ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ผมไม่ได้ตั้งใจจะเy็ดน้องสาว (แนวincest เรื่องแรกที่หัดเขียน) ep1

เริ่มโดย suckzeed, ตุลาคม 13, 2015, 07:16:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

บอกกันตามตรงเลยครับว่านิยายแนว incest เรื่องแรกของผมนี้ ผมตั้งใจ

ทุ่มเทเวลาเขียนมาก เพื่อให้ความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน

ฉนั้นบอกกันตามตรงเลยว่า ผมมอบใจ มอบเวลาให้ขนาดนี้แล้ว

ถ้าท่านใดตอบรีพายแบบผ่านๆ แบบไม่ตั้งใจ แบบมีแค่คำขอบคุณครับ

หรือขอบคุณมาก เท่านั้น ผมคงเสียใจหมดแรงใจที่จะนำเสนอ


suckzeed......


ผมชื่อต้น เพิ่งเรียนจบคณะถาปัตย์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านลาดกระบัง อายุเพิ่งจะ23กว่าๆ อีกหลายเดือนถึงจะครบ24ปี
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหางานทำ รูปร่างของผมสูงใหญ่สุงเกือบ180 แม้จะรูปไม่หล่อนัก แต่อาศัยหน้าตาขาวๆตี๋ๆ ซึ่งกำลังอิน
เทรนในช่วงสมัยนี้พอดี ผมจึงค่อนข้าง ฮ็อตอยู่พอสมควร แต่ทว่าก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงจังอะไรนัก จีบคนนั้นเดือน
สองเดือน ก็เบื่อหาคนใหม่ไปเรื่อยๆ คงไม่ต้องให้สาธยายหรอกนะครับว่าช่วงระหว่างจีบ จนจีบติดนั้น ผมมีกิจกรรมอะไรกับ
เหล่าสาวๆบ้าง

เผอิญผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ อาศัยอยู่ในบ้านที่คุณพ่อได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณปู่คุณย่า ในที่ดินเกือบ
2ไร่ย่านชานเมือง ในที่ดินของคุณพ่อนั้น นอกจากมีบ้านเก่าแก่ของบรรพบุรุษซึ่งครอบครัวของผมอาศัยอยู่แล้ว ยังมี
บ้านอีกหลังที่ปลูกขึ้นมาใหม่ คือบ้านของอาพุด น้องสาวคนเดียวของคุณพ่อ ปลูกอาศัยอยู่กับสามีและลูกสาวเพียง
คนเดียว คือพี่เกศ ซึ่งตามหลักแล้วนั้นพี่เกศควรจะเป็นน้องสาวผมเสียมากกว่า แต่เผอิญเธอเกิดก่อนผม3ปี จึงบังคับให้
ผมห้ามเรียกเธอว่าน้องสาว

ตัวพี่เกศนั้นก็หน้าตาธรรมดาๆ พอดูได้ ไม่จัดว่าเป็นสาวสวยหรอกครับ เพียงแต่ว่ารูปร่างของเธอนั้นสูงเพรียวเอวคอด
สะโพกอวบผาย รับกับหน้าอกหน้าใจที่ดุจะใหญ่เกินตัว ซึ่งผมก็ไม่กล้าถามหรอกครับว่ามันขนาดซักกี่นิ้ว เอาเป็นว่าหน้า
อกของพี่เกศที่ล้นออกมาจากบรา เวลาที่เธอใส่ชุดนักศึกษาคับๆติ้วๆที่ผมเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนนั้นน่ะ มันใหญ่กว่าพวก
เน็ตไอดอลก็แล้วกัน พี่เกศสายตาสั้น ผมจึงมักจะเห็นใบหน้าขาวๆเรียวๆนั้นอยู่ภายใต้กรอบแว่นทรงสี่เหลี่ยมแทบจะตลอด
เวลา ก็ดูเหมาะกันดีกับผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับ ที่ผมไม่เคยเห็นแกย้อมสีเปลี่ยนสีแม้สักครั้งเดียว

แต่ที่ดูขัดนัยน์ตาเป็นอย่างยิ่งก็ตรงชุดที่พี่เกศสวมใส่เวลาอยุ่บ้านนี่แหละครับ ผมไม่รู้ว่าเธอไปขุดกรุคุณย่าคุณยายมาหรือ
อย่างไร จึงได้ใส่แต่กระโปรงชุดยาวแทบจะกรอมเท้า ปิดว่อนบดบังลำขาวๆเรียวๆสวยๆปเสียหมด ที่ผมรู้ว่าขาพี่เกศแกสวย
ได้รูปนั้นก็เพราะ มีบางครั้งที่แกจำใจต้องสวมกระโปรงสั้นไปทำงานบ้าง ทั้งๆที่ปรกติแกจะเลือกใส่กางเกงทรงตรงๆแบบ
ผู้ชายก็ตาม

