ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Koy บทสรุปที่ยังจบไม่ลง โดยท่าน ukisa

เริ่มโดย ppp44, มีนาคม 01, 2012, 09:55:27 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ppp44

   Normal  0          false  false  false    EN-US  X-NONE  TH                                          MicrosoftInternetExplorer4                                                                                                                                                                                                                                                                                                                        
Ukisa Koy บทสรุปที่ยังจบไม่ลง
  มี คนเคยพูดว่า  ช่วงเวลาแห่งความสุขมันมักจะสั้น และการที่เราอโหสิกรรมให้ใครซักคนไม่ได้แปลว่าคนคนนั้นจะหายแค้นเรา  เหมือนกับคำที่ว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง
  
          มันก็คงเหมือนชีวิตของผม ช่วงเวลาที่มีความสุขและเหมือนทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีมันก็หยุดลงดื้อๆ  เรื่องมันเริ่มจากเที่ยงวันหนึ่งที่มีลูกค้าแน่นร้านเหมือนทุกวัน
  
          "นี่น้องเอาอะไรมาให้กินเนี่ย  ไปตามเจ้าของร้านมาเลย" ชายวัยรุ่นส่งเสียงดัง
          ผมเลยต้องรีบเข้าไปดู
          "มีอะไรกันครับ"
          "เจ้าของร้านหรอ  ดูซิในจานนี้มีแมลงสาปอยู่ด้วย ที่นี่เค้าใส่แมลงสาปให้ลูกค้ากินหรอ" ชายวัยรุ่นพูด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
          "ผมว่าเข้าใจผิดกันมั้งครับ  ที่ร้านผมไม่มีแมลงสาปหรอกครับ"
          "ไม่มีแล้วมันจะมาอยู่ในจานนี่ได้ไง  หรือมึงจะบอกว่าพวกกูเอามาใส่เอง" วัยรุ่นอีกคนพูดเสียงดังจนโต๊ะอื่นๆ  หันมามอง
          "ผมว่าคงเข้าใจผิดกัน  เดี๋ยวผมจะให้ในครัวทำให้ใหม่นะครับ" ผมพยายามจะไม่มีเรื่องทั้งๆ  ที่รู้ว่าโดนวัยรุ่นโต๊ะนี้มาหาเรื่องแน่ๆ แล้วแมลงสาปนั้นเด็กพวกนี้ต้องเป็นคนเอามาใส่จานเองแน่ๆ  แต่ไม่มีหลักฐาน
          "อะไรวะ  มึงยังจะให้พวกกูกินต่ออีกหรอ ที่นี่มันยังไงวะให้ลูกค้ากินแมลงสาป"
  
          คราวนี้คนทั้งร้านหยุดกินแล้วหันมามองที่โต๊ะนี้แล้ว  ผมเองไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน แต่แล้วก็มีคนมาช่วยผมไว้
  
          "เฮ้ยน้อง  พี่เห็นน้องหยิบอะไรในเป้น้องใส่จาน พี่ขอดูเป้น้องหน่อยได้ไหม" พี่เสือ
  
          พี่เสือท่าทางเหมือนหัวหน้า รปภ ผมเดาเอาจากที่แกใส่ชุดซาฟารีมาที่ร้านทุกครั้ง  ซึ่งพี่เสือจะมาซื้อกับข้าวให้พนักงานที่บริษัททุกวัน
  
          "เฮ้ยจะทำอะไรวะ" เด็กวันรุ่นร้องเพราะโดนพี่เสือหักข้อมือแล้วล้วงเข้าไปในเป้ของมัน
  
          พี่เสือหยิบถุงพลาสติกออกมา  ข้างในมีแมลงเต็มถุง
  
          "อ้าวน้องทำไมน้องมีแมลงสาปใส่ถุงมาด้วยหละ  หรือว่าน้องชอบเอามากินแกล้มข้าว แบบนี้สงสัยต้องไปคุยกันต่อที่โรงพักแล้วมั้ง"
  
          พวกเด็กวัยรุ่นเห็นท่าไม่ดีพยายามจะหนีแต่พี่เสือก็ล๊อกคอไว้คนนึง  ส่วนอีกคนก็จับแขนไว้ แต่เหมือนมีพวกมันรอดูลาดราวอยู่หน้าร้านมันก็โยนอะไรบ้างอย่างเข้ามาพร้อม  กับตะโกนว่าระเบิด คนทั้งร้านแตกตื่น พี่เสือเองก็ปล่อยมือจากไอ้วัยรุ่นทั้งสองคนแล้วตรงมาเตะระเบิดกลับออกไปนอก  ร้าน แต่มันเป็นแค่ระเบิดปลอม พวกวัยรุ่นอาศัยช่วงชุนละมุนหนีไปได้
  
          เหตการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าทั้งร้านตกใจและและเรียกให้ผมเก็บเงินไม่  กล้าที่จะทานต่อ ผมเห็นว่าท่าทางจะไม่ดีเลยไม่เก็บเงินลูกค้าทั้งร้านเพื่อไม่ให้ลูกค้าตกใจ  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะวันรุ่งขึ้นก็แทบจะไม่มีคนกล้ามากินอาหารที่ ร้านหนำซ้ำยังโดนวัยรุ่นพวกเดิมแกล้งมาโยนระเบิดปลอมใส่อีก
  
