ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ซีรีย์น้องนิดกับพี่เก่ง(คำสารภาพของน้องนิด) ep.9-10

เริ่มโดย suckzeed, ตุลาคม 18, 2015, 09:38:17 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ep.9

แทนที่น้องนิดจะรีบลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อยตามที่ผมบอก เธอกลับทำเพียงแค่โผล่หัวขึ้นมาเหนือขอบกระจก มองไปทางรถ
เด็กซิ่งคันนั้น พอเห็นว่าตอนนี้มันจอดนิ่งห่างจากรถผมไปสัก20กว่าเมตร หนุ่มสาวสองคู่ลงมาจากรถ ช่วงที่พวกเด็กซิ่งเปิด
ประตูออกมานั้น เสียงเพลงตื๊ดๆๆๆก็ดังลอดเข้าถึงในรถของผมเลย พวกเด็กซิ่งกลุ่มนั้นมันยังคงอยู่อยู่ที่รถของพวกเค้าไม่ได้
ไปไหน น้องนิดก็ซุกหน้าลงมาที่อกผมอีกครั้ง ท่อนล่างเริ่มกดบดเบียดกับท่อนลำของผมยึกๆ แต่เธอก็ทำหน้าเหมือนผิดหวัง
เพราะบัดนี้ท่อนลำของผมมันสงบนิ่งอ่อนพาดคอหลับอยู่บนพวงไข่ใบกลมอย่างไร้พิษสง

เธอยังคงไม่ละความพยายามในการปลุกเร้า สะโพกสวยบิดส่ายไปมาบ้าง กดเน้นย้ำที่ท่อนลำของผมบ้าง ส่วนมือก็สอดเข้า
ลูบไล้แผงอกของผม ปากรูปสวยจูบเล็มตามแก้ม ใบหู ลำคอ พูดงึมงำเสียงกระเส่าเบาๆซ้ำๆว่า

"นะคะพี่ ๆ ๆ.... "

น้องนิดถลกดึงเสื้อยืดของผมขึ้นมาเหนืออก ก้มหน้าจูบแผงอกของผมจนทั่วแล้วค่อยๆแลบลิ้นเลียไปมาตรงฐานนมก่อนจะ
ใช้ฟันซี่เล็กๆขาวๆ งั้บหัวนมของผมแล้วดูดดังจ๊วบๆ จนผมสะดุ้งทั้งเจ็บจิ๊ดทั้งเสียวสยิว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันยังไม่ได้ผล

"พี่..ทำไมแบบนี้."

น้องนิดลากเสียงยาวเรียกผม พร้อมเงยจ้องหน้าผมเขม็ง ผมดูแววตาของเธอออกครับว่าเธอผิดหวังเสียใจจนอยากจะร้องไห้
ออกมา ใจผมก็อ่อนวูบรู้สึกสงสารเธอจับใจ ผมตัดสินใจในวินาทีนั้นว่าจะยอมละเมิดคำพูดของตัวเอง พร้อมกับนึกต่อไปว่า
กรูพูดกับตัวเองไม่มีใครได้ยินสักหน่อย ยอมละเมิดไปเพื่อทำให้คนรักสมหวังสักครั้งจะเป็นไรไป แต่ผมดูสถานการณ์ขณะนั้น
แล้วว่ามันเสี่ยงเกินไปที่จะเล่นรักกันต่อในรถ เพราะเริ่มมีรถทยอยขับขึ้นมาจอดอยุ่เรื่อยๆ สันนิษฐานว่าลานจอดรถชั้นล่างๆ
คงเริ่มเต็ม

"ไปที่อื่นกันเถอะที่รัก...ป่ะแต่งตัวให้เรียบร้อย ไปรถพี่ รถน้องจอดทิ้งไว้ที่นี่ก่อน"

