ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ฟัก อยู่แม้น

แค้นวิปริต จิตสั่งกาม (โทรจิตคุง) ตอนที่ 18

เริ่มโดย ฟัก อยู่แม้น, พฤศจิกายน 01, 2015, 11:30:58 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟัก อยู่แม้น

 




ตอนที่ 18 รู้ทั้งรู้แต่พูดไม่ได้
.
.
.
เป็นเวลานานกว่าห้านาทีแล้วที่เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น
.
.
.
ณัฐด้อม ๆ มอง ๆ อย่างโลเลหลังจากที่ตอบรับคำเชิญงานเลี้ยงขอบคุณของเต๋อ นี่คือการเผชิญหน้ากับผู้มีพลังโทรจิตเป็นการส่วนตัวครั้งแรก ซึ่งณัฐเองก็คิดว่ามีโอกาสอยู่ไม่น้อยที่คนเหลี่ยมจัดอย่างเต๋ออาจกลับลำหันมาเล่นงานเขาเสียเอง แต่แผนที่เขาคิดไว้มาถึงขนาดนี้แล้วคงต้องเสี่ยง หากปอดแหกอยู่อย่างนี้ย่อมคว้าน้ำเหลวเพียงอย่างเดียว
.
.
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเฮือกยาว ก่อนกลั้นใจเปิดประตูเข้าร้าน
.
.
ภายในร้านเงียบเชียบ ไร้วี่แววการต้อนรับขับสู้ ทั้งที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ขึ้นชื่อมาก วันนี้กลับไม่มีลูกค้า เปิดไฟเพียงสลัว จนณัฐจินตนาการเพ้อเจ้อไปว่าหลังบาร์ซูชิสีไม้มะฮอกกานีนั่นอาจมีซอมบี้แอบแทะศพเจ้าของร้านอยู่ก็เป็นได้ เด็กหนุ่มกุมกระเป๋านักเรียนแน่นราวกับจะยึดเป็นเกราะกันกระสุนก็ไม่เชิง
.
.
.
"คุณณัฐใช่ไหมคะ คุณเต๋อรออยู่ในห้องวีไอพีชั้นบนค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ" ณัฐสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นหญิงสาวพนักงานต้อนรับในชุดกิโมโนเดินดุ่มออกมาจากมุมมืด เธอจัดแจงนำทางณัฐสู่ห้องที่จัดเตรียมไว้เป็นพิเศษ
.
.
.
ประตูบานเลื่อนกระดาษเปิดออก
.
.
ไม่ทันจะได้สบตากับเจ้าภาพ เด็กหนุ่มก็ขวัญหนีดีฝ่อเสียแล้วกับภาพเบื้องหน้า
.
.

กระทาชายวัยรุ่นร่างกำยำนอนเปลือยกลางโต๊ะที่จัดเตรียมไว้ในห้องรับประทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่น จิตรกรรมฝาผนังและป้ายผ้ากลอนไฮขุที่ประดับประดาไม่ดึงดูดสายตาเท่าชายผู้นี้ เหนือเรือนร่างเปลือยเรียงรายด้วยซูชิและปลาดิบนานาชนิดรองด้วยใบไม้ แววตาของชายผู้นั้นว่างเปล่า แม้ณัฐเคยเห็นความสามารถของเต๋อเพียงครั้งเดียวแต่ก็อนุมานได้ว่าเป็นผลพวงจากพลังโทรจิตของเจ้าตัวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เด็กหนุ่มพนมมือไหว้อีกฝ่ายสั่นงันงกเหมือนไหว้ยักษ์มากกว่าไหว้ผู้ใหญ่
.
.
"สวัสดีครับณัฐ พี่จำได้ว่าเราไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ พี่เลยเหมาทั้งร้านให้ ลูกค้าวันนี้มีเพียงแค่เราสองคน" เต๋อรับไหว้พร้อมยกสาเกขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์
.
.
.
