ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

XO ตอนที่ 8 - อักขระลับ

เริ่มโดย assasin008, มีนาคม 15, 2015, 12:38:53 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

คุยเรื่อยเปื่อย

ใครมีรูปสวย ๆ ก็รบกวนขอด้วยนะครับ ^ ^

ปล ตอนนี้มีซ่อนเพื่อเชคเรตติ้ง


XO ตอนที่ 8 - อักขระลับ
......................................................
Assasin008 2015-03-15

   'อักขระ 64 ตัว ... มีระดับความลึกแปดชั้น ... ชั้นละแปดตัวเหรอ ... อืม ... มันไม่น่าจะง่ายขนาดนี้มั้ง? หรือว่าที่เห็นอยู่นี่มันหลอกเรา?'

   ขณะที่ดวงตาสีฟ้าสดใสจับจ้องมองดูหินอำนวยพรที่มีรูปร่างทรงกลม แม็กก็แอบส่งเสียงบ่นพึมพำอยู่ในใจด้วยความลังเล

   ครั้งแรกที่เขายื่นข้อเสนอท้าทายเรื่องการเป็นทาสกับนักบวชสาวสวยนั้น เขารู้สึกมั่นใจเต็มร้อยเนื่องจากมองเห็นอักขระชัดแจ๋วไม่ว่าจะเป็นระดับนอกสุดจนถึงในสุด อักขระเหล่านี้ซุกซ่อนอยู่ด้านในผิวหินสีขาวอันเกลี้ยงเกลา แต่สีเงินวาวสว่างสุกใสก็ทำให้ไม่ยากแก่การจำแนกออก

   หากทว่าเมื่อแองจี้นักบวชสาวกล้ารับคำท้าโดยไม่ลังเล ความมั่นใจของเขาก็กลายเป็นเริ่มสั่นคลอน เพราะหากคิดตามหลักการแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแบบนี้ เขาจึงเริ่มไขว้เขวว่าสิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสได้นั้นมันถูกต้องจริงหรือไม่

   ความไม่แน่ใจทำให้แม็กต้องทดลองไล่นับอักขระแต่ละตัวอีกครั้ง ทั้งที่อยากจะมองสำรวจความอวบอิ่มขาวเนียนละลานตาของนักบวชสาวร้อนสวาทในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นรุ่งริ่งเสียมากกว่า

   เขาเริ่มจากชั้นนอกสุดที่ให้ความรู้สึกเหมือนลอยวนอยู่บนเปลือกนอกของหินทรงกลม ซึ่งเขาก็พบว่ามันมีอักขระแปดตัวที่แตกต่างกัน จากนั้นก็ทดลองไล่อักขระในระดับความลึกถัดไป ซึ่งแอบแฝงลอยวนอยู่ถัดจากผิวเปลือกนอกเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ยังคงเป็นแปดตัวอักษรที่แตกต่างไปจากระดับแรก

   เมื่อไล่ลึกลงไปทีละชั้นจนครบแปดระดับ โดยที่ระดับแปดนั้นอยู่จนใกล้ถึงบริเวณแก่นกลาง เขาก็ต้องยืนยันกับตัวเองอักครั้งว่ามันมีอักขระอยู่แปดระดับ และแต่ละระดับมีอยู่แปดตัวจริง ๆ ดังนั้นเมื่อนับรวมแล้วก็จะกลายเป็นหกสิบสี่ตัวอย่างที่แองจี้บอกกล่าวเอาไว้ แต่ว่านั่นง่ายดายเกินไปหรือไม่?

   สิ่งที่เขาสัมผัสได้นั้นยืนยันว่าสิ่งที่คิดไม่น่าผิดพลาด เพียงแต่มันง่ายดายเกินไปจนไม่อยากเชื่อตัวเอง แม็กจึงกลายเป็นพะวักพะวนไม่กล้าแสดงสิ่งที่เขาเห็นแก่แองจี้ขึ้นมา

   ควรทราบว่าความจริงแล้วแม็กคิดถูกทั้งสองเรื่อง การมองเห็นอักขระเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย เพราะต้องอาศัยสัมผัสธาตุแสงซึ่งมีเพียงผู้เล่นส่วนน้อยที่ทำได้ ส่วนที่ไม่ลำบากนักนั้นคงเป็นอักขระแถวแรกที่คนส่วนใหญ่สามารถสัมผัสถึงได้ เพียงแต่นั่นเป็นมนตร์ธาตุแสงพื้นฐานที่แทบไม่มีประโยชน์อะไรนัก นักบวชที่สัมผัสได้เพียงระดับแรกจึงไม่เป็นที่ต้องการ และไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์จริงได้

   ส่วนอักขระในระดับถัดมานั้นจะยิ่งทวีความยากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อาจสัมผัสได้ ดังนั้นสำหรับคนทั่วไปแล้ว การสัมผัสอักขระในระดับชั้นที่สามขึ้นไปจึงเป็นสิ่งที่ยากยิ่งจนแทบเป็นไปไม่ได้ หากทว่าสำหรับแม็กแล้วนี่กลับเป็นเรื่องราวง่ายยิ่งกว่าง่าย เนื่องจากเคยได้รับทักษะล้ำค่าที่หายากยิ่งมาจากอะโฟรไดทีผู้เป็นเทพีแห่งความรัก

   "Natural sense of Light (สัมผัสธาตุแสงระดับธรรมชาติ)"

   สัมผัสธาตุแสงระดับธรรมชาตินั้นนับเป็นทักษะระดับสูงของเผ่าเทพ มันช่วยให้สามารถสัมผัสกับธาตุแสงได้เหมือนการสูดลมหายใจ เหมือนการขยับแขนขา และใช่ว่าเทพทุกคนจะมีทักษะนี้ แต่ต้องเป็นเทพระดับสูงเท่านั้นจึงจะมีได้ และอะโฟรไดทีก็อยู่ในระดับที่สูงพอจะมีสัมผัสนี้ แม้ว่าการต่อสู้ด้วยมนตราจะไม่ใช่เรื่องถนัดของเธอโดยตรงก็ตามที

   หากให้เรียบเรียงระดับของสัมผัสจากต่ำไปสูงก็คงแบ่งได้เป็น 5 ระดับ ดังนี้ Basic (พื้นฐาน), Expert (ชำนาญ), Master (ถ่องแท้), Natural (เป็นธรรมชาติ) และระดับสุดท้ายซึ่งเป็นระดับที่มีแต่ในตำนานนั้นเรียกกันว่าระดับ Enlightenment (ตรัสรู้)

   สำหรับเผ่าพันธุ์เทพทั่วไปจะมีทักษะในระดับ Master ซึ่งทำให้มองเห็นได้ถึงระดับ 6 แต่ในส่วนของแม็กนั้นเขามีทักษะในระดับ Natural จึงสามารถมองเห็นทั้งแปดระดับได้อย่างสะดวกสบาย และนั่นเองที่ทำให้เขาบังเกิดความลังเลไม่แน่ใจ

   'อ๊ะ ว่าแล้วเชียว มันไม่น่าจะง่ายแบบนั้นหรอก ถัดจากแถวที่แปด เลยเข้าไปด้านในแก่นกลางที่ลึกกว่าเหมือนจะมีอะไรอยู่ ... อืม ดูไม่ออกแฮะ แสงมันมัว ๆ แปลก ๆ ...'

   ด้วยความลังเลทำให้แม็กไม่กล้านำเสนอในสิ่งที่เห็น แต่เลือกที่จะพยายามมองสำรวจอย่างละเอียดยิบมากกว่าเดิม จนกระทั่งเขาเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างปรากฎลางเลือนวับแวบอยู่บริเวณแก่นกลางของหินอำนวยพร

   นั่นเป็นกลุ่มแสงสีขาวที่พลิ้วไหวไปมา มองดูคล้ายอักขระที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม็กสัมผัสว่ามันแอบแฝงไปด้วยพลังงานแสงอันเข้มข้น เพียงแต่ไม่ว่าจะพยายามมองมากเพียงใด ก็ยังไม่สามารถจำแนกลักษณะรูปร่างของกลุ่มแสงนั้นออกมาได้ จนกระทั่งเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปเองหรือไม่

   ความจริงก็คือเขาไม่ได้ตาฝาด เพียงแต่นั่นเป็นความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในหินอำนวยพรมานานแสนนาน แม้แต่เทพระดับสูงซึ่งมีความสัมพันธ์กับธาตุแสงอย่างเหนียวแน่นก็ยังไม่อาจสัมผัสได้โดยง่าย เขาจึงไม่สามารถทำได้เช่นกัน และหากจะมีใครที่สามารถสัมผัสได้ ก็ต้องเป็นบุคคลที่เข้าถึงระดับ Enlightenment (ตรัสรู้) เท่านั้น

   อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับของสัมผัสธาตุแสงที่สูงเยี่ยมก็ยังพอทำให้เขาสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างลางเลือน ดวงตาสีฟ้าสุกใสเริ่มจับจ้องมองดูกลุ่มแสงอันพร่ามัวราวกับถูกสะกด สมองของเขากลายเป็นขาวโพลนสว่าง ร่างกายและจิตใจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกปิติยินดีเปี่ยมสุขที่เอ่อล้นพรั่งพรูออกมาจนท่วมท้น

   ในสภาพที่ร่างกายเหมือนไม่อยู่ในการควบคุมนั้น สายตาของเขาพลันทอดถอนออกจากกลุ่มแสงด้านในแกนกลางของหินอำนวยพร จากนั้นก็กวาดมองไปยังอักขระซึ่งอยู่บริเวณชั้นนอกสุด

   เขาจับจ้องมองดูอักขระตัวแรกที่เหมือนจะสว่างวาบขึ้นมากระทันหันจนโดดเด่นเหนืออักขระอื่นใด และวินาทีนั้นเองที่รูปร่างลักษณะ และคุณสมบัติ ตลอดถึงชื่อเรียกที่แว่วดังขึ้นได้ประทับตราตรึงเข้าไปในสมองของเขาจนมิอาจลืมเลือน

   "เอโพล่อน!!!"
[post]
   แม็กเอ่ยปากกล่าวภาษาอันแปลกประหลาด พร้อมกับยกนิ้วชี้ซึ่งเปล่งประกายแสงขึ้นวาดขีดเขียนบนอากาศ กลุ่มแสงที่กำเนิดจากปลายนิ้วกลับสามารถลอยค้างอยู่กลางอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ และนั่นก็คืออักขระแสงที่เหมือนกับอักขระตัวแรกที่เขาจับจ้องมองดูอยู่อย่างไม่ผิดเพี้ยน

   "... พิธีประทับศีล!!!"

