ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เทพมารสะท้านทรวง ตอนที่ 4 - สืบพยาน

เริ่มโดย assasin008, มีนาคม 16, 2015, 02:47:17 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

คุยเรื่อยเปื่อย

อย่างที่บอกไว้นะครับ ว่านี่เป็นเรื่องที่เขียนดองไว้นานแล้ว
มีทั้งหมดแค่สี่ตอน และมีแนวโน้มสูงที่จะโดนดองต่อไป จนกว่าจะมีแรงบันดาลใจอยากเขียนอีก
จึงต้องขออภัยล่วงหน้า สำหรับท่านที่ชื่นชอบ และรออ่านตอนที่ 5 ^ ^"

เทพมารสะท้านทรวง ตอนที่ 4 - สืบพยาน
........................................................................................
Assasin008 2013-01-13

อี่เทียนฟง โบกคบเพลิงในมือวูบไหวปัดป้องไล่เงาดำมืดของค้างคาวที่เหินบินโฉบผ่านข้างกาย
เสียงดังพึ่บพั่บวุ่นวาย อีกด้านหนึ่งก็หอบหิ้วตะกร้าอาหารอันว่างเปล่ากลับขึ้นมาจากคุกใต้ดินซึ่ง
เป็นที่คุมขังจองจำตาเฒ่าวิปลาส

เมื่อเด็กชายเริ่มพ้นปากถ้ำ ก็พลันถูกสะกดไว้ด้วยความงามแห่งดวงแสงอันขาวนวลของจันทรา
เต็มดวงที่ทอแสงกระจ่างพร่างพราวไปทั่วผืนนภาอันดำมืด ลมหายใจของเด็กชายวัยสิบหกแปร
เปลี่ยนเป็นไอสีขาว เมื่ออากาศอันร้อนอับชื้นในคุกใต้ดินค่อยผันเปลี่ยนกลับกลายเป็นความหนาว
เหน็บยะเยือกเย็นของรัตติกาลแห่งเหมันตฤดู

ใบหน้าอันหล่อเหลาองอาจเกินวัยของเด็กชายที่สะท้อนกับแสงอ่อนนวลของดวงจันทราแฝงเค้า
ความวิตกกังวลสงสัยอยู่ไม่น้อย เนื่องด้วยนี่เป็นคราครั้งแรกที่เฒ่าวิปลาสแสดงสีหน้าและแววตา
ที่มิคล้ายชายชราสติฟั่นเฟือนออกมาให้มันได้พบเห็น

มาตรว่าจะเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้นเท่าจิบน้ำชาสักอึก ก่อนที่แววตาของตาเฒ่าจะแปรเปลี่ยนกลับ
กลายเป็นแววตาอันเลื่อนลอย และเสียงหัวร่อพูดจาอย่างคุ้มคลั่งฟั่นเฟือนเช่นที่เคยเป็น หากทว่า
แววตาอันเจ็บปวดโศกเศร้าอับจนหนทางของเฒ่าวิปลาสกลับตราตรึงอยู่ในดวงตาของเด็กน้อย
เช่นมันอย่างมิอาจลบเลือน และนั่นเป็นคราครั้งแรกที่เทียนฟงเริ่มบังเกิดความรู้สึกสับสนสงสัยว่า
เฒ่าวิปลาสที่มันนับถือเสมือนญาติผู้ใหญ่คนนี้อาจจะเป็นมหาโจรภูตพรายอวี้เย่าเหลียนอันโด่ง
ดังในอดีตอย่างที่กล่าวอ้างก็เป็นได้

"นี่จึงเป็นไปมิได้ ตามบันทึกแห่งยุทธภพในหอตำรา มหาโจรภูตพรายอวี้เย่าเหลียนสมควรต้องสิ้น
ชีวิตเพราะโรคร้ายไปตั้งแต่สิบห้าปีก่อนมิใช่หรือไร ... อีกทั้งเรื่องราวล้วนเกิดขึ้นเนิ่นนานเกินไป
เช่นนี้คงมิอาจมองหาผู้คนที่รับทราบเรื่องราวได้ง่ายนัก"