"คนคนนี้. . ." ณัฐเอ่ยขึ้น แต่เต๋อย่อมรู้ว่าเด็กหนุ่มต้องการถามเรื่องใด "เจ้าบ้านี่ขับรถไม่เปิดไฟเลี้ยวจนพี่เกือบชนท้าย พี่บีบแตรแล้วยังมีหน้าลดกระจกชูนิ้วกลางแจกพี่อีก เลยขอยืมตัวมาใช้งานนิดหน่อย อย่าไปใส่ใจเลยครับ เขาเต็มใจอยู่แล้วล่ะ"
.
.
"ต. . . ต. . .ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือครับ" ณัฐถามด้วยอารมณ์เวทนาเหยื่ออำนาจโทรจิต
.
.
.
"ถ้าเป็นธนิก หมอนี่คงถูกบีบอัดเป็นเนื้อเดียวกับรถแล้วล่ะ ดังนั้น การกระทำของพี่ถือว่าจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับพี่ชายเรา หรือไม่จริง?" เต๋อยอกย้อนแฝงอารมณ์ขัน แต่ณัฐไม่ขำด้วย ภาพชายร่างกำยำเปลือยแผ่อ้าซ่าเสมือนจานอาหารทำให้เขาสะอิดสะเอียนจนกระเพาะอาหารเกิดอาการปฏิเสธ
.
.
"ขอบคุณครับที่เตือนพี่เรื่องร่ม ไม่งั้นพี่คงลำบากแย่ ถ้าพี่มองเห็นอนาคตแบบเราได้ก็คงดีไม่น้อย" เต๋อรินสาเกใส่ถ้วยแก้วส่งให้ณัฐ เด็กหนุ่มรับไว้ด้วยอาการประหม่า เขาไม่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถึงกระนั้นก็ฝืนใจจิบนิดหน่อยด้วยความเกรงใจ รสร้อนสาเกอบอวลภายในปากจนไอออกมา
.
.
.
"ไม่ชอบก็ไม่ต้องดื่ม พี่ไม่บังคับ ว่าเรื่องธุระของเราดีกว่าครับ ที่เป็นฝ่ายติดต่อพี่มาเองอย่างนี้ มีเรื่องสำคัญสินะครับ" เต๋อตัดบทเข้าประเด็นธุรกิจ ณัฐพยักหน้ารับ
.
.
"ผ. . .ผม. . ." ณัฐอ้ำอึ้ง แต่เต๋อก็ไม่สามารถใช้โทรจิตอ่านใจพวกเดียวกันได้
.
.
"มีอะไรพูดมาเลยครับ พี่รับฟังได้ทุกอย่าง เราเป็นคนช่วยชีวิตพี่นี่นา พี่ไม่ลืมหรอกครับ" เต๋อยิ้มส่งพลางใช้ตะเกียบคีบซูชิหน้าไข่กุ้งจากจานมนุษย์ เหยื่อของเขาดีดเล็กน้อยเพราะจั๊กจี้ ภาพอุจาดนี้ยิ่งทำให้ณัฐพูดลำบากเข้าไปอีก
.
.
"เอ่อ. . . พี่ครับ. . ."
.
.
"ถ้าไม่พูดตรง ๆ พี่ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าณัฐต้องการให้พี่ช่วยเรื่องอะไร. . ." เต๋อแทรกพร้อมคีบซูชิจิ้มน้ำซอสก่อนใส่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
.
.
.
"ผม. . .อยากเป็นอิสระ . . . จากพี่นิกครับ" ณัฐรวมความกล้าบอกเป้าหมายในที่สุด
.
.
"ฮะ ฮะ ฮะ" เต๋อกระแอมหัวเราะ และดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างสะใจ "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ!!!"
.
.
"เดาไว้ไม่ผิด คิดอยู่เหมือนกันว่าใครจะอยากเป็นทาสเผด็จการแบบนายคนนั้น" เต๋อเสริมและเข้าประเด็นต่อทันที "ต้องการให้พี่คุ้มครองใช่ไหมล่ะ อยู่กับเขาคงถูกกดขี่ดูไม่จืดเลยล่ะสิครับ"
.
.
"ย. . .ยิ่งกว่านั้นครับ" เต๋อเบิกตากระหายใคร่รู้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
.
.
"ผมอยากให้พี่เกลี้ยกล่อมพี่นิก. . . หรือไม่ก็ ทำให้เขาหมดสภาพกดขี่คนอื่นไปเลยครับ"
.
