ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ฟัก อยู่แม้น

แค้นวิปริต จิตสั่งกาม (โทรจิตคุง) ตอนที่ 17

เริ่มโดย ฟัก อยู่แม้น, พฤศจิกายน 01, 2015, 11:27:17 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟัก อยู่แม้น

[backcolor=white]
[/backcolor]


[backcolor=white]
[/backcolor]

[backcolor=white]
[/backcolor]

[backcolor=white]
[/backcolor]

[backcolor=white]
[/backcolor]

[backcolor=white]ตอนที่[/backcolor]17 เกมของณัฐ
.
.
.
"เอ้า กินไปเยอะ ๆ"


หลังโรงเรียนมีมุมหนึ่งที่เต๋อจะต้องหมั่นแวะเวียนเยี่ยมเพื่อนตัวน้อยเป็นกิจวัตรมันคือลูกสุนัขพันธุ์ทางขนสีน้ำตาลที่บังเอิญหลงเข้ามาในโรงเรียนไม่มีใครสนใจว่ามันจะกินนอนมีความเป็นอยู่อย่างไรเท่าไหร่นักแต่นับว่ายังดีที่มีคนแบ่งอาหารให้ไม่ขาดช่วงไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าในโรงอาหารหรือนักเรียนหญิงที่ชอบแบ่งเศษขนมให้เป็นทาน จะสงเคราะห์ด้วยความเมตตาก็ดีหรือเพลิดเพลินกับการโยนอาหารให้มันงับกินก็ดีก็ทำให้เจ้าตัวน้อยมีชีวิตรอดมาได้แม้อยู่ในวัยกระเตาะกระแตะ


"แกอยู่ตัวเดียวไม่เหงาบ้างเหรอ" เต๋อคุยไปด้วยพลางลูบหัวลูกหมาที่กำลังเคี้ยวเนื้อไก่ย่าง


"อ้าว ไอ้เต๋อ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ เล่นกับหมาเหรอ" ไม้ในชุดบาสเกตบอลโผล่มาขัดจังหวะพอดี "ไปเล่นบาสกับกูสิเดี๋ยวจะสอนต่อจากเมื่อวาน วันนี้ซ้อมเลย์อัพนะ"


"เอาสิ. . . งั้นฉันไปก่อนนะไอ้หมาน้อย" เต๋อลุกถอดเสื้อนักเรียนเหลือเพียงเสื้อยืดด้านในให้ทะมัดทะแมงเหมาะกับเล่นกีฬา

สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เต๋อระบายความเครียดได้อยู่บ้างก็คือกีฬาบาสเก็ตบอลไม้สอนเทคนิคบาสให้เต๋อติดตัวไว้เขาเน้นย้ำอยู่เสมอว่าเต๋อควรจะมีทักษะกีฬาติดตัวไว้บ้างเพื่อไม่ให้ดูอ่อนแอและเข้าสังคมได้แม้สังคมที่นี่อาจบรมห่วยสำหรับเต๋อแต่เมื่อวันใดที่เต๋อย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่นแล้ว ความสามารถนี้จะเป็นทุนให้เขามีทักษะสังคมที่ดีหาเพื่อนใหม่และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ง่าย เต๋อเอาจริงเอาจังกับการซ้อมนี้มากส่วนหนึ่งเป็นเพราะเชื่อในคำพูดของไม้แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือเขารู้สึกสบายใจและอบอุ่นที่เมื่อยามได้อยู่ใกล้ไม้

จะอย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นานนักหลังจากไม้ขึ้นรับตำแหน่งจตุรเทพโพดำประจำรุ่น 40 ด้วยเหตุผลว่าเป็นมีความสุขุมและเปี่ยมบารมีเชื่อถือได้ สามารถปกครองนักเรียนหมู่มากได้ดีที่สุดจากนั้นเขาก็ต้องผันตัวไปเป็นผู้ดำเนินกิจต่าง ๆ ทั้งงานหลวงงานราษฎร์ตั้งแต่งานภายในเช่นจัดกีฬาสีหรือกิจกรรมออกร้าน ไปจนถึงงานภายนอกเช่นเป็นตัวตั้งตัวตีรวมกลุ่มตระเวนราตรี ค้างคืนตามที่ต่าง ๆอาจดูเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับคนที่โตแล้ว แต่สำหรับเด็กวัยมอสามการแหกกฎโรงเรียนและกฎที่บ้านนั้นล้วนเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าบ้าบิ่นนอกจากนี้ยังมีการวางแผนกลั่นแกล้งครูที่นักเรียนลงความเห็นว่าเหม็นขี้หน้าจนไม่สามารถอยู่ในโรงเรียนต่อไปได้ไปจนถึงไกล่เกลี่ยตัดสินข้อพิพาทกรณีชกต่อยกันระหว่างโรงเรียน


เมื่อมีเรื่องที่ต้องทำเพิ่มขึ้นมากมายขนาดนี้เวลาที่มีให้เต๋อจึงหรอยหรอลง นอกจากภูมิที่บ้าคลั่งกับส่งผลงานประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ประหลาดๆ แล้ว เต๋อก็มีเพียงลูกหมานิรนามเท่านั้นที่คอยอยู่เป็นเพื่อนหลังเลิกเรียน


เมื่อตกเย็นเต๋อจะนั่งมองแป้นบาสอย่างเหม่อลอยเฝ้าคอยว่าไม้จะมาหาเมื่อไหร่ แม้บางครั้งจะหัดชู้ตบาสเองคนเดียวแต่ก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเก่าก่อน


บางครั้งพิษเหงากัดกร่อนลึกในใจจนน้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ คนเดียวลูกหมาสีน้ำตาลได้แต่ครางงี๊ด ๆ กระดิกหางปลอบใจ แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ตาม
เมื่อความคับคั่งใจสั่งสมจนยากจะเก็บซ่อนไว้ในที่สุดวันหนึ่งก็ต้องเปิดเผย
เต๋อดักรอพบไม้ในห้องน้ำ. . . เขาเปิดฉากตัดพ้อ


"ไม้ ช่วงนี้ยุ่งมากเลยเหรอ ไหนเคยสัญญาว่าจะมาซ้อมเพิ่มให้ไง"


". . . ."


