ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

จิตราคะ ตอนที่ 4 - ความหลัง

เริ่มโดย assasin008, กันยายน 23, 2015, 10:02:26 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

assasin008

จิตราคะ ตอนที่ 4 - ความหลัง
..................................................
Assasin008 2014-10-15

   "สรุปว่าวอนสามารถรับรู้สิ่งที่คนอื่นคิดได้ โดยเฉพาะราคะจิต ไม่ใช่มองเห็นอนาคต หรือเห็นเหตุการณ์ในอดีต  ... ขอโทษนะ ที่ต้องแกล้งยั่วแบบนี้ ... เมย์ขอโทษจริง ๆ"

   หลังจากเมญ่าดาราสาวขวัญใจมหาชนเดินอ้อมหลบไปอยู่ด้านหลังของเขา เธอก็ค่อยส่งเสียงขอโทษขอโพยตามมา จีวรที่กำลังรู้สึกขุ่นเคืองจึงไม่อาจหักใจโกรธเธอได้ลง ซึ่งความจริงแล้ว ต่อให้เธอไม่ขอโทษ เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรเธอนักที่เธอแกล้งยั่วเขาเพื่อทดสอบสภาวะแสงแห่งจิตที่เธอพูดถึง เขากลับรู้สึกโชคดีเสียด้วยซ้ำที่ได้มีโอกาสยลของดีเช่นนี้ด้วยดวงตาตัวเอง

   "ไม่เป็นอะไรหรอก ... เราไม่ได้โกรธอะไร"

   จีวรส่งเสียงตอบด้วยความเสียดายโดยไม่ได้หันไปมอง เพราะว่าตอนนี้เมญ่ายังคงอวดผิวขาวโพลนมิได้สวมใส่เสื้อยืดที่เปียกชื้นอยู่ด้านหลัง แต่ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่สายตาของเขาเหลือบไปเห็นกระจกเงาบานเล็กวางอยู่บนโต๊ะ

   ภาพที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานนั้น ก็เผยให้เห็นภาพผิวขาวนวลเนียนของเมญ่าให้เขาเห็นจนเต็มตา เธอกำลังก้มหน้าใช้กระดาษทิชชู่ซับเช็ดคราบน้ำกามที่เขาทำเลอะเทอะบนหน้าท้องโดยไม่ทันสังเกตว่าโดนเขาแอบมองอยู่ ก่อนจะยืดตัวจับเสื้อยืดที่เปียกปอนสะบัดส่งเสียงดังพึ่บพั่บ และนั่นก็ทำให้สองเต้าอวบอูมเด้งสะท้อนขึ้นลงอย่างน่าดูชม

   เขาพยายามข่มใจเบือนหน้าไปทางอื่น แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานความอยากรู้อยากเห็นของเพศผู้ จึงต้องลอบมองไปที่กระจกเงาเพื่อชื่นชมเรือนร่างของเมญ่าอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นกระสัน

   'เมญ่า ... เมญ่า ... กูอยากเย็ดนังเมญ่าคนสวย ... ปล่อยกู ...'

   เวลานั้นสุ้มเสียงอันแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ข้างหูจนเขาหันขวับ แต่กลับไม่เห็นสิ่งใดนอกจากขวดแก้วลักษณะคล้ายหลอดทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ

   ขวดใบนั้นมีลักษณะที่แปลกไปบ้าง มันมีหัวจุกที่ทำจากผ้ายันต์สีเหลืองปิดปากขวดเอาไว้ และด้านในนั้นมีกลุ่มควันสีเทาลักษณะแปลกพิกลลอยวนไปมาด้วยความเกรี้ยวกราดเหมือนพยายามจะดันฝาจุกให้ออกจากขวด แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด จีวรกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเสียงอันแหบแห้งนั้นดังมาจากกลุ่มควันสีเทาหม่นน่าขนลุกในขวดแก้ว

   จีวรจ้องมองขวดแก้วใบนั้นอยู่เนิ่นนานหากไม่สังเกตเห็นสิ่งใดอีก นอกจากการลอยวนอย่างแปลกประหลาดของกลุ่มควันภายในหลอดแก้ว เขาจึงค่อยนึกขึ้นได้และรีบหันไปมองกระจกเงาเพื่อฉวยโอกาสลอบมองสำรวจเรือนร่างของเมญ่าอีกสักครั้ง แต่เมื่อเหลือบตาไป เขากลับเห็นเมญ่ายืนเอามือกอดอกขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่เขาเหมือนจะรู้ว่าเขาแอบมอง และที่น่าเสียดายก็คือ เธอสวมใส่เสื้อยืดปิดบังร่างกายเสียแล้ว

   "เสื้อยังเปียกนิดหน่อย แต่ใส่ไว้ก่อนดีกว่า เริ่มจะไม่กล้าไว้ใจผู้ชายลามกแถวนี้ซะแล้วซิ เผลอทีไรเป็นต้องโดนแอบมองทุกที"

   น้ำเสียงของเธอเหมือนกล่าวโทษอยู่บ้าง แต่แววตาดูเหมือนจะออกอารมณ์ขบขันไม่ได้จริงจังนัก จีวรจึงยังพอใจชื้นอยู่บ้าง เขาหมุนตัวหันไปยิ้มแห้ง ๆ กล่าวคำขอโทษ กระนั้นยังไม่ทันพูดจบ เขาก็รู้สึกเหมือนเวลาหยุดไปแวบหนึ่ง จากนั้นภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง

   ในภาพนั้นเมญ่าโดนชายหนุ่มใส่แว่นท่าทางเหมือนเด็กเนิร์ดจับกดนอนโก้งโค้งคว่ำหน้าลงแนบกับพื้นโต๊ะ ลำคอด้านหลังของเธอโดนมือข้างหนึ่งกดจนมิอาจดิ้นรนหลุด เสื้อผ้าโดนฉีกขาดเปิดอวดแผ่นหลังขาวเนียนจนโดดเด่นอยู่กับแสงไฟ สะโพกผึ่งผายเปลือยเปล่าโดนมืออีกข้างสะบัดฟาดใส่จนเธอสะดุ้งโหยง แต่ที่ทำให้เธอดิ้นพล่านราวกับโดนไฟช๊อตก็คือเจ้าดุ้นเอ็นขนาดมาตรฐานชายไทยซึ่งกำลังพยายามกดมุดแทรกตัวเบียดแก้มก้นเข้าไปทางประตูหลังของเธอ

   เธอส่งเสียงครวญครางลั่นคล้ายเจ็บปวดและเสียวซ่านไปพร้อมกัน หลับตาพริ้มกัดริมฝีปากแน่น สะโพกผึ่งผายส่ายเด้งไปมาพยายามหลบหนีจากการรุกราน แต่เนื่องจากโดนกดทับเอาไว้อย่างแน่นหนาจึงมิอาจรอดพ้น ได้แต่รอรับดุ้นเอ็นเสือกไสรุกรานแทรกตัวเข้าไปอย่างอดทน

   กระทั่งเมื่อดุ้นเอ็นใส่เข้าไปได้จนสุดลำ และเริ่มขยับกระแทก ดาราสาวแสนสวยก็ส่งเสียงร่ำร้องออกมาไม่เป็นภาษา เสียงร่ำร้องของเธอกระเส่าดังถึงเพียงนั้น ร่างของเธอตอบสนองต่อบทรักจนเขาอารมณ์พลุ่งพล่าน แม้แต่รสสัมผัสของการตอดรัดของรูก้นกับลำลึงก์ก็ถูกส่งมาจนเขารู้สึกเสมือนว่าเขากำลังร่วมรักกับเธออยู่

   ภาพจินตนาการสุดเสียวนั้นปิดท้ายลงที่เสียงหวีดร้องของเมญ่า ตามด้วยเสียงร้องคำรามอันสุขสมของหนุ่มแว่นที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เธอตัวกระตุกเฮือกถึงจุดสุดยอดไปหนึ่งครั้ง โดยที่มีน้ำเชื้อขาวข้นทะลักล้นออกมาจากรูก้นของเธอ จากนั้นภาพจินตนาการก็เลือนหายไป ส่งให้สติของเขากลับมายังจุดเดิม จุดที่เมญ่ากำลังยืนจ้องมองเขาด้วยความสนอกสนใจ

   "จิตโดนย้อมกลายเป็นสีเทาอีกแล้ว แต่แว้บเดียวก็กลับเป็นสีขาวหม่นเหมือนเดิม... คราวนี้วอนเห็นอะไรอีกล่ะ? เมย์ว่าเมย์ไม่ได้คิดอะไรแล้วนะ"

   "... เอ่อ ... ไม่ใช่ของเมย์มั้ง ... วอนเห็น ... ผู้ชายใส่แว่น ท่าทางเนิร์ด ๆ กำลัง ..."

