ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่อง สั้น นวนิยาย ผจญนครหลง ตอนที่ 3 บทที่ 3 ศึกแห่งนคร..แว่น...By…areja

เริ่มโดย areja, พฤศจิกายน 07, 2012, 11:55:05 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

        ................เรื่อง สั้น นวนิยาย ผจญนครหลง ตอนที่ 3 บทที่ 3ศึกแห่งนคร..แว่น...By...areja..

............ ...มาบทส่งท้ายตอนนี้กันคะ ไง งง กันไหมพอจบ ตอนที่ 2 บทที่3 คงไม่นะ เพราะ ตอนที่ 3 เป็นการเกริ่น ความเป็นมา ของ นครหลง ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ จนมา บทนี้ บทที่ 3ซึ่ง ก็ จะผสานกลับไปเดินเรื่องราวต่อ ที่ ทั้งหมด ของ คณะเดินทางเดินผ่านเส้นรัศมีเวลาเข้ามา ทุกอย่างภายนอกจะเหมือน กด หยุดเวลาไว้แล้วยามห้วนกลับไปเวลาถึงจะเดิน ตามปกติ คือ เข้ามาวันไหน ตอนออกไป ก็ ยังเป็นวันนั้นนั้นเอง คงไม่มีบทเสียวนะคะตอนนี้.. (8/11/2555 ).. ..

......................

ชายป่าหลังค่ายทิศตะวันตก..

............
...หลังปรึกษา ยังไม่ได้ทำอะไร ก็ โดนจับเข้ามาคุมขัง.. ศึกก่อนหน้า ที่คณะจะโดนจับนั้น ฝ่าย ขุนพลเม้งจึก สามารถ ตรึงกำลังไว้ได้ก็จริง แต่ ค่ำนี้ซิต้องเกิดศึกใหญ่ขึ้นแน่ เพราะ ขุนพลเม้งจึก คาดคะเนไว้แล้วว่า จอมขมังเวทย์นีโอต้องปล่อยเหล่าผีดิบ มาผสมเพิ่ม กับ กองทัพ ปุโรหิตแอคเดช พวกนั้นหวังตีแตกหักค่าย แห่งนี้แน่ ขณะคุ้นคิดอยู่นั้น ทหาร ก็ มารายงาน ว่าควบคุมคนแต่งกายประหลาดได้จำนวนหนึ่ง ตอนนี้ ได้ควบคุมไว้รอ ท่าน ขุนพลเม้งจึกตัดสิ้นว่า จะเอาเช่นไรดี ..

..ขุนพลเม้งจึก " ไปพาตัวทุกคนมาซิ เดียวข้าสอบถามพวกนั้นเอง.."..เขา กล่าว ขณะที่ใจยังติดพะวง กับการศึก ที่จะเกิด ในไม่กี่เพลา เบื้องหน้า..

.............................................................................................................................................................

ชายป่าทิศตะวันออก.. ............. ..ทุกคนในกลุ่ม เพลา เฝ้าดูเหตุปะทะกัน ของ สงคราม และ รับรู้ว่าฝ่าย ที่อยู่ในป้อมปราการ สามารถต้าน กองทหาร ที่ เคลื่อนพลมาได้ ก็สั่งทุกคนถอยออกมายังจุดเดิม เพื่อ เตรียมหุงหาอาหารมื้อเย็นกัน หลังกินอาหารกันเสร็จ เพลา และ ชาวคณะ ก็ ตกใจ เมื่อ พอใกล้พลบค่ำมีฝูงผีดิบซากศพเดินมาเพิ่มจำนวน เรื่อยๆ มารวมฝูงผีอยู่ข้างๆ รอบกองทหาร ที่ยกทัพมา เพลา เห็นแล้วปรึกษากับทุกคน ว่า คืนนี้ คงเกิดศึกใหญ่แน่ให้ทุกคนระวังตัวอยู่ตลอด อย่า เดินไปไหน หรือ ทำอะไร โดย ลำพังเด็ดขาด..

.................................................................................................................

...................................


ณ.ห้องประชุมขุนทหาร..


