ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ฟัก อยู่แม้น

แค้นวิปริต จิตสั่งกาม (cop) ตอนที่ 13

เริ่มโดย ฟัก อยู่แม้น, ตุลาคม 23, 2015, 06:49:49 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟัก อยู่แม้น

 

ตอนที่13 แม่ใครกันแน่?
.
.
.
วันนี้ภายในสำนักงานมูลนิธิพิทักษ์สตรีและเด็กดูเงียบวังเวงผิดปกติ


ดารินทร์ทอดสายตาพิจารณาข้อมูลกรณีร้องเรียนภายในห้องทำงานส่วนตัวด้านตรงกันข้ามกับเธอคือผู้ช่วยระหว่างทดลองงานซึ่งกำลังรอฟังผลใจจดจ่อ

"เคสนี้ธรรมดาไปหน่อย สื่อคงไม่สนใจรับเรื่องเก็บไว้ก่อนแล้วกัน" ผู้เป็นนายประกบแฟ้มดังปุผู้ช่วยสาวหางคิ้วตกเมื่อได้ยิน
"แต่คุณดาคะ. . .เด็กคนนี้เธอน่าสงสารจริง ๆ นะคะคุณดากรุณาพิจารณาอีกสักครั้งเถอะค่ะ" เธอวิงวอน
"กรแก้วจ๊ะ เราช่วยทุกคนบนโลกนี้ไม่ได้หมดหรอกจ้ะหนุ่มสาวไฟแรงอย่างเธอน่ะฉันเห็นมานักต่อนักแล้วไว้วันหนึ่งเมื่อเธอเจนโลกอย่างฉันแล้วเธอจะเข้าใจเอง" นักการเมืองหญิงสูงสง่ายกถ้วยกาแฟขึ้นจิบเบา ๆ
"เพียงเพราะขายข่าวไม่ได้เหรอคะ"
"ใช่ ยุคนี้ทุกอย่างคือการตลาดและทุนนะจ๊ะกรแก้วช่วยคนแล้วไม่มีใครเห็นใครรู้ เขาก็ไม่เลือกเราหรอก ต้องเลือกเคสที่สื่อมวลชนให้ความสนใจถึงจะคุ้มกับเวลาและแรงกายที่ลงไป ฉันไม่อยากเหนื่อยฟรีเธอเองก็คงไม่อยากเหนื่อยฟรี ทำงานให้ฉันโดยไม่มีเงินเดือนให้ใช่ไหมล่ะคนเราต่างต้องการผลตอบแทน ไม่ว่าฉัน เธอ หรือใคร ๆ"
"ดิฉันเข้าใจมาตลอดว่าสโลแกนของคุณดาคือรักลูกทุกคนเหมือนลูกตัวเองถึงได้เลือกทำที่นี่" เธอตัดพ้อ
ดารินทร์รู้สึกว่ากาแฟหนืดข้นจนกลืนลงคอลำบากกว่าเคย
"กรแก้วจ๊ะ. . ."
"เลือกตั้งสมัยหน้าฉันมีเรื่องให้ตระเตรียมอีกเยอะสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือผู้ร่วมงานที่เข้าขากัน รู้ใจฉันโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก"
"หากฉันต้องเสียเวลาปรับความเข้าใจกับใครคนใดคนหนึ่งนานเกินไปสู้หาคนที่พร้อมกว่าเข้ามาแทนไม่ดีกว่าหรือ?"
ผู้ช่วยสาวนั่งหลบตารู้ดีว่ากำลังทำให้ผู้เป็นนายไม่พอใจ
"ฉันรักลูกลูกหลานคนทั่วประเทศเหมือนลูกตัวเองได้ไม่หมดหรอกนะเด็กบางคนก็เหลือขอเกินเยียวยา" ดารินทร์วางถ้วยกาแฟลงประกอบคำกล่าวสรุป.
.
.
.
"
เช่นลูกแม่ค้าขายน้ำรึเปล่าครับ?"

