ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่36

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 23, 2021, 11:00:19 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่36



"พอเถอะป้า มันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว เอาแต่อารมณ์อย่างนี้สติปัญญามันไม่ เกิดหรอก"
ลายตองพูดเรียบๆ แต่น้ำเสียงและความหมายของมันราวกับวัยแก่กว่าป้านุ่น หลายปี
"เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ป้าจะมานั่งคร่ำครวญแช่งด่าใครต่อใคร ตอนนี้ป้าต้องนึกดูให้ดี
ไอ้อิ่มมันหนีออกไปแล้วมันจะไปอยู่ที่ไหนไปอยู่กับใคร เพื่อนฝูงมันมีที่ไหนบ้างหรือเปล่า
ป้าต้องรีบไปตามเอามันกลับมา เด็กมันยังไม่รู้อะไร ไม่ทันผู้ทันคน ดีไม่ดี
โดนเขาหลอกเอาไปขายซ่องละมันจะยุ่งกันใหญ่ เสียอนาคตไม่ได้ผุดได้เกิดกันละที่นี้"

คําพูดของลายตองเกิดผลทําให้บ้านุ่นเห็นคล้อยตาม แต่แกก็ยังมืดแปดด้านคิดไม่ออก
เพราะญาติพี่น้องที่นึกๆ ดูก็ยังมองไม่เห็น มันตายกันไปเสียเกือบหมด
ที่เหลืออยู่ก็เหินห่างกันเสียเหลือเกิน จะมีอยู่บ้างก็เป็นญาติข้างพ่อของไอ้อิ่ม
แต่ไม่แน่ว่า มันจะอยู่แถวๆคลองสิบคลองสิบสองตามที่ได้ยิน มาหรือเปล่า
เพื่อนฝูงก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง เท่าที่หอบหิ้วเลี้ยงดูกันมา ก็ไม่เห็นมันมีเพื่อนที่ไหน
แล้วอยู่ๆ มันหนีไปอย่างนี้จะไปเป็นไปตายยังไงก็ไม่รู้ เด็กมันกําลังเป็นสาว
ไม่รู้จักโลกภายนอก เหมือนนกอยู่ในกรงมาตลอด พอเปิดประตูกรงก็บินไม่ค่อยถนัด
พลัดตกลงดิน ดีไม่ดีโดนหมาคาบเอาไปแดกเสียเท่านั้นเอง
นึกไปนึกมาเล้วก็หันมาหาไอ้กําบังต้องเป็น เพราะมันคนเดียวที่เป็นตัวการทําให้ได้อิ่มมันหนี
มันทําเอาอย่างไม่มียั้งไม้ยั้งมือ ตนเองนั่งอยู่นอกห้องยังรู้สึกถึงเรือนไหวโยก
กระดานลั่นเป็นจังหวะ ทําไมจะไม่รู้ว่าไอ้บังมันปู้ยี่ปู้ยํากับหลานสาวของตนขนาดไหน
ขนาดเรือนไม้ทั้งหลังยังคลอน แล้วเนื้อ อ่อนๆ ของไอ้อิ่มมีหรือจะไม่คลอน มันคงคลอน มันเคลื่อน
จนเด็กเกิดความเข็ดหลาบหวาดกลัวถึงกับหนีออกไปจากบ้าน นอกจากนึกแช่งด่าไอ้กําบังแล้ว
แกยังพาลแช่งด่าตัวเองอีกด้วย ความอยากได้ อยากดี อยากให้ไอ้อิ่มมันได้เป็นเมียน้อยนายกองทุน
ถึงไม่เป็นน้อย ได้เงินสักก้อนก็ยังดี เลยกลายเป็นมีอันเป็นไปอย่างนี้ ยิ่งคิดแกยิ่งร้องไห้ออกมาหนักขึ้น...
นังลายตองอีกคน เป็นคนวางแผนให้หลานเสากูขึ้นไปหา ครั้นพอนายกองทุนจะส่งหมอมาตรวจ
กลับเจ้ากี้เจ้าการวางแผนให้กําบังมาฉีกความสาวเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันกับหมอ
ไหนมันว่ามันกําราบไอ้บังมาแล้วยังไงล่ะ คิดแล้วแกอยากจะด่าลายตองออกไปให้สาแก่ใจ
แต่ยังเกรงที่มันเป็นคนรู้ความลับ มันกําหัวใจของแกเอาไว้จนหมดสิ้น เลยอยู่ในภาวะ
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หันไปโทษเทวดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ช่วยเหลือแก
ไม่ให้ความเป็นธรรมกับแก