   จีวรมองดูเมญ่าด้วยความรู้สึกอ้ำอึ้ง ไม่ทราบว่าควรบอกกล่าวเรื่องราวนั้นออกไปให้เธอรับทราบหรือไม่ ด้านเมย์ก็เหมือนจะเข้าใจความตะขิดตะขวงใจของเขาอยู่บ้าง จึงออกปากว่าให้เขาพูดออกมาให้เต็มที่

   "พูดมาเลยจ้ะ บอกให้ละเอียด เพราะว่าผู้ชายใส่แว่นที่ว่าน่ะ คือวิญญาณสีเทาในขวดแก้วนี่เอง"

   "... วอนเห็น ผู้ชายใส่แว่นคนนั้นจับเมย์กดกับพื้นโต๊ะ ... แล้วก็มีเซ็กส์กับเมย์ทางด้านหลัง ... แล้วภาพก็หายไป"

   "จับกดกับโต๊ะ ... ทางด้านหลังเหรอ? ขอรายละเอียดอีกหน่อยซิ"

   "เอ่อ ... เอาให้ละเอียดเลยเหรอ ... คือ มันไม่ค่อยดีมั้ง"

   "อื้ม ไม่เป็นอะไรหรอก เล่ามาเลย"

   "คือ ... มันจับเมย์ยืนโก้งโค้ง คว่ำหน้าแนบกับโต๊ะตัวนั้น ... เมย์พยายามดิ้น ... แต่ว่ามันหัวเราะสะใจ สะบัดมือตีก้นของเมย์เสียงดัง แล้วก็ ... ทำกับเมย์ทางประตูหลัง"

   "ประตูหลัง ... ตายจริง!! นายแว่นนั่น ... แบบนี้นี่เอง ถึงว่าซิ ... มิน่าล่ะอุตส่าห์แอบสร้างภาพมายาให้เห็นแล้ว แต่ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิด"

   เมย์ยกมือขึ้นป้องปาก แล้วหันไปมองขวดแก้วที่มีกลุ่มควันสีเทา พลางส่งเสียงอุทานออกมาเหมือนกับเจอเรื่องคาดไม่ถึง จีวรจึงได้แต่หันไปมองเธอด้วยความงุนงงกับปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดของเธอ

   "อะไร? นายแว่นคือใคร? แล้วอะไรคือภาพมายา?"

   "อื้ม ที่ดูเหมือนควันในหลอดแก้วนั่นแหละ คือวิญญาณของนายแว่น ชื่อจริงชื่อนายโชคชัย ตายตอนอายุสิบแปดเพราะช่วยตัวเองมากไปจนช๊อคคาห้องพักของโรงแรม ... แต่ไม่รู้ว่ามีบ่วงอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมไปเกิดใหม่ อาศัยอยู่ในโรงแรม คอยลักหลับตอนผู้หญิงนอนพัก ... เมื่อสองสามเดือนที่แล้ว ตอนไปถ่ายละคร เมย์ไปเจอเข้ากับตัว นายแว่นแอบมาลักหลับ ก็เลยจับใส่ขวดแก้วมาบำบัดซะเลย"

   "ลักหลับ!!! วิญญาณเนี่ยนะ?"

   "ใช่แล้ว วิญญาณปรากฎตัวได้หลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบที่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ เหมือนอยู่อีกมิติหนึ่ง ... มีส่วนน้อยบางส่วนที่ปรากฎตัว และสัมผัสกับคนเป็นได้ในบางเงื่อนไข กลุ่มนี้จะไม่ค่อยมีความรู้สึกนึกคิดนัก พูดจากันไม่ค่อยรู้เรื่อง อย่างนายแว่นนี่ก็อยู่ในข่ายนี้ หากเป็นกลางคืน นายแว่นจะสามารถแตะสัมผัสเล้าโลมร่างเนื้อของคนเป็นได้"

   "แสดงว่าบ่วงของวิญญาณนายแว่น คือ การลักหลับผู้หญิงงั้นเหรอ? แต่ถ้าเมย์บอกว่าเจ้านี่ลักหลับผู้หญิงมาหลายคนแล้ว ก็น่าจะยอมไปเกิดใหม่แล้วนี่นา"

   "บ่วงของนายแว่นจะต้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ยังไม่รู้ เพราะสื่อสารไม่รู้เรื่อง เมย์พยายามบำบัดใช้ภาพมายาให้นายแว่นเห็นและรู้สึกเหมือนว่าได้ทำกับผู้หญิงไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมไปเกิดใหม่"

   "ภาพมายาเหรอ?"

   "อืม เรื่องนี้ค่อยคุยก็แล้วกัน ... กลับมาเรื่องบ่วงก่อน ... จากที่วอนเล่าให้ฟัง ทำให้เมย์นึกอะไรบางอย่างออก ... วอนเห็นนายแว่นนี่กำลังมีอะไรกับเมย์ เอ่อ ... ทางประตูหลังใช่มั้ย?"

   "ใช่แล้ว"

   "เป็นไปได้ว่านายแว่นนี่เป็นวิญญาณคลั่งไคล้รูปแบบหนึ่ง ... ตอนที่เจอศพ มีคนบอกว่าบนหน้าจอคอมมีรูปผู้หญิงเปลือยยืนโก้งโค้งหันก้นให้เหมือนกำลังรอให้มีเซ็กส์กัน แถมรูปนี้ยังโดนตัดต่อ เอารูปหน้าเมย์มาใส่ด้วย ... พอค้นรูปในคอมมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปขารูปสะโพกของผู้หญิง แล้วส่วนใหญ่ก็จะเหมือนรูปแรก คือตัดต่อเอาหน้าเมย์ไปใส่ไว้ ... สรุปว่านายนี่เป็นแฟนคลับตัวยงของเมย์ด้วย"

   "หรือว่า ... นายแว่นนี่เป็นพวกโอตาคุคลั่งดารา คลั่งสะโพกคนดัง ... อยากจะมีอะไรกับเมย์ แถมอยากจะทำทางก้นด้วย?"

   จีวรส่งเสียงร้องโพล่งออกมาจนเมญ่าต้องหันมามองด้วยสายตาตำหนิเล็ก ๆ เขาจึงค่อยเงียบเสียงลงเพราะนึกได้ว่าพูดแบบนี้ออกจะเป็นการไม่มีมารยาทต่อเมย์อยู่สักหน่อย

   "ไม่เอาหรอก สร้างภาพแบบอื่นน่ะพอทำใจไหว แต่จะให้เมย์สร้างภาพมายาให้นายแว่นหื่นกามนั่นเห็นว่ากำลังทำกับเมย์ คงไม่ไหวแน่เลย ทำใจไม่ลง"

   เมญ่าขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจ ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งที่เธอพูดเรื่องภาพมายา แต่ไม่ยอมอธิบายให้ละเอียด จีวรจึงได้แต่ยืนงงไม่เข้าใจต่อไป ว่าเธอหมายความว่าอย่างไรกันแน่ หรือจะบอกว่าเธอสามารถสร้างภาพมายา หรือภาพหลอนให้คนอื่นเห็นตามที่ต้องการได้?