   วินาทีนั้นร่างบอบบางของแองจี้ถึงกับสะท้าน และเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ทรวงอกอวบที่เต็มไปด้วยไฟราคะเด้งสะท้านไหวไปมาคราวหนึ่ง



   แต่เพียงไม่นานนักเด็กสาวในร่างสาวรุ่นแสนสวยยั่วยวนใจก็รีบเดินเข้าไปยืนเคียงข้างกับเขาจนไหล่ชนไหล่ เธอยังคงใช้มือซ้ายปิดป้องทรวงอกอวบเปลือยเปล่าเอาไว้ ในขณะที่มือขวายกขึ้นชี้ปลายนิ้วที่มีแสงสีเงินวาดไปมาในอากาศ กระทั่งปรากฎอักขระแสงแบบเดียวกันกับที่แม็กขีดเขียนทุกกระเบียดนิ้ว

   "เอโพล่อน ... อักขระแสงพื้นฐาน แห่งการฟื้นฟู บำบัด ปัดเป่า และรักษา"

   เมื่อวาดอักขระที่เหมือนกันสำเร็จ แองจี้ซึ่งยังคงใบหน้าแดงก่ำเพราะอารมณ์ค้างคา ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน จากนั้นอักขระแสงที่เหมือนกันทั้งสองตัวก็เปล่งแสงสีเงินออกมาวูบวาบ ก่อนจะเลือนหายไปอย่างเชื่องช้า

   แม็กยังคงจับจ้องมองดูหินอำนวยพรแน่วนิ่ง คล้ายกับไม่ได้สนใจมองว่าแองจี้กระทำสิ่งใด หากทว่าให้ความรู้สึกเหมือนเขาเข้าใจในทุกสิ่งที่ตนเองกำลังกระทำ ทั้งยังเข้าใจในสิ่งที่แองจี้กำลังกระทำ

   "เอโลเจีย!!!"

   เขากล่าวด้วยภาษาอันแปลกประหลาดอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าครามเพิ่งละออกจากอักขระแสงตัวแรก และหันไปมองดูอักขระตัวที่สอง ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นวาดอักขระแสงอีกตัวหนึ่งบนอากาศ

   "เอโลเจีย ... อักขระแสงพื้นฐานแห่งการอำนวยพร ปลุกเร้าความดีงาม ขับไล่ซึ่งสิ่งชั่วร้าย"

   เมื่อเขาวาดอักขระตัวที่สองเสร็จสิ้น แองจี้ก็ยกมือขึ้นวาดขีดเขียนอักขระตัวเดียวกัน จากนั้นจึงกล่าวรับด้วยน้ำเสียงแว่วหวานสดใส และแม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะแฝงความตื่นตระหนกอยู่บ้าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ประกอบพิธีประทับศีลในฐานะนักบวชฝึกสอน แต่เธอก็ทำได้ดียิ่งในหน้าที่นี้

   พิธีประทับศีล คือพิธีการที่มีไว้สำหรับการตรวจทานนักบวชฝึกหัด ไม่ว่าจะเป็นนักบวชระดับใดก็ตาม เมื่อเข้าถึงสภาวะแห่งความศรัทธา เขาจะเริ่มวาดอักขระแสงที่ได้เห็นออกมาทีละตัวพร้อมกับเอ่ยชื่อเรียกของอักขระ ส่วนนักบวชผู้สอนนั้นจะมีหน้าที่ทบทวน ตรวจสอบความถูกต้อง และอธิบายถึงชื่อและคุณประโยชน์ของอักขระแสงตัวนั้น

   "เอจิออส!!!"

   "เอจิออส ... อักขระแสงพื้นฐานเพื่อบรรจุความศักดิ์สิทธิ์ลงสู่วัตถุ หรือร่างกาย"

   เมื่ออักขระตัวที่สองเลือนหายไป แม็กก็เริ่มวาดอักขระตัวที่สาม โดยมีแองจี้คอยทบทวนชี้นำ และบ่งบอกคุณประโยชน์ของอักขระนั้นออกมา จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนไปยังอักขระตัวถัดไปทีละตัว

   ท่ามกลางความรู้สึกตื่นเต้นกับหน้าที่ครั้งแรกนั้น แองจี้กำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกแตกตื่น เพราะพิธีประทับศีลนั้นไม่ใช่ว่าคิดอยากทำก็สามารถกระทำได้ โดยปกตินั้น นักบวชฝึกหัดจะต้องกระทำให้ร่างกายและจิตใจสะอาดบริสุทธิ์เสียก่อน แล้วจึงค่อยไปแสดงศรัทธาต่อหินอำนวยพรเพื่อเบิกเนตร

   โดยปกติแล้ว เธอไม่เคยได้ยินว่ามีนักบวชฝึกหัดเข้าสู่สภาวะเบิกเนตรนี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรก เพราะต่อให้สามารถมองเห็นได้ ก็จะยังไม่รู้ซึ้งและสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของอักขระทั้งหลายจนอยู่ในสภาวะเบิกเนตร อีกทั้งการวาดอักขระบนอากาศได้นั้น ต้องมีพลังธาตุแสงอยู่ในร่างพอสมควร ดังนั้นการทดสอบเบื้องต้นของนักบวชฝึกหัดที่แท้จริงนั้นจึงเป็นเพียงแค่การให้เขียนรูปอักขระเหล่านี้ลงในกระดาษเสียก่อน

   อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการลัดขั้นตอนข้ามระดับขั้นเพียงใด แต่นี่เป็นกฎเหล็กที่นักบวชผู้ฝึกสอนทุกคนรู้กันดีว่า หากเข้าสู่สภาวะเบิกเนตรแล้ว นักบวชผู้ฝึกสอนจะต้องกระทำพิธีประทับศีลให้ทันทีโดยไม่ต้องสนต่อกฎระเบียบอื่นอันใดอีก เพราะนั่นถือเป็นคำชี้นำจากพระเจ้าที่เธอศรัทธา

   ด้วยมีความรู้สึกดีกับเขาในเชิงรักใคร่ชู้สาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเหตุการณ์เข้าข่ายว่าเป็นคำชี้นำของพระเจ้า แองจี้จึงเต็มใจช่วยทำพิธีประทับศีลอย่างเต็มที่

   ดังนั้นเมื่อเขาเอ่ยอักขระเริ่มต้น เธอก็ตอบรับด้วยความรู้สึกชื่นชม กระทั่งเมื่อเขาเอ่ยอักขระครบทั้งแปดตัวของระดับแรก แล้วเริ่มเอ่ยอักขระของแถวที่สอง เธอจึงค่อยเริ่มรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะไม่นึกว่าเขาจะสามารถสัมผัสอักขระในแถวที่สองได้ด้วย

   แต่แล้วแองจี้ก็ต้องพบว่าความสามารถของเขามีมากกว่าที่เธอคาดเดาไว้ไกลโข ไม่เพียงแค่อักขระในแถวที่สองที่เขาสามารถสัมผัสได้ แม้แต่อักขระในแถวที่สามและสี่ก็ยังคงพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักลง       

   เมื่อเป็นเช่นนี้นักบวชสาวแสนสวยก็ต้องพบกับปัญหาเข้าแล้ว เพราะเธอสามารถอ่านอักขระได้เพียงแค่ในสี่ระดับแรก ดังนั้นเมื่อเขาเริ่มวาดและเอ่ยชื่ออักขระในแถวถัดมา เธอจึงได้แต่ยืนอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก เนื่องจากไม่สามารถตรวจทาน หรือบ่งบอกสรรพคุณของอักขระที่ไม่เคยสัมผัสถึงได้!!!