.
"หมายถึงฆ่าหรือ?" เต๋อแทรก แต่ณัฐรีบออกตัวไว้ก่อน "ม. . . ไม่ใช่นะครับ ณัฐไม่ต้องการขนาดนั้น แค่อยากให้เขาไม่มาวุ่นวายกับชีวิตผมอีกต่อไปน่ะครับ"
.
.
เต๋อยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าการมีผู้ช่วยที่มองอนาคตได้แม่นยำ
.
.
"ฉลาดคิดมาก คงรู้สินะครับว่าการทำร้ายคนในแนวของธนิกกับพี่ ของใครน่าเกรงขามกว่ากัน" ณัฐพยักหน้าหงึก ๆ . . .ในความคิดของเขา หากเปรียบธนิกเป็นฆาตกรเลื่อยไฟฟ้าเท็กซัสเชนซอว์ หั่นเหยื่อเป็นชิ้น เครื่องในไหลพุ่งเลือดสาดกระจุยกระจายเละเทะ แนวของเต๋อก็อาจเปรียบได้กับแจ็คเดอะริปเปอร์ที่สังหารคนอย่างมีศิลปะ แถมทิ้งร่องรอยท้าทายอำนาจกฎหมายอย่างแยบคาย โดยในที่สุดตัวเองไม่ต้องรับผิดเลยสักอย่าง. . . สักอย่างเดียวจริง ๆ ใครจะเชื่อว่าคนใช้โทรจิตคล่องขนาดเต๋อมีตัวตนอยู่จริง ๆ บนโลก ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือใช้ความสามารถเพื่อแก้แค้นคนอย่างเหนือจินตนาการที่คนทั่วไปจะคาดเดาได้
.
.
"ผม. . .ยินดีจะช่วยพี่ทุกอย่าง. . . แลกกับอิสระ" ณัฐพูดต่อ
.
.
"แต่พี่เป็นคนใจร้ายนะครับ คิดว่าจะทำงานร่วมกันได้เหรอ" เต๋อเสียดสีตนเองพลางยกสาเกขึ้นจิบอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองจับจ้องเด็กหนุ่มเพื่อหยั่งเชิง แน่นอนว่าณัฐหลบตาด้วยความอึดอัด
.
.
"เพื่อพิสูจน์ว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่เป็นลมหรือเสียสติไปซะก่อน" เต๋อหันไปหยิบจานพร้อมตะเกียบส่งให้ณัฐ "ทานเป็นเพื่อนพี่สิครับ ช่วยกันทานให้หมด"
.
.
ณัฐมองจานสลับร่างชายกำยำที่นอนเปลือยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่เขาจะต้องทานซูชิจากจานมนุษย์จริงหรือ แถมยังเป็นผู้ชายเสียด้วย
.
.
"แค่ทดสอบนะครับ ถ้าทำไม่ได้หรือรับไม่ได้ กลับไปหาพี่ชายเราเถอะ พี่แนะนำว่าอยู่ฝักใฝ่ฝ่ายพี่เลย เพราะต่อจากนี้จะต้องพบเห็นเรื่องเสื่อมลูกตายิ่งกว่านี้อีก" เต๋อวาดตะเกียบกลางอากาศประกอบคำพูด
.
.
ณัฐสบตากับเหยื่อของเต๋อ ทว่าสายตาของเขากลับส่งประกายเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะถูกหยามเหยียดศักดิ์ศรีความเป็นคน ราวกับเป็นหน้าที่เสียสละเพื่อชาติก็ไม่ปาน
.
.
"โทโร่น่ะ อร่อยนะครับ เนื้อนุ่มจนละลายในปากเชียวล่ะ ลองทานสิครับ" เต๋อชำเลืองยังตำแหน่งซูชิโทโร่ที่วางอยู่กลางตัวจานมนุษย์โดยมีใบรองไว้ พูดให้เห็นภาพชัดก็คือระหว่างอาหารที่ต้องป้อนเข้าปากกับควยคนแปลกหน้ามีเพียงวัตถุบาง ๆ กั้นกลางอยู่จนณัฐยากจะทำใจ เวลาผ่านไปอย่างสูญเปล่าราวสิบวินาทีที่ต่างคนต่างเงียบจนบรรยากาศตึงเครียด
.