..ขุนพลเม้งจึก " พวก ท่าน เป็นใครกันใยมาสุ่มอยู่ หลังบริเวณค่ายข้า แล้วกำลังคิดอ่านการใด..."..เขามองไปยัง พรานชาติ ที่ดูจะ อาวุโสสูงสุด และ คงเป็นหัวหน้าคณะนำทาง..เพื่อรอฟังคำตอบ..
..พรานชาติ " พวก เรา เดินทางมาหาดินแดนดินแดนหนึ่ง ในแผนที่ ของ บรรพ์บุรุษ.."..เขา ตอบแบบเลี่ยงๆไม่ตรงไป และ มิได้โกหก..
..ขุนพลเม้งจึก " ดินแดนใด และ เพื่อจุดประสงค์การใด หรือ .."..เขา คาดคั้นหาความจริง..
..พรานชาติ " นครหลง เพื่อ ตามหาสมบัติ ที่กล่าวไว้ ใน แผนที่โบราณ.."..เขา แจงมูลเหตุ แห่งการมา..
..ขุนพลเม้งจึก " ที่นี้ คือ นคร ที่เจ้ากำลังค้นหาต้องแล้ว แต่ สมบัติใด หรือ ? ที่ เจ้าว่าหาและ ต้องการ.."..เขา ยิงคำใส่โดย พลัน..
..พรานชาติ " สมบัติ แห่งนครหลง ที่มังมหานรธา ได้ขนไป และ ลอบฝังไว้ เมื่อ ยามกลับ.."..เขาต่อความสงสัย แก่ ขุนพลเม้งจึง เพื่อ ให้เกิดความกระจ่าง..
..ขุนพลเม้งจึก " เจ้า เป็นพวกมัน หรือ .."..เขา ตบโต๊ะ ด้วยความโกธรกริ้ว และ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมายังกลุ่ม พรานชาติที่ นั่งคุกเข่ามือถูกมัดไว้ด้านหลังทุกคน..
..พรานชาติ " หาไม่ ..พวก ข้า หารู้จักไม่ แต่ได้มาตามแผนที่ เพียงเท่านั้น.."..เขา รีบอธิบาย เพราะดูอาการ ของ บุรุษ ตรงหน้า จะไม่พอใจจอย่างยิ่ง เมื่อ กล่าวถึง มังมหานรธา..
..ขุนพลเม้งจึก " จริง หรือ ?? .."..เขา ลดค้อนอาวุธประจำกายลงจากบ่า ลงใช้ปลายหัวค้อนจิกไว้ที่พื้น มอง สายตาของ พรานชาติ เหมือน ค้นหาความจริง..
..ทหาร " ท่านขุนพล บัดนี้ เหล่าทหารผีดิบ ของจอมขมังเวทย์ นีโอ ได้มาสมทบ ข้าง กองทหาร ของ ปุโรหิตแอคเดช แล้ว ขอรับ.."..เขา รายงาน ดวงหน้าตื่นตะหนก..
..ขุนพลเม้งจึก " ให้ทหาร คอยเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อม ให้ เตรียมระเบิดเพลิง และ น้ำมันไว้ให้มาก เพราะ ผีดิบพวกนั้น ต้องใช้น้ำมันเล่นงานมัน ซากมันถึง จะแตกดับ ส่วน ทหาร ที่ มีจำนวนมากนั้น ให้ พลธนูจัดเตรียมไว้ บอกให้ใช้ ธนูเพลิง ทั้งสิ้น พลกำแพง ก็ ให้ตรึงรักษาที่มั่นตนด้วยน้ำมัน และ ระเบิดเพลิง กันการรุกปีน ของ ทหาร และ ผีดิบ ของ ศัตรู ส่วน ประตูที่ทำหลอกไว้ ให้ ทหาร ที่ วางกำลังด้านบนเชิงกำแพง เตรียมน้ำมัน และพลหอกไว้ให้มาก เพราะ ข้าศึก ต้องหมาย ทำลายประตูบุก เข้ามาเป็น แน่ ไปได้ เดียวข้า จะตามไปสั่ง และ ตรวจการ อีกครา..ส่วน คนพวกนี้ เอา ไปคุมขังไว้ก่อน และจัดหาอาหาร ให้ด้วย.."..เขา สั่งการ เหล่าทหาร ที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมจุดต่างๆ ที่ ได้วางไว้แล้ว แต่แรก ให้ไปประจำหน้าที่ ดั่งแผนการ..

ห้องควบคุมนักโทษ...

.............
..หลัง ถูกนำตัวกลับมาคุมขัง และ กินอาหาร ที่ ทหารนำมาแล้ว พรานชาติ ก็คุ่นคิดหาทาง ให้ ทุกคนรอดพ้น ไปจากสถานะ ผู้ถูกคุมขัง จึง เรียก ทหารเวรเข้ามาสอบถาม ถึง ความเป็นไปต่างๆ เกี่ยวกับ นครหลง ว่าเกิดเหตุการณ์ ใดขึ้นแล้วกำลังจะทำศึกกับใคร..ทหารนายนั้น อึกอักอยู่นาน ที่ จะเล่าบอก แต่ เพื่อนทหารอีกคน ก็คะยันคะยอ ให้ เล่าให้ ทุกคนที่ถูกคุมขังฟัง..เรื่อง ราวนับ แต่ครั้ง มังมหานรธาเข้ามาในนคร แห่งนี้ จึงพรั่งพรูออกมา ว่า ตอนแรก ก็ แสร้งมาอย่างมิตร ยามจะกลับไปกษัตริย์ พระองค์เดิม ก็ ได้มอบสมบัติแก้วแหวนมากมายขนไปแทบไม่หมด และ ให้จัดใส่เกวียนไปอีกนับ 10 เล่ม หาก แต่ ผู้มาเยือนหาซื่อสัตย์ไม่ได้ทิ้งบุคลไว้ ผู้หนึ่ง มันผู้นั้น คือ จอมขมังเวทย์นีโอ ผู้ที่คงวิชาสามารถปลุกร่างไร้วิญญาณ ศพเดินได้ เอามาเป็นสมุน.. ศพซากพวกนั้นถ้าซากใดฝังไว้ต้องผิวพื้นดิน ศพนั้น จะถูกทำวิชา เรียกนำกลับมาใช้งาน จนไม่มีใครกล้าแม้ แต่ องค์ราชาองค์เก่า ที่มีคุณแก่มัน มันยังทำร้าย จนท่านตรอมใจสิ้นชีพไป และมันได้ยึดอำนาจ ควบคุมอยู่หลัง บัลลังก์ แห่งองค์ราชาไวกรด ผู้เป็น กษัตริย์องค์ต่อมา เหล่าชาวเมือง ประชาชน และ ทหารๆ พยายามหาทางกำจัด ก็ถูกเข็นฆ่า และทัณฑ์ทรมาน ล้มตายนับไม่ถ้วน ขุนพลเม้งจึก และ องค์ราชาไวกรด จึงต้องค่อยๆซ่องสุมกำลังรอโอกาสมานานนับ 10 ๆ ปี เพื่อ หาจุดอ่อน และกำจัด จอมขมังเวทย์นีโอ และ พรุ่งนี้ จะเป็นวันที่ จอมขมังเวทย์ชั่วจะทำพิธีบูชายันต์ประจำปี ซึ่งเมื่อ นั้นจะเป็น โอกาสเดียว ที่ จะกำจัดมันได้ แต่จอมขมังเวทย์ ได้อ่านแผนการไว้แล้ว จึงได้สั่ง ขุนพลเม้งจึก ให้ออกมานอกนคร เพื่อหวังกำจัด โดย ให้ จอมโฉดปุโรหิตแอคเดช ที่ แปรภักษ์ จาก พวกพร้องหวังอำนาจแห่งแผ่นดิน จึงเข้าด้วย จอมมารขมังเวทย์นีโอ .. เรื่องราวต่างๆถูกเล่าค่อนข้าง เป็นขั้นเป็นตอน จนถึงวันนี้ ที่ ต้องผ่านศึกค่ำนี้ให้จงได้ เพื่อทำการใหญ่ต่อไปในวันสำคัญ...วันพรุ่ง..


