ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ฟัก อยู่แม้น

แค้นวิปริต จิตสั่งกาม (cop) ตอนที่ 5

เริ่มโดย ฟัก อยู่แม้น, ตุลาคม 21, 2015, 11:47:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟัก อยู่แม้น

 


ตอนที่ 5 เบาะแสจากประธานรุ่น

"ถ้านี่เป็นฝันร้ายก็ขอให้กูตื่นซะทีโว้ยยยยย!!"
.
.
เจ้า ของประโยคที่ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บทรมานใจยากเกินประมาณได้ คือ วีรวุฒิ หรือ "วี" อดีตเพื่อนร่วมชั้น หัวหน้าห้อง และขณะนี้เขาคือประธาน ม.3/3 รุ่น40 เวลานี้เขาได้แต่นั่งรับรู้เหตุการณ์ตรงหน้าโดยที่ไม่สามารถยื่นมือเข้ามา แก้ไขอะไรได้เลย
.
.

"ไม่ใช่ฝันร้ายหรอกวี มันคือเรื่องจริง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับผมไง จงดูให้เต็มสองตา"


ผม นั่งเท้าแขนบนเก้าอี้หมุนตรงโต๊ะตั้งคอมพิวเตอร์ของเขา สองมือสาละวนอยู่กับการถือวิสาสะใช้เฟสบุ๊คของเจ้าตัวที่เปิดค้างไว้ก่อนผม เข้ามา ผมกดเข้าไปดูรายชื่อเพื่อน ๆ ของเขาว่ามีใครบ้างที่เข้าข่าย "ลูกหนี้" ที่ผมจะไปเยี่ยมถึงตัวโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเหมือนทุกรายที่ผ่านมา ส่วนบนเตียงมีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังสำเร็จความใคร่ โอ้โลมตนเองอย่างไม่สนใจใคร ราวกับคิดว่ากำลังอยู่ตามลำพังในห้องนอนของวีรวุฒิ
.
.
อดีตหัว หน้าห้องของผมคนนี้แตกต่างจากลูกหนี้รายอื่น เขาไม่เคยทำหน้าที่สมกับเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยในห้องเรียน เขานิ่งดูดายเมื่อเห็นผมถูกเพื่อนคนอื่นเหยียบย่ำ เขาไม่เป็นพยานให้ผมและเข้าข้างสร้างความชอบธรรมให้กับพวกพ้อง พฤติกรรมของเขาฟ้องว่าไม่เคยนับผมเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียน แม้จะไม่เคยลงมือกระทำเองสักครั้งแต่มันก็เลวร้ายสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็น "หัวหน้าห้อง" ในภาษาอังกฤษนั้น คำว่า "Discrimination" ไม่ได้หมายความเพียงการทำร้ายผู้ถูกแบ่งแยกทางวาจาหรือทางร่างกายเท่านั้น หากแต่ครอบคลุมไปถึงการทำเป็นแสร้งมองไม่เห็นว่าผู้ถูกแบ่งแยกเป็นอีกชีวิต หนึ่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหมือนกับกลุ่มของตน
.
.
ดังนั้นผม จึงไม่ยึดครองสติเขาตรง ๆ แบบที่เคยทำกับลูกหนี้รายอื่น แต่จะเอาคืนทางอ้อมซึ่งสมน้ำสมเนื้อกับวิธีที่เขาเคยปฏิบัติกับผม ในเบื้องตนผมสะกดจิตให้น้องชายคนกลางวัยสิบแปด และน้องสาวคนเล็กวัยสิบหกของเขา จับวีรวุฒิมัดมือมัดเท้าพันธนาการ จากนั้นผมสั่งให้น้องร่วมสายเลือดของเขาเปลื้องผ้าล่อนจ้อนแล้วช่วยตัวเอง ต่อหน้า ผมอยากรู้ว่าเขาจะปฏิเสธภาพแสนแปดเปื้อนที่อยู่ตรงหน้าได้เหมือนที่เคยวาง เฉยกับผมหรือไม่หากมันเกิดขึ้นกับสมาชิกครอบครัวของตัวเองบ้าง
.
.
อย่าง ที่บอก นี่เป็นแค่มาตรการเบื้องต้น วีรวุฒิไม่สามารถคาดเดาได้ว่าผมจะทำอะไรต่อไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผมซึ่งเป็นผู้คุมเกม
.
.
"น้องสาว ใสกิ๊กใช่เล่นเลยนะ อายุแค่สิบหกหน้าอกหน้าใจก็ไปไหนต่อไหน หัวกระไดบ้านคงไม่แห้ง ส่วนน้องชายก็ดูเข้าท่าเห็นว่าเป็นนักรักบี้ด้วยนิ เครื่องเขาใหญ่น่าดูท่าทางจะสาวติดตรึม อยู่ด้วยกันมาสิบปียี่สิบปีเคยคิดไหมว่าจะมีวันที่พี่น้องพร้อมหน้าเปิดใจ กันทุกซอกทุกมุมแบบนี้" ผมรู้ตัวดีว่ากำลังเยาะเย้ยวีรวุฒิพี่ชายคนโตค่อนข้างแรงไปนิด แต่นั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมต้องการ
.
.
"อย่าหลับตาสิวี นายควรจะดูเพื่อเป็นกำลังใจให้น้อง ๆ จนกว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมายนะ" ผมวางมือให้คอมพิวเตอร์ชั่วคราวแล้วลุกเดินมาหาวีรวุฒิที่กำลังก้มหน้าหลับ ตาทำเป็นไม่รับรู้ทุกสิ่งอย่างตรงมุมห้อง


