ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 16  ระหว่างทาง by uuuu

เริ่มโดย uuuu84, พฤศจิกายน 11, 2012, 02:57:06 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

uuuu84

เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 16  ระหว่างทาง




 



  "ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ?" ก๋วนเทียนเล้ง  ฉายาเทพบุตรมังกรทอง  เอ่ยถามขึ้นมา หลังได้ยินเสียงจอแจ
"บ่าวจะออกไปดู" ก๋วนผู  1 ใน 2ผู้ติดตาม ที่มาลี่เจียงพร้อมกับก๋วนเทียนเล้งเอ่ยขึ้นแล้วค่อยๆออกจากห้องไป


   ก๋วนผู และก๋วนซ่ง  ถึงจะใช้คำแทนตัวว่าบ่าว แต่ที่จริงถือเป็นองครักษ์ที่มีฝีมือระดับสูง ของป้อมมังกรทอง
เลยทีเดียว มีชื่อเสียงในยุทธจักรไม่น้อย ปรกติจะคอยตามรับใช้ก๋วนเทียนหยู ประมุขป้อมมังกรทอง 
แต่ครั้งนี้ถูกมอบหมายให้มาเป็นองครักษ์ก๋วนเทียนเล้ง


   "ส่งข่าวไปให้ท่านพ่อเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?" ก๋วนเทียนเล้ง เอ่ยถามก๋วนซ่ง
   "ส่งพิราบสื่อสารไปตั้งแต่เมื่อวาน  ตอนนี้ท่านประมุขน่าจะได้รับแล้ว" ก๋วนซ่งตอบ
   "มาลี่เจียงคราวนี้  ไม่คาดคิดว่าจะได้ข่าวของคัมภีร์ชะล้างไขกระดูก  แถมยังยาเม็ดคืนวิญญานกับแพทย์ปีศาจอีก" 
ก๋วนเทียนเล้งพูด
   "ท่านประมุข  อยากจะได้ตัวแพทย์ปีศาจมาทำงานให้กับป้อมของเรามานานแล้ว  ความสามารถด้านการแพทย์ของต้วนอู่คัง
เรียกว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองจริงๆ" ก๋วนซ่งกล่าวเสริม ทันใดนั้นทั้งก๋วนเทียนเล้งและก๋วนซ่งสบตากันวูบ เพราะได้ยินเสียงฝีเท้า
จำนวนไม่น้อยกำลังวิ่งมาทางหน้าห้องพัก


   "หลีกทาง !!!!" เสียงของทหารของลี่เจียง ตะโกนดังลั่น  หลังตรวจค้นห้องพักในโรงเตี้ยมแห่งนี้มาจนทั่ว
จนมาถึงตึกส่วนตัวที่ก๋วนเทียนเล้งเหมาไว้  แต่พอจะเข้ามาก็เจอกับก๋วนผู ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตูนั่นเอง


  "บังอาญ!!!" เสียงก๋วนผูตะโกนเสียงดังกว่า แล้วพูดต่อด้วยเสียงเหี้ยมเกรียมว่า "พวกเจ้ารู้รึเปล่าว่านี่เป็นที่พักของใคร"
  "ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเปิดประตูให้พวกเราตรวจค้น" เสียงนายกองทหารคนแรกยังแหกปากเสียงดังแข่ง
บรรดาทหารอื่นๆอีก 10กว่าคน เริ่มเอามือกระชับอาวุธแน่น  ทว่าก๋วนผูกลับไม่ได้สะทกสะท้าน  แม้หางตายังไม่ถ่อมตัวลงมอง
กลับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหมือนชื่นชมต่อดวงจันทร์กลมโตที่กำลังส่องสว่าง