.
"โอเคล่ะครับ พี่ว่าณัฐไม่เหมาะจะลงเรือลำเดียวกับคนโรคจิตอย่างพี่หรอก" เต๋อปั้นหน้าถอนหายใจประชดแกมผิดหวัง เขาวางตะเกียบลงเบา ๆ "ขอโทษนะครับที่ทำให้เสียเวลาและบีบคั้นจิตใจ จะกลับก่อนก็ได้นะครับ"
.
.
"ม. . .ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ!. . ." ณัฐพยายามรวบความกล้าเท่าที่มีอยู่น้อยนิด ป้อนแรงส่งให้แขนและมือขยับไปคีบซูชิโทโร่ชิ้นนั้นด้วยอาการสั่น ยิ่งทำให้คีบชิ้นข้าวปั้นไม่ขึ้นและคลุกอยู่กับบริเวณนั้นนานเกินจำเป็น จนกระทั่งณัฐสังเกตได้ว่าจานรองบริเวณนั้นนูนโป่งออกมาแล้ว
.
.
"อาหหห์" ชายร่างกำยำร้องครางด้วยความซ่านกระสันต์ ยิ่งทำให้ณัฐขยะแขยง เขารู้สึกว่านี่มันแทบไม่ต่างกับเกมโชว์เฟียร์เฟคเตอร์เลย เขาจึงต้องฝืนใจทำเรื่องที่มีแต่เงื่อนไขทุเรศ ๆ เพราะต้องการสิ่งแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากลับมาภายหลัง ลำควยชายผู้นั้นขยายตัวขึ้นจนดันใบไม้และซูชิโทโร่เลื่อนจนอาจจะไหลตกจากตัวได้ ณัฐหลับตากลั้นใจคีบจนสำเร็จมาได้หนึ่งชิ้นอย่างหวุดหวิด ขณะชิ้นที่เหลือถูกควยที่แข็งตัวดันจนตกจากใบไม้รองไหลไปตามง่ามและต้นขาของเหยื่อ
.
.
"จิ้มวาซาบิด้วยสิครับ" เต๋อชี้ให้เห็นก้อนวาซาบิบีบเป็นกระจุกอยู่ตรงหัวนมทั้งสองข้าง แถมยังไม่มีใบไม้กั้นเสียด้วย ณัฐปั้นหน้าใจดีสู้เสือ คีบชิ้นอาหารแตะลงบนก้อนวาซาบิเบา ๆ เนื่องด้วยเกรงว่าหากออกแรงมากไปชิ้นอาหารจะสัมผัสกับหัวนมตรง ๆ ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจมากสำหรับเขา "โอววว" จานมนุษย์ครางอีกครั้ง ขณะนี้ควยของเขาแข็งผงาดชี้เด่กลางโต๊ะอาหารประหนึ่งธงชาติประดับยอดถ้วยไอศกรีม จนณัฐไม่อาจฝืนทนมื้ออาหารจานวิปริตนี้ได้อีกต่อไป อาหารที่กินเข้าไปมื้อก่อนหน้านี้ตีย้อนจากกระเพาะคืนสู่ทางเข้า
.
.
"อ๊ออออออออออกก!" เขาขย้อนออกมาสุดแรง ความรู้สึกประดุจผลส้มที่ถูกรีดคั้นน้ำจนเหี่ยวแฟบ
.
.
"อืม พอแค่นี้ก็ได้ครับ พี่ถือว่าสอบผ่านละกัน" เต๋อประกาศผลทดสอบอย่างใจเย็นแม้ว่าเด็กหนุ่มยังคงอาเจียนต่อไม่หยุด
.
.
