ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ธวัลยา ตอนที่ 1 - ฉันชื่อฝ้าย

เริ่มโดย assasin008, กรกฎาคม 07, 2015, 12:27:49 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

คุยก่อนอ่าน

   เรื่องนี้ก็เป็นแนวย้อนรอยของรักยมนะครับ แต่ไม่ได้เล่าจากมุมของเอก หรือมุมของน้องหญิงนางเอกของเรื่อง ชื่อธวัลยาเป็นชื่อของตัวละครอีกตัวหนึ่งในเรื่อง ส่วนจะเป็นใครนั้นก็ขอให้ติดตามอ่านกันเอาเอง

   ตอนนี้ยังมีแค่ตอนเดียวครับ ยังไม่ได้เขียนเพิ่ม ^ ^ เลยขอบอกไว้ก่อน จะได้ไม่คาดหวังตอนใหม่มากเกินไป


ธวัลยา ตอนที่ 1 - ฉันชื่อฝ้าย
..............................................................................
Assasin008 2014-04-06[/b]

   "นี่ยัยฝ้าย ขอชั้นยืมโลชั่นทาผิวของแกหน่อยนะ ของชั้นหมดพอดีเลย"

   "อื้ม เอาซิจ๊ะฝน"

   ฉันยิ้มตอบฝนเพื่อนสาวร่วมห้องที่เพิ่งเดินมาจากห้องน้ำด้านหลังผ่านกระจกเงาบนโต๊ะเครื่องแป้ง พลางหยิบเอาขวดโลชั่นทาผิวสีชมพูอ่อนส่งยื่นให้ เธอก็รับไปแล้วเปิดฝาขวดเทโลชั่นลงบนอุ้งมือ แล้วก็จัดการปลดผ้าขนหนูที่พันตัวออกจนหลุดลุ่ย อวดหุ่นสวยดีกรีพริตตี้ค่ายรถยนต์ยี่ห้อดัง พลางใช้มือลูบไล้โลชั่นไปตามร่างกายตามความเคยชิน

   "รู้แล้วจ้ะ ว่าเธอน่ะหุ่นดี ไม่ต้องอวดก็ได้นะยัยฝน"

   ฉันส่งเสียงร้องแซว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะพวกเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เห็นอะไรต่อมิอะไรกันมาตั้งแต่แรก เพียงแต่บางครั้งพอโตขึ้นมาแล้วก็อดรู้สึกเขิน ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน

   "ขอบใจย่ะ อืม แต่ชั้นว่าชั้นอยากผิวขาว ๆ แบบแกมากกว่านะ ลูบแล้วเนียนมือดี ... อืม แล้วถ้าให้ดี ขอให้มีหน้าอกเท่าแกบ้างก็น่าจะดี ตอนนี้สัดส่วนเท่าไหร่นะยายฝ้าย?"

   "36-25-35 จ้ะ"

   "อืม มิน่าล่ะ อึ๋มเชียว ของชั้น 35-24-36 ... จะว่าไปอวบมีน้ำมีนวลนิด ๆ แบบแกก็น่าฟัดดีนะ"

   "ยัยคนนี้ พูดอะไรน่าเกลียด ชั้นก็อยากจะผอม ๆ มีสะโพกกลม ๆ  แล้วก็ขาเรียว ๆ สวย ๆ แบบแกเหมือนกันแหละ"

   ฉันกล่าวชมกลับคืนไป เพราะหากพูดกันแบบตรงไปตรงมา พวกเราสองคนนั้น จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าสวยเด่นกว่ามาตรฐาน แต่มีจุดเด่นในฐานะผู้หญิงต่างกันออกไปบ้าง ฉันมีผิวที่ขาวกว่าคนอื่น แล้วก็มีหน้าอกใหญ่กว่ามาตรฐานสักนิด แต่ฝนก็มีดีที่สะโพก แล้วก็ขาขาวเรียวยาวของเธอ เรียกได้ว่าไปออกงานโชว์แล้วใส่กางเกงขาสั้นฟิตเปรี๊ยะทีไร หนุ่มแก่ทั้งหลายก็จ้องกันตาเป็นมันทุกที