แล้วก็ไม่ต้องสงสัยหรอกครับ ช่วงสมัยที่ผมเพิ่งหัดชักว่าวครั้งแรกๆก่อนที่จะเริ่มมีแฟนนั้น พี่เกศก็กลายเป็นนางในจินตนา
การผมไปเรียบร้อย จนเสียน้ำให้เธอไปแล้วหลายลิตร แต่ในชีวิตจริงนั้นผมไม่กล้าหรอกครับ เพราะน้ำเสียงเย็นๆหวานๆ
นั้นเวลาเธอจะเอาเรื่องละก็ช่างเชือดเฉือนใจ จนอยากลาตายกลับไปเกิดใหม่ ส่วนสายตายิ่งแล้วกันไปใหญ่ ดวงตาสอง
ข้างที่มีประกายหยาดเยิ้ม เวลาโมโหทีไร มันเหมือนมีกองไฟเข้าไปสุม ลุกโชติโชนจนสามารแผดเผาเสื้อผ้าให้มลายหาย
ไปได้ในทันที

แต่สิ่งที่ผมบอกมานั้น ก็หาใช่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ รู้สึกตั้งแต่ผมจำความได้ เคยเกิดขึ้นมาแค่สองครั้งเอง ครั้งแรกตั้งแต่ผมเด็กๆ
จำไม่ได้แล้วละครับว่าสาเหตุใดที่ทำให้พี่เกศโมโหได้ขนาดนั้น แต่ครั้งหลังสุดนี่เพิ่งเกิดไปได้ตอนผมเรียนอยู่ปีแรก พี่เกศ
ก็เพิ่งเรียนจบ แกทะเลาะกับแฟน แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ผลสรุปคือ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงบัดนี้ผ่านมาอีกเกือบ5ปี
พี่เกศไม่เคยมีแฟนอีกเลย

แต่ผมสิครับกลับกลายเป็นผู้เดือดร้อน จากสาเหตุนี้ เพราะหลังจากนั้นเวลาพี่เกศจะกลับดึกทีไร ก็ต้องให้ผมขับรถออกไป
รับเธอที่สถานนีรถไฟฟ้าเพื่อพากลับบ้าน หรือเวลามีสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมก็ต้องติดสอยห้อยตามเหมือนเป็นคนรับใช้ให้
กับเธอ แล้วแต่คำบงการของเธอโดยห้ามมีบ่นมีปากเสียงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าขึ้นเหนือ ล่องใต้ ภาคตะวันออก ตะวันตก ผม
ติดตามเป็นไม้กันหมาให้เธอไปตลอดทุกครั้ง ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่จังหวัดกาญจนบุรี นี่แหละครับ ที่
ผมพลิกชะตาชีวิต สามารถปราบพยศกำราบฤทธิ์เดชของพี่เกศ ให้กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งได้สำเร็จ โดยไม่ได้ตั้ง
ใจมาก่อนเลยแม้สักนิด

ตามมาครับผมจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า...........................

"ตาต้น...พรุ่งนี้ไปกาญจน์กับพี่หน่อยสิ ค้างคืนนึง..พี่จะไปสัมมนา...อ่ะ..สวัสดีค่ะคุณลุง..พรุ่งนี้เกศขอยืมนายต้นไปเป็น
เพื่อนที่ต่างจังหวัดหน่อยนะคะ..."

ยัยพี่เกศเดินสาวเท้ายาวๆฉับๆ ตะโกนบอกเสียงดัง ตั้งแต่ตัวยังก้าวสาวมาไม่ถึงหน้าเรือนเพาะชำที่ผมกำลังนั่งปลูกกิ่งตอน
ของมะนาวแป้นลงกระถาง โดยทีคุณพ่อนั่งโกยดินผสมอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ พอคุณพ่อได้ยินเสียงแหว๋วๆเย็นๆ ก็เยี่ยมหน้า
ออกมามอง

"อืมมมมได้สิลูก...ต้นไปเป็นเพื่อนน้องเขาหน่อยนะ..."

คุณพ่อพูดตามคำสั่งของพี่เกศตัวแสบแล้วก็หุบหน้าเข้าไปโกยดินผสม เพื่อปลุกกิ่งตอนมะนาวแป้นต่อไป ส่วนผมแอบลอบ
ทำหน้าเบ้ รู้สึกเบื่อมากกับการต้องไปทำหน้าที่เป็นเพื่อน เป็นไม้กันหมาให้กับหล่อน ทั้งๆที่ไปฟรี ได้เที่ยวได้กินก้ตาม เพราะ
วันอาทิตย์ที่จะถึงอีกสองวันนี้เป็นวันแดงเดือดที่ผมรอมานาน ให้ลิเวอร์พูลทีมโปรดเชือดผีคาถิ่นสักหน่อย เพราะนัดเพื่อนๆ
ไว้แล้วว่าจะไปเชียร์กันที่เซ็นต์เตอร์เวิร์ล

"เฮ้ย!..อาทิตย์นี้ไม่ว่างหรอก..นัดเพื่อนๆไว้แล้วว่าจะไปเชียร์บอล..." ผมตอบปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะนัดนี้สำคัญเสียด้วย ถ้า
หงส์แดงชนะก็จะขึ้นอันดับ4 ถีบผีแดงลงไปพ้นตำแหน่งเล่นบอลยูฟ่าปีหน้าได้ทันที

"บอลอะไรนายต้น..ฟุตบอลมันแข่งกันทั้งปี...ไปเป็นเพื่อพี่หน่อยนะ...แล้วค่อยกลับมาดูทีหลัง..." ยัยพี่เกศยังคงพูดเสียง
เรียบๆเย็นๆ ตามสไตล์ของเธอ

