ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_saradio

สองพยัคฆ์หนักแผ่นดิน ตอนที่ 3

เริ่มโดย saradio, มิถุนายน 15, 2015, 11:43:48 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

saradio

[align=center]
                                                   เอี้ยเจ็ง

                                                  แชยี้[/align]

            ลิ่วล้อเย้ยยุทธจักรเล้งหำตง

            เขตชนบทในเมืองต้าตูถนนเส้นหลังเขาสำนักช้วนจินก่า เขตที่ตั้งสุสานโบราณม้าตัวหนึ่งวิ่งห้อตะบึงฝุ่นตลบ ชายที่ควบบนหลังม้า มีอายุยี่สิบเศษดูหล่อราวเทพบุตรหุ่นล้ำมาดเท่ห์ นามว่าเล้งหำตง มันกำลังเร่งรุดเดินทางกลับบ้านเกิดเนื่องจากได้รับจดหมายแจ้งข่าวว่ามารดาป่วยหนักให้รีบกลับบ้าน

            ไม่คาดว่าขณะควบม้าผ่านป่าเขตสุสานโบราณกลับเห็นกลุ่มนักพรตช้วนจินจำนวน7คนกำลังเข้ากลุ้มรุมเด็กหนุ่มหน้าใสผู้หนึ่งอย่างหื่นกาม พวกมันยืนล้อมไว้เหมือนค่ายกลกักตัวเด็กหนุ่มหน้าใสไว้ภายใน โดย3คนเข้ารุมทึ้งไปครากุมตัวจับถอดเสื้อผ้า อีก 4คนยื่นล้อมรอเหมือนต่อคิว  จนนักพรต 3 คนแรกครากุมตัวเด็กหนุ่มไว้ได้ ช่วยกันจับกดเด็กหนุ่มให้นอนหงายเด็กหนุ่มพลันหวีดร้องของความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนก

            เล้งหำตงเห็นแล้วอดรนทนไม่ได้กระโจนลอยตัวขึ้นจากหลังม้า แต่ขาซ้ายติดสายบังเหียนล่วงหล่นม้าหน้าคะมำอย่างทุลักทุเล แต่กระนั้นต้องกล่ำกลืนความอับอายไว้ก่อนรีบวิ่งปราดเข้าไปกลางวง ใช้ตีนถีบยันหน้านักพรตที่กำลังก้มลงจะปลดเสื้อผ้าหนุ่มน้อยผู้นั้นออก ทั้งหมดตกตะลึงพึงเพลิดไม่คาดว่าจะมีผู้สอดแทรก.. 2นักพรตคนที่จับหนุ่มน้อยไว้ พลันทะลึ่งตัวขึ้นยืนชักกระบี่ออกดังเปรื่อง ที่เหลือก็พากัน เข้ารุมล้อมไว้
            นักพรตผู้ที่ถูกถีบหน้าหงายไปกระชากเสียง กล่าวว่า
            "เจ้าเป็นผู้ใด บังอาจเข้ามาขัดขวางพวกเรา"
          เล้งหำตงไม่ได้ตอบ แต่กลับแค้นเสียงพูดอย่างถากถาง
            "เป็นถึงนักพรตผู้ทรงศีล อยู่ในสำนักใหญ่ฝ่ายธรรมะไฉนจึงกระทำการน่าอับอาย คิดเรียงคิวตุ๋ยถัวดำเด็กน้อยกลางวันแสกๆ"

           เหลานักพรตพอฟังว่าตุ๋ยถัวดำก็งงงันวูบแต่แล้วก็พากันหัวเราะ เหมือนเห็นเป็นเรื่องขบขัน เพราะเด็กหนุ่มหน้าใสนี้ ขอเพียงมีตามองก็พินิจได้ว่าเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มปลอมตัวมาแต่นักพรตคนหนึ่งไม่นึกขบขันด้วย เพราะต่อให้เป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงเรื่องนี้ก็ไม่ควรแพร่งพรายถึงคนภายนอกดังนั้นเค้นเสียงดัง เฮอะ กล่าวว่า
            "ผู้ใดว่าเราจะกระทำการเรียงคิวตุ๋ยถั่วดำเราเพียงช่วยกันค้นตัวตรวจสอบ เนื่องเพราะเด็กผู้นี้บนเสื้อผ้ามีสัญลักษณ์ของพรรคมารเฮอะ..เมื่อเจ้ายื่นมือมาช่วยเหลือเด็กผู้นี้ ย่อมต้องมีสัมพันธ์กับพรรคมารเช่นกัน..เหล่าซือเฮียตี๋ทั้งหลายไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้วพวกมันล้วนเป็นคนของพรรคมารโดยแท้ พวกเรารวมใจกันปราบมารเถอะ"