"ถึงไงป้าก็ต้องไปแจ้งความเอาไว้ก่อน" ลายตองออกความเห็น
"ตํารวจเขาจะช่วยได้เหรอ"
"ก็คงจะมีหวังบ้างหรอก คนหายไปทั้งคนถึง ไงป้าก็ต้องแจ้งความให้ตํารวจรู้เอาไว้เป็นหลักฐาน
เพื่อเขาจะได้ช่วยป้าออกตามหาให้"
"ต้องบอกเขาหรือเปล่า สาเหตุที่ไอ้อิ่มมันหนีไปเพราะอะไร" ป้านุ่นขอความเห็น
คําแนะนําของมันน่าเชื่อ และไหนๆ ก็เชื่อมันมาแล้ว
"จุ๊ยๆ "  ลายตองจุ๊ปากห้าม
"เบาๆ หน่อยป้า อย่าเสียงดังนัก...ป้าบอกตํารวจเขาไปตามความจริงที่เคยคิดเอาไว้ก็แล้วกัน"
"บอกยังไง"
"อ้าว, ก็บอกไอ้อิ่มมันโดนข่มขืนน่ะสิ"
"บอกไอ้บังข่มขืนเรอะ"
"ไม่...โน่น บนโน้น" ลายตองบุ้ยใบ้ขึ้นไปบนตึก
"แต่ว่า..."
"เราบอกให้ตํารวจเขารู้สาเหตุเอาไว้ก่อนมันไม่เสียหายอะไร
ให้เขารับรู้เอาไว้ เมื่อได้ตัวไอ้อิ่มมาค่อยหาเหตุผลกันใหม่"
"เอาอย่างงั้นเหรอ"
"ก็ต้องเอาอย่างงั้นน่ะซี ถ้าป้าบอกความจริงว่า ไอ้อิ่มมันโดนใครข่มขืนมีหวังเสร็จแน่"
"ข้าก็คงอยู่ที่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้
"ถึงยังไงป้าก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อไอ้อิ่มมันหนีไปอย่างงี้ คุณแกต้องหาว่าป้า
คิดจะขู่เข็ญเล่นงานเล่นเงินแก แกไม่เอาป้าไว้หรอก ป้าต้องแจ้งความเรื่องนี้
เอาไว้ก่อน ถึงยังไงก็เท่ากับเรายังมีไพ่ที่ดีเหลืออยู่ในมือบ้าง"

คิดถึงเรื่องนี้แล้วป้านุ่นใจหาย แกเคยอยู่กับคุณเทียมบัวมาตั้งแต่ยังเป็นสาว
จนคุณเทียมบัวแต่งงาน และตายจากแล้วนี่ต้องมาออกจากบ้านนี้ไป เพราะคิดการไกล
หากออกไปจากบ้านนี้แกก็เหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอก ต้องไปหาแหล่งเกาะกินใหม่
เรื่องอดอยาก ยากจนแกไม่กลัว แกมีความรู้ในเรื่องทํากับข้าวเป็นยอดอยู่แล้ว
แต่คนไม่เคยออกไปเสี่ยงเคยอยู่อย่าง สบายไม่เดือดร้อน ถึงเวลามีกินสิ้นเดือน
มีเงินใช้ ออกไปก็เท่ากับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ อายุร่างกายหรือก็ไม่ค่อยจะอํานวย
คิดไปคิดมาแกก็เกิดสังหรณ์ใจในตัวของลายตองขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เรื่องมันยาวมาจนขนาดนี้ ลายตองเป็นคนที่วางแผนนี่มันยังจะยุยงให้ไปแจ้งความ
หาว่านายกองทุนข่มขืนไอ้อิ่มอีก มันยังไงกันเสียแล้ว แม้แกจะไม่ฉลาด
แต่ก็เกิดความคิดย้อนหลังว่าลายตองมันทําเพื่ออะไร...

ถ้าอย่างงั้นละก็ มันต้องถือไฟกันคนละใบเสียแล้ว ไหนๆ เรื่องมันก็เลยเข้ามาจนลึกขนาดนี้
ถ้าจะต้องพลัดที่นาไร้ที่อยู่ ก็ให้มันไปด้วยกันเสียเลย เฉพาะไอ้กําบังตัววายร้าย
มันเล่นงานเอาจนไอ้อิ่มหลานสาวย่ำแย่เกือบพิการ มันต้องรับผลจากการกระทํา
ของมันด้วย ถ้านายกองทุนจะเฉดกะลาหัวตัวออกจากบ้านก็จะยอมไป
แต่มันต้องไปด้วยกัน ต้องเปิดโปงบอกความจริงให้หมดเปลือก มันเป็นแผนของลายตอง
ไอ้กําบังเข้ามาข่มขืนหลานสาวของตัว ให้มันออกกันให้หมดบ้านสิวะ...ป้านุ่นคิด
เอาไว้ในใจ...แกรอการเรียกตัวไปซักถามหรือขับไล่ จากนายกองทุนอย่างเตรียมพร้อม...
เรื่องอะไรจะยอมกลายเป็นหมาหัวเน่าฝ่ายเดียว