   "ว่าแต่ ... คราวนี้วอนเชื่อแล้วมั้ง ว่าวิญญาณมีจริง? หรือถ้ายังไม่เชื่อ เดี๋ยวจะปล่อยวิญญาณนายแว่นออกมาให้ดูก็ได้นะ เอามั้ย?"

   "เฮ้ย!! อย่า ๆ ไม่ต้อง ... เราเชื่อแล้ว ออกมาเดี๋ยวก็อันตรายซิ เมย์บอกว่านายแว่นนี่แตะสัมผัสคนเป็นได้ไม่ใช่เหรอ?"

   "คิก คิก ทำท่ากลัวแบบนี้แสดงว่าเชื่อแล้วซินะ ... อืม จริง ๆ นายแว่นก็ไม่ได้อันตรายขนาดนั้นหรอก เพราะพลังวิญญาณอ่อนลงเยอะแล้ว .... อีกอย่างแถวนี้ก็ไม่มีคนทรงด้วย"

   "คนทรง?"

   "อ่อ คนทรงก็คือ คนที่มีความสามารถให้วิญญาณสิง บังคับร่างเนื้อ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวออกมา ยกตัวอย่างเช่นพี่ฝ้าย ... อ๊ะ ลืมไป วอนยังไม่เคยเจอนี่นะ พี่ฝ้ายเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล คงเหนื่อยนอนหลับไปแล้ว ... อืม ปกติแล้วเราจะใช้คนทรง เพื่อทำให้คนเป็นสามารถสัมผัสกับวิญญาณได้ ถ้ามีคนทรงที่ยังจิตไม่แข็งพอ ก็อาจจะโดนนายแว่นนี่สิงร่างเอาได้"

   "สิงร่าง ... แปลว่าวิญญาณสามารถบังคับร่างได้งั้นเหรอ?"

   "ใช่แล้ว แต่คนทรงโดยธรรมชาติหายาก เพราะต้องมีทั้งพลังวิญญาณ มีทั้งความคิดที่ไม่ต่อต้านวิญญาณภายนอก และไม่โดนควบคุมสติ เมย์เองก็แค่พอทำได้แบบงู ๆ ปลา ๆ แต่ต้องให้พี่เอกช่วยร่ายคาถากำกับให้ ไม่งั้นทำเองไม่ได้ ... อืม วอนยังไม่ได้เจอพี่เอกด้วยนี่นะ เอาไว้เมย์จะแนะนำให้รู้จักล่ะกัน พี่เอกน่าจะกลับพรุ่งนี้เช้า"

   เมญ่าเผยประกายตาเปี่ยมสุขเมื่อพูดถึงพี่เอกของเธอ จีวรจึงพอจะคาดเดาได้ว่าพี่เอกที่ว่า สมควรจะเป็นคนสำคัญของเธอ และเขาต้องสำคัญมากพอดูทีเดียวเมญ่าจึงเผยท่าทีแบบนี้ออกมาแบบไม่อาจซุกซ่อนได้ เขาจึงอดไม่ได้ต้องเอ่ยปากถาม ทั้งที่รู้ว่าไม่สมควร

   "พี่เอกคือใครเหรอ?"

   "... พี่เอกน่ะเหรอ ... พี่เค้าเป็น ... เอ่อ ... อืม ... นั่นซิ เป็นอะไรดีน้า ... เป็นผู้ปกครองที่น่าเคารพ ... เป็นพี่ชายที่น่ารักที่สุด ... เป็นเพื่อนสนิทที่สุด ... แล้วก็ยังเป็น ... อืม เป็น ..."

   เมญ่าหันมามองจีวร และทำท่าลังเลเล็กน้อย แล้วตอบแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน หากทว่าท่าทางขัดเขินและแววตาที่เปล่งประกายสดใสของเธอได้ให้คำตอบแก่จีวรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงคิดเอ่ยปากถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่กลับโดนเมญ่าถามกลับด้วยคำถามที่ทำให้เขาหน้าแดงก่ำเข้าเสียก่อน

   "อืม ... เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่ทำไมเห็นภาพแบบนี้ทีไร วอนเป็นต้องเอามือมาจับเป้ากางเกงตัวเอง ทำท่าเหมือนจะช่วยตัวเองทุกทีเลย? แค่เห็นภาพแค่นี้ทำให้มีอารมณ์ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"

   "เปล่านะ ... คือ ... มันไม่ใช่แค่เห็นภาพน่ะซิ ... มัน ... เอ่อ ... แบบว่าพูดยากน่ะ"

   "พูดยากก็ค่อย ๆ อธิบายออกมาซิ เมย์จะรอฟัง"

   จีวรตอบด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้งด้วยความลำบากใจ แต่เมย์กลับใช้ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองเขาตาแป๋วจนสติเขาแทบกระเจิง สุดท้ายเขาจึงค่อยยอมปริปากอธิบายเรื่องราว

   "คือ ... ฟังแล้ว เมย์อย่าหัวเราะนะ"

   "อื้ม ไม่หัวเราะหรอก สัญญา"

   "เราไม่ใช่แค่เห็น แต่รับความรู้สึกของเหตุการณ์ได้ด้วย"

   "รับความรู้สึก?"

   "มัน ... แบบว่า ... อย่างเมื่อกี้ตอนเห็นนายแว่นข่มขืนเมย์ ... เราก็รู้สึกเหมือนได้ใส่เข้าไปในก้นของเมย์จริง ๆ รู้สึกโดนของเมย์รัด หรืออย่างตอนอยู่บนรถที่เมย์จินตนาการว่านั่งคร่อมบนผู้ชายอีกคนนึง เราก็รู้สึกเหมือนเมย์กำลังนั่งคร่อมบนตัวเราด้วย ได้กลิ่นหอมของตัวเมย์ ได้ยินเสียงคราง หน้าอกของเมย์นิ่มมาก ตอนเมย์หย่อนก้นกระแทกลงมา ของเมย์ก็ตอดใส่จนเราเสียวซี้ด พอยกสะโพกออกก็เหมือนจะดูดเอาน้ำเชื้อเราออกไปด้วย เราก็เลยทนไม่ไหว ... อ๊ะ ขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจพูดลวนลามนะ"

   จีวรพรั่งพรูคำพูดออกมาจนหมด เพราะลึก ๆ แล้วเขาเองก็อยากระบายความผิดปกติของเขาให้คนอื่นรับรู้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เขารู้สึกพิเศษด้วยอย่างเมย์ แต่เมื่อเล่าเรื่องราวจบสิ้น และได้เห็นเมย์ลืมตาโต อ้าปากค้างด้วยความแปลกประหลาดเหลือเชื่อ ทั้งยังกลายเป็นใบหน้าอันแดงซ่านขึ้นมา เขาก็ค่อยรู้สึกได้ว่าเขากำลังพูดลวนลามเธอด้วยวาจาเข้าเสียแล้ว

   "จะบอกว่า วอนไม่ได้เห็นแค่ภาพ หรือได้ยินเสียง แต่ยังรับรู้ความรู้สึกของคนนั้นได้ด้วยเหรอ? ... ไม่ใช่เห็นแค่ภาพ แต่ได้ยินเสียง รับสัมผัสทางผิวกาย ได้กลิ่น ... แบบนี้มันก็เหมือนวอนได้ทำแบบนั้นกับเมย์จริง ๆ น่ะซิ ... แบบนี้มันขี้โกงเกินไปแล้ว"

   เมญ่าส่งเสียงอุทานเจื้อยแจ้วออกมา แล้วมองเขาด้วยแววตาประหลาดเหลือเชื่อ จากนั้นอีกวูบหนึ่งใบหน้าของเธอก็กลายเป็นแดงซ่านขึ้นมา ตอนนี้เขาจึงค่อยได้คิดว่า การที่เขาเข้าถึงจินตนาการแบบนั้นได้ มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับการได้มีเซ็กส์กับเมญ่าไปแล้ว ... เด็กวัดอย่างเขาได้มีเซ็กส์แบบปลอม ๆ กับดาราสาวสวยสุดฮอตอย่างเมญ่าไปแล้ว!!!