ทั้งเจ้านายและผู้ช่วยต่างหันไปหาต้นเสียงพร้อมกันประตูห้องทำงานส่วนตัวของดารินทร์เปิดอ้าโดยมีชายหนุ่มยืนล้วงกระเป๋าพิงกรอบประตูคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากเต๋อ ผู้ทวงหนี้แค้น
"เธอเป็นใคร!? ผ่านเลขาหน้าห้องเข้ามาได้ยังไง!!? "ดารินทร์เอ็ดลั่น.
.
.
ผมถอดหมวกแก๊ปเปิดเผยใบหน้าวันนี้เลือกสวมเสื้อคลุมสีเข้มคล้ายพนักงานส่งเอกสารเพื่ออำพรางตัว

"ถามยังไม่ตอบอีก!?" เธอขมวดคิ้ว
"แมสเซนเจอร์สินะคะรบกวนออกไปนั่งรอหน้าห้องก่อนเถอะค่ะน้อง" ผู้ช่วยกุลีกุจอออกรับแทนทันที
.
"
ตอนนี้ในออฟฟิศไม่มีใครสั่งใครได้แล้วครับนอกจากผมซึ่งเป็นผู้คุมกติกาความเป็นไปของทุกชีวิต"

"พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!?"
"กรแก้ว! เธอไปเรียกรปภ.มาซิ!." ดารินทร์สั่งผู้ช่วยโดยไม่ได้มองเลยว่าใช้โทรศัพท์บนโต๊ะตัวเองโทรเรียกยังจะเร็วเสียกว่า
แต่ผู้ช่วยไร้การตอบสนอง
"ฉันบอกให้เรียกรปภ.ไงเล่า!" เธอย้ำอีกครั้ง
"คุณดาคะ. . ." ผู้ช่วยสาวใช้น้ำเสียงชวนแคลงใจดารินทร์จ้องรอประโยคต่อไปจากลูกน้องราวกับลุ้นคำตอบจากพิธีกรเกมโชว์.
.
.
"
วันนี้หนูขอกลับก่อนค่ะ แบร่~" เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้านาย

"เป็นบ้าอะไร!?" ดารินทร์ตกใจตวาด หากทุกคนพร้อมใจกันเตี้ยมอำบ้า ๆอย่างนี้ก็ไม่น่าจะเอามาใช้กับผู้ใหญ่อย่างเธอเหมือนเพื่อนเล่นสมัยเรียน
แต่ผู้ช่วยสาวไม่ยี่หระเธอลุกขึ้นยืนชูมือเหนือศีรษะแล้วเขย่งปลายเท้าค่อย ๆหมุนตัวออกจากห้องเหมือนนักบัลเล่ต์ ทิ้งให้ดารินทร์ยืนคิดเอาเองว่าลูกน้องเธอเพี้ยนขึ้นมาได้อย่างไร
"ไปหาตำปูปลาร้านัว ๆ แซ่บ ๆ แดกดีกว่า ลั้ลลา~" เธอฮัมเพลงขึ้นมามั่ว ๆ แต่ก็ฟังดูชวนอารมณ์ดี.
.
.
"
พยายามทำให้คุณตลกน่ะครับแต่ดูเหมือนว่าจะแป้ก" ผมยักไหล่พลางมองผู้ช่วยสาวที่เต้นบัลเล่ต์ฮัมเพลงออกจากห้องอย่างเริงร่าดารินทร์จับต้นชนปลายไม่ถูกว่านี่คือเรื่องอะไรกันแน่