"ขอโทษครับ" หลังจากณัฐหยุดอาเจียนและตั้งสติได้ สิ่งแรกที่นึกคือควานหากระดาษเช็ดอาเจียนกองเบ้อเริ่มที่สำรอกออกมาเต็มพื้นห้อง แต่เต๋อยกมือขัดไว้ "ไม่ต้องครับ พี่ว่าเราหยุดทานอาหารก่อนดีกว่า คุยธุระกันต่อเลยนะ" เขาดีดนิ้วออกคำสั่ง จานมนุษย์ลุกพรวดขึ้น อาหารราคาแพงร่วงเกลื่อนสู่พื้น เขาเดินตรงไปยังกองอาเจียนของณัฐ. . . และใช้สองมือโกยขึ้นกินด้วยเสียงดังมูมมาม เขามีจินตภาพว่าเศษข้าว เศษเนื้อผัก และน้ำย่อยที่คลุกเคล้าเป็นสีทองอำพันคือโจ๊กฮ่องเต้ร้อน ๆ ตอกไข่ใส่
.
.
"มีคนทำความสะอาดให้แล้วนะครับ คุยเรื่องของเราต่อเถอะครับ" เต๋อยิ้มหวานปลอบใจ แต่อีกฝ่ายแทบอยากร้องไห้สุดใจขาด
.
.
.
หลังผ่านการทดสอบ ทั้งสองเจรจาไม่ต่างจากการตกลงทางธุรกิจ ณัฐอาสาจะใช้พลังหยั่งรู้อนาคตช่วยกรุยทางอำนวยความสะดวกให้เต๋อล่าล้างแค้นจนกว่าจะบรรลุเสร็จ ขณะเดียวกันสิ่งที่เต๋อต้องแลกเปลี่ยนคือใช้สติปัญญาหาทางทำให้ณัฐเป็นอิสระจากธนิกจอมบงการชีวิต โดยมีเงื่อนไขคือต้องไม่ให้เจ้าตัวบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิต เต๋อยินดีตอบรับอย่างไม่ลังเล อันที่จริงเงื่อนไขนี้ถือว่าเต๋อเป็นฝ่ายได้กำไรด้วยซ้ำ เพราะต่อให้ณัฐไม่มาเสนอตัวเช่นนี้ เต๋อเองก็คิดจะต่อกรกับธนิกเองอยู่แล้วเนื่องจากชีวิตเขาเองก็ถูกธนิกรบกวนจนอยู่ไม่สุขเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจอย่างเขาย่อมเล็งเห็นโอกาสทำกำไรสูงสุดเสมอ. . . ณัฐเป็นเด็กหัวอ่อน โน้มน้าวไม่ยาก ฉะนั้นจะได้คืบเอาศอกอีกสักหน่อยคงไม่ยากเกิน
.
.
.
เต๋อสั่งให้สาวเสิร์ฟยกน้ำผลไม้สดมาให้บริการ เพื่อผ่อนคลายให้ณัฐเย็นใจลงและเจรจากันต่อ ส่วนชายกำยำหลังจากทานกองอ้วกและเลียพื้นจนสะอาดแล้วเต๋อก็สั่งให้เขาเต้นระบำหน้าท้องเป็นจำอวดไปเสีย
.
.
"ถ้าจะให้ผมอ่านอนาคตต้องรู้ใบหน้าของคนที่จะให้ทำนายครับ เอ่อ. . . แต่บางครั้งถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเหตุดีเหตุร้าย นิมิตก็จะผุดขึ้นมาเอง อืม . . . ส่วนเรื่องเวลากะเอาแน่นอนไม่ได้หรอกครับ เอ่อ. . . ส่วนใหญ่นิมิตที่เห็นก็จะเป็นภาพที่ถูกเลือกมาแล้วว่าสมควรเห็น"
.
.
"ณัฐว่าภาพที่เราเห็นถูกเลือกเหรอครับ แล้วคิดว่าใครเป็นผู้เลือก พระเจ้าหรือ?" เต๋อถามอย่างสงสัยแกมเล่นลิ้น
.
.
"เอ่อ. . .ไม่รู้เหมือนกันครับ โชคชะตามั้งครับ" เด็กหนุ่มตอบหน้าเจื่อน ใช่ว่าเขาจะมีความสุขกับพลังพิเศษนี้ อีกด้านหนึ่งมันทำให้เขากลายเป็นคนขี้ระแวงและวิตกจริตกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงเสมอ
.
.
เพื่อมิให้ทุกนาทีล่วงไปอย่างสูญเปล่า เต๋อล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบรูปเหยื่อรายต่อไปออกมามอบหมายให้ณัฐเป็นงานแรก
.
.