.............
..พรานชาติ ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงหันไปปรึกษาคณะของตัวตน ตกลงกันว่า ในช่วง ที่ ยังไม่พบกับ กลุ่ม ของ เพลา นี้นั้น จะร่วมช่วยรบกับ ขุนพลเม้งจึกและ อาจใช้วิชาพระเวทย์ ที่ ร่ำเรียนพอมีติดตัวมา กับอาจรย์พระธุดงค์ ช่วยต่อกรกับ เหล่าทหารผี ของ จอมขมังเวทย์นีโอ ได้มั่ง ทั้งยังจะเปิดเผย สิ่งที่ขุนพลเม้งจึก และ ชาวเมืองต้องการ เพื่อ เอามาทำลายอาถรรพ์ แห่ง จอมมารด้วย..เขาได้บอกให้ ทหาร ไป บอกแก่ ขุนพลเม้งจึก..

.............................................................................................................


..เพลา " ปีน เร็ว ทุกคน มันมาอีกขบวนแล้ว .."..เขา ตะโกนสั่งทุกคน ปีนขึ้นไปบนคาคบไม้ ที่ต้นไม้ใกล้ตัว ของ แต่ ละคนเพราะ จำนวน ผีดิบ ที่ ผ่านมาทางนี้ มีมาเพิ่มมากขึ้น ยังไม่มีที่ท่า ว่าจะขาดสาย..
..บุญช่วย " โอย นาย ทำไม่มันมากมายอย่างนี้เล่านาย ไอ้ใบ้ เฮ้ย ไอ้คุณซีตาร์ ดันก้น ข้า หน่อย แรงมันหายไปไหนหมดไม่รู้ ช่วยข้าหน่อย .."..บุญช่วย ปีน ขึ้นไป แล้ว ไถลลงมาถลอก ปอกเปิกด้วยความรีบ และ ตื่นเต้น..


.............
..ทั้งหมดขึ้นไปนั่งบนคบต้นไม้ หลังที่ ขบวนซากผีดิบทยอยเดินผ่านเพิ่มมาไม่ขาดสายเกือบ 10 นาที บุญช่วย พนมมือสวดอะไร เพราะ ความกลัว จนแทบฉี่ปริ..2 สาวจับมือกันแน่นมองฝูง ผีดิบ ที่ เดินมาเป็นจำนวนมาก เพลา วิตกแทน ศัตรู ของ กองทัพไร้วิญญาณ พวกนี้ พวกนั้นคือใคร ? เขา ควรทำอย่างไร ?..ซีตร้า ขุ่นคิดอะไร บ้างอย่างอยู่.. ( อย่าถาม แว่น เพราะนั้น เป็นความคิด ซีตร้า..กวนไหมหละ อิอิ..แว่น บอก ก็ได้....เขาจะต้องหาทางเข้าไปสืบ ว่า ใคร คือ ใคร แล้ว เขา ควรทำอย่างไร ต่อ.) ..

...............อัสดง ดงดับ อาทิตย์ลับ..ตา.. เหลี่ยมเขา ดงสนซ้อน ซ่อนเงา.. มวลทรราชหมายตาฆ่าเข่นศัตรูตน...
........................

ปราสาทหม่องนีโอในเขตพระราชวัง.. ..

.............
..คนสนิทไว้ใจได้ ของ ขุนพลเม้งจึก ลอบเข้ามาส่งข่าว แก่องค์ราชินีมเหสีร่านนี้ ว่า ..


..ชัยยะ " แผนการ ดำเนินไปด้วยดี ขณะนี้องค์ราชาไวกรด และ พระชายา ทรงอยู่ในสถานที่ ปลอดภัย และเหล่าพระญาติเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ ก็ รวมอยู่ด้วย อีกทั้งมีกองทหาร และพสกนิกรประชาชน เกือบทั้งเมืองรออยู่ เพื่อ วันพรุ่งนี้ วันแห่งการปลดปล่อยองค์ราชาไวกรด ได้ฝากความมาว่า ถ้าค้นหาสิ่งที่ จะทำลาย จอมขมังเวทย์นีโอ ไม่ได้ให้ องค์ราชินีมเหสี ทรงเสร็จ ตามข้ากลับไปด้วย เพราะ ถ้าฝืนอยู่อาจเป็นอันตรา และจอมขมังแวทย์นีโอ อาจจับ องค์ราชินีมเหสี เป็นข้อต่อลอง ให้ ยอมจำนนศึกครั้งนี้..
..องค์ร่านนี้ " ตกลง เรา จะทำตามขุนพลเม้งจึก ว่า.."..เธอ ไตร่ตรอง และ ได้ตัดสิ้นใจตาม ทหารและ นางกำนัน ที่ มาส่งข่าว เล็ดรอดหลบหนีออกมา จาก ปราสาท จอมขมังเวทย์นีโอ ด้วยพระ องค์ยังวิตก ว่า จะทำการใด เกือบ 40 ปี เธอ พยายามค้นหาคัมภีร์หนังมนุษย์ ที่ จอมขมังเวทย์นีโอ ได้ถอดดวงจิตเก็บไว้ แต่ก็ยังไม่พบแม้วี่แวว ของ คัมภีร์หนังมนุษย์นั้น...พระองค์ถูกพาลัดเลาะแฟงเร้นห้องลับต่างๆจนพ้นบริเวณ เขต ปราสาท และ เขตวัง ออกสู่ชายป่า.. เวลานี้แสงจากตะวันได้สิ้นลงแล้ว...

