ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ซีรีย์น้องนิดกับพี่เก่ง(คำสารภาพของน้องนิด) ep.18

เริ่มโดย suckzeed, ตุลาคม 30, 2015, 10:01:13 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ผมออกจากห้องนอนเดินลงด้านล่าง ทั้งที่เสื้อผ้ายังคงอยู่ในชุดแต่งงานเมื่อคืน ได้กลิ่นหอมของเบคอนลอยออกมาจากครัว
พอลงบันไดเลี้ยวไปยังห้องครัวนั้น ก้เห็นน้องนิดภรรยาสาวสวยของผมยืนหันหลังให้อยู่หน้าเตาแก๊ส เธอคงกำลังทอด
เบคอนอยู่แน่ๆ เพราะกลิ่นหอมของมันลอยโชยออกมา ผมเดินไปถึงร่างของน้องนิดก็โอบกอดเธอไว้ด้ายหลัง ก้มหน้าลงไป
หอมแก้มด้านข้างของเธอ อย่างรักใคร่ น้องนิดพูดออกมาทั้งที่ไม่ได้หันกลับ

"พี่ไปอาบน้ำก่อนดีมั๊ยคะ..แล้วค่อยทานมื้อเช้ากัน" เสียงของน้องนิดภรรยาของผมดูแปลกๆไป มันแฝงความเศร้าจนผมรู้สึก
จึงจับร่างของเธอหันกลับมาเผชิญหน้า จริงเสียด้วยครับ ผมจ้องมองไปที่ดวงตาที่เคยสดใสร่าเริงของเธอ ก็เห็นได้ชัดว่า
ขอบตาเธอแดงๆ เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา ดวงตาที่เคยสดใสก็ดูลอยๆ

"เป็นอะไรที่รัก..." ผมพูดพร้อมดึงร่างเธอมากอด จูบเบาๆที่เรือนผมซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอาหาร ลุบหลังน้องนิดแผ่วๆ

"เปล่าค่ะ...."

น้องนิดตอบสั้นๆ แล้วเบือนหน้าหลบสายตาผม ในขณะนั้นผมคิดว่าเธอคงเสียใจร้องไห้ที่ญาติๆของเธอไม่มีใครมาร่วมแสดง
ความยินดีในงานแต่งของเธอเลยสักคน จึงไม่อยากซักถามให้เธอเสทือนใจมากไปกว่านี้ ผมถามถึงเพื่อนๆของผมว่ายังอยู่กัน
มั๊ย เพราะจำได้ว่ามีหลายคนมันบอกจะนอนค้างที่นี่ ถ้ามันขับรถกลับไม่ไหว น้องนิดก็ส่ายหน้าตอบว่ากลับกันไปสักครู่ใหญ่
แล้ว พร้อมกับเร่งให้ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อลงมาทานอาหารเช้ากัน

ผมเดินจากไปพร้อมฮัมเพลงด้วยความสุข ไม่นึกฝันเหมือนกันว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมได้ครอบครองตัวน้องนิดอย่างถูกต้อง เปิด
เผย ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ไม่นานนักก็ลงทานอาหารกับน้องนิด จากนั้นเราก็พักผ่อนกันต่อจนบ่าย ผมเสนอแผนการ
ไปฮันนิมูนให้น้องนิดฟัง แต่ดุเหมือนเธอยังคงเหน็ดเหนื่อยมาจากการเตรียมงานแต่งของเรา เธอจึงไม่ใส่ใจเรื่องที่ผมพูดมาก
นัก ตอบเพียงแต่ว่า
 
"แล้วแต่พี่ค่ะ...อยากไปไหนนิดก็ไปด้วย มีพี่อยู่ใกล้ๆ นิดก็มีความสุขแล้ว" ท้ายเสียงเธอแปร่งๆไปจนผมรู้สึกถึงความเหงาความ
กังวลที่ซ่อนอยู่

ผมคาดการว่าเหตุที่น้องนิดมีความกังวลคงเป็นเรื่องของอนาคต ด้วยวัยของเราสองคนที่แตกต่างกันมาก เมื่อก่อนที่ยังลักลอบ
รักกันก็คงไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่พอมาเป็นครอบครัวกันแล้วก็ต้องคิดถึงเรื่องอนาคตบ้างละ ผมก็เคยคิดบ่อยๆว่า อีก10ปีข้าง
หน้า ผมอายุ60กว่าเรียกว่าเข้าวัยชราเนื้อหนังคงเริ่มเหี่ยวหย่อนยาน ส่วนน้องนิดเพิ่ง30ต้นๆ ยังสาวยังสวยสะพรั่งเนื้อหนังยัง
เต่งตึง ถึงตอนนั้นผมกับน้องนิดจะรุ้สึกกันอย่างไร