พอผมพูดจบ เห็นรอยยิ้มสมหวังที่ริมฝีปาก คราวนี้น้องนิดไม่อ้อยอิ่งอีกต่อไปรีบลูกขึ้นจากที่คล่อมทับตัวผม ปีนเบาะนั่งกลับ
มายังด้านหน้า ใช้สองมือตบๆแต่งทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ ดึงกระจกที่ติดอยู่ตรงหลังคารถด้านหน้าลงมาส่องดูหน้าตัวเอง
ว่าเลอะเทอะเปลอะเปลื้อนตรงไหนบ้าง ในขณะที่ดึงกางเกงขึ้นมาสวมให้เรียบร้อย ดูร่องรอยตรงเป้ากางเกง พอเห็นว่าแม้จะ
ยับยู่ยี่แต่ก็ไม่มีคราบเปลื้อนพอให้คนมองรุ้ว่าเป็นคราบอะไร จากนั้นเปิดประตูรถลงไปยืนยืดเส้นยืดสายบิดตัวไปมาด้วยความ
เมื่อยขบ กลุ่มเด็กซิ่งหันมามอง ผมก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แล้วกลับขึ้นรถประจำหน้าที่คนขับอีกครั้ง

"ไปคอนโดพี่นะครับ.." ผมถามน้องนิดขณะที่ค่อยๆเคลื่อนรถงมาจากอาคารจอด

"มันไกลนี่คะ....ไปคอนโดนิดดีกว่า ใกล้ๆนี้เอง...."
 
"ก็ได้ครับ...นิดคอยบอกทางละกัน...."

ผมขับรถออกจากห้างแล้วไปทางถนนจรัลสนิทวงศ์ตามที่น้องนิดบอก พอถึงซอยน้องนิดก็บอกให้เลี้ยวเข้าไป ขับรถเข้า
ซอยค่อนข้างกว้างไม่ถึง2นาที ก็เห็นคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นตึกสูง10กว่าชั้น ด้านหน้าตกแต่งสวยหรู ผมขับรถผ่าน
ป้อมรปภ. น้องนิดบอกว่าให้อ้อมไปด้านหน้าตึก เพราะช่วงเวลาประมาณนี้ไม่ค่อยมีรถจอดมากนัก พอรถเริ่มเลี้ยวไปทาง
ด้านหน้าตึก จู่ๆน้องนิดที่นั่งตัวตรงอยู่ดีๆ ก็รีบก้มหัววูบซุกหน้าลงกับคอนโซลรถ พร้อมบอกให้ผมหยุดรถทันทีด้วยเสียงสั่น
กลัวตื่นตระหนกตกใจ

"พี่จอดเร็วๆ....นั่นรถป๊า..."

ผมมองตามที่มือน้องนิดชี้ไปก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งวัยประมาณเท่า ๆ กับผม แต่งตัวแบบชาวบ้านทั่วๆไปยืนอยู่ข้างๆรถปิคอัพ
สี่ประตูสีดำ ค่อนข้างใหม่ ผมรีบเหยียกเบรคพรืด ดีที่ว่าค่อนข้างช้า แต่พอรถหยุดสนิท มันก็ห่างจากพ่อแม่ของน้องนิดเพียง
แค่10เมตรได้ การเหยียบเบรคกระทันหันแบบนั้นทำให้ทั้งคู่หันมามองรถพร้อมด้วยความตกใจ ผมได้แต่ส่งยิ้มพร้อมยกมือ
ทำนองขอโทษไปให้ทั้งคู่ แล้วรีบถอยรถกลับออกมาโดยไว แม้รถผมจะออกมาพ้นประตุทางเข้าคอนโดแล้ว น้องนิดก็ยังไม่
ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากแผงคอนโซล ผมเหลือบตามองเห็นตัวเธอสั่นระริกคงทั้งตกใจและทั้งกลัวเป็นแน่  ผมค่อยๆเอื้อมมือ
ไปลูบผมเธอหมายปลอบปรธะโลมให้เธอหายตกใจ พร้อมกระซิบบอกเธอเบาๆว่า