"ดีใจด้วยนะ เป็นโพดำแล้ว เหมือนเป็นฮีโร่ประจำรุ่นเลย"


"ขอบใจ. . ." ไม้แก้เก้อด้วยการทำเป็นส่องกระจก


"ไม้ไม่มีอะไรจะพูดกับผมเลยเหรอ"


เสียงตอบรับคือความเงียบ


"ผมทำอะไรให้ไม้ไม่สบายใจ. . ." แล้วไม้ก็แทรกขึ้นมาทันที"เมื่อไหร่มึงจะเลิกเซ้าซี้คนอื่นวะ!"
.
.
เต๋อหลบตา
.
.
"กูไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้อย่างนี้นะเว้ย!ไม่มีเพื่อนเล่นมึงก็ไปหาเล่นที่อื่น ไม่ก็ไปหาอย่างอื่นทำดิ!"
.
.
"ถามจริง! ขาดกูแล้วลงแดงรึไง? นี่ถ้ากูตายมึงจะฆ่าตัวตายตามไหมเนี่ยทำไมมึงเป็นแบบนี้วะ"
.
.
เนื้อตัวของเต๋อชาและสั่นเทาความรู้สึกเย็นเฉียบไหลเวียนไปมาในร่างจนหายใจไม่ทั่วท้อง


"เพราะเราชอบไม้"
.
.
.
.

"โว้ยยยยยยยยยยยย! บอกรักกันแล้วโว้ย!" กลุ่มเพื่อนผู้ชายที่แอบฟังอยู่ข้างห้องน้ำเผยตัวออกมาด้วยเสียงอันดัง

"กูชนะ เอามาเลยร้อยนึง บอกแล้วว่าไอ้เต๋อแม่งจิต ตุ๊ดแหง ๆ"แจ็คแบมือทวงเงินจากเพื่อนที่แพ้พนัน


"ไอ้แจ็ค มึงน่ะเสือกเสียงดังขึ้นมาก่อนยังไม่ทันรู้เลยว่าตกลงไอ้ไม้ตอบรับมันมั้ย" เพื่อนอีกคนแย้งท่ามกลางเสียงผิวปากโห่ร้องลิงทะโมน


"นี่พวกมึงเล่นไรกันวะ" ไม้เขม็งใส่ให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องตลก


"ก็กูเห็นมึงสองคนแอบมานัดทำไรกันในห้องน้ำ พากันมาโม้คควยเปล่าวะ"เพื่อนคนหนึ่งตอบ


"เขาจู๋จี๋ซ้อมบาสด้วยกันนานแล้วโว้ย ตกข่าวแล้วพวกมึง"


"จตุรเทพเกย์คนแรกถือกำเนิดขึ้นแล้ว"


"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ"
.
.
.
.
"ปัญญาอ่อน!" ไม้เตะอัดเข้ากลางท้องเต๋อ "โอ๊ย!" บอกไม่ได้ว่าคำสบถของไม้หรือเสียงร้องจากเต๋อกันแน่ที่ทุกให้พวกผู้ชายสะดุ้งเงียบ


"อย่างกูเนี่ยนะจะชอบมัน! ไอ้หนอนพยาธิอ่อนแอ!เก่งจริงมึงลุกขึ้นมาต่อยกูคืนเลย!" ไม้ระดมตีนใส่เต๋อเต็มเหนี่ยวขณะที่อีกฝ่ายทำได้เพียงห่อตัวป้องปิดใบหน้าและจุดสำคัญ


"ถ้าโลกนี้มันโหดร้ายจนใช้ชีวิตลำบากนักละก็! มึงไปตายซะไป๊!"


แจ็คมองเต๋อที่ดิ้นพราดไปมาอย่างหวาดหวั่นระคนสังเวชนี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูก็คงได้ ว่าไม้ไม่ใช่คนที่จะหลู่เกียรติกันได้ง่าย ๆ


"พวกมึงก็เหมือนกัน! อย่าล้อเล่นกับกูอย่างนี้อีก! กูเอาจริง!นอกจากไอ้แทนแล้วทั้งห้องใครจะต่อยชนะกูได้!" ไม้ตาขวาง "หรือมึงจะเอา?" เขาจ้องไปทางแจ็ค


"เห้ย แหย่เล่นนิดเดียวน่า เพื่อนกันทั้งนั้น" แจ็คเข้าไปตบไหล่ปลอบให้ไม้ใจเย็น "เดี๋ยวเอาตังค์ที่ได้เลี้ยงเบียร์ขวดนึงหายกันเนอะ?"