................................................................................................................


..ขุนพลเม้งจึก " ข้า จะเชื่อ ท่านได้เยี่ยงไรหรือ ท่านจอมพราน ในสิ่งที่เจ้า แจ้งแก่ ข้า.."..เขาคุ้นคิดสิ่งที่ พรานชาติ ได้เล่า เกี่ยวกับ คัมภีร์หนังมนุษย์ ที่ สามารถทำลายจอมขมังเวทย์นีโอ ได้ว่า ได้ถูกซุกซ่อน ไว้ ที่ใด..
..พรานชาติ " ท่านลองตรองดู ว่า เหตุใด พวกเรา ถึงล่วงรู้ได้ว่า มี คัมภีร์หนังมนุษย์ อยู่ และ มันเป็นของ ผู้ที่ทำร้ายองค์ราชา และ องค์ราชินี แห่งท่าน.."..เขา เน้นคำหนัก และแจงเหตุผล..
..ขุนพลเม้งจึก " ตกลง ข้า จะเชื่อพวก ท่านท่านพราน และ ผ่านศึกคืนนี้ได้ เรา จะเร่งส่งคนไปยังที่ ที่ท่านว่า เพื่อหาคัมภีร์หนังมนุษย์ นั้น แต่ ถ้าหากพวกท่าน โป้งปดมดเท็จ แก่ ข้า ก็ อย่าได้หวัง จะมีชีวิตใดรอดกลับไปสู่ กาล ของ ท่าน อีกเลย.."..เขา กล่าวด้วยแววตามแห่งความหวัง และ ทิ้งท้ายคำด้วยน้ำเสียงเหี้ยม หนักแน่น ..
พรานชาติ " แล้ว พวก ท่าน จะตามหาคณะ พวก ของเรา ที่พลัดพราก หลังจากนั้นใช่ไหม ท่าน ขุนพลฯ .."..เขาท้วงสัญญาอีกข้อ เมื่อ เสร็จงานศึก..
..ขุนพลเม้งจึก " ตกลง แล้ว ท่านจอมพราน ต้องการสิ่งใดในการทำพิธี คืนนี้บ้าง นี่ก็คงจวนเวลา ที่ ปุโรหิต ชั่ว และ เหล่าทหารผี ของจอมขมังเวทย์ จะบุก เข้ามาแล้ว เดียวท่าน บอกแก่ คน ของ เรา ว่า ท่าน ต้องการสิ่งอันใดบ้าง ส่วน ข้า จะไปเตรียมรับมือ กับ กองทหาร ที่ กำลังจะเคลื่อนพลเข้ามา.."..เขา กล่าวเสร็จ ก็ สั่งการ ทหาร ให้จัดหาสิ่ง ที่พรานชาติ ต้องการ ทุกประการ แล้ว เขา ก็แยกตัวออกไป ตรวจกำลังทหารบนกำแพงปราการ..


.............
..พรานชาติ หลังแยกตัวจาก ขุนพลเม้งจึก แล้ว ก็ได้ บอกทหาร ให้เตรียมสิ่งของที่ต้องการ อ่างน้ำมนต์ ขนาดใหญ่ ถูก นำมา ที่ แท่นพิธี ที่ตั้งขึ้นติดป้อมปราการด้านทิศใต้ ของ ตัวกำแพงด้านหน้า.. จันสู ช่วย พรานชาติจัดเตรียมสิ่ง ของต่างๆ เพราะ เคยรู้มือกันมาแต่ กาลก่อน.... เมื่อ สมัยหนุ่ม เขาแลละ พรานชาติ เคย ผลัดหลง เข้าไปยังดง ผี โพลง และ ผีขมวด จำนวนมา พรานชาติได้ใช้อาวุธ ที่ มีติดตัวยามนั้น คือ พร้า คนละเล่ม เอามาแช่น้ำมนต์ ก่อน ปะทะ กับฝูงผี เหล่าผีพวกนั้น เมื่อ ต้องคมอาวุธ ล้วนแตกดับกันเป็นใบ้ไม้ล่วง และ น้ำมนต์ที่ทำ ก็ สามารถ ใช้สาดซัดแทน อาวุธ ได้เช่นกัน เหล่าผีพวกนั้น ถูกทำลายเป็นอันมากพอหนีสู้พรางหนีใกล้พ้น เขต ผีโพลง ผีขมวด ก็ มีผู้คงแก่วิชา ที่น่าจะเป็นคนปล่อยของ ลองวิชาอาคม และ กักพวก ผีพวกนี้ ไว้ใช้ ทำเรื่องต่างๆในเขตแดนนั้น ออกมาเผชิญหน้ากับ พรานชาติ ทั้ง 2 ต่างงัดวิชาออกมามากมายผู้คงวิชานั้น สามารถแปลงตัว เป็นเสือโคร่งได้ คงใช้วิชาสางสิง แต่ พรานชาติ ก็เสกหอก จาก ข้าวสารนับร้อย ไล่ต้อน ผู้คงวิชานั้น จนคืนร่าง และ ตามปรากฏ ว่า ตามร่างกายเกิดบาดแผลขีดขวนเป็นจำนวนมาก ผู้คงวิชา ยังไม่ยอมแพ้ ร่ายมนต์ ปล่อยควายธนู หมายชีวิต พรานชาติ และ จันสู จนหลบกันแทบไม่ทัน แต่ พรานชาติก็งัดไม้เด็ด เสกสายสิญจน์เป็นบาศบวงคล้อง ควายผีได้อีก ผู้คงแก่วิชานั้น ถูกพรานชาติ ถอนถอดมนต์ ด้วย น้ำมนต์เสก พอเหล่า ผีโพลง ผีขมวดเห็นดังนั้น ก็หันกลับไปฉีกเนื้อกินเลือด ผู้คงแก่วิชาคนนั้น พรานชาติ ได้สวดแผ่เมตตาส่งวิญญาณเหล่านั้น ไปได้บ้างบางส่วน และ ได้ไปขุดไร่ไพรผีโพลงที่อยู่ไม่ห่างจาก ที่กักผีเหล่านั้นนัก เพื่อ ทำลาย เพื่อ ให้ไม่สามารถให้ ใครเรียกเอา ผีโพลง เหล่านั้น ที่ ยังมีกรรม ที่เหลืออยู่ไม่มาก ไม่อาจไปเกิดได้ทันทีนำพากลับไปเลี้ยงต่ออีกได้.. พอเสร็จ พิธี จันสู และ พรานชาติ ก็ ออกมา จากแนวป่านั้นรอดมาได้ จันสู จึงนับถือ พรานชาติ เป็นอย่างมาก..