"พ่อแม่น้องไม่เห็นน้องหรอก ไม่ต้องกลัวน๊า..." ผมขับรถออกมายังไม่พ้นปากซอยโทรศัพท์น้องนิดก็ดังขึ้น

น้องนิดปล่อยให้เสียงเรียกดังสามสี่ครั้งเหมือนเรียกสติกลับคืนก่อนที่จะรับสาย แล้วกระซิบบอกผมว่า..ป๊าโทรมา แม้ว่าเธอ
จะพยามควบคุมเสียงไว้อย่างเต็มที่ แต่ผมก็สังเกตุได้ว่าเสียงพูดคุยตอบโต้กับป๊าของเธอนั้น มันยังสั่นพริ้วไม่หายตกใจอยู่ดี
ผมพอจับใจความได้ว่า ป๊าน้องนิดมาหาที่คอนโด เพราะมีคนติดนัดหมายว่าจะมาซื้อห้องหรือเช่าห้องที่พ่อแม่เธอซื้อเอาไว้
เก็งทำกำไรนั่นเอง ผมอมยิ้มกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะรู้ว่าผมรอดแล้วไม่ต้องผิดคำพูด ส่วนน้องนิดนั้นหลังจากหาย
ตกใจที่รอดตัวมาหวุดหวิดจากการเผชิญหน้ากับพ่อแม่เธอ โดยที่ทั้งสองก็ยังไม่รู้ว่าลูกสาวคนสวยไปไหนมากับผู้ชายวัยพ่อ
หน้าเธอก็นิ่งปากสวยเม้มน้อยๆ ไม่พูดจาอะไรกับผมตลอดทางขากลับไปยังห้าง

ผมนำรถขึ้นไปจอดใกล้ๆรถน้องนิด ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถผม ผมดึงร่างบอบบางแต่มีทรวดทรงเต็มอิ่มของเธอเข้ามา
กอด จูบแก้มเบาๆ ตัวเธอนั่งนิ่งแม้ไม่แข็งขืน แต่ก็ไม่ตอบสนองการสัมผัสของผม พอเธอลงรถไปได้ก่อนจะปิดประตูรถ เธอ
บอกกับผมว่า คืนนี้ค่อยคุยกัน ผมได้ยินเสียงแล้วรู้สึกใจหายวาบ เพราะเสียงน้องนิดนั้นทั้งแข็งทั้งเย็นเฉียบ โอ๊ยยยย...กรู
ตายแน่ ผมลำพึงกับตัวเองหลังจากที่เคลื่อนรถตามหลังรถของน้องนิดออกมาจากห้าง แล้วแยกทางกันไป

ep.10

หลังจากที่ผมกับน้องนิดแยกจากกัน ผมกลับไปที่คอนโดสะสางงานที่ค้างอยู่จนถึงช่วงเย็นจึงออกไปฟิตเนสคลับที่ผมเป็น
สมาชิกอยู่ แต่ดูเหมือนวันนี้ผมไม่ค่อนมีสมาธิกับการออกกำลังกายนัก ด้วยเรื่องของน้องนิดเมื่อตอนกลางวัน มันคอยรบกวน
สมาธิอยู่อยู่ตลอดเวลา ผมรู้ว่าน้องนิดแยกทางออกจากห้างด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นยังไม่ดับมอด น้องยังต้องการให้ผมดับให้
ถึงขนาดยอมเป็นฝ่ายเสนอให้ผมก่อนด้วยซ้ำ แต่ผมมันดันบ้ายึดติดกับคำพูดของตนเอง สัญญากับตัวเองแบบนี้ แม้จะทำให้
ผมภูมิใจที่ยังคงไม่ได้ละเมิดคำสัญญานั้น ซึ่งผมก็ไม่รุ้เหมือนกันว่า ผมคิดผิดหรือถูกกันแน่ เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าการ
กระทำของผิดในวันนั้นส่งผลกระทบกับชีวิตของผมกับน้องนิดในทางใด