"ลืมตาสิวี" ผมโน้มตัวลงลูบปอยผมวีรวุฒิอย่างใจเย็น ภาพที่ออกมาราวกับนักบุญกำลังโปรดคนจรจัดติดเหล้าที่ชอบนั่งหลบผู้คนตามซอกตึก


"ถ้านายไม่ลืมตาดูละก็...ผมจะทำให้บรรยากาศเร่าร้อนกว่านี้นะ นายจะทนได้อีกถึงไหนกัน"


วีร วุฒิยังคงเม้มปากหลับตาปี๋ไม่ปริปาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะผมเป็นผู้ควบคุมทุกชีวิตที่อยู่ในห้องนี้ไง


"นายจะลองดีกับผมใช่ไหมวี?"


"............"


"อยากได้น้องเพิ่มอีกสักคนไหม?"


"............"


"ไม่ใช่สิ? ตามลำดับญาติควรจะเรียกว่าหลานมากกว่า"


ผม ดีดนิ้วพร้อมถ่ายทอดคำสั่งผ่านกระแสจิต ทันใดนั้นทั้งน้องชายและน้องสาวคนวีรวุฒิก็หันหน้าเข้าหากัน พวกเขาเริ่มประกบปาก แลกลิ้นนัวเนียกันอย่างเร่าร้อน สองมือลูบไล้ไปตามเรือนร่างกันและกัน วีรวุฒิพ่ายแพ้ให้แก่ความสงสัยที่เกิดขึ้นจากเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ในที่สุดก็ต้องลืมจาขึ้นมาเผชิญความเป็นจริง
.
.
.
.
"ไอ้ ! เหี้ย ! เต๋ออออออออออออออออ!!!"
.
.
นี่ ถ้าผมไม่เล่าว่าเกิดเหตุการณ์อะไรก่อนหน้านี้ คุณคงนึกว่านี่เป็นคำทักทายแรกของเพื่อนรักที่เพิ่งได้เจอหน้ากันหลังจาก ห่างหายกันไปหลายปี ความจริงมันก็มีส่วนถูกอยู่ครึ่งหนึ่งนะ ไม่ได้เจอกันนานจริง ๆ ส่วนเรื่องเพื่อนรักนี่ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ


"กล้า สู้กับความจริงแล้วเหรอวี ใช่แล้ว นี่คือความจริงอันน่ารังเกียจ มันก็เคยเกิดขึ้นกับผมแท้ ๆ ทำไมนายไม่เคยตะโกนโกรธเสียงดังแบบนี้ตอนผมถูกทุกคนทารุณต่อหน้านายบ้างละ" ผมเสริมคำพูดให้ทรงอำนาจยิ่งขึ้นด้วยการพายมือไปยังน้อง ๆ ของเขาที่กำลังยืนเล้าโล้มกันอย่างเพลินในอารมณ์ และพากันจูงมือไปขึ้นเตียงเพื่อเตรียมเปลี่ยนเข้าสู่ท่านอนแล้ว