   แม็กคล้ายไม่สนใจและไม่รับรู้ว่าแองจี้ชะงักไป เขายังคงใช้นิ้ววาดขีดเขียนอักขระและเปล่งเสียงเรียกชื่อของมันอย่างแน่วนิ่งมั่นคง โดยมีดวงตากลมสวยเบิ่งค้างมองนิ่งอยู่ด้านข้าง อักขระแสงใหม่ ๆ จึงปรากฎขึ้นมาเรื่อย ๆ จนหมดแถวที่ห้า แล้วไปเริ่มใหม่ยังแถวที่หก เจ็ด และแปด กระทั่งเมื่ออักขระทั้งหกสิบสี่ตัวถูกแสดงออกมาจนหมด เขาจึงค่อยหยุดยั้งลง

   ที่น่าแปลกก็คือการหยุดนิ่งนี้ไม่คล้ายกับการหยุดสภาวะเบิกเนตร ดวงตาสีฟ้ายังคงจับจ้องเขม็งนิ่งข้ามอักขระแถวที่แปดไปยังใจกลางของศิลาอำนวยพร หากทว่าแววตาที่แน่วนิ่งในคราวแรกกลับสั่นพร่าราวกับกำลังเพียรพยายามจับจ้องมองดูบางสิ่งซึ่งเห็นอย่างลางเลือน แม้แต่มือที่ขยับขีดเขียนอักขระทั้งหกสิบสี่ตัวอย่างคล่องแคล่วไม่สับสนเมื่อครู่ก็กลายเป็นสั่นสะท้าน

   แม้จะมีศักดิ์ศรีเป็นถึงนักบวชคลาสสามคนแรก แต่แองจี้กลับไม่อาจเข้าใจความหมายของท่าทีเช่นนี้ เนื่องจากปกติแล้ว หากนักบวชฝึกหัดไม่สามารถสัมผัสถึงอักขระตัวถัดไปได้ สภาวะเบิกเนตรจะคลายออก และกลับสู่สภาวะปกติ หากทว่าเขาคนนี้กลับยังคงยังคงอยู่ในสภาวะนิ่งค้าง คล้ายกับว่าพอจะสัมผัสอักขระอันใดได้อีกแต่ไม่ชัดเจนพอ จึงกลายเป็นอยู่ตรงกลางระหว่างคำว่าสัมผัสได้และสัมผัสไม่ได้

   "มองอะไรอยู่นะ ... หรือว่ามีอักขระหลังแถวที่แปดด้วยเหรอ!!! แต่ซิสเตอร์มาเรียเล่าว่ามีแค่แปดระดับนี่นา"

   แม้จะยังเยาว์วัย แต่แองจี้ก็เป็นเด็กสาวที่ฉลาดพอจะคาดเดาได้ใกล้เคียง แม้ว่าเธอจะรู้อักขระในแถวที่ห้าขึ้นไป จึงไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นถูกต้อง หากทว่าโดยความรู้สึกแล้วเธอกลับเชื่อจนหมดใจว่าเขาสามารถสัมผัสอักขระได้ทั้งแปดระดับจริง ๆ

   เช่นนี้แล้วเธอจึงแทบไม่รู้สึกสงสัยในความสามารถของเขา ดังนั้นการที่เขากำลังพยายามเพ่งมองอะไรบางอย่างต่อไป จึงแปลความได้อย่างเดียวว่าเขาเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ เพียงแต่ยังไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งเท่านั้น

   สิ่งที่แองจี้คาดเดานั้นถูกต้องแทบทั้งหมด เพราะนอกจากทักษะสัมผัสธาตุแสงระดับธรรมชาติแล้ว แม็กยังมีทักษะสัมผัสธาตุมืดซึ่งเป็นธาตุขั้วตรงข้ามอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกันด้วย  ซึ่งแม้ว่าสัมผัสธาตุมืดจะไม่ได้ช่วยเหลือโดยตรง แต่ก็เป็นการเพิ่มสัมผัสที่ต่อต้านกันและกันขึ้นมาส่วนหนึ่ง

   สิ่งเหล่านี้ได้ผสมรวมกันจนทำให้เขากระทำในสิ่งที่เทพระดับสูงทั่วไปยังไม่สามารถกระทำได้ เพียงแต่ยังไม่มากเพียงพอที่จะสำเร็จลุล่วง เขาจึงแค่เพียงสามารถสัมผัสสิ่งนั้นได้อย่างลางเลือน ความคิดของเขาจึงยังคงจรดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น จนยังไม่หลุดออกจากสภาวะเบิกเนตร

   อย่างไรก็ตาม สภาวะที่กินเรี่ยวแรงทั้งทางกายและจิตใจนี้ย่อมไม่สามารถอยู่ได้อย่างยาวนานนัก สุดท้ายเมื่อจิตใจเริ่มเหนื่อยอ่อน สมาธิจิตเริ่มจางหาย ภาพที่เห็นอย่างลางเรือนก็กลายเป็นสลายหายวับไปจากสัมผัส

   กระนั้นเขากลับยังไม่ยอมรับความล้มเหลว ปลายนิ้วที่มีแสงสีเงินยังคงพยายามขยับวูบ วาดอักขระหนึ่งขึ้นบนอากาศ หากทว่านั่นกลับเป็นอักขระที่บิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์นัก เพราะปลายนิ้วหยุดชะงักลงแล้วสั่นเทิ้มทั้งที่ยังขีดเขียนไม่จบสิ้น และการชะงักนั้นก็กลายเป็นนิ่งค้างเนิ่นนานเหมือนนึกไม่ออกว่าอักขระที่สมบูรณ์ควรเป็นเช่นไร

   "ไดอาฟ ... ไดอะโฟ ... ไดอาฟอ ..."

   ความสับสนไม่แน่ใจนั้นรวมถึงการเปล่งเสียงเรียกชื่อไปด้วย เขาพยายามเปล่งเสียงซ้ำไปซ้ำมา หากทว่าคำส่วนหลังแต่ละครั้งกลับไม่ซ้ำกัน มีเพียงแค่ส่วนแรกที่เหมือนเดิม และนั่นเป็นหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนได้ถึงความล้มเหลวในวินาทีสุดท้าย

   เวลานี้หากจะมีใครสักคนที่ตื่นเต้นจนแทบลืมหายใจ ก็คงจะเป็นแองจี้นั่นเอง ในฐานะของนักบวชนั้น เธอย่อมปราถนาให้เขาสามารถเปิดเผยความลับอะไรก็ตามที่อยู่ในศิลาอำนวยพรออกมาให้ได้ ยิ่งได้เห็นเขาขีดเขียนอักขระลำดับที่ไม่เคยได้ยินว่ามีอยู่ออกมา ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดจนต้องบีบสองมือเข้าหากันเพื่อเอาใจช่วย

  แรกสุดนั้นเธอไม่ใคร่แน่ใจนักว่าจะมีอักขระตัวที่หกสิบห้า หากทว่าเมื่อเห็นอักขระที่บิดเบี้ยวและไม่สมบูรณ์นั้นกอปรไปด้วยพลังธาตุแสงอันเปี่ยมล้นยิ่งกว่าอักขระใดที่เคยพบเจอ เธอก็ยิ่งปักใจเชื่อว่าอักขระตัวที่หกสิบห้านั้นมีอยู่จริง และมันจะต้องแฝงความสามารถที่สะท้านสะเทือนโลกอยู่ภายในอย่างไม่ต้องคาดเดา

   น่าเสียดายที่ความคาดหวังไม่ได้รับการเติมเต็ม เพราะสุดท้ายแล้ว มือของเขาก็เริ่มหยุดนิ่งด้วยความอับจนปัญญา อักขระแสงที่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนจึงไม่ได้รับการแก้ไขให้สมบูรณ์ หากทว่าในความไม่สมบูรณ์พร้อมนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยธาตุแสงอันเจิดจ้าทรงพลังขุมหนึ่ง

   อักขระที่บิดเบี้ยวนั้นทอประกายสีเงินเจิดจ้าประหลาด ลำแสงอาบย้อมไปทั่วห้องหับขนาดเล็กจนมิอาจมองเห็นสิ่งใด และเมื่อแสงจ้าจางหายไป เหลือไว้แต่เพียงอักขระสีขาวนุ่มนวลบนอากาศ แองจี้ที่ค่อยลืมตาขึ้นมามอง ก็ต้องสะท้านไปทั้งร่างกับภาพที่เธอได้เห็น!!!

   บุรุษหนุ่มตาสีฟ้าเปี่ยมเสน่ห์กลับกลายแปรเปลี่ยนไปเป็นร่างสูงใหญ่กว่าเดิม ทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วนมีประกายสีเงินระยิบระยับชวนมอง

   ผมสีดำขลับของเขากลับกลายเป็นสีฟ้า แม้แต่ดวงตาที่เป็นสีฟ้าอยู่แล้วก็ยิ่งทอประกายสีฟ้าเจิดจรัสกว่าเดิม และที่โดดเด่นที่สุดก็คือบริเวณกลางหลังของเขากลับปรากฎปีกสีขาวบริสุทธิ์สี่ข้างขึ้นมา!!!

   "เผ่าเทพ!!!!"