ตอนที่ป่านุ่นส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างหวนโหย กําบังมันก็ได้ยิน มันเป็น
เสียงครวญครางบอกความเจ็บปวดเหมือน แกจะบอกความเจ็บปวดแทนหลานสาวของแก
ซึ่งเมื่อคืนนี้มันไม่กล้าร้อง

กําบังก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้ตนรุนแรงกับไอ้อิ่มเกินไป ยังเจ็บที่หน่อเนื้อของตนเองอยู่ไม่หาย
แต่ไหนแต่ไร ไม่เคยใช้งานมันหนักขนาดนี้
เล่นเอาปวดเคล็ดไปตลอดลํา เวลาเบาออกมาแสบลํารางน้อยๆ นี่ถ้าหากไอ้อิ่มเป็นคนเที่ยว
ก็ต้องหมายถึงติดโรคแน่ๆ แต่มันเป็นเด็กใหม่จึงไม่มีอันตราย แต่ก็เคล็ดยอกเห็นทีจะ
ต้องพักงานไปหลายวัน ตนเองยังเจ็บ แล้วมีหรือไอ้อิ่มจะไม่เจ็บ นึกแล้วก็อยากจะสงสาร
แต่สงสารไม่ลง เพราะมันกล้าเอาตีนถีบหน้าตนเสียจนกระเด็นติดข้างฝา
มันจึงกลายเป็นความแค้นเร่งแรงส่งแรงดัน ตอบสนองเอาอย่างหนักหน่วง
กําบังรู้โครงการสร้างตัวของป้านุ่นกับไอ้อิ่มอยู่แล้ว ตนกลายเป็นเครื่องมือ
เป็นฝ่ายช่วยเหลือให้สัมฤทธิผล น่าเสียดายที่ไอ้อิ่มมันหนีไปเสียก่อน
นึกแล้วยังอดมันเขียวไม่หาย มันเหมือนไม้เนื้อหนา กว่าจะโค่นมันล้มลงได้
ก็ต้องใช้กําลังกันไม่น้อย นี่ถ้าหากมันไม่หนีไป และได้เป็นเมียน้อยของนายกองทุน
ตนคงเหมือนกับแทงอ๋อได้สามต่อ ทั้งลูกนาย เมียหลวงนาย และเมียน้อยนาย
ตอนนี้หลุดไปแล้วหนึ่ง เหลืออีกสอง ลูกเนียงกับคุณแววรัตน์ เนื้อทองทั้งคู่ ในความรู้สึก
แววรัตน์มีภาษีเหนือกว่าลูกเนียงมากนัก เหมือนเล่นดนตรีต่างฝ่ายต่างไม่มีโน้ต
อิสระ แต่สอดคล้องประสานเสียง เข้ากันได้ด้วยฝีมือยอดเยี่ยม ราวกับกวีที่ต่อกลอน
ปากเปล่าในหัวข้อเดียวกัน แต่ละคําคมคายรับช่วงกันได้จังหวะ สอดเสียงสีสันของ
กวีวรรณชั้นยอด เป็นม้าเจนสนาม ปานจะลอยลิ่วปลิวลมหากโยกได้จังหวะ
ส่วนลูกเนียงไม่ผิดอะไรกับม้าใหม่ เก้ๆ กังๆ โยกหนักเข้าก็หันรีหันขวาง
ตีหนักเข้าก็พาลจะไม่วิ่ง เอาดื้อๆ ดีตรงที่อะไรต่ออะไรมันใหม่ไปหมด
เนื้อ สดๆ เลือดสดๆ

เมื่อไหร่หนอทั้งลูกเนียงและแววรัตน์จะกลับมา ถ้ากลับมากําบังเชื่อว่าวัวเคยขาม้าเคยขี่
จะหนีไปไหน ในมื่อตนรู้หมดแล้วตูดก้นเป็นอย่างไร ตื้นลึกหนาบางมีแค่ไหน
ยิ่งคุณแววรัตน์ด้วยแล้ว ตอนที่หล่อน จี๊ดสุดขีดมันเหมือนกับมีอะไรเอาไปเลย
เอาไปให้หมดเลย ไม่มีความเป็นนายความเป็นบ่าว ยิ่งคิดไปไอ้หน่อเนื้อที่เฉา
ก็เริ่มจะฉ่าวร้อนฉ่าขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในระหว่างการเจ็บเคล็ด

ถึงอย่างไรก็คงจะต้องพึ่งพาลายตองอยู่ดี เพราะทุกกลีบเนื้อที่เอามาเจือจาน
มันเป็นเรื่องที่ลายตอง จัดการให้ทั้งสิ้น