.........................

............. ..กองผีดิบเคลื่อนพล ออกตามคำสั่ง ปุโรหิตแอคเดช.. จอมขมังเวทย์ได้ให้ไม้เท้า ที่ สามรถควบคุมเหล่า ซากผีดิบได้ เพียงชี้เหล่าผี และชี้ไปยังเป้าหมาย ถ้ามีสิ่งใดมีชีวิต เหล่าผีดิบเหล่านี้ จะกำจัดสิ้นทั้งฉีกเนื้อกัดกิน และ เข่นฆ่า ไม่มีเหลือ ..ส่วน ทหาร ที่เหลือเพียงครึ่งจากการปะทะ เมื่อ กลางวัน จน ปุโรหิตแอคเดช สั่งถอยทัพแทบไม่ทัน ด้วยประมาทกลศึกขุนพลเม้งจึก ก็เดินตาม.. โดย ต่างก็หวาดเกรง เหล่าซากผีไม่น้อย ปุโรหิตแอคเดชนั้นเป็นขบวนปิด ที่ อยู่ตรงกลางท้ายสุด ได้สั่งให้ ทหาร 2 กองตีขนาบโดย จะ อ้อมไปโอบล้อม โดย รอบกำแพง และ ให้เหล่า ผีดิบ ตะลุยบุก จากด้านหน้าฝ่าเข้าไป และ มี ทหาร อีกจำนวนหนึ่ง จะตีตามท้ายขบวน ทหารผีดิบ ส่วนปุโรหิตแอคเดช จะบุกตามไปติดๆ หลัง ฝูงผี และ กองทหาร ประจำตำแหน่ง ที่ ว่าแผนไว้และ พุ่งรบใส่ ปราการกำแพง. ...

...........................

............. ..ขุนพลเม้งจึก ตั้งรับมือ โดยให้ ทหารพลธนู ประจำจุด ที่วางไว้ เมื่อ ทหารของ ปุโรหิตแอคเดช เข้ามาในรัศมีการพุ่งรบ ก็ ให้จัดการตามแผนได้ โดย ให้ใช้ไฟเป็นหลักใหญ่ เพื่อ หวังทำลาย เหล่า ซากผีดิบ และ เมื่อ เห็น ปุโรหิตแอคเดชวางหมากล้อมรอบกำแพง ขุนพลเม้งจึก ก็ยิ้ม ด้วยเห็นชัยชนะลางๆ เนื่องด้วยขุนพลเม้งจึก สั่งวางขวากหลุมขุด บ่อเพลิง และ หลาว-คันธนูกล ไว้โดยรอบกำแพงค่ายและ มี ทหารพลหอก พลธนู เฝ้าระวังไว้ บนเชิงกำแพงโดยรอบ หากจุดใดโดนจู่โจมจากทหารศัตรู.. ทหาร ที่รักษาจุดด้านข้างซ้าย-ขวาจะแบ่งกำลังมาอุดหนุนเสริม ช่วย ! ทันที่ และ เมื่อ ป้องกันได้ ก็ จะคืนสู่ตำแหน่งเดิม ของตน โดย เร่งด่วนแถมตามต้นไม้ ก็ มีถังน้ำมันเพลิง ที่ ซ่อนไว้เมื่อ จะใช้ ก็จะดึงเชือก ที่ ขึงตรึงไว้ กระชากถังน้ำมันให้เทลง เมื่อ ศัตรูอยู่ในวงล้อม ระหว่าง บ่อขุดหลุมเพลิง แล้ว กองธนู กองหอก ก็ จะระดมยิงธนูไฟ เพื่อจุดน้ำมันเผาผลาญ เหล่าผู้หมายรุกราน..

...............................................................................................................