"รบกวนช่วยอ่านอนาคตคนในรูปหน่อยนะครับ เป้าหมายต่อไปของพี่เอง" ณัฐรับรูปดังกล่าวมาอ่านด้วยพลังนิมิตหยั่งรู้ แม้อยากจะถามว่าเด็กหนุ่มในชุดบาสสีฟ้าในรูปคือใคร แต่จู่ ๆ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะซักไซร้และใช้พลังให้อย่างไม่รอช้า ด้วยหวังว่าจะทำให้เต๋อพอใจและไว้ใจตนยิ่ง ๆ ขึ้นไป
.
.
ผ่านไปราวหนึ่งนาที ณัฐเปิดเปลือกตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือชายร่างกำยำที่ยังเต้นระบำหน้าท้องต่อไปโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ช่างทุเรศจนอยากหลับตาหนีไปอีกรอบ อย่างไรก็ตามณัฐรีบถามเข้าประเด็น "พี่จะแก้แค้นคนคนนี้. . .เหรอครับ เอ่อ. . . จะฆ่าให้ตาย. . .เลยเหรอ"
.
.
"เปล่าครับ กฎเหล็กในการแก้แค้นของพี่คือต้องไม่มีใครตายเพราะพลังโทรจิต แต่จะไปฆ่าตัวตายเองทีหลังนั่นอีกเรื่อง มันเหมือนกับมนุษย์วิปริตบางคนที่สะใจกับการกินสัตว์ที่ยังไม่ตายนั่นแหละ ความสนุกอยู่ที่พี่ได้ล้างแค้นทำร้ายโดยที่พวกมันไม่รู้สึกเจ็บปวดหรืออับอาย แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว พวกมันจะมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าใครทำหรือตัวเองทำ และแน่นอน พวกมันต้องรับผิดชอบทุก ๆ อย่างที่พวกมันทำไว้ตอนไม่มีสติ ส่วนพี่เดินตัวเบาจิบกาแฟดูหายนะอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครทำอะไรได้เลย"
.
.
ณัฐถอนหายใจยาว "เอ่อ. . . ง . . งั้นก็โล่งอกครับ ผมนึกว่าพี่จะฆ่าเขาซะอีก . . . พี่ไม่ต้องทำอะไร. . . อืม . .หรอกครับ. . . อีกไม่กี่วัน อืม. . . เขาจะตายไปเอง. . ."
.
.
"เดี๋ยวสิ ถึงตายเลยหรือ" นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มสนทนาที่เต๋อต้องเป็นฝ่ายรบเร้าณัฐ
.
.
"ไม่ผิดหรอกครับ เห็นตั้งแต่ตอนขาดใจตาย จนถึงภาพงานศพ ตัวพี่เองก็อยู่ในงานด้วยครับ" ณัฐบรรยายต่อ
.
.
"เขาเป็นอะไรตาย"
.
.
"ถูกฆ่าตายครับ" เด็กหนุ่มตอบอย่างปลงตก คงเคยเห็นภาพคนชะตาขาดทำนองเดียวกันนี้ในนิมิตมาแล้วนับไม่ถ้วน
.
.
". . . . . . . ." แม้จะเป็นคำพูดที่หาหลักฐานไม่ได้ ณัฐอาจจะวางกลลวงเพื่อขัดขวางการทำงานของเขา แต่ยิ่งคิดยิ่งไม่สมเหตุสมผล เรื่องอะไรที่ณัฐต้องโกหกเพื่อปกป้องคนแปลกหน้า หนำซ้ำหากเขารู้ความจริงภายหลังคนที่จะเดือดร้อนเข้าตัวคือณัฐเอง เพราะถือว่าขัดขวางเส้นทางชีวิตเขาเหมือนธนิก แต่ดูจากอุปนิสัยณัฐแล้ว ไม่น่าใช่คนที่เอาตัวเองแบกรับความเสี่ยงขนาดนั้น
.
.
เหตุผลทั้งหลายทั้งปวงชักนำให้เต๋อเชื่อคำบอกเล่าของณัฐจนได้ และก่อตัวเป็นความกระวนกระวายใจที่บุคคลเป้าหมายจะต้องตายในอีกไม่กี่วัน . . . ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้วยอารมณ์ใดกันแน่
.