ขณะนี้ในห้องเหลือเพียง. . . ผมกับดารินทร์
เมื่อผมขยับเข้ามาในห้องดารินทร์ถอยห่างอัตโนมัติ ราวกับเกิดจากแรงต้านแม่เหล็กขั้วเดียวกัน
ดารินทร์มองผ่านเต๋อไปยังด้านหลังที่เปิดประตูอ้าทิ้งไว้จึงเห็นว่าพนักงานที่อยู่นอกห้องฟุบนิ่งคาโต๊ะหมดทุกคนเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่มีใครลุกขึ้นรับสาย
อาจเป็นเรื่องตลกไม่ออกเท่าไหร่นักถ้าจะบอกว่าเธอคิดเลยเถิดถึงขั้นลูกน้องถูกวางยายกออฟฟิศ
"ใครส่งแกมา?" หญิงสาวแข้งขาสั่นระริก คงเพราะเธอทำงานการเมืองจึงนึกเหตุผลอัปมงคลนี้ขึ้นเป็นอันดับแรก
"ทางนั้นจ้างมาเท่าไหร่ ฉันให้สองเท่าเลย!!" ข้อเสนอบวกด้วยน้ำเสียงช่างเร้าใจไม่ต่างจากรายการขายเครื่องออกกำลังกายที่แพร่ภาพตอนดึกๆ.
.
ผมอยากจะหัวเราะเสียจริง

"ใช้เงินแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะครับคุณดารินทร์"
.
.
.
"
โดยเฉพาะปัญหาที่คุณสร้างขึ้นเอง"
.
.
"
ฉ . . . ฉัน. . ." ดารินทร์เหลือบมองในกระเป๋าสะพายซึ่งเปิดอ้าทิ้งไว้พอดีไล่สายตาหาสิ่งที่เก็บซ่อนไว้

"ฉันไม่ยอมตายเด็ดขาด!!" เธอล้วงหยิบขวดสเปรย์พริกไทยขึ้นมาโดยฉับพลัน.
.
.
แต่นั่นยิ่งทำให้เข้าทางอีกฝ่ายมากขึ้นมือของเธอหันวกกลับเข้าหาตัวเองแล้วกดฉีดเต็มแรง.
.
.
"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!"
นักการเมืองหญิงผู้สูงสง่าล้มดิ้นพล่านปวดแสบปวดร้อนน้ำหูน้ำตาไหลแฉะ เธออยู่ในภาวะตาบอดชั่วคราวหากใครไม่รู้คงคิดว่าโดนสาดด้วยน้ำกรด"หลายปีก่อนผมก็เคยทรุดลงกองกับพื้นต่อหน้าคุณไม่ต่างกันเลย" ผมแหงนมองเพดานนึกภาพอดีตด้วยแววตาเลื่อนลอยน่าขำที่โจทก์กับจำเลยในอดีตขณะนี้ถูกวางตำแหน่งสลับกันอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่สามารถช่วยดารินทร์ได้อีกต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจเหนือมนุษย์ที่ผมถือครอง.
.
.
ผมส่งยิ้มให้เหยื่อที่ชักดิ้นชักงอตรงหน้าอย่างเยือกเย็น.
"
ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับคุณดารินทร์ผมไม่เคยทำใครถึงตาย".
.
.
.
"
เว้นแต่ว่าหลังจากนั้นคุณจะอยากตายไปเอง"
"
โอย ปวดหัวชะมัด" เสียงรำพันกับตัวเองดังก้องในห้วงนึกคิด.
.
.
หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไปหมดเหมือนสติแรกฟื้นหลังผ่าตัด