"สัตว์!" ไม้ปัดมือแจ็คออกแล้วเดินออกจากห้องน้ำก่อนพ้นประตูเขาทิ้งข้อความกับเต๋อที่แน่นิ่งไม่ปริปากใด ๆ


"อย่ามายุ่งกับกูอีก กูเกลียดคนอ่อนแอ"
.
.
หลังจากนั้นเต๋อก็หัดบาสคนเดียวมาตลอดมีคนให้กำลังใจบ้างก็เพียงลูกหมานิรนามที่เฝ้าอยู่เป็นเพื่อนและทิพย์ที่แวะมาส่งน้ำให้เป็นครั้งคราว
.
.
"ฉันขอแม่ได้แล้วนะ ถ้าจบจากที่นี่เมื่อไหร่ฉันจะย้ายบ้านย้ายโรงเรียน แล้วจะเอาแกไปอยู่ด้วย" เต๋ออุ้มลูกหมาขึ้นมาเล่น"ถึงตอนนั้นจะตั้งชื่อให้นะ. . .รอก่อนล่ะ"
.
.
.
วันคืนอันโหดนรกผ่านไปวันแล้ววันเล่าเต๋อตั้งตารอคอยเวลาที่จะได้เริ่มชีวิตใหม่ อาจกล่าวได้ว่า ยังมีลมหายใจอยู่เพื่อให้วันนั้นมาถึงแค่นั้นจริงอยู่อาจเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของทิพย์ที่ดันทุรังให้ลูกชายได้เข้าศึกษาในโรงเรียนที่พรั่งพร้อมเกินฐานะจนกระทั่งประสบปัญหาภาษีสังคมและการกลั่นแกล้งต่าง ๆ แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอแม้แต่ละวันคืนของลูกชายจะผ่านพ้นไปอย่างทุลักทุเลการเรียนการสอนที่ทันสมัยของโรงเรียนนี้หล่อหลอมให้เต๋อฉลาดอ่านออกเขียนคล่องเกินกว่าเด็กข้างบ้านที่มีฐานะใกล้เคียงกันเขาเริ่มทำความเข้าใจกับคำอธิบายที่ซับซ้อนเป็นนามธรรมได้หนังสือในห้องสมุดที่เขาเลือกหยิบขึ้นมาอ่านเป็นพิเศษมักเป็นหนังสือที่เพื่อนวัยเดียวกันไม่ค่อยสนใจจำพวกจิตวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ และปรัชญาต่าง ๆนอกจากนี้แล้วก็ยังหัดเล่นบาสด้วยตัวเองต่อไปด้วยความเชื่อว่าจะทำให้เขาได้ระบายความเครียดที่สั่งสมอยู่ในใจผ่านกีฬาซึ่งก็ช่วยได้พอสมควร กลับบ้านกินอิ่มนอนหลับ
จนกระทั่งวันหนึ่ง


ในเวลาพลบค่ำวันศุกร์ หลังจากที่เต๋อซักซ้อมบาสเสร็จเขาได้ยินเสียงร้องหนึ่งซึ่งคุ้นเคยดี


"เอ๋งงงงงงงงงงงง"


ลูกหมา? เกิดอะไรขึ้น!?


.
.
เด็กหนุ่มเร่งรุดไปหาต้นเสียงซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลลูกหมานิรนามตกตะเกียกตะกายกลางบ่อน้ำลึกหลังโรงเรียนน่าแปลกที่ปกติลูกหมาตัวนี้จะไม่มาวิ่งเล่นบริเวณนี้เพราะมีแมวอ้วนเจ้าถิ่นห่วงเขตแดนยิ่งชีพไม่ยอมให้สัตว์ตัวเล็กกว่ามันเข้ามาเดินยุ่มย่ามจะอย่างไรก็ตามนี่คงไม่ใช่เวลามาขบคิดหาสาเหตุ


"เอ๋งงงงงงงงงงงงงงงง" เจ้าลูกหมาร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงดังกังวาลแต่ช่วงเวลานี้แทบไม่เหลือใครอยู่ในโรงเรียนแล้วนอกจากยามหรือเจ้าหน้าที่บางคนซึ่งก็กระจายไปตามตำแหน่งต่าง ๆในโรงเรียนกว้างใหญ่เช่นนี้ต่อให้วิ่งตามหาก็ต้องใช้เวลา
เขาตัดสินใจวิ่งขึ้นสระว่ายน้ำเผื่อจะมีคนที่ว่ายน้ำอยู่และขอให้ช่วยได้ เพราะเต๋อว่ายน้ำไม่เป็น


โชคร้ายที่ไม่มีใครอยู่เลย แต่ภาวะคับขันเช่นนี้แสงเทียนย่อมเห็นเด่นชัดท่ามกลางความมืดสายตาเขาบังเอิญเหลือบเห็นห่วงยางชูชีพสำหรับที่มีคนใช้แล้วลืมเก็บพอดีถ้าเป็นอย่างนี้ก็อาจแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้
.
.
แต่. . .
.
.
"เผี๊ยะ!" มือที่กำลังจะเอื้อมหยิบอุปกรณ์ช่วยชีวิตถูกตีด้วยด้ามไม้ยาว


"จะเอาไปทำอะไร นี่ไม่ใช่ของชมรม" ไม้ดึงห่วงกลับมาไว้ในมือตนที่ว่าไม่ใช่ของชมรม ก็คือเป็นของส่วนตัวที่เขาใช้สอนเด็กว่ายน้ำ


"ของไม้เหรอ! ยืมหน่อย ลูกหมาตกบ่อน้ำ!"


"ทำไมมึงไม่ว่ายไปช่วยเองละ"


"เราว่ายน้ำไม่เป็น ขอยืมเถอะ หรือไม่ก็ไม้ลงไปช่วยก็ได้ ขอร้องละ!"