          นักพรตผู้นี้ฉลาดยิ่งกล่าวเพียงครั้งเดียว ก็แก้ต่างให้พวกมันพ้นผิดแถมจะยังลงมือฆ่าปิดปาก คำว่ารวมใจกันปราบมาร ก็คือรุมสะกำมหมาหมู่นั่นเอง พวกมันต่างพากันขยับกระบี่ทำท่าจะเรียงหน้าเข้ามาพร้อมกันเด็กน้อยหน้าใสเห็นดังนั้น คิดว่าเหล่านักพรตคงหมายชีวิตเป็นแน่แท้บังเกิดสีหน้าสลดหวั่นวิตกต่อผู้มาช่วยเหลือกล่าวกับเล้งหำตงว่า
            "พี่ชายท่านนี้ ท่านอย่าได้เอาชีวิตมาทิ้งกับคนที่ไม่รู้จักเลยรีบหนีไปเถอะ"

           เล้งหำตงกลับยิ้มอย่างไม่ยีหระ กล่าวอย่างอาจหาญว่า
            "น้องชาย เราเป็นชายชาตรีอกสามศอกไหนเลยจะทนเห็นชายชาตรีด้วยกันถูกข่มเหงอัดถั่วดำได้ วันนี้แม้ต้องสิ้นชีวิตจะอย่างไรเสียก็จะขอรักษาถั่วดำของเจ้าเอาไว้"

          เด็กหนุ่มหน้าใสงงงันวูบ แต่แล้วค่อยเข้าใจในบัดดล ที่แท้บุรุษหนุ่มผู้นี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายจึงได้กล่าววาจาเช่นนี้ยามนั้นแม้พูดสิ่งใดไม่ออก แต่ก็รู้สึกซาบซึ้งน้ำใจยิ่ง
            เล้งหำตงพอกล่าวจบก็ชักกระบี่ของตัวเองที่สะพายอยู่กลางหลังขึ้นมาถือในมือส่งเสียงคำรามว่า
            "เข้ามา"

          นักพรตผู้หนึ่งพลันแสยะยิ้ม กล่าวร้องว่า
            "รนหาที่ตายแล้ว"

          พลันกระโดดเข้าไปฟาดฟันกระบี่ เปิดเป็นคนแรกเล้งหำตงก็คำรามเสียงฟาดฟันกระบี่ฉวัดเฉวียนตีโต้อย่างบ้าคลั่ง จนนักพรตคนแรกที่จู่โจมต้องล่าถอยและพวกที่ตามหลังเข้าไม่ติด
            ดูแล้วพวกมันเหล่านักพรตและเล้งหำตงล้วนเป็นพวกมีฝีมือต่ำทรามในยุทธภพต่อยตีกันเหมือนงานวัด หาได้มีกระบวนท่าเลิศเลออันใดไม่
            นักพรตคนแรกที่บุกเข้าไปเจอกระบี่ที่ฟันอย่างบ้าคลั่งโต้กลับมาจนเข้าไม่ถึงตัว ก็ร้องบอกพรรคพวกว่า
            "มันมีฝีมือร้ายกาจนัก พวกเราตั้งค่ายกล 7 ดาว เถอะ"

            พวกมันก็รีบกระจายตัวรุมล้อมเล้งหำตงไว้กึ่งกลางแล้ววิ่งวนจนฝุ่นตลบ อาศัยจังหวะเล้งหำตง งุนงงไม่รู้ใครจะโจมตี ทิ่มแทงกระบี่เข้าใส่ด้านหลังพูดง่ายๆว่าใช้วิธีหมาลอบกัด เล้งหำตงต้องหมุนตัวคว้างทั่วทิศคอยปัดป้องระวังกระบี่ แต่ดูแล้วค่ายกลนี้ใช้แบบครูพักลักจำเสียมากกว่าหาไม่แล้วเล้งหำตงคงตกตายตั้งแต่กระบี่แรก
            ยามนั้นเล้งหำตงล่อแล่ขับขัน สำคัญตนว่าไม่รอดแน่ จึงร้องบอกเด็กน้อยหน้าใสว่า
            "เจ้าควบม้าหนีไปก่อน อย่าได้หวงเรา เราจะถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้"

          เด็กหนุ่มหน้าใสกลับเป็นหวงกังวลต่อมันไม่ขยับหนีไปแม้แต่เพียงครึ่งก้าว เล้งหำตงต้องร้อนใจยิ่งเกรงว่าอาจจะรักษาถั่วดำของมันไว้ไม่ได้แล้ว ยามนั้นกระบี่ทิ่มแทงมาพร้อมกันสี่เล่มทั่วทิศเล้งหำตงปัดป้องไม่ทันคิดว่าตกตายแน่แล้ว
            ทันใดนั้นบังเกิดเสียงวัตถุแหวกตัดอากาศดังชัดแก้วหูพุ่งซัดใส่กระบี่ที่มือนักพรตทั้ง 7 คนจนกระบี่หลุดกระเด็นไปจากมือบรรดาเหล่านักพรตล้วนตระหนกตกใจยิ่งหันรีหันขวางมองไปรอบทิศ นักพรตผู้หนึ่งร้องกล่าวว่า
            "เป็นผู้ใดทำตัวลับๆล่อ ลอบกัดผู้อื่น หากเก่งกล้าสามารถก็แสดงตัวออกมา"