"สวัสดีเกรซ" ผมยิ้มต้อนรับเซอร์ไพร์สพิเศษสุดจัดขึ้นให้เฉพาะเธอเป็นกรณีพิเศษเกรซพบว่าตนเองถูกจับมัดแขนขานั่งติดเก้าอี้เรียวปากถูกผนึกสนิทด้วยเทปกาว
"อื้อ อื้อ" เกรซตกใจที่ไม่รู้ว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ความทรงจำสุดท้ายขณะคงสติคือกำลังจะเดินทางกลับบ้านหลังเลิกเรียนแต่แล้วโลกรอบตัวก็ดับมืดลง
"คงมีอะไรอยากพูดสินะ" ผมกระชากเทปกาวออกให้ครั้งเดียวหลุดจนอีกฝ่ายสะดุ้งแปลบ
เกรซสูดลมหายใจตั้งสติลึกๆ กวาดตามองรอบตัวซึ่งเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ฉากเบื้องหน้าเป็นผ้าม่านสีเลือดนกผืนใหญ่ขึงปิดทัศนียภาพสิ่งที่อยู่ด้านหลังมิดชิด
"แกเป็นใคร!? ที่นี่ที่ไหน!?" เธอถามด้วยใบหน้าตื่นกลัว
"นึกหน้าผมดูดี ๆ สิเกรซ"
เกรซจ้องเขาแต่รูปหน้าทั้งหมดเห็นไม่ช่วยให้นึกออกได้เลย
"ฉันไม่รู้. . .แกเป็นใครกัน!?"
"ให้ตายเถอะ ต้องบอกใบ้อยู่เรื่อยเลยผู้หญิงพวกนี้" ผมหงายท้องแขนให้เห็นรอยสักไก่เขี่ยรูปโนบิตะ
เธอดีดตัวถอยจนเก้าอี้ลากเอี๊ยด
"ไม่จริง. . ."
"ช่วยด้วยยยค่ะ!! คนโรคจิต!!!" เธอกรีดร้องสุดเสียง ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดแทนที่จะมีโอกาสพูดได้มากกว่านี้แต่กลับทำให้เสรีภาพหมดอายุเร็วขึ้น ช่วยไม่ได้เลยที่ต้องกลบเสียงเธอด้วยเทปกาวอีกครั้ง
"อื้อ อื้อ" เหยื่อดิ้นขัดขืนแต่ก็ไร้ทางสู้ผมควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายลงอย่างง่ายดาย
"ฟังนะเกรซ" ผมลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งให้ประจัญหน้าในระนาบเดียวกัน
"ที่นี่คือห้องลับของโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เอาไว้ดัดหลังลูกค้าซึ่งปกติคนทั่วไปจะไม่มีโอกาสได้ใช้บริการ. . ."
เกรซสังหรณ์ใจไม่ดีกับผ้าม่านปริศนาผืนใหญ่ตรงหน้ามันใหญ่เกินความจำเป็น
". . .ยกเว้นผมซึ่งได้อภิสิทธิ์เหนือผู้อื่นทุกกรณี" ผมพูดต่อพลางนึกถึงสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ซึ่งได้สะกดจิตให้ทุกคนในโรงแรมปิดบริการหนึ่งวันเพื่อให้เอื้อต่อภารกิจล้างแค้นแน่นอน รวมถึงสิทธิ์ในการขอใช้ห้องนี้ก็อนุมัติผ่านราบรื่น
ผมลุกขึ้นเดินไปสุดห้องคว้าที่ดึงม่านจับมั่น
"เอาล่ะนะ ต่อไปนี้คือคำตอบที่แท้จริง"
.
.
.
.
"
ว่าแม่ใครกันแน่ที่เป็นกะหรี่"
.
.
ผ้าม่านถูกรูดเลื่อนจนสุดทางเผยให้เห็นอีกด้านที่ซ่อนไว้

ร่างของดารินทร์ในสภาพเปลือยเปล่ากำลังถูกชำเราโดยเด็กหนุ่มวัยรุ่นสามคนที่ล้อมหน้าหลัง
"โอ้ว เสียวสุด ๆ ไปเลยเด็ก ๆ จ๋า ลูกรักของแม่ทุกคนเลย" เธอปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยวสุดพลังผมเป็นคนเดียวที่ได้ยินคำพูดของคนจากอีกห้องด้วยความสามารถอ่านใจ.
.
.
ดูเหมือนเกรซต้องใช้เวลาตั้งสติเล็กน้อยผมจึงถือโอกาสทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายอันดับแรกเพื่อให้เป็นที่เข้าใจตรงกันจึงต้องประกาศักดาก่อนว่าผมมีความสามารถครอบงำจิตใจคนซึ่งจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เธอ