          ทำให้วันต่อมาไม่มีใครกล้ามานั่งที่ร้านอีกเลยมีแต่พี่เสือที่ยังมาซื้อกับข้าวเหมือนทุกวัน
  
          "คนหายหมดเลยนะ คงกลัวกัน"
          "ครับพี่  คงไม่กล้ามากันใครจะอยากมาเสี่ยงจริงไหมครับ แล้วพี่หละทำไมถึงยังกล้ามาอีก"
          "โถ น้อง ไอ้พวกนั้นมันแค่เด็กจ้างมา  มันไม่มีหรอกระบงระเบิด ถ้ามีมันโยนของจริงมาแล้ว แล้วนี่ตำรวจว่าไงบ้าง"
          "เค้าก็บอกว่าจะตามจับให้ได้แล้วก็ส่งคนมาดูบ้าง  แต่ไอ้พวกนั้นมันก็เหมือนจะรู้ครับ พอตำรวจมาตรวจมันก็ไม่มากวน พอตำรวจไปปุ๊บมันก็มากวนทันที"
          [    post]"แล้วน้องคิดว่าใครทำ  น้องมีคนแค้นเยอะหรอ"
          "ผมก็ไม่รู้ครับ  คนที่แค้นเคยมีแต่ตอนนี้ผมเป็นแค่พ่อค้า เค้าคงไม่คิดอยากจะทำอะไรผมแล้วมั้ง"
          "แน่ใจหรอน้อง ยิ่งน้องทำตัวเป็นคนธรรมดามันก็ยิ่งแก้แค้นได้ง่ายขึ้นนะ  เราอโหสิให้มันแต่มันไม่อโหสิให้เรามันก็ไม่มีประโยชน์นะ"
          "ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงครับพี่  ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีอะไรจะไปสู้เค้าได้ แค่อยากจะอยู่อย่างสงบก็ยังไม่ได้เลย"
          "แล้วน้องจะเอาไงเนี่ย  พี่ว่าพวกมันคงไม่เลิกง่ายๆ"
          "ผมยังคิดไม่ออกเลยพี่"
          "มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ  พี่พอจะคนวงในหาตัวไอ้พวกนั้นให้ได้นะ"
          "ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไปตามจับพวกมันคนที่ตั้งใจแกล้งผมเค้าจะยิ่งโกรธ  ถ้าปล่อยไปแบบนี้ไม่แน่อีกซักพักเค้าอาจจะเลิกไปเองก็ได้"
          "อืม พี่เอาใจช่วยแล้วกัน"
  
          แต่มันก็ไม่ดีขึ้นผมเปิดร้านโดยแทบไม่มีคนเข้าร้านเกือบสองอาทิตย์จนผมหมดหวัง
  
          "คงไม่ไหวจริงๆ แล้วละมั้ง" ผมบอกกับหงส์กับเจน
          "ลองดูอีกนิดเถอะค่ะ  ถึงคนจะไม่ค่อยเข้าร้าน แต่คนที่เข้าร้านเฮียก็ยังสั่งข้าวร้านเราอยู่นะค่ะ"  เจน
          "แต่มันก็ไม่พอค่าใช้จ่ายนะเจน"
          "ลองดูอีกสักอาทิตย์ก่อนไหมค่ะ"  เจน
          "พอแล้วหละ  พี่คิดว่าจะเปิดร้านนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว"
  
          หงส์กับเจนทำหน้าเศร้า แต่ผมก็คิดแล้วว่าเปิดร้านต่อไปก็ไม่มีประโยชน์  ยิ่งเปิดเงินเก็บก็ยิ่งลดลงเลิกตอนนี้ยังพอมีเงินจ่ายล่วงหน้าให้ลูกจ้าง บ้าง หลังจากปิดร้านผมก็คิดว่าจะขายรถกระบะทิ้งเอาเงินเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่าย  ระหว่างยังหางานทำไม่ได้ ระหว่างที่ผมกำลังคิดพี่เสือก็มาซื้อกับข้าวพอดี
  