          พลันบังเกิดสุ่มเสียงสตรีไพเราะเสียงหนึ่งกล่าวว่า
            "ศิษย์ชั้นสวะสำนักช้วนจินเพียงแค่รู้วิชางูๆปลาๆ ก็นำมาใช้รังแกคนคงไม่อยากมีชีวิตสืบไปแล้วกระมั่ง"

          พลันบังเกิดเสียงวัตถุตัดแหวกอากาศมาอีกระลอก ล้วนแต่พุ่งใส่เป้ากางเกงของเหล่านักพรตจนมันร่ำร้องโอ้ยลงไปนอนงอหงายเอามือกุมดเป้าหน้าซีดเขียว
            ฉับพลันแลเห็นสตรีอาภรณ์ขาวลอยละล่องลงมาจากต้นสน สตรีผู้นี้มีใบหน้าและผิวพรรณที่สวยเจิดจรัสผ่องใสรูปกายอ้อนแอ้นอรชร ทวงท่าดูสุขุมงามสง่า ยามเสื้อผ้าอาภรณ์สีขาวของนางที่ปลิวไสวต้องลม ดูสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ลงมาจากฟากฟ้าก็ไม่ปาน
            ยามนั้นนางลงแรนดิ้งสู่พื้นอย่างนุ่มนวลจากนั้นตวาดไล่ เหล่านักพรตว่า
            "ที่นี่เป็นเขตสุสานโบราณ ไม่ใช่ที่ศิษย์สำนักช้วนจินมาเดินเผ่นพล่านรังแกคนยังไม่รีบไส้หัวไป"

          เหล่านักพรตต้องรีบลุกขึ้นหนีไปอย่างทุลักทุเล
            ส่วนเล้งหำตงรอดพ้นความตายมาได้หวุดหวิดเพราะความช่วยเหลือของนางดังนั้นคิดจะกล่าวขอบคุณสักคำ จึงรีบเก็บกระบี่คืนฝัก แล้วประสานมือคาราวะกล่าวว่า
            "ขอบคุณแม่นางน้อยที่ให้ความช่วยเหลือบุญคุณครั้งนี้ข้าพเจ้าจะไม่ขอลืมเลือน"

          แม่นางอาภรณ์สีขาว หันไปมองสบตากับผู้กล่าวเมื่อเห็นถนัดชัดตาในระยะใกล้ ถึงกับลอบอุทานว่า 'อุ๊ต๊ะ หล่อเกินห้ามใจ'  ดวงตาพลันทอประกายเจิดจรัส หน้าแดงวูบขึ้น คำว่าแม่นางน้อยทำเอาสตรีอาภรณ์ขาวลอบยิ้มขำขันไม่ได้ปีนี้นางอายุ 30แล้ว หากจะกล่าวว่าเป็นแม่นางน้อยคงไม่กล้ารับ เนื่องเพราะนางฝึไกคัมภีร์ดรุณีสาวหยก จึงทำให้รูปโฉมโนมพรรณยังดูเหมือนดรุรีแรกแย้มวัยสิบแปดสิบเก้าเพียงแต่เรื่องนี้นางไม่กล่าวบอกออกไป เพราะฟังมันเรียกตนเองว่าแม่นางน้อยก็รู้สึกดีมิใช่เล่น
            พลันมีท่าทีเอียงอายเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
            "ข้าพเจ้ามีนามว่าเอี้ยเจ็ง แล้วท่านคือ.."

          นางเว้นคำกล่าว ให้บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาบอกกล่าวชื่อเสียงตนเองเล้งหำตงประหม่าเล็กน้อย รู้สึกเสียมารยาทที่ไม่ได้เป็นฝ่ายถามก่อนดังนั้นรีบตอบว่า
            "เอ่อ..ข้าพเจ้า แซ่เล้งหำ นาม ตง เรียกว่า เล้งหำตง"

          เอี้ยเจ็งพอฟังมันบอกกล่าวชื่อสายตาก็เลื่อนไปที่เป้ากางเกงของมันอย่างไม่ตั้งใจ พลันรู้ตัวว่าทำสิ่งน่าอับอายก็รีบชักสายตาเฉไฉมองไปทางอื่น
            เล้งหำตงเมื่อเห็นว่าสิ้นเรื่องราวแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า
            "บุญคุณช่วยชีวิตเสียดายไม่ได้ตอบแทนวันนี้หากภายภาคหน้าแม่นางน้อยมีเรื่องเรียกใช้เล้งหำตงผู้นี้ ขอเพียงเอ่ยปากต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ข้าพเจ้าก็จะไม่หน้านิ้วคิ้วขมวด .. เพียงแต่วันนี้ข้าพเจ้ามีธุระด่วนต้องรีบไปเอาไว้วันหลังข้าพเจ้าต้องหาทางตอบแทนแม่นางน้อยให้ได้สักวัน"