   เวลานี้ทั้งคู่กลายเป็นเงียบงันขึ้นมากะทันหัน เมญ่าหลบสายตาเอียงอายไม่กล้าสบตากับเขา ใบหน้าสวยสดใสเปี่ยมด้วยอารมณ์ขัดเขินของเธอจึงสะกดจนจีวรสมองขาวโพลน เขาจับจ้องมองดูเธอจนตาแทบไม่กระพริบ ในสภาพที่อยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสองเหมือนสวรรค์เป็นใจเช่นนี้ ในใจพลันบังเกิดความพลุ่งพล่านจนเผลอขยับตัวโผเข้าไปโอบกอดเสพสมกับเรือนร่างอวบอิ่มของเธอราวต้องมนตร์

   การกระทำนั้นรวดเร็วกะทันหันเกินไป เมญ่าจึงได้แต่ยืนนิ่งค้างคล้ายกำลังตื่นตระหนกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ด้านจีวรเองก็ไม่ทราบว่าตัวเองพลั้งเผลอทำอะไรลงไป แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้เขาปล่อยเธอออกก็ใช่ที่ เพราะความสุขจากการได้โอบกอดร่างนุ่มนิ่มนี้เอาไว้ด้วยสองแขนนั้นช่างหอมหวานและเย้ายวนเกินทน

   ในระยะเพียงแค่นี้ กลิ่นหอมของเนื้อสาวแทบทำให้เขาคลั่ง ความนุ่มนิ่มของเรือนกายก็ยิ่งทำให้เขาลุ่มหลง แต่ที่ทำให้จิตใจของเขาสะท้านสะเทือนที่สุด กลับเป็นดวงหน้าอันสวยสดที่ลอยเด่นอยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ แม้แต่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอก็อยู่ใกล้เพียงรอคอยให้เขาก้มลงไปประกบจูบ

   ลมหายใจของเขากลายเป็นถี่กระชั้นขึ้นมา ความเป็นชายตื่นตัวอีกครั้งจนคับแน่นเต็มกางเกง และเนื่องจากว่าสองร่างกำลังแนบชิด สัดส่วนที่พองตัวขึ้นจึงเบียดกับหน้าท้องของเมญ่าจนเธอสมควรรู้สึกได้ ว่าเขาคลั่งไคล้เธอมากมายถึงเพียงไหน และบัดนี้เขากล้าพอแล้วที่บอกความในใจออกไป
 
   "เมย์ ... เรา ... เรา ... เรารัก ... เรารักเมย์ ... เรารักเมย์ ... แต่งงานกับเรานะ"

   เมญ่าลืมตากลมโตจ้องมองดูจีวรด้วยแววตาเหลือเชื่อ สื่อถึงอารมณ์ตื่นตะลึงคาดไม่ถึง ซึ่งความจริงก็ควรเป็นเช่นนั้น เพราะจะมีใครสักกี่คนที่กล้าขอแต่งงานกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงหนึ่งเดือน

   จีวรเมื่อหลุดปากออกไปแล้วก็ไม่อาจรั้งกลับคืนมาได้อีก เขาพยายามข่มกลั้นความกลัว เขากลัวว่าเมญ่าจะรังเกียจเขา กระนั้นก็ยังอดไม่ได้ต้องจับจ้องมองดูเมย์ด้วยสายตาตื่นเต้นคาดหวัง จากนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นของเธอ ก็ค่อยกลับมาเป็นปกติ และยิ้มให้เขาน้อย ๆ แล้วเอ่ยปากพูดไม่แสดงท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธ ทั้งไม่แสดงท่าทีดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขาแต่อย่างใด

   "ทำไมวอนรักเมย์ล่ะ? ความรักของวอนคืออะไร? วอนรู้จักเมย์มากแค่ไหน?"

   ได้ยินคำถามแทนคำตอบเช่นนี้ จีวรจึงหัวหมุนติ้ว ไม่ทราบว่าสมควรยินดี หรือว่าเสียใจ เพราะอย่างน้อยเมญ่าก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่ารังเกียจเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะยอมรับให้เขาเป็นคนพิเศษแต่อย่างใด
 
   "ไม่รู้ซิ เรารู้แค่ว่า แวบแรกที่เราได้เห็นเมย์ ... เราก็รู้สึกว่าเมย์เป็นนางฟ้าของเรา ทุกวันก็เอาแต่คิดถึงเมย์"

   "ที่ว่าคิดถึงนี่ คงไม่ใช่เอาไปคิดถึงตอนเข้าห้องน้ำอย่างเดียวใช่มั้ย?"

   เมย์ไม่ได้แสดงท่าทีแตกตื่นลนลานแต่อย่างใดที่ถูกสวมกอด เธอยังคงส่งเสียงหัวเราะคิกคักกล่าวหยอกล้อจนจีวรหน้าแดงก่ำ ซึ่งความจริงแล้วเธอก็พูดไม่ผิด นับตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่เมญ่าเปิดตัวเป็นดารา ทุกครั้งที่เขาแอบคิดถึงเธอ เขาเป็นต้องเข้าไประบายอารมณ์ในห้องน้ำแทบทุกครั้งไป

   "เมย์ไม่ใช่นางฟ้าหรอกนะ เมย์ไม่ได้จิตใจบริสุทธ์ขนาดนั้น ... จริง ๆ แล้ววอนเองต่างหากที่มีสีของจิตเป็นสีขาวหม่น มีความบริสุทธิ์มากกว่าเมย์อีก"

   "ไม่หรอก เมย์ใจดี ไม่แสดงท่าทีรังเกียจคนจนอย่างเราเลยสักนิด สำหรับเราแล้ว เมย์ก็เป็นเหมือนกับนางฟ้านั่นแหละ"

   "งั้นถ้าเมย์ หน้าตาน่าเกลียด อ้วนตุ๊ต๊ะ สิวขึ้นเต็มหน้า วอนจะยังคิดกับเมย์แบบเดียวกันหรือเปล่า?"

   "เอ่อ ..."

   คำพูดของเธอทำให้อารมณ์ของเขาซึ่งกำลังพลุ่งพล่านกลายเป็นเยือกเย็นลงบ้าง เพราะความหมายที่ซุกซ่อนอยู่ก็คือ คนส่วนใหญ่ที่หลงรักเธอ ก็เพราะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ หลงไหลในความสวยน่ารักของเรือนกาย และเขาก็อาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น จีวรจึงไม่อาจเอ่ยปากตอบคำ

   "นี่ก็เพราะว่าวอนก็เหมือนคนอื่น วอนรู้จักเมย์แค่จากภาพลักษณ์ภายนอก เมย์ไม่ใช่นางฟ้าหรอก เมย์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ... วอนรู้มั้ยว่ากว่าเมย์จะมีวันนี้ได้ เมย์ผ่านโลก ผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดไหนแล้ว?"