   "ชะ ชะ ชะ เจ้านี่ รนหาที่ตายสะแล้ว  ทหาร..!!!" เสียงนายกองตะโกนสั่งการลั่น แต่ไม่ทันจะสิ้นเสียง ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
   "พวกเจ้าสิ รนหาที่  รีบเก็บอาวุธเดี๋ยวนี้" ร่างมาพร้อมเสียง  หัวป้า หัวหน้ามือปราบของลี่เจียงปราดเข้ามาพร้อมรีบประสานมือคารวะ
   "องครักษ์ก๋วน ไม่ได้เจอกันนาน " หัวป้า หัวหน้ามือปราบของลี่เจียงมีอายุ40เศษๆ เท่าๆกับก๋วนผู  ทว่าระดับฝีมือห่างกันลิบลับ
แต่ด้วยประสบการณ์ในการเป็นมือปราบมานาน ย่อมทราบดีว่า หากก๋วนผูมายืนเฝ้าหน้าประตูเช่นนี้  คนที่อยู่ด้านใน
ย่อมต้องเป็นก๋วนเทียนเลี้ยง ประมุขน้อยแห่งป้อมมังกรทองแน่นอน   


    "เหอะ เหอะ มือปราบหัว ยังต้องการจะตรวจค้นห้องด้านในอีกหรือไม่" ก๋วนผู หันหน้ามาตอบหัวป้า  แม้ว่าจะไม่แยแส
กับฝีมือของหัวป้า แต่ถ้ามีเรื่องกับทหารของทางการก็จะต้องปวดหัวมิใช่น้อยเหมือนกัน
    "ไม่ตรวจ ไม่ตรวจ ย่อมไม่ต้องตรวจ ๆ" หัวป้ารีบตอบ แล้วพูดต่อ "ฝากองครักษ์ก๋วนคารวะประมุขน้อยแทนด้วย หัวป้าขออำลา"
จากนั้นหันมาพยักหน้ากับเหล่าทหารแล้วกลับออกไป


    "หัวหน้าหัว  องครักษ์ก๋วน ที่ท่านเรียกนั่น  หรือว่าจะเป็น...." นายกองเอ่ยถามหัวป้าหลังออกมาจากโรงเตี้ยม
    "มือโลหิต ก๋วนผู  องครักษ์ป้อมมังกรทอง" หัวป้าตอบเสียงเรียบๆ แต่ทำเอาทั้งทหารและนายกองสะดุ้งเฮือก
แค่คำป้อมมังกรทอง ก็เกินที่รับแล้ว นี่ยังเป็นระดับองครักษ์  ว่ากันว่าองครักษ์ทั้ง 5 ของป้องมังกรทอง
ฝีมือด้อยกว่าระดับเจ้าสำนักใหญ่ไม่มาก  อย่าว่าแต่คืนนี้จะพาทหารมาไม่ถึง 20   ถึงมากันเป็น 100 ก็ไม่รู้จะสะกิดอะไร
ก๋วนผูคนนี้ได้   แถมยังมีประมุขน้อยอะไรนั่นอีก - - ทำเอาพวกทหารตัวสั่นเหมือนไข้ขึ้นกันหมด นึกขอบคุณชะตาฟ้าดิน
ที่คืนนี้ไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่ขอบประตูยมโลก แล้วได้กลับมาอย่างมีชีวิต


  ...............................................................................................


   "เป็นอย่างไรบ้าง" ก๋วนเทียนเล้งถามขึ้นหลังก๋วนผูกลับเข้ามาในห้อง
   "ทางการกำลังตรวจค้นตามบ้านและโรงเตี้ยม  เหมือนกับว่าจะตามหาคน" ก๋วนผูรายงาน
   "ตรวจค้นแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญสิเนี่ย.." ก๋วนเทียนเล้งมีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะถามขึ้นอีกว่า
   "ยังไม่ได้ข่าวของแพทย์ปีศาจเพิ่มเติมเลยเหรอ"


    "ยังครับนายน้อย หายสาบสูญไป 3 วันแล้ว แต่เทียนซินไต้ซือเหมือนจะเข้าๆออกๆที่สำนักคุ้มกันตระกูลจางอยู่  "
คราวนี้ก๋วนซ่งเป็นคนตอบ  