"มึงนี่มีปัญหาทุกอย่างกับชีวิตเหลือเกินนะหัดเอาตัวรอดโดยไม่ต้องรบกวนคนอื่นได้ไหม"


ยิ่งต่อล้อต่อเถียงนานเท่าไหร่ก็ดูจะไม่เป็นการดีสำหรับชีวิตที่รอความช่วยเหลือ"จะด่าจะชกเรายังไงก็ได้ ไปช่วยหมาก่อน ได้โปรดเถอะ!"เต๋อร้องไห้และพนมมือกราบไม้โดยอัตโนมัติ ชีวิตของเพื่อนตัวน้อยมีค่ากว่าการยึดติดศักดิ์ศรีนี้แต่ผิดคาด ไม้เป็นคนไม่ชอบเห็นอากัปกิริยาเรียกร้องความเห็นใจในวิธีทำนองนี้โดยเฉพาะหากผู้ชายเป็นคนทำให้ดูต่อหน้า


"ยังไม่เลิกทำตัวอ่อนแอให้คนเขาสมเพชอีกนะที่กูสอนมึงให้หัดกีฬาเนี่ยไม่ทำให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้างเรอะ"


"ฮืออออ อย่าเพิ่งพูดเลย ช่วยหมาเราด้วย"


ไม้ก้มมองเต๋อที่หมอบแทบเท้าอย่างครุ่นคิด


"เอาสิ"
.
.
เขาปล่อยลมห่วงยางออกแล้วโยนทิ้งไว้ให้เต๋ออยากจะร้องลั่นแต่ก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นห่วงค่อย ๆ ฟีบลงจนแบนราบและก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเป่าคืนกลับสภาพเดิมได้ด้วยกำลังตนเองในเวลาอันสั้น


"คนอย่างมึงนี่มันเกิดมาเพื่อสร้างปัญหาจริง ๆ ว่ะหัดแก้เองซะบ้างนะ"

.
.
.
เมื่อเต๋อกลับไปจุดเดิมอีกครั้ง ไม่มีวี่แววของลูกหมาอีกแล้ว
.
.
เขาได้แต่หวังว่าคงจะมีใครสักคนผ่านมาเห็นและช่วยมันไว้ได้ทันท่วงที
.
.
.
.
.
คำตอบถูกเฉลยขึ้นในเช้าวันจันทร์
.
.
.
.
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!" ครูและนักเรียนมองเต๋อที่ตะโกนลั่นจนทุกคนต้องหันเป็นสายตาเดียว


ซากลูกหมาลอยอืดบวมเป่งชิดมุมบ่อน้ำมุมหนึ่งเสียงหวี่แมลงวันที่บินตอมร่างยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังหดหู่
.
.
"ปล่อยผม!!"


อารมณ์ขาดสติสั่งให้เต๋อตั้งท่าลุยลงบ่อทั้งที่ตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นครูวิไลและครูผู้ใหญ่อีกท่านช่วยกันรั้งตัวเต๋อไม่ให้ลงไปเก็บซากลูกหมาที่จริงหากเต๋อไม่พบก็ยังไม่มีใครสังเกตเพราะเป็นมุมอับสายตา


"ปล่อยผม ฮืออออออ!"


"ตั้งสติหน่อย! มันตายแล้ว เธอช่วยอะไรมันไม่ได้แล้ว! เดี๋ยวครูให้ภารโรงช้อนขึ้นมาให้"ครูวิไลกล่าว
.
.
ไม้ผ่านมาอยู่ในเหตุการณ์พอดีเนื่องจากสงสัยว่ามีคนมุงดูอะไรบางอย่างเนืองแน่น
.
.
ทันทีที่ทั้งสองพบเจอ เต๋อกัดฟันกรอดทั้งน้ำตาใช้นิ้วชี้ให้ไม้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เขาจงใจให้เกิดขึ้น
.
.
ดูเหมือนว่าไม้ก็เข้าใจดีว่าเต๋อรู้สึกอย่างไรกับเขาแต่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับไม้


"โธ่เอ้ย นึกว่าไร แค่หมาตัวเดียวทำเป็นเจ้าน้ำตา. . ."
.
.
". . .คนอ่อนแอ"
.
.

ความรักครั้งแรกและสัตว์เลี้ยงตัวแรกปิดฉากลงพร้อมกัน
จริงอย่างที่ไม้พูดบางทีผมอาจจะเป็นคนอ่อนแอ

แต่คงไม่ใช่เพราะอารมณ์อ่อนไหวเปราะบาง ผมกระด้างขึ้นพอ ๆกับไม้น่ะแหละ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ


ความอ่อนแอที่ว่าหมายถึงตัวผมไม่สามารถละวางจากความพยาบาทได้ต่างหาก


และผมจะเดินหน้าต่อไป. . . จนกว่าจะล่าพวกมันครบทุกคน
.
.
.
"ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!"


" ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ!"


"ฉ่าง ฉ่าง ฉ่าง ฉ่าง !"
.
.
หืมห์. . . นี่มันเสียงบ้าที่ไหนอีกกระหึ่มจนหัวใจจะหลุดออกมาให้ได้ ผมอุตส่าห์อาฆาตคนในความฝันอยู่เพลิน ๆปาไปตีหนึ่งแล้วใครยังจะเฉลิมฉลองเฮลั่นจนผมต้องตื่นขึ้นมา
.
.
เสียงลำโพงชั้นดีกับมารยาทสังคมชั้นเลวแบบนี้ คงเป็นอื่นใดไม่ได้นอกจาก"หลังเดิม"
.
.
.
ผมเดินออกไปหน้าบ้านทั้งเสื้อกล้ามขาสั้นไปดูซิว่าเกินอะไรขึ้นกันแน่
.
.
เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทันทีแม่บ้านบัวยืนหน้าบอกบุญไม่รับในสภาพง่วงเหงาหาวนอน


"คุณเตอร์ก็นอนไม่หลับหรือคะ" เป็นคำถามที่ฟังดูแปลกๆ ถ้าหลับลึกแล้วจะมาสถิตอยู่ต่อหน้าเธอได้อย่างไรเอาเถอะมันก็คงเป็นการทักทายที่ไม่หวังคำตอบตามรูปคำถาม
.