หลังจากที่ใช้เวลาในฟๆตเนสคลับจนถึงทุ่มกว่าๆ ผมก็กลับไปที่คอนโดออนเอ็นรอให้นิดนิดออนมาคุย จวบจนเลยเวลาปรกติ
ที่น้องนิดจะออนเอ็มมา ผมก็ยังไม่เห็นเธอ ผมฌลยลองโทรศัพท์ไปหา สายติดแต่น้องนิดไม่รับ ปล่อยให้สายเรียกเข้าขาด
ไปเอง ผมกดเบอร์โทรหาอีกครั้ง คราวนี้กลับได้ยินเสียงจากเทปว่า เลขหมายที่ท่านเรียก ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ
ซึ่งหมายถึงน้องนิดคงปิดเครื่อง ไม่พร้อมจะคุยกับผม ทำให้ผมเริ่มซีเรียส ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีก30นาทีก็ลองโทรหา
ใหม่ ยังคงปิดสายเช่นเคย ใจผมเริ่มว้าวุ่นว่าณ.เวลานั้น น้องนิดกำลังทำอะไรถึงได้ปิดเครื่อง เธอยังอยู่กับพ่อแม่ในคอนโด
หรือว่าไปไหนกันแน่

ผมอดใจรอด้วยความกระวนกระวายต่อไปไม่ไหวครับ รีบแต่งตัวลวกๆ แล้วขับรถไปยังคอนโดของน้องนิดทันที ไปทั้งๆที่
ไม่รู้เลยว่าน้องนิดพักอยู่ห้องใดชั้นใด คงแค่อยากจะรุ้ว่าน้องนิดกับพ่อแม่เธอยังอยุ่ที่คอนโดหรือไม่ คงมีทางเดียวคือสังเกตุ
จากรถที่ทั้งสองใช้อยู่เท่านั้นเองครับ

ผมขับรถไปถึงคอนโดน้องนิดเวลาตอนนั้น5ทุ่มกว่าไปแล้ว พอผมไปถึงทางเข้าที่ต้องผ่านป้อมรปภ.นั้นก็ต้องหยุดรถ เพราะ
ไม้กันรถไม่ได้เปิดให้คงเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของทางคอนโดเป็นแน่ทั้งๆที่เมื่อตอนกลางวันผมขับรถผ่านเข้าไปได้
โดยไม่ต้องหยุดตรวจ สักครู่รปภ.ก็เข้ามาสอบถามผมว่าจะไปห้องใด อย่างที่บอกไปตอนแรกนั่นแหละครับว่าผมไม่รู้ว่าน้อง
นิดพักอยู่ห้องหมายเลขใดจึงไม่สามารถบอกรปภ.ไปได้ ทางรปภ.จึงถามชื่อของผู้เป็นเจ้าของห้องพัก  

พอผมบอกชื่อจริงของน้องนิดออกไป พนักงานรปภ.ก็เดินกลับเข้าไปที่ป้อมแล้วยกหูโทรศัพท์โทร ผมคิดว่าคงจะโทรตรง
เข้าไปที่ห้องของน้องนิดเป็นแน่ สักครู่พนักงานรปภ.ก็เดินมาที่รถผมพร้อมบอกว่า สงสัยจะไม่มีใครอยู่ในห้องครับ ช่วง
จังหวะนั้นผมเห็นคนไทยกับฝรั่งเดินผ่านพนักงานรปภ.เข้าไปโดยไม่เห็นมีการตรวจหรือซักถามประการใด
ผมเลยถอยรถออกแล้วไปหาที่ว่างๆในซอยจอด คิดว่ารอให้เวลาผ่านไปสัก10นาทีค่อยลองเดินเข้าไปอาจจะเข้าได้