เทียนฟง แหงนหน้าเหม่อมองดวงจันทร์ พลางกล่าววาจาย้ำเตือนกับตนเองอย่างแผ่วเบา ก่อน
สะบัดศรีษะไล่ความคิดที่จะสืบค้นประวัติของเฒ่าวิปลาส จากนั้นจึงเริ่มยกเท้าก้าวเดินย่ำไปตาม
ผืนดินที่ถูกทับถมไปด้วยหิมะอันขาวโพลน

"เด็กน้อยที่น่าตาย เจ้าจะรีบไปที่แห่งใดกัน ไฉนจึงไม่แวะมาจิบน้ำชาสนทนากับบรรดาพี่สาวของเจ้า
สักหลายประโยคก่อนเล่า"

ซุ้มเสียงอันอ่อนหวานฉอเลาะของสตรีวัยยี่สิบเศษนางหนึ่งแว่วมาด้านหลัง จากนั้นความนุ่มนิ่มหอม
กรุ่นของเลือดเนื้ออันเต่งตึงก็บดเบียดโอบล้อมเข้ามากอดแซะเด็กชายทั้ง แขนซ้าย แขนขวา และแผ่น
หลังอย่างพร้อมเพรียง ที่แท้สตรีรูปร่างสะโอดสะองทั้งสามนางมิทราบปรากฎกายออกมาจากที่ใด หาก
เพียงชั่วพริบตาก็โอบกอดอิงแอบกับเทียนฟงเสียจนแนบแน่นเสียแล้ว

"เจี่ยแจ(พี่สาว)ทั้งสาม ชื่นชอบกลั่นแกล้งผู้คนให้ตื่นตระหนกนัก ปรากฎกายออกมาจากความมืดราวกับ
ภูติผีเช่นนี้ หากข้าพเจ้าตระหนกตกใจจนล้มตายไป พวกท่านมิแคล้วต้องกลับกลายเป็นม่ายไร้สามีหรือไร"

มิทราบว่ารับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วหรืออย่างใด หากทว่าเด็กชายกลับไม่แสดงอาการตื่นตระหนกตกใจแม้แต่
น้อย ทั้งยังกล่าววาจาสัพยอกหยอกล้อกับโฉมสะคราญทั้งสามด้วยรอยยิ้มเสียด้วยซ้ำ

"คิก คิก เด็กน้อยเจ้ากลับร้ายกาจยิ่ง เหตใดจึงมิตื่นตกใจแม้แต่น้อย ทั้งที่พวกข้าต่างตั้งใจอำพรางกาย
ในความมืดอย่างมิดชิดยิ่ง เจ้าแอบพบเห็นพวกเราได้เยี่ยงไร"

สตรีรูปงามวัยยี่สิบเศษนางหนึ่งเบียดกายบดทรวงอกเข้ากับแขนขวา พลางเอ่ยกระซิบที่ข้างใบหูของเทียน
ฟงอย่างยั่วเย้า ก่อนอ้าปากงับใบหูแลบลิ้นเลียเล่นอย่างแผ่วเบาจนเด็กชายขนลุกซู่ด้วยความวาบหวิว

"นี่ต้องโทษที่พวกท่านอยากหยอกล้อเด็กน้อยเราพร้อมกัน เมื่อมาถึงปากทางเข้าคุกใต้ดิน กลับมิมีเวรยาม
เฝ้ารักษาการณ์ ข้าพเจ้าจึงกลับคาดเดาได้ในทันทีว่า พวกท่านคงมีแผนการณ์กลั่นแกล้งผู้คนเป็นแน่"

"เช่นนี้เด็กน้อยเจ้าจึงสมควรต้องรับโทษแล้ว ด้วยมิยอมแสร้งเป็นตื่นตกใจให้พี่สาวผู้นี้ได้ชื่นบานสำราญใจ"

สตรีวัยสามสิบที่มีความงดงามมิแพ้สตรีอีกสองนางกล่าวเสียงออดอ้อนพลางกอดกระหวัดรัดมาจากด้าน
หลัง ทรวงอกของนางจึงบดเบียดอยู่กับแผ่นหลังของเด็กชาย อีกทั้งสองมือก็แปะป่ายลูบคลำรุกล้ำไปตาม
แผงอกอันกำยำของมันไม่ได้หยุด