   "เมย์ ..."

   "วอนรู้มั้ย ว่าเมื่อสี่ปีก่อน เมย์บ้านแตกสาแหรกขาด พ่อกับแม่จากไปโดยไม่ได้ตั้งตัว เมย์พาน้องสาวหนีออกจากคนพวกนั้น ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ไม่มีเงิน ไม่มีที่พัก สุดท้ายเมย์ก็ยอมแพ้ เลือกทางออกที่เด็กอายุสิบสี่ปีพอจะทำได้ ... เมย์ตัดสินใจขายตัวเพื่อแลกกับเศษเงิน"

   เรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของเมญ่ากลับทำให้จีวรตื่นตะลึงขึ้นมา เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าเมญ่าที่เป็นดาราดัง ทั้งยังใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าเช่นนี้กลับมีชีวิตในวัยเด็กที่ดูโหดร้ายทารุณ ถึงขั้นต้องตัดสินใจขายบริการ

   "... ตอนนั้นเมย์เลือกใช้ร่างกายของตัวเอง แลกกับเงิน ตั้งใจว่าอย่างน้อยก็ให้มายด์มีข้าวกิน ให้มายด์ได้เรียนหนังสือ ไม่ต้องลำบาก ตอนนั้นเมย์คิดแค่นั้น ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าอนาคตของตัวเองจะเหลวแหลกขนาดไหน"

   "เมย์ ..."

   "คราวนี้ยังคิดว่าเมย์เป็นนางฟ้าอีกหรือเปล่าล่ะ?"

   "มัน ... มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เมย์ก็แค่ไม่มีทางเลือก แต่เรายิ่งรู้สึกว่าเมย์เป็นนางฟ้ามากกว่าเดิม เพราะว่าเมย์ทำทุกอย่างให้น้องสาว ... แต่มันคงเป็นเรื่องที่โหดร้ายกับเด็กสาวอายุสิบสี่จริง ๆ เสียใจด้วยนะเมย์"

   "ไม่หรอกจ้ะ เมย์ไม่ได้คิดเสียใจเลยสักนิด เมย์กลับรู้สึกโชคดีด้วยซ้ำ ที่วันนั้นเมย์เลือกผู้ชายคนนั้นให้เป็นคนแรกของเมย์ เมย์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเมย์เลือกเขา แต่ตอนนี้เมย์รู้แล้วว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่ตัดสินใจเลือกเขาคนนี้"

   เมญ่าเล่าพลางเผยรอยยิ้มและแววตาอันแสนสุขออกมา จีวรจึงยิ่งงุนงงกว่าเดิม ไม่เข้าใจว่าไฉนเมื่อเธอนึกถึงการขายตัวในวัยเด็ก จึงทำให้เมญ่าแสดงสีหน้าเปี่ยมสุขแบบนี้ออกมา และทำไมเธอจึงดูสงบนิ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อนอันใด ทั้งที่ยังคงโดนเขารุกรานสวมกอดเอาไว้เช่นนี้

   "วันนั้นเมย์ปรึกษาเรื่องนี้กับต่า ... เอ่อ กับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่พอจะรู้เรื่องพวกนี้ ... เค้าแนะนำให้เมย์ไปจับพวกตาแก่รวย ๆ จะได้สบายนาน ๆ ... แต่ว่าเมย์ทำใจไม่ได้ เมย์รู้สึกว่าอย่างน้อย ๆ ครั้งแรกของเมย์ เมย์ก็จะขอเลือกเอง ว่าเมย์อยากเสียให้ใคร ต่อให้ได้ไม่คุ้มค่าเมย์ก็อยากจะขอทำตามใจตัวเองสักครั้ง"

   "..."

   "วันนั้น เมย์ไปกับเพื่อนคนนั้น ไปยืนรอในห้างที่คนรวยชอบไปกัน เมย์ยืนมองอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ก็ทำใจเลือกใครไม่ได้ เมย์เกือบถอดใจไปหาตาแก่รวย ๆ ตามที่เพื่อนเสนอ แต่ตอนนั้นเอง เมย์ก็สะดุดตากับผู้ชายคนนึง ... แปลกดี ... ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตอนนั้นเมย์กลับมั่นใจว่า เมย์อยากให้ครั้งแรกของเมย์ กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ ... เมย์รู้สึกเหมือนคุ้นเคยสนิทกับเขา ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน"

   "เมย์พยายามบากหน้าเข้าไปเสนอตัว ... วันนั้นพวกเราเข้าห้อง เมย์โดนเขากอดจูบ และเกือบมีอะไรกันอยู่แล้ว แต่ว่าพี่เขาข่มใจหยุดเอาไว้ก่อน"

   "... ทำไมเขาหยุดล่ะ?"

   จีวรถามด้วยน้ำเสียงสงสัยระคนตื่นเต้น เพราะถึงแม้นี่จะเหมือนเป็นเรื่องเศร้า แต่กลิ่นอายของความใคร่ก็ทำให้เขาอดรู้สึกตื่นเต้นและจินตนาการสวมบทบาทเป็นผู้ชายคนนั้น เขาจึงรู้สึกไม่อยากเชื่อ ว่าจะมีผู้ชายคนไหนข่มใจปฏิเสธไม่ทำอะไรสาวสวยอย่างเมญ่าได้ ต่อให้เธอยังเด็กอยู่ก็ตามที

   "... เพราะว่า ... อืม ... เรื่องนี้ช่างเถอะ ...  ทีแรกพี่เค้ายังไม่ได้มีอะไรกับเมย์ แต่เสนอความช่วยเหลือ ให้เมย์ไปอยู่ด้วย ให้เงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดูแลเมย์เหมือนคนในครอบครัว"

   "แบบนั้นก็ดีแล้วนี่นา?"

   เขาถามด้วยน้ำเสียงโล่งอก ทั้งที่ใจหนึ่งก็แอบลุ้นว่าเมย์จะเล่าฉากที่เธอเสียตัวให้เขาฟัง แต่อีกใจก็แอบโล่งที่เธอรอดมาได้

   "... ไม่รู้ซิ อาจจะดี หรืออาจจะไม่ดี เพราะว่าเมย์เผลอหลงรักเขาจนทนไม่ไหว ... ต้องแกล้งยั่วจนพี่เค้าทนไม่ไหวและมีอะไรกับเมย์จนได้ ... หลังจากนั้นเมย์ก็เสพติดความรู้สึกตอนมีเซ็กส์ เมย์คิดถึงพี่เค้าตลอดเวลา อยากกอด อยากมีเซ็กส์ตลอดเวลา ... กระทั่งตอนนี้ผ่านไปแล้วสี่ปี เมย์ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ... วันไหนที่อยู่กับเขา เมย์ก็จะกลายเป็นผู้หญิงร้อนรักร่านสวาทคนนึง วันไหนที่เขาไม่อยู่ เมย์ก็จะเหงา ต้องอาศัยจินตนาการเพื่อเติมเต็มความต้องการตัวเอง ... เมย์เป็นแค่ผู้หญิงคลั่งรักธรรมดาคนนึงนี่แหละ ไม่ใช่นางฟ้าที่ไหนหรอก"

   ถึงตอนนี้ จีวรรับฟังจนหัวสมองพองโต เพราะนี่คือฉากหลังอันฉาวโฉ่ของเมญ่าที่ยังไม่เคยมีใครรู้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน เขาเพียงคาดคิดเอาเองว่าเมญ่าน่าจะเป็นลูกของมหาเศรษฐี มีชีวิตอยู่ในแวดวงสังคมไฮโซมาตั้งแต่เด็ก หากทว่าที่แท้จริงแล้ว ชีวิตในวัยเด็กของเธอ กลับอาภัพเสียยิ่งกว่าเด็กวัดไม่มีพ่อแม่อย่างเขาเสียอีก ... กระนั้นที่สะเทือนใจเขาที่สุด กลับเป็นความจริงที่ว่า เมญ่าไม่ใช่สาวบริสุทธ์ ... เธอเป็นของคนอื่นไปแล้ว