          พลันขยับตัวจะขึ้นม้าเตรียมเดินทางต่อ เด็กหนุ่มหน้าใสพลันร้องว่า
            "พี่ชาย ท่านไปทิศตะวันตกหรือไม่ หากท่านไป ข้าพเจ้าขอโดยสารไปด้วย"

          เล้งหำตงแย้มยิ้มรับ กล่าวว่า
            "ข้ากำลังเดินทางไปทิศตะวันตก หากเป็นทิศทางเดียวกัน เจ้าก็ขึ้นม้ามา"

          เด็กหนุ่มหน้าใสรีบกระโจนขึ้นซ้อนหลังเล้งหำตง ทั้งสองคาราวะอำลาต่อเอี้ยเจ็งเอี้ยเจ็งจึงได้แต่ยิ้มพยักหน้า ใช้สายตาส่งมันทั้งสองควบม้าวิ่งจากไป ในใจรู้สึกเสียดายยิ่ง ร่ำร้องด่าตัวเองว่า หน้าโง่อุตสาห์ได้พบพานคนที่รอคอย ใยจึงไม่ชักชวนพูดคุยให้สนิทสนมกว่านี้ แล้วนี่ไม่รู้ว่าวันหนึ่งวันใดจะได้พบกันอีกนึกถึงมันเรียกแม่นางน้อยทุกคำ รู้สึกหัวใจกระชุ่มกระชวยวาบหวามจนบอกไม่ถูก

---------------------

            ระหว่างที่เล้งหำตงเร่งม้าห้อเดินทางพลางถามหนุ่มน้อยหน้าใสว่า
            "น้องชายเจ้ามีนามว่ากระไร เหตุไฉนถึงถูกเหล่านักพรตรุมรังแก"

          หนุ่มหน้าใสอ้ำอึ้งชั่วขณะเหมือนครุ่นคิด ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า
            "ข้าพเจ้า ไม่มีชื่อแซ่ ทุกคนที่รู้จักต่างเรียกข้าพเจ้าว่าแชยี้ท่านก็เรียกข้าว่าแชยี้เถอะ"

          ส่วนเรื่องนักพรตที่คิดจะรุมกระทำชำเรา แชยี้ไม่กล้าเล่าเพราะกลัวว่า เล้งหำตงจะทราบว่าตนเองเป็นสตรีเล้งหำตงเห็นมันไม่กล่าวเล่าก็ไม่คาดครั้น พลันแอบครุ่นคิดในใจว่าน้องแชยี้มีหน้าตาหวานจิ้มลิ้มดังอิสตรี เกรงว่า เหล่านักพรตคงหน้ามืดไม่สนชายหญิง แม้เป็นผู้ชายก็ยังหวังจะอัดถั่วดำ เฮ้อ ดีที่เรามาช่วยเหลือไว้ทันหาไม่แล้วตูดมันคงบานเป็นแน่แท้ ครุ่นคิดแล้วอดลอบอมยิ้ม ภาคภูมิใจในตัวเองไม่ได้
            จากนั้นวิ่งอีกชั่วอึดใจ ก็ถึงปลายหมู่บ้านหนึ่งเล้งหำตงแย้มยิ้มกล่าวว่า
          "ถึงบ้านข้าแล้ว"

          พลันกระตุกม้าให้หยุด จากนั้นกระโดดลงจากหลังม้า บอกกับแชยี้ว่า
            "ม้าตัวนี้ข้ามอบให้เจ้า เจ้าจะเดินทางต่อก็ไปเถอะ"

          แชยี้พลันมีแววตาอาลัยอาวรณ์ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเห็นมันกำลังเดินจากไป ต้องกล่าวร้องเรียกว่า
            "พี่หำตง.."
          "เรียกข้าว่าเล้งหำเถอะ"
          ."ได้..พี่เล้งหำ แล้วเราจะได้เจอกันอีกหรือไม่"
          "หากเรามีวาสนาต่อกันย่อมต้องเจอกันสักวัน"

          แชยี้ผงกศีรษะรับ แล้วกระตุกม้าให้เดินเฉียดผ่านมันพอเข้าใกล้ก็โน้มตัวลงไปหอมแก้มมัน จากนั้นก็ดึงตัวขึ้นควบม้าวิ่งออกไป
            เล้งหำตงตะลึงงันชั่วขณะจากนั้นเอามือลูบแก้ม ก่อนเผยยิ้มกล่าวเบาๆว่า 'เด็กน้อยเอ๋ย' จากนั้นก็หัวเราะเดินตรงเข้าบ้าน
          ภายในบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นกำยาน พบแม่เฒ่าวัย 60เศษนอนนิ่งอยู่บนเตียง โดยมีพี่สะใภ้นามอู๋ซี นั่งร่ำไห้อยู่ข้างๆเล้งพอเห็นก็มีสีหน้าแปลเปลี่ยน ไม่คิดว่าตัวเองจะกลับมาช้าไป ดังนั้นรีบเข้าไปคุกเข่าร่ำไห้ว่า
            "มารดาลูกอกตัญญู มาช้าไป ไม่ทันได้ดูใจมารดา ท่านก็ด่วนจากไปแล้ว"

