ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ศึกสองนางพญา 7-10

เริ่มโดย mimza12348, กรกฎาคม 03, 2015, 01:34:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mimza12348


ศึกสองนางพญา ตอนที่ 7 จอหงวนผู้ภักดี

ปีที่สิบห้าในรัชกาลฉุงเจินฮ่องเต้ กองทัพแมนจูอันเกรียงไกรกรีธาทัพบุกแผ่นดินจีน ตีเมืองจิ่นโจมล้อมภูเขาซุงซานไว้ ทหารไต้เหม็งเสียงตายต้านข้าศึกหลังเลือดชโลมผืนปฐพีปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนอย่างสุดชีวิต ในที่สุดขาดกำลังสนับสนุนสิ้นเสบียงไร้อาวุธ เมื่อเดือนสอง ภูเขาซุงซานถูกยึดครอง แม่ทัพไต้เหม็งหุงเฉิงโฉวถูกจับกุมเป็นเชลย

แม่ทัพฝ่ายแมนจูที่พิชิตศึกซุงซานเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์นามตัวเอ่อกุ้น ซึ่งนับถือเลื่อมใสในความหาญฮึกของหุงเฉิงโฉวดังนั้นเกลี้ยกล่อมสวามิภักดิ์ต่อแมนจู แต่หุงเฉิงโฉวยอมตายไม่ยอมสยบ

การพ่ายศึกที่ภูเขาซุงซาน นับเป็นลางแห่งความพินาศของราชวงศ์เหม็ง

...................................................................................

ในวังเวี้ยหัว บนระเบียงหินอ่อน ฉางผิงกงจู้นั่งดีดพิณอยู่หลังโต๊ะยาว บนโต๊ะยังเผากำยานกระถางนางหนึ่ง
เสียงพิณกังวานอยู่ในอากาศคล้ายไข่มุกร่วงลงบนจานหยก ปานหระหนึ่งดุริยทิพย์จากฟ้าบรรเลงขับกล่อมทุกผู้คนในโลกหล้า

พลันปรากฏนางกำนัลนางหนึ่งในชุดบางเบาเดินอกกระเพื่อมขึ้นบันไดศิลา บรรลุดถึงบนระเบียงรายงานว่า
"เรียนองค์หญิง จอหงวนคนใหม่โจมซื่อเสี่ยนรอเข้าพบเป็นเวลานานแล้ว"
ฉางผิงกงจู้พลันหยุดมือจากการดีดพิณ เงยหน้าขึ้นสั่งว่า
"เบิกตัวมันเข้ามา"
นางกำนัลถ่ายทอดวาจาออกไป ไม่นานให้หลังโจวซื่อเสี่ยนก็มาถึง เลิกชายเสื้อคุกเข่าเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวว่า
"จอหงวนคนใหม่โจวซื่อเสียนน้อมพบองค์หญิงขอองค์หญิงมีอายุพันปี พันๆปี"

ฉางผิงกงจู้สี่งให้ลุกขึ้น  ค่อยเหลียวหน้าไปยังโจวซื่อเสี่ยน โจวซื่อเสี่ยนพอเงยหน้าขึ้นมองก็ตกตะลึงตาค้าง เห็นฉางผิงกงจู้มีใบหน้างดงามเปี่ยมราศีที่สูงส่ง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาตาค้างก็คือ เสื้อผ้าที่องค์หญิงฉางผิงใส่นั่นเอง มันเป็นผ้าแพรบางเบา มองทะลุเข้าไปเห็นผิวเนื้อขาวผ่องรำไร ตัวเอี๊ยมกระจิริดไม่สามารถปกปิดทรวงอกอวบอิ่มไว้ได้ โดยเฉพาะร่องอกที่เบียดชิดขาวเนียน ช่างละมุนตาเหลือเกิน โจวซื่อเสี่ยนถึงกับใจเต้นระทึก ท่อนเนื้อกลางร่างเริ่มขยับหัวอย่างมีชีวิตชีวาทำท่าจะลุกขึ้นมาในทันที

"โอ..องค์หญิงฉางผิงทำไมสวยยวนยั่วน่าเย็ดขนาดนี้ "
โจวซื่อเสี่ยนแอบคิดในใจ คุณธรรมในตัวของเขาพยายามสะกดความต้องการอันเป็นธรรมชาติของผู้ชายไว้อย่างเต็มที่

สายตาทั้งสี่ประสานกันแน่วนิ่ง

ฉางผิงกงจู้อึ้งไปวูบ จึงยืดกายขึ้นช้าๆ กล่าวว่า
"ท่านโจว คราก่อนสร้างความลำบากแก่ท่าน ท่านคงไม่เคียดขึ้งตำหนิกระมัง"

โจวซื่อเสี่ยนเหม่อมองกงจู้อย่างซึมเซา ฉางผิงกงจู้สวมชุดแพรบางเบา ทำให้เห็นทะลุไปถึงชุดชั้นใน ช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่ลงมาจากฟากฟ้า โดยเฉพาะช่วงขาที่เรียวยาวขาวสะอ้านตา เขาต้องพยายามบังคับสายตาไม่ไห้กวาดลงไปมองให้เสียมารยาท รีบน้อมกายตอบทันที
"ขอเพียงสามารถรับใช้ชาติบ้านเมือง ข้าพระองค์แม้ตายหมื่นครั้งก็ไม่บ่ายเบียง"
"ท่านโจว วันนี้เราเรียกตัวท่านมายังที่นี่ คิดชักชวนท่านชมดูปรากฏการณ์บนท้องฟ้าสักครา"
"เรียนองค์หญิง ข้าพระองค์ไม่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์มาก่อน ขอองค์หญิงชี้แนะให้มากไว้"

ฉางผิงกงจู้สาวเท้าถึงเชิงระเบียง กล่าวว่า
"ท่านดูท้องฟ้าด้านนั้น"