          "สวัสดีครับพี่"
          "คนเงียบเหมือนเดิมนะ"
          "ครับพี่ อ้อพี่วันนี้ฟรีนะ  สั่งเต็มที่เลย"
          "ทำไมหละ ฉลองอะไรหรอ"
          "ไม่ได้ฉลองอะไรหรอกพี่  แต่วันนี้ผมเปิดเป็นวันสุดท้ายแล้ว"
          "อ้าวทำไมหละ"
          "ผมคงเปิดต่อไปไม่ไหวแล้ว  ยิ่งเปิดก็ยิ่งเข้าเนื้อ  เลิกตอนนี้ยังพอมีเงินให้ลูกจ้างเอาไว้ไปหางานใหม่ทำบ้าง"
          "บีนี่เป็นคนดีจริงๆ นะ ขนาดตัวเองขาดทุนแล้วยังคิดถึงลูกจ้างก่อนอีก  น่าเสียดายนะลูกน้องเก่าๆ นะที่บีผันตัวเองมาเป็นแค่พ่อค้าธรรมดาแบบนี้"
          ผมงงนิดหน่อยพี่เสือพูดเหมือนรู้ว่าเมื่อก่อนผมเป็นใคร  แต่แกคงไม่รู้จักผมหรอกแกคงพูดไปตามที่แกคิดเอามากกว่า
          "คงไม่ขนาดนั้นหรอกครับ  พี่สั่งเต็มที่เลยนะครับ เผื่อของพี่เองด้วย จะเอาไว้กินตอนเย็นต่อก็ได้ยังไงของสดที่ซื้อมาไม่ลูกค้าแบบนี้มันก็ต้อง  ทิ้งอยู่แล้ว"
  
          แล้วผมก็ปิดร้านลงในวันนี้ผมให้เงินเดือนลูกจ้างเดือนนี้และบวกเดือนหน้าอีกหนึ่งเดือนเพื่อให้มีเวลาหางานใหม่ทำกัน
  
          วันนี้ระหว่างทานข้าวเย็น  ถึงผมจะกินไม่ลงแต่ก็พยายามทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
  
          "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  พี่บีกลับไปทำงานออฟฟิตเหมือนเดิมก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตื่นเช้าๆ" ก้อย
          "นั่นซินะ ส่วนหงส์ไม่ต้องกลัวนะ พี่ยังให้เงินเดือนหงส์เหมือนเดิมจะได้มีเงินส่งทางบ้าง  อืมไม่มีว่าอะไรใช่ไหม" ผมถามความเห็นสาวๆ
          "ไม่ค่ะ" ทุกคนเห็นตรงกัน
          "ต่อไปแนนจะนั่งรถเมลไปมหาลัยจะได้ไม่เปลือง"  แนน
          "ยูกิซังเอาเงินเดือนเอริกะมาใช้ด้วยนะ"  เอริกะจังพูดภาษาไทยยังไม่คล่องเลยเรียงประโยคไม่ค่อยถูก
          "ไม่ต้องหรอก  แนนขับรถไปมหาลัยเหมือนเดิมนั่นแหละ ส่วนเอริกะจังก็ไม่ต้องช่วยทางบ้านหรอก  พี่ยังมีเงินอีกเยอะ เดี๋ยวพี่ก็ได้งานทำใหม่แล้วไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
  
          ผมฝืนใจพูดทั้งๆ ที่ความจริงเงินเก็บและเงินที่ได้มาก็หมดไปกับบ้านและร้านแทบจะไม่เหลือแล้ว  ถึงช่วงแรกๆ ร้านจะได้กำไรเยอะ แต่พอไม่มีลูกค้าติดต่อกันหลายๆ อาทิตย์มันก็กระเทือนเงินเก็บเหมือนกัน  ถ้าผมไม่ได้งานภายในเดือนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ
  
          หลังจากนั้นผมก็พยายามหางานแต่ก็ไม่ได้ซักที  ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ดูเหมือนจะมีคนสั่งไว้ว่าไม่ให้รับผม ทั้งๆ ที่บริษัทที่ผมไปมันก็ไม่ใช่ของคุณอำนาจ  ผ่านไปอีกอาทิตย์ถึงจะปากแข็งบอกให้เมียๆ ผมทำตัวเหมือนเดิม แต่ตอนนี้แนนก็ไปมหาลัยด้วยรถเมลแล้ว  ส่วนหงส์ก็พยายามหางานทำ
  
          สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวผมเริ่มแย่ลงแต่ก็ไม่มีใครบ่น  เราพยายามประหยัดกันให้มากที่สุด แม้แต่เจ้าริวเองก็ยังโดนแนนตีเวลามันเห่าจะกินของที่เข็นผ่านหน้าบ้าน  แม้แต่หมาที่มาอยู่กับผมยังพลอยลำบากไปด้วยหรอเนี่ย ผมรู้สึกแย่แต่ก็พยายามไม่แสดงออกให้ทุกคนเห็น
  
          แล้วก็มีเรื่องทำให้ผมตกใจ เย็นวันนี้หลังจากเดินหางานทั้งวันผมก็แวะหาเอริกะจังที่อู่  แต่เจ้าของอู่บอกผมว่ามีคนมาหาแล้วเอริกะจังก็ขอเลิกงานก่อนเวลาไปกับคนคน นั้น  ผมคิดว่าอาจจะเป็นแนนมั้งเลยเดินกลับบ้าน ซึ่งเอริกะจังก็รอผมอยู่ที่บ้าน
  