"มึง ต้องการอะไรกันแน่!! มึงไปเล่นของเพื่อกลับมาเอาคืนกูเหรอ มึง...มึง ไอ้นรก!! ไอ้หมอผีระยำ!! กูขอแช่งให้ของที่มึงเล่นกลับเข้าตัวมึงกับโคตรมึงให้หมด!!" ขณะนี้อำนาจโทสะเป็นนายเหนือคำพูดของวีรวุฒิ เขาสบถคำหยาบมากมายชนิดที่ว่าเถียงกับแม่ค้ายังชนะ ผมเตรียมใจมาแล้วว่าต้องได้รับคำสรรเสริญเช่นนี้ จึงไม่ลดตัวลงไปต่อล้อต่อเถียงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว


"ไม่ ใช่ไสยศาสตร์หรอกวี คนอย่างผมจะไปเล่นของได้ยังไง ดูสิทั้งเนื้อตัวเกลี้ยงเกลาไม่มีรอยสักอะไรเลย มีอยู่จุดเดียวก็คือที่พวกนายสักให้ผมนั่นแหละ ลืมไปรึยังละ?" ดูเหมือนวีรวุฒิจะไม่สนใจคำพูดของผมนอกจากเป็นห่วงน้องทั้งสอง


"วิทย์! วิว! หยุดเถอะพี่ขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย" วีรวุฒิเริ่มน้ำตาปริ่ม และไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็ทะลักออกมาโฮใหญ่ จนตาแดงก่ำ แต่น้องรักของเขาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากความซาบซ่านที่กำลังมอบให้กัน และกัน


"เปล่าประโยชน์...พวกเขาไม่ฟังนายหรอกวี ถ้ามีอะไรอยากพูดก็ควรจะบอกผ่านผมมากกว่า"
.
.
.

"ไอ้ สัตว์เต๋อ!! ทำไมมึงไม่ตายห่าตั้งแต่วันที่ดิ่งตึกลงมาวะ!! คนอย่างมึงต่อให้ตายไปก็ไม่สมควรได้รับความเห็นใจจากพวกกูหรอก!! ไอ้สวะ!!"

คำพูดเมื่อครู่ทำเอาผมถึงกับย่อตัวลงในระดับเดียวกันกับวีรวุฒิ ใช้มือช้อนคางเขาขึ้นมาให้สบตาผมชัด ๆ
.
.
.
"แล้วสิ่งที่พูดออกมาเมื่อกี้ มันทำให้นายสมควรได้รับความเห็นใจจากผมหรือไง?"

เกิดความเงียบที่น่าอึดอัด เราทั้งสองต่างรู้ดีว่าภายใต้ความเงียบนี้แฝงเร้นไปด้วยความเดือดดาลที่กำลังปะทุอยู่ในใจของแต่ละฝ่าย
.
.
"ถุด!!"
.
.
ผมใช้หลังมือปาดของเหลวที่เขาบ้วนใส่แก้มแทนคำบอกความรู้สึก

"ผมคิดดอกเบี้ยแพงนะ เตรียมใจไว้หรือยัง?"


ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากอีกฝ่าย นอกจากดวงตาที่ฉายแววเคียดแค้นเจือด้วยเกรงกลัวอยู่ในที


น้อง ชายน้องสาวของวีรวุฒิหยุดการเล้าโลมปรนปรือความสุขกะทันหัน แน่นอน เป็นเพราะผมป้อนคำสั่งใหม่ให้เขา และคราวนี้ผมจะใช้อำนาจจิตกับวีรุวฒิด้วย


ผมใช้กระแสจิตกดดันประสาทโดยตรงให้เขาเกิดความรู้สึกหนักอึ้งและขยับไม่ได้เหมือนที่เคยใช้กับจีน่า แต่ไม่ครอบงำสติเขา
ส่งผลให้วีรวุฒิมีสภาพไม่ต่างกับถูกผีอำในท่านั่ง ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้แม้แต่กลอกตาหรือปริปากพูด