โจวซื่อเสี่ยนกวาดตามองตาม แต่หาได้มองท้องฟ้าไม่ ทั้งนี้เนื่องจากลมกรรโชกเข้าใส่ร่างของทั้งคู่จนเสื้อโบกสะบัดพรึ่บพรั่บ โดยเฉพาะชุดของกงจู้ที่เป็นกระโปรงแพรบางเบาพอโดนลมพัดก็ลู่แนบกับลำตัว เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่งดงาม โดยเฉพาะรอยกางเกงในตัวน้อยสีขาวที่สะโพกกลมกลึง โดนลมพัดจนกระโปรงแนบติดกับก้มอวบกลมจนเห็นร่องก้นชัดเจน คราวนี้ลำควยของโจวซื่อเสี่ยนถึงกับลุกขึ้นดันเป้าแทบแตก หัวใจของจอหงวนรูปงามปั่นป่วนไปหมด

"โอ ถ้าได้เอาควยเข้าไปถูไถกับร่องก้นขององค์หญิงฉางผิงจะมีความสุขแค่ไหนนะ" โจวสื่อเซี่ยน แอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น

"ท่านโจว" เสียงฉางผิงกงจู้เรียกทำให้โจวสื่อเซี่ยนตื่นจากภวังค์
องค์หญิงฉางผิดยังเอ่ยต่อไปเหมือนไม่รู้ว่าจอหงวนหนุ่มนั้นแทบไม่ได้ฟังที่นางพูดเลย เอาแต่จ้องมองก้นอวบงอนของนางอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากจะเอามือไปรูดลำควยของตัวเองแล้วเอาน้ำไปพ่นใส่เหลือเกิน

"ท่านโจวดูให้ชัดเจนกว่านี้ ใต้อาทิตย์มีแสงสีเงินลักษณะคล้ายเกาฑัณฑ์ ตัวคันเกาฑัณฑ์งอขึ้น ตามปูมดาราศาสตร์แสดงว่าขุนนางกังฉินครองเมือง บดบังเจ้าชีวิต นับเป็นลางอัปมงคล

โจวสื่อเซี่ยนเริ่มบังคับตัวเองไว้ได้ รีบน้อมกายกล่าวว่า
"องค์หญิง ขอเพียงพวกเราสามารถกำราบเฉาฮั่วฉุน ย่อมสามารถปัดป่ายเมฆหมอกทะมึนเห็นแสงตะวันอีกครา"
"มิผิด แต่เฉาฮั่วฉุนมีอิทธิพลกล้าแข็งทุกวัน คิดกำจัดมันหาใช่เรื่องง่ายดายไม่"
โจวซื่อเสี่ยนกล่าวเสียงกังวาน
"องค์หญิง ขอเพียงสามารถกอบกู้ภัยพิบัติของแผ่นดิน ฉุดชาวโลกจากห้วงทุกข์เข็ญ แม้ตายจะเป็นไร ขอเพียงองค์หญิงสั่งมาคำเดียว ข้าพระองค์มาตรว่าตายก็ไม่เสียดายชีวิต"
"สามารถเห็นพวกท่านเหล่าขุนนางตงฉิน ยินยอมช่วยราชการบ้านเมืองให้กับพระบิดา ต่อให้เราเป็นไรไปก็สามารถนอนอตาหลับได้"
"องค์หญิงไฉนพลันกล่าววาจาอัปมงคลเช่นนี้"

ฉางผิงกงจู้กลับมาทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะพิณ โจวซื่อเสี่ยนลอบระบายลมหายใจ การยืนสนทนากับองค์หญิงในชุดแพรบางเบาแบบนี้ช่างสะกดใจไม่ให้ท่อนเนื้อของเขาลุกขึ้นมาได้ยากเย็นเหลือเกิน
องค์หญิงฉางผิงกล่าวว่า
"เราพอถือกำเนิดออกมา ก็ป่วยเป็นโรคโหงวอิมเจาะแมะ ระบบการเต้นของชีพจรผิดแผกจากคนธรรมดา มาตรว่าชมชอบวิชาบู๊ แต่ได้แต่อ่านคัมภีร์วิชาฝีมือ ไม่สามารถฝึกปรือได้"
"องค์หญิง ไฉนฝึกปรือไม่ได้"
"เพราะยามทีเราโคจรพลัง จะเกิดความต้องการทางเพศพลุ่งพล่านขึ้นอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะต้องใช้นิ้วเกี่ยว..." พูดไม่ทันจบก็นึกได้ว่าคำพูดนี้ช่างน่าอายนัก จึงหยุดหน้าแดงซ่านด้ายความอาย เหลือบตามองโจวซื่อเสี่ยนก็หน้าแดงหอบหายใจแรงเช่นกัน ยิ่งทำให้องค์หญิงต้องก้มหน้าหลบตาด้วยความอายมากยิ่งขี้นไปอีก

หารู้ไม่ว่าตอนนี้โจวซื่อเสี่ยนลอบร้องครวญครางในใจ ท่อนเอ็นของเขาลุกขึ้นชี้ชัน ช่วยไม่ได้ได้จริงๆ ลองมาฟังผู้หญิงที่งดงามอย่างองค์หญิงฉางผิงบอกว่าใช้นิ้วเกี่ยวหีของตัวเอง ใครจะไปห้ามใจไว้ ดีว่าโจวซื่อเสี่ยนเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ไม่งั้นอาจปล้ำองค์หญิงฉางผิงไปแล้วก็ได้

ครั้นเห็นองค์หญิงกระดากอายจึงรีบกล่าวขึ้น
"องค์หญิง วิชาแพทย์นครหลวง เฉกเช่นฮูโต๋กลับชาติมาเกิด ขอเพียงผ่านกาลเวลาหนึ่ง พากเพียรบำรุงร่างกาย โรคภัยจะทุเลาเอง"
ฉางผิงกงจู้ระงับใจได้ก็กล่าวช้า
"ขอบคุณท่านที่ปลอบโยนเรา แต่เราเล่าเรียนวิชาโหราศาสตร์ตั้งแต่เล็ก เคยคำรนวณอายุขัยของตนเองพบว่าเรามีอายุไม่เกินยี่สิบปี"