          "ยูกิซัง เอริกะ คิดถึงบ้านค่ะ"
          "คิดถึงบ้านหรอ  เอริกะจังอยากกลับญี่ปุ่นหรอ"
          "ค่ะ เอริกะอยากกลับไปบ้าน"
          "ก็เอาซิ เดี๋ยวผมซื้อตั๋วให้นะ"
          "ไม่เป็นไรค่ะ เอริกะจังซื้อเอง  ยูกิซังไม่ต้องซื้อให้หรอกค่ะ"
          "งั้นหรอ แล้วจะไปนานแค่ไหน"
          "ค่ะ คง สองสามอาทิตย์ค่ะ"
          "อืมก็ดีนะ  กลับไปญี่ปุ่นให้สบายใจแล้วค่อยกลับมาก็ได้  ถึงตอนนั้นผมคงได้งานทำแล้วทุกอย่างคงกลับมาเหมือนเดิมแล้ว"
          "ค่ะ"
  
          ผมไม่คิดว่าเอริกะจังจะรีบกลับขนาดที่วันรุ่งขึ้นเธอก็เก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย  ผมไปส่งเธอที่สนามบิน
  
          "อยากกลับมาก็โทรมาบอกนะ  ผมจะซื้อตั๋วให้"
          เอริกะจังไม่ตอบแต่กอดผมแล้วก็ร้องไห้
          "ร้องไห้ทำไมหละ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว  กลับมาคราวหน้าเราแต่งงานกันนะ เอริกะจังจะได้เป็นคนไทยไม่ต้องต่อวีซ่าอีก"
          เอริกะจังได้ฟังก็ยิ่งร้องไห้และกอดผมแน่นชึ้นอีก  ถึงผมจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็พยายามไม่คิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเธอ
  
          เอริกะจังอยู่กับผมจนนาทีสุดท้ายถึงจะจากไปขึ้นเครื่อง  ผมยังคงพูดเรื่องให้เธอกลับมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าเอริกะจังไม่คิดที่จะกลับมา หาผมอีกแล้ว  หลังจากที่เอริกะจังจากไป ตัวตนที่ผมพยายามสร้างคลอบตัวเองไว้ไม่ให้ใครรู้ว่าผมรู้สึกแย่แค่ไหนมันก็  เริ่มปริ
  
          แล้วสองวันต่อมาเจนก็ต้องกลับไปออสเตเรียถึงผมจะรู้ว่าเจนไม่ได้อยากจากผมไป  แต่ไปด้วยความจำเป็นแต่มันก็ทำให้รอยปริเริ่มแตกออกมากขึ้น
  
          "เจนไม่อยากไปเลย"
          "ไม่เป็นไรหรอกนะ  กลับไปเรียนให้จบแล้วค่อยกลับมานะ"
          "เจนอยากอยู่กับพี่บี  ทุกครั้งที่พี่บีมีปัญหาเจนไม่เคยได้มีโอกาสได้อยู่ด้วยเลย"
          "ก็ดีแล้วนี่  แบบนี้เจนก็เป็นนางฟ้าแห่งโชคดีของพี่  พี่ถึงได้มีความสุขและโชคดีทุกครั้งที่ได้เจอกับเจน"
          "แต่เจนไม่อยากกลับไปแล้วเจนอยากอยู่กับพี่บี"
          "ไม่เอานะ กลับไปเรียนนะแล้วรีบเรียนให้จบเราจะได้เจอกันอีกพี่จะได้โชคดีอีกไง"
  
          แล้วเจนก็จากไปตอนนี้ทั้งบ้านมีแค่แนน  หงส์ และเจ้าริว ส่วนก้อยกับไปอยู่บ้านและจะมาค้างแค่วันหยุดเหมือนเมื่อก่อน แต่วันนี้หงส์กลับจากไปหางานช้าผิดปรกติ  ผมกับแนนนั่งรถกินข้าวเย็นกันจนดึก ผมรู้สึกว่ามันผิดปรกติเลยลองกดโทรศัพท์หาหงส์ดูแต่หงส์ก็ไม่รับสาย
  
          แล้วก็เหมือนผมจะรู้ตัว  ผมเดินขึ้นไปที่ห้องนอน โดยที่แนนเดินตามมาห่างๆ ผมเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีเสื้อผ้าหงส์อยู่ซักชิ้น  นี่หงส์จากผมไปอีกคนหรอ ถึงต้องนี้ใบหน้าที่สร้างขึ้นมาปกปิดความเศร้าและหดหู่ก็แตกดังโพละ
  
          "แนนไปกินข้าวเถอะ  กินเสร็จแล้วจะกลับไปอยู่ที่คอนโดก็ได้นะ ปล่อยพี่ไว้ที่นี่คนเดียวเถอะ"
  
          แนนหน้าเสียกับคำพูดที่ไร้อารมณ์ของผม  จากนั้นก็วิ่งออกไปจากห้อง พอไม่มีใครผมก็เริ่มคิด นี่ตัวผมมันไม่เอาไหนจริงๆ สุดท้ายแล้วก็ดูแลใครไม่ได้เลยซักคน  แม้แต่ตัวเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอดสมแล้วที่เอริกะจังทิ้งไป ต่อมาก็เป็นหงส์แล้วต่อไปจะเป็นใครหละ  แนน ก้อย เจน ระหว่างที่ผมอยู่ก็มีโทรศัพท์เข้ามา  ผมเห็นเป็นเบอร์ของหงส์ก็เลยรับสาย
  