"ผนังห้องนี้เป็นกระจกหลอกด้านเดียวแบบที่ใช้ในห้องชี้ตัวมีไว้แอบดูลูกค้าโรงแรมสนองรสนิยมพวกถ้ำมองส่วนเด็กพวกนั้นเป็นเด็กขายข้างถนนที่ผมจ้างมาเอง นี่พยายามคัดคนหน้าตาดี ๆให้แล้วนะ หาได้แค่นี้แหละ"
แน่นอนเกรซคงไม่สนว่าใครจะหน้าตาดีหรือไม่อย่างไร
"อื้อ!!!!!!" เธอร้องเรียกแม่ทั้งที่โดนปิดปากแน่นเกรซโน้มเก้าอี้เอนหน้ามากไปจนล้มโครม
"รักลูกคนอื่นเหมือนลูกตัวเองไงเกรซ . . .แม่เธอพูดออกบ่อย แต่คงจะไม่นับผมคนนึงล่ะมั้ง"
.
.
.
"
อื๊อออ!!" เกรซนอนดิ้นอยู่กับพื้นดวงตาจ้องผู้เป็นแม่ที่กำลังสมสู่กับเด็กรุ่นลูกเต็มเหนี่ยว ผมอ่านใจเกรซได้คร่าวๆ ว่าเธอกำลังคิดว่าดารินทร์กำลังถูกกระทำชำเราหญิงผู้สูงศักดิ์เช่นนั้นไม่มีทางลดตัวทำเรื่องสามานย์เช่นนี้แน่นอนจึงต้องปรับความเข้าใจเสียใหม่

"เธอไม่ได้ถูกข่มขืนหรอกนะ ดูให้ดีสิ หน้าตามีความสุขสุดๆ"
.
.
เมื่อปากพูดไม่ได้เกรซจึงสื่อสารกลับด้วยสายตาแทน

"แววตาแบบนั้น. . .ท้าทายผมสินะ"
ผมจับเกรซจิกผมให้เงยหน้าหันทางกระจกชัดๆ.
.
.
"
ดูให้ดีนะเกรซ!!นี่คือการตอบแทนที่ครอบครัวเธอทำไว้กับผมและแม่!!"
.
.
.
"
เด็ก ๆ จ๊ะ แยงเข้าไปลึก ๆอีกเลยจ้ะ นั่นแหละจ้ะ" อีกฝากฝั่งดารินทร์กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการนั่งขย่มตอเด็กหนุ่มรุ่นลูก แม้หน้าตางั้น ๆหุ่นเก้งก้างไปนิด แต่ก็สุขสมที่ได้เสพเสียวกับเด็กวัยนมแตกพาน

"มีใครหิวนมแม่ไหมจ๊ะ ดูดได้เลยนะ"
"เจ๊นี่เพี้ยนรึเปล่าวะ ดูเก็บกดว่ะ" เด็กขายคนหนึ่งอ้อมตัวไปกระซิบกับเพื่อนที่กำลังสวมถุงยาง
"ช่างป้าเค้าเหอะ เงินถึงก็พอแล้ว จัดชุดใหญ่ตามใจแกไปเลย" คนสวมถุงยางจัดการขบดูดยอดถันให้ตามคำขอ
"แบบนั้นแหละจ้ะลูก ๆ ของแม่" ดารินทร์บิดครางด้วยความเสียวซ่าน
"ป้าอยากได้แบบไหนบอกพวกผมเลยนะครับ" เด็กคนที่กำลังซอยยิกพูดขึ้น
"เข้ามาพร้อม ๆ กันสองอันเลยสิจ๊ะ" ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดกล้ารับสองลำเต็มๆ พร้อมกัน ส่วนอีกคนหนึ่งนั่งให้ดารินทร์หันหน้าปรนเปรอด้วยปาก
ผมนั่งลูบคางเฝ้าดูหนังสดด้วยท่าทางดุจนักวิจารณ์ภาพยนตร์ส่วนเกรซหลับตาร้องไห้ไม่อยากรับรู้สิ่งใด ๆ ตรงหน้าเอาเถอะไม่อยากดูตอนนี้ก็ไม่บังคับ.
.
.
ดารินทร์สั่งให้เด็ก ๆ หยุดลงชั่วคราวและให้หนุ่มทั้งสามยืนล้อมตัวเธอซึ่งจะคอยดูดอมและชักว่าวให้