เอ่ยถึงตอนนี้ ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อน นางกำนัลนางหนึ่งวิ่งกระหืดหระหอบมา กระซิบทีข้างหูฉางผิงกงจู้ว่ากองทัพเสียที่มั่นภูเขาซุงซาน แม่ทัพหุงถูกทหารแมนจูจับเป็นเชลย

ฉางผิงกงจู้รับฟังจนหน้าแปรเปลี่ยนไป รีบขอตัวต่อโจวซื่เสี่ยน เข้าเฝ้าฉุงเจินฮ่องเต้ ณ ห้องทรงพระอักษรในบัดดล


ศึกสองนางพญา ตอนที่ 8 ไทเฮายั่วสวาท

ที่ชายแดนภาคเหนือ ในกระโจมที่มั่นของแมนจู
แม่ทัพไต้เหม็งหุงเฉิงโฉวถูกคุมขังในคุกศิลานั่งอดอาหาร โดยไม่ยอมแตะต้องข้าวแม้สักเม็ดเดียว
วันนี้แม่ทัพแมนจูตัวเอ่อกุนลงมาเกลี้ยกล่อมหุงเฉิงโฉวอีกครา โดยมีบุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายร่วมทางมาด้วย

ตัวเอ่อกุนกล่าวว่า
"แม่ทัพหุง ฟังว่าหลายวันนี้ท่านไม่ยอมรับประทานอาหาร ซึ่งความจริงท่านไยต้องทรมานตนเองเช่นนี้"
หุงเฉิงโหวนั่งพริ้มตาแน่วนิ่ง หาแยแสตอบคำถามไม่
ตัวเอ่อกุนกลอกตากล่าวต่อ
"คำพังเพยมีว่า ผู้ทราบสถานการณ์จึงเป็นวีรบุรุษ อย่าว่าแต่ทหารเหม็งล้วนขาดเขลากลัวตาย ราชสำนักเต็มไปด้วยกังฉินรังแกราษฎร พวกเรากองทัพแมนจูต้องการเปลื้องทุกข์เข็ญ แม่ทัพหุงไยต้องดื้อดึงยืนกรานไป"
หุงเฉิงโฉวแค่นเสียงดังเฮอะไม่ตอบคำ ตัวเอ่อกุนพลันกล่าวว่า
"ท่านมีความต้องการอันใด โปรดบอกต่อเราอย่างเต็มที่"
หุงเฉิงโฉวพลันลืมตาขึ้น กล่าวเสียงราบเรียบล
"เราไม่ต้องการอันใด เพียงหวังใคร่ตาย"

ตัวเอ่อกุนอึ้งไปวูบ พลันได้ยินเสียงสวบสาบที่เหนือศีรษะ ที่แท้ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายอยู่บนขื่อ ก่อกวนจนเศษฟางฝุ่นละอองร่วงหล่นลงมาพอดีตกลงบนเสื้อผ้าไหล่หุงเฉิงโฉว

หุงเฉิงโฉวเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ยกมือปัดเศษฟางทีติดอยู่บนเสื้อผ้าคราหนึ่ง

บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายที่ร่วมทางมากับตัวเอ่อกุน นับแต่เข้าสู่ห้องคุมขัง ก็ไม่ปริปากกล่าววาจาเพียงจับตาดูหุงเฉิงโฉวตลอดเวลา ยามนั้นพลันกล่าวกับตัวเอ่อกุนว่า
"ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถอะ ให้แม่ทัพหุงค่อยๆ ใคร่ครวญให้ดี"
สุ้มเสียงคนผู้นี่กลับสดใสไพเราะ ดุจระฆังเงินก็ปาน

ตัวเอ่อกุนทั้งสองหันกายออกจากห้องคุมขัง มาถึงห้องนอนที่ตกแต่งอย่างงดงามหลังหนึ่ง

บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายนั้น ทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันหน้าหากระจกทองเหลือง ถอดหมวกจากศีรษะ ผมเผ้านุ่มสลวยดำขลับก็ยาวสยายลงมา
....ที่แท้คนผู้นี้เป็นสตรีปลอมเป็นบุรุษ
นางหันหน้าเข้าหากระจกทองเหลือง หยิบฉวยหวีไม้แปรงผม มุมปากประดับด้วยรวยยิ้มยวนยั่วชนิดหนึ่ง

ตัวเอ่อกุนเดินมาถึงด้านหลังนาง ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง แล้วสวมกอดร่างอ้อนแอ้นไว้ เอื้อมมือไปบีบที่ปทุมถันกลมกลึงทั้งคู่ของนาง บีบคลึงขยำเบาๆ แล้วถามว่า
"ไทเฮา คิดไม่ถึงท่านปลอมเป็นบุรุษ ยังงามคมคายปานนั้น มีน่าเล่าพระเชษฐาฮ่องเต้ ตอนมีชีวิต จึงลุ่มหลงงมงายต่อท่าน"
ที่แท้สตรีนางนี้กลับเป็นพระมเหสีของไท่จังฮ่องเต้ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์แมนจู

ในระหว่างทำสงครามชิงแผ่นดินกับไต้เหม็ง ไท่จุงฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กระทันหัน ราชโอรสฟุหลินจึงขึ้นครองราชย์สืบแทน แต่เนื่องเพราะยังทรงพระเยาว์ อำนาจบริหารราชการแผ่นดินจึงตกอยู่ในมือตัวเอ่อกุน

ตัวเอ่อกุนเป็นราชโอรสองค์ที่สิบสี่ของนูเอ่อฮาชื่อ มีศักดิ์เป็นพระอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พระมเหสีของไท่จุงฮ่องเต้ก็ได้รับแต่งเป็นไทเฮาแห่งแมนจูทั้งที่ยังอยู่ในวัยสวยสด เฉกเช่นกับดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่