แล้วผมก็เข้าใจถูกครับต้องครับผลังจากที่ผมเดินผ่านป้อมรปภ.โดยไม่ถูกเรียกซักถามผมก็เดินไปทางด้านหน้าทางเข้า
อาคาร ผมเห็นรถปิคอัพของพ่อน้องนิดยังคงจอดอยู่ที่ด้านหน้า แต่ไม่มีรถของน้องนิด เธออาจขับขึ้นไปจอดบนอาคาร
จอดรถก็ได้ผมคิดแบบนั้น ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในอาคารซึ่งเป็นโถงโล่งๆ ด้านในสุดเป็นที่ทำงานของพนักงานต้อน
รับ ดูเหมือนกึ่งๆโรงแรมชั้นนำทั่วๆไป มีล็อบบี้เล้าจ์เปิดไฟสลัวๆอยู่ด้านซ้ายมือ มีเพลงบรรเลงจากเปียนโนดังแว่วออก
มา ผมลองเดินเฉียดไปดูพอถึงระยะที่สายตาจะพอมองเห็นผู้คนในล็อบบี้เล้าจ์ได้ ผมก็เห็นน้องนิดครับ เธอนั่งหันด้านข้าง
มาทางที่ผมหยุดยืนอยุ่ เธอนั่งอยู่กับผู้หญิงสุงวัยผมจำได้ว่าเป็นแม่ของน้อง เพราะเมื่อตอนกลางวันเคยเห็นหน้ากันมา
แล้ว ส่วนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอนั้นเป็นผู้ชายสองคน คนแรกสูงอายุเป็นพ่อเธอ ส่วนอีกคนน่าจะเป็นคนหนุ่มกว่า แต่ผม
ก็มองหน้าไม่ถนัดนัก เพราะเผอิญมีกระถางต้นไม้บังอยู่

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหาน้องนิดเพื่อจะเช็คดูว่าเธอยังปิดสายอยู่หรือไม่ คราวนี้เธอเปิดสายครับ พอมีเสียงเรียกเข้า
น้องนิดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็กดสายทิ้งไม่ยอมรับสาย ในขณะนั้นผมรู้สึกหน้าชาวูบเหมือนโดนตบหน้า ยิ่งเห็น
น้องนิดกดสายทิ้งแล้วยังพูดคุยยิ้มๆหัวเราะเบาๆ กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ ผมแทบจะคลั่ง รู้สึกหึงหวงทั้งๆที่
ไม่รู้แม้สักนิดว่าเธอพูดคุยเรื่องอะไรกัน

ผมยืนเก้กังรอสักครู่ เห็นว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้ายังยืนอยู่ตรงนั้น จะเป็นที่ผิดสังเกตุของพนักงานต้อนรับเสียเปล่าๆ
จึงค่อยเดินคอตกกลับออกไปแล้วขับรถกลับคอนโดของผม คืนนั้นจำได้ว่าผมนอนหลับๆตื่นๆ เพราะมันมีเรื่องราวที่ข้ดข้อง
หาคำตอบไม่ได้วนเวียนในสมองให้คิดอยุ่ตลอด จวบจนเช้าผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้อ่อนเพลีย อันดับแรกคือหยิบโทรศัพท์
ขึ้นมาเช็คดูว่าจะมีข้อความใดๆส่งมาบ้างหรือไม่ ในใจก็หวังลึกๆว่าน้องนิดน่าจะส่งข้อความอะไรมาหาผมบ้าง แต่กลับ
ปรากฎว่ามีข้อความจากคุณชัยยศ นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง คนที่ผมกำลังเสนองานอยู่ คุณชัยยศ นัดให้
ผมไปหาที่ออฟฟิสในตอน11โมง ผมดูเวลาก็ใกล้จะถึงเวลานัดแล้ว เรื่องของน้องนิดผมจึงจำเป็นต้องพักไว้ก่อน ผมรีบ
อาบน้ำแต่งตัวไปหาคุณชัยยศทันที ช่วงที่ผมไปพบคุณชัยยศเรื่องงานผมขอข้ามไม่เล่ารายละเอียดแล้วกันนะครับ เอาเป็น
ว่าหลังจากการไปพบคุณชัยยศในวันนั้น ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงขึ้นไปในทางดีขึ้นอย่างมาก แต่ก็ทำให้ผมกับน้องนิด
ห่างๆกันไปโดยปริยาย เพราะผมกำลังก้าวหน้าในเรื่องงาน เลยทุ่มแรงทุ่มเวลาเพื่องานในการสร้างฐานะของตนเอง