   "แต่ชั้นอยากมีนมใหญ่ ๆ มากกว่านะ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบนมใหญ่ ๆ มากกว่าสะโพกใหญ่ ๆ ไหนขอดูของแกหน่อยซิแม่พยาบาลสาวสุดสวย"

   ยายฝนพูดพลางทำตาเจ้าเล่ห์ เธอแกล้งทำเสียงทุ้ม ๆ เหมือนผู้ชาย แล้วก็แอบย่องมาถลกเอาผ้าขนหนูที่พันรอบตัวฉันออก แถมยังฉวยโอกาสรวบแขนกอดมาจากทางด้านหลังจับหน้าอกของฉันเอาไว้จนเต็มมือเสียด้วย

   "ว้ายย!!! ยัยฝน เล่นพิเรณใหญ่แล้ว จะทำอะไรเนี่ย ปล่อยเลยนะ ... อ๊ะ อึ๊ยยย อ๊า"

   "หึ หึ เป็นของพี่เสียเถอะนะจ๊ะ แม่พยาบาลสาวสุดสวย ... คิก คิก อะไรกัน แตะนิดแตะหน่อย หัวนมแข็งเป็นเม็ดเชียวนะยะ"

   ยัยฝนยังแกล้งเล่นพิเรณต่อ เธอทำเสียงเหมือนชายหื่นสักคน ที่กำลังจะเข้ามาปลุกปล้ำ แถมยังก้มหน้าลงมาไซร้ซอกคอ แล้วขยำหน้าอก สลับกับบี้ที่ปลายถันจนฉัน หมดเรี่ยวหมดแรงเสียวแล้วเสียวอีก กว่าเธอจะยอมหยุดแล้วส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน ฉันก็รู้สึกหน้าแดงร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเสียแล้ว

   "ปล่อยเลยนะ ยัยฝน"

   "คิก คิก แน่ใจเหรอจ๊ะว่าอยากให้ปล่อย อยากให้เพื่อนรักคนนี้เกี่ยวเบ็ดให้มั้ยจ๊ะ แม่สาวบริสุทธ์สดซิงไม่เคยช่วยตัวเอง คิก คิก"

   "อ๊ะ อย่า อึ๊ยยยย ฝนอย่า อะ อื๊อออออ"

   ฉันร้องห้าม แต่ยัยฝนไม่ยอมหยุด แถมยังล้วงมือลงไปลูบคลำที่ตรงกลางหว่างขาจนฉันตัวกระตุกสั่นเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อต ฝนพูดถูกที่ว่าฉันยังบริสุทธ์ไม่เคยแม้แต่ช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ ทั้งที่เรียนจบมหาลัย เข้าวัยทำงานแล้ว

   ฝนเองก็ยังคงบริสุทธ์ไม่เคยผ่านมือผู้ชายเหมือนกัน เพราะต่างก็เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีตัวอย่างเลวร้ายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ชายหญิงมาเยอะ พวกเราจึงต่างก็ยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน อาจจะมีคบหาเป็นแฟนแบบฉาบฉวยบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกินเลย

   ฝนต่างกับฉันตรงที่เมื่อเธอมีอารมณ์ เธอก็จะช่วยตัวเองระบายอารมณ์ทางเพศ ส่วนฉันนั้นรู้สึกเขินตัวเองทุกครั้ง จนได้แต่ไม่พยายามคิดเรื่องหนุ่มสาวแบบนี้ เพียงแต่บางครั้งเมื่อถูกผู้ชายจ้องด้วยสายตาแทะโลมมาก ๆ เข้า ฮอร์โมนเพศหญิงก็เหมือนจะทำงานของมันเองจนฉันรู้สึกไขว้เขวอยู่เหมือนกัน
  
   "อย่า!!! พอแล้ว!!!"

   ขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสของฝน ก็ต้องสะดุ้งตกใจ เพราะยัยฝนกำลังจะแหย่นิ้วเข้ามาด้านใน แถมยังหันหน้ามาทำท่าเหมือนจะประกบปากจูบเสียด้วย ฉันจึงรีบรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย สะบัดจนมือสองข้างของฝนหลุดออกไปได้สำเร็จ ไม่งั้นหากปล่อยไปนานกว่านี้ ฉันคงต้องเผลอเล่นบทสาวรักสาวกับยัยฝนเพื่อนรักเป็นแน่

   "อ๊ะ แหม ใจแข็งจริงนะยะ ว่าแต่จะดีเหรอ ปล่อยให้อารมณ์ค้างแบบนี้ มาต่อให้เสร็จดีกว่านะ เพราะตอนนี้ชั้นเองก็กำลังเยิ้ม ๆ แล้วด้วยซิ"

   ยัยฝนยังไม่ยอมเลิก เธอทำท่ายกมือขึ้นขยำใส่อากาศ จนฉันต้องรีบหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันรอบตัวเอาไว้ แล้วถอยห่างจากยัยเพื่อนสาวอารมณ์หื่นคนนี้ ซึ่งแม้ว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเหตการณ์แบบเมื่อครู่นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยทีเดียว ที่ฉันเผลอปล่อยให้มันผ่านมาถึงขนาดนี้

   "ไม่เอาแล้วย่ะยัยฝน นี่แกหื่นมาจากไหนนักหนา"

   "ก็หื่นมาจากงานมอเตอร์โชว์เมื่อวานนั่นแหล่ะย่ะ โดนให้ใส่เสื้อกางเกงรัด ๆ คับ ๆ ไปเต้นโชว์หน้าเวที แล้วโดนหนุ่ม ๆ รุมมองแบบนั้น ชั้นก็เผลอรู้สึกอยู่เหมือนกันนะจ๊ะ แถมเมื่อคืนยังฝันถึงตอนอยู่ออกค่ายเนตรนารีจนแฉะเข้าไปอีก ... อ๊ะว่าแล้ว พวกเราก็มาต่อกันอีกหน่อยมั้ย ไหน ๆ ก็เป็นเพื่อนสนิท ก็ให้สนิทเป็นคู่ทอมดี้กันไปเลยก็แล้วกัน"

   "ไม่เอาย่ะ!!!"

   "จ้ะ ไม่เอาก็ไม่เอา ตั้งใจจะเก็บความซิงเอาไว้ให้หนุ่มคนรักล่ะซิท่า ว่าแต่เมื่อไหร่ แกจะมีแฟนซักที? จะหาคนใหม่ จะรอเด็กชายวัยเด็กที่ช่วยแกจากผีคนนั้น หรือจะรอเด็กผู้ชายที่เคยมุดเข้าเต๊นท์พวกเราสองคนตอนออกค่ายเนตรนารีสมัยมอปลาย?"

   ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามของฝน เพราะมันเป็นความรู้สึกผูกพันธ์เล็ก ๆ กับคำขอแต่งงานในตอนเด็กกับผู้ชายที่ตอนนี้จำหน้าแทบไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ อีกทั้งเธอยังมีความรู้สึกบางอย่างที่จดจำได้ไม่เคยลืม จากเหตการณ์โดนเด็กผู้ชายแปลกหน้าที่อาศัยในวัดมุดเข้ามาขอนอนในเต๊นท์ตอนออกค่ายเนตรนารีด้วยอีกกรณี

   สำหรับกรณีแรกนั้น ฉันรู้สึกอบอุ่นใจแปลก ๆ ทุกทีที่นึกถึง มันเหมือนกับเป็นรักแรกในวัยเด็ก แต่ในกรณีที่สองนั้น ทุกทีที่เผลอนึกถึง ฉันจะรู้สึกร้อนวูบวาบจนต้องรีบเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่น เพราะนั่นคือครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้จักกับรสสัมผัสของการโดนลวนลามจากเด็กวัดคนนั้น แต่ก็มีบ้างที่ฉันเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะเหมือนกัน

   "ไม่พูดกับเธอแล้วย่ะ ชั้นต้องไปล่ะ วันนี้มีคิวออกตรวจตั้งแต่เช้าด้วย ว้ายตายแล้ว จะสายแล้ว"

   ฉันแอบหันหน้าที่กำลังแดงซ่านไปทางอื่นไม่ให้ฝนรู้ แต่พอหันไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนัง ฉันก็ต้องตกใจ จนต้องรีบสวมใส่เสื้อชั้นใน และชุดพยาบาลแล้วออกจากห้องอย่างเร่งด่วน

.....................................................................  