ผมยังให้ความสุขทางด้านเซ็กส์กับน้องเขาได้แค่ไหน แล้วต่อไปถ้าอีก10ปีล่ะชายชราวัย70กว่า คงไร้น้ำยาเสียแล้วเป็นแน่ หรือ
ผมอาจตายก่อน แล้วน้องนิดจะอยุ่อย่างไร นี่แหละคือความคิดที่เคยแว๊บเข้ามาในหัวของผมบ่อยๆ ทำใจเศร้าหมองได้เหมือนกัน
ผมคิดว่าที่เช้านี้ที่น้องนิดดูเศร้าๆ กังวล คงเป็นเหตุผลเดียวกับที่ผมเคยคิด แต่เมื่อวันนั้นมันยังมาไม่ถึง ผมก็สลัดความคิดนั้น
ออกไปจากหัว ขอเพียงวันนี้ผมมีภรรยาสุดสวยเคียงข้าง ผมจะตักตวงพร้อมมอบความสุขให้กับเธอเต็มที่ เท่าที่จะสามารถทำให้
สาวอันเป็นที่รักของผมได้รับ

เราไปฮันนี่มูนกันที่เชียงใหม่เป็นรีสอร์ตที่ผมออกแบบตกแต่งเองกับมือทุกส่วน ทั้งบ้านพัก ทั้งแลนด์สเขป ทั้งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น
ช่วงฮันนิมูนที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และกามารมณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมกับน้องนิดก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่เรือนหอ
 คอนโดของผมขึ้นป้ายบอกขาย ส่วนของน้องนิดก็ปล่อยให้คนเช่า ผมไม่อยากให้น้องนิดเหน็ดเหนื่อยมากนักจากงานบ้าน จึง
ให้ช่างสมหาแม่บ้านที่ไว้ใจได้มาอยู่เป็นเพื่อน ช่วยงานบ้านน้องนิดอีกคน ช่างสมเลยพาหลานสาวที่มีอายุ40กว่าๆ มาทำงานเป็น
แม่บ้านให้กับผมแบบทำงานจันทร์ถึงศุกร์ พักที่บ้านผม ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผมอยากอยู่กันเพียงสองคนตามประสาผัวเมีย
จึงให้แม่บ้านหลานช่างสมออกไปอยู่ข้างนอก ซึ่งก็คงพักกับครอบครัวของช่างสมนั่นแหละครับ

แม้น้องนิดจะเคยบอกกับผมเสมอๆว่าไม่อยากให้ผมทำงานหนัก เงินทองทรัพย์สินที่มีอยู่ในขณะนี้ก็สามารถทำให้ชีวิตของเรา
สองคนมีความสุขไปได้ชั่วชีวิตแล้ว แต่ยิ่งผมได้ยินเช่นนั้น ผมกลับยิ่งมุมานะทำงานหนักขึ้น ผมห่วงอนาคตไม่ใช่เฉพาะตัวของ
ผมกับน้องนิดเท่านั้น ผมยังมีอนาคตลูกหลานของลูกน้องผมเกือบร้อยชีวิตฝากอยู่ ซึ่งในความเป็นจริง แม้ผมจะเลิกทำงาน พวก
ลูกน้องผมก็คงไม่อดตาย ต่างก็คงหางานใหม่ทำกันได้ แต่ในเมื่อผมยังพอมีแรงอยู่ผมกลับคิดว่าผมน่าจะสร้างอนาคตของพวก
เค้าได้ดีกว่านายจ้างคนอื่นๆแน่

เวลาผ่านไปปีกว่าๆ บริษัทก่อสร้างและออกแบบของผมเริ่มเป็นที่รู้จักดีในวงการอสังหาริมทรัพย์ ผมจึงเริ่มขยายงานจากการหา
กินในเขตุกรุงเทพและจังหวัดปริมณฑล ไปไกลขึ้น ภาคเหนือทั้งเชียงใหม่ แพร่ ลำปาง ต่างก็มีงานการก่อสร้างและออกแบบจากบริษัทของผม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มจากขอนแก่น อุดร เลย หนองคาย ภาคกลางทั้งโคราช สุพรรณบุรี กาญจนบุรี
อยุธยา ภาคใต้ทั้งหาดใหญ่สงขลา ทั้งภูเก็ต กระบี่ พังงา