นึกถึงลายตองแล้ว ก็ให้เกรงๆ อยู่ไม่น้อย ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีๆ อยู่ในตัว
ในสมองกรองออกมา เป็นความคิดได้ไม่เลว บางครั้งน่ารัก น่าขม่ำ แต่บางครั้งก็น่ากลัว
อยากออกห่าง โครงสร้างเนื้อตัวความฟิตก็ไม่เลว แต่เอาใจยาก เวลาอารมณ์ดีขึ้นมา
ก็ปรนเปรอให้หมดทุกๆ อย่าง แต่อารมณ์ไม่ดีแล้วไม่มีทาง
จนบัดนี้กําบังก็ยังไม่คลายสงสัย ลายตองเป็นตัวเชื่อมชักโยงให้ลูกนาย เมียนาย
ตลอดจนไอ้อิ่มมาให้ตัวรัน เพราะอะไร กําบังไม่ค่อยจะเชื่อว่าลายตองหาผู้หญิง
ระดับนี้มาให้ตัวขย่มขย่ำเพราะความรัก มันคงต้องมีอะไรมากไปกว่านั้น...
ป่วยการคิดเรื่องนี้...คิดเรื่องแต่ละอนงค์ที่ได้มีโอกาสเข้าไปบวกดีกว่า....

ยิ่งคิดมันยิ่งร้อน...ร้อนด้วยเนื้อลูกเนียง และแววรัตน์ที่ตนได้มีโอกาสฟัด....

ส่วนนายกองทุนตอนนี้เขาเย็นเสียแล้ว
เย็นเมื่อรู้ว่าไอ้อิ่มหลานสาวของป้านุ่นหนีออกไปจากบ้านแต่เช้ามืด ปล่อยให้บ้านุ่นร้องห่มร้องไห้
ตีโพยตีพาย เรียกร้องความเห็นใจอยู่คนเดียว กองทุนแน่ใจที่ไอ้อิ่ม มันหนีไปเพราะมันกลัว
การพิสูจน์ของหมอ ในเมื่อ เขาก็เชื่อว่าตนไม่ได้ทําอะไรลงไปกับเนื้อหนังมังสา
ของเด็กสาวจึงตัดสินใจให้หมอมาตรวจ แต่เด็กมัน กลัวเลยหนีไปเสียก่อน ที่คิดเอาไว้ไม่ผิด
มันเป็น แผนการของป้านุ่น ป้านุ่นต้องการจะเรียกร้องประโยชน์จากเขา ยายแก่คนนี้มันคิดลึก
แต่เขาคิดว่าเขา รอบคอบกว่า..ถึงกระนั้นกองทุนก็ยังเย็นพอที่จะไม่โวยวายเอาเรื่องกับป้านุ่นในขณะนี้
เขาเย็นพอที่จะปล่อยมันเอาไว้ก่อน แต่ก็อุ่นใจตนพ้นผิดไปแล้ว สําหรับแววรัตน์
หล่อนจะต้องกลับมาหาเขา ความรักความใคร่ของเขากับหล่อนจะต้องมีสภาพเหมือนเดิม
เรื่องบาดหมางกินใจได้หมดสิ้นไปแล้ว

กองทุนโทรศัพท์ไปบอกหมออรุณว่าไม่ต้องมาพร้อมกับเล่าเรื่องหลานสาวป้านุ่นแกหนี
ออกไปจากบ้านแล้ว ต่อจากนั้นจึงโทร.ไปหาแววรัตน์ที่บ้านของพัดชา

แววรัตน์นอนระบมด้วยพิษไข้เพราะอักเสบแผลซึ่งโดนกําบังมันเกร็งและกัดเอา
จนเป็นรอยเขี้ยวเหวอะ หล่อนไม่กล้าไปหาหมอ หากหมอเห็นมีหรือหมอจะไม่รู้ว่า
มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ต่อให้คนธรรมดา มองดูด้วยตาเปล่าก็ต้องรู้ว่ามันเป็นรอยกัด
และคนที่จะกัดก็ต้องกัดในขณะที่เกิดอาการ เกร็งสุดขีดในขณะที่ร่วมเพศ
หล่อนจึงได้แต่ กินยาแก้ไข้แก้ปวดที่พัดชาจัดเอามาให้โดย ไม่รู้ว่าน้องสาว
เป็นไข้เพราะพิษแผล นึกว่า เป็นเพียงไข้ธรรมดาซึ่งมีส่วนเสียใจเรื่อง
ของสามีเป็นส่วนประกอบ

ลูกเนียงถูกแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง พัดชาเป็นฝ่ายเจ้ากี้เจ้าการ
เกรงว่าเด็กจะติดไข้จากแววรัตน์ และเท่าที่สายตาของพัดชามองเห็น
ก็พอจะรู้ว่าอาการ ของน้องสาวตนไม่ใช่น้อยๆ หน้าตาเคยอิ่มเอิบสดใส
แววตาสดชื่นบอกความตื่นตัวทุกระยะ กลับร่วงโรยลงไปจนผิดสังเกต
ทั้งใบหน้ามันขาวซีดๆ เหมือนตัวละครเพิ่งล้างหน้าเช็ดเอาแป้งสีสันบนใบหน้า
ออกหมด เวลาเดินแต่ละก้าวดูจะขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อกําลังขาทั้งสองข้าง
ของตนเอง ชั่วเวลาคืนเดียว ที่แววรัตน์ไม่สบาย ดูทรุดโทรมลงไปเป็นกอง
จะโทรศัพท์เรียกหมอมาดูอาการก็ไม่เอา พัดชาก็ไม่อยากจะขัดใจ
หรือจะเป็นด้วยแววรัตน์กําลังเริ่มจะมีครรภ์
เมื่อถามถึงกําหนดการมาของเมนส์ก็ยังเอาแน่ไม่ได้ เพราะยังห่างกําหนดมาอีกหลายวัน