          จากนั้นก็โพลเข้ากอดร่างมารดาร้องไห้สะอึกสะอื้น ผู้เป็นมารดากลับค่อยเผยเปลือกตาขึ้นกล่าวช้าๆว่า
            "กู ยัง ไม่ ตาย"

          เล้งหำตงตะลึงลานวูบ ก่อนจะมองไปทางพี่สะใภ้อู๋ซี กล่าวถามว่า
            "แล้วท่านร้องไห้ด้วยเรื่องใด"

          อู๋ซีจึงกล่าวว่า
            "เพราะควันกำยานมันเข้าตา ข้าพเจ้าจึงร้องไห้"
          ผู้เป็นมารดาพอฟังต้องตบหัวกะโหลกลูกรัก ดังเพี๊ยะ ก่อนบอกว่า
            "อ้ายเด็กเวร โพล่มาไม่ถามไถ่ แช่งกูตายเสียแล้ว"

          เล้งหำตงจึงรีบกล่าวขออภัย มารดาจึงว่า
            "เจ้าออกจากบ้านไปแสวงหาวิชาความรู้ เกือบ 10 ปีบัดนี้ร่ำเรียนเป็นอย่างไรบ้าง"

          เล้งหำตงกล่าวอย่างภาคภูมิว่า
            "ข้าพเจ้าได้เรียนวิชามาหลากหลายสำนัก ได้ผลสำเร็จมาพอควร"

          มารดาพอฟังก็หัวเราะชอบใจ กล่าวว่า
            "ดี..ต่อไปนี้สกุลเล้งคงมีจอมยุทธทรงคุณธรรมไว้ส่งเสริมตระกูลกับเขาบางไม่ต้องเป็นลิ่วล้อดักดานไปทั้งชาติ"

          เล้งหำตงกลับมีสีหน้าลำบากใจ กล่าวว่า
            "เป็นลิ่วล้อไม่ดีอย่างไร บรรพชนสิบแปดรุ่นล้วนเป็นลิ่วล้อมาโดยตลอด"
          "อ้ายเด็กเวรนี่เอาอีกแล้ว...สอนสั่งไม่เข้าใจนิสัยใฝ่ต่ำเช่นนี้คงได้มาจากบิดาของเจ้า ก็เพราะบรรพชนมึงเป็นลิ่วล้อมาโดยตลอดสกุลเล้งหำ ถึงไม่เคยเป็นที่รู้จัก ดู เจ้าดูนี่.."

          ผู้เป็นมารดาพยายามชี้ให้ดูป้ายวิญญาณบรรพบุรุษ กล่าวต่อไปว่า
            "นี่ปู่ทวดของเจ้าเล้งหำตุง ตายเพราะโดนฝ่ามือพิชิตมังกรของเชียวฟงยังไม่ทันมีบทพูดสักแอะ เพียงโพล่มาก็ถูกคลื่นพลังซัดหอบหายไปจากแหล่งคำลำลาสักคำยังไม่หลงเหลือทิ้งไว้ให้ลูกหลาน ...แล้วนี่อีก ปู่ของเจ้า เล้งหำเอียงตายเพราะโดนดรรชนีเอกสุริยันต์ เกิดลำแลงพุ่งผ่าน ได้ส่งเสียงดัง อ๊าก คราหนึ่ง ก็ลงไปนอนดิ้นตาย..แล้วที่ชำใจสุดคือพ่อของเจ้าเล้งหำโต อุตสาห์ฝึกฝนจนมีฝีมือแล้วแท้ๆ แต่คู่ต่อสู้ดันเป็นเตียบ่อกี้ระเบิดพลังตูมเดียว เหลือแต่ขากลับมาข้างหนึ่ง..เจ้าไม่ทราบดอกหรือว่าเวลาตัวเอกสู้กับลิ่วล้อเอฟเฟร็กซ์มันช่างรุนแรงตะการตา ระเบิดตูมตามๆลิ่วล้ออย่างเราจะมีชีวิตอะไรหลงเหลือ"

          แม่เฒ่ายังสาธยายไปถึง พี่ชายมันอีกคน ชื่อ เล้งหำคด เพิ่งแต่งงานยังไม่ทันมีทายาทก็ด่วนไปตายอย่างโง่งม ทิ้งภรรยาสาวอู๋ซี ไว้เป็นม่าย จนบัดนี้แทบสิ้นตระกูลเหลือเล้งหำตงคนเดียว หากยังยึดอาชีพลิ่วล้อ เกรงว่าอายุไม่ถึง 30 ก็ตกตายแล้วแม่เฒ่าสาธยายจนหมด พร้อมกับน้ำตาหลังไหลคับแค้นใจ พลางกล่าวว่า
            "เมื่อเจ้ารับรู้เยี่ยงนี้แล้ว ยังคิดจะเป็นลิ่วล้ออยู่อีกหรือ"