"ปาร์ตี้กันอีกแล้วเหรอครับ"

"ใช่ค่ะ เลี้ยงสละโสด วันมะรืนจะแต่งกันแล้ว" เธอตอบพร้อมป้องปากหาว


บ้านถัดจากผมไปสองหลังเป็นของลูกชายผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง เขาอายุราวสามสิบแยกตัวจากครอบครัวใหญ่ออกมาทำธุรกิจของตัวเองตระกูลนี้จัดว่าร่ำรวยอยู่ทีเดียวเชียวแต่ความเกรงใจอันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติผู้ดีคงใช้เงินซื้อกันไม่ได้จริง ๆทุกครั้งที่เขาพาแฟนสาว ชู้บ้านเล็กบ้านน้อยหรือเพื่อนฝูงมาจัดปาร์ตี้ริมสระหน้าบ้านก็จะเปิดเครื่องเสียงสนั่นลั่นซอยราวกับไซเรนเตือนให้หลบเครื่องบินทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกจะเข้าพิธีวิวาห์กันอยู่รอมร่อ แทนที่จะหากิจกรรมที่เป็นมงคลต่อชีวิตคู่กลับสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้านไม่สร่างซา


ผมใช้โทรจิตตรวจสอบรอบบริเวณ พบว่ามีอีกหลายชีวิตที่ยังนอนไม่หลับอาจเพราะไม่อยากมีเรื่องกับบ้านหลังนั้น หรือไม่ก็คิดว่าปล่อยไว้เดี๋ยวก็จบ ๆไปเอง.
.
.
จากการพูดคุยกันจึงทราบว่าคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายของแม่บ้านบัวยังคงไม่กลับจากธุระต่างประเทศซึ่งผมคิดว่านานขนาดนี้อาจจะเสียชีวิตทั้งคู่ไปแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตามทำให้แม่บ้านบัวต้องรับภาระดูแลลูกชายของสามีภรรยาคู่นั้นซึ่งเด็กต้องไปโรงเรียนแต่เช้าแล้วต้องมาเผชิญกับมลภาวะทางเสียงกลางดึกขนาดนี้ย่อมไม่เป็นการดีแน่นอน
.
.
ผมตัดสินใจไปขอความร่วมมือให้บ้านนั้นเบาเสียงลดพร้อมกับน้าบัว


แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ามีคนตัดหน้าก่อนแล้ว
.
.
คุณรปภ. นี่เองที่กำลังเจรจากับคนในบ้านหลังนั้นคงจะได้รับโทรศัพท์จากสมาชิกหมู่บ้านทั้งหลายให้ช่วยจัดการให้เรียบร้อยโดยที่ตัวเองขอซุกหัวหลบอยู่ในบ้านโยนภาระให้เป็นหนังหน้าไฟชัด ๆ

.
.
"โธ่พี่ ผมไม่ได้บอกว่าให้เลิก แต่ช่วยเบาเสียงหน่อย บ้านอื่น ๆเค้าบอกผมมา"


"ไหน! มึงพามาเลย ไอ้หน้าไหนสั่งกู! เดี๋ยวแม่งเจอเหนี่ยว! เอิ๊ก!"ชายเจ้าของบ้านสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวออกมายืนเอ็ดทั่วตัวแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ข้างในยังมีคนอีกเจ็ดแปดคนเมาเต้นกันอีรุงตุงนังข้างสระน้ำบ้างก็ลงไปแหวกว่ายแหกปากในสระเป็นที่สนุกสนาน ถ้ามองจากที่ไกล ๆคงนึกว่ากำลังจะจมน้ำตายและตะโกนขอความช่วยเหลือ


"วันเดียวเองทนไม่ได้รึไง! น้ำใจคนไทยไง! รู้จักป่าว!"


"เท่าที่ผมได้ยิน มันไม่ใช่น้อยนะครับ เดือนละสองสามหนได้" ในที่สุด ผมก็เข้าไปมีส่วนร่วม


"อ้าวเฮ้ย! ไอ้หนุ่ม! บ้านที่ขับบีเอ็มสีดำป่ะ เข้ามาดื่มกันก่อน!เอิ๊ก!" ตามประสาคนเมาเขากวาดมือเชิญให้เราเข้าไปภายในเมื่อต้อนวัวต้อนควาย แต่ไม่มีใครตอบรับ


"ขอบคุณครับ ขอรับไว้แต่น้ำใจ" ผมหงายฝ่ามือตั้งปฏิเสธ"หลายคนต้องไปทำงานแต่เช้านะครับ เด็ก ๆ ก็ต้องไปโรงเรียน"


"เฮ้ย เป็นเด็กเป็นเล็ก! มาสั่งสอนผู้ใหญ่ได้ไง!" เขาตวาด


"จะกินจะดื่มไม่ว่าหรอก แต่เบาเสียงลงหน่อยพ่อคู้นเอ็ดตะโรเป็นงานบวชงานโกนตามบ้านนอกไปได้" แม่บ้านบัวเสริม


"พวกมึงไสหัวกลับไปให้หมด! กูรำคาญ เดี๋ยวยิงไส้แตก!!"