ตกบ่ายจึงมีโทรศัพท์จากกองทุนเรียกเข้ามา
"คุณมีเรื่องอะไรกับแววรัตน์รึ" พัดชาเอ่ยถาม เมื่อได้ยินเสียงของเขา
"เป็นความเข้าใจผิดของแววเองครับ"
"เรื่องมันเป็นยังไง"

พัดชาจึงได้รู้รายละเอียดถึงการวางแผนของ ป้านุ่น ขณะที่กองทุนเมาหลับกล่าวหา
ว่าข่มขืนหลานสาวของแก ครั้นพอจะเอาหมอมาตรวจ หลานสาวของป่านุ่นก็หนีออกไป
เสียก่อน เนื่องจากกลัว ความจริงจะถูกเปิดเผยโดยหมอ เป็นการยืนยันว่าตน
บริสุทธิ์จึงอยากจะปรับความเข้าใจกับแววรัตน์

"เมื่อคืนนี้แววเป็นไข้" พัดชาบอกหลังจากเข้าใจเรื่องราว
จากกองทุนจนหมดสิ้น
"เป็นไงบ้างครับ ไข้มากมั้ยครับ" เสียงของ กองทุนดูจะตกใจไม่น้อย
"ไม่น้อยทีเดียว"
"โธ่  เรียกหมอมาหรือเปล่าครับ"
"เขาไม่ยอมให้เรียกมาหรอก"
"ทําไมล่ะ"
"ไม่รู้น่ะซี"
"ผมจะไปรับหมออรุณพาไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละครับ"
"เดี๋ยว อย่าเพิ่ง พี่ว่าคุณพูดกับเขาก่อนดีกว่า" "ดีครับดี" กองทุนกระตือรือร้น
พัดชาจึงต่อโทรศัพท์เข้ามาในห้องของแววรัตน์
"ฮัลโหล"  แววรัตน์พูดเบาๆ นิ่วหน้าเล็กน้อย ด้วยความเจ็บแผลที่ต้นคอขณะเอี้ยวตัวหยิบหูโทรศัพท์
"คุณไม่สบายเหรอ" กองทุนละล่ำละลักพูด เมื่อได้ยินเสียงแววรัตน์
"ไม่  ไม่เป็นไรแล้วค่ะ" แววรัตน์ตอบไม่ตรง กับความจริงที่ยังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
ครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่ไม่น้อยเพราะเจ้ากําบังมันฝากรักฝากฤทธิ์เอาไว้ให้
"อิ่มหนีออกไปจากบ้านแล้ว" กองทุนนิ่งเพื่อฟังคําพูดจากแววรัตน์
ครั้นไม่ได้ยินเสียงหล่อนเขาจึงพูดต่อ "ผมจะเอาหมอมาตรวจความบริสุทธิ์ของมัน
เป็นจริงอย่างที่มันกล่าวหาผมหรือเปล่า แต่เด็กมันไม่กล้าสู้ความจริง
มันเลยหนีไปแต่เช้ามืด เรื่องนี้ ผมไม่โทษเด็กหรอก มันเป็นความคิดของผู้ใหญ่
ป้านุ่นแกเป็นคนวางแผนเพื่อเรียกร้องประโยชน์จากผม ผมเป็นผู้บริสุทธิ์
พระไม่เข้าข้างคนผิด ผมรักคุณคนเดียว ผมไม่เคยคิดเรื่องพรรณนี้กับคนอื่นเลย"

แววรัตน์น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเมื่อได้ยินเสียง ซื่อๆ จริงจังของผัว
สงสารผัวต้องเดือดร้อนและพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

"ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ผมรักคุณเพียงคนเดียว ไม่มีใครสําหรับผมนอกจากคุณ จริงอยู่
เมื่อก่อนยังไม่มีคุณ ผมยอมรับว่าผมยุ่งกับเรื่องพรรณนี้ แต่ผม ก็บอกคุณแล้ว
พอมีคุณ ผมไม่ต้องการใครอีก คุณเป็นคนมีความสําคัญกับชีวิตของผม ผมสาบาน
ผมไม่มีอะไรกับคนอื่นอีกแล้ว"