   "นางพยาบาลคนใหม่ที่ชื่อ ธวัลยา นั่น สวยน่าดูเลยนะเว้ยแก ขาววิ้งสะท้อนแสงยังกะโอโม่ แถมหุ่นดีโคตร ๆ ใส่ชุดพยาบาลเห็นนมกลมบ๊อกแล้วมันน่าบีบชะมัด น้องเค้ามีแฟนยังวะ"

   "หึ หึ แกเพิ่งเห็นล่ะซิ ตอนนี้น้องฝ้าย เค้าเป็นดาวของโรงพยาบาลไปแล้ว หมอหนุ่ม หมอแก่ คนไข้ หรือแม้แต่ยามหน้าโรงพยาบาล กำลังเล็งอยากฟันคุณเธอซะน้ำลายสอเลยนะเว้ย"

   "เออ ซิวะ ก็ทั้งขาว ทั้งสวย ขนาดนั้น ใครจะไม่อยากฟัน เฮ้ย มึงยังไม่บอกกูเลยว่าน้องเค้ามีแฟนหรือยัง"

   "จะไปรู้เรอะ แต่กูว่า ไม่น่ารอดว่ะ แต่ใครจะสนวะ สวย ๆ หวาน ๆ แบบนี้มีแฟนแล้วกูก็ยังอยากฟันอยู่ดี แต่ไม่แน่นะเว้ยท่าทางเรียบร้อย ๆ แบบนี้ ดีไม่ดีอาจจะเซ็กส์จัดก็ได้ เจอหล่อ ๆ รวย ๆ อย่างกูเข้าไปจีบเสียหน่อย ขี้คร้านจะรีบลากกูขึ้นเตียง"

   "เฮ้ย ถ้ามึงจีบได้ กูขอแจมบ้างนะเว้ย อยากดูชิบ ว่าเนื้อในจะขาวเหมือนข้างนอกหรือเปล่า ถ้าขาวน่ากินทั้งตัวแบบที่เห็นข้างนอก พ่อลงลิ้นเลียให้ดิ้นพราด ๆ เลยเคยดู"

   "ไอ้หื่น ... เออ เรามันเพื่อนกันเว้ย ถ้ากูได้น้องฝ้ายเป็นเมีย กูจะแบ่งให้มึงฟันเล่นสักครั้งสองครั้ง แต่ขอเวลากูหน่อยนะเว้ย ต้องทำตัวดี ๆ เป็นสุภาพบุรุษเสียหน่อย แล้วลงมือจีบสักอาทิตย์นึงน่าจะติด ผู้หญิงเล่นไม่ยาก แต่ถ้าไม่ติดกูก็มีแผนสอง หึ หึ"

   "ไม่ต้องทำเป็นหัวเราะเลย กูรู้น่า ว่าถ้ามึงจีบไม่ติด มึงจะวางยาปลุกเซ็กส์เหมือนน้องเอ๋ นางพยาบาลคนก่อนอีกล่ะซิ ไอ้ชาติหมาเอ๊ย"

   "เฮ้ย ว่ากูเป็นหมา แล้วมึงที่ร่วมวงกับกูด้วยก็เป็นหมาเหมือนกันซิวะ แถมมึงยังบังคับพาน้องเอ๋ไปให้เพื่อนมึงรุมโทรมอีกต่างหาก มึงน่ะเลวกว่ากูเยอะ"