ผมล้วนเคยลงไปทำงานมาแล้วทั้งสิ้น เงินทองทรัพย์สมบัติของผมเริ่มงอกเงยขึ้นมาตามลำดับ จนเข้าขั้นเศรษฐีหลักร้อยล้าน
แต่ผมก็แลกมันด้วยสุขภาพของตัวเองที่เริ่มอ่อนแอ โดยเฉพาะสมรรถนะทางเพศของผม พอแต่งงานได้สองปี ผมกับน้องนิด
ก้แทบจะไม่สามารถสนองตอบทางเพศกันได้ อวัยวะเพศของผมแข็งตัวลำบาก บางครั้งพอแข็งได้ใช้งานก็กลับอ่อนยวบจนทำ
ให้น้องนิดค้างคาแทบทุกหน แต่ภรรยาของผมเธอก็อดทนดี เธอไม่เคยบ่นหรือทำท่าเสียใจให้ผมเห็นแม้สักครั้งเดียว แต่
ผมก็รุ้จากดวงตาที่เคยชุ่มฉ่ำสดใสนั้น บัดนี้มันกลับแห้งผาก ไร้แววขี้เล่นซุกซนเหมือนก่อนทั้งๆที่เวลามันผ่านมายังไม่ถึง3ปี
ด้วยซ้ำ

หลังจากการแต่งงานกันได้เกือบปี บ้านเช่าข้างๆบ้านผมก็ถูกรื้อทิ้งพร้อมสร้างใหม่ เพื่อนบ้านที่มาอยู่ใหม่นั้นเป็นชายหนุ่มวัย
สามสิบต้นๆหรืออาจะไม่ถึงด้วยซ้ำ เพราะผมไม่เคยสอบถาม การเป็นเพื่อนบ้านติดกันย่อมต้องมีการทำความรุ้จักกันในฐานะ
เพื่อนบ้าน ผมกับหนุ่มคนนั้นที่ชื่อเอกรัฐ ก็ดูสนิทกันด้วยชอบอัธยาศัย ทัศนคติต่อชีวิตต่อโลก นายเอกมาเยี่ยมเยือนผมประจำ
เมื่อเห้นผมอยู่บ้าน ซึ่งชีวิตส่วนใหญ่ในแต่ละเดือนผมจะอยุ่บ้านไม่ถึง5วัน นอกนั้นใช้ชีวิตอยู่ตามต่างจังหวัดตลอด พอคุยกัน
ถูกคอถูกอัธยาศัยกันนานขึ้น ผมก็เริ่มกล้าที่จะพูดถึงความไร้สมรรถภาพของตนเองให้นายเอกฟังเป็นการปรับทุกข์ แล้วก็เลย
มาจนถึงเหตุการณ์ที่ให้นายเอกมาเป็นผู้ช่วยให้ความสุขกับน้องนิดโดยที่วางแผนการกันไว้เป็นอย่างดี

ในจุดประสงค์ของที่ทำไปในครั้งนี้ หวังเพียงอยากให้น้องนิดได้รับความสุขจากการมีเพศสัมพัธ์ เพราะผมรุ้ว่าเธอห่างเหินมัน
มานานนับปี [backcolor=#FF99CC]ผมมีความสุขเมื่อเห็นภรรยาได้รับความสุข ผมหาได้มีความสุขเมื่อเห็นภรรยาโดนชายอื่นร่วมรัก [/backcolor]นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของผม ในครั้งแรกที่ริมสระน้ำ ผมเห็น ผมได้ยินชัดเจนเต็มสองหูว่าภรรยามีความสุข
แค่ไหนเพียงใด และรุ้ว่าเธอทำไปแบบนั้น ได้รับความสุขแบบนั้น เป้นเพราะฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดก็ตามที