นอกจากสงสารเขาแล้วแววรัตน์ยังนึกเกลียดชังตนเองที่ต้องแกล้งทําเป็นโกรธ
ทําเป็นเกลียด แววรัตน์เชื่อแล้วว่ากองทุนไม่ได้ข่มขืนอิ่ม เหตุผล มันสมจริง
พอจะเอาหมอมาตรวจเด็กก็เลยหนีไป เสียก่อน กองทุนเป็นผู้บริสุทธิ์...แต่ตนเองสิ...
เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์แล้วยังพยายามเอาความผิดไปป้ายให้กับสามี เพื่อกลบเกลื่อน
รอยแผลของตนเอง ยิ่งคิด...น้ำตายิ่งไหลพราก เจ็บยอกซอกเนื้อแสบเสียดในหน้าท้อง

แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร

กลับไปหาสามีในขณะนี้ไม่ได้แน่ รอยแผลที่ต้นคอมันเป็นประจักษ์พยาน
แม้แต่หมอตนเองยังไม่กล้าไปหา พี่สาวตนเอง ยังไม่บอกให้รู้ มันเป็นรอยแผลอัปยศอดสู
เป็นรอยโดนกัด ใครเล่าจะมากัดหากไม่ใช่เพศตรงข้าม สามีตนเองก็ไม่เคยทํากับเมีย
อย่างนี้ ถ้ากลับไปบ้านหรือให้เขามาหาที่นี่---?

วันนี้พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่รู้ไม่เห็น แต่ต้องมีสักวันหนึ่ง...และถ้ากลับไปบ้าน
ไปเจอหน้าไอ้คนที่กัด ไอ้คนที่แอบฟัดขณะผัวหลับอยู่ข้างล่าง...มันฟัด
เอาจนตนเหลิงเริดเผลอไปกับมัน...ไม่ได้    ถึงอย่างไร ก็ยังกลับไปบ้านตอนนี้ไม่ได้
และก็จะให้สามีของตนมาที่นี่ก็ไม่ได้ด้วย...

กองทุนตกใจเมื่อได้ยินเสียงแววรัตน์พูดแกมสะอื้นออกมา

"คุณเสียเงินให้เด็กไปเท่าไร"
"โธ่   แวว..." เสียงของกองทุนขาดหายเหมือน มีอะไรขึ้นมาจุกอยู่ในลําคอ
"คุณคงจ่ายไปไม่น้อย เป็นค่าปิดปาก ค่าจ้างให้ เด็กหนีออกไปจากบ้าน"
แววรัตน์ร้องไห้ออกมาอีก เธอร้องไห้จริงๆ ไม่ได้เป็นการเสแสร้ง
เป็นความเสียใจจําต้องหาทางออกเช่นนี้เพื่อปกปิดแผลชั่วของตัวเอง
ต้องยัดเยียด ความผิดให้กับสามีผู้บริสุทธิ์เพื่ออําพรางความเลวทรามของตน