     พอเอ่ยถึงสำนักคุ้มกันภัยตระกูลจาง ก๋วนเทียนเล้งก็อดนึกถึงจางซินถงไม่ได้  รูปร่างที่เปล่งปลั่งอวบอัด เต็มไปด้วยแรงดึงดูด
ผิวกายที่ขาวราวหิมะ ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่งามราวเทพธิดา  .....เห็นทีพรุ่งนี้หาเรื่องแวะไปเยี่ยมสำนักคุ้มกันภัยสักหน่อย
ให้หายคิดถึงท่าจะดี  แต่อีกใจก็อดนึกถึงสะคราญลี่เจียงอีกคนไม่ได้  อ๋องไต้อี้นั่นก็สวยไปอีกแบบใบหน้าสะคราญสวยใสแบบ
ไร้เดียงสา ดูซุกซนน่ารัก แต่ส่วนโค้งส่วนเว้ากลับไม่ธรรมดา ที่ควรนูนก็นูน ที่ควรเว้าก็เว้า  ขาเรียวยาวสวยนั่น ถ้าได้ลูบไล้มันจะ....
     ยิ่งคิดยิ่งเกิดความปรารถนา...   หรือจะไปที่จวนเจ้าเมืองก่อนดี   ประมุขน้อยแห่งป้อมมังกรทองชักลังเล


 ........................................................................................................


 สิ่งที่ก๋วนเทียนเล้งคิดนั่น ตอนนี้มีคนกำลังทำแทนอยู่ - -


  ยูอันแบกอ๋องไต้อี้เดินทางต่อ  แน่นอนว่า ยังเก็บค่าจ้างนำส่ง ไปด้วยตลอด
อดไม่ได้จริงๆที่จะลูบไล้ท่อนขาเรียวๆเต่งตึงของสาวสวย   ทำเอาอ๋องไต้อี้ปั่นป่วนไปหมด
ทีแรกก็ทั้งโมโห ทั้งโกรษ   แต่เนื่องจากขัดขืนอะไรไม่ได้ แถมยังสูดเอากลิ่นหงื่อของยูอันเข้าไปตลอดทาง
ทำเอาความต้องการทางเพศถูกกระตุ้นขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต   ยิ่งโดนมือร้อนๆแข็งแรงๆลูบไล้ต้นขาของตัวเอง
ตลอดทางแบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่ จากโมโหก็เริ่มไม่โมโหแล้ว  ยิ่งตอนนี้รู้แล้วว่าคนที่กำลังพาตนเองไปส่งบ้านคือ
เด็กรับใช้รูปร่างน่ามองคนนั้นนี่เอง  การที่ยูอันช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่งานเลี้ยงวันเกิดจางไท่  อ๋องไต้อี้เองก็ชื่นชมไม่น้อย
ไม่นึกว่าเด็กรับใช้ที่ไม่มีวรยุทธ  จะสามารถทำในสิ่งที่ยอดฝีมือตั้งหลายคนไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย


  "อุ๊ย !!" สาวสวยร้องในใจ เมื่อยูอันเริ่มเดินผ่านเข้าไปบริเวณน้ำตก จึงต้องก้าวขึ้นลง ตามโขดหินบ้าง
ทำเอาส่วนหน้าท้องของอ๋องไต้อี้ถูกกระแทกกระทั้นกับหัวไหล่ของยูอันขึ้นๆลงๆ
   เลี่ยงไม่ได้ที่ส่วนเนินสาวของอ๋องไต้อี้จะได้รับการกระตุ้น ทำเอาสาวสวยร้องโอย โอย ในใจ
ความรู้สึกเสียวที่เนินสาวบดเบียดกับหัวไหล่ ทำเอาสาวสวยปั่นป่วนไปหมด แรกๆก็ตกใจว่านี่มันคือความรู้สึกอะไร
แต่พอหายตกใจ ก็เริ่มรู้จักกับความเสียวแล้ว  บวกกับยูอันต้องกระชับมือจับต้นขาสาวสวยแน่นขึ้นช่วงที่ก้าวขึ้นๆลงๆ
ทำเอาอ๋องไต้อี้ อายตัวเองขึ้นมา ที่ดันรู้สึกดีที่ต้นขาโดนบีบแน่นขึ้น  แถมยังอยากให้ช่วงเดินผ่านน้ำตกนี่ มันยาวนานไปเรื่อยๆ