แต่ผมกับน้องนิดไม่ถึงกับห่างหายไม่ได้ติดต่อกันนะครับเราเพียงแค่คุยกันน้อยลงจากทุกคืน กลายเป็นอาทิตย์ละครั้ง
sex phone จากอาทิตย์ละครั้ง กลายเป็นเดือนละครั้ง หรือบางเดือนไม่มีเลย ส่วนการนัดเจอกันนั้นเลิกนัดไปโดยปริยาย
เพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเวลาให้กันและกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนใกล้ปีใหม่ น้องนิดก็โทรหาผมบอกเพียงว่าจะไป
เยี่ยมญาติที่อมเริกากับพ่อแม่ เราคงติดต่อกันไม่ได้สักครึ่งเดือน ผมจึงขอนัดพบเธอก่อนที่จะไป แต่คำตอบของเธอกลับ
ทำให้ผมประหลาดใจคือ

[post]"นิดไม่สดวกค่ะ....เอาไว้กลับมาก่อนค่อยคุยกันใหม่"จากนั้นเธอก็วางสายทันที ผมเริ่มรุ้สึกถึงเค้าลางความไม่ปรกติของ
น้องนิดทั้งจากน้ำเสียงและท่าที แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อเธอยังไม่สดวกพบเจอก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน

หน้าที่การงานผมเริ่มดีขึ้นจากคนธรรมดาๆคนหนึ่งที่รับจ้างเขียนแบบบ้านมีเงินสดบวกทรัพย์สินไม่ถึง5ล้านผมเริ่มขยับ
ขึ้นไปแตะหลัก10ล้านในเวลาไม่กี่เดือน แต่ก็หาใช่ว่าจะโชคดีไปเสียทั้งหมดทุกเรื่อง ทางบ้านผมเริ่มมีข่าวร้ายเมื่อคุณพ่อ
ที่แก่ชรามากแล้วเริ่มเจ้บป่วยด้วยโรคชรา ผมพาท่านเข้ารักษาตัวในโรงพยบาลได้กี่วัน ท่านก็ลาจากโลกไป พอผมจัด
งานศพให้คุณพ่อเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ผมก็คงเหมือนตรอมใจที่ขาดเพื่อนร่วมชีวิตไป อีกไม่กี่วันท่านก็นอนตายอย่างสงบ
ด้วยโรคชราเช่นเดียวกับพ่อผม

ผมเลยยุ่งวุ่นวายจนดูเหมือนจะลืมเรื่องน้องนิดไปเสียสนิทว่า เธอไปอเมริกากับทางบ้านแล้วกี่วัน ผมเลยลองกดโทรศัพท์
ไปหาเธอ เสียงปลายทางติดต่อไม่ได้ เลยไม่รุ้ว่าเธอจะกลับมาหรือยัง จนผ่านไปอีกหลายวันน้องนิดก็โทรมาหาผม ผมรีบ
ฉวยโอกาศนั้นนัดเจอกับเธอทันที คราวนี้น้องนิดตอบรับด้วยสุ่มเสียงที่ดูเหมือนจะกลับมาเป็นน้องนิดคนเดิมของผม ผม
ตั้งใจไว้มั่นแล้วว่าถ้าการเจอกันครั้งนี้ ผมจะไม่คิดถึงเรื่องคำสัญญาของตนเองแน่ๆ ถ้าน้องนิดต้องการ ผมจะพาเธอขึ้น
สวรรค์ให้ได้ [/post]





cobra888

โอกาสมาวางยื่นถึงปาก ถ้าไม่กินก็ถือว่าปฏิเสธนะครับ ::Angry::