          เล้งหำตงกลับรู้สึกขัดแย้งในหัวใจ คำสั่งเสียของบิดายังจำฝังใจ จึงร่ำไห้กล่าวว่า
            "มารดา ถือว่าผู้บุตรไม่รักดีไม่อาจเป็นจอมยุทธคุณธรรมตามที่มารดาคาดหวัง ผู้บุตรมีปณิธานแน่วแน่ ว่าจะต้องเป็นลิ่วล้อเพื่อสร้างชื่อทำตามความฝันของบิดาให้จงได้"
          "อ้ายยเด็กเวร ใฝ่ต่ำ..."

          แม่เฒ่ากล่าวด่า เพียงเท่านี้ก็กล่าวสิ่งใดไม่ออกร่ำไหผิดหวังปานจะขาดใจ จนเล้งหำตงต้องรีบเข้าไปปลอบ แต่ก็โดนถีบออกมาพี่สะใภ้อู๋ซีจึงให้เล้งหำตงหลบหน้าไปพักผ่อนก่อนทางนี้นางจะจัดการเอง เล้งหำตงจึงจำใจกลับเข้าหองนอนของตนโดยทิ้งให้พี่อู๋ซีดูแลแม่เฒ่า

            ไม่คาดว่าคืนนั้นเล้งหำตงสะดุ้งตื่นกลางดึก ร่างกายเหมือนถูกพันธนาการด้วยเชือกแน่นหนาปากก็ถูกมัดจนไม่อาจส่งเสียง พอส่ายสายตาก็พบมารดาและพี่สะใภ้อู๋ซียืนอยู่ข้างเตียง
            แม่เฒ่ามารดาเมื่อเห็นเล้งหำตงตื่นขึ้นมาก็เข้ามากล่าวช้าๆว่า
            "เมื่อเจ้าตัดสินใจเป็นลิ่วล้อ.. อายุก็คงไม่ยืนเป็นแน่แท้ตระกูลเล้งหำคงดับสิ้น...เช่นนี้เถอะ เมื่อพี่ชายเจ้าตายโดยไม่ทิ้งทายาทไว้เจ้าก็รับหน้าที่ผลิตทายาทให้กับอู๋ซีแทนพี่ชายเจ้าให้ตระกูลเล้งหำยังมีทายาทสืบต่อ.แล้วมารดาจะปล่อยให้เจ้าไปทำตามฝัน"

          นางกล่าวจบก็เผยินหน้าให้สะใภ้อู๋ซี จัดการลงมือ แล้วตัวนางก็ออกจากห้องไปเมื่อห้องปิดสนิทเหลือแต่อู๋ซีกับเล้งหำตงที่ถูกมัดขยับและส่งเสียงไม่ได้อู๋ซีก็แย้มยิ้มอย่างเอียงอาย ขยับเข้ามาใกล้ๆ เล้งหำตง กล่าวว่า
            "น้องหำตง ใช่ว่าพี่อู๋ซีผู้นี้ต้องการ เพียงแต่ขัดคำสั่งมารดาไม่ได้ท่านเองก็อย่าได้ฝืนเลย มาช่วยกันสร้างทายาทให้กับตระกูลเล้งหำเถิด"

          กล่าวจบนางก็ยิ้มแย้ม รีบถอดเสื้อผ้า ราวกับกลัวว่าเล้งหำตรงจะหนีหายไป ปากนางบอกไม่ต้องการแต่การกระทำนั้นกลับไม่ใช่เล้งหำตงมองร่างเปลือยเปล่าของอู๋ซีจนตาเบิกกว้าง ร่ำร้องในใจว่าย่ำแย่แล้วนางเอาจริง
            พริบตานั้น อู๋ซีถอดกางเกงเล้งหำตงออกจนหมดเหลือแต่ท่อนล่างเปล่าเปลือย เห็นมังกรหลับนอนเอียงตัวทอดยาวบนต้นขาต้องร้องอุทานดัง อ้า ครุ่นคิดว่า น้องหำตงคงไม่เพียงแต่ตรงเท่านั้นอาจจะโตและยาวด้วย
            พลันใช้มือจับรูดปลุกมังกรเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสถูก มันก็ตื่นตัวสู้ อู๋ซีจึงจับควับเข้ากลางลำตัวมังกรก็ดิ้นสู้ผงึกๆ และแผงฤทธิ์พองขยายตัวออกจนล้นมือ อู๋ซีมองด้วยแววตาวาวลิงโลดกล่าวร้องในใจว่า วิเศษแท้ นี่อาจเป็นมังกรเก้านิ้ว
            พลันก้มลงไปใช้ปากและลิ้นฉกพัวพันกับหัวมังกรเล้งหำตงเสียวซาบซ่านจนตัวเกร็ง ครุ่นคิดไม่ออกว่านี่เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์กันแน่อู๋ซีเมื่อละเลงหัวมังกรจนชุ่มแล้ว ก็ขึ้นคร่อมจับมังกรถูไถกับเนินสวาทเนินนั้นมีร่องตาน้ำ ยามโดนหัวมังกร ก็ปล่อยน้ำเล็ดจนเปียกมันวาวจากนั้นนางก็จับมังกรมุดเข้าถำหฤหรรษ์ภายใต้เนินที่ปรกคลุมไปด้วยหย่อมหญ้าจนมันมุดเข้าไปได้เต็มตัว