   ขณะที่ปีกสีขาวอันนุ่มนวลอบอุ่นโอบรัดเข้ามาหา แองจี้ก็ส่งเสียงอุทานเจื้อยแจ้วด้วยความรู้สึกสุดแสนเหลือเชื่อ และอดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปตามปีกที่ประดับประดาด้วยสิ่งเหมือนขนนกพิราบนุ่มฟูขนาดใหญ่ เธออาจจะไม่ทราบว่าอักขระตัวสุดท้ายนั้นมีสรรพคุณอันใด หากทว่ามั่นใจยิ่งว่าเวลานี้ร่างมนุษย์ของชายหนุ่มตาสีฟ้าคนนั้น ได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นเผ่าพันธุ์เทพอันสูงส่งสง่างามเสียแล้ว

   หลักฐานอันชัดเจนที่สุดก็คือสีของดวงตา สีผม และปีกสีขาวสี่ข้างที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงเผ่าเทพระดับทั่วไป เพราะเทพทั่วไปจะมีปีกเพียงสองข้าง หากแต่เป็นถึงเทพระดับสูงกว่าที่มีปีกถึงสี่ข้าง

   การถูกโอบกอดด้วยปีกสีขาวอันอบอุ่นของเทพบุตรสุดหล่อผู้หนึ่งนั้น กล่าวได้ว่าเป็นความฝันของเด็กสาวที่ชื่นชอบความโรแมนติคของเทพนิยายเกือบทุกคน แม้แต่ส้มเช้งซึ่งแอบหลงรักพี่ชายตนเองก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น เธอจึงอดเผลอรู้สึกปล่อยตัวปล่อยใจเคลิบเคลิ้มไปกับความรู้สึกหอมหวานอบอุ่นจนฉุดไม่อยู่

   "ทักษะจิตแห่งรักทำงาน"
   "ทักษะสัมผัสแห่งรักทำงาน"
   "ทักษะจิตแห่งราคะทำงาน"
   "ทักษะสัมผัสแห่งราคะทำงาน"
   "แองจี้ มีระดับค่าความรักที่ 72% และมีระดับค่าความใคร่ที่ 97%"

   เมื่อจิตใจเปิดกว้าง อีกทั้งยังมีอารมณ์ทางเพศคั่งค้างอยู่เป็นทุนเดิม ทักษะจากเทพีแห่งความรักและปีศาจแห่งความใคร่จึงชอนไชและส่งผลกระตุ้นเข้าไปอีกขั้น เวลานี้แองจี้จึงรู้สึกไม่ต่างอันใดกับเด็กสาวที่ได้อยู่กับคนรักเพียงลำพังในสภาพที่โดนยาปลุกเซ็กส์ขนานใหญ่

   ความรักและความใคร่ที่ทะลักท่วมท้น ส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง เลือดเนื้อวัยสาวสูบฉีดฮอร์โมนทางเพศไปทั่วร่าง ดวงตาสวยหวานกลายเป็นฉ่ำเยิ้ม ลมหายใจกลายเป็นร้อนผ่าวราวเปลวเพลิง ริมฝีปากแห้งผากเต็มไปด้วยความกระหาย ทรวงอกแข็งเต่งจนคัดแน่นร่ำร้องหาคนนวดเฟ้น และตรงจุดสำคัญตรงนั้น เธอรับรู้ได้ถึงความร้อนรุ่มที่มาพร้อมกับความฉ่ำแฉะ

   อารมณ์ที่ผลักดันให้ระบายออก ทำให้เด็กสาววัยมัธยมไร้เดียงสาด้อยประสบการณ์ได้กลายร่างจากลูกแมวน้อยไปเป็นแม่เสือสาวโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอโผเข้าไปโอบกอดกับแผงอกกำยำอบอุ่น แล้วพรมจูบบริเวณคางและลำคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้ายกตัวขึ้นสูงแล้วใช้ปากควานหาประกบเข้ากับริมฝีปากที่ค้างนิ่ง

   แม้ว่าเขาจะยังคงยืนนิ่งเหม่อลอยไม่ตอบสนอง หากทว่าเมื่อครู่นั้นเธอเพิ่งได้ลิ้มรสจูบอันหอมหวานร้อนแรงเข้าไปอย่างจัง สองมือจึงโอบรัดรอบคอของเขา โน้มใบหน้าบดเข้าหา แล้วตวัดลิ้นเรียวเล็กที่ไม่เคยถูกใช้งานในเชิงกามให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง และควานหารุกล้ำเข้าไปพัวพันอยู่ในโพรงปากของเขาอย่างโหยหา

    เสียงจูบจุ๊บจ๊วบดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เธอเรียนรู้ที่จะออกแรงดูดและงับริมฝีปากของเทพบุตรสุดหล่อด้วยตนเอง  แต่ยิ่งจูบก็ยิ่งรู้สึกเร่าร้อนอึดอัดต้องการระบายออก เธอจึงแอ่นหน้าอกอวบเบียดเสียดถูไถเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่าของเขาไปด้วยอีกทาง

   ปลายถันสีชมพูอ่อนเสียดสีกับความหยาบกระด้างจนเธอขนลูกซู่ หากทว่านั่นกลับยังไม่อิ่มหนำเพียงพอ ความเสียวซ่านยังมิอาจเปรียบได้กับความรู้สึกที่โดนเขาบีบขยำดูดเลียทรวงอกแม้สักเศษเสี้ยว เรือนกายอันสะอาดบริสุทธิ์ของเด็กสาววัยใสกำลังเรียกร้องหาการเสพสมอันดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ป่าสักครั้งครา

   เธอปรือตาพยายามมองดูเขาด้วยความเว้าวอนออดอ้อน หากทว่าแววตาของเขายังคงเลื่อนลอยคล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอจึงได้แต่เม้มปากแน่นด้วยความขัดใจ แล้วโอบรัดจูบพรมเบียดเสียดร่างถูไถไปกับร่างแกร่งกำยำโดยไม่อาจทำอย่างไรได้

   เธอไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากความรู้สึกอึดอัดทรมาณเช่นนี้ เธอเพียงสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งทรงพลังและร้อนผ่าวของแก่นกายที่ตั้งตรงตระหง่าน ส่วนนั้นของเขากระดกหงึกไปมาตลอดเวลา เพราะเธอเบียดหน้าท้องเข้าหาด้วยความเสียวสยิว และมีหลายครั้งที่เธอพยายามจัดท่าทางให้มันทิ่มแทงเข้าไปตรงบริเวณกลางหว่างขา หากทว่าก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า

   เธอทราบว่าหญิงชายสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วยการให้ของผู้ชายใส่เข้าไปในส่วนนั้นของเธอ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่ทราบว่าจะทำให้ของเขาใส่เข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อเขายืนนิ่งเหม่อลอยอยู่ในท่วงท่าเช่นนี้

   "โอ ... พระเจ้า ได้โปรดช่วยปลดปล่อยหนูจากความรู้สึกแบบนี้ด้วย หนูทนรับไม่ไหวแล้ว ได้โปรดเถอะ"

   เด็กสาวที่เปี่ยมด้วยความสิ้นหวังชำเลืองมองดูไปยังศิลาอำนวยพรซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพระเจ้าในเกม เธอร่ำร้องขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ เธอปราถนาต่อบาปแห่งราคะอันสกปรกดำมืดในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ กระนั้นเธอก็ยังยืนกรานที่จะร้องขอโดยมิอาจหักห้ามความต้องการ

   ศิลาอำนวยพรที่ไม่เคยตอบสนองต่อผู้คน ย่อมยังคงความนิ่งเงียบไม่เปลี่ยนแปรเช่นเดิม แม้ว่าเด็กสาวจะเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์ใคร่จนแทบขาดใจเพียงใด หากทว่าบางสิ่งกลับแปรเปลี่ยนไปแล้ว ทั้งยังแปรเปลี่ยนไปโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเห็น

   อักขระที่บิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์ตัวที่หกสิบห้าซึ่งกำลังทอประกายสีขาวอบอุ่นอยู่ได้เปลี่ยนแปลงไป ประกายแสงสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์เริ่มหมองหม่น สีดำเข้มอันลึกลับชั่วร้ายแห่งความมืดเริ่มกลืนกินแสงสีขาวอย่างรวดเร็วจนกลับกลายเป็นอักขระสีดำเข้มทรงพลัง

   วินาทีนั้น ห้องสารภาพบาปทั้งห้องถูกย้อมด้วยสีดำจนมืดมิดมองไม่เห็นซึ่งสรรพสิ่งอันใด แองจี้ซึ่งกำลังเต็มไปด้วยไฟแห่งราคะจึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความตื่นตกใจ กระทั่งเมื่อความมืดมิดเลือนหายไป หลงเหลือแต่อักขระบิดเบี้ยวสีดำมืด เธอจึงค่อยสะดุ้งสะท้านด้วยความตื่นตกใจขึ้นมาอีกครั้ง

   ร่างของเทพบุตรสุดหล่อเหลาในอ้อมกอดได้เปลี่ยนไปแล้ว ประกายแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ระยิบระยับที่เคยอยู่รอบกายกลับเปลี่ยนไปเป็นความมืดมิดอาถรรพ์น่าหวาดกลัว แผงอกบึกบึนที่เป็นเลือดเนื้ออบอุ่นเหมือนมนุษย์กลับกลายเป็นผิวสีดำแดงแข็งกระด้างราวเกราะโลหะ

   ปีกสีขาวสวยงามแตกสลายเป็นละอองแสง และโดนแทนที่ด้วยปีกสีดำแดงขนาดใหญ่คล้ายปีกของค้างคาว ใบหน้าขาวสะอาดกลายเป็นสีแดงดำเข้ม ดวงตาอ่อนโยนเปลี่ยนไปเป็นดวงสีแดงก่ำของสัตว์ร้าย มุมปากทั้งสองข้างมีเขี้ยวสีขาววาววับผุดโผล่งอกออกมา

   "เผ่าปีศาจ!!!"

   แองจี้ส่งเสียงร่ำร้องผวาคลายอ้อมแขนออกจากร่างของเผ่าพันธุ์อันแข็งแกร่งที่น่ารังเกียจ ด้วยฐานะของนักบวชที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าแล้ว พวกเธอย่อมไม่มีวันที่จะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเผ่าปีศาจได้ เพราะนั่นนับเป็นศัตรูคู่แค้นของเผ่าพันธุ์มนุษย์และเทพเจ้า

   "ว้ายยย!!"

   หากทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันย้อนแย้ง เมื่อครู่เธอปราถนาใคร่กามต่อร่างเทพของเขาจนมิอาจยั้งใจได้อยู่ แต่เขากลับเหม่อลอยไม่ตอบสนอง เวลานี้เมื่อเธอตื่นตกใจต่อลักษณะของเผ่าพันธุ์ปีศาจจนคิดถอยหนี เขากลับแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม พร้อมกับยื่นฝ่ามือสีแดงดำที่มีกรงเล็บแหลมคมออกมาฉีกกระชากชุดนักบวชที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดจนขาดกระจุยกระจายแทบอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า

   "อย่า!!! ... อุ๊บ ... อื้มมม ... อื้มมมม ... อืมมมมม"

   เธอส่งเสียงร้องอย่าออกมาได้เพียงคำเดียว ฝ่ามือที่มีกรงเล็บก็คว้าหมับเข้ากับสองเต้า แล้วกระชากลากร่างบางไปกอดรัดจากทางด้านหลัง จากนั้นริมฝีปากก็โดนปีศาจตนนั้นประกบจูบแหย่ลิ้นพัวพันล่วงล้ำเข้ามาราวกับอสรพิษร้ายตัวหนึ่ง

   อารามตกใจทำให้แองจี้พยายามขืนตัวดิ้นรนสุดชีวิต หากทว่าเมื่อฝ่ามือหยาบแข็งกระด้างดั่งก้อนหินขยำตะปบบีบบี้ลงบนความนุ่มนิ่มเต่งตึงของสองเต้าภูเขาไฟแบบเนื้อต่อเนื้อ เด็กสาวก็สะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บแปลบและเสียวซ่านสะท้านทรวงขึ้นมาพร้อมกัน

   เธอพยายามบิดตัวสะบัดแขนเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย แต่กระนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะสามารถหลุดรอดออกจากท่อนแขนที่แกร่งราวกับเหล็กได้เลยแม้แต่น้อยนิด

   "Holy Light!!! (แสงศักดิ์สิทธิ์)"
 
   จะอย่างไรแองจี้ก็เป็นถึงนักบวชคลาสสามที่เก่งกาจในระดับสูงของเหล่าผู้เล่น เมื่อขัดขืนด้วยเรี่ยวแรงไม่สำเร็จ เธอก็พยายามรวบรวมสมาธิร่ายเวทย์ที่มีไว้เพื่อขับไล่ปีศาจร้ายขึ้นมาบนฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นก็กดแนบเวทย์แสงประทับลงไปบนฝ่ามือทั้งสองข้างที่กำลังขยำขยี้สองเต้าอวบอย่างเมามันส์

   เมื่อโดนเล่นงานด้วยเวทย์แสงอันศักดิ์สิทธิ์ อุ้งมือหยาบกระด้างสีแดงดำทรงพลังก็กระตุกสะท้าน แสงสีขาวที่ประทับลงบนผิวสีแดงดำราวกับแท่งเหล็กที่เผาไฟจนร้อนแดง ควันสีขาวและเสียงเผาไหม้ดังชี่ปรากฎขึ้นให้เห็น และนั่นก็ทำให้สองเต้าอวบโดดปลดปล่อยเป็นอิสระตามที่เธอต้องการ

   แองจี้รอคอยโอกาสเช่นนี้อยู่แล้ว เธอจึงรีบถลันร่างเปลือยออกจากอ้อมกอด พร้อมกับหมุนตัวหันหน้าเข้าหาและเริ่มร่ายเวทย์แสงอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อกรกับปีศาจตนนี้ เพราะทราบดีว่าตนเองอยู่ในห้องปิดตายที่ไม่สามารถออกไปได้โดยง่าย จึงเปล่าประโยชน์ที่จะคิดหลบหนี ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการกำราบปีศาจร้ายตนนี้ให้ได้เสียก่อน

   "Devil Exorcist !!! (ขับไล่ปีศาจ)"

   ด้วยความเก่งกาจเฉพาะตัว เพียงพริบตาเดียววงแหวนเวทย์ธาตุแสงระดับสูงที่มีพลังอำนาจขับไล่ความชั่วร้ายก็ปรากฎขึ้นขวางกั้นตรงกลางระหว่างเธอและปีศาจตนนั้นราวกับโล่เหล็ก

   แม้ว่าเวทย์จะยังไม่สมบูรณ์เต็มที่เพราะไม่มีเวลาประจุอย่างเพียงพอ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น ระดับพลังแค่นี้ก็เคยทำให้บอสเผ่าปีศาจระดับสูงชะงักงันไปได้ระยะเวลาหนึ่ง และครั้งนี้เธอก็คาดหวังเช่นนั้น เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาร่ายเวทย์ที่รุนแรงกว่าขึ้นมาได้

   เพล้ง!!!

   น่าเสียดายที่เธอประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป อักขระแสงที่สามารถต้านทานบอสธาตุมืดเลเวลสามร้อยขึ้นไปได้ กลับแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างง่ายดายเมื่อกรงเล็บสีแดงดำคมกริบคู่นั้นแทงวูบดิ่งเข้าหาบริเวณทรวงอก

   "ว้าย!!!"

   แองจี้หลับตาปี๋และบอกตัวเองว่าพ่ายแพ้แล้ว หากทว่าเมื่อกรงเล็บใกล้จะทะลวงทรวงอกของเธอ ปลายนิ้วทั้งห้าที่แนบติดกันราวคมดาบ ก็แยกตัวออกจากกันกลายสภาพเป็นอุ้งมือมาร และตะปบขยำขยี้ทรวงอกของเธออย่างหื่นกระหายจนแผ่นหลังกระแทกกับผนังห้องดับตุบ ความเจ็บแปลบทำให้เธอร้องโอยออกมาคำหนึ่ง หากทว่าความเสียวสยิวที่ด้านหน้าก็กำลังทำให้ร่างบอบบางกระตุกสะท้านวูบไหว

   เพียงเท่านั้นเด็กสาวก็รู้สึกเสียวแปลบปลาบราวกับโดนไฟช๊อตจนหมดเรี่ยวหมดแรง หากทว่าปีศาจตนนั้นเหมือนจะยังไม่กล้าไว้วางใจ ปีกที่มีกรงเล็บเหมือนค้างคาวคู่บนจึงสะบัดมาจับยึดแขนทั้งสองข้างบริเวณใกล้หัวไหล่กลมมนของเธออย่างแน่นหนา

   ขณะเดียวกันปีกค้างคาวคู่ล่างก็ขยับวูบไปจับยึดบริเวณท่อนขาเหนือเข่า พร้อมกับจับยกขึ้นจนร่างอวบเปลือยลอยเหนือพื้น แขนสองข้างกลายเป็นกางออกอวดเสน่ห์เรือนกายออกมาจนหมด แม้แต่สองขาก็อยู่ในสภาพแหวกอ้าเปิดให้เห็นช่องโพรงที่ปิดสนิทแต่ฉ่ำแฉะเร่าร้อน

   แองจี้รู้สึกขัดเขินอับอายยิ่ง หากทว่ากลับไม่สามารถต่อต้านขัดขืน แม้แต่จะส่งเสียงร้องห้ามก็ยังไม่สามารถกระทำได้ เพราะโดนอะไรบางอย่างที่เหมือนกับเชือกหนังสีดำตวัดมารัดพันปิดปากเอาไว้ และเมื่อพยายามลองมองดูให้ดี เธอก็ได้พบว่าสิ่งนั้นก็คือส่วนหางของปีศาจนั่นเอง!!!

   เธอเคยอ่านบันทึกของเผ่าปีศาจมาไม่น้อย จึงทราบดีว่าส่วนหางของปีศาจนั้นมีความแข็งแกร่งสามารถใช้ในการต่อสู้จริง ได้ อีกทั้งยังเคยอ่านเจอด้วยว่าส่วนหางของปีศาจนั้นมีสารกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรงอยู่ด้วย และวันนี้เธอก็ได้รู้ซึ้งด้วยตนเองแล้ว

   "อื้อออ!!!  อื๊อออออ!!!!"

   แทนที่เธอจะรู้สึกหวาดกลัวขยะแขยงต่อส่วนหางขนาดเท่าข้อมือเด็กที่แทรกเข้ามาในปาก หากทว่ากลิ่นและรสอันแปลกประหลาดกลับทำให้อารมณ์ของเธอเตลิดเปิดเปิง จากที่ตั้งใจจะอ้าปากงับกัดใส่สักครั้ง เธอกลับตวัดลิ้นเลียไปทั่วส่วนปลาย ทั้งยังออกแรงดูดเอาของเหลวแสนเอร็ดอร่อยเข้าไปในปากโดยไม่อาจควบคุมตัวเอง

   ขณะที่นักบวชสาวแสนสวยกำลังเอร็ดอร่อยเพลิดเพลิน ปีศาจตนนั้นก็กำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับสองเต้าเนื้อนิ่มเช่นกัน ความขาวเนียนสล้างบนทรวงอกโดนบีบขย้ำจนเต็มไปด้วยรอยแดงจ้ำ บริเวณปลายถันนั้นถึงกับเต็มไปด้วยรอยขบกัดอ่อนจางหลายรอย หากทว่าความเจ็บปวดเหล่านั้นกลับเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย เพราะความเสียวหฤหรรษ์ที่ได้รับกลับรุนแรงกว่าจนมิอาจเทียบเทียมได้

    แม็กในร่างปีศาจหื่นกามคล้ายกับคนเมามายที่เพิ่งร่ำสุรา หัวสมองของเขาหมุนติ้วเหมือนเพิ่งดวดเหล้าไปสักหลายขวด การเคลื่อนไหวทั้งหลายนั้นเขารับรู้จนหมดสิ้น หากทว่าทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นไปเองโดยมิได้ควบคุม มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยสัญชาตญาณดิบ

   อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด เพราะเสน่ห์ของนักบวชสาวคนนี้ช่างร้อนแรงและดึงดูดใจอย่างมากมายในแบบที่เขายังไม่เคยพบเจอ ท่าทางดิ้นรนไม่ยินยอมนั้นช่างกระตุ้นอารมณ์แห่งเพศผู้จนกระฉูดยากควบคุมอยู่

   สิ่งที่อยู่ในสติของเขาจึงมีแต่เพียงความขาวโพลนของผิวกาย เขากำลังหลงไหลไปกับความนุ่มนิ่มเต่งตึงหอมหวานแฝงแรงสะท้อน แม้แต่กลิ่นกาย และเสียงร้องครางในลำคออันเร่าร้อนคล้ายกับยากล่อนประสาทขนาดหนึ่งที่เมื่อได้ลิ้มลองก็มิอาจไถ่ถอนได้

   แม็กกลอกดวงตาสีแดงก่ำของเผ่าปีศาจจับจ้องมองสองเต้าอวบใหญ่ของนักบวชสาว ขณะนี้เธอกำลังโดนฝ่ามือของเขาบีบเคล้นจนบี้แบน สัมผัสของเต้านมช่างนุ่มนิ่มและแฝงแรงสะท้อนท้าทายให้บีบเคล้นอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ทุกสัมผัสของฝ่ามือเต็มไปด้วยแรงบีบอันหื่นกระหายจนสองเต้ากลมดิกดูคล้ายจะปริแตกได้ในทุกคราที่โดนสัมผัส

   แม้แต่สัมผัสที่ด้านล่างก็ช่างน่าค้นหา สัดส่วนลี้ลับช่างโหนกนูนเนียนนิ่มเต็มไม้เต็มมือจนแทบกุมไว้ไม่มิด อีกทั้งสัมผัสตอดตุบที่กระชับดูดไปตามนิ้วมือที่หดเล็บให้สั้นลง แล้วแหย่แยงอยู่ภายในร่องของเด็กสาวก็ทำเอาชายหนุ่มแทบคลั่ง เพราะมันช่างกระชับแน่นน่าลิ้มลองจนได้แต่เคลิบเคลิ้มปล่อยให้ร่างกายทำตามสิ่งที่สัญชาตญาณดิบควบคุม

   "ตรวจพบการล่วงละเมิดทางเพศในระดับมากกว่าเกณฑ์กำหนดมาตรฐาน กรุณายืนยันว่าท่านยินยอมพร้อมใจหรือไม่?"

   เวลานั้นข้อความของระบบกลับเด้งขึ้นมาในดวงตา ตามด้วยเสียงที่มีแต่เธอได้ยินเพียงคนเดียว แองจี้ซึ่งตัวอ่อนปวกเปียกเพลิดเพลินไปกับรสกามอันเร่าร้อนจึงปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย สติที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดทราบดีว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะรอดพ้นจากการเสียสาว หากทว่าเธอกลับลังเลขึ้นมา

   นี่นับเป็นระบบป้องกันการละเมิดทางเพศซึ่งมีอยู่ในเกมเพื่อปกป้องทั้งผู้เล่นชายและหญิง หากผู้เล่นยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่นในเมือง หรือบริเวณโดยรอบ และโดนล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ทางระบบจะส่งข้อความมาขอคำยืนยันเสียก่อน

   หากสองฝ่ายต่างเต็มใจ และตอบตกลงก็ถือว่านี่เป็นเพียงเรื่องขัดอารมณ์เล็ก ๆ แต่หากว่าเป็นการขืนใจโดยไม่ยินยอม ผู้ถูกกระทำจะสามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยการระบุว่าไม่ยินยอม และหากถึงเวลานั้น ทางระบบจะทำการประเมินเหตุการณ์ และลงโทษผู้ล่วงละเมิดตามเจตนาและความรุนแรงของการกระทำ
 
   ยกตัวอย่างเช่น หากตั้งใจข่มขืนด้วยกำลัง ก็จะโดนสั่งห้ามเข้าเกมตลอดชีวิต เพราะถือว่าเป็นโทษรุนแรง แต่หากฝ่ายหนึ่งจงใจยั่วยวนจนถึงนาทีสุดท้าย แล้วกลับเปลี่ยนใจไม่ยินยอม ทางระบบก็จะถือว่าเป็นผลของการกระทำตามเจตนา และจะไม่ลงโทษผู้ล่วงละเมิด

   "อือออออออ ..."

   แองจี้ส่งเสียงครางแผ่วเบาในลำคอ ขณะที่ปลายนิ้วมากลีลาของอีกฝ่ายกรีดเกาไปตามร่อง สะกิดเกาเข้ากับติ่งแตดที่ไวต่อสัมผัสจนสะโพกเด้งกระตุก ความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยพบพานกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่าง

   เธอกลอกตาขึ้นด้านบนมองลอดผ่านกระจกใสที่มองผ่านได้ด้านเดียว เธอเหม่อมองดูศิลาอำนวยพรที่ลอยนิ่งอยู่กลางวิหาร เธอเหลือบตามองดูซิสเตอร์มาเรียซึ่งกำลังสั่งสอนนักบวชรุ่นใหม่ และสุดท้ายก็เธอก็เหลือบตามามองดูแววตาของปีศาจที่ให้ความรู้สึกน่าลุ่มหลง แล้วส่งเสียงพร่ำเพ้อบอกกับตัวเองว่า

   'ช่างเถอะ ยังไงปีศาจนี่ก็เป็นพี่ชายตาสีฟ้าคนนั้น ... เราสัญญาว่าจะเป็นทาสของเขาแล้วด้วยซ้ำ ... ขอโทษนะคะซิสเตอร์มาเรีย ... ขอโทษนะคะพระเจ้า ที่หนูยอมแพ้ทำเรื่องไม่ดีในที่แบบนี้'

   แม้ว่าในใจจะแอบแฝงความหวาดกลัวและต่อต้าน หากทว่าอีกใจกลับเรียกร้องโหยหาสัมผัสแห่งความใคร่จากอีกฝ่าย อารมณ์ทางเพศที่อัดอั้นเกินทนเพียงต้องการให้เขาจัดการปลดปล่อยออกโดยยอมแลกกับทุกสิ่ง
 
   "... ยินยอม ... อือออ ... ซี้ดดดสสสส ... อูวววว ..."

   สุดท้ายเด็กสาวก็พ่ายแพ้ให้แก่ความใคร่ เธอตอบรับต่อระบบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพื่อเปิดโอกาสให้ปีศาจตนนั้นเสพสมกับเรือนกายของเธอต่อ และเมื่อเธอตอบรับ ความรู้สึกเสียวซ่านที่โดนระบบลดทอนลงลงก็ไหลบ่าทะลักทะลายจนต้องแหงนหน้าเริ่ดร้องครางซี้ดซ้าดออกมาไม่ขาดปาก

   "ท่านได้รับคำยินยอมรับการร่วมเพศจากอีกฝ่ายแล้ว คำยินยอมนี้จะมีผลเป็นเวลาสี่ชั่วโมง'

   "คำเตือน - ท่านกำลังจะมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยินยอม แต่การมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวที่อายุน้อยเกินไปเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามจารีตประเพณี กรุณาทบทวนใหม่อีกครั้ง"

   "คำเตือน - แม้ว่าอีกฝ่ายจะยินยอม แต่การปลุกปล้ำขืนใจด้วยกำลังจนอีกฝ่ายเกิดอารมณ์ทางเพศนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้องตามจารีตประเพณี กรุณาทบทวนใหม่อีกครั้ง"

   ''คำเตือน - ท่านกำลังจะมีเพศสัมพันธ์กับน้องสาวบุญธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นการผิดจารีต กรุณาทบทวนใหม่อีกครั้ง"

   ขณะที่หางของเผ่าปีศาจถอนออกจากปากของแองจี้ คำตอบรับยินยอมมีเพศสัมพันธ์ก็ดังขึ้นให้แม็กรับรู้ และนี่ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ เพราะไม่ได้คาดคิดว่าแองจี้จะเป็นผู้เล่น ซึ่งหากเป็น NPC ของเกม จะไม่มีข้อความแนวนี้ปรากฎขึ้นมาให้เห็น

   ที่แปลกใจไม่แพ้กันก็คือข้อความที่สองซึ่งระบุว่าแองจี้ยังเป็นเด็กไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะว่ารูปร่างของแองจี้ไม่ว่าจะมองหรือสัมผัสจากแง่มุมไหน ก็ต้องบอกว่าบึ้บบับเต็มไม้เต็มมือเหมือนวัยสาวมหาลัย เขาจึงแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เมื่อได้คิดสักเล็กน้อย เขาก็พบว่านี่มีเหตมีผล เพราะไม่ว่าจะท่าทางหรือการพูดจา แองจี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสาว มากกว่าสาวมหาลัยจริง ๆ

   กระนั้นเมื่อข้อความคำเตือนที่สามดังขึ้นเขาก็ต้องรู้สึกรำคาญจนสั่งหยุด ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้รับฟังคำเตือนที่สี่ซึ่งแจ้งเตือนเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง ทำให้ไม่ได้รับทราบว่าที่แท้แล้วแองจี้คนนี้ก็คือน้องสาวตัวแสบที่เขาเกือบเผลอลักหลับไปแล้วนั่นเอง

   ''คำเตือน - ท่านกำลังจะมีเพศสัมพันธ์กับพี่ชายบุญธรรม ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นการผิดจารีต กรุณาทบทวนใหม่อีกครั้ง"

   อย่างไรก็ตามข้อความแบบเดียวกันกลับยังคงดังขึ้นให้แองจี้ได้ยินโดยที่เขาไม่รู้ เด็กสาวที่แอบหลงรักพี่ชายมานานจึงเบิกตาโพลงมองดูชายหนุ่มในรูปลักษณ์ปีศาจคนนี้ด้วยแววตาที่แปลกไป

   เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หากทว่าระบบฐานข้อมูลของเกมย่อมไม่หลอกลวงใคร แม้เธอไม่เคยรู้ว่าพี่แม็กของเธอเล่นเกมนี้ และไม่ทราบว่าเขารู้หรือไม่ว่าเธอเป็นน้องส้มเช้งของเขา แต่มันก็เป็นไปแล้ว คำอธิษฐานที่แอบพร่ำขอมานานแสนนานของเธอได้กลายเป็นจริงแล้ว!!!