          "หงส์หรอ"
          "ไม่ใช่กูเอง"
          "คุณอำนาจหรอ"
          "เออ  เป็นอะไรทำเสียงเหมือนกำลังจะตายเลยนะมึง"
          "หงส์อยู่ไหน ผมจะไปรับหงส์"
          "หงส์อยู่กับกู  แต่เค้าไม่อยากเจอมึงแล้วมึงไม่ต้องมาให้เสียเวลา"
          "ผมขอคุยกับหงส์หน่อย"
          "หนูหงส์เค้าไม่อยากคุยกับมึงแล้ว แล้วตอนนี้เค้าก็รับปากจะแต่งกับไอ้รุชแล้ว  ต่อไปมึงไม่ต้องยุ่งกับเค้าแล้วเข้าไหม"
          "คุณอำนาจอย่ามาโกหกเลย  หงส์ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก"
          "ไม่เชื่อก็เรื่องของมึงกูโทรมาบอกแค่นี้มึงไม่ต้องออกตามหาหงส์ให้เหนื่อยเพราะหายังไงมึงก็ไม่มีทางหาเจอ"
  
          จากนั้นคุณอำนาจก็วางสายไป  และก็มีอีกสายโทรเข้ามาผมยกโทรศัพท์ขึ้นรับโดยที่ไม่ได้ดูว่าเป็นเบอร์ของใคร
  
          "ไอ้บีหรอ"
          "ครับ"
          "เป็นอะไรของมึงเนี่ย  ทำเสียงเหมือนคนใกล้ตาย"
          "พี่มีอะไรหรอครับ"
          "พรุ่งนี้มึงมาเจอกูหน่อยกูมีเรื่องจะคุยด้วย"
          "ผมไม่ว่าง ผมต้องหางานทำ"
          "มึงพูดเหมือนคนซักกะตายแบบนี้ไปสมัครงานที่ไหนเค้าจะรับวะ"
          "แต่ผมก็ต้องหาแหละพี่  ไม่หาผมคงได้ตายจริงๆ แน่"
          "งั้นมึงก็มาหากูก่อนกูมีเรื่องจะคุยก่อนที่มึงจะตาย"
          "เรื่องอะไรครับ"
          "ก็เรื่องหนูหงส์ไง"
          "ผมรู้แล้วครับ  หงส์เค้าเลือกทางที่ถูกแล้วผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว"
          "อะไรของมึงเนี่ยทำเหมือนคนไม่มีหัวใจหยั่งงั้นแหละ  มานะเจอกันที่ร้านอาหารจีน"
         
          ร้านอาหารจีนร้านที่เจอหงส์เป็นครั้งแรกหนะหรอ  ผมจะไปให้ช้ำใจทำไม ในขณะที่ผมเริ่มนั่งเหม่อในหัวเริ่มว่างเปล่าก็มีคนมาเขย่าตัวผม
  
          "พี่บีเป็นอะไรไปค่ะ  พี่บีได้ยินก้อยไหม" ก้อย
          "อ้าวก้อยหรอ"
          "พี่บีเป็นอะไรไปทำไมไม่ยอมทานข้าวหละ"
          "ก้อยมาก็ดีแล้ว แนนหละ"
          "แนน แนน" ก้อยหันไปเรียกแนน
          "ค่ะ" แนนเดินมาใกล้
          "มาพร้อมกันก็ดีแล้ว  พี่คงดูแลเราสองคนไม่ได้แล้วนะ ก้อยยังสาวคงหาแฟนใหม่ได้ไม่ยาก ส่วนแนน ถ้าหาหอใหม่ไม่ได้ไปอยู่ที่คอนโดพี่ก็ได้พี่ยกให้  แล้วก็ลืมไปซะว่าเราเคยอยู่ด้วยกัน"
          "ทำไมพี่บีพูดแบบนี้" ก้อย
          "ก็ไม่เห็นจะแปลกเลย  เอริกะจังก็ทิ้งพี่ไปแล้ว ต่อมาก็เจน วันนี้ก็หงส์ พรุ่งนี้ใครจะไปอีกหละ  พี่คงรับไม่ไหวแล้วหละ ถ้าจะไปก็กันซะวันนี้เลยพี่จะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงว่าก้อยกับแนนหายไปไหน"  ผมฝืนยิ้มแต่ก็รู้ตัวเองคงทำหน้าเหมือนคนไร้ความรู้สึก
          ก้อยกับแนนได้ฟังที่ผมพูดก็ร้องไห้
          "จะร้องทำไม  ก้อยตอนนี้เป็นผู้จัดการแล้วนะ เรื่องจะหาแฟนคงไม่ยาก  อยู่กับพี่ต่อไปจะยิ่งลำบาก ไปซะตอนนี้ยังทันนะ"
         