"ไม่ได้หรอกนี่มันศึกวันแดงเดือด...นัดนี้สำคัญ..เราไม่ยอมพลาดแน่...เธอไปคนเดียวละกัน..." เมื่อเห็นว่าผมยืนยันหนักแน่
ที่จะไม่ยอมไปด้วยเป็นแน่ ยัยพี่เกศก็เปลี่ยนบทจากร้องขอ มาเป็นการบังคับขุ่เข็ญ โดยใช้ผ่านทางพ่อของผม

"คุณลุงคะ..." ยัยเกศเริ่มส่งเสียงแข็งๆเรียกพ่อผมจนท่านต้องโผล่หน้าออกมาจากเรือนเพาะชำอีกครั้ง

"เอาน่า..ต้น..ไปเป็นเพื่อนน้องเขาหน่อย..เอาไว้ดูคราวหลังก็ได้..." พ่อผมก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกครั้งที่มีเรื่องขัดแย้งกับ
พี่เกศทีไร ก็เข้าข้างฝั่งนั้นทุกที

"แต่นี่มันวันแดงเดือดนะพ่อ..ปีนึงมีแค่สองครั้ง.." ผมบ่นอ่อยๆ

"อ้อ..ศึกแดงเดือด...ยังไงก็แพ้ผีอยู่ดี...ไม่ต้องดูหรอก ไปกับน้องมัน..." พ่อผมพูดตัดบท พร้อมแช่งกันเห็นๆ ข้างฝ่ายพี่เกศ
ยิ่งแล้วใหญ่ ส่งเสียงหัวเราะคิกๆน่าหมั่นไส้ เพราะทั้งพ่อและพี่เกศนั้นมันพวกสาวกผี มีผมกับน้าวิทย์พ่อพี่เกศนั่นแหละที่เป็น
สาวกหงส์ แต่แกก็ไม่อยู่พอช่วยเถียงเสียด้วย

"แมทส์นี้มาต้ายิงได้แน่ขอบอก..อิอิ..." ยัยพี่เกศพูดทิ้งท้ายพร้อมสบัดก้นอวบๆในชุดกระโปรงเชยๆยาวกรอมเท้าเดินจากไป
ด้วยมั่นใจว่าอย่างไรเสียผมก็ต้องไปเป็นเพื่อนกับเธอที่ต่างจังหวัดแน่นอน

แล้วมันก็เป็นเหมือนเช่นเดิมครับ  พอเช้าวันเสาร์ ผมก็จำต้องหิวกระเป๋าจัดชุดสำหรับการค้างคืนหนึ่งคืนเดินไปรอพี่เกศที่
หน้าบ้าน รออยุ่เพียงครู่เดียว เธอเดินออกมาจากบ้านด้วยชุดสวยแปลกตากว่าทุกวัน คราวนี้มาโดยกระโปรงพรีทลายดอก
เนื้อผ้าพริ้วๆบางเบา ยาวลงมาเกือบถึงเข่า อวดเรียวน่องยาวขาวๆได้รูปทรงเพรียว ด้านบนมีเสื้อเกาะอกสีสดแดงบานเย็น
ดูท่าจะเนื้อผ้าบางๆเช่นกัน แลแว๊บๆเห็นบราด้านในสีเนื้อชัดเจน แต่ก้ยังสวมเสื้อสูทสีน้ำเงินตัวใหญ่คลุมทับปกปิดไว้

"มองไรนายต้น...ไม่เคยเห็นคนสวยรึ..." ลงมาถึงหน้าบ้านก็กระโดดกัดผมคำหนึ่งทันที

"วันนี้มาแปลก..ไม่กลัวคนเห็นขาลายๆแล้วรึ...ฮ่าๆๆๆ..." ผมกระโดดงับเอาคืน ไม่ยอมเสียเปรียบ

"ไอ้ต้นบ้า!!..ขาชั้นออกสวย.." พี่เกศพูดพร้อมกับยกแข้งยกขาให้ผมมองชัดๆ จนชายกระโปรงเลิกสูงขึ้นเห็นขาอ่อนขาวๆ
เนื้อเนียนๆจนแทบแลเห็นเส้นเลือดเขียวๆ

"อ้าว..จะไปรู้รึ..เคยเห็นสวมแต่กระโปรงสุ่มไก่ ไอ้เราก็นึกว่าคงอายขาลายๆ ฮ่าๆๆๆ..."

ผมกัดย้ำจนจมเขี้ยว ดูเหมือนจะได้ผล พี่เกศไม่กล้าตอบโต้ เพียงหันมามองค้อนด้วยดวงตาโตกลมเป็นประกายสุกใส แต่
ดันซุกซ่อนไว้ในกรอบแว่นสี่เหลี่ยม สีน้ำตาลเสียแทน

"ปากมาก...วันนี้ไม่ไปรถบริษัทละ..นายต้นขับรถคุณพ่อให้หน่อย..." พี่เกศพูดพร้อมกับยื่นพวงกุญแจรถบีเอ็มของอาวิทย์ส่ง
ให้ผม ผมก็รู้หน้าที่เลยว่าต้องทำอย่างไรต่อ จึงเดินเร็ว ๆ ไปที่รถของอาวิทย์ที่จอดอยู่ในโรงจอด กดรีโมทเปิดประตูแล้วเข้า
ไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนจะขับออกมาจอดเทียบข้างๆตัวพี่เกศ ซึ่งเปิดประตูด้านหลังแล้วเหวี่ยงกระเป๋าสัมภาระของเธอ
เข้ามา ส่วนผมก็วิ่งอ้อมไปหยิบกระเป๋าของตนเองเหวี่ยงตามขึ้นไป แล้วเดินกลับเข้ามาประจำที่คนขับรถตามเดิม โดยมีพี่เกศ
เปิดประตูรถมานั่งด้านข้าง อย่างรวดเร็วไม่ทันระวังตัวว่า ตอนก้าวเท้าขึ้นมานั่งบนรถนั้นชายกระโปรงบานพริ้วนั้น มันถลก
เลิกสูงขึ้นจนผมเหลือบแลเห็นขาอ่อนขาวๆของเธอได้มากเป็นพิเศษ

"รีบไปเหอะต้นเดี๋ยวสาย..."