   ท่าทีกลัดมันหื่นกามของพี่ชาย ทำให้เธอเชื่อว่าเขายังไม่รู้เรื่องที่เธอเป็นน้องสาว ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็น่าจะเกิดการชะงักบ้าง และเมื่อเขาไม่มีอาการชะงัก เธอจึงต้องแอบขอบคุณพระเจ้าในใจเป็นครั้งที่สอง

   เมื่อเขาไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคือน้องสาวที่ตนพยายามหลีกเลี่ยง และเธอทราบว่าเขาคือพี่ชายที่เธอแอบหลงรัก สองฝ่ายจึงต่างเสนอสนองต่อกันจนหมดใจ เกมกามที่สมควรเกิดจึงไม่หยุดชะงักลงให้ขุ่นข้องใจ

   เขาขยับปีกเหมือนค้างคาวทั้งสี่ข้างปลดปล่อยให้แขนขาของแองจี้ได้รับอิสระภาพ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปพยุงร่างที่อ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงมาสวมกอดแล้วจับหมุนให้เธอหันหน้าไปทางกระจกซึ่งมองเห็นด้านนอก จากนั้นก็ขยับร่างไปประกอบกอดจากทางด้านหลัง แล้วสอดมือลอดใต้แขนไปขยำนมที่เด้งอยู่ด้านหน้า และนี่คือหนึ่งในท่วงท่าที่เขาชื่นชอบเมื่อต้องร่วมรักกับสาวสวยทรงโต

   "อืมมม ... ดะ เดี๋ยวค่ะ ... พี่ชื่ออะไรคะ?"

   ขณะที่แม็กจะกระทำสิ่งที่ควรทำ แองจี้ก็เอ่ยถามเสียงหวาน แน่นอนว่าเธอไม่ได้ถามเพราะอยากรู้ชื่อของเขาจริง ๆ เพียงแต่ต้องการทดสอบลองถามเพื่อหยั่งเชิงว่าเขาไม่รู้ว่าเธอคือใครจริงหรือไม่

   "พี่ชื่อแม็กครับน้องแองจี้"

   แม็กที่เหมือนจะได้สติกลับคืนมาเกือบหมด ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งของเผ่าปีศาจ ก่อนจะจับผลักร่างท่อนบนโน้มไปด้านหน้า ให้เธอก้มโก้งโค้งในท่ายืนใช้สองมือยันกับกระจก

   คำตอบของเขาทำให้เธอรู้สึกโล่งใจไปพร้อมกับเสียดาย เธอโล่งใจที่เขาไม่ทราบว่าเธอคือใคร หากทว่าก็แอบเสียดาย เพราะคงจะดีที่สุด หากว่าเขารู้ว่าเธอคือใคร แต่ยังคงแสดงความรักเช่นนี้ออกมา

   แม็กเงยหน้ามองดูสภาพห้องโถงด้านนอกด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น ก่อนจะก้มลงไปใช้มือบีบลูบแก้มก้นเนียนนิ่ม แล้วสะบัดมือตบดังเผียะด้วยความมันเขี้ยวจนเด็กสาวบิดตัวสะดุ้งโหยง จากนั้นแก่นกายที่ยาวใหญ่กว่าปกติ ทั้งยังแข็งตระหง่านดุจท่อนไม้ก็ค่อย ๆ ขยับจรดจ่อเข้าไปใกล้สิ่งที่ถวิลหา

   แองจี้ที่อยู่ในท่ายืนโก้งโค้งกัดเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นด้วยความลุ้นระทึก เธอแอบพร่ำคำขอโทษต่อซิสเตอร์มาเรียและพระเจ้าในเกมอีกรอบหนึ่งที่กระทำเรื่องราวสกปรกแปดเปื้อน

   กระนั้นก็ดูเหมือนเธอจะไมไ่ด้คิดใส่ใจเรื่องนี้นัก เพราะว่าตอนนี้เธอรับรู้ได้แต่เพียงความตื่นเต้นอันวาบหวิวที่เริ่มรุกล้ำสอดใส่เข้ามาในร่างกายของเธอ สิ่งนี้แหละคือสิ่งที่เธอรอคอยจากพี่ชายสุดที่รักของเธอมานานแสนนาน
 
   "ซี้ดดสสส ... อะ ... อะ ... โอ๊ยย ... ซี้ดดสสส ... อูววววว"

   เสียงครางเริ่มกระเส่าดังเมื่อเขาเริ่มเดินหน้า สองขาที่ยืนรับน้ำหนักตัวไว้สั่นพึ่บพั่บไปมาแทบไม่อาจทรงกายไว้ได้อยู่ ความเจ็บปวดที่โดนชำแรกเยื่อพรหมจรรย์ทำเอาเธอต้องหลับตาปี๋แทบร้องกรี๊ดออกมา กระนั้นเธอก็ยังกัดฟันอดทน

   ภายใต้ความหฤหรรษ์แสนหวานนั้น เด็กสาวเกร็งจนร่างสั่นระริก สองมือที่แนบบนกระจกใสเกร็งสั่นระริก เธอเริ่มอ้าปากเหวอค้างออกมาเมื่อเจ้าสิ่งนั้นหลุดพรวดฝ่าด่านแรกเข้ามาได้สำเร็จ

   เธอรู้สึกเจ็บปวดราวกับสองขาได้ฉีกขาดแยกออกจากกัน หากยังดีที่เขารู้จักผ่อนปรนจังหวะให้เธอได้หายใจหายคอ ทั้งยังรู้จักเล้าโลมปลุกอารมณ์ด้วยการจูบพรมบนแผ่นหลังและหัวไหล่ สลับกับการใช้มือสะกิดเขี่ยปลายถันและบดบี้จุดซ่อนเร้นไวต่อสัมผัส

   แองจี้หอบหายใจฟืดฟาดหนักหน่วง สองแขนหมดเรี่ยวแรงจนยันร่างไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยให้โน้มไปด้านหน้าจนศีรษะชนกับกระจกดังโป๊ก และนั่นก็ทำให้เกิดเสียงดังเบา ๆ เรียกร้องความสนใจจนผู้คนหลายสิบในห้องโถงหันมองมาเป็นตาเดียวกัน

   เด็กสาวใจหายวาบเกรงว่าจะโดนเห็นเข้าจึงพยายามจะผลักร่างออกไปด้านหลัง หากทว่าชายหื่นที่ประกบอยู่ด้านหลังกลับไม่ยินยอม ทั้งยังโถมทับเข้าใส่จากด้านหลัง จนใบหน้าและทรวงอกอวบกดแนบลงบนกระจกเย็นเยียบจนบี้แบน

   สายตาหลายสิบคู่ยังคงจับจ้องมองมาทางกระจก หากทว่าเพียงไม่นานพวกเขาก็หันกลับไปกระทำภารกิจที่คั่งค้างอยู่โดยไม่สนใจนัก แองจี้จึงค่อยรู้สึกวางใจที่ไม่มีใครเห็นว่าเธอกำลังอยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อน ทั้งยังกำลังทำเรื่องบัดสีโดยมีกระจกมองด้านเดียวปิดบังอยู่

   "พี่แม็ก มีน้องสาวหรือเปล่าคะ? ... อะ ... อึ๊ยยย ... ซี้ดดสสส"

   "... มีอยู่คนนึง ... ทำไมเหรอ ... โอย คับอะไรขนาดนี้ ตอดดีจังเลยแองจี้ ซี้ดดสสส "

   "น้องสาวพี่ชื่ออะไรคะ"

   "... ชื่อส้มเช้งน่ะ ... มีอะไรหรือเปล่า?"