"โอย เช่นนี้ ข้าพเจ้าสมควรโดนรับโทษแล้ว มิทราบว่าพี่สาวโฉมงามทั้งสามจะลงโทษข้าพเจ้าเช่นไร"

"ลงโทษด้วยการให้อยู่ดื่มน้ำชาสนทนากับพวกเราทั้งค่ำคืนเป็นอย่างไร"

สตรีที่เกาะเกี่ยวแขนซ้ายของมันเอ่ยพลางส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

"ฟู่เจี่ยแจ(พี่สาวแซ่ฟู่) หลินเจี่ยแจ หวังเจี่ยแจ พวกท่านอย่าได้กลั่นแกล้งข้าพเจ้าแล้ว หากข้าพเจ้ามิได้ไป
ค้นหาโสมจันทราเพื่อส่งห้องยา ข้าพเจ้าคงต้องโดนลงโทษสถานหนักแล้ว"

เทียนฟงยกสองมือในท่วงท่าคารวะกล่าวขอความเห็นใจ หากทว่าความเป็นชายที่โดนโฉมงามทั้งสามยื้อ
แย่งกันลูบคลำนั้นเล่ากลับกำลังแข็งตัวตระหง่านขึ้นมาเสียแล้ว

"คิก คิก เด็กน้อยเจ้ากลับกล่าววาจามิตรงกับใจยิ่ง วาจากล่าวสิ่งหนึ่ง หากอาวุธประจำกายของเจ้ากลับคิด
กระทำอีกสิ่งหนึ่ง เด็กน้อยเจ้าอย่าได้หวาดกลัวแล้ว ภายในสำนักแม้แต่สตรีอ่อนเยาว์หรือสูงวัยก็ล้วนแล้ว
แต่ต้องตาต้องใจเสน่ห์เจ้า หาได้มีสตรีใดที่สามารถตัดใจลงโทษเจ้าได้ไม่ แม้แต่ผู้คุมคุกเช่นพวกเรายังมิ
แคล้วต้องหลงเสน่ห์เด็กน้อยอันร้ายกาจเช่นเจ้า"

เมื่อสตรีแซ่ฟู่กล่าวจบ สตรีอีกสองนางก็หัวเราะร่วนอย่างเบิกบานใจที่ได้กลั่นแกล้งเด็กชายอันหล่อเหลา
ผู้นี้ พวกนางแม้จะมีศักดิ์ฐานะเป็นเพียงผู้คุมคุก หากทว่าหน้าตาและเรือนร่างของพวกนางทั้งสามนั้นกลับ
กล่าวได้ว่าสวยสดงดงามยิ่ง มาตรว่ามิได้งดงามเทียบเท่าระดับของเหม่ยลี่ผู้เป็นชู้รักของเด็กชาย หากทว่า
ก็นับได้ว่างดงามเหนือสตรีทั่วไปไม่น้อย

"พี่สาวอันประเสริฐเช่นพวกท่านคงมิใจร้ายเฆี่ยนโบยเด็กน้อยเช่นเรา หากทว่าผู้อื่นเล่า ข้าพเจ้าเป็นเพียง
เด็กน้อยไร้วรยุทธ์คงมิอาจรับมือได้ไหว พี่สาวทั้งสามโปรดปล่อยปละละเว้นข้าพเจ้าสักคราได้หรือไม่"

เทียนฟง ต้องพยายามฝืนใจเป็นอย่างยิ่งเพื่อที่จะกล่าวปฎิเสธจากสตรีทั้งสาม หากทว่าพวกนางทั้งสาม
กลับมิมีท่าทีจะยอมปลดปล่อยมันไป ทางหนึ่งก็โอบกอดลูบไล้เบียดแซะความนุ่มนิ่มไปทั่วร่างจนมันได้
แต่ยืนนิ่งเงียบด้วยแทบทานทนมิไหว อีกทางหนึ่งพวกนางก็พากันพูดจาถกเถียงกันเองเพื่อหาทางออก

"เช่นนี้เถอะ พี่สาวผู้นี้จะผ่อนปรนให้ อยู่สนทนากับพวกเราสักหนึ่งชั่วยามเป็นอย่างไร"

"มิได้ !!! หนึ่งชั่วยามออกจะแสนสั้นเกินไปแล้ว พวกเรามีกันถึงสามมิใช่หรือไร"

"เช่นนั้นจะให้ทำเยี่ยงไร เปลี่ยนเป็นสามชั่วยาม ดีหรือไม่?"