ต่อจากนั้นผมสั่งให้วิทย์น้องชายคนกลาง ยืนกางขาจ่อควยตรงหน้าผู้เป็นพี่ โดยที่วิวน้องสาวคนเล็กใช้มือชักว่าวให้


วีรวุฒิทราบดีว่าจะเกิดอะไรต่อไป ผมอ่านความรู้สึกจึงรู้ว่าเขาอยากจะปิดหูปิดตาไม่รับรู้ภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่คราวนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว
เพราะผมตรึงประสาทเขาเอาไว้แม้แต่การกระพริบตา เพื่อตอบแทนสิ่งที่เขาหลู่เกียรติผมเมื่อครู่ชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ผู้เป็นน้องสาวใช้มือบำเรอพี่คนกลางได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ถึงสามนาที การคิดดอกเบี้ยทบต้นของผมก็บรรลุผล
.
.
"อาหหห์" ผู้เป็นน้องชายหลั่งน้ำกามขาวขุ่นรดหน้าพี่ชายแท้ ๆ อย่างปราศจากสำนึกรู้ผิดชอบ
ทั่ว ใบหน้าวีรวุฒิเคลือบอาบไปด้วยน้ำรักน้องชายร่วมสายเลือด นี่คือผลของการต่อกรอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ประเมินตัวเองกับฝ่ายตรงข้ามว่าห่างชั้นกันระดับไหน

ผม ปล่อยให้วีรวุฒิหลุดพ้นจากการตรึงประสาท เขาทรุดตัวลงกับพื้น สำลักกลิ่นคาวคลุ้งหัวเชื้อน้องชายนักรักบี้วัยกำลังโต ผมแปลกใจที่เขาไม่อ้าปากก่นด่าสาปแช่งผม
เมื่อลองอ่านความคิดดูจึงรู้ ความคิดว่า อย่างน้อยเขาก็โล่งอกที่น้องชายหลั่งน้ำกามออกมาและเครื่องเพศอ่อนตัวลงแล้ว ให้เขาเป็นผู้รับเคราะห์แทนย่อมดีกว่าปล่อยให้เกิดการสังวาสระหว่างพี่น้อง ต่างเพศเกิดขึ้น
.
.
.
แว่วเสียงรถยนต์กำลังเข้ามาภายใต้บริเวณบ้าน พ่อแม่เขาคงกลับมาพอดี
"แค่ ก ๆ พ่อกูเป็น...ผู้พิพากษา...แค่ก...มึง...เค้าเอามึงตายแน่...แค่ก ๆ" วีรวุฒิพยายามรวบรวมแรงพูดสุดกำลังเพื่อขู่ผมทั้งที่ยังสำลักน้ำกาม


"คิก.. ฐานันดรมันไม่มีผลกับพลังของผมหรอกนะ" ผมยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดูเหมือนได้ยินเด็กอนุบาลพูดอะไรเปิ่น ๆ ด้วยความไม่รู้เดียงสา พร้อมเดินตรงไปแง้มผ้าม่านสำรวจ


"เดี๋ยวพ่อแม่ก็จะเคาะห้องเข้ามาหากู มึงจะเตรียมคำอธิบายยังไง ไม่มีทางให้หนีแล้ว หึ หึ"


"ไม่ เห็นต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น ที่โดนกับตัวเองเมื่อกี้ไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้เลยเหรอว่าควรประเมินฝ่าย ตรงข้ามไว้ระดับไหน ต่ำกว่า? สูสี? หรือว่าเหนือกว่า?"
วีรวุฒิหน้าเสีย ที่ไม่เห็นผมเกิดท่าทีร้อนใจเป็นไปตามที่เขาต้องการ และดูเหมือนจะยังลังเลว่าผมแสร้งทำใจดีสู้เสือหรือไม่ ผมจึงบอกใบ้เพิ่มอีกนิดสำหรับคนที่เข้าใจอะไรช้ากว่าปกติ


"คำว่า Incest ความหมายไม่ได้ครอบคลุมแค่เซ็กส์ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดนะ"
เพียงผมจบประโยคนี้ก็ดูเหมือนเขาจะฉลาดขึ้นมาในพริบตา


"ไอ้เต๋อ...อย่า...กูขอร้อง"