          เพี๊ยะก้อยตบหน้าผมก่อนจะวิ่งออกจากห้องแล้วขับรถกลับบ้านไปเหลือแต่แนนที่  ยังไม่ยอมไปไหนแต่ก็พยายามอยู่ห่างผมไม่ยอมเข้าใกล้ ผมเดินเข้าไปหาเพื่อที่จะบอกให้แนนไปอีกคนแต่แนนก็เดินหนีไม่ยอมฟัง  ผมเลยกลับมานอนที่ห้องคนเดียว ผมนอนไม่หลับในหัวว่างเปล่าจนถึงเช้า
  
          พอเช้าผมก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปตามสัญชาติญาณ  มีข้าวเช้าเตรียมไว้ให้แต่ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกินแล้วผมก็ออกไปหางานทำโดย ที่ในหัวว่างเปล่าผมไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อใคร  แต่ถ้าไม่ทำผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเหมือนกัน แล้วผลก็เหมือนเดิม ดูเหมือนจะไม่มีใครอยากรับผมเข้าทำงาน
  
          ผมเดินหางานทำอยู่จนใกล้เที่ยง  พอท้องหิวสติก็กลับคืนมา ผมมองดูร้านอาหารที่เมื่อก่อนเดินเข้าออกจนเบื่อ แต่ตอนนี้กลับคิดว่าถ้าจะเอาเงินไปกินของแพงแบบนี้สู้เอาไว้กินข้าวพร้อม  หน้าพร้อมกับกับก้อยกับแนนดีกว่า แล้วผมก็กลืนน้ำลายแล้วเดินหาร้านที่มันราคาสมฐานนะคนจนอย่างผมดีกว่า
  