"เนิ่นนานไปหรือไม่ เกรงว่าเด็กน้อยจะไม่มีเวลาเดินขึ้นเขาไปเก็บโสมจันทราอะไรนั่น"

"เช่นนี้เป็นอย่างไร มิต้องสนใจเรื่องเวลา ขอเพียงเด็กน้อยผู้นี้แสดงฝีไม้ลายมือกับพวกเราสักคนละหนึ่ง
กระบวนเพลง พวกเราจึงค่อยตกลงปลดปล่อยให้มันไป ทั้งให้มันสาบานว่าหากพบเจอโสมจันทราพันปี
จะต้องนำมาให้พวกเราดื่มกินเพื่อให้ปลอดภัยจากพิษร้ายทั้งมวลดีหรือไม่"

"โสมจันทราอันใดจักมีอายุยืนถึงพันปี ทั้งยังสามารถคุ้มครองร่างกายจากสรรพพิษทั้งมวลได้ นั่นคงเป็น
เพียงเรื่องร่ำลือเกินจริงไปแล้ว ข้าหาได้สนใจไม่"

"เจ้ามิเคยอ่านตำนานของสำนักเราหรือไร ปฐมาจารย์แห่งสำนัก สำเร็จวรยุทธ์อันเลิศล้ำ เนื่องด้วยสามารถ
ฉกชิงเอาโสมจันทรามาจากรังของอสรพิษขาวพันปี สัตว์ร้ายตนนี้ร่ำลือกันว่ามีสีขาวปลอดไปทั้งตัวดุจเกล็ด
หิมะ อีกทั้งมีขนาดลำตัวเท่าต้นสนโบราณต้นหนึ่ง ความยาวยืดสุดจะทาบวัดได้ไหว หากทว่าปฐมาจารย์แห่ง
สำนัก ทางหนึ่งได้รับสุดยอดแห่งพิษหยินเย็นเยือก อีกทางหนึ่งก็ได้รับโลหิตอสรพิษที่ทำให้ร่างกายเยาว์วัย
ชะลอการแก่ชรา ทั้งยังทำให้ทั่วทั้งสรรพางค์กายกลับกลายเป็นที่ต้องใจเพศตรงข้าม เมื่อได้รับสามสิ่งนี้นาง
จึงสามารถสำเร็จได้ซึ่งวิชาหมื่นพิษ วิชาเก้าจันทรา และวิชามารฟ้า ได้ทั้งที่ยังเยาว์วัย"

"อสรพิษพันปีหมื่นปีอันใด ข้าหาได้สนใจไม่ จะตำนานเรื่องเล่าขานก็ดี เรื่องราวทั่วไปในสำนักก็ดี ข้าล้วน
แล้วแต่รับรู้รับฟังมาตลอดอายุสามสิบห้าขวบปีจนรู้แจ้งแล้วหมดสิ้น เรื่องราวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่น่าเบื่อหน่าย
ยิ่งนัก เช่นนี้เถอะ ให้เด็กน้อยผู้นี้แสดงกระบวนเพลงต่อพวกเราคนละสามกระบวนเพลง จากนั้นมันจะไปเข่นฆ่า
อสรพิษขาวพันปีหรือไปให้อสรพิษขาวกลืนกินก็แล้วแต่มัน ตกลงเช่นนี้ดีหรือไม่ ข้าต้องการจะรีดน้ำพิษจาก
อสรพิษของเด็กน้อยที่น่าคลั่งไคล้ผู้นี้แทบตายแล้ว"

สตรีทั้งสามนางหันมามองหน้าเหมือนจะเห็นพ้องร่วมกัน จากนั้นก็หันมามองเด็กชายที่ได้แต่ยิ้มรับเพราะ
แม้ว่าจะมีเรื่องราวอันเป็นปริศนาดำมืดของเฒ่าวิปลาสมาทำให้รู้สึกฉงนสงสัยจนแทบมิมีอารมณ์ร่วม กระ
นั้นเมื่อมันได้รับฟังวาจาของสตรีที่อาวุโสที่สุดในกลุ่ม มันก็เริ่มรู้สึกเหมือนเห็นแสงอันรำไรที่สอดส่องทะลุ
ม่านเมฆดำทะมึนลงมา เพราะมิแน่ว่าบุคคลที่สามารถให้เบาะแสเรื่องราวของเฒ่าวิปลาสได้ อาจจะอยู่ใกล้
เพียงเท่านี้เอง

