้เรื่องที่มีแก็งค์จับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ในบราซิลที่เคยเป็นข่าวดัง เช่น กรณีญาติของนักฟุตบอลชื่อดังที่ผ่านมาหลายปีแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเธอจะตกเป็นเหยื่อเช่นกันขณะกำลังคิดหาทางเอาตัวรอดซึ่งริบหรี่เต็มที ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาเมื่อเสียงมาหยุดอยู่ตรงหน้า ถุงผ้าสีดำที่ครอบศรีษะเธอก็ถูกดึงออกไปจึงทำให้เห็นชายผิวสีร่างใหญ่กำยำ สวมเสื้อยืดสีขาวตัดกับสีผิว กางเกงยีนส์ใบหน้าถูกปกปิดด้วยหมวกไหมพรม ส่วนอีกคนรูปร่างท้วมแต่ตัวใหญ่ไม่แพ้กันสวมเสื้อกล้ามทับด้วยเชิ้ตสีแดงลายดอกกางเกงสามส่วน เมื่อกวาดสายตามองสภาพรอบตัวก็พบว่า เธอถูกมัดอยู่ภายในห้องที่ไหนสักแห่งภายในห้องมีทีวีตั้งโต๊ะ ตู้เย็นกับโซฟาเก่าๆ และโต๊ะที่น่าจะไว้สำหรับกินข้าว แต่คนที่เข้ามาใหม่ทั้งคู่ไม่ปล่อยให้เธอมองสำรวจห้องนานนักผู้ชายสวมเสื้อยืดสีขาวพูดบางอย่างกับเธอเป็นภาษาโปรตุกีส แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือมาแนบหูเธอ' สวัสดีคุณผู้หญิง ตั้งใจฟังและทำตามที่ผมพูดแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย' เสียงที่ได้ยินทางโทรศัพท์เป็นภาษาอิตาเลี่ยนน้ำเสียงฟังดูสุภาพนุ่มนวล
' ต้องการอะไรก็ว่ามา ' แองเจลล่าถามอย่างใจเย็น
' คุยกันง่ายแบบนี้ ผมจะไม่อ้อมค้อมแล้วกันผมต้องการให้คุณโทรไปที่บ้านแล้วบอกให้โอนเงินให้ผมสัก 10 ล้านดอลล่าร์สำหรับอิสระภาพของคุณ'  เป็นความต้องการที่มีมูลค่าสูงมากทีเดียว
' แกแน่ใจได้ยังไงว่าที่บ้านฉันจะยอมจ่ายเงินตั้งสิบล้าน ' แองเจลล่า ค่อนข้างแน่ใจว่าคนร้ายทราบประวัติของเธอไม่น้อยถึงได้ตั้งค่าไถ่ตัวเธอในราคาสูงขนาดนี้
' ผมว่าสำหรับความปลอดภัยของลูกสาวคนเดียวของคุณริเวอโน่สิบล้านคงไม่แพงไปหรอก '
' แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่า พอได้เงินแล้วจะปล่อยฉันไป '
' เราเป็นมืออาชีพ ถ้าพ่อคุณไม่ตุกติก ผมรับรองว่าคุณจะกลับไปอย่างปลอดภัยถ้าเล่นไม่ซื่อผมก็จะส่งชิ้นส่วนของคุณกลับไปให้เขาดูต่างหน้า ' ช่างน่าภูมิใจจริงๆโจรเรียกค่าไถ่มีความเป็นมืออาชีพ แองเจลล่าคิดในใจ
เมื่อหญิงสาวตกลงเพราะยังไงก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่นะ จึงบอกเบอร์โทรฉุกเฉินต่อสายถึงคุณพ่อของเธอโดยตรงหลังจากบอกเรื่องที่ถูกจับมา คุณพ่อของเธอถามเพียงว่าปลอดภัยดีหรือเปล่าด้วยความห่วงไยโดยไม่ต่อว่าเหมือนที่คิดไว้ทำให้แองเจลล่ารู้สึกผิดที่หนีเที่ยวจนเกิดเรื่องจนได้ แต่ก็ดีใจที่ได้รู้ว่าคุณพ่อยังรักและเป็นห่วงเธอโดยตกลงจะโอนเงินเข้าบัญชีที่ธนาคารสวิสตามที่คนร้ายบอก ก่อนเที่ยงวันรุ่งขึ้น เมื่อวางสายไปผู้คุมร่างท้วมก็แก้มัดมือให้แล้วส่งอาหารให้ทานแต่พอดื่มน้ำหลังจากทานอาหารเสร็จแองเจลล่าก็เริ่มง่วงงุน กว่าจะรู้ตัวว่าถูกวางยานอนหลับตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว
" คุณริคาโด้ สั่งให้พาตัวผู้หญิงคนนี้ไปหาหว่ะ " ชายร่างท้วมบอกเพื่อนหลังจากวางสายจากลูกชายนายใหญ่ไป
" อ้าว เอาไงดีวะนายใหญ่ยังไม่ได้สั่ง " เพราะปกติหากถึงกำหนดแล้วยังไม่ได้เงินถึงค่อยจัดการกับเหยื่อทั้งคู่จึงยังลังเลเพราะถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมันสองคนนั่นแหละที่จะซวย
" ข้าว่ารอดูท่าทีไปก่อนดีกว่า ถ้าคุณริคาโด้โทรมาอีกทีก็บอกว่านายใหญ่ยังไม่ได้สั่ง" ทั้งคู่เห็นว่าต้องใช้ชื่อนายใหญ่มาอ้างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับนายน้อย
" ก๊อกๆ อาหารมาส่งครับ " อยู่ๆก็มีเสียงคนส่งอาหารมาเคาะที่หน้าห้องผู้คุมทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันชายร่างท้วมชักปืนที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นมาถือเตรียมพร้อมไว้แล้วส่งสายตาให้เพื่อนเดินไปดู ชายร่างกำยำในเสื้อยืดสีขาวจึงเดินไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูออกก็พบชายหนุ่มร่างผอมสูงสวมหมวกแก๊บยืนถือกล่องใส่อาหารอยู่
" เฮ้ย แกสั่งอาหารเหรอวะ.... " เพียงแค่ละสายตาจากคนตรงหน้าแค่ไม่กี่วินาที เขาก็รู้สึกเหมือนพื้นที่ยืนอยู่ควรจะมั่นคงกลับหมุนคว้างสั่นไหวอย่างรุนแรงจากนั้นความคิดทั้งมวลก็ดับวูบไป
" ไม่ได้สั่ง เออแต่ก็ดีข้ากำลังหิวอยู่พอดี " ชายร่างท้วมที่ถูกเพื่อนถามตอบกลับไป เมื่อเห็นว่าเป็นแค่คนส่งอาหารจึงเก็บปืนแล้วทำท่าจะกลับไปนั่งดูทีวีต่อ
" เงินแค่นี้ออกให้ก่อนก็ไม่ได้ไอ้ขี้งกเอ้ย " แต่พอเห็นเพื่อนยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูจึงบ่นแล้วล้วงกระเป๋าตังค์เดินมาที่ประตู เมื่อเดินเข้ามาใกล้ก็พบเห็นความผิดปกติเมื่อร่างของเพื่อนดูเหมือนถูกจับไว้ไม่ให้ล้มมากกว่าที่จะยืนด้วยกำลังของตัวเอง จึงรีบคว้าปืนตามสัญชาติญาณแต่ดูเหมือนจะช้าเกินไปเมื่อร่างบึกบึนของเพื่อนถูกผลัก แต่จะเรียกว่าผลักก็คงไม่จะถูกต้องนักเพราะร่างที่หนักเกินเก้าสิบกิโลกรัมลอยเข้ามาปะทะเขาอย่างแรงคล้ายกับถูกเหวี่ยงหรือถูกรถชนแล้วกระเด็นมาปะทะมากกว่าจึงทำให้เสียหลักล้มลงไปโดยมีร่างของที่หมดสติทับอยู่อีกทีแต่ก่อนที่จะทำอะไรต่อไปความรู้สึกที่เหมือนอะไรแข็งๆมากระทบที่คางก่อนจะไม่รับรู้อะไรอีก
หลังจากจัดการมัดคนคุมทั้งคู่อย่างแน่นหนาแล้ว มาโคถึงค่อยเดินมาดูแองเจลล่าเมื่อสำรวจดูคร่าวๆไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายเขาก็เบาใจ เพียงแต่ดูท่าทางน่าจะถูกวางยานอนหลับแต่ก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องถูกเธอสงสัยมากในสิ่งที่จะทำต่อไปนี้จึงอุ้มร่างสาวน้อยไปนอนที่โซฟา ก่อนจะหันไปหาสองคนที่ถูก

kaithai