          มีโทรศัพท์พี่คมเข้ามาตามให้ผมไปหา  ผมไม่อยากไปแต่ก็ทนพี่คมตื้อไม่ไหวเลยยอมไปหา
  
          "ยอมมาแล้วหรอมึง  กินก่อนซิแล้วค่อยคุยกัน"
          ตรงหน้ามีของกินมากมาย  ผมรู้สึกหิวจนท้องกิ่วแต่ก็กินไม่ได้
          "ผมยังไม่หิว  พี่มีอะไรจะคุยก็พูดมาเลยดีกว่าครับ"
          "ก็เรื่องหนูหงส์"
          "มีอะไรนอกจากหงส์เปลี่ยนใจจะไปแต่งงานกับคุณรุชอีกหรือครับ"
          "มึงนี่โง่หรือแกล้งโง่หรือวะ"
          "ที่ผมพูดมันไม่ถูกหรอครับ"
          "มันไม่ถูกโว้ย  มึงคิดว่าแฟนมึงแต่ละคนทิ้งไปเพราะมึงจนลงซินะ"
          "ก็มันจริงไม่ใช่หรอครับ  ก็ผมไม่มีปัญญาจะเลี้ยงพวกเธอ พวกเธอจะทิ้งผมไปมันก็ไม่แปลก  และผมก็ไม่ได้โกรธพวกเธอหรอกนะครับ"
          "ไอ้บ้า  เอริกะจังกับหนูหงส์เค้าทำเพื่อมึงนะ นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกหรอ"
          "มันจะเป็นไปได้ยังไงหละครับ"
          "นี่แกยังไม่เข้าใจอีกหรอ  ถ้าหนูหงส์ไปรับปากพี่อำนาจตอนที่เอริกะจังยังอยู่มึงคงไม่ยอมใช่ไหม"
          "ใช่ครับ เพราถ้าผมมีเอริกะจัง  ผมก็ต้องมีหงส์อยู่ด้วย"
          "ที่นี้เข้าใจหรือยัง"
          "พี่จะบอกว่าเอริกะจังกลับญี่ปุ่นไปเพื่อให้หงส์ได้ไปแต่งงานกับรุชงั้นหรอ  แต่แบบนี้มันไม่เห็นจะมีผลดีอะไรกับผมเลยนี่"
          "เออใช่เอริกะจังกับหงส์ไม่ได้ทำเพื่อมึงหรอก  แต่เค้าทำเพื่อเมียมึงอีกสามคนต่างหาก"
          "ยังไงครับ ช่วยให้คนจนๆ  อย่างผมมีปัญญาเลี้ยงเมียสามคนไหวหรอ จากเดิมที่มีห้าคนแล้วเลี้ยงไม่ไหว"
          "นี่มึงจะโง่ไปถึงไหน  เอริกะจังกับหงส์เค้าเสียสละเพื่อให้แกกลับมาเป็นคนเดิม และดูแลปกป้องเมียๆ  แกได้เหมือนเดิม"
          "ผมไม่ต้องการ เค้าเคยถามผมไหมว่าผมต้องการจะกลับไปเป็นเหมือนเก่าหรือเปล่า  เป็นแบบนี้ผมก็สบายดีแล้วชีวิตไม่ต้องวุ่นวาย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาคิดร้ายกับคนจนๆ  อย่างผม"
          "แล้วไอ้ที่เป็นตอนนี้มันอะไรวะ  แกคิดว่าไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไง"
          "ครับมันอาจจะไม่บังเอิญ  แต่เดี๋ยวคนที่ทำเค้าคงเบื่อไปเอง เค้าคงคิดได้เองว่าทำอะไรกับคนจนๆ  แบบผมไปมันก็ไม่ได้อะไรเสียเวลาเปล่า"
          "เออ เดี๋ยวนี้แกเป็นแบบนี้เองหรอ  สุดท้ายคนอย่างแกก็เป็นได้แค่ผู้ชายขี้ขลาด"
          "ขี้ขลาด"
          "ใช่ขี้ขลาด"
          "ผมหนะหรอขี้ขลาด  ผมยอมทิ้งทุกอย่างโดยไม่ได้กลัวอะไร เพื่อคนที่ผมรัก  แบบนี้ยังเรียกว่าขี้ขลาดอีกหรอ"
          "ถ้าแกจะคิดว่าการกระทำของแกมันเสียสละเป็นลูกผู้ชายมันเรื่องของแก  แต่กูคิดว่าการที่แกทิ้งทุกอย่างก็เพราะแกกลัว"
          "กลัว ผมจะกลัวอะไร"
          "กลัวที่จะต้องปกป้องเมียๆ แกไง แกกลัวว่าเรื่องขัดแย้งมันจะพาความเดือดร้อนมาให้แก  แกเลยเลือกที่จะทิ้งทุกอย่าง และไม่ต้องคอยปกป้องเมียๆ ของแกอีก"
          "ไม่จริง ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น"
          "ทำไมจะไม่จริงวะบี ตอนนี้สภาพมึงไม่มีทางปกป้องใครได้เลยแม้แต่ตัวมึงเอง  ตอนนี้มีคนยอมเสียสละจนมึงกลับมาปกป้องคนอื่นได้ แต่มึงก็ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวจนไม่ยอมรับมันไว้"
          "อยู่แบบนี้ผมก็ปกป้องเมียๆ ผมได้"
          "ได้ยังไงวะ  มึงคิดว่าที่มึงหางานทำไม่ได้ตอนนี้มันเพราะใคร แล้วมึงคิดว่ามันจะยอมจบแค่นี้หรอ  หรือมึงคิดว่าจะใช้วิธีไล่เมียมึงไปซะ มึงจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ  จะเอาแบบนี้ใช่ไหม"
          "ถ้าก้อยแนนเจนไปจากผมซะ  มันก็คงไม่สนใจพวกเธอ แล้วหันมาเล่นงานผมคนเดียว"
          "กูว่ามันไม่เป็นงั้นหรอมึงก็น่าจะรู้  หรือว่ามึงต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นก่อนมึงถึงจะยอมเชื่อที่กูพูด"
          ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าการไล่ก้อยแนนเจนไปไอ้วิบูลย์มันก็คงยิ่งชอบใจแล้วตามไปทำร้ายพวกเธออยู่ดี
          "มึงเริ่มตาสว่างแล้วใช่ไหม  ต่อให้มึงเลิกกับเมียทุกคน มันก็ไม่ได้แปลว่าเมียมึงจะปลอดภัย ตอนนี้ทางเดียวที่มึงจะปกป้องเมียๆ  ของมึงได้ก็คือมึงต้องกลับไปเป็นคนเดิมเท่านั้น"
          "แต่ผม"
          "เฮ้ยกูขอหละ  ทิ้งศักดิ์ศรีอะไรของมึงซะทีเถอะ  ศักดิ์ศรีของมึงมันทำให้เมียอิ่มท้องได้หรือเปลา"
          "แต่ผมยังทำใจไม่ได้ครับ  แล้วผมก็บอกกับคุณอำนาจไปแล้วว่าจะไม่กลับไปอีก อยู่ๆ จะให้ผมกลับไป  ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไง"
          "ก็ทำหน้ากวนตีนเหมือนที่มึงชอบทำนั่นแหละเอานี้"  
          พี่คมยืนกุญแจรถมาให้ผม
          "กุญแจรถ"
          "มันไม่ใช่แค่กุญแจรถ  แต่มันเป็นกุญแจที่จะเปิดทางให้แกกลับไปอยู่ในจุดเดิมได้"
          "แล้วผมต้อง"
          "มึงก็แค่ใช้มัน ทันทีที่มึงใช้  ทุกอย่างที่มึงเคยมีมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม"
          "ขอบคุณนะครับพี่"
          "บีมึงฟังกูนะ  โอกาสไม่ได้มาหาเราบ่อยๆ ถ้ามึงไม่คว้าไว้ มันอาจจะไม่หวนกลับมาหามึงอีกก็ได้  กูอยากให้มึงคิดดีๆ นะบี ตอนนี้มึงยังกลับมาทันนะ แต่ถ้ามึงยังดื้อต่อไป กูก็ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับมึงหรือเปล่า  มึงต้องเลือกเอานะว่าอยากจะทำได้แค่มองสิ่งที่มันเกิดขึ้น หรือเลือกที่ป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น"
          "ผมเข้าใจแล้วพี่  คงถึงเวลาที่ผมต้องทิ้งทิฐิซะที และเพื่อไม่ให้การเสียสละของเอริกะจังและหงส์ศูนย์เปล่า"
          "ดี กูดีใจที่มึงคิดได้  งั้นมากินข้าวฉลองกันเถอะ"
          "ขอโทษนะพี่ผมคงกินไม่ได้"
          "ทำไมอีกวะหรือมึงคิดจะเปลี่ยนใจอีก"
          "เปล่าครับพี่  ตอนลำบากเมียผมก็ลำบากด้วย แต่พอจะสบายผมก็อยากให้เราได้กลับมาสบายพร้อมกัน  ถ้าจะได้กินของดีๆ แบบนี้ผมก็อยากให้เราได้กินพร้อมกัน  ผมไม่อยากจะได้กินก่อนพวกเธอ"
          "เอางั้นหรอ ก็ดี คงได้ยินกันแล้วนะ"
          "พี่พูดกับใคร"
  