ไม่มีคำตอบรับใด ๆ จากผม

"กูขอโทษ!! จะให้กูก้มกราบตีนมึงไหม!! กูยอมรับผิด มึงอยากต่อยหน้ากู อยากกระทืบกูก็เอาเลย!! อย่าทำอะไรไปมากกว่านี้ ฮึก ฮืออออ!!"
วีร วุฒิร่ำไห้คร่ำครวญขอความเห็นใจ เขาถูกพันธนาการทั้งมือและเท้าจึงแสดงท่าทียอมจำนนในแบบปกติไม่ได้ ต้องพยายามกระเถิบตัวในท่านอนตรงมายังเท้าผม ขณะที่น้องทั้งสองยังคงยืนตรงอยู่ในสภาพไร้ความรู้สึกใด ๆ


แท้ ที่จริง บทลงโทษของวีรวุฒิควรจะหยุดอยู่เพียงให้ดูพี่น้องร่วมสายเลือดสำเร็จความ ใคร่ต่อหน้าจนเสร็จกิจ แต่ที่บานปลายมาจนถึงขนาดนี้เป็นเพราะเจ้าตัวแข็งข้อกับผม ส่วนสิ่งที่ผมเอ่ยขึ้นมาล่าสุดนั้นก็ไม่ได้คิดจะทำจริง ๆ มันเกินขอบเขตน้ำหนักทัณฑ์ที่เขาสมควรชดใช้ เพียงแต่ยกขึ้นมาใช้ขู่ให้เขายอมเดินตามเกมของผมต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างแผนที่นำร่องแห่งการตามล่าผืนใหม่ของผม


"ฟัง ให้ดีนะวี ผมจะยอมออกไปจากที่นี่โดยไม่ทำให้นายต้องจดจำประสบการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่นายต้องให้คำตอบตรงตามที่ผมต้องการสองข้อ"


"ข้อ แรก บอกชื่อไอดีและพาสเวิร์ดอีเมล์ เฟสบุ๊ค โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่าง ๆ รวมทั้งเว็บไซต์ที่ต้องล็อกอินเท่าที่นายจดทะเบียนไว้ให้ผมทั้งหมด แน่นอน ผมคาดหวังทั้งปริมาณและความถูกต้อง"


จริง อยู่ ผมจะสะกดจิตให้เขาพูดออกมาเองก็ได้ แต่ข้อมูลเหล่านี้ละเอียดอ่อน เช่น เทคนิคในการสะกดพาสเวิร์ดที่ซับซ้อนและลูกเล่นป้องกันต่าง ๆ การถ่ายทอดจากผู้เป็นเจ้าของในตอนที่ยังมีสติครบถ้วน จึงทำให้มีโอกาสได้ข้อมูลที่เที่ยงตรงกว่า เมื่อผมทดสอบดูกับคอมพิวเตอร์ของเขาก็พบว่าตรงตามคำบอกทุกประการ


"ข้อต่อไปเลยนะวี ตอบผมอีกข้อเดียวผมก็จะไปจากที่นี่และไม่กลับมารบกวนอีก"
.
.
.
.
"ผมต้องการทราบที่อยู่ปัจจุบันของจตุรเทพ ตอนนี้พวกมันทำอะไรอยู่ที่ไหน"
.
.
.
.
วีรวุฒิถึงกับเบิกตาโพลง


"จะ...จะไปรู้ได้ไงล่ะ ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้ว"


"นึกให้ออกสิวี นายเป็นประธานรุ่นไม่ใช่หรือ"


"ไม่รู้จริง ๆ แกก็รู้ว่าพวกมันไม่เหมือนคนอื่น"


"นายพยายามจะบอกอะไรผม?" ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย


"คนอย่างพวกจตุรเทพมันคงจะมาเล่นเฟสบุ๊คหรอกมั้ง ต่อให้เล่นก็คงอยู่กับกลุ่มเพื่อนปัจจุบัน
กูว่าป่านนี้คงแยกตัวใครตัวมันแล้ว พวกมันกันเองยังไม่กินเส้นเท่าไหร่เลย แล้วเพื่อนเก่าคนอื่นๆ หน้าไหนจะอยากคบหากับพวกมัน"