   เขาเม้มปากแน่น ด้วยความรู้สึกคับข้องใจ หากทว่าความรู้สึกสงสารเวทนาต่อคนที่เขาหลงรักกลับมากกว่า เขาจึงทอดถอนหายใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจอันเคร่งเครียดออกมา

   "... เมย์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา ... เมย์ก็แค่หลงรักกับผู้ชายคนนึง แล้วเมย์ก็ทุ่มเทให้เขาจนหมด เราเข้าใจ"

   "ไม่หรอก วอนยังไม่เข้าใจ เมย์แค่อยากให้วอนเข้าใจ ว่าเมย์ไม่ใช่นางฟ้า เมย์ห่างไกลกับคำว่านางฟ้า"

   " ... เมย์เคยช่วยตัวเองในห้องน้ำของปั๊มน้ำมันจนเกือบโดนชายแปลกหน้าข่มขืน"

   "... เมย์เคยใช้อารมณ์หึงหวงไม่เข้าเรื่อง จนเกือบโดนพาไปรุมโทรม แถมยังเกือบทำให้คนสำคัญของเมย์ต้องตาย"

   " ... เมย์เคยเผลอใจมีเซ็กส์กับเด็กชายวัยเดียวกัน ถึงกับเผลอหลงรักเหมือนที่รักพี่เอก กว่าจะรู้ตัวทีหลังว่าสองคนนี้คือคนเดียวกันก็นานพอดู"

   "... เมย์ไม่มองว่าเซ็กส์เป็นเรื่องสกปรก ทั้งตรงกันข้าม เมย์รักและหลงไหลที่จะมีเซ็กส์กับคนที่เมย์รัก เรียกว่าเสพย์ติดเลยก็ยังได้"

   " ... ทีนี้รู้หรือยังล่ะว่าเมย์ไม่ใช่นางฟ้าหรอก ไม่ใช่เลย"

   เมญ่าพรั่งพรูเปิดเผยเรื่องราวของตนเองออกมาราวกับว่าเรื่องราวเหล่านี้ถูก เก็บกดเป็นความลับในใจมานานแสนนาน เพียงแต่จีวรกลับไม่ทราบว่าทำไมเธอจึงยอมเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ให้เขาทราบ ทั้งที่เขาไม่สมควรจะมีความสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น

   "... แปลกจัง ... ไม่รู้ทำไมเมย์ยอมเล่าให้วอนฟัง ... แต่ช่างเถอะ ได้พูดออกมาบ้างก็สบายใจดี เมย์รู้สึกอึดอัดจะแย่ ที่คนนอกเอาแต่มองเมย์เหมือนกับเมย์เป็นนางฟ้าเลอเลิศ มีแต่พี่เอกที่เข้าใจว่าที่แท้จริงแล้วเมย์เป็นคนยังไง ... แล้วคราวนี้วอนจะยังคิดว่าเมย์เป็นนางฟ้าอีกมั้ย?"

   จีวรไม่ทราบว่าควรปั้นหน้าอย่างไรดี เพราะภาพลักษณ์ของเมญ่าที่เขาเคยเข้าใจ ย่อมไม่ใช่แบบนี้ เขาเคยวาดภาพเธอไว้สูงส่งบริสุทธิ์ไร้ราคีคาวราวกับนางฟ้าที่ไม่เคยเกลือกกลั้วกับเรื่องราวทางโลก แต่ความจริงที่เธอบอกเล่าได้ทำลายภาพลักษณ์เหล่านั้นจนพินาศย่อยยับ เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความรัก ความใคร่ โหยหารสราคะเฉกเช่นเดียวกับคนทั่วไป

   "เมย์ขอบใจที่วอนบอกรักกันอย่างตรงไปตรงมา แต่เมย์ขอโทษด้วย ที่ตอนนี้เมย์ไม่มีที่ว่างให้คนอื่นอีกแล้ว"

   เธอตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลหากทว่าตรงไปตรงมา เขาเองก็คาดว่าคำตอบควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว จึงเพียงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อทราบว่าเธอไม่ได้ครองตัวอยู่สูงลิบ เขากลับยิ่งรู้สึกคึกคักอยากครอบครองเรือนร่างของเธอมากขึ้นจนลมหายใจยิ่งเร่งร้อน และกอดกระชับร่างของเธอแน่นขึ้น

   เมญ่าลืมตาโพลง เมื่อจีวรประกบปากจูบอย่างแนบแน่น เธอพยายามขืนตัวหลีกหนี หากทว่าอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่เปิดโอกาสให้เธอกระทำได้ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนบอบบางจึงโดนริมฝีปากของเขาประกบแนบ ปล่อยให้จีวรได้เสพรับความนุ่มนิ่มหอมหวานรัญจวนจนหัวหมุนคว้าง

   เขาหลับตาพริ้มขบเม้มกับริมฝีปากของเธอด้วยความหิวกระหาย ขณะที่มือข้างหนึ่งบีบตะโปมกับสะโพกก้น ส่วนอีกข้างก็ขยับมาเคล้นคลึงทรวงอกกลมดิก ความนุ่มนิ่มเต่งตึงของเนื้อนวลสร้างความหฤหรรษ์แก่เขาราวกับได้ขึ้นสวรรค์ อารมณ์ของเขาจึงยิ่งพลุ่งพล่าน บีบขยำด้วยความตะกละตะกรามกว่าเดิม เขาบีบขยำจนร่างของเธอกระตุกสะท้าน หากทว่าจนแล้วจนรอด ริมฝีปากของเธอกลับยังคงเม้มปิดสนิท ไม่ยอมเปิดทางให้เขารุกรานได้แม้แต่น้อย

   จีวรได้สติคืนมาอีกครั้ง เมื่อลืมตาเห็นแววตาเปี่ยมด้วยความสงสารเวทนาของเธอที่จับจ้องมา ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะแดงซ่านคล้ายมีอารมณ์ร่วม ถึงแม้ร่างกายนุ่มนิ่มจะสั่นสะท้านตามสัมผัส แต่ว่าแววตาของเธอกลับบ่งบอกเขาอย่างชัดเจนว่า เธอมิได้ยินยอมพร้อมใจให้เขากระทำ

    "ปล่อยเถอะ ... วอนไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบรังแกผู้หญิงแบบนี้หรอก"

   เมื่อเขาปล่อยริมฝีปากของเธอให้เป็นอิสระ เธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีอารมณ์โกรธขึ้งอันใด หากทว่าถ้อยคำเหล่านั้นกลับทำให้จีวรสะท้านไปทั้งร่าง เขารีบปลดปล่อยร่างของเธอ แล้วก้าวถอยหลังมายืนหอบหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์โดยพลัน

   "ขอโทษ ..."