"ผมมาเตือนกันเองดี ๆ นะครับคุณ ดีกว่าให้เพื่อนบ้านแจ้งตำรวจนะครับ"รปภกล่าวประโยคดังกล่าวเข้าหูแฟนสาวของเจ้าของบ้านและเธอตรงปรี่เอาเรื่องทันทีเธอยังอายุน้อยแต่งหน้าจัดจ้าน สวยแบบไร้ราศีเหมือนออหรี่คิดว่ารสนิยมทางสังคมคงไม่ห่างจากใบหน้าเท่าไหร่นัก


"อียามนี่มึงระวังตัวไว้!" เธอเอาเหล้าเหลือค่อนแก้วสาดหน้ารปภ"อย่ามาอวดดีอ้างตำรวจ มึงไม่รู้เหรอผัวกูลูกใคร" พูดไม่ทันขาดคำก็แสดงกิริยาต่ำดั่งที่คาดไว้ยามหนุ่มอยู่ในฐานะที่ต้องยอมอ่อนข้อแม้จะเป็นการหมิ่นเกียรติก็ตาม


"คนมีการศึกษาน่าจะพูดกันดี ๆ ได้นะคะ" แม่บ้านบัวกล่าว


"แหม! พูดยังกะพวกมึงมีการศึกษา คนใช้ ยาม อีกตัวยังไม่จบตรี กล้าพูดเนอะ!"หญิงสาวชี้กราดเรียงตัว


"แต่ดูแล้ว ผมว่าพวกเขาวางตัวและใช้คำพูดมีการศึกษากว่าคุณอีกนะ"ผมย้อนกลับ
"มึงอย่าลามปามแฟนกู!" ฝ่ายชายเอ่ย


"มึงรู้ไหมกูลูกใคร!!"


"เรากลับกันก่อนเถอะครับ" รปภหนุ่มแอบสะกิดให้ผมถอยทัพแต่ผมไม่สน


"ลูกใครก็ไม่อาจทราบได้ครับ รู้แต่ว่าน่าเศร้ามากที่อายุขนาดนี้ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเพื่อปกป้องตัวเองได้"


"ไอ้เหี้ย!" ชายหนุ่มโกรธคลั่งพุ่งเข้าชกแต่ผมเอี้ยวหลบอย่างง่ายดายทำให้เขาล้มกระแทกพื้น


เพื่อนในกลุ่มชักรำคาญที่การเจรจาไม่สิ้นสุดเสียทีเดินตุปัดตุเป๋หอบสังขารเมากริ่มเข้าร่วมวงวิวาทะด้วย


"เอาปืนมาอวดแม่งดิ!" เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่าที่เจ้าบ่าวเดินหายไปในบ้านชั่วครู่


"คุณเตอร์คะ น้ากลัวค่ะ กลับบ้านใครบ้านมันกันดีกว่า" น้าบัวพลอยวิตกจริตไปอีกคนใจจริงอยากเผยความสามารถให้เห็นกันโจ่งแจ้งไปเลย เธอจะได้สบายใจว่าเลือกยืนข้างผมยังไงก็เป็นฝ่ายชนะกองทัพขี้เมานี่จะทำอะไรผมได้


"ไอ้สัตว์! เกะกะบ้านคนอื่น กลับไป๊!"


"คนจะมันส์กันอย่าเสือก!"


"เดี๋ยวรอปืนมาก่อนเถอะมึง" ว่าที่เจ้าสาวชี้ขู่และไม่นานนักหนุ่มเจ้าของบ้านขี้เมาก็ออกมาพร้อมปืน
.
.
.
"ไหน! ใครจะปากดีอีก!" แม่บ้านบัววิ่งหนีเตลิดไปแล้วส่วนรปภพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
.
.
.
"กูฆ่าคนไม่ติดคุก! มึงจะลองมั้ย!" เพื่อนบ้านเจ้าอารมณ์หันลำกล้องมาตรงหน้าเต๋อทว่าก็ไม่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีแสดงอาการร้องขอชีวิตหรือแสดงอาการลุกลี้ลุลนให้เห็นแต่อย่างใด
.
.
.
เต๋อมองหน้าผู้ร่วมปาร์ตี้ฝ่ายอริ
.
.
"หนึ่ง"
.

"สอง"เขานับจำนวนและจดจำใบหน้าไล่ทีละคน

"สาม . . . สี่ . . . ห้า"


"นับหาพ่อมึงเหรอ! นับเหี้ยอะไร!" ใครคนหนึ่งด่าถามด้วยความหงุดหงิด


"หก เจ็ด . . ."
.
.
"กูถามว่ามึงนับอะไร!!"


ชายหนุ่มไม่แยแสแม้จะอีกฝ่ายพร้อมเหนี่ยวไกได้ตลอดเวลา


"แปด. . ."
.
.
"เอาละ. . .ผมจำพวกคุณได้หมดแล้ว. . ." เต๋อหันหลังกลับและสะกดจิตให้รปภที่อยู่ด้วยเลิกสนใจเช่นกันกลุ่มนักดื่มเจ้าสำราญต่างฉงนที่ฝ่ายตรงข้ามบทจะจบก็จบเอาดื้อ ๆ


แต่แล้วก็มีคนหนึ่งจุดประเด็นขึ้นมาแหวกวงเงียบ


"ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กลับบ้านมึงไปเลย!" ได้ยินดังนั้นคนที่เหลือจึงพากันโห่ไล่ไสส่งเต๋อและรปภ