ไทเฮาแมนจูแย้มพระโอษฐ์พริ้มพราย ขยับกายให้ตัวเอ่อกุนลูบคลำทรวงอกได้ถนัด ตรัสถามเสียงอ่อนหวานว่า
"ท่านอ๋องรู้จักพูดจานัก"
ตัวเอ่อกุนคลายมือจากปทุมถันคู่งาม ทอดถอนใจกล่าวว่า
"เมื่อครู่ท่านคงเห็นแล้ว หุงเฉิงโฉวผู้นี้มีนิสัยดื้อดึง พวกเรายังมีหนทางใด"

"นั่นไม่แน่นัก ในความเห็นของเรา คนผู้นี้หาได้คิดใคร่ตายจริงๆ"
ตัวเอ่อกุนส่งเสียงดังอ้อเป็นเชิงถาม ไทเฮาตรัสถามว่า
"ก่อนอื่นเราถามท่าน หุงเฉิงโฉวใช่มีความสำคัญจริงหรือไม่"
"ย่อมแน่นอน หุงเฉิงโฉวเป็นแม่ทัพสำคัญของไต้เหม็ง แม่ทัพที่รักษาการณ์ตามชายแดน หากมิใช่บริวารก็เป็นสหายมัน หากเราสามารถเกลี้ยกล่อมมันยอมสวามิภักดิ์ ก็จะพิชิตแผ่นดินตงง้วนได้โดยไม่ลำบากกินแรง น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเกลี้ยกล่อมมันได้"
"เราหากไปหามันด้วยตนเองเล่า"
ตัวเอ่อกุนงงงันวูบ จึงกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง
"เพียงเราเกรงว่าต้องสูญเสีย ไทเฮาประสบการขาดทุน"
ไทเฮาแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า
"ตอนที่พวกเราไปยังห้องคุมขัง ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายขึ้นไปบนขื่อ ก่อกวนเศษฟางตกลงบนร่างมัน มันก็รีบปัดป่าย คนผู้หนึ่งหากคิดแสวงหาความตายใช่สนใจข้อปลีกย่อยเช่นนี้หรือไม่"
"อืมม มีเหตุผล"
ไทเฮาเอนกายลงพงอกบึกบึนแข็งแรงของตัวเอ่อกุน นิ้วสะกิดไปที่แผงอกไปมา
"หากเรายอมมอบร่างให้กับมัน มีหรือที่มันจะไม่ทุ่มเทรับใช้พวกเรา ฝีมือในเรืองนี้ของเราหรือท่านยังไม่มั่นใจ"
ตัวเอ่อกุนหัวเราะเบาๆ มือลูบคลำไปที่หว่างขานาง
"ฮ่าฮ่า เราหรือจะไม่เชื่อ หากท่านทุ่มเทฝีมือเต็มที่ มีผู้ชายคนไหนจะไม่สยบให้กับส่วนนี้ของไทเฮา" พูดพลางขยับนิ้วไปมาบนเนื้อผ้าอย่างกรุ้มกริ่ม
ไทเฮาหน้าแดงแยกขาออก พร้อมครางเสียงกระเส่า ปล่อยให้นิ้วของตัวเอ่อกุนถูไถไปมา ก็ปัดมือของเขาออก
"พอก่อน เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่"
ตัวเอ่อกุนก้มลงหอมที่ซอกคอขาวผ่องของนาง
"เสร็จแล้ว ต้องจับท่านมาเย็ดให้ร้องครางทั้งคืนเลย ตัวร่านน้อย"
ไทเฮาหัวเราะเสียงกระเส่า เหลียวพระพักตร์ไป รับสั่งเรียกนางกำนัลสองนางเข้ามา ตรัสว่า
"จัดเตรียมสุราโสมให้เราป้านหนึ่ง"


ศึกสองนางพญา ตอนที่ 9 วางยาหว่านเสน่ห์

วิกาลนั้น ไทเฮาแมนจูผลัดเปลี่ยนเป็นสวมชุดขาวสะอาด แต่งกายเช่นสตรีชาวฮั่น ถือถาดไม้จัดวางป้านสุราและจอกเปล่า ติดตามทหารแมนจูผู้หนึ่งเข้าสู่ห้องคุมขัง

ทหารแมนจูนั้นเปิดประตูห้องหุงเฉิงโฉว ให้นางเข้าไป จากนั้นปิดประตูห้องลง หันกายจากไป
ไทเฮาแมนจูวางถาดลงที่มุมเตียง ย่อพระวรกายคารวะหุงเฉิงโฉว ตรัสว่า
"น้อมพบแม่ทัพหุง"
หุงเฉิงโฉวกวาดมองนางแวบหนึ่ง ถามว่า
"ท่านเป็นใคร"
"ข้าพเจ้าเป็นสตรีชาวตงง้วน นับถือเลื่อมใสในตัวแม่ทัพหุงตลอดมา ดังนั้นติดสินบนทหารที่คุมคุกลงมาพบหน้าแม่ทัพหุงสักครา"
"ที่นี่เป็นที่คุมขังเชลยสำคัญของแมนจู ไหนเลยให้ท่านเข้าออกโดยอิสระได้"
ไทเฮาแมนจูตรัสอย่างยิ้มแย้ม
"ท่านกระทั่งความตายยังไม่กลัว ยังมีเรื่องใดสร้างความตระหนกแก่ท่าน แม่ทัพหุงตัดใจอดอาหารเป็นที่เลื่อมใสของเรายิ่ง เพียงไม่ทราบแม่ทัพหุงมีกำลังขวัญดื่มสุราพิษหรือไม่"
"สุราพิษ"
ไทเฮาแมนจูทรงหยิบฉวยป้านสุรา รินสุราลงในจอกเปล่าประคองส่งถึงเบื้องหน้าหุงเฉิงโฉว ตรัสว่า
"ดื่มสุราพิษต้องใช้ความกล้าหาญอยู่บ้าง แม่ทัพหุงกลัวหรือไม่"
หุงเฉิงโฉวรับจอกมา ยืดคอดื่มสุราลงไป ไทเฮาแมนจูทรงรับจอกเปล่ากลับ รินสุราให้อีกจอกหนึ่ง หุงเฉิงโฉวดื่มตามลงไปจากนั้นขว้างจอกเปล่าทิ้ง กล่าวว่า
"วันนี้เราสามารถพลีชีวิตเพื่อชาติ ก็ไม่มีความอาลัยอาวรณ์อีก"
เอ่ยถึงตอนนี้ รู้สึกร่างร้อนรุ่ม ต้องขยับปกเสื้อคราหนึ่ง