            "โอ้ววว วิเศษ แท้ เสียวถ้ำหฤหรรษ์ อะไรเช่นนี้"

          อู๋ซีพริ้มตาร้องด้วยความเสียวซ่าน แต่เล้งหำตงกับกลัดฟันแน่นเพราะความเสียวคับหัวมังกร มันเองก็เพิ่งเคยสัมผัสลิ้มรสสวาทเป็นครั้งแรกวินาทีนั้นไม่ทราบว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรแล้วเมื่ออุ๋ซีเริ่มขยับสะโพกร่อนดังหงษ์เหิน เล้งหำตงก็แทบเสียวเกร็งทั้งตัวยิ่งกว่าโดนกระบี่จอปลายคอหอย ไม่นานอารมณ์ขัดขืนก็กลายเป็นอารมณ์สมยอมเล้งหำตงจึงปล่อยให้นางกระทำชำเราตนเองตามแต่ใจ

            อู๋ซีขย่มตัวขึ้นลงไม่ขาดตอนทั้งร่อนทั้งกระแทกสลับสับเปลี่ยน พร้อมร้องครางกระเส้าเร้าร้อนจนมังกรเก้านิ้วไม่อาจต้านทานพ่นพิษใส่ถ้ำจนหมด อู๋ซีขมิบปากถ้ำ ร้อง โอ้วววสวรรค์ คำหนึ่งก็ล้มกอดเล้งหำตงเอาไว้ โดยที่มังกรยังคาอยู่ในถ้ำสักพักเมื่อมังกรเริ่มฟื้นตัว นางก็ถลันตัวขึ้นขย่มต่อ จนในที่สุดมังกรถูกรีดพิษไป4 ครั้งจนอ่อนแรงไม่อาจผงกหัวขึ้นมาได้อีก อู๋ซีจึงทิ้งตัวนอนหลับข้างๆเล้งหำตงโดยไม่ยอมแก้มัดให้มัน

            เล้งหำตงแม้สำลักความสุขที่ได้รับแต่ก็แอบครุ่นคิดในใจว่าเกรงว่ามารดากับนางคงจะจับเรามัดเราไว้เช่นนี้ตลอดจนกว่านางจะตั้งครรภ์หาไม่แล้วคงไม่ปลดปล่อยเราเป็นแน่แท้ แล้วนี่เราจะทำอย่างไรดี
            ไม่คาดว่าตอนนั้นได้ยินเสียงคนงัดหน้าต่างเข้ามาตอนนั้นเล้งหำตงถูกมัดอยู่บนเตียงที่มีผ้าม่านกั้น มองไม่เห็นว่าเป็นผู้ใด แต่ได้ยินเสียงเล็กคุ้นหูกล่าวเรียกหาเบาๆว่า
            "พี่ เล้งหำ ท่านยังอยู่หรือไม่"

          เล้งหำตงจดจำออกในทันใดว่าเป็นเสียงแชยี้ รีบส่งเสียงอู้อี้ให้ได้ยินแชยี้ค่อยๆสืบเท้ามาตามเสียง จนมาถึงเตียง เมื่อเลิกผ้าม่านขึ้นเห็นเล้งหำตงถูกมัดเปลือยท่อนล่าง มังกรหัวห้อยสลบสิ้นฤทธิ์อีกทั้งยังมีหญิงสาวเปลือยกายนอนหลับข้างๆ
            พลันแตกตื่นตกใจวูบ รีบปิดผ้าม่านหน้าแดงกรำเป็นผลตำลึง หัวใจเต้นระทึกตูมตาม ทำสิ่งใดไม่ถูก จากนั้นพอตั้งสติได้ค่อยๆแง้มเปิดผ้าม่านขึ้นอีกทีเล้งหำตงรีบพยักหน้าบอกให้รีบแก้มัด แชยี้ต้องรวบรวมความกล้า เข้าไปแกะเชือกให้