.............
..ซีตร้าได้ ขอ เพลา เพื่อ เข้าไปสืบการรบ และ เสาะถึงผู้ที่กำลังทำศึกว่าคือ ใคร กับ ใคร เพลา จะไปด้วย แต่ ซีตร้า เกรง ว่า ทุกคนที่อยู่ที่นี้ จะมีภัยและ เกิดอันตรายได้ จึงได้ขอ ให้ เพลา อยู่เฝ้าระวังอยู่ ณ. ที่นี่ เมื่อรู้ความแล้ว จะรีบกลับมาโดยไว ..มาเรีย กอด ซีตร้า และต่างโยนสายตาแห่งความห่วงใยแก่กัน จน กาล อดยิ้ม และ แกล้งค้อน มาเรีย ไม่ได้ เพลาเห็น ก็ หัวเราะร่วน และ เดาเหตุการณ์ พอออกว่า เกิดอะไรขึ้น กับ เพื่อนสาว และนายใบ้ ที่ กลายกลับ เป็น ราชบุตรแห่งนครหลง ไปได้....ซีตร้ารุดเดินตามขบวนซากผีดิบ โดย อาศัยโคลนทากายพรางร่าง เดินตาม เหล่าทหารผี และพยายามเดินเฉียดใกล้ กองทหาร ของ ปุโรหิต แต่ ทหาร พวกนั้น ก็ หวาดกลัว และเดินเลี่ยงห่างออกทุกครั้งครา....กำลังพลเคลื่อนที่ไปช้าๆ แต่ ระยะ ที่ไม่ไกลกันเพียงไม่นาน ทั้ง 2 กองทัพ ก็เผชิญหน้ากัน....กองรบตีกระตุ้นกำลังใจจากด้านในกำแพงดังก้องกึก.. ..ตูมๆ ๆ ๆ ตะลุ่ม ตูม มมมมมม. ... ด้านนอก ก็ หาน้อยหน้า กองรบสั่งบุกเริ่มขึ้น กองหน้า ปุโรหิตแอคเดชติดเกาะเหล็ก กองทหารราบถือหอกยาว เคลื่อนที่ไปตั้งแนว.. อยู่ด้านหลัง ทัพผีดิบที่ ยืนกันเป็นกลุ่มเป็นแนว ตลอดด้านหน้ากำแพง.. .......

....................................

........... ..ขุนพลเม้งจึก กัดฟัน รอ ระยะ ที่เหมาะ แก่การปล่อยอาวุธ..และตวาดสั่งเสียงดัง... " ยิง ง ง ง ง ". .ตูมแรก ของ การรบลูกกระสุนปืนใหญ่ แหวกอากาศ เข้าหาฝูงผีดิบ และ ปะทะร่างซากศพเดินได้ แตกกระจายและ อีกหลายกระบอก ก็ ระดมยิงอัดใส่ กองทหารผี ที่ อยู่ด่านแรก กองทัพม้า ทัพช้างและ รถศึก ต่างแตกตื่น และ ทหาร ของ ปุโรหิตแอคเดช พยายามควบคุมเหล่าสัตว์ ที่เป็นพาหะนะ..ปุโรหิตแอคเดช สั่ง ให้ ปืนใหญ่ ของ ตน ยิงโต้กลับไปบ้าง..

..ปุโรหิตแอคเดช " ยิงปืนใหญ่ ด้านหน้า.."..เขา ยกไม้เท้า กระชากเสียงแหบพร่าสั่งการ..

.............
แต่ด้วยระยะ และ จุดยิงที่ต่างกัน ทำให้ ลูกเหล็กกระสุนปืนใหญ่ไปไม่ถึงกำแพงปราการ..เหล่าผีดิบ ยังรุกเดินต่อไปยังกำแพงด้านหน้า เมื่อถึงหลุมขุดบ่อเพลิง และ กำลังทหาร ปุโรหิต กองหลัง ผีดิบ ดันแนวสวนขึ้นมาตีคู่กองทหารผี ขุนพลเม้งจึก ก็ สั่งยิงธนูเพลิงทันที่...

..ขุนพลเม้งจึก " พลธนู ยิง ศรไฟ..."..เขา ตะโกนสั่ง พร้อม ชี้แนว ศัตรู ที่เป็นเป้าหมาย..

..............
.. ห่ากระสุนเรือนพัน ที่ ยิงอย่างต่อเนื่องพักใหญ่ สาดใส่กองทหารทั้งผีทั้งคน ลูกธนูหลายลูกพอปักลงพื้น ก็ เกิดเพลิงไหม้ลุกขึ้นมา แต่ มี ซากผีดิบบ้างส่วนฝ่ารอดผ่านเข้ามาได้ ซึ่งก็ นับว่า ก็ยัง มี จำนวนยังมากอยู่ หากเทียบกับที่ โดนไฟ จาก หลุมขวาก ธนูเพลิงเผาผลาญ ทหารกองม้าศึก ปุโรหิตแอคเดชตีแนวตามหลังทหารราบ ที่ เดินอ้อมหวังโอบด้านข้าง ของ กำแพง.. ส่วน กองช้าง ก็เดินเคียง กองทหาร ของ ปุโรหิต รถม้าศึก วิ่งไป-มาสั่งการ พร้อม ตวัดแส้หนัง.. ฟาบบบบบบบ ฟับบบบบบบบเผี๊ยะ เผี๊ยะๆ ๆๆ ๆๆ ... ....

..นายกองทหารปุโรหิต บนรถม้าศึก " เอา อย่าแตกขบวน คงรูปทัพ ไว้ อย่าแยกถอย เดินรุกเข้าไป เร็ว เดิน รุก เข้าไป จัดแนวทัพไว้.."..เขา กระชากบังเหียนรถม้าศึกวน ไปตะโกนไปอีกมือพาดแส้ ทั้ง ทหาร และ ม้าเทียมรถ ของตน..เมื่อเห็น กองทหาร ส่วน ที่ตามกองทหารผี เริ่ม แตกขบวน และ ล้มตาย.. ความชุนมุนทวีขึ้น...