"ควย!นึกว่าจะแน่! แม่งป๊อด"
"กลัวจนเยี่ยวราดเลยมั้งฮ่า ๆ ๆ"

กลุ่มชายหญิงเจ้าสำราญทะนงตนว่าเป็นผู้กุมชัยชนะจริงอยู่ท่าทีของเต๋อนั้นคนทั่วไปคงตีความว่าเป็นหนีเพื่อรักษาชีวิต
.
.
.
.
ที่ความจริงยิ่งกว่านั้นคือเขาได้หมายหัวเหยื่อเรียงตัวไว้แล้ว

.
.
"อวยพรให้งานแต่งเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตคุณนะครับรวมถึงเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วย" เต๋อกล่าวไว้เช่นนั้นก่อนเดินลับสายตาไปท่ามกลางเสียงโห่ฮาและร้องรำทำเพลงอย่างไม่แยแส


สองวันให้หลัง
.
ในห้องนั่งเล่น ณัฐกำลังใช้หลับตาเพ่งนิมิตจนคิ้วแทบชนกันไม่ใช่ว่าเห็นภาพเหตุการณ์ไม่ชัด แต่เพราะมันชัดเกินไปนี่เองณัฐจึงต้องแสร้งทำเป็นว่ากำลังยังใช้พลังอยู่ความคิดภายในใจหลังจากที่ได้เห็นภาพเต๋อแขนขาหักเนื่องด้วยมีปากเสียงปะทะกับธนิกอีกครั้งทำให้เขากำลังคิดอยู่ว่า "ควร"จะพูดสิ่งใดออกไปจึงจะเป็นผลดีที่สุดขณะที่มีนนั่งประสานมือราวกับภาวนาอะไรสักอย่างต่อพระผู้เป็นเจ้าส่วนธนิกกระวนกระวายเดินวนรอบห้องเหมือนรอฟังผลผ่าตัดญาติก็ไม่ปานทั้งสองวานให้ณัฐอ่านเหตุการณ์เพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางไปเอาของคืนถึงหมู่บ้านเต๋อนั้นเจ้าบ้านจะไม่ซ่อนลูกเล่นไว้ซุ่มโจมตีคงมีแต่ทางนี้เท่านั้นเพราะโทรไปก็ไม่มีคนรับสาย


"นานไปแล้วนะเฮ้ย เห็นอะไรบ้างฮึ" ธนิกสะกิดให้ณัฐออกจากนิมิตซึ่งณัฐเองก็รู้ดีว่าวิธีนี้ถ่วงเวลาได้ไม่นานเท่าไหร่หากมีธนิกรออยู่เขาไม่ชอบรอและใจร้อนเป็นที่หนึ่ง
.
.

เด็กหนุ่มแกล้งลืมตาตื่นช้า ๆ

"ไหนเธอช่วยตอบทีถ้าพี่กับพี่นิกไปถามหามือถือจะมีเกิดอะไรขึ้นบ้าง. . ." มีนถาม


ในสภาพกดดันเช่นนี้ ณัฐรู้สึกน้ำท่วมปาก ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเต๋อแต่มันคือความสับสนคำพูดที่ออกจากปากเขาต่อหน้าบุคคลผู้เกี่ยวข้องย่อมมีส่งผลกระทบต่ออนาคตที่จะเกิดขึ้นซึ่งขณะนี้คือจะเกิดการทะเลาะลงไม้ลงมือกันอีกครั้งและคราวนี้เต๋อจะบาดเจ็บสาหัสจะอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ณัฐหาไม่ปราถนาดีหรือฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นพิเศษเขาเองก็มีสิ่งที่ซ่อนเร้นภายในใจ


เมื่อเห็นธนิกหงุดหงิดจนน้ำในตู้ปลากระเพื่อมไปมาเขาจึงเอ่ยปากขึ้นในที่สุด


"ไม่มีอะไรร้ายแรงครับ. . .แต่ถ้าพวกพี่ไปกันเอง อืม. ..ขากลับรถจะยางแตกครับ เอ่อ. . .ไปเหยียบอะไรเข้าก็ไม่รู้" แน่นอนว่าเป็นอุบายที่กุขึ้นสดๆ ร้อน ๆ


ธนิกทำหน้าไม่สบอารมณ์และถามต่อ "ถนนสายไหนล่ะจะได้เลี่ยง"


"ผมไม่ทราบครับ มองไม่ออกเลย"
.
.
"เวรกรรม. . . ทั้งเบอร์ติดต่อทั้งข้อมูลที่อยู่ในมือถือพี่มีแต่เรื่องสำคัญทั้งนั้นเลยนะ" มีนก่ายหน้าผากเมื่อเข้าใจว่าความยุ่งยากจะเกิดขึ้นซ้ำซ้อน
.
.
ณัฐสบตาพี่ ๆ เพื่อหยั่งเชิง เมื่อเห็นว่าทั้งสองปักใจเชื่อแล้วจึงค่อย ๆ รวบรวมความกล้าออกอุบายต่อไป