"คุณไม่เชื่อผมรึ" เสียงของกองทุนสั่นเครือ
"อยากจะเชื่อ แต่ว่าเหตุผลของคุณยังไม่สนิท"
"คุณมาถามป้านุ่นดูก็ได้ ว่าผมจ่ายเงินให้แกหรือเปล่า"
"คุณคิดว่า เงินของคุณ ไม่มีค่าพอจะปิดปากคนหรือจะสร้างนิยายขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง
ไม่ได้เชียวรึคะ... คุณคงเตรียมปี่กับขลุ่ยเพื่อให้เข้ากันเป็นอย่างดีเอาไว้แล้วสินะ"
"โธ่ แวว" กองทุนครางเบาๆ เหมือนจะยอม จํานน "แล้วคุณจะให้ผมทํายังไง คุณถึงจะเชื่อผม"
"คุณไม่ต้องทําอะไร"
"แล้วเรื่องของเรา"
"ฉันรักคุณมากเท่าไร ฉันก็เสียใจมากเท่านั้น"
"ผมรักคุณมากกว่าที่คุณรักตัวเองเสียอีก ผม เสียใจมากกว่าคุณ"
แววรัตน์สะอื้นออกมาหนักๆ กองทุนได้ยินอย่างชัดเจน เขาเชื่อเป็นตุเป็นตะ
ว่าหล่อนเสียใจด้วยการกระทําของเขาทั้งๆ ที่มันไม่เป็นความจริง
"ผมนอนไม่หลับเลยตลอดคืน...ผมจะไปรับคุณนะ"
"คุณยังไม่ต้องมาหรอกค่ะ แล้วฉัน...ฉันจะกลับ ไปหาคุณเอง"
"เมื่อไหร่"
"ไม่แน่"
"ทําไมจึงมีความไม่แน่สําหรับเรา"
"ถามตัวคุณเอง"
"ผมไม่ได้ทํา ผมบริสุทธิ์" เขาคร่ำครวญเหมือน เด็กๆ ความฉลาดปราดเปรื่อง
ความหยิ่งในตัวตน ศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ "เอาผมไปสาบานที่ไหนก็ได้"
"ไม่...ไม่ต้องหรอกค่ะ"
แววรัตน์ร่ำไห้สะอึกสะอื้น มันขมขื่นเหลือหลาย สามีดีกับตนถึงเพียงนี้
แต่ตนเองไม่เหลือเนื้อที่รองรับความดีของเขาเสียแล้ว เนื้อที่ซึ่งสงวนไว้เพื่อเขาเพียงคนเดียว
ได้มีคนอื่นเข้ามาแอบทําลายเลือดเนื้อเพื่อเขา ถูกมันสูบเสพ
เจ้ากําบังก็ไม่ได้มีอะไรดีเท่าสามีของหล่อน ความฉลาดปราดเปรื่อง ชาติตระกูล
ไม่มีทางเทียบกับสามีของหล่อนได้ มันแตกต่างกับสามีของหล่อน
เหมือนสุนัขกับราชสีห์ มันช่างน่าอับอาย น่าเสียดายเนื้อตัวเหลือเกิน
ปล่อยให้มันเข้ามาอัดฉีดเลือดโสโครกสกปรก ใส่ในซอกเนื้อ และตนเองก็เผลอไผล
สละอัตตาของความเป็นผู้ดี มีสกุล ยอมรับและยอมให้การปรนเปรอสนองตอบด้วยความใคร่
ชนิดไม่มีความเป็นนายกับบ่าวมากีดกั้น ตัณหาราคะกลายเป็นตัวเชื่อมเลือดเนื้อ
ความรู้สึก ระหว่างนายกับบ่าวให้ร้อยรัดเย็บติดเป็นเนื้อเดียวกัน มองไม่ออกว่า
เนื้อไหนเป็นเนื้อนาย เนื้อไหนเป็นเนื้อบ่าว มันกลมกลืนคละเคล้ากันแนบสนิท
แม้มันจะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง แต่เมื่อเป็นความพอใจ....
ความเจ็บปวดก็ไม่ได้เข้ามาแผ้วพานในช่วงนั้น ราคะเป็นตัวร่านออกมารับหน้า
จนลืมทุกอย่างไปหมด เหลือเพียงหนึ่งเดียวคืออารมณ์ร่วม...หล่อนจึงแทบจะเละเหลวไปทั้งร่าง...

ยามเมื่อสร่างเมาเบาตัณหา...ความรู้สึกเดิมกลับมา ความเป็นอัตตาตัวตน
ค่อยๆ ตื่นขึ้น...เสียใจ เสียดาย อับอายเมื่อนึกไปถึงตอนนั้นตนเหมือนกับคน
หน้าด้าน...ร่านจนยอมให้มันและทําให้มันด้วยปาก...


แล้วตนจะกลับไปบ้านพบหน้าสามีในขณะนี้ได้อย่างไร ไหนจะรอยเขี้ยวของมันที่
กัดคาอยู่ตรงต้นคอ ไหนจะต้องมองเห็นหน้าตารูปร่างอัปลักษณ์และกิริยาของมัน
ที่แสดงออกซึ่งถือว่ามันเป็นผู้ประสบชัยชนะ ได้รู้ความลี้ลับในเนื้อตัวของตน
สายตาท่าทางของมันวันที่ตนจะออกจากบ้านมา มันทําเหมือนกับว่ามันก็มีสิทธิ์
เป็นผัวของตนคนหนึ่งเหมือนกัน...จะมีผัวสองคนอยู่ในบ้านเดียวกันได้อย่างไร...

ยิ่งได้ยินเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นของ แววรัตน์ กองทุนก็ยิ่งรู้สึกสลดหดหู่ นึกสาปแช่ง
โชคชะตา เกลียดชังยายนุ่นนังปีศาจร้าย วางแผนแบล็คเมล์ ต้องการให้หลานสาวเป็น
เมียน้อยถึงกับวางแผนให้อิ่มแอบเข้ามาหา มันไม่สําเร็จก็จริง แต่มันทําให้ชีวิตรักของ
ตนกับแววรัตน์แตกร้าว ถึงพระเจ้าจะไม่เข้าข้างคนผิด บันดาลให้หลานสาวยายนุ่นหนีไป
แต่พระเจ้าก็ไม่อาจบันดาลให้แววรัตน์เชื่อได้ ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์

อายุในวัยนี้ เขาเหมือนถูกล่ามถูกมัดเอาไว้กับหลักของแววรัตน์เสียแล้ว
แววรัตน์คนเดียวเป็นผู้รู้ใจ รู้รส และตามทันเขาไปหมดทุกกระบวน
บางครั้งหล่อนอาจจะเลยล้ำหน้าเขาไปบ้าง แต่หล่อนก็ฉลาดพอจะลดระดับ
ลงมาเสมอเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องบนเตียงบนตัว