   "ไอ้สัด กูเลวที่ไหนวะ น้องเอ๋เค้าเต็มใจนะเว้ย กูไม่ได้บังคับเสียหน่อย แค่บอกว่า ถ้าไม่ทำ กูเลิกคบก็เท่าน้้นพอบอกแค่นี้แหละ ร้องไห้ฟูมฟายรับปากทุกอย่างเลยเว้ย แม่งคงหลงกูจริง ๆ นี่อีกเดี๋ยวก็คงขึ้นมาหากูแล้วมึงจะร่วมเอาด้วยป่าว สอง ต่อ หนึ่ง ตรงทางหนีไฟ ในโรงพยาบาล เอามั้ยน่าสนุกนะเว้ย"

   "ไอ้เหี้ย กลางวันแสก ๆ เลยเหรอวะ เอ็งนี่ร้ายว่ะ ... เออ ข้าเอาด้วยซิวะ แต่ระวังนะเว้ย ถ้าอีนี่มันหลงมึงมากไป จะเกาะติดแจ สะบัดไม่หลุด"

   "..................."

   เสียงสนทนาของใครสองคนนั้นค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ เมื่อฉันตัดสินใจหันกลับหลัง และเดินลงมาจากบันไดหนีไฟอย่างเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่กำลังรู้สึกหน้าชาเพราะคำพูดแบบจาบจ้วงไม่มีมารยาท ที่พวกเขาพูดพาดพิงถึงฉันลับหลัง คนหนึ่งนั้นฉันจำเสียงของเขาได้ เพราะเขาเป็นหมอที่พยาบาลรุ่นพี่มักจะพูดถึงกันบ่อย ๆ ส่วนอีกเสียงนั้น ฉันคิดว่าฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน

   "เฮ้อ"

   ฉันได้แต่ถอนหายใจให้กับตัวเอง เพราะไม่นึกเลยว่าคุณหมอ ท่าทางใจดี ขวัญใจพยาบาลรุ่นพี่ทั้งแผนก จะมีนิสัยเห็นผู้หญิงเป็นวัตถุระบายความใคร่แบบนี้ไปได้

   แม้จะเดินลงบันไดมาแล้ว 3 ชั้น แต่ฉันก็ยังค่อย ๆ บรรจงปิดประตูหนีไฟอย่างแผ่วเบาที่สุดด้วยกลัวว่าคุณหมอทั้งสองคนที่กำลังคุยเรื่องใต้สะดือกันอย่างสนุกปากจะได้ยินเข้า และเมื่อประตูหนีไฟถูกปิดสนิทลง ฉันก็รู้สึกได้ว่าความเครียดที่อัดแน่นอยู่ในตัวจนเขม็งเกรียว โดนปลดปล่อยออกจนฉันรู้สึกหายใจหายคอได้คล่องขึ้นมาอีกครั้ง

   ฉันยืนสูดหายใจแรง ๆ สองสามครั้ง จนกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนจางอันคุ้นเคยของโรงพยาบาลลอยเข้ามาเต็มปอด แม้ว่าอากาศในนี้จะไม่น่าพิศมัยเท่าอากาศภายนอก แต่ก็พอทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างไม่น้อย

   ฉันหันไปมองทางประตูหนีไฟด้วยความระแวงอีกครั้ง ก่อนค่อย ๆ ก้าวเท้าเดินไปตามทางเดินที่เรียงรายไปด้วยประตูห้องพักผู้ป่วยทั้งสองข้าง และเมื่อเดินไปจนเกือบถึงวอร์ดพยาบาลแผนก 2 ฉันก็เห็นรุ่นพี่พยาบาลชื่อเอ๋ ที่หมอหนุ่มสองคนเมื่อกี้นี้อ้างอิงถึงในทางเสีย ๆ หาย ๆ

   พี่เอ๋เดินสวนกับฉัน เธอทำหน้าหมางเมินสะบัดไปอีกทาง เหมือนไม่อยากจะเป็นมิตรกับฉันสักเท่าไหร่ ซึ่งเท่าที่ฉันรู้จากคนอื่น สาเหตก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้พี่เอ๋เป็นดาวของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่เมื่อฉันเข้ามา ตำแหน่งดาวที่ว่านั้นก็กลายมาเป็นของฉันทันที