ไทเฮาแมนจูตรัสอย่างยิ้มแย้ม
"แม่ทัพหุงรู้สึกเป็นอย่างไร"
"เราร้อนรุ่มยิ่ง ไม่ทราบไฉนร้อนรุ่มปานนี้"
"คาดว่าฤทธิ์ยากำเริบแล้ว เราจะแก้ปกเสื้อของท่าน ช่วยให้ท่านสบายกว่าเดิม"
พลางยื่นพระดรรชนีเรียวงาม แบะขยายปกเสื้อให้กับหุงเฉิงโฉว
หุงเฉิงโฉวยังมีสติสัมปชัญญะหลงเหลือ พลันยื่นมือปัดป่ายร้องว่า
"ท่านหลีกไป อย่าได้กระทบถูกเรา"
ไทเฮาแมนจูกลอกพระเนตรหยาดเยิ้ม ตรัสว่า
"แม่ทัพหุงเห็นการตายดุจกลับคืนมาตุภูม เป็นที่เลื่อมใสของเรายิ่ง โปรดรับการกราบกรานจากเราสักครา"
พลางย่อพระวรกายกราบคารวะอย่างชดช้อย
หุงเฉิงโฉวรีบยื่นมือประคองนางไว้ พริบตาที่กระทบถูก พลันสะท้านขึ้นดุจสายฟ้าฟาดใส่ ไทเฮาแมนจูฉกฉวยโอกาสซุกพระพักตร์กับอ้อมอกอีกฝ่ายหนึ่ง

หุงเฉิงโฉวรู้สึกร่างร้อนรุ่มดุจมีกองเพลิงเผาผลาญ ต้องโอบร่างอบอุ่นนุ่มนิ่มที่แอบอิงเข้ามาไว้อย่างลืมตัว
ไทเฮาแมนจูจงใจยั่วสวาทหุงเฉิงโฉวเต็มที่ ขยับร่างให้ปกเสื้อเปิดออก เผยเห็นช่วงคอขาวผ่อง เนินอกสร้างรำไร ปรากฏต่อสายตาของแม่ทัพหุง ความต้องการของเขาพลันคุโชนขึ้น ยื่นมือโอบเอวคอดกิ่วของไทเฮาแมนจูไว้ ซุกไซ้จมูกกับจอนผมนาง ไทเฮาทรงพระสรวลคิกคักอย่างยวนยั่ว ส่ายพระพักตร์หลบไปมา

หุงเฉิงโฉวยิ่นมือกระชากปกเสื้อของไทเฮาแมนจู  กระชากจนขาดหลุดรุ่ย เผยเห็นตัวเอี๊ยมสีชมพู จากนั้นโอบกอดรัดนางไว้แนบแน่น บดขยี้ไปที่ริมโอษฐ์แดงชุ่มชื้น ลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่า ระดมจูบไปทั่ว มือเคลื่อนไหวปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เหลือของนาง

ชั่วครู่เดียวเสื้อผ้าของนางก็หลุดลุ่ยไปสิ้น ไทเฮาแมนจูจงใจส่งเสียงครางออกมา หอบหายใจแรง แม่ทัพหุงยิ่งพุ่งพล่นหนักขึ้นใบหน้ากลับกลายเป็นสีแดงก่ำ รู้สึกหัวใจร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผา ท้องน้อยปวดแปลบราวถูกเข็มแทง ก้มลงซุกหน้าไปที่ทรวงอกอวบอิ่ม มือคว้าไปที่ปทุมถันถันอ่อนหยุ่น บีบขยำอย่างรุนแรงสร้างความเจ็บปวดแก่ไทเฮาแมนจูจนส่งเสียงร้องออกมา แต่ในความเจ็บปวด แฝงความหฤหรรษ์อย่างประหลาด

"แม่ทัพหุง"
ไทเฮาร้องเรียกเสียงสั่นเครือ ดวงตาของนางหยาดเยิ้ม แก้มแดงเรื่อ ลมหายใจกระชั่นถี่ น้ำเสียงแฝงกลิ่นอายยวนยั่ว กระตุ้นสัญชาตญานความใคร่ของหุงเฉิงโฉวให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น