พี่เกศร้องสั่งอย่างเป็นการเป็นงาน เปิดกระเป๋าหนังขนาดย่อมที่วางบนตัก หยิบเอกสารออกมาปึกใหญ่แล้วเริ่มลงมืออ่านโดย
ไม่สนใจว่ามีผมนั่งอยู่ข้างๆ ผมจึงขับรถไปตามเส้นทางจังหวัดกาญจนบุรี ตามแผนที่ของโรงแรมที่พักซึ่งได้ดูมาตั้งแต่เมื่อวาน
ตอนเย็นจนจำขึ้นใจแล้วว่ามันอยู่ช่วงไหนอำเภออะไร จนรถเคลื่อนตัวข้ามสะพานแขวนออกถนนพระราม2 ผมจึงแวะจอดพัก
รถที่ปั้มน้ำมันข้างทาง เดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั้ม เดินหยิบของกินเล่นเล็กๆน้อยพร้อมน้ำดื่มติดตัวกลับมา ยื่นส่งหมูปิ้ง
ร้อนๆส่งควันลอยพร้อมกลิ่นให้พี่เกศ แต่เธอสั่นหัว คงกลัวว่าริมฝีปากแดงๆเคลื่อบลิปสิคสีสดนั้นจะเลอะลอกกระมังจึงไม่ยอม
ทาน ผมจึงจัดการเข้าไปเรียบ แล้วเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

ขณะขับรถไปเพลินๆสายตามองแต่ถนนเบื้องหน้าผ่านสมุทรสาครมาแล้ว รถเริ่มน้อยลง จนสามารถละสายตามองวิวสองข้าง
ทางซึ่งเต็มไปด้วยนาเกลือได้บ้าง แล้วสายตาของผมก็ดันแลไปที่นั่งด้านข้าง เห็นพี่เกศนอนหลับคอพับงุ้มลงมาติดหน้าอก
อวบใหญ่สองเต้าของเธอ เอกสารถูกเก็บเข้ากระเป๋าหนังไปเมื่อไหร่ไม่รุ้ แต่เมื่อแลต่ำลงมาอีกหน่อย จึงได้เห็นพี่เกศนั่งแยก
ขาออกกว้าง คงเพราะเผลอนอนหลับ หรือไม่ก็คงเพราะความเคยชินที่สวมใส่แต่กางเกงและกระโปรงสุ่มไก่ตัวยาวๆ ครั้นวันนี้
มาสวมใส่กระโปรงพรีทสั้นๆ มันจึงถลกไถลจนชายกระโปรงสูงขึ้นไปแลเห็นขาอ่อนขาวๆเรียวงามได้ชัดเจน ส่วนหัวเข่าสอง
ข้างก็อ้ากว้าง จนถ้าผมก้มลงมองคงสามารถแลลึกเข้าไปได้ถึงไหนๆเป็นแน่

แต่ผมก็ไม่ได้ทำตามที่ใจนึก เพราะความที่เธอเป็นญาติสาวคนเดียวของผมนั่นแหละ ครั้นจะปล่อยให้นอนในท่าแบบนี้ไปจน
ตลอดเส้นทางก็คงไม่เหมาะ

"พี่เกศ..นอนดีๆ หวอเปิดแล้ว..." ผมพูดเสียงดังๆ หวังปลุกให้เธอตื่นขึ้น และมันก็ได้ผลพี่เกศลืมตาตื่นทันที พร้อมกับหุบขา
เข้ามาอย่างอัตโนมัติ

"หว๋อเหว๋อ..อะไร..." พี่เกศส่งเสียงเขียวตวาด พร้อมหน้าแดงๆ สองมือรีบดึงชายกระโปรงกลับลงมา

"มะกี้นอนหลับจนผมเห็นหวอแล้วยังไม่รู้ตัวอีก..รู้งี้ไม่ปลุกดีกว่า...ทำคุณบูชาโทษชะงั้น..." ผมแสร้งบ่นเบาๆ ซ่อนหน้าแอบ
ยิ้ม เพราะรุ้สึกสะใจที่ได้แกล้งเธอคืนกลับบ้าง

"เห็นอะไร แค่ไหน..บอกมาเดี๋ยวนี้นะนายต้น..." พี่เกศยังส่งเสียงเขียวๆตวาดดังลั่น หน้าก็ยิ่งแดงกล่ำขึ้นด้วยความอาย นี่ถ้า
เธอรู้ว่าผมแกล้งอำ มีหวังเกิดศึกราวีกันในรถเป็นแน่

"โหยย...อย่าให้พูดเลย..เห็นหมดแหละ...ทั้งขาวทั้งอวบ..เอื๊อก..." ผมแกล้งพูดต่อแล้วทำเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก แค่นี้ก็
ได้ผล พี่เกศเต้นเร่าๆยื่นมือมาทุบตีต้นแขนของผมพัลวัลด้วยความอับอายจนหน้าแดงเป็นลุกตำลึงสุก

"ไอ้บ้าต้น..ลามกนักนะแก...ขับรถไปเลย ไม่ต้องหันหน้ามามองอีกเลยนะ...เดี๋ยวกลับบ้านก่อนจะฟ้องคุณลุง..."