          ก้อยกับแนนเปิดประตูเข้ามาในห้องเจ้าริววิ่งตามเข้ามา  พี่คมนัดพวกเธอมาเผื่อแกคนเดียวกล่อมผมไม่อยู่ แกก็จะให้ก้อยกับแนนช่วยกล่อมผม  พอเห็นก้อยกับแนนผมก็เข้าไปกอดพวกเธอ
  
          "พี่ขอโทษนะ  พี่ไม่น่าคิดไล่ก้อยกับแนนแบบนั้นเลย"
          "ไม่เป็นไรค่ะ  แต่ต่อไปอย่าไล่ก้อยอีกนะค่ะ" ก้อยร้องไห้
          แนนก็ร้องไห้ตามทำให้ผมร้องไห้ออกมาด้วย
          "เข้าใจกันแล้วก็มากินข้าวกันเถอะ ไอ้ตัวนี้ท่าทางจะหิวเต็มที่แล้ว"  พี่คมพูดถึงเจ้าริวที่นั่งลิ้นห้อยมองของกินที่วางอยู่บนโต๊ะ
          "เจ้าริว ทำน่าอายอีกแล้ว" แนน
          "ช่างมันเถอะหนูแนน  ลุงชักชอบมันแล้วซิ"
          เจ้าริวกวักมือชี้เป็ดบนโต๊ะ  ทำให้พี่คมหัวเราะแล้วคีบเป็ดมาป้อนมัน
  
          นี่เป็นมื้อแรกให้รอบหลายอาทิตย์ที่ผมไม่เคยได้กินของอร่อยและกินได้เต็ม  อิ่มแบบนี้ แนนเองก็คงเหมือนกัน หลังจากกินข้าวกันจนอิ่มพี่คมก็ขอตัวกลับ ก้อยกับแนนก็อาสาไปส่งผมที่ออฟฟิต  พอถึงตึกที่ทำงานเก่าก้อยก็ปล่อยให้ผมลงมาคนเดียว
  
          "พยายามเข้านะค่ะ  ไม่ว่าพี่บีจะตัดสินใจยังไง เราสองคนก็ยังรักพี่บีเหมือนเดิมค่ะ" ก้อย
  
          ผมยิ้มแล้วเดินเข้ามาในตึก  ผมเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้ารถคันเดิมของผม สภาพมันดูใหม่เอี่ยมไม่มีฝุ่นซักนิดคงมีคนมาทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ  แต่ดูเหมือนมันจะไม่เคยเคลื่อนไปไหนเลยตั้งแต่วันที่ผมคืนกุญแจให้กับคุณ อำนาจ  ผมกดรีโมทปลดล๊อคประตู
  
          จากนั้นผมก็เข้าไปนั่งด้านในผมนึกถึงตอนที่ผมต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีกับ  ทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งครั้งนั้นผมก็เลือกศักดิ์ศรีอย่างไม่ต้องคิด แต่มาคราวนี้ผมกำลังต้องเลือกระหว่างศักดิ์  กับทรัพย์สินเงินทองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างไป  ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ทรัพย์สินเพื่อตัวผมเอง แต่มันเพื่อคนที่ยอมเสียสละอย่างเอริกะจังและหงส์  และพื่ก้อยแนนและเจน
  
          ผมเสียบกุญแจเข้าไปที่ช่องสตาร์ทจากนั้น......................
  
          เตรียมพบการดำเนินเรื่องต่อจนถึงจุดสิ้นสุดที่แท้จริงกับ  Koy Restart เร็วๆ นี้
  
          ช่วงนี้เหนื่อยๆ แล้วก็เหนื่อย  ทั้งใจและกาย ชีวิตไม่คงที่ซะที
  
          ขอขอบคุณเพื่อนๆ  ที่ติดตามผลงานตลอดมา[/post]

  


Bearing Garage

ชอบที่สุดครับ กลับการกลับมาอีกของเรื่องนี่้ Love this one so much.

myfino262903

อ่านแล้วต้องตามตลอดแม้ว่าบางครั้งนานมากแต่ก้อรอนะครับ ขอบคุณครับที่แต่งให้อ่าน