"นางจิ้งจอก"
หุงเฉิงโฉวร้องเรียกเสียงกระเส่า  รู้สึกยิ่งมายิ่งร้อนรุ่ม ตะโบมจูบไปทั่วพระวรกายขาวผ่องของไทเฮาแมนจูอย่างหิวกระหาย แล้วผลักไสนางนอนลง
สายตาจ้องมองปทุมถันกลมกลึง ที่มียอดถันสีชมพูอ่อนๆ เป็นจุกเล็กๆ บริเวณป้านรอบปลายยอดเป็นสีชมพูจางๆกลมกลืนไปกับผิวเนื้อขาวผ่องดูบริสุทธิ์ผิดกับสตรีสามัญชนทั่วไป ที่จริงแล้วไทเฮาแมนจูเองก็แอบภูมิใจกับปทุมถันคู่งามของตัวเองมาก แม้นจะผ่านมือชายมาแล้ว แต่ก็ยังคงอวบอูมตูมตั้งเป็นก้อนกลมไม่ยานคล้อยแม้แต่น้อย  หุงเฉิงโฉวกวาดตาสำรวจเรือนร่างเปล่าเปลือยของนางลงไปถึงเบื้องล่าง ก็เห็นเป็นโหนกเนินที่มีขนสีดำอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ทั่ว
ไทเฮาแมนจูสังเกตุอากัปกิริยาของเขาอยู่จึงแกล้งอุทานเบาๆ ก่อนเอามือมาปกปิดส่วนหวงห้าม กระตุ้นไฟราคะของแม่ทัพหุงให้ฮือโหมขึ้น เขาโถมตัวลง ก้มหน้าใช้ลิ้นเลียเนินอกของไทเฮาแมนจู แล้วอ้าปากขบงับหัวนมสีชมพู เม้มดึงขยี้จนปลายยอดตั้งชันขึ้นมาในทันที
"แม่ทัพหุง. .. อย่า.."
ไทเฮาแมนจูแสร้งร้องห้าม หากแฝงจริตยวนยั่ว
หุงเฉิงโฉวถูกฤทธิ์ยากระตุ้นสวาทไหนเลยสนใจกับคำห้ามปรามของนาง ภายใต้ไฟราคะฮือโหมกลับแสยะยิ้มตวาดด่า
"นางจิ้งจอก ท่านจงใจยั่วสวาทเรา แล้วจะมาบอกให้หยุดอีกหรือ มาเถอะจะเย็ดให้หนำใจเลย" พูดจบก็กระชากร่างนางเข้ามา กอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างบ้าคลั่ง ดูดเฟ้นเต้านมนางอย่างแรง  มืออีกข้างก็ขยี้เต้าที่เหลือ พร้อมกับใช้นิ้วบี้หัวนมนางเบาๆ
"อูยยยย..."

ไทเฮาแมนจูสะบัดพระพักตร์ต้องคราง หุงเฉิงโฉวลิ้นรัวหัวนมถี่ยิบ จนไทเฮาถึงกับแอ่นปทุมถันสู้ปลายลิ้นของเขาที่ตวัดฉับไวเหมือนกับลิ้นงู  หุงเฉิงโฉวดูดกินถันอวบของไทเฮาจนหนำใจ มือหยาบสากบีบก้อนเนื้ออวบหยุ่นเต่งตึงของนางจนทะลักออกมาจากมือ แล้วดูดดังจ๊วบจนแดงเป็นจ้ำๆ ก่อนจะไช้ลิ้นไซ้ลงมาจนถึงท้องน้อยของนาง

"อย่า"

ไทเฮาเลื่อนพระหัตถ์ลงไปปิดโคกหีเอาไว้อีกครั้ง หุงเฉิงโฉวปัดมือนางออก ยื่นมือลูบคลำรู้สึกละเอียดอ่อนดังรวงผึ้งซ้ำเรียบรื่นกว่า เขาโลมลิ้นไปบนเนินเนื้อขาวผ่องถูไถมบหน้าไปมาบนขนหมอยนุ่มละมุนแล้วบุกจู่โจมตรงกลีบสีชมพูสด
"อ...อ.... แม่ทัพหุง....แม่ทัพหุง......"

ไทเฮาร้องเรียกเสียงสั่นพร่า แต่พระหัตถ์กลับกดศีรษะหุงเฉิงโฉวให้ทำงานหนักเข้าไปอีก ลิ้นของเขาฉกตวัดอย่างชำนาญ ริมฝีปากซุกไซ้ดูดดุนติ่งแตดไปมา ไม่นานนักไทเฮาก็สั่นระริก รูหีขมิบน้ำเงี่ยนอออกมาจนเลอะปากหุงเฉิงโฉว
"แม่ทัพหุง.. เรา...เราจะไม่...ไหวแล้ว...." ไทเฮาแมนจูครางเสียงกระเส่า

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 10 สยบใต้ชายกระโปรง
..................................................................................
หุงเฉิงโฉวได้ฟังเสียงนางครวญคราง ยิ่งย่ามใจโลมลิ้นหนักเข้าอีก
ไทเฮาแมนจูแหงนหน้าสูดปากครางลั่น ขาที่แยกถ่างทั้งสองข้างสั่นระริก สะท้านไปทั้งตัว
"อูยยย....โอยยย...แม่ทัพหุง.ซ..ซี๊ดดด..."

หุงเฉิงโฉวลุกขึ้นถอดกางเกงออก แล้วงัดท่อนควยที่ผงกขึ้นลงด้วยความอยากออกมา มันใหญ่ราวๆ 8 นิ้ว ซึ่งยาวกว่าควยไหนๆที่ไทเฮาแมนจูเคยเจอมาทั้งหมอ แต่ไทเฮาหาได้พรั่นพรึงไม่ อารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าอยากให้หุงเฉิงโฉวยัดควยใส่เข้าไปเท่านั้น
หุงเฉิงโฉวเริ่มดันหัวไปรอบๆหีของนางจนชุ่มน้ำหล่อลื่น ก่อนยัดหัวเข้าไปในร่องหีคับๆของไทเฮาแมนจูช้าๆ

"อา.....อูยยยย..ซี๊ดดดดดดดดดดด..." ไทเฮาแมนจูครางด้วยความเจ็บปนสยิว
"อูยยยย....หีฟิตดีจริง" หุงเฉิงโฉวร้องครางรู้สึกผนงหีตอดบีบรัดท่อนเอ็นของเขาอย่างรุนแรงขณะที่เขาดันท่อนเอ็นทะลวงรูหีของไทเฮาแมนจูเข้าไปช้าๆ

พอเข้าไปจนมิดลำไทเฮาแมนจูก็หอบเบาๆด้วยความเสียว แต่ยังไม่ทันได้พัก หุงเฉิงโฉวก็เริ่มสาวแท่งควยเข้าออกช้าๆ ควยของหุงเฉิงโฉวมีขนาดใหญ่จึงครูดข้างในผนังหีของไทเฮาแมนจูทุกครั้งที่สาวเข้าออก
แม้นท่อนเอ็นของเขาจะถูกชโลมไปด้วยน้ำหล่อลื่น แต่ไทเฮาก็อดที่จะสูดโอษฐ์ครางไม่ได้