พี่เกศขู่ฟ่อว่าจะฟ้องพ่อของผมตอนกลบับบ้าน แต่ผมไม่กลัวหรอก ขำเสียมากกว่าที่นานๆจะได้แกล้งจนพี่เกศอายได้ จากนั้น
พี่เกศก็เงียบเสียงไปหลังจากทุบตีต้นแขนผมได้สามสี่ที เธอนั่งซุกห่อตัวสองมือยกขึ้นมากอดใต้ราวอกแน่น ผมเหลือบตามอง
แว๊บๆแต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลำแขนสองข้างที่กอดรัดใต้ราวอกนั้น มันกลับทำให้อกอวบใหญ่ของน้องสาวตามศักดิ์ผู้นี้ดูโดด
เด่นอวบอัดขึ้นมาเป็นก้อนกลมๆใหญ่ๆ โดยที่เจ้าของก็ไม่ทันรู้สึกตัว

จนกระทั่งรถเข้าเขตเมืองกาญจน์ การจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้น ผมเลยไม่สามารถละสายตาจากท้องถนนไปดูพี่เกศได้อีกเลย
ตามจินตนาการที่วาดไว้ว่าโรงแรมรีสอร์ตที่พักนั้นน่าจะอยู่ท่ามกลางภูเขา ลำน้ำตามธรรมชาติ แต่ประกฏว่าผิดไปถนัด เพราะ
โรงแรมที่พี่เกศจองไว้สำหรับงานสัมมนานั้นกลับอยู่ชานเมืองใกล้ตัวจังหวัด แม้จะดูร่มรื่นเป็นสัดส่วน แต่ก็ดูออกว่าต้นไม้ใบ
หญ้านั้น ล้วนแต่ปลูกปรุงแต่งขึ้นมาภายหลัง ไม่ใช่ของดั้งเดิมจากธรรมชาติ

เมื่อผมเลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมก้ยิ่งประหลาดใจกับการวางรูปแบบห้องพักของที่โรงแรมแห่งนี้ยิ่งนัก เพราะเป็นโรงแรมที่ออก
แนวกว้างสูงเพียงแค่สามชั้น มากกว่าจะเป็นโรงแรมในแนวตั้งตึกสูงๆ เมื่อรถจอดเทียบหน้าโรงแรม พี่เกศก็เปิดประตูรถลงไป
ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ด้านใน ทิ้งให้ผมยืนเก้กังอยู่ตรงหน้าโรงแรม เดินเมียงมองชื่นชมกับสวนหย่อมน้ำตกจำลองกับปลาคราฟ
ตัวโตๆ ที่เลี้ยงอยู่ในบ่อขนาดใหญ่นับร้อยๆตัว

"เอ้านี่กุญแจห้องของต้นกับพี่..ต้นจัดการเอากระเป๋าพี่ไปเก็บด้วยนะ..พี่ขอไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ห้องจัดสัมมนาก่อน..."

ยัยพี่ตัวแสบโยนพวงกุญแจมาให้ผม พูดเหมือนสั่งๆ เสร็จก็เดินตัวปลิวจากไปผมจึงขับรถเข้าไปจอดใต้ถุนตึก ชิดติดริมกำ
แพง มีต้นไม้พวกต้นจั๋งประดับประดาจนเหมือนสวนป่าย่อมๆ แต่ที่ด้านบนเป็นห้องพักแถวยาวๆ สูงสองชั้น คะเนดูด้วยสาย
ตาน่าจะมีห้องพักอยู่ชั้นละประมาณ30ห้อง หมายเลขกุญแจที่ผมได้รับมาเป็นหมายเลข215กับ216 ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณช่วง
กลางๆ ของตัวตึก แต่ให้ดิ้นตายเถอะ โรงแรมแห่งนี้ดันไม่มีลิฟท์โดยสาร มิหนำซ้ำพนักงานหิ้วกระเป๋าก็ดันมีจำนวยไม่พอ
ผมเลยขี้เกียจที่จะรอคิว รีบหิ้วกระเป๋าสัมภาระที่มีไม่มากมายนักเดินขึ้นบรรไดตรงไปยังห้องพักทันที

การตกแต่งภายในห้องพักก็ดูทันสมัยดี มีแตยงกว้างใหญ่หนานุ่มดูยังใหม่สะอาดตา ห้องน้ำก็สะอาดทันสมัยเช่นกันไม่มีกลิ่น
อับชื้น แต่น่าเสียดายที่ดันไม่มีระเบียงด้านในห้อง ด้านหลังเป็นเพียงกระจกใสบานใหญ่ที่มีผ้าม่านหนาทึบ แต่บานกระจก
สามารถสไล้เปิดกว้างได้ เมือผมเปิดรูดม่านออก ก็ต้องตะลึงกับวิวที่สายตามองเห็น ไม่ใช่วิวภูเขาหรือวิวแม่น้ำหรอกครับ
ด้านหลังของตึกห้องพัก ดันเป็นวิวของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกยกตัวขึ้นมา แทบจะเสมอกับสายตาของผู้พักที่อยู่ชั้นสอง
เช่นผม