            เล้งหำตงเมื่อเป็นอิสระก็รีบคว้ากางเกงใส่ คิดจะหลบหนีไปตอนนี้ แม้ในใจจะรู้สึกเสียดายพี่สะใภ้อู๋ซีก็ตามแต่ปณิธานที่ตั้งใจไว้ไม่อาจล้มเลิกได้ ดังนั้นต้องยอมตัดใจพาแชยี้กระโดดออกทางหน้าต่าง หนีออกจากบ้านไป
            แชยี้มีม้ารออยู่แล้วทั้งสองจึงขึ้นควบม้าไปจากหมู่บ้าน เมื่อพ้นสักระยะเล้งหำตงก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ถามแชยี้ว่า
            "เจ้าไฉนถึงกลับมาช่วยเราได้"

          แชยี้จึงสารภาพว่า มันไม่ได้ไปไหนแต่แอบวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านแล้วได้แอบฟัง สิ่งที่เล้งหำตงพูดคุยกับมารดาภายหลังทราบแผนของมารดาและพี่สะใภ้อู๋ซีจะจับตัวเล้งหำตงไว้ไม่ให้ไปไหน จนกว่าจะมอบทายาทลูกชายไว้ให้ได้ มันจึงรอโอกาสเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่คาดว่าจะเจออยู่ในสภาพนั้น
            เล้งหำตงพอฟังก็หัวเราะ ฮ่า ฮ่ากล่าวว่า
            "เราช่วยเจ้าไม่ถูกอัดถั่วดำแล้วเจ้าก็มาช่วยเราจากการโดนกระทำชำเรารีดพิษ นับว่าเรามีวาสนาต่อกันโดยแท้ "

          แช่ยี้หน้าแดงวูบ เลยเปลี่ยนเรื่อง ถามว่า
            "พี่เล้งหำ แล้วครั้งนี้ท่านจะไปยังที่ใด"

          เล้งหำตงยังคิดไม่ออก กล่าวว่า
            "ข้ายังไม่ทราบ"

          แชยี้จึงบอกว่า
            "เมื่อท่านคิดอยากเป็นลิ่วล้อ ไฉนไปไม่ไปผาไม้แดงกับข้า"

          เล้งหำตง คิดแล้วกระจ่างวูบเสื้อผ้าแชยี้มีสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นคนของผาไม้แดง ดังนั้นมันย่อมมีโอกาสทำให้ตนได้เข้าสักกัดพรรคจึงหัวเราะร่า กล่าวว่า
            "ดี..ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปผาไม้แดงกับเจ้า"
          เล้งหำตงจึงเปลี่ยนทิศทางม้า มุ่งตรงไปยังผาไม้แดง

            ------------------------------------------------------------------------------------------

ติดตามผลงานได้ที่นี้ ไล่ตามที่ลงจากล่างขึ้นบนนะ...


สองพยัคฆ์หนักแผ่นดิน ตอนที่ 2http://xonly69.com/read-xonly-tid-149626.html
สองพยัคฆ์หนักแผ่นดิน ตอนที่ 1 (นิยายกำลังภายใน ล้อยุทธภพ เสียวทะลึงปนฮา)
 http://xonly69.com/read-xonly-tid-149625.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่12http://xonly69.com/read-xonly-tid-149575.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่11http://xonly69.com/read-xonly-tid-149506.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่10http://xonly69.com/read-xonly-tid-149476.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 9http://xonly69.com/read-xonly-tid-149408.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 8http://xonly69.com/read-xonly-tid-149308.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 7http://xonly69.com/read-xonly-tid-149271.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 6http://xonly69.com/read-xonly-tid-149241.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 5http://xonly69.com/read-xonly-tid-149152.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 4http://xonly69.com/read-xonly-tid-149128.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 3http://xonly69.com/read-xonly-tid-149079.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 2http://xonly69.com/read-xonly-tid-149053.html
Reply 2003 สามหนุ่มสามมุม ตอนที่ 1http://xonly69.com/read-xonly-tid-149006.html
ลูกพี่ลูกน้อง 2http://xonly69.com/read-xonly-tid-148976.html
Reply 1994 ย้อนเล่าประสบการณ์ sex 8 บทส่งท้ายhttp://xonly69.com/read-xonly-tid-148900.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex7http://xonly69.com/read-xonly-tid-148880.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex6http://xonly69.com/read-xonly-tid-148853.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex5http://xonly69.com/read-xonly-tid-148793.html
ลูกพี่ลูกน้อง 1http://xonly69.com/read-xonly-tid-148754.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex4http://xonly69.com/read-xonly-tid-148753.html
ลูกกระหรี่http://xonly69.com/read-xonly-tid-148669.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex3http://xonly69.com/read-xonly-tid-148667.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex2http://xonly69.com/read-xonly-tid-148640.html
Reply 1994 ย้อนเรื่องเล่าประสบการณ์ sex1http://xonly69.com/read-xonly-tid-148553.html
สวัสดีครับคุณครู แอม ฟราย แต็งค์กิ้ว ฟักยู http://xonly69.com/read-xonly-tid-148543.html
[/size]