.
"ช่างมันก่อนเถอะครับ เดี๋ยวไว้พี่ค่อยคิดอีกที ว่าแต่. . . มีคำถามสุดท้ายที่อยากรบกวนถามครับ"
.
.
ณัฐพยักประหลก ๆ ก้มหน้าดูดน้ำผลไม้แม้มันจะหมดไปตั้งนานแล้ว แก้เก้อที่ไม่รู้จะคุยอะไร เขาไม่อยากรู้จักคนน่ากลัวอย่างเต๋อเลย หากไม่เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตเขาได้รับอิสรภาพในภายหน้า แต่อะไรช่วยที่ช่วยได้ก็คงช่วย เพื่อให้เต๋อล้างแค้นสำเร็จโดยเร็วและหันมากำราบธนิกต่อไป
.
.
เต๋อลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด
.
.
"ช่วยตอบพี่ทีสิครับ พลังพิเศษของพี่มีนคืออะไร"
.
.
.
.
.
หนุ่มคนหนึ่งยืนหัวเสียอยู่หน้าโรงแรม อายุน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบตอนปลาย รูปร่างผอมสูง ผิวขาวซีดเหมือนคนสุขภาพไม่ดี แต่หน้าตาจัดว่าดูดีระดับพระเอกหนังฮ่องกงทีเดียว ตาฉายแววกวนประสาทนิด ๆ เขายืนสูบบุหรี่ฆ่าเวลาติดต่อกันเป็นมวนที่สามแล้ว
.
.
"รอนานไหมอ้น" มีนเดินก้าวขาฉับ ๆ ปรี่หาชายคนดังกล่าว
.
.
"ผู้จัดการจำได้ว่าฉันเป็นนักข่าว ถูกไล่ออกมายืนหัวโด่อยู่เนี่ย หมดกัน เรื่องนี้น่าสนใจซะด้วย" ชายชื่ออ้นดีดก้นบุหรี่ลงกระบะทรายแม่นราวจับวาง
.
.
"ใครฆ่ากันตายอีกล่ะ" มีนถาม
.
.
"เปล่า ๆ หนนี้ไม่มีการตาย มันน่าสนใจกว่าคนฆ่ากันอีก" อ้นพูดต่อพลางจุดบุหรี่มวนใหม่ "สายข่าวฉันเล่าว่าวันนี้มีงานแต่งลูกชายกำนันเฮง แต่คนในงานจู่ ๆ คลุ้มคลั่ง ปิดห้องโถง สวิงกิ้งเซ็กส์หมู่กันไม่อายฟ้าดิน ความแตกเอาตอนมีคนทำผ้าม่านติดไฟจนสัญญาณเตือนภัยดังทั่วโรงแรม ส่วนกำนันเฮงโรคหัวใจกำเริบ โชคดีถึงมือหมอทันเวลา โรงแรมรีบปิดข่าวใหญ่เลย แต่ไม่เล็ดรอดสายข่าวของฉันไปได้หรอกจะบอกให้"
.
.
"ข่าวอะไรของแกน่ะ เชื่อถือได้แค่ไหนกัน" มีนย้อนแย้ง แต่อีกฝ่ายเตรียมหาเหตุผลรองรับไว้แล้ว "ฉันคงไม่เชื่อหรอก ถ้าก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวคนสติแตกออกมาทำเรื่องอุบาทว์กลางที่สาธารณะอยู่เนือง ๆ แม้แต่ส.ส.ดารินทร์ก็เอากะเขาด้วย บางทีอาจเป็นโรคอุปทานหมู่หรือลัทธิชักจูงคนในทางเสื่อม ๆ เหมือนบาทหลวงจิม โจนส์ไง อะไรเทือกนี้น่ะ"
.
.
คำพูดนี้ทำให้มีนนึกถึงใบหน้าเต๋อ. . .แววตาทอดเบื้องล่างดูถูกเหยื่ออย่างสังเวช พร้อมรอยยิ้มแสยะอันเป็นเอกลักษณ์ลอยขึ้นมา. . .
.
.
"เพราะงั้นถึงให้ฉันมาที่นี่ใช่ไหมล่ะ"
.