เมื่อเทียนฟงมิได้แสดงอาการขัดข้อง สตรีโฉมงามทั้งสามนางจึงต่างพากันโอบกอดกระแซะเกี่ยวก้อยนำ
พาเทียนฟงตรงไปเสพสุขยังคูหาลับที่อยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าอันชื่นบาน จากนั้นเรือนร่างเปลือยเปล่าสี่ร่าง
ของสามสตรีหนึ่งบุรุษก็กอดรัดพัวพันกันอย่างร้อนแรงวาบหวาม อารมณ์อันเก็บกดเร่าร้อนของสตรีทั้งสาม
ที่มิได้ใกล้ชิดบุรุษอื่นใดกลับคล้ายกองเพลิงกองใหญ่ที่ลามเลียแผดเผาไปทั่วสรรพางค์กายอันแข็งแกร๋ง
แห่งบุรุษเพศ

หนึ่งนั้นบดเบียดทรวงอกอันนุ่มนิ่มของตนกับแผ่นหลังพร้อมระดมพรมจูบไปทั่วต้นคอของเด็กชายอย่างหิว
โหย อีกสองนางนั้นแบ่งแยกหน้าที่แนบประกบขนาบเรือนร่างเต่งตึงเข้ากับร่างซีกซ้ายและขวาของเทียนฟง
ริมฝีปากสีแดงสดของทั้งสองนางต่างยื้อแย่งกันลิ้มลองรสจูบของเด็กชายด้วยอารมณ์เร่าร้อนโหยหา ฝ่ามือ
อันนุ่มนิ่มทั้งหกข้างปัดป่ายแปะสัมผัสไปทั่วร่างอันแข็งแกร่งเป็นพัลวัน

หากเป็นเด็กชายวัยสิบหกทั่วไป เจอเหตการณ์อันแสนวาบหวามเช่นนี้คงมิอาจทานทนได้ไหวแล้ว หากทว่า
สำหรับเทียนฟงที่เพียบพร้อมไปด้วยเคล็ดวิชาแห่งการร่วมรักทั้งทางด้านทฤษฐี และทางด้านปฎิบัตินั้นกลับ
ยังสามารถทานทนรับได้ไหวอยู่ สองมือของมันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแทบมิได้หยุดหย่อน บ้างขยับลูบไล้
แผ่วเบา บ้างบดบี้ขยี้ไปตามเรือนร่าง บ้างคลึงดึงส่วนสัดอันว่องไวต่อสัมผัสของสตรีทั้งสามอย่างถ้วนทั่ว
จนพวกนางต่างพากันร้องครางหอบกระเส่าด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ ซึ่งมองไปแล้วแม้จะเป็นการประลองแบบ
สามต่อหนึ่ง แต่ทว่าเด็กชายก็ดูเหมือนจะครองความได้เปรียบอยู่ครึ่งกระบวนเพลง

"ให้ข้าก่อน"

"มิได้ ต้องข้าก่อน"

"ข้าเป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้าทั้งสอง ต้องให้ข้าก่อน"

สตรีอันงดงามทั้งสามเริ่มถลึงตามองหน้าถกเถียงแย่งชิงกัน เพราะมิอาจทานทนต่ออารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน
ของตนได้ เวลานี้พวกนางเพียงต้องการครอบครองเทียนฟงเพื่อสนองความใคร่ของตนเพียงนั้น เด็กชายผู้อยู่
ท่ามกลางบุปผางามทั้งสามจึงรู้สึกคล้ายตนเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งที่กำลังถูกยื้อแย่ง

"ให้ข้าพเจ้าจัดการดีหรือไม่ ข้าพเจ้ารับรองว่าเจี่ยแจทั้งสามจักได้สุขสำราญไปพร้อมกัน"

"เด็กน้อย เจ้าจักทำเช่นไร?"