   "เปล่าค่ะ ... หนูแค่อยากขอให้พี่แม็กเรียกหนูว่าส้มเช้งได้มั้ยคะ ... คือหนูแอบรักพี่ชายน่ะค่ะ"

   "อืมม ... ได้ซิครับ น้องส้มเช้งที่น่ารักของพี่แม็ก'
 
   คำถามแปลก ๆ ของแองจี้ทำให้แม็กแปลกใจอยู่สักหน่อย แต่เมื่อเธอเฉลยออกมาว่าเธอแอบรักพี่ชาย เขาจึงค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ที่เธอพยายามบอกอย่างอ้อม ๆ เขาคิดว่าเธออยากให้เขาสมมติให้เธอเป็นน้องสาว และเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ จึงตกปากรับคำทันที

   สิ่งที่เขาคาดเดานั้นไม่ผิดไปจากความจริง เพียงแต่ตกหล่นข้อเท็จจริงบางอย่าง เพราะเขาไม่ทราบว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์สมมติ และเธอตั้งใจวางแผนให้เขาเรียกเธอเช่นนั้น ด้วยเหตุผลส่วนตัวหลาย ๆ อย่าง

   ขณะที่สนทนาแม็กไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวลงแต่อย่างใด เวลานี้แก่นกายจึงสอดใส่เข้าไปได้จนสุดลำแล้ว ความหฤหรรษ์จึงสร้างความปั่นป่วนจนเด็กสาวน้ำลายไหลเอ่อออกมาจากมุมปาก

   เมื่อตั้งลำได้ เขาก็เริ่มขยับดึงออกแล้วดันเข้าอย่างแผ่วเบาละมุน เรือนร่างอวบอัดที่บดเบียดอยู่กับกระจกจึงส่ายไหวไปมา สองเต้าอวบกลมเบียดเสียดสีกับความเรียบลื่นส่งเสียงเหมือนฟองน้ำขัดกระจกแปลกประหลาดเร้าใจ

   นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมปล่อยให้สองเต้าของคู่รักเป็นอิสระในท่วงท่าร่วมรักนี้ เพราะว่าแม้อยากบีบขยำให้สาแก่ใจ แต่เมื่อได้เห็นมันภาพก้อนเนื้อบดบี้ถูไถกับกระจกดังเอี๊ยดอ๊าดก็พอจะสร้างความตื่นเต้นระทึกแปลกใหม่ได้ไม่น้อย

   สะโพกหนาเริ่มขยับกระแทกเร็วขึ้น และแรงขึ้น เด็กสาวจึงแหงนหน้าเริ่ดถูไถไปกับกระจกในห้องสารภาพบาป เธอส่งเสียงร้องครางซี้ดซ้าดด้วยความเสียวกระสันออกมาอย่างเต็มที่ไม่มีรั้งออม เพราะทราบดีว่านี่คือห้องเก็บเสียง

   ภายใต้การบีบสัมผัสของอีกฝ่าย ร่างกายอันสาวสดของเธอสั่นสะท้าน ความเสียวซ่านระเบิดปะทุออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า กระทั่งเธอเริ่มเรียนรู้ในเชิงกาม ร่างกายอันสวยสะพรั่งเริ่มเด้งสะโพกไหวไปมารับกับจังหวะสอดใส่ของแก่นกายที่ลากวิ่งเข้าวิ่งออกในร่องสวรรค์อันฉ่ำแฉะ เธอรู้สึกเหมือนกำลังใกล้จะคลั่งเต็มที

   เนื่องด้วยนี่เป็นประสบการณืครั้งแรก ทั้งยังต้องอยู่ในท่วงท่ายืนโก้งโค้งเบียดกับกระจกจึงไม่ค่อยถนัดนักในช่วงแรก แต่เมื่อเริ่มจับจุดได้ เด็กสาววัยใสก็เริ่มออกลีลาถอยหน้าถอยหลังเร่งจังหวะเร็วขึ้นและแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อสะโพกเนียนเต่งจึงเด้งกระทบกระแทกกับหน้าขาของชายหนุ่มส่งเสียงดังถี่ระรัวเร็วขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

   เสียงเกมกามที่บรรเลงอย่างเชื่องช้า เริ่มค่อยทวีโหมเร่งระรัวเร็วเป็นเสียง ตับ ตับ ตับ ผสานแข่งกับเสียงร้องครางและสูดปากอันกระสันรัญจวนของเด็กสาว

   เม็ดเหงื่อที่ผุดเกาะอยู่บนร่างขาวโพลนของเด็กสาวละเลงลงไปบนกระจกเป็นรอยเปียก ทั้งยังร่วงพรูกระเด็นออกมาทุกคราที่สะโพกขาวเนียนกระทบกระแทกเข้ากับแก่นกายแข็งกระด้างดั่งหินผาของเผ่าปีศาจ

   กระทั่งเมื่อใกล้ถึงสรวงสวรรค์ เด็กสาวก็หอบหายใจฟืดฟาดส่งเสียงร้องครวญครางวอนขอความเห็นใจของผู้เป็นพี่ชายออกมาอย่างร้อนรน เขาจึงช่วยเร่งโหมกระแทกบั้นเอว กระหน่ำนำพาเด็กสาวตะเกียกตะกายจนผ่านพ้นจากความอัดอั้น

   ส้มเช้งเองก็รีดเร้นเรี่ยวแรงโหมขยับบั้นเอวอัดเข้าหาแก่นกายของเขาอย่างเมามันส์ เด็กสาวที่เคยคิดสงสัยว่าเหตใดนางเอกในหนังโป๊ต้องเด้งบิดสะโพกไปมาซ้ายทีขวาทีขณะร่วมรัก บัดนี้เธอได้รู้ซึ้งถึงสัมผัสหฤหรรษ์เมื่อเด้งสะโพกโยกเอวเช่นนี้แล้ว

   แม็กเร่งกระแทกกระทั้นพลางสูดปากซี้ดซ้าดสะใจ สองมือเร่งบีบบี้เคล้นคลึงเต้านม และบีบขยำไปทั่วร่างเพื่อปลุกปั่นความ
กระสันให้กับเด็กสาวให้มากที่สุด และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาแองจี้ก็โดนส่งไปถึงฝั่งฝัน เธอคล้ายหลุดออกมาจากโพรงถ้ำอันมืดมิด ล่องลอยอยู่บนที่ที่มีแต่ความสว่างขาวโพลนไปหมด

   "โอยย ... ซี้ดดดสสสสส โอยยยย อื้ยยยยย โอยยยย ซี้ดดดสสสส ... พี่แม็ก ... อืมมม ... พี่แม็กคะ ... อึ๊ยยยย ... หนูรักพี่แม็กนะคะ!!!"

   ร่างอวบอัดเต่งแน่นของนักบวชสาวเด้งกระตุกเกร็งสะท้านอย่างรุนแรง เธอแหงนหน้าเริ่ดสะบัดไปมา พลางส่งเสียงหวีดร่ำร้องครวญครางอย่างหฤหรรษ์ ขณะที่ร่องหลืบกระตุกตอดตุบดูดแท่งเนื้อที่หยั่งรากลึกอยู่ในร่างอย่างหิวโหย

   "อูยยยย ... เสร็จพร้อมกันเลยนะแองจี้ เอ๊ย น้องส้มเช้ง ... อูยยสสส ... เอามันจริง ๆ ..."

   เมื่อโดนร่องรักสดใหม่ของเด็กสาวดูดตอด ครั้งนี้จึงมิใช่เธอเพียงคนเดียวที่ถูกปลดปล่อย เขาส่งเสียงสูดปากด้วยความสะใจ และเรียกชื่อของแองจี้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตกลงกับเธอไว้เรื่องชื่อสมมติ เขาจึงรีบเปลี่ยนไปเรียกเธอว่าส้มเช้งแทน โดยที่ยังไม่รู้ว่าส้มเช้งคือชื่อที่แท้จริงของแองจี้

   แม้ว่าจะเป็นเพียงประโยคที่อีกฝ่ายคิดว่าสมมติ แต่เด็กสาวก็ยังรู้สึกหัวใจพองโต เธอรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านระริกของผู้เป็นพี่ชายที่หยั่งรากลึกเข้ามาในร่างของเธอจนสุด และนั่นก็มาพร้อมกับหยาดน้ำกามอันร้อนฉ่าที่แตกทะลักเข้ามาจนเอ่อล้นร่องสวาท

   หลังจากควงคู่กันขึ้นสรวงสวรรค์ หนุ่มสาวก็ตัวสั่นสะท้านหอบหายใจกระเส่า ต่างฝ่ายต่างหยุดนิ่งซึมซาบความหฤหรรษ์จากเรือนร่างของอีกฝ่ายในห้องสารภาพบาปอย่างเงียบงัน

   ที่เบื้องนอกกระจกนั้นมีนักบวชมากหลายพากันนั่งสวดอธิษฐานด้วยความรู้สึกเคร่งขรึมน่าศรัทธา หากทว่าความเป็นชายของเขายังคงแข็งตัวโด่เด่คล้ายไม่อิ่มหนำ ขณะเดียวกันอารมณ์ของเด็กสาวที่เพิ่งได้ลิ้มรสสวาทครั้งแรกก็ยังไม่รู้สึกอิ่มเอม เสียงเอี๊ยด ๆ ซึ่งเกิดจากการเสียดสีของเต้านมและกระจกจึงดังขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จวบจนกระทั่งเมื่อประตูห้องเปิดออกเพราะครบกำหนดเวลาสองชั่วโมง พายุรักในห้องสารภาพบาปแห่งนี้จึงค่อยบางเบาลงไปได้

.................................................................
เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

sak24


kidoverlong

กลับมาอ่านทีไรก้อยังโอเหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าตามกันยาวๆ  ::WooWoo:: ::WooWoo:: ::WooWoo::

iggdrasil


sotimez


xxxboyz

เรื่องนี้อ่านได้ไม่มีเบื่อจริงครับ

milan

สนุกน่าติดตาม เพิ่งมาได้ 8 ตอนแต่รู้สึกว่ามันจะอ่านไปเรื่อยๆ

newautonomous

ขอบคุณครับ ติดตามต่อไป เหอๆ

sintosin


minky way

สมใจขาหื่นเลยครับ แม็คจัดเต็มน้องแองจี้ได้เร้าใจมากๆ

ตะวัน123

ไปท้าผิดคนแล้วแองจี้นั้นพระเอกของเรื่องน่ะ

Kitamakura

ยังงานดีเหมือนเคยเลยค่ะ จะติดตามต่อไปเรื่อยๆนะคะ

infinity infinity

อ่านกันยาวๆ พึ่งตอนที่ 8 เอง
ขอบคุณมากครับ