   "ไม่เป็นอะไรหรอก แต่เมย์ดีใจนะ ที่วอนรู้จักหักห้ามใจตัวเอง ไม่งั้นเมย์คงต้องลงมือป้องกันตัวเอง แล้วเราคงจะคบกันเป็นเพื่อนไม่ได้อีก"

   เมย์ถอยห่างไปก้าวหนึ่ง เธอจัดดึงชายเสื้อยืดที่ถูกดึงร่นขึ้นไปอยู่เหนือสองเต้ากลับลงมาเช่นเดิม แล้วหันมองเขาด้วยแววตาที่ไม่มีความโกรธขึ้งอันใด ทั้งยังมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าต่อให้เขาคิดกระทำต่อ เธอก็ยังมีความสามารถป้องกันตัวเองได้ เขาจึงบังเกิดความสงสัยต่อความมั่นใจของเธออยู่บ้าง แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามเนื่องจากยังมีความผิดเป็นชะงักปักหลังอยู่

   "ขอโทษจริง ๆ เราไม่มีคำแก้ตัว เราเผลอทำผิดไปแล้ว"

   "ช่างเถอะ ... เอ๊ะ! ขวดนั่นแตกตั้งแต่เมื่อไหร่"

   จู่ ๆ เมญ่าก็ส่งเสียงอุทานและหันไปมองบนพื้น และเมื่อจีวรหันมองตามไปก็พบเห็นว่าเธอกำลังมองขวดแก้วที่แตกกระจายอยู่เต็มพื้น กลุ่มควันสีเทาที่อยู่ด้านในพลันพวยพุ่งออกมาราวกับควันไฟ มันหมุนวนไปมาอยู่รอบหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยผสานรวมกลายเป็นลักษณะรูปร่างคล้ายมนุษย์โปร่งใสคนหนึ่ง

   ร่างที่ว่าดูเหมือนจะเป็นนายแว่นร่างผอมซูบที่เขาเห็นฉากจินตนาการวาบหวามเมื่อครู่นั่นเอง ตอนนี้จีวรจึงรู้สึกได้ว่าขนลุกซู่ไปทั้งร่าง ทั้งยังรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ เขากำลังรู้สึกหวาดกลัว กลัวต่อสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณนี้

   "เมญ่าาาาาา"

   มันแสยะยิ้ม หันไปมองเมญ่า แล้วเรียกหาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน่าสะพรึง ก่อนจะโผพุ่งร่างโปร่งใสนั้นเข้าหาเมญ่าโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

   จีวรรู้สึกหวาดกลัวจนจับใจ หากทว่ายังคงหลับตาปี๋รีบขยับร่างไปยืนขวางป้องกันให้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด กระนั้นร่างโปร่งใสของมันกลับลอยทะลุผ่านร่างของเขาไปได้อย่างง่ายดายราวกับสายลมที่พัดผ่าน รอคอยจนตั้งสติได้ เขาก็ต้องรีบหมุนตัวหันไปมองเมญ่าซึ่งอยู่ด้านหลังด้วยความตื่นตระหนก เพราะเกรงว่าเธอจะเป็นอันตรายจากวิญญาณตนนี้

   "เฮ้อ ... นายแว่นหื่นคนนี้ ถูกจับขังในขวดตั้งนานก็ยังไม่ได้สติกลับมาอีกเหรอเนี่ย"

   สิ่งที่จีวรเห็นกลับเป็นใบหน้าอันขุ่นข้องรำคาญของเมญ่า เจ้าผีใส่แว่นโผพุ่งเข้าหาเธอจริงอย่างที่คาด มันพยายามคว้ามือทำท่าจะตะปบตะโปมไปที่หน้าอกอวบใหญ่ของเมย์ ทั้งยังพยายามอย่างยิ่งที่จะซุกใบหน้าลงไปจูบซุกไซร้ปรางแก้มและซอกคอ หากทว่าร่างโปร่งใสนั้นกลับเป็นเพียงจิตวิญญาณที่ไม่อาจแตะสัมผัสกับร่างเลือดเนื้ออวบอิ่มของเมญ่าได้เลยแม้สักปลายนิ้ว มันจึงได้แต่ไขว่คว้าไปมาสลับกับส่งเสียงร้องคำรามด้วยความขัดเคืองใจ

   "ขอบใจนะ ที่เอาตัวเองเข้าปกป้อง ... เห็นมั้ยล่ะ เมย์บอกแล้ว วอนเป็นคนดี"

   เมย์ส่ายหน้าไปมา พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหนื่อยหน่าย คล้ายกับว่าไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ ทั้งที่เจ้าวิญญาณร้ายแสนน่ากลัวตนนั้นพยายามตามติดพัวพันหมายเสพรับความสาวของเธออยู่อย่างไม่ยอมแพ้

   จีวรรู้สึกได้ว่าร่างของเขากำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทั้งยังรู้สึกหนาววูบจนแทบยืนทรงตัวไม่อยู่ ตอนนี้เขาจึงค่อยรู้ว่าเขากำลังกลัว ... กลัวเจ้าวิญญาณนายแว่นที่ดูผอมบางไร้เรี่ยวแรงตนนั้น

   "ไม่ต้องกลัวหรอก นายแว่นทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวเมย์จะรีบจับจับใส่กลับเข้าขวดก่อน"

   เมย์หันมายิ้มและปลอบขวัญให้กำลังใจจนเขารู้สึกใจชึ้นขึ้นมาบ้าง หากทว่าความกลัวกลับยังเล่นงานเขาจนเกินจะทานทนไหว สุดท้ายสองขาก็อ่อนเปลี้ยทรุดลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นอย่างหมดท่า

   "ครั้งแรกที่เมย์เจอผี ก็กลัวเหมือนวอนนี่แหละ แต่เดี๋ยวก็ชิน วอนนั่งพักไปก่อนนะ ... อืม ขวดกับผ้ายันต์อยู่ไหนน้า"

   เธอส่งเสียงให้กำลังใจอีกครั้ง แล้วหมุนตัวหันหลังไปเปิดลิ้นชัก ควานหาอะไรบางอย่าง ซึ่งจีวรคาดว่าคงเป็นพวกอุปกรณ์ที่สามารถจัดการกับวิญญาณนายแว่นนี่ได้ เขาจึงเริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง หากทว่าเพียงชั่วพริบตาก็ต้องส่งเสียงร้องเหวอแตกตื่นลนลานออกมาเมื่อวิญญาณนายแว่นยื่นใบหน้าอันซีดเซียวเข้ามาใกล้เหมือนกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง

   "นี่ นายแว่น เดี๋ยวเถอะ อย่าแกล้งคนอื่นแบบนี้"

   เมญ่าหันมามองแวบหนึ่ง แล้วส่งเสียงต่อว่านายแว่น ก่อนจะหันกลับไปรีบรื้อหาสิ่งของในลิ้นชักด้วยท่าทีเร่งรีบกว่าเดิม

   "... ทรง ... เมญ่า ..."

   จีวรแลเห็นรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัวของเจ้าวิญญาณนั่น มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาอีกครั้ง แล้วกระซิบส่งเสียงอันแหบแห้งที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาเสียงหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็แปลไม่ออก ว่ามันต้องการสื่ออะไร เขาเพียงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ที่มันทำท่าเหมือนอยากให้เขาได้ยินเสียงของมันเพียงแค่คนเดียว เขาจึงพยายามรวบรวมความกล้าถามมันกลับไปอย่างแผ่วเบาเช่นกัน หากทว่าเสียงของมันยังคงฟังจับใจความได้อย่างยากลำบาก

   "อะไร?"

   "คนทรง ... เมญ่า ..."