"แม่ทัพหุง.....แม่ทัพหุง...อูยยยย.ทำไม..มันใหญ่..อย่างนี้....อูยยย." ไทเฮาแมนจูได้แต่ตรัสครางเสียงขาด เพราะแรงกระเด้าของหุงเฉิงโฉว เขาบุกตะลุยด้วยความห้าวหาญ โยกซ้ายโยกขวาให้ลำควยคว้านในรูหี แล้วแหวกกลีบแคมที่อวบอูม สาวเข้าออกเร็วขึ้น จนไทเฮาแมนจูครางกระเส่าดังลั่น
"อูยยยย...เสียวววว...เสียวหี...โอยยยย.ท่าน....ดีเหลือเกิน...กระแทกแรงๆ"
". ..ถ่างขาออกไปกว้างๆซิ... ซี๊ดดด.." หุงเฉิงโฉวสั่งพลางสาวเอวเข้าออกไม่หยุด

ไทเฮาพยายามถ่างขาออกไปจนสุด กอดไหล่หุงเฉิงโฉวไว้แน่น ทำให้ปทุมถันขาวอวบบี้แผ่นอกคล้ำๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อของหุงเฉิงโฉว นางส่ายโคกหีเด้งสวนเขา แล้วกรีดร้องสุดเสียง
".จ..จะออกแล้ว...โอยยยย......ไม่ไหวววว...อะ...ออก...ออกแล้วววว...ซี๊ดดดดดด....โอ๊ยยยยยย..." ไทเฮาถึงจุดสุดยอดก็กอดแม่ทัพหุงนิ่งพลางหอบเบาๆ

หุงเฉิงโฉวเองก็ครางฮือด้วยความมัน เพราะหีของไทเฮาทั้งตอดบีบรัดควยไม่หยุด แต่หุงเฉิงโฉวไม่รอให้ไทเฮาแมนจูคืนแรง อุ้มนางโดยตะปบบั้นท้ายขาวที่เต่งตึง ทั้งๆที่ควยของเขายังคาอยู่ในหีของนาง แล้วจับนางนั่งลงบนตัวเขา สั่งให้ไทเฮาโยกไปมาช้าๆแบบเดียวกับที่ขี่ม้า
ไทเฮาแมนจูดูจะเฃี่ยวฃาญสุดๆ กดตูดลงไปให้ควยของเขาเข้ามาจนลึกที่สุด แล้วค่อยๆเด้งสะโพกขาวๆไปมาช้าๆ หุงเฉิงโฉวรู้สึกดื่มด่ำเสียสยิวราวขึ้นสวรรค์ เพราะเวลาไทเฮาโยกเอวไปข้างหน้าที ควยของเขาก็แทงเข้าไปในรูหีของนางจนมิดด้าม
หุงเฉิงโฉวก้มดูแท่งควยของตัวเองรูดเข้าออกกลีบหีของนางแบบจะๆ ขณะที่ไทเฮาโยกสะโพกไปมา หุงเฉิงโฉวก็เริ่มคลึงถันขาวอวบของนางอีกครั้ง มือสากใหญ่ทั้งบีบทั้งขยำ เฟ้นขยี้เหมือนไม่เคยเจอหน้าอกที่ทั้งใหญ่ทั้งเด้งสู้มือยังงี้มาก่อน มืออีกข้างก็ลูบขนหมอยตรงโคกหีของไทเฮาแมนจูเบาๆ ทำเอานางเสียวสยิวสูดโอษฐ์ลั่น
"อูวววว...ซี๊ดดดด...มันส์หี...มันส์ดีจริงๆ เลย...ซี๊ดดดด...โอยยยยยย..."
"มันส์ก็กระแทกหีลงมาแรงๆ เลย  . อา...แบบนั้นแหละ โยกแรงๆ...อูยยย"

ไทเฮาแสดงชั้นเชิงราววีรสตรีควบม้าศึก ขย่มเต็มที่ ทั้งเด้งโยกขย่มซ้าย ขวาสลับไปมา มองจากด้านหลังเห็นตูดขาวๆของไทเฮากระเด้าควยหุงเฉิงโฉวถี่ยิบ
"อูยย อูยย อูยยย เงี่ยนจะตายอยู่แล้ว..แม่นาง..ท่านนี้ช่างร้ายกาจนัก"
หุงเฉิงโฉวคำราม เปลี่ยนจากให้ไทเฮาแมนจูโยกขย่มเป็นประคองบั้นสะโพก แล้วยกขึ้นลง ควยของเขาครูดหีของนางเร็วมากจน ไทเฮาร้องครางลั่น