ผมฟังอย่างระวังทุกรายละเอียดพร้อมกับประเมินไปด้วยว่าคำพูดของวีรวุฒิเชื่อถือได้แค่ไหน
ที่อยู่และช่องทางติดต่อของจตุรเทพที่ลงไว้ในระเบียนประวัติก็ไม่ตรงกับที่อยู่ปัจจุบัน
ชื่อพวกมันไม่ปรากฏอยู่ในฐานสืบค้นข้อมูลและโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คใด ๆ เลย เป็นลูกหนี้ที่ยากต่อการหาเบาะแสมากที่สุด

ทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา

"วี...วีเอ้ย วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอลูก"


"พ่อ..." วีรวุฒิหน้าซีดเผือดทันที
.
.
แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบเสียงลง


"ตอน นี้ผมทำให้คุณพ่อคุณแม่วียืนเหม่อลอยไปสักพัก ผมใช้เวลากับวีนานพอสมควรแล้วนะ วีควรจะให้คำตอบที่ผมอยากฟังได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงให้ตามสัญญาไม่ได้..."
ผมรุกเร้าให้เขารีดเร้นความจำทุกอย่างเกี่ยวกับจตุรเทพออกมาให้หมด


"เดี๋ยวก่อน นึกออกอยู่คนนึง...โพแดง" จู่ ๆ วีรวุฒิก็โพล่งขึ้นมา


"ฉายาโพแดง...รู้สึกจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มสินะ" ผมนึกทบทวนความจำ


"ใช่ ๆ อีน้ำหวาน เจนสุดา ตอนนี้มันใช้ชื่อใหม่ในวงการว่า "ไอช่า" เป็นทั้งดารา วีเจ ออกทีวีบ่อย กูลืมนึกไป"


"มีคนอื่นอีกไหม?"


"นึกไม่ออกแล้ว สาบานได้กูไม่โกหกมึงหรอก ปล่อยกูไปเถอะไอ้เต๋อ"


จากการอ่านความรู้สึกทำให้เชื่อได้ว่าวีรวุฒิพูดความจริง อย่างไรก็ตาม ผมไม่สามารถยอมรับข้อมูลน้อยนิดผิดจากที่คาดหวังไว้ได้
แต่ก็คงเปล่าประโยชน์ที่จะไปรีดเลือดกับปู คงต้องให้เขาทำงานอีกชิ้นเป็นการชดเชย


"ผม เชื่อว่านายไม่โกหก แต่นายยังให้เบาะแสพวกมันไม่มากพอในระดับที่ผมพอใจ ดังนั้น ผมจะยอมปล่อยนายไป แต่...ดูเหมือนว่า...เราคงต้องเจอกันอีกสักครั้ง ผมขอวานให้นายช่วยสืบอะไรอย่างหนึ่งสิวี แล้วจะกลับมารับคำตอบภายหลัง"


สีหน้าของวีรวุฒิบ่งบอกแทนความรู้สึกที่ว่าเมื่อไหร่ทุกอย่างจะหลุดพ้นจบ ๆ กันไปเสียที


"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิวี งานไม่ยากหรอก ง่ายกว่าตามหาพวกจตุรเทพอีก" ผมยิ้มให้กำลังใจ


"จะให้ทำอะไรว่ามา"


สิ่งที่ผมอยากทราบไม่สามารถใช้การสะกดจิตกับเขาได้ เนื่องจากไม่ใช่สิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
แต่ต้องใช้สติปัญญาและความสามารถในการแยกแยะและเข้าถึงคำตอบที่ผมต้องการ ดังนั้นจึงต้องฝากฝังให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้
.
.
.
.
"งานที่ผมจะฝากให้วีทำก็คือ ตามสืบให้ผมทีว่า เพื่อนรุ่นเดียวกับเรา มีใครบ้างที่ทำธุรกิจแอนนาเบลล์"
.
.
.
จบตอนที่ 5 เบาะแสจากประธานรุ่น




แค่เธอยักคิ้ว ต้นงิ้วก็แค่ถั่วงอก

yourbuddy

วีโชคดีที่ ไม่ได้สร้างความแคนไว้มาก ไม่งั้นน้องกลายเป็นคนซวยแทน

artbicon

มันส์ดีครับ อ่านได้เรื่อยๆเลย ดาร์กดี