ผมยินดีที่เห็นว่าน้องนิดมีความสุขสมจากการร่วมรัก แต่ในครั้งสุดท้ายที่บ้านนายเอกนั้น ผมเห็นน้องนิดทำไปด้วยความรู้สึก
โกรธ เคียดแค้น ชิงชังที่ส่งผ่านมาทางสายตาอย่างชัดเจน แม้ร่างกายเธอจะตอบสนองกับความสุข แต่ใจเธอนั้นผมรู้เลยว่า
เธอรุ้สึกเช่นใด ผมจึงได้รุ้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปในครั้ง มันคือความผิดพลาดของผม ในความคิดอันแสนตื้นเขินของตัวเองจน
ลืมคำสัญญาที่เคยบอกกับน้องนิดว่าอย่างไร และน้องนิดเคยบอกกับผมไว้อย่างไร ตอนนี้ผมจำได้มั่น แต่ไม่รุ้ว่ามันจะสายเกิน
ไปหรือเปล่า

ผมจึงร้องไห้ออกมากับความผิดพลาดในครั้งนี้ พร้อมรอให้เธอกลับมาเพื่อคุยปรับความเข้าใจกันให้รู้เรื่อง แต่เธอกลับไม่มา
นอนที่บ้านผมทั้งคืน และเมื่อผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้ากลับไม่เห็นทั้งน้องนิดและนายเอก ทั้งที่บ้านของผม และบ้านของนาย
นั่น ผมนั่งรอน้องนิดด้วยความกระวนกระวาย รอเธอกลับมาจวบจนกระทั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น...

พอผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก็รีบรับสาย ดูเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่คุ้นตาเลย แต่พอได้ยินเสียงจากปลายสายนั้น ผมก็ดีใจ
ยิ้มออก เพราะเป็นเสียงของน้องนิด แต่ข้อความที่น้องนิดพูดมานั้น ถึงกับทำให้กำโทรศัพท์ค้าง อึ้งไปนานจนปลายทางวาง
สายแล้ว ผมยังไม่รู้สึกตัว ใช่ครับ น้องนิดโทรมาขอเลิกกับผม เธอพูดสั้นๆแต่เสียงของเธอสั่นเครือฟังพอรู้ว่าพุดไปร้องไห้ไป

ผมรีบเช็คเบอร์ที่น้องนิดโทรมา เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน ไม่ใช่จากมือถือ ผมใช้เวลาไม่นานนักก็รู้ว่าเป็นเบอร์ของคอนโดริมน้ำ
ของน้องนิดนั่นเอง แสดงว่าเธอไปอยุ่ที่นั่น ผมรีบผลุนผันขับรถออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งเนื้อแต่งตัวเลย ช่วงหลังจากที่เรา
แต่งงานกันแล้ว ผมเคยไปคอนโดน้องนิดสามสี่ครั้งเมื่อมีผู้ติดต่อเข้ามาขอเช่าห้อง จึงรู้ว่าห้องอขงน้องนิดที่เธอเคยพักอยู่นั้น
อยุ่ห้องเลขที่ใด ชั้นไหน ผมรีบร้อนขับรถค่อนข้างเร็ว แต่ดูเหมือนมันกลับช้ากว่าใจของผมที่โบยบินไปถึงคอนโดน้องนิดแล้ว

ระหว่างที่เดินไปตามทางหลังจากออกจากลิฟท์ที่ชั้น16ก่อนที่จะถึงหน้าห้อง1615 ผมถามตัวเองว่า ถ้าเปิดห้องเข้าไปแล้วเจอ
น้องนิดอยู่กับนายเอกภายในห้อง ผมจะทำอย่างไร ผมจะโมโหอาระวาดหรือใจเย็นพูดคุยกันให้รู้เรื่อง แล้วก้สรุปกับใจตัวเอง
ก่อนจะยกมือเคาะประตุห้องนั้น ว่าผมควรใจเย็นพูดจากับน้องนิดและนายเอกนั่นให้เข้าใจกัน

ผมเคาะประตูก๊อกๆๆๆอยุ่สามสี่ครั้ง ก็เห็นว่าช่องตาแมวมีสายตาของคนในห้องแนบส่องดูผู้มาเยือน สักครู่ประตูก็ค่อยๆเปิดออก
ใจผมเต้นโครมครามแม้จะทำใจไว้แล้วว่าถ้าเจอนายเอกในนั้น ผมจะต้องทำใจให้เย็นไว้ เพื่อพูดคุยเจรจากันให้เข้าใจ แต่ใน
ห้องนั้นว่างเปล่า มีเพียงน้องนิดตามลำพัง