ในสระว่ายน้ำ มีฝรั่งกับคนไทยทั้งเด็กเล็กๆและหนุ่มสาวอยู่หลายคู่ที่กำลังว่ายเล่นแหวกว่ายน้ำใสๆ ดับความร้อนรุ่มของ
อากาศยามสาย อย่างไม่แคร์สายตาผู้ใด จนผมต้องรีบรูดม่านปิดไว้ตามเดิม ก็พบบานประตูเล็กๆที่ด้านข้างติดผนังเยื้องกับ
ปลายเตียง ก็มั่นใจว่าห้องสองห้องนี้คงเป็นคอนเน็กรูม สามารถเปิดเข้าไปหากันได้ทางอีกห้องหนึ่ง ผมรีบเลือกห้องที่
สามารถล็อคประตูทางเชื่อมได้ทันที เพราะเวลานอนๆ ไม่อยากให้พี่เกศเปิดเข้ามารบกวน โดยที่ตนเองคิดไว้เพียงเท่านี้
จริงๆ

เมื่อจัดการเลือกห้องพักได้แล้ว ผมก็ขนสัมภาระของพี่เกศไปยังอีกห้องหนึ่ง จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนเอกเขนกหูได้ยินเสียง
แว่วๆเจี๊ยวจ๊าวดังออกมาจากสระน้ำจากเด็กเล็กๆที่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน จึงลุกขึ้นไปแง้มผ้าม่านมองดู ก็เป็นจริงดั่ง
คาด รีบล็อคบานสไล้กระจกให้สนิท เสียงจึงเงียบลงไป แล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนเล่น แต่ดันเผลอตัวหลับไปจริงๆเสียนี่

"นายต้น..ทำอะไรอยู่..."

ผมกำลังนอนหลับเพลินๆ ฝันดีๆถึงน้องเปาสาวสวยคนล่าสุดที่กำลังคั่วอยู่ ในฝันที่แสนบรรเจิดของผมนั้นกำลังเข้าคลุก
วงในกับเธอ ปากกำลังอ้าอมดูดนมอวบอูมตั้งเต้า เม็ดหัวนมเล็กๆสีสดกำลังอยู่ในปากของผมที่เม้มดูดอย่างเอาเป็นเอาตาย
มือใหญ่ลำแขนแข็งแรงล้วงลุบลงไปจับเนินสวาท กรีดไปตามรอยแยก จนน้ำเงี่ยนน้องเปาไหลทะลักติดปลายนิ้ว พลันก็
ต้องสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกโหวยๆอยู่หน้าห้องของยัยพี่เกศตัวแสบ ผมผุดลุกขึ้นอย่างงัวเงียเพลียๆเพราะ
การนอนหลับกลางวัน เดินไปเปิดประตุห้องอ้าออกเห็นพี่เกศตัวแสบทำหน้าบอกบุญไม่รับ

"มีไรเจ๊......กำลังนอนเพลินๆ..." ผมร้องถามแล้วรีบกลับมาทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงนอน เพื่อซ่อนท่อนลำที่แข็งตุงใน
กางเกงยีนส์ไว้ไม่ให้เธอมองเห็น

"นี่มันกี่โมงแล้วแก..ตื่นได้แล้ว ลงไปทานข้าวก่อน...แล้วโทรมาทำไมไม่รับสาย..." พี่เกศตวาดแว๊ด ตามนิสัยของเธอที่มัก
จะใช้กับผมประจำ จนผมขี้เกียจฟังเสียงบ่น ซุกหน้าลงกับหมอนหนานุ่ม หวังใช้มันอุดหูให้บรรเทาจากเสียงแว๊ดๆที่ได้ยิน

"นี่แกลุกได้แล้ว...เลยเวลาอาหารกลางวันแล้วนะ..เดี๋ยวทางโรงแรมเขาเก็บไป แล้วแกจะกินที่ไหน บอกเสียก่อนนะว่าชั้นไม่
เลี้ยงข้าวแกนะนายต้น..." ยัยขี้งกเอ๊ย ชวนเรามาเป็นเพื่อน มาเป็นไม้กันหมา ดันมางกไม่เข้าเรื่อง ผมแอบค่อนอยู่ในใจ

"ลุกๆๆๆได้แล้ว..พูดให้ฟังกันบ้างสิแก..ไม่ใช่เด็กแล้วนะ..."

พี่เกศพูดพร้อมเดินเข้ามาคว้าขอบกางเกงยีนส์ของผม พยายามออกแรงดึงพลิกใฟ้ผมนอนหงาย ฟังเสียงเธอบ่นให้ได้ แต่
ผมรูปร่างสุงใหญ่ น้ำหนักตัวคงเกินกำลังของเธอเป็นแน่ จึงผ่อนแรงพลิกตัวให้ตามแรงดึง

"เออๆๆ..ลุกก็ได้ นี่ไงลุกแล้ว..."