"พวกท่านทั้งสามเพียงสงบปากสงบคำทำตัวเรียบร้อย รอรับการจัดการจากสามีของพวกท่านได้หรือไม่"

เมื่อมันกล่าวจบพวกนางก็ต่างพากันสงบปากสงบคำรอคอยดูว่าเด็กน้อยเช่นมันจะกระทำการอันใด เทียนฟง
เมื่อเห็นศิษย์พี่ทั้งสามทำตัวเรียบร้อยมันก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนขยับตัวประคองร่างพวกนางทั้งสามลงไปนอน
หงายรายเรียงถ่างอ้าขารอคอยอยู่บนเตียงนอนแบบไหล่ชนไหล่

เด็กชายเพ่งพิศความงามของสตรีทั้งสามอย่างพึงพอใจ ก่อนขยับร่างตรงดิ่งเข้าไปหาสตรีที่นอนอยู่ตรงกลาง
ขยับท่วงท่าอย่างเชื่องช้าคราหนึ่งมังกรน้อยของมันก็สอดทะลวงเข้าไปสัมผัสรสชาติอันสุขสันต์ในร่างของ
สตรีที่นอนตรงกลางเสียแล้ว พร้อมกันนั้นมือซ้ายและขวาของมันก็สอดนิ้วเข้าไปในร่างของสตรีที่นอนประกบ
ซ้ายและขวาไปด้วยพร้อมกันในคราเดียว

สตรีทั้งสามนางร้องครางพลางหอบกระเส่าประสานเสียงเป็นท่วงทำนองอันไพเราะอย่างพร้อมเพรียง เมื่อ
เทียนฟงเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างบรรเลงท่วงท่าลีลารักอันแผ่วพลิ้วเร่าร้อนรุนแรง เสียงครางอันแตกต่าง
ของสตรีทั้งสามนาง ยิ่งมายิ่งหนักหน่วงเร่าร้อนยิ่งกว่าเดิม ร่างเลือดเนื้อของทั้งสี่ร่างขยับเบียดเสียดผสานผสม
จนแทบกลับกลายเป็นเลือดเนื้ออันร้อนระอุร่างหนึ่ง

พวกนางทั้งสามต่างฝ่ายต่างพากันส่งเสียงร่ำร้องระงมในความสุขสันต์ในระดับที่ไม่แพ้กัน โดยมิได้สังเกต
รับรู้เลยว่าที่แท้แล้วท่วงท่าลีลารักของเด็กชายที่ปรนเปรอความสุขให้แก่พวกนางทั้งสามนั้นอาจกล่าวได้ว่า
เป็นผลงานระดับปรมาจารย์ขั้นสุดยอด ที่มีทิศทาง ความหนักเบา จังหวะช้าเร็ว ที่มิเท่ากัน

มือซ้ายของเทียนฟงขยับช้ากว่าส่วนอื่น ทั้งงอนิ้วขึ้นบนเล็กน้อยเพื่อเสียดสัมผัสกับจุดสำคัญในร่องด้านบน
ขณะที่มือขวานั้นกลับเหยียดปลายนิ้วตรงสอดลึกกดกระแทกเข้าไปอย่างหนักหน่วงรุนแรง อีกทั้งเวลาเดียว
กันนั้นสะโพกของมันก็ขยับกระแทกในอีกท่วงท่าลีลาจังหวะหนึ่ง

ที่แท้มันทราบว่าดีว่า สตรีทุกนางล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อนไหวกระตุ้นเร้าอารมณ์ที่มิเหมือนกัน เช่นสตรีบางนางชื่น
ชอบให้จูบใบหู บางนางกลับชื่นชอบให้จูบไล้แผ่นหลัง  ซึ่งแม้แต่ในช่องโพรงอันคับแคบอ่อนไหวของหญิงก็ยัง
มีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกัน สตรีบางนางชื่นชอบลีลารักอันเชื่องช้า บางนางกับชื่นชอบหนักหน่วงร้อน
แรง สิ่งเหล่านี้เทียนฟงตระหนักรับรู้ได้จากประสบการณ์ที่บุรุษทั่วหล้าต้องพากันอิจฉามัน

กระนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่นับได้ว่าเป็นพรสวรรค์อันเลิศล้ำที่แม้แต่มันเองก็ยังไม่รู้ตัวก็คือการที่มันสามารถเคลื่อนไหว
ร่างกายแบบแบ่งแยกได้โดยอิสระนั่นเอง ลองนึกคิดดูว่าจะมีใครสักกี่คนที่สามารถบังคับควบคุมมือซ้ายและขวา
ให้เคลื่อนไหวแตกต่างกันได้อย่างอิสระเสรีเช่นนี้ อีกทั้งในห้วงเวลาที่หัวสมองสมควรเหม่อลอย สติของมันกลับ
สามารถสังเกตจำแนกแยกแยะได้อย่างรวดเร็วยิ่งว่าสตรีแต่ละนางชื่นชอบลีลาท่วงท่าเช่นใด

ราวกับกำหนดนัดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้า มินานนักสตรีโฉมงามทั้งสามก็ต่างพากันส่งเสียงหวีดร้องสอด
ประสาน ทั้งกระตุกร่างอันอ้อนแอ้นยั่วเย้าสั่นสะท้านไหวไปมาอย่างพร้อมเพรียงกันบนเตียงนอนอันแคบเล็ก
จากนั้นต่างก็พากันนอนสงบนิ่งหอบกระเส่าอย่างเหน็ดเหนื่อยไปกับความสุขสมที่บังเกิดจากเด็กชายที่อ่อน
วัยกว่านับสิบขวบปี

เทียนฟง ก้มลงมองพวกนางด้วยรอยยิ้มแห่งบุรุษผู้มีชัย ก่อนขยับกายลงไปนอนทาบทับกอดก่ายกับร่างของ
สตรีที่มันฝังรากหยั่งลึกลงไปร่างของนาง จากนั้นจึงกล่าวกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแฝงเสน่ห์
อันยากจะปฎิเสธต่อสตรีผู้นั้น

"เจี่ยแจแสนสวย หากท่านเล่าเรื่องราวของเฒ่าวิปลาสให้เราเด็กน้อยรับฟัง ข้าพเจ้าสาบานว่าจะเกี่ยวก้อย
นำพาท่านขึ้นสรวงสวรรค์อีกสักสิบรอบดีหรือไม่?"

..................................................................................................


เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

yoot2499x

สุดยอดครับเหมือนได้อ่านงานของหวงอี้ชิ้นใหม่เลย แต่บอกตรงๆนะว่าผมชอบงานชิ้นนี้มากกว่าด้วยซ้ำเพราะงานหวงอี้มีบางช่วงค่อนข้างอารัมภบทมากไปในรายระเอียดประวัติศาสตร์ แต่อาจจะเป็นเพราะเราไม้ได้เกิดในจีนไม่ค่อยเข้าใจถ่องแท้ในรายละเอียดเลยรู้สึกว่ายืดเยื้อก็ได้มั้ง....ยอมรับนะครับว่าชอบอ่านแนวเรทมากๆ แต่บอกตรงๆเรื่องนี้แม้ไม่มีตอนเรทผมก็ยังจะชอบอยู่ดี
ปล.ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์ช่วยดลบัลดาลให้ท่าน assasin008 เกิดแรงบัลดาลใจเขียนต่อด้วยเถิด....สาธุ

P Eet ✦Diamond✦

Loveeeeeee Chinese period erotica, one of our absolute favorite of all time.. BAR NONE !!!  This story is even better than most others .... that because it's NOT one of the re-make of famous epic saga like ... The Condo Heroes ... etc...

Sending thoughts & wishes to dearest writer .... please, please, please.... continue this work... It will be absolutely CRUSHING if you don't.


Disclaimer: The view and opinion expressed on this website are solely those of my very own. It is solely for the purpose of entertainment and has NO meaningful value of any kind. They DO NOT necessarily represent those of the majority of READERS & WRITERS of this website staff, and/or any/all contributors to this site.

ஜ۩۞۩ஜ THANK YOU ஜ۩۞۩ஜ 



❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

DIAMONDS ARE FOREVER !!!

   ..... (¯`v´¯)♥
   .......•.¸.•´
   ....¸.•´
   ... (
   ☻/
   /▌♥♥
   / \ ♥♥

samrong

น่าเสียดายที่ไม่แต่งต่อแล้ว  ความรู้สึกผมใกล้เคียงกับที่รออ่านผลงานของ อุนเลี้ยงเง็ก