"เด็ก ๆ จ๊ะ ช่วยกันรดน้ำว่าวคาว ๆให้เต็มหน้าป้าเลยนะจ๊ะ"
"ป้าครับ ผมไม่ไหวแล้ว ๆ โอววว"
น้ำกามเด็กหนุ่มแรกแย้มหลั่งรดทั่วหน้าดารินทร์ไม่นานนักก็ตามมาด้วยคลื่นระลอกสองและสามของเด็กอีกสองคนเธอลูบไล้เชื้ออสุจิทั่วหน้าอย่างอิ่มเอมอารมณ์ราวกับได้รับการปรนนิบัติใบหน้าจากสปาหรู
"อาลีลาและน้ำเชื้อจากเด็กหนุ่มรุ่นลูกอย่างพวกเธอช่างหอมหวานจริง ๆป้าลืมสามีไปเลยจ๊ะ"
ดารินทร์นอนลูบไล้น้ำกามจากหน้าปาดป่ายทั่วเรือนร่างชวนให้นึกถึงเคาน์เตสอลิซาเบธ บาโธรี่ราชินีผู้อาบเลือดสาวพรหมจรรรย์เพื่อรักษาความเยาว์วัยในประวัติศาสตร์ชาติตะวันตกเธอหลับพริ้มอย่างพึงพอใจ
เด็กทั้งสามใช้เวลาชั่วครู่สำหรับพักหายใจหลังจากนั้นจึงมีใครคนหนึ่งพูดขึ้นมา
"เฮ้ย อย่าลืมทำตามที่พี่คนนั้นสั่งไว้ด้วยนะ" เขาหมายถึงผม ก็ยังดีที่ไม่ลืมสัญญาที่ตกลงไว้ถึงเป็นเด็กขายแต่ความซื่อสัตย์นับว่าน่ายกย่อง
"ที่ว่าให้แบ่งเงินค่าจ้างให้ป้าคนนี้ตามศรัทธากี่บาทก็ได้น่ะเหรอทำไปทำไมวะ?" เด็กอีกคนเกาหัวถามงง ๆ
"เห็นว่าป้าเค้าอยากได้อารมณ์เป็นโสเภณีน่ะหลักสิบหลักร้อยแล้วแต่เราเลย" เด็กที่ทักคนแรกให้เหตุผล
"ยี่สิบน่าเกลียดไหมวะ" อีกคนกระซิบเบา ๆ ด้วยความกลัวเสียมารยาท
"เยอะกว่ากูอีก กูเหลือเหรียญห้าเหรียญเดียวว่ะนอกนั้นแบงค์ใหญ่หมดเลย" อีกคนกระซิบตอบ
เด็กหนุ่มสองคนวางเงินทิ้งไว้ข้างเตียงและแต่งตัวกำลังจะเสร็จเรียบร้อยเหลือเพียงอีกคนที่กำลังคิดหนักไม่รู้มันจะยากเย็นอะไรนักหนากับการแบ่งเงินให้ตามศรัทธาแต่จะว่าไปไอ้ตามศรัทธานี่แหละที่ทำบางคนต้องคิดซับซ้อนหลายตลบ
"เจ๊นี่คงรวยอยู่มั้ง" เขานึกในใจ
เด็กหนุ่มคนสุดท้ายล้วงเศษเหรียญบาทเท่าที่มีอยู่ออกมาวางไว้จากนั้นทั้งสามจึงเดินออกไป.
.
.
"
ขอบคุณมาก ๆ ครับน้อง" ผมออกจากห้องมารับหน้าปฏิบัติต่อเด็กขายทั้งสามเปี่ยมไมตรีต่างจากเกรซที่ถูกเก็บตัวอยู่ในห้องลับราวฟ้าเหวนี่ถ้าน้อง ๆได้เห็นเบื้องหลังอีกด้านว่าลูกสาวคนที่กำลังมีอะไรด้วยนั่งดูอยู่แถมถูกทรมานจิตใจคงควยหดกันถ้วนหน้า