[post]ผมร้องตอบอย่างหัวเสีย ที่มาโดนยัยพี่ตัวแสบปลุกขัดจังหวะฝันสวีทหวานของตนเอง ท่อนลำในกางเกงก็ยังแข็งจนตุง เลย
แกล้งแอ่นเป้าโชร์ให้พี่เกศเห็น พร้อมพูดนัยๆว่าลุกแล้วๆ ไม่เห็นหรือ คราวนี้ได้ผล ยัยพี่เกศตัวแสบรีบหันหลัง เมื่อเผลอมอง
ท่อนลำตุงๆในเป้าเกงเกงของผมไปเต็มๆตา จนผมอดขำหัวเราะฮาๆ อย่างชอบใจ แล้วก็ตัดใจลุกขึ้นเดินตามออกมาจากห้อง
ตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรม ตามพี่เกศไปจนทันที่หน้าห้องก่อนแยกจากกัน ผมตรงเข้าห้องอาหาร ส่วนยัยพี่ตัวแสบเข้า
ไปในห้องสัมมนา ป่านนี้คงกำลังเดินหน้าแดงเป็นแน่ ที่เห็นลำตุงๆในเป้าเกงเกงของผมเช่นนั้น เมื่อคิดแล้วมันสะใจเหลือ
เกินครับ

เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหารแล้ว ผมเดินเลือกตักอาหารในอ่างแสนเลสสี่เหลี่ยมที่ยังคงส่งควันร้อนลอยออกมาใส่จานสอง
สามอย่าง พร้อมเดินไปนั่งทานคนเดียวเงียบๆ เห็นพนักงานผุ้ชายเดินเข้ามาเสริฟน้ำดื่มให้ผม

"เออพี่...แถวนี้มีที่เที่ยวอะไรบ้างมั๊ยครับ..." ผมลองสอบถาม เพราะคิดว่าอยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำในตอนกลางคืนคงเปล่า
เปลี่ยวเหงาหงอยแย่

"ต้องตอนเย็นๆทุ่มสองทุ่มน่ะครับ..เดินออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาไปสักหน่อยก็จะเห็นเองครับ พอมีที่เที่ยวให้หนุ่มๆแบบน้อง
มั่งแหละ..." พนักงานเสริฟชายที่ดูอาวุโสกว่าผมเยอะรีบแนะนำ ด้วยรอยยิ้มเหมือนล่วงรู้ภายในใจของผมว่าคิดอะไรอยู่

"ขอบคุณครับพี่..." ผมกล่าวตอบไป พร้อมนั่งทานอาหารอีกครุ่เดียวก็ทานไม่ลง มันไม่ค่อยถูกปากนัก จึงเดินกลับห้องพัก
แอบแย้มผ้าม่านส่องดูว่ามีสาวๆมาเล่นน้ำบ้างมั๊ย แต่โคตรซวยเลยบ่ายวันนี้ เวลาบ่ายๆสาวๆคงกลัวแดด มีแต่เด็กๆเล่นกันอยู่
เต็มสระ ผมเลยเปิดทีวีดูฆ่าเวลาไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่รุ้จะทำอะไรจนกระทั่งแดดร่มลมตก จึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่
เดินออกไปนอกโรงแรมตามที่ได้รับการแนะนำจากพนักงานเสริฟผู้นั้น

ขณะนั้นเวลาเพิ่งจะทุ่มเดียว ร้านเหล้าหรือคลับบาร์ที่มีอยู่สองสามร้าน ยังไม่ทันเปิดให้บริการ แม้จะเปิดไฟระยิบระยับโชร์ชื่อ
ร้านแล้วก็ตาม ผมเดินต่อไปอีกสี่ห้าห้องก็เห็นร้านนวดแผนโบราณเป็นตึกแถวสองคูหา ประดับตกแต่งเรียบๆ มีป้ายโชร์บอก
ราคาและแนวการนวดพร้อมสรรพ ติดอยู่ให้เห็นเด่นชัด ผมเลยเดินไปเมียงมองใกล้ๆ ก็มีพนักงานสาววัยไม่น่าจะเกินยี่สิบ
ออกมาทักทาย

"สวัสดีค่ะคุณพี่..จะนวดหรือเปล่าคะ..." เธอยืนบิดตัวไปมาพร้อมพูดทักทาย ผมมองรวดๆจากหัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว
หน้าตาก็พอดูได้ แม้จะพอกเครื่องสำอางค์หนาไปสักหน่อยก้ตาม เธอสวมเสื้อยืดคอกลมสีส้มๆ กับกางเกงยีนส์ตัวสั้นๆ
ฟิตๆ ที่มีความยาวเลยเป้ากลางหว่างขามานิดเดียว

"มีนวดอะไรแบบไหนบ้างครับ.." ผมถามยิ้มๆ บอกตามตรงว่าภายในใจยังไม่ได้คิดเลยว่าจะใช้บริการ แต่ถามไปตามมารยาท
เท่านั้น

"มีนวดไทย นวดเท้า นวดสปา...ทั้งในและนอกสถานที่ก็ได้ค่ะ..." คำว่านอกสถานที่ก็ได้ค่ะ..ทำให้ผมหูผึ่งเกิดความสนใจขึ้น
มาทันที

"ถ้านวดนอกสถานที่ นี่ชาร์ตเพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ..."ผมถามยิ้มๆ ตามองเรียวขาสั้นๆป้อมๆแต่ขาวผ่องของเธอเขม็ง เพราะคิด
ว่าเธอคนนี้น่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาหมดนวดเป็นแน่