   เหมือนเค้าว่า ยิ่งเราอยากให้เวลาผ่านไปช้าๆ มันก็จะตรงกันข้าม 


ไม่ช้าก็เดินผ่านช่วงน้ำตก เข้าสู่ทางเดินเรียบๆ  อ๋องไต้อี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโล่งอก 
หรืออยากให้เกิดการกระแทกกระทั้นแบบนั้นอีก  
 .....................................................................................................


   เดินอีกไม่เท่าไหร่ ยูอันเห็นแสงไฟแว๊บๆอยู่ข้างหน้า  คล้ายๆกับนักเดินทางที่ก่อไฟแล้วพักแรมกลางป่า


ได้ยินเสียงคุยแว่วๆมาแต่ไกล น่าจะมีมากกว่า 1คน


   ยูอันลดฝีเท้าลง แล้วค่อยๆเดินอ้อมๆไปทางด้นที่มีต้นไม้และหญ้าสูงขึ้นอยู่  เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นนักเดินทางทั่วๆไป 
พรานป่า  หรืออาจจะเป็นพวกโจรก็ได้  ยิ่งตัวเองแบกสาวสวยบนบ่าแบบนี้ด้วย  คงยากจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ


   เสียงพูดคุยดังขึ้นมาเล็กน้อย หลังเข้าใกล้จุดที่มีการก่อกองไฟ ยูอันยิ่งระมัดระวัง ไม่ให้เท้าไปเหยียบโดนกิ่งไม้
แล้วหักส่งเสียงขึ้นมา  อ๋องไต้อี้เองก็เริ่มได้ยินเสียงสนทนาแล้วเช่นกัน


  "น้องสามดีขึ้นหรือไม่ ?" เสียงชายคนแรกถามไถ่ขึ้น  ยูอันมองไม่เห็นหน้าเนื่องจากมีต้นไม้บังสายตาอยู่
  "ถ้าจะให้หายดีคงต้องพักอีกสองสามวัน แต่หลังจากเดินลมปราณเมื่อครู่ ก็พอเดินเหินได้แล้วพี่ใหญ่"
อีกเสียงหนึ่งตอบขึ้นมา
   "เทวราชทรงพลังก็เกินไป  ตามท้าประลองกับน้องรองและน้องสามอยู่นั่น " เสียงชายคนแรกพูดขึ้นมา
ยูอันได้ยินถึงกับสะดุ้งเฮือก   เพราะรู้แล้วว่า มาเจอกับใครเข้า


    ที่แท้สองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหน มารกระบี่กับมารหัตถ์มรณะ ในสามมารคีเลี้ยงนั่นเอง
ซึ่งสามสี่วันนี้ ถูกเทวราชจอมพลังตามมาท้าประลองอยู่ไม่ขาด  สู้ๆหนีๆมาหลายวัน ทำเอาสะบักสะบอมไม่น้อย
มารกระบี่เองก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บที่ประลองกับเทียนซินไต้ซือ  และยังมีเทวราชร้อยพิษมายืนคุมอีก
ทำให้ได้แต่ยืนมองน้องร่วมสาบานทั้งสองปะทะกับเทวราชทรงพลัง