เขาเคยผ่านเรื่องเพศตรงข้ามมามากมายนับไม่ถ้วน หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์
ไทยเดิมอย่างเทียมบัว ใหม่ๆ สดๆ จนชนิดที่ เรียกว่าต้องใช้ไม้แงะ หรือผาดโผนโจน
ทะยานชนิดเอายิมนาสติกเข้ามาประยุกต์ แต่เมื่อมากเข้าก็ชักจะรู้สึกเบื่อๆ

หากกับแววรัตน์...หล่อนถ่ายทอดสิ่งดีๆ มาให้กับเขาอย่างสวยงาม
หล่อนมีความเป็นผู้หญิงทุกรูปแบบ บางครั้งหล่อนจะโอบกอดอาทร
ราวกับเป็นมารดาผู้ให้กําเนิด เป็นแม่คนที่สอง เป็นพี่สาวที่ดีของน้อง
เป็นน้องที่ดีของพี่ เป็นเพื่อน เป็นนาย เป็นทาส บทบาทของหล่อนเปลี่ยนแปลง
ตลอดเวลายามเมื่อเขาสอดแทรกกลิ้งเกลือกอยู่บนตัวของหล่อน

เซ็กซ์ของหล่อนที่ให้กับเขา เหมือนการกระโดดเชือก ถีบจักรยานออกกําลังอยู่กับที่
มันไม่เคลื่อนไหวไปไหน มันเหน็ดเหนื่อย แต่มันให้คุณค่ากับชีวิต หลังจากได้ผ่านมัน
ไปแล้ว ได้อาบน้ำชําระคราบไคล จะรู้สึกมีความสุขความมั่นใจในความแข็งแกร่งอันน่า
ภูมิใจของตนที่มีแต่จะทวีขึ้น แล้วเขาจะขาดหล่อนไปได้อย่างไร หล่อนคนเดียวที่เติมส่วน
ว่างของเขาให้เต็ม ให้อิ่ม เนื้อเนียนของหล่อน ทุกซอกทุกมุมถูกรักษาเอาไว้เพื่อเขาคนเดียว
อย่างดิบดี สองแก้มกลีบอิ่มแดงเรื่อๆ ราวกับ เด็กสาวๆ มันช่วยให้เขาคึกไม่ขาด
หล่อนดูจะมีความสุขเมื่ออยู่ในห้องน้ำและใช้เวลาค่อนข้างนาน


วัยของเขาถึงจุดกําลังเดินลง วัยของหล่อนกําลังเดินขึ้น
เขาจึงต้องพึ่งพาหล่อนไปหมดทุกอย่าง เหตุนี้เขาจะขาดหล่อนไม่ได้...


peddo

ตอนนี้ดราม่ามาเต็มพีคลยทีเดียว สงสารทั้งกองทุนและแววรัตน์ แต่เห็นด้วยว่ากลับบ้านไปต้องเจอกำบังเล่นอีกแน่ แล้วลูกเมียก็จะยิ่งเป็นอันตราย
ตอนนี้ก็พลิกผันอีกแล้วครับเดาไม่ถูกจริงๆยอมรับ ขอบคุณมากครับ

1819

#2
ต่างฝ่าย ต่าง ระแวงสงสัยลายตอง กันแล้ว   ถึงกองทุนอดีตจะทำตัวแย่ ร้ายๆแต่ต้องมา รับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ทำก็น่าสงสาร  เมียโดนข่มขืน ลูกสาวโดนข่มขืน   คนในบ้าน คิดร้าย ทั้งหมด เหมือนอาศรัยอยู่ในรังอสรพิษ ที่เผลอเมื่อไหร่ เป็รอันโดนมันกัดฉก   แวว ก็นะ ตัวเองพลาดพลั้งไปด้วยความเมา ดีอย่างที่ ความคิดต้อนนี้ไม่ได้ติดใจในรสsex ของไอ้บัง หลังจากมีสติ แต่ถ้าวันใด กลับไป บ้าน คง อดไม่ได้ ถ้าเจอมันอีก ไม่ว่าจะยืนยอมหรือจากการข่มขู่ วางแผนของ2ตัวลาบตองกับ กำบัง    แววรัตน เป็นคนเก่งฉลาด ทำไมถึงยังคิดกำจัดปัญหานี้ หรือ แก้ปัญหานี้ไม่ได้ หรือ ว่า เรื่องยังสดๆร้อนๆบวกกับพิษไข้  จึงยังไม่มีสติคิด   
  สงสารแต่อิ่ม กับลูกเหนียง  กลายเป็นเครื่องมือของคนเลว ทั้งบัง ลายตอง  ป้านิ่ม ของ อิ่มอีก เห้ออ หนักหน่วง
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

MBCLK

อ่านสนุกมากครับ
สงสารกองทุน แม้จะชอบอ่านตอนแววรัตน์เสพกามกับกำยังก็ตาม

swss2511