"คิดเพิ่มตามชั่วโมงค่ะ ชั่วโมงละร้อย..ไม่แพงเลยนะคะ..พี่สามารถเลือกหมอได้ด้วยค่ะ..." นับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจพอ
ควร เมื่อผมได้ยินจบก็พยักหน้าตามแบบเข้าใจ

"เชิญข้างในเลยค่ะพี่..เพิ่งเคยมาเที่ยวหรือคะ...หมอที่นี้สาวๆฝีมือดีๆทุกคนค่ะ..." เด็กสาวผุ้นั้นพูดจบก็พยายามต้อนหน้าต้อน
หลัง จนผมต้องเดินเข้าไปในร้าน ที่หรี่แสงสว่างของไฟจนมัวๆ สายตาก็เห็นตู้กระจกขนาดใหญ่มีบรรดาหมอนวดนั่งอยู่ร่วม
สิบคนในนั้น ล้วนแต่แต่งตัวอวดโชร์รุปร่างสัดส่วนนั่งกันหน้าสลอนอยู่ภายในตู้กระจก ช่างเหมือนกับอาบอบนวดในกรุงเทพ
ยังไงยังงั้นเลยครับ

เมื่อผมเดินเข้าไปหาที่นั่ง พนักงานเชียร์แขกก็เดินเข้ามาทักทาย พร้อมบอกสรรพคุณแต่ละนางเบ็ดเสร็จ ว่าใครนวดเก่ง
อย่างไร ใครเอาใจเก่งแบบไหน ทุกนางสามารถนวดได้ทุกแบบทั้งนวดเท้า นวดไทย หรือนวดสปาน้ำมัน พูดเสร็จก็ยืนคอย
อยู่ใกล้ๆ

ผมมองละลานตาไปหมด เพราะแสงไฟที่ส่องสว่างจ้าภายนตู้กระจก จนดุแต่ละนางล้วนขาวผ่องผิวยองใย บางคนอกเล็ก
บางคนหน้าตาสะสวยพอควงไปวัดไปวาได้ บ้างก็อกอวบใหญ่เหมือนภูเขาไฟฟูจิ จนเกรงว่าถ้าพูดไม่ดีกับหล่อนอาจจะโดน
นมอวบใหญ่สองเต้านั้นอุดจมูกผมตายไปก็ได้

"ผมขอเวลาพิจารณาสักครุ่นะครับ..ตอนนี้ขอเบียร์สิงห์สักขวดนึงก่อนได้มั๊ยครับ..." ผมเห็นว่าพนักงานเชียร์แขกยังยืนอยู่
ใกล้ๆ ไม่ยอมเดินไปไหนสักที จึงรีบสั่งเบียร์เพื่อไล่ให้เขาเดินออกไปห่างๆ
 
"ได้เลยครับ..เบียร์สิงห์ขวดนึง เชิญเสี่ยเลือกน้องๆตามสบายนะครับ..." พนักงานยืนกุมมือซุกเข้าหว่างขา ค้อมตัวอย่าง
พินอบพิเทา แล้วเดินกลับไปหลังร้าน ปล่อยให้ผมพิจารณาเลือกหมอนวดได้ตามสบาย ซึ่งแต่ละนางที่นั่งอยู่ในตุ้กระจกนั้น
พูดกันตามตรงไม่มีใครสักคนที่เข้าสเป็คของผมเลย

จนกระทั่งผมนั่งละเลียดเบียร์หมดไปได้สักครึ่งขวด ก็มีพนักงานนวดคนหนึ่งเดินเข้าไปนั่งในตู้ เธอคนนั้นผมยาวๆแต่งแต้ม
ใบหน้าอ่อนๆ ไม่ได้พอกหนาเตอะเหมือนคนอื่นๆ ดูสวยเรียบๆ แต่รูปร่างสุงเพรียวเฉกเช่นยัยพี่เกศเลยครับเสียแต่เพียงว่า
อกไม่อวบใหญ่เท่าญาติสาวตัวแสบของผมเท่านั้นเอง

"เอ้อพี่ครับ...หมดนวดคนนั้นเพิ่งมาหรือว่าเพิ่งลงมาจากบนห้องครับ..." ผมเรียกพนักงานเชียร์แขกมาสอบถาม ซึ่งเขาก็รีบ
บอกทันที

"อ้อ..หมออุ้ม..เพิ่งมาทำงานครับ..เสี่ยสนใจหรือครับ คนนี้ฝีมือมากเลยนะครับเสี่ย..ให้ผมเรียกเลยมั๊ยครับ.."เด็กเชียร์แขก
พูดอย่างแคล่วคล้องว่องไวเหมือนท่องจำเอาไว้

"เอ้อ..พี่ครับ ถ้าผมจะเรียกให้ไปนวดนอกสถานที่ได้มั๊ยครับ..." ผมถามเหมือนมีลางสังหรณ์ว่าหมอนวดคนนี้คงแตกต่างกว่า
คนอื่นๆเป็นแน่[/post]"


tanee


gorncp

ผมขอเดาเลยนะ ว่าโครงเรื่องเป็นเรื่องจริงของท่านผู้แต่งที่ไปเที่ยวมาแล้ว อิอิ




Kapi channel


Buggary