   "พี่เอ๋ จะไปไหนคะ"

   ปากของฉันร้องถามเธอ ก่อนที่สมองของฉันจะบอกว่า เราไม่ควรไปยุ่งเรื่องของเขา

   "ชั้นจะไปไหน ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอย่ะ อย่ามาแสดงบทคนดีมีน้ำใจเลย เชิญเธอหัวเราะกับตำแหน่งดาวพยาบาลไปก่อนเหอะ เชอะ"

   "พี่เอ๋ ท่าทางเครียด ๆ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า แล้วจะไปที่ไหนคะ อยากให้ฝ้ายไปเป็นเพื่อนมั้ย"

   ฉันคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเสนอตัว เพราะอยากจะช่วยพี่เอ๋ ให้รอดจากบ่วงกรรมครั้งนี้ อย่างน้อยหากฉันไปกับเธอด้วย พวกเขาก็คงจะไม่สะดวกที่จะทำอะไรพี่เอ๋

   "... เอ๊ะ ... ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ จะไปไหนก็ไป"

   พี่เอ๋ปฎิเสธ แต่เธอก็มองตาฉันด้วยแววตาฉงนสงสัยเหมือนพยายามจะจับว่า ฉันแอบไปรู้เรื่องอะไรเข้าหรือเปล่า และเมื่อฉันเพียงมองกลับด้วยสายตานิ่ง ๆ เธอก็ตอบปฎิเสธอีกครั้ง แล้วก็รีบเดินต่อไปทันทีเหมือนกลัวว่าฉันจะแอบเดินตามเธอไปอย่างงั้นแหละ และก็ใช่อย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ฉันยืนมองเธอจนกระทั่งเห็นเธอเดินไปที่ประตูหนีไฟ ซึ่งเดาได้เลยว่าหมอหนุ่มสองคนนั้น คงจะใช้เวลาพักเที่ยงกับพี่เอ๋ อย่างคุ้มค่าแน่ ๆ

   เฮ้อ ... นี่ซินะผู้ชาย ... เพราะอย่างงี้ล่ะมั้ง ฉันถึงยังคงไม่กล้าคบใครสักคนเป็นแฟนแบบจริง ๆ จัง ๆ สักคน ทั้ง ๆ ที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตา ผลัดเปลี่ยนกันมาคอยแจกขนมจีบให้กับฉันตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมปลาย แต่ฉันก็ยังคงไม่กล้าที่จะคบกับใครสักคนจริงจัง ทุกคนที่ฉันเคยคบหาด้วยแบบผิวเผิน เมื่อพบว่าฉันไม่ยอมให้พวกเขาได้แตะเนื้อต้องตัวได้แบบที่สาว ๆ คนอื่นเขายอมกัน ก็จะค่อย ๆ ตีตัวห่างออกไปทีละคน แล้วก็ไปหาสาว ๆ ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้แทน ...

   เฮ้อ ... ฉันถอนหายใจให้กับตัวเองอีกครั้ง ... นี่ซินะผู้ชาย

.................................................................................
เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

nocky

 ::Foo::แหม่ อ่านแล้วรู้สกลุ้นมากครับ
สุดยอดเลย หายใจไม่ทั่วท้องแล้วววววววววววววววววววว

ลูกแม่ ลำจวน หอมหวล

มาแบบเนื้อนมไข่ตั้งแต่ต้นแบบนี้ผมอ่านไปแบบเหนื่อยๆหอบๆแน่ๆ ขอบคุณครับ

armfine

รอเลย...แยกเป็นเรื่องย่อยแบบนี้น่าสนุกดี เหมือนงานเขียนของ ฝรั่งเลย ^^

deepsnow

จะคนสมัยเด็ก จะคนมุดเต้นท์ จะคนที่กระทืบโจรจนตัวเองต้องมานอนโรงบาล ก็คนเดียวกันนั่นแหล่ะ ใช่มั้ยครับ? 5555