   สู้พลางหลบหนีพลาง พอดีกับชำนาญพื้นที่แถบบึงมังกรดำนี่มากกว่า จึงสลัดพ้นการติดตามของเทวราชทรงพลังมาได้
   "เป็นห่วงแต่พี่รอง  ไม่รู้จะสลัดหลุดสองเทวราชมาได้หรือไม่" มารหัตถ์มรณะหมายถึงมารเหินหาว 
ที่ล่อสองเทวราชไปอีกทาง
   ตอนนี้อ๋องไต้อี้ก็ทราบแล้วว่ายูอันแบกตัวเองมาเจอเอาพวกสามมารคีเลี้ยงเข้า  


   "น้องรองมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ  ถ้าเจตนาจะหลบหนียากที่ใครจะตามทัน ต่อให้สองเทวราชก็เถอะ"
มารกระบี่เอ่ยด้วยความมั่นใจไม่น้อย


    "ว่าแต่  เจ้าหนุ่ม จะแอบฟังอยู่ให้ยุงกัดทำไม มานั่งฟังใกล้ๆนี่ก็ได้ " เสียงมารกระบี่เอ่ยขึ้น
ยูอันได้ยินก็ร้อง ตายแน่ในใจ - - ใช่แล้วในนิยายจีนก็อ่านมาตั้งเยอะ ทำไมไม่จำ - -
เราเดินมาใกล้ขนาดนี้ ยอดฝีมือระดับนี้ จะไม่รู้ตัวได้ไง  ต้องถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา
แบกอ๋องไต้อี้ เดินเข้าไปช้าๆ 


    "คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสองท่าน  ผู้เยาว์ยูอัน แห่งสำนักคุ้มกันตระกูลจาง"  ยูอันทำใจดีสู้เสือ
แนะนำตัวพร้อมคารวะอย่างนอบน้อม  แล้ววางอ๋องไต้อี้ลงข้างๆตัว


   "สำนักคุ้มกันภัยตระกูลจางรับ คุ้มกัน หญิงสาวในชุดนอนด้วยรึไง" มารกระบี่เอ่ยเสียงราบเรียบ
ฟังไม่ออกว่าพูดด้วยอารมณ์เช่นไร


    "จะถามให้เสียเวลาทำไมพี่ใหญ่ สังหารทิ้งไปก็หมดเรื่อง" มารหัตถ์มรณะเอ่ยเสียงราบเรียบเช่นกัน
ทำเอายูอันใจหายวาบ  นึกถึงวีรกรรมในงานเลี้ยง  ที่มารหัตถ์มรณะสะบัดฝ่ามือสังหารชาวยุทธทิ้งเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักนิด
แล้วนี่เราจะรอดมั้ยเนี่ย สาธุ อาจารย์คนใดคนหนึ่งผ่านมาเจอด้วยเถอะ  แต่ก็ไม่มั่นใจว่าอาจารย์จะสู้พวกมารคีเลี้ยงนี่ได้รึเปล่า


   "เอ่อ... คือว่า..." ถึงยูอันจะฉลาดแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน
   "เจ้าหนุ่มนี่มันไม่มีวรยุทธ" มารกระบี่เอ่ยขึ้นมา ทำเอามารหัตถ์มรณะที่กำลังรักษาตัวเอง ต้องมองยูอันอีกรอบ
   "ใช่จริงๆด้วย " มารหัตถ์มรณะเอ่ยขึ้น  แล้วพูดต่อ "แต่ทำไมถึงแบกหญิงสาวเดินมาด้วยฝีเท้าเช่นนี้ได้"
ที่มารหัตถ์มรณะพูดก็ถูกต้อง ยูอันแบกคนบนไหล่แต่ยังมีฝีเท้าเบาเหมือนเดินตัวเปล่า  ทำให้ดูเผินๆเหมือนมีวรยุทธนั่นเอง


   "เหอะ เหอะ" มารหัตถ์มรณะหัวเราะเหมือนหงุดหงิด  เพราะสามมารคีเลี้ยง ถึงจะได้ชื่อนำหน้าว่า มาร 
แต่ก็ไม่ฆ่าคนไม่มีวรยุทธนั่นเอง