   "... อะไร? ... ไม่รู้เรื่อง"

   จีวรพยายามควบคุมลมหายใจซึ่งกำลังหอบกระชั้น เจ้าวิญญาณจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอีกหลายครั้ง หากทว่าเขายังคงจับใจความไม่ได้ เพียงได้ยินมันพูดว่าคนทรงอะไรสักอย่าง ทั้งยังเรียกชื่อเมญ่าด้วย กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงของเจ้าวิญญาณนั่นก็เริ่มชัดเจนขึ้นจนเขารับฟังได้เข้าใจ และเสียงนั้นเองที่ทำให้เขายิ่งแตกตื่นกว่าเดิม

   "ไอ้คนทรง ... อยากได้เมญ่ามั้ย ... กูช่วยได้"

   จีวรลืมตาโพลงมองร่างวิญญาณโปร่งใสของนายแว่น มันเองก็จับจ้องมองกลับมาราวกับถือไพ่เหนือกว่า จากนั้นหัวสมองของเขาก็กลายเป็นขาวโพลนขึ้นมาอีกครั้ง ภาพเมญ่าโดนกดลงบนโต๊ะแวบผ่านเข้ามาในการรับรู้อีกครั้ง หากคราวนี้เขาไม่ได้มองจากมุมคนนอก แต่เขามองจากสายตาของคนที่กำลังข่มขืนเมญ่า เขามองเห็นแผ่นหลังขาวเนียนชุ่มเหงื่อของเธอ เสียงร้องครวญครางและเสียงเนื้อกระแทกเนื้อก็แว่วดังอยู่ข้างหู เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนิ่มของสองเต้าที่สองมือคว้าตะโปมขยี้อยู่ แม้แต่แรงตอดรัดอันคับแน่นที่แก่นกายก็ยังชัดเจนราวกับว่ากำลังมีอะไรกับเธออยู่จริง ๆ
 
   วินาทีต่อมาภาพเหล่านั้นก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และนำพาเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง เขาหันไปมองด้านหลังของเมย์ด้วยความแตกตื่น เธอยังคงยืนก้มตัวรื้อค้นสิ่งของในลิ้นชักเช่นเดิม เขาจึงสังเกตเห็นสะโพกก้นงามงอน และขาขาวเรียวยาวทรงเสน่ห์ของเธอ ซึ่งวินาทีนี้เองที่เขาเผลอร่ำร้องในใจออกมาว่าเขาอยากครอบครองเมญ่า

   ความคิดนั้นย่อมเป็นเพียงแค่ความคิด หากทว่าเมื่อเขาหันกลับมามองเจ้าวิญญาณแว่น เขาก็เห็นแววตาที่เหมือนรับรู้ซึ่งทุกอย่างของมัน มันยิ้มและพยักหน้าราวกับเข้าใจความคิดของเขา จากนั้นร่างโปร่งใสนั้นก็ขยับใกล้เข้ามาจนกระทั่งทับซ้อนกับร่างของเขา

   ร่างของจีวรกระตุกเฮือกครั้งหนึ่ง เขารู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าช๊อต หากทว่านั่นไม่ได้เจ็บปวดอะไร สิ่งที่น่ากลัวคือความรู้สึกที่ตามมาต่างหาก เพราะเขากลับไม่สามารถบังคับควบคุมร่างกายได้ ทั้งที่ยังสามารถมองเห็น ได้ยิน สูดหายใจได้เช่นเดิม

   "หึ หึ"

   เขาได้ยินเสียงหัวเราะจากปากของตัวเอง หากทว่านั่นไม่ใช่เสียงหัวเราะของเขา มันเป็นเสียงของใครบางคนที่เขาไม่คุ้นเคย ... เขาไม่เคยได้ยินเสียงนั้นด้วยซ้ำ ... ตอนนี้เขาจึงเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจถึงอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงมากเข้าเสียแล้ว

   สิ่งที่เขาสังหรณ์ได้รับการยืนยันทันที เพราะร่างของเขาขยับลุกขึ้นยืน โดยที่เขาไม่ได้คิดบังคับ ทั้งยังเดินดิ่งเข้าไปหาเมญ่าที่หันหลังให้อย่างรวดเร็วดุดัน เขาเห็นมือตัวเองคว้าวูบไปที่คอเสื้อของเมญ่า แล้วกระชากดึงอย่างแรงจนเสื้อยืดขาดเป็นชิ้น ๆ ในคราวเดียว เขาเห็นเมญ่าสะดุ้งตัวเหลียวหน้ากลับมามอง จากนั้นเขาก็เห็นมือขวาของเขาเอื้อมไปจับลำคอขาวผ่องของเมญ่าแล้วกดข่มเมญ่าจนใบหน้าของเธอแนบกับพื้นโต๊ะ

   เสียงแควกคว่ากดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเสื้อผ้าของเธอโดนฉีกกระชากไม่หยุดยั้ง มือซ้ายของเขาฉีกทิ้งดึงเอายกทรงของเธอหลุดออกมาคามือ ทั้งยังจับยกทรงมาดอมดมกลิ่นกายสาวด้วยความสุขสม เขาเห็นมือตัวเองจับที่กางเกงขาสั้นแล้วกระชากลงไปด้านล่างพร้อมกับกางเกงในของเธอจนแลเห็นแก้มก้นขาวนวลเนียนน่าฟัด

   มือซ้ายของเขาสะบัดวูบฟาดไปที่ก้นของเธออย่างแรงหนึ่งครั้งจนเธอสะดุ้งโหยง หากครั้งเดียวยังไม่หนำใจ มือข้างนั้นฟาดตีใส่ก้นของเธออีกสองครั้ง ก่อนจะขยับร่างเข้าไปประชิด รูดกางเกงตัวเองลงจนเปลือยล่อนจ้อน มือซ้ายของเขาคว้าเอาดุ้นเอ็นที่แข็งโด่เด่ไปจรดจ่อที่รูก้นของเธอ แล้วขยับแนบนาบซอยยิกไปตามร่องก้นผึ่งผาย สลับกับกดแทงเข้าไปในง่ามขา ด้วยความหื่นกระหายงุ่นง่าน

   เขาพยายามฝืนร่างกายตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องของเมญ่า หากทว่าร่างของเขาไม่ยอมเชื่อฟังราวกับว่าร่างกายไม่ได้เป็นร่างกายของเขาอีกต่อไป ซึ่งความจริงเขากลับรู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเขาก็อยากกระทำเช่นนี้ต่อ เขาอยากครอบครองเธอ เขาจึงไม่อาจปฏิเสธการเคลื่อนไหวของร่างกายตนเองได้

   และแล้วสติที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเขาก็หลุดลอยหายวับไปในทันที เมื่อมือซ้ายของเขาขยับกดแทรกนิ้วกลางเข้าไปในร่องสวาทของเมญ่า ทั้งยังซอยยิกจนเธอตัวกระตุกสะดุ้งโหยง เขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น ความร้อนผ่าวที่อยู่ภายใน ทั้งยังรู้สึกสาแก่ใจอย่างยิ่งที่ร่องรักของเมญ่ากำลังตอดรัดนิ้วมือของเขาจากทุกทิศทุกทาง และวินาทีนี้เองที่เขาได้ยินปากตัวเองส่งเสียงหัวเราะแหบแห้งออกมาดังลั่น

.........................................................................

( เพิ่มเติมเนื้อหา 29/11/2559 )
เวปส่วนตัว - http://www.novel008.com
Discord - https://discord.gg/DkT2Mf8q

wilunx

ขอบคุณครับ
แต่เหมือนเนื้อหาจะขาดๆ นะครับ
::Cheeky::

medsay

เนื้อหาน่าขาดหายไปตอนที่เมจะยั่วจีวรนะครับท่านแอส ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าคือน้องเมย์ของผมเอ้ยของพี่เอกแล้ว น่าจะมีรูปประกอปนะครับว่าโตแล้วสวยแค่ไหน ขอบคุณครับท่านแอส

pinmonkey

ใจหนึ่งก็อยาก ใจหนึ่งก็สุภาพบุรุษ จีวรจะเลือกแบบไหนนะ ขอบคุณมากครับ

armfine

อ่านแบบหยุดไม่ได้เลย....สนุกมากๆ