"อา...อูยยย...อูยยย....เสียวหีดีเหลือเกินอูย..ซี๊ด....แม่ทัพหุง....กระแทกหีเราแรงๆ เลย...โอวววววว..."  ไทเฮาแมนจูครางเสียงสั่นรู้สึกว่ากลีบแคมมันคับแน่นเหลือเกิน น้ำเงี่ยนไหลออกมาจนฉ่ำแฉะไปหมด
หุงเฉิงโฉวเห็นนางร้องครางอย่างมีความสุขยิ่งโหมอัดกระแทกอย่างไม่ยั้งแรง ซอยท่อนควยกระแทกเสียงดังสนั่นห้อง
สักพักหุงเฉิงโฉวก็เริ่มชะลอลงแล้วจับนางยืนขึ้น ให้นางเกาะลูกกรงโก้งโค้ง แอ่นสะโพกจนงอนขึ้นมา ไทเฮาส่ายตูดไปมาอย่างยั่วยวน
"นางจิ้งจอก"
หุงเฉิงโฉวตวาดพร้อมกับตบก้นอวบงอนของนางดังป้าบ
"ว้ายยยย..." ไทเฮาหวีดร้องด้วยความตกใจ หุงเฉิงโฉวยัดท่อนเอ็นเข้ามาแบบไม่ให้นางตั้งตัว พอเข้าที่เข้าทางแม่ทัพใหญ่ก็ไม่ร้อช้า กระแทกหน้าขาเข้ากับบั้นท้ายขาวๆ ของไทเฮาดังเพี๊ยะๆ ไทเฮาแมนจูได้เผยอโอษฐ์ด้วยความเสียว เพราะท่าที่เอาจากข้างหลังอย่างนี้ ควยได้ทะลวงรูหีเข้าไปลึกจนนางร้องไม่ออก หุงเฉิงโฉวโน้มตัวลงมาทาบตัวนาง สอดมือเข้ามาบีบเคล้นปทุมถันอย่างมันส์มือ
ไทเฮาหันหน้าขึ้นไปประกบปากจูบกับเขาอย่างดูดดื่ม สอดลิ้นม้วนพันกันไปมา สร้างความเสียวซ่านให้นางมากขึ้น เอวหุงเฉิงโฉวยิ่งโหมแรงอัดกระแทกแรงขึ้นเรื่อยๆ มือก็ขยำนมนางอย่างไม่ปราณี เขาซอยเอวกระแทกพั่บๆๆ ไม่ยั้งเลย
ไทเฮาแมนจูเสียวจนต้องผละปากออก แล้วส่งเสียงครวญครางออกมาเพราะทนต่อไปไม่ไหว

"อูวววว...แม่ทัหหุง..ทำไมเสียวอย่างนี้...โอวววว...ซี๊ดดดด...เย็ดแรงๆ เลย...สะใจดีจริงๆ...ซี๊ดดดด...โอยยยยยย..."

หุงเฉิงโฉวหัวเราะเสียงกึกก้องกระแทกกระทั้นจนไทเฮาสะท้านไปทั้งตัว  สองมือรั้งบั้นท้ายไทเฮาแมนจูเข้าออกโดยไม่หยุด ภายใต้เสียงร้องครวญครางเร่งเร้าของไทเฮา ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมสาวท่อนเอ็นเข้าออกถี่ยิบแบบไม่ยั้ง

"แม่ทัพหุง........เราไม่ไหวแล้วว.ววว.......โ.ออออ." ไทเฮาแมนจูกรีดร้องเสียงสั่นพร่า พร้อมทั้งเด้งเอวตอบเขาเต็มที่
"โอวววว...รอเราด้วย........อูวววว...มันส์เหลือเกิน...โอ๊ยยยย...ไม่ไหวแล้ววววว....โอยยยย...แตกแล้ววววว...อ้ากกกกกก..."
หุงเฉิงโฉวร้อง ชักท่อนเอ็นออกมาแล้วระเบิดน้ำเงี่ยนใส่หลังนาง น้ำอุ่นๆของเขาพุ่งกระฉูดออกมาอย่างรุนแรง และมากมายจนแทบไม่รู้จับจบสิ้น มันไหลเยิ้มจากหลังนางลงมาถึงแก้มก้นที่เต่งตึง

ไทเฮาแมนจูเอาหน้าฟุบลงจนศีรษะชนกับลูกกรงพลางหอบแฮ่กๆ หุงเฉิงโฉวก็ยังดันท่อนควยที่เต้นตุ้บๆ ไปมาตรงระหว่างแก้มก้นนาง เหมือนยังไม่หายอยาก แล้วก็เริ่มเช็ดคราบเหนียวเหนอะให้นางอย่างนุ่มนวล
"แม่ทัพหุงช่างมีความสามารถเลิศล้ำ นับว่าหายากจริง ท่านหากเป็นอะไรไป เราได้แต่นอนอ้างว้างแล้ว"
หุงเฉิงโฉวได้ฟังบังเกิดความภาคภูมิใจ  ไทเฮาแมนจูซุกเข้าไปในอ้อมอกของเขา ในใจอิ่มเอมด้วยความปลาบปลื้มยินดี นางทราบว่าแม่ทัพหุงผ่านการเย็ดกับนางพลันบังเกิดความรักชีวิต ต้องสวามิภักดิ์กับแมนจูแน่แล้ว
..................................................................................

รุ่งเช้าของวันใหม่ หุงเฉิงโฉวตื่นขึ้นมาต้องยกมือแตะหน้าผากตนเอง กล่าวว่า
"เรายังไม่ตาย"
ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสนาะโสตเสียงหนึ่งดังว่า
"แม่ทัพหุง อรุนสวัสดิ์"
หุงเฉิงโฉวเหลียวขวับไป เห็นไทเฮาแมนจูทรงจัดแจงปกเสื้อ แย้มพระโอษฐ์ยิ้มพราย ต้องฉุกใจคิดกล่าวว่า
"ที่แท้สุราที่ดื่มเมื่อคืนไม่มีพิษ นั่นเป็นสุราอันใด"
"แม่ทัพหุงไยต้องถามมากความ ขอเพียงท่านรู้สึกสบายใจก็ใช้ได้แล้ว"
"เราทราบ ท่านได้รับแผนให้เกลี้ยกล่อมเรายอมสวามิภักดิ์"
"แม่ทัพหุง ข้าพเจ้าเพียงนึกเสียดายต่ออนาคตของท่าน"
"เราเป็นวิญญูชน ไม่สามารถแปรพักตร์ วันใดที่แปรพักตร์จะถูกอนุชนรุ่นหลังสาปแช่ง"
ไทเฮาแมนจูตรัสอย่างยิ้มแย้ม
"คนเมื่อตายแล้ว ไหนเลยล่วงรู้เรื่องหลัง แต่ตอนนี้สุขวาสนาอยู่เบื้องหน้าท่าน  หรือท่านคิดปล่อยให้หลุดมือไป"
ภายใต้เสน่ห์ยวนยั่ว หุงเฉิงโฉวอดหวั่นใจมิได้ ท่าทีไม่แข็งกร้าวเช่นคราก่อนแล้ว

...................................................................................