    "น้องรองมาแล้ว" มารกระบี่พูดไม่ทันขาดคำ ร่างของมารเหินหาวก็พริ้วเข้ามาถึงทันที 


มารเหินหาวขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็มองเห็นยูอันกับอ๋องไต้อี้ที่นอนฟุบหน้าอยู่  พอดูก็รู้ว่าอ๋องไต้อี้ถูกจี้สกัดจุด
และยูอันไม่มีวรยุทธ  จึงหันไปมองมารกระบี่ เหมือนถามว่านี่มันอะไรกัน


    "เป็นอย่างไรบ้าง" มารกระบี่เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าให้พูดได้ ไม่ต้องสนใจเด็กสองคนนั่นอะไรแบบนั้น


มารเหินหาวเดินมานั่งข้างๆมารหัตถ์มรณะ แล้วตอบว่า


    "น่าหงุดหงิดนัก  กว่าจะสลัดเจ้าสองเทวราชนั่นได้ ต้องวิ่งไปๆมาๆเกือบทั้งคืน"
    "ลำบากพี่รองแล้ว" มารหัตถ์มรณะเอ่ยขึ้น  จากนั้นมารเหินหาวพูดต่อว่า
    "ที่แท้เรื่องที่เทวราชทรงพลังมาท้าประลองพวกเรา เกิดจากฝีมือของเจ้าเด็กรับใช้สำนักคุ้มกันภัยก่อขึ้น"


ยูอันสะดุ้งเฮือกอีกรอบ  ต้องร้องในใจ ชีวิตหนอชีวิต -*-

    จากนั้นมารเหินหาวก็เล่าเหตุการณ์ที่ไปสืบข่าวมาให้ฟัง ว่าหลังจากทั้งสามออกมาจากงานเลี้ยงแล้วเกิดอะไรขึ้น


ยูอันได้แต่โอมเพี้ยงๆในใจว่า มารเหินหาว จะไม่ได้ถามมาว่า เด็กรับใช้คนนั้น ชื่อว่าอะไร - -


    "เด็กรับใช้ ในสำนักคุ้มกันตระกูลจางงั้นเหรอ..." มารกระบี่หันมาทางยูอัน ทำเอายูอันต้องฝืนยิ้มแห้งๆ - -
    "เด็กรับใช้คนนั้นมันชื่ออะไร" มารกระบี่ถามขึ้นมา แน่นอนว่าถามมารเหินหาว แต่ตายังมองมายังยูอันเขม็ง

    "ยูอัน เจ้าเด็กนั่นชื่อยูอัน" มารเหินหาวตอบ  ยูอันเหมือนอยากจะร้องไห้จริงๆตอนนี้


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
[backcolor=#cccccc]คุยกันท้ายตอน [/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]      ไม่รู้ว่าสังเกตุกันรึเปล่า ผมจะใช้ +++++++++++++++++++ ปิดท้ายของแต่ละตอน[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]ผู้อ่านจะได้รู้ว่า นี่มันจบตอนจริงๆ *-* ทำไมมันจบห้วนๆ จบตอนจริงป่าวอะไรแบบนั้น [/backcolor]
[backcolor=#cccccc] [/backcolor]
[backcolor=#cccccc]       พอเขียนจบตอนนี้ ก็หิวขึ้นมาตะหงิดๆ ขอพักกินอะไรสักนิด เดี๋ยวมาเขียนตอน 17 ต่อเลย[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]แล้วรอพบกับ เจาะเวลาหาฉิมพลี(ภาคยุทธจักร) ตอนที่ 17 คู่หมั้นจำเป็น  เร็วๆนี้ครับ *-*[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]
[/backcolor]
[backcolor=#cccccc]                                             ยู[/backcolor]















เพจของแฟนเจาะเวลาหาฉิมพลี facebook.com/Yuuann2559