"ไม่เป็นไรครับพี่ ตังค์หนาขนาดนี้พวกผมไม่เกี่ยงหรอก" หัวหน้ากลุ่มออกรับ
"เรียกแท็กซี่กลับเองได้นะครับ เอ้า พี่ให้ค่ารถแถม"
ตามธรรมเนียมคนขี้ระแวงผมต้องลบความทรงจำเด็กทั้งสามไม่ให้จดจำผมและเรื่องราวทั้งหมดได้หวังแต่ว่าพวกคงไม่ตกใจภายหลังเพราะคิดว่าเงินในกระเป๋าเพิ่มจำนวนเองได้เหมือนอะมีบาแบ่งตัว.
.
.
.
"
คิดดี ๆ นะ พี่ยังเปลี่ยนอนาคตได้"

ภายในห้องนอนโทนสีเรียบณัฐกำลังหลับตาเพ่งดูนิมิตเหตุการณ์ล่วงหน้า เขาบ่นพึมพำคนเดียวในห้องซ้ำไปมา
"คิดดี ๆ คิดดี ๆ" เขาย้ำไปมาราวกับว่าคนที่อยู่ในนิมิตจะได้ยินไปด้วยอันที่จริง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอยู่ดี
"ณัฐ!!" เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกจนหลุดจากภาพนิมิตธนิกเปิดประตูโดยไม่เคาะเรียก เรื่องนี้มีเหตุผลธนิกติดนิสัยชอบใช้พลังจิตเคาะแทนมือบางครั้งก็ออกแรงหนักไปจนประตูห้องณัฐพังพินาศ บานนี้เป็นบานที่สี่แล้ว
"ทำอะไรอยู่ในห้องทั้งวัน" เขาถาม
"ป. . เปล่าครับพี่นิก" ณัฐซุกมือไว้ด้านหลัง
ท่าทางพิรุธของณัฐยิ่งทำให้ธนิกยิ่งสังเกตชัด
"ไหนดูซิ" เขาเพ่งจิตให้ของที่ซุกซ่อนอยู่ลอยพรวดเข้าหามือตัวเองณัฐไม่มีทางต้านได้เลย
"รูปเต๋อนี่? เอามาทำอะไร?" เขาจ้องดูรูปเต๋อที่เคยแอบถ่ายเองกับมือเมื่อครั้งสอดแนมใหม่ๆ เพื่อให้รู้จักหน้าค่าตา
"แอบชอบมันเหรอ?" ธนิกขมวดคิ้วถามราวกับเห็นน้องตัวเองเป็นจำเลยในศาล
"แกเป็นเกย์คนเดียวก็พอแล้วเก็บเจ้านั่นไว้เป็นพ่อพันธุ์ให้ตระกูลบ้างเถอะ อย่าให้พี่รู้นะว่า . . ."
"ม ไม่ใช่นะครับ!" ณัฐรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"หรือว่าเอามาอ่านอนาคต ยังจำหน้ามันไม่ได้อีกรึไง"
ณัฐก้มหน้าเงียบ
"เอาเถอะณัฐ ไปแอบดูอะไรมัน เห็นอะไรบ้างเล่ามาซิ" ช่างเป็นพี่ชายที่เอาแต่ใจจริง ๆ
"เปล่าครับ ผ . . .ผมไม่ได้ดูเขาตรง ๆ . . ." ณัฐรีบตอบเพื่อไม่ให้ธนิกหงุดหงิด ทั้งคู่เงียบไปสักพัก.
.
.
"
ดูคนที่จะถูกเขาเล่นงานต่างหาก" เด็กหนุ่มพึมพำด้วยน้ำเสียงแฝงกังวล

ผมกลับเข้ามาในห้องลับอีกครั้งพร้อมเงินที่ได้จากการวัดใจเด็ก.
.
.
"
ค่าตัวแม่เธอทั้งหมดยี่สิบเก้าบาท" ผมโยนเศษเงินทั้งหมดใส่หน้าเกรซเสียงเหรียญกระดอนกลิ้งกับพื้นกรุ๋งกริ๋งฟังแล้วสะใจพิลึก