..............
.พรานชาติ ทำพิธี และ ให้ เหล่าทหารบนเชิงเทริน ใช้ น้ำมนต์เสกจุ่มชุบศาสตราอาวุธ ยิงใส่..ได้ผล เหล่าผีทหารเวทย์ ของ หม่องนีโอ จอมขมังเวทย์ ล้มไหม้ไฟลุกกันเป็นทิวแถวปุโรหิตแอคเดช เริ่มขวัญเสีย สั่ง แม่ทัพนายกองตีขนาบด้านข้าง ก็โดน กับดัก ของนายพลเม้งจึง เล่นงานอีก.. จนทหารส่วนใหญ่ เริ่มแตกขบวนรบ ทหารช้างศึกพยายามแหวกผ่าเข้ามา พอเจอไฟ สัตว์ทั้งหลาย ก็ตื่นวิ่งไม่อาจควบคุมได้ไล้ทำลายหทารฝ่ายตนเอง... ทหารทะลวงประตู ของปุโรหิตแอคเดช ใช้คนเป็นด่านหน้าบุกผ่าเข้ามาจนถึงประตู ก็ โดนทั้งธนูไฟ หอกเพลิงและ หลาวหลุมดัก ล้มตายเป็นอันมาก จน ทิ้งขอนซุงหนีกลับ เข้าไป ในกองทหาร..ปุโรหิตแอคเดช ก็ สั่งกองทหารชุดใหม่ หนุนบุกเข้าไปเอาซุกรุกต่อ เพื่อหวังทำลายประตูปราการ..

....................................

..ปุโรหิตแอคเดช " เอ้ย ส่งคนไปอีกด้านหน้าประตู แล้วทำลายประตูให้จงได้ เร็ว เร็ววววว...."..เขาตะโกนให้กองหนุน อีกชุดบุก เข้าไปเสริมแทน ชุด เดิม ที่ทำหน้าที่ทะลวงพัง ประตู..


............
..แต่ พอทหาร จัดกองใหม่มาร่วมแรงบุกกระแทก หลายคนต้องบาดเจ็บ และ ได้รับการต้านศึกจาก น้ำมันด้านบน บ้างก็ โดนหินขนาดใหญ่ทุ่มใส่ ล้มตายกันระนาว ที่แบกซุงหวังชนประตู ก็ กลิ้งหงายกันไม่เป็นขบวน.... ด้วย หลังประตูนั้น หาใช้ดานล๊อค ประตูไม่ แต่ หาก คือ กองดิน ที่ ถูกสั่งมาเทถม เพื่อ ป้องกัน..ทหารเหล่านั้น จึง เสียเวลาเปล่า และ ค่อยๆ ทยอยล้มตายเกือบสิ้น.. ปุโรหิตแอคเดชร้องตะโกนท้า ขุนพลเม้งจึก ให้ ลงมาทำศึกตัว ต่อ ตัว แต่ ขุนพลคนเก่งอ่านทางปุโรหิตแอคเดช ขาด เพราะ ได้ส่องกล้องดูความเคลื่อนไหว เห็นหน่วยทหารราบบางกองสุ่มตรึง อยู่ในแนวป่าชายพง คงหวังลวง ลงไป พอสบโอกาส ก็ จะลอบทำร้าย ตามวิสัย คนลอบกัด ของ ปุโรหิตแอคเดช..


..ปุโรหิตแอคเดช " เฮ้ย ๆ ท่านขุนพลใยไม่ลงมาเผชิญศึก รบพุ่งกัน เบื้องล่าง เล่าท่าน ขุนทหารกล้า แห่งนคร.."..เขา เหยียดศักดิ์ แห่ง ขุนศึก หวัง ทำให้เกิดอาการเดือดดาล และ ต้องกลรบ..
..ขุนพลเม้งจึก " เรา จะลงไปรบ เพื่อ การใดเล่า ท่าน ปุโรหิต อยู่บนนี้ไม่ศูนย์เสียทหาร แถมมัเป้าธนู มาให้ลองคมด้วย ฮ้าฮ้าฮ้าฮ้า..."..เขา ยั่วหยวนคำกลับ ให้ ปุโรหิตแอคเดชเร่งบุกมาจับตัว เขา ในปราการกำแพงค่าย ..

.....................


............. .. ปุโรหิต เดือดดาลโกธรเกรี้ยว สั่งปวงทหาร เร่งทำลายค่ายให้ จงได้ แต่ยามนั้น ทหารส่วนมาก เริ่ม ถอดใจ และ ล้มตายกันเกือบครึ่ง ทหารศพซากผี ก็ ไร้พิษสงเพราะ ไม่อาจบุกประชิดถึงแนว กำแพง แถมเมื่อ เข้าใกล้ ก็โดน ธนูชุบน้ำมนต์หอกจุ่มน้ำมนต์ และ ข้าวเสก ของ พรานชาติ.. จนร่างไหม้สูญสิ้น การรบผ่าน หลายชั่วโมง.. แต่ รูปการกลศึก ก็ ยังเป็นเช่นเดิม ทหาร ปุโรหิตแอคเดช หรอยหรอเป็นอันมาก กำลังใจ ก็ ลดสิ้นแทบหมดกำลัง ที่ ยังไม่ทิ้งการศึกไป ก็ เพราะกลัวโดนอาญาทหารหนีทัพ และ เวทย์มนต์ดำ ของ จอมขมังเวทย์นีโอ..

บนเชิงกำแพงทางด้านทิศตะวันตก. .

...............
..กาหลง หนานงำ และ บักเขียด ช่วย ทหารบนเชิงเทริน ต้าน ทหารราบ ที่พยายามบุกทะลวงมาด้านหลัง แต่ ทหารเหล่านั้น ก็ ล้มตายดั่งไม้ล่วง พอ ทัพทหารซากศพบุกเข้ามา ..กาหลง ก็ เอา น้ำมนต์เสกให้ เหล่าทหารชุบศาสตราอาวุธ ก่อน ระดมยิงพุ่งรบใส่..ได้ผล ทหารผีล้มไหม้ไฟลุกท่วมสิ้น แม้ บุกเสริมรุกเข้ามาเพิ่ม ก็เป็นลักษณะเดียวกัน จนทหารราบ ที่ยกคู่มาต้องแตกหนีแทบไม่เป็นขบวน..แล้วแผนเสริมใหม่ ของ ขุนพลเม้งจึก ที่ ออกอุบาย โดยพรานชาติ และ จันสู นั้นคือ.. เอากระบอกไผ่ ไหเหล้า บรรจุดินปืน จุด โยนใส่เหล่าทหาร พร้อม ๆ กัน ก็ สร้างความตื่นกลัว จน ทหาร ของ ปุโรหิตแอคเดชทิ้งหอกดาบวิ่งหนี ด้วยคิดว่า คือ เวทย์มนต์ดำ จาก ขุนพลเม้งจึก.. ปุโรหิตแอคเดช เองก็ตกใจ เพราะ เสียงกัปนาทลั่นลานรบต่อเนื่อง กึกก้องยาวนาน จน ฝูงม้า-ช้างแตกกระเจิงไม่อาจคุมได้ต่อไป. ...