"เอ่อ. . .ให้ผมไปเอง .ดีไหมครับ"
.
.
"พูดเป็นเล่น" ธนิกรู้สึกเหมือนณัฐเป็นวัวที่อยากเข้าไปเดินเล่นในโรงฆ่าสัตว์
.
.
"เอ่อ. . .ผมมั่นใจว่า. . .ทุกอย่างต้องเรียบร้อยครับ. . .คือว่า. ..ผมก็อ่านเหตุการณ์ล่วงหน้าเช็คความปลอดภัยให้ตัวเองได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว" เด็กหนุ่มเสนอตัวอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายจับพิรุธได้ว่ากำลังตั้งใจเปลี่ยนอนาคตที่แท้จริงเพื่อหวังผลบางอย่างหากทำได้แนบเนียนละก็จะไม่มีใครจับผิดได้เลยเพราะคนที่เห็นภาพนิมิตได้มีเพียงเขาเท่านั้น
.
.
"เราตัวคนเดียวจะไหวเหรอ จำได้รึเปล่าว่าเขาคุมคนได้ทีละเป็นสิบ ๆ"มีนเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่ช่วยเธอได้ แต่ก็เป็นห่วงน้องอยู่เช่นกัน
.
.
"เรื่องนั้น. . .ผมทราบครับ. . .อืม แต่คิดว่าอย่างน้อย. ..พี่เขาคงไม่คิดจะทำร้ายคนที่เคยอ่านอนาคตเพื่อช่วยชีวิตเขาหรอกครับ"


ได้ยินดังนั้นมีนจึงนึกได้ว่าเต๋อก็เคยพูดทำนองว่าจะสะกดจิตคนตอบแทนณัฐเพราะไม่อยากติดค้างบุญคุณจึงเป็นไปได้ว่าหากณัฐเป็นคนกลางล่ะก็ ภารกิจนี้อาจลุล่วงง่ายกว่าที่คิด


"จริงสินะ เธอพูดถูก เต๋อก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว"


"พี่มีนพูดอะไรน่ะครับ" ธนิกหันขวับดูเหมือนมีนจะลืมไปว่าเธอควรปกปิดเรื่องที่ไปพบเต๋อเป็นการส่วนตัว


"อ๋อ. . . พี่หมายถึงที่ณัฐพูดมาก็ฟังขึ้นน่ะยังไงก็ต้องเกรงใจกันบ้างแหละ" เธอรีบตัดบทและสรุปจบโดยไว
.
.
"งานนี้คงไม่ต้องรบกวนเธอแล้วละนิก พี่ว่าณัฐคนเดียวก็เอาอยู่"
.
.
"เอางั้นเรอะ. . ." ธนิกมองณัฐเกาหัวยิ้มหน้าเจื่อนท่าทางไม่เชื่อมือเท่าไหร่นัก กระนั้นก็อาจจะดีที่น้องชายได้เรียนรู้วิธีพบปะเจรจากับผู้อื่นเสียบ้างโดยเฉพาะกับคนอันตรายอย่างเต๋อหากทำสำเร็จก็นับว่าณัฐได้เรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่ไปอีกก้าวหนึ่งซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
.
.
"งั้นก็ได้ แล้วอย่าเปลี่ยนใจทีหลังละครับ ผมไปก่อนล่ะ" เขากระดิกนิ้วเรียกกุญแจรถบนโต๊ะลอยกลับสู่ฝ่ามือแล้วเดินออกจากห้องไป
.
.
.
.
เมื่อธนิกพ้นจากวงสนทนา ณัฐคลายอาการเกร็งลงรู้สึกโล่งใจที่ทุกอย่างเข้าที่ทางตามที่ตนคิดไว้


"ฝากด้วยนะณัฐ อย่าลืมล่ะว่า ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลโทรหาพี่นิกทันทีรู้มั้ย" มีนกำชับ


"ครับ" ณัฐรับคำ และต่อมาก็เหมือนจะนึกสิ่งที่ใคร่ถามขึ้นมาได้


"เอ่อ. . .พี่มีนครับ . . . ระหว่างพี่นิกกับพี่เต๋อพี่ว่าใครน่ากลัวกว่ากันครับ"

.
.
เป็นคำถามที่มีนเองก็ไม่เคยเอะใจมาก่อนเช่นกันกระนั้นก็แสดงความเห็นกลับไป
.
.
"ถ้าถามว่าใครน่ากลัวกว่ากัน. . . พี่ตอบไม่ได้หรอกถ้าสมมติเธอทำให้นิกโกรธ เขาจะเป็นศัตรูของเธอคนเดียวและจะเล่นงานเธอจนถึงที่สุดไม่หัวร้างข้างแตกก็พิกลพิการ หรือไม่ก็อาจถึงตาย. . . ถ้าเป็นเต๋อ. . .เธอจะยังมีชีวิตและอวัยวะอยู่ครบ. . .แต่. . .
.
.
.
. . .คนทั้งโลกจะเป็นศัตรูกับเธอ"
.
.
.

เด็กหนุ่มพยักหน้า ความเห็นจากมีนช่วยชี้คำตอบที่เหมาะสมกับตัวเขาที่สุดบัดนี้ณัฐตัดสินใจได้แล้วว่าจะต้องเดินหน้าต่อไปทางไหน
.
.
.
แสงแดดยามบ่ายทอประกายสว่างจ้า ณัฐนั่งสงบใจอยู่ในห้องตามลำพังตาจ้องไปที่โทรศัพท์อย่างครุ่นพินิจหลังจากมีนเล่าความลับที่ให้ฟะงด้วยความไว้ใจว่าเธอไปพบกับเต๋อมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไปแอบสอดแนมตามที่บอกกับธนิกจะว่าไปก็น่าตลกที่ธนิกนั้นน่ากลัวจนคนรอบข้างต้องโกหกเอาตัวรอดกันไปหมดอย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าน่าจะลองต่อสายอีกสักครั้งก่อนการเข้าไปหาเต๋อถึงที่แบบขาดพิธีรีตองควรจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะเต๋อท่าทางจะไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิต

[font=tahom
แค่เธอยักคิ้ว ต้นงิ้วก็แค่ถั่วงอก