"ราคาพอ ๆ กับอาหารมักง่ายตามร้านสะดวกซื้อเลยนะลงท้ายเลขเก้าตามเทคนิคการตลาดอีก"
เกรซก้มหน้าสลดราวคนไร้ทางสู้ที่ถูกเหยียบจมดิน
"แม่ผมตักน้ำขายหนึ่งชั่วโมงยังได้เกินร้อยเลย" ผมกระแอมหัวเราะ
ท่าทางเกรซมีความคับข้องใจเป็นอย่างมากผมจึงเปิดโอกาสให้เธอได้พูดอีกครั้ง จัดการปลดเทปกาวออก
"เอาล่ะ หนังจบแล้ว อยากฟังความเห็นจากคุณผู้ชมบ้าง"
.
.
.
"
ถุ๊ย!!" เกรซบ้วนน้ำลาย แต่ผมเอี้ยวหลบทันเรื่องอะไรจะพลาดซ้ำรอยเหมือนคราวของวี

"มุกนี้เคยมีคนใช้กับผมแล้วน่ะ"
"มึง!! ไอ้ชาติชั่ว!! " เกรซตะคอกลั่น แต่ผมตอบสนองด้วยความนิ่งเงียบ
"มึงมาทำกูทำไมอีสัตว์ ! คนอื่น ๆ ล่ะ!?"
"ถ้าหมายถึงจอยกับน้ำหวานล่ะก็. . .ไม่ต้องห่วงนะผมจะลากลงนรกให้ตกตามกันไปเร็ว ๆ นี้ล่ะ"
.
.
.
.
ผมหยิบอุปกรณ์สำหรับเกมเล็ก ๆที่ตั้งใจเล่นกับเกรซออกมา เป็นเกมตอบคำถามง่าย ๆ แต่เดิมพันด้วยอนาคตคนทั้งคน

อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากแค่กรอบรูปแม่ผมเพียงอย่างเดียว
"เอาล่ะ เกรซ ต่อไปนี้คือเกมเดิมพัน" ผมหันกรอบรูปแม่ไปหาเธอ
"เกมเหี้ยอะไรของมึงอีสัตว์!!" ใบหน้าเธอส่อว่าพร้อมจะฆ่าผม แต่ผมไม่สนใจบอกรายละเอียดของเกมต่อไป
"กติกาง่าย ๆ สมมติว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ เกรซจะพูดอะไรกับเธอเป็นคำถามปลายเปิดน่ะ ตอบอะไรก็ได้"
.
.
.
เกรซผ่อนลมหายใจลงแสดงให้เห็นว่ากำลังใช้ความคิด.
.
.
"
อ๋อคำพูดแค่นั้นนี่มันแค้นฝังลึกเลยใช่ไหม" เธอกัดฟันกรอด

"แค่นั้นของเธออาจจะเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่นก็ได้นะ" ผมสวนกลับเรียบ ๆ.
.
.
"
ผู้หญิงอย่างแม่มึงน่ะ!!เป็นกะหรี่!! เป็นอีตัวชั้นต่ำ!! ถ้ามาอยู่ตรงหน้ากูก็จะพูดอย่างนี้!!" เกรซหวีดตอบเสียงดังราวสติสำนึกหลุดออกไปจากสมองเสียแล้ว.
.
.
ผมเก็บรูปแม่คืนใส่กระเป๋าเป้เกมจบลงแล้ว

น่าผิดหวัง ลูกหนี้คนนี้ไม่เรียนรู้อะไรเอาซะเลยสิ่งที่ผมทำให้เธอได้คือส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความปลงปนเวทนา.
.
.
.
"
วีจบเกรดสองกว่ายังฉลาดเอาตัวรอดกว่าเธอเล้ย.. .ให้ตายสิ"
.
.
.
จบตอนที่ 13 แม่ใครกันแน่?



+++++++++++++++++++++++++++++





แค่เธอยักคิ้ว ต้นงิ้วก็แค่ถั่วงอก