.............................................................................................................

ปราสาทหน่องนีโอ..ในราชวัง..

..............
..ด้าน จอมขมังเวทย์นีโอ หลังนอนพักร่างกาย ไม่นาน ก็ มีโหงพรายมากระซิบบอกว่า พระมเหสีองค์ร่านนี้ เสร็จหนี ไปแล้ว และส่วนการศึกกำลังเพรียงพล้ำใกล้แตกพ่าย ..หม่องร้าย เร่งรุดไป ประรำพิธี บนปราสาท และส่ง โหงพราย เพื่อ ไปตามจับ พระมเหสีร่านนี้ ให้กลับมา และจับกระแสดูศึกด้วยจิตชั่ว.. เมื่อ เห็น ว่ามีผู้มีวิชาอาคมมา ล้างฆ่าเหล่าทหารศพซากผี ที่ส่งไปได้ ก็ให้ดาลเดือดแทบทนไม่ได้.. และ ทำพิธีปล่อยควายธนูเสก 8 ป่าช้า และ( หนังหน้า หี เฮ้ย..!!) ..หนังหน้าผีเสกตายโหง.. หมาย ไปทำลายทำร้าย ผู้มีวิชาอาคม ที่คิดต่อต้าน..พรานชาติ จับกระแส อวิชชา ใช้ ข้าวเสกงาขาวพุทธคุณอาจารย์พระธุดงค์สาดบัง และ โต้ควายธนู ด้วยมีดหมอลงอาคม ของ หลวงพ่อเดิม รุ่นด้ามงาช้างมนต์ดำไสยเวทย์ ที่ ซัดสาดเสกมา ล้วนหมดฤทธาสิ้น ด้วย พุทธคุณ.......หม่องต่างเวลา หยิบหอกกล หุ่นพยนต์ ตามไปอีก เพื่อ หวังล้อมรุมฉีกร่าง และพุ่งทิ่มแทง ผู้คงเวทย์ แต่... ..พรานชาติ.. ( หาใช้หมูในอวย คะรวยต่อด้ามเหมือนกัน..) ก็ สะบัดยันต์แปดเหลี่ยม หลวงปู่แช่ม พร้อม ปล่อยเต่าเรือนปกป้องพร้องทหาร ที่อยู่บริเวณนั้น.....ฝ่ายทหาร ปุโรหิตแอคเดช ก็แตกกระเจิงหนีเป็นจำนวนมาก ไม่กลัวภัยอาญาอีกต่อไป เริ่ม กลัวตายมากกว่า....ตัว ปุโรหิตแอคเดชก็ หวาดประหวั่น กลรบ ขุนพลเม้งจึก และ ปืนใหญ่ ชุด ปิดฉาก ของ ยอดขุนพล ที่ระดมยิง จากกำแพงด้านหน้า ระยะ ปุโรหิตแอคเดช ที่ ล่วงบุกเข้ามานั้น ได้ระยะ พอดีจึงทำให้ แคร่หามคานสอดเสลียง โดนระเบิดแตกลำ ถึงกับทำให้ ปุโรหิตแอคเดช กลิ้งล่วงมือควานหาแผ่นดินไม่เจอ..เหล่าองค์รักษ์ ส่วนตัว ต้องรีบหามแบก หนีตายกันอลหม่าน ไม่คิดชีวิต..เวลานั้นเลยเที่ยงคืนไปแล้ว.. จอมขมังเวทย์นีโอ หา ทาง ส่งไสยดำสารพัด.. แต่ ก็ ไม่อาจทำอะไร พรานชาติ และ เหล่าทาหรได้... ด้านทหาร ของ ปุโรหิตแอคเดช พอเห็น ปุโรหิตโดนแบกหนี้ ก็ให้ ทิ้งการรบแตกหนี้ตามกันหมดสิ้น ไม่ถึง ชั่วโมง ก็มีเพียงซากศพ..... ขุนพลเม้งจึก เห็น ทหารศพ และ ทหาร ของ ปุโรหิต ปราชัยแล้วจึงส่งคนลงไป ลากศพทหาร ที่ ตายใหม่มากองรวมกัน และ เผาไฟ... พรานชาติ ให้ จันสูนำผ้าประเจียดชาย สังค์คาติอาจารย์พระธุดงค์ นำไป ใส่กองเพลิง เพื่อ ทำลายมนต์ดำที่ อาจหวนนำมาใช้ แก่ศพ คนตายอีก.....จอมขมังเวทย์นีโอ เห็นว่าฝ่ายตนเสียเปรียบจึงระดมทหารทั้งหมดทั้งสิ้น ในปราสาท และ รอบเวียงวัง ให้ รวมตัวเตรียมรับศึก และให้ ตั้งประลำพิธีสำรอง ในเมืองขึ้น เพราะ คง ไม่อาจ ออกไปทำพิธียังจุดเตรียมการเดิมได้ และ ให้ ทหารไปเอา เหล่าเครื่องเซ่นพลี และ สาวทั้ง 3นาง มาเตรียมไว้ เมื่อ อาทิตย์แจ้งฟ้า สุริยาเฉิดฉายแล้วจะเริ่มทำพิธี ไปเร

kaithai