.
"คร้าบบเจ๊ ยังไงคราวนี้ก็รบกวนอีกทีนะครับ" อ้นยกมือไหว้สูงท่วมหัวขอร้องแกมล้อเล่น
.
.
"นี่ อย่าให้มันมากไปนะแก ฉันใช้พลังช่วยแกทำข่าวเพราะเห็นแก่คนตายหรอกนะ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่" มีนท้วงขึ้น
.
.
"โธ่เจ๊. . . ไม่อยากรู้ความจริงเหรอ นี่อาจเป็นการค้นพบชนิดพลิกโลกก็ได้นะ" อ้นล้อมหน้าล้อมหลังอ้อนมีน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีนอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันก็คงหนีไม่พ้นฝีมือผู้มีพลังจิตเช่นเดียวกับเธอนั่นแหละ แต่พูดออกไปคงไม่เป็นการดีเท่าไหร่ อ้นคือเพื่อนวัยเด็กเพียงคนเดียวที่เธอไว้ใจและล่วงรู้อำนาจวิเศษของเธอ หากเขายื่นมือเข้ามาพัวพันกับเต๋อล่ะก็ อนาคตทางสังคมอาจดับวูบเหมือนเป่าเทียนไปอีกคน
.
.
"น่า. . .นะ ฉันอยากรู้ความจริงจนจะลงแดงตายอยู่แล้วเนี่ยแก" อ้นรบเร้าจนมีนเบนหน้าหนีอย่างหน่ายระอา เธอคิดว่าจะให้รู้เฉพาะความจริงที่เกิดขึ้นในห้องโถงโรงแรมก็พอ ส่วนเรื่องเต๋อนั้นคงต้องเก็บเป็นความลับต่อไป
.
.
"ก็ได้ แต่คราวหน้าไม่ทำให้แล้วนะถ้าไม่ใช่คดีฆาตกรรม" เธอบ่น "แล้วก็ดับบุหรี่ได้แล้ว มันเหม็น" อ้นรีบทำตามคำสั่งทันทีเป็นการเอาใจ "ถ้าฉันมีพลังจิตสัมผัสแบบแก ทำเองได้คงไม่เซ้าซี้หรอกน่า"
.
.
"ช่วยเรียกว่าไซโคเมทรี่เถอะ จิตสัมผ่งจิตสัมผัสอะไรกัน ฉันไม่ใช่คนทรงแก้กรรมนะยะ" มีนตั้งจิตสงบและปิดเปลือกตาลงช้า ๆ ยื่นมือเรียวขึ้นทาบกำแพงโรงแรมราวเสมือนการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสมองและวัตถุพยาน
.
.
"ขณะนี้เราอยู่กับแม่ชีมีนผู้หยั่งรู้อดีตกรรม. . ." อ้นทำท่าล้อเลียน "ถ้าจะให้ช่วยก็เงียบ ๆ หน่อย! อย่ารบกวนสมาธิ!" เธอสวนขึ้นทำเอาฝ่ายชายหน้าเจื่อนลงไป และควักบุหรี่ขึ้นมาสูบฆ่าเวลาอีกมวน
.
.
ผ่านไปสองนาทีมีนจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
.
.
"เห็นทุกอย่างแล้วล่ะ แกอยากจะดูเองหรือให้เล่าให้ฟัง. . ." มีนถาม
.
.
"ขอดูเองดีกว่า" อ้นตอบ "แหม ทีคนแทงกันตาย ให้ฉันดูภาพแต่หดหู่คนเดียว พอเรื่องแบบนี้ล่ะหูตากระดิกเชียวนะ" มีนค้อนใส่
.
.
"เอาเลยเจ๊" อ้นก้มหัวยื่นให้ มีนทาบฝ่ามือลงเบา ๆ กลางกระหม่อม
.
.
ภาพในอดีตถูกฉายเข้าสมองชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเหมือนมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นฉิวผ่านศีรษะคันแล้วคันเล่านับไม่ถ้วน ภาพเหตุการณ์ในอดีตคมชัดเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นาน
.
.
ย้อนเวลากลับไปราวสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ งานวิวาห์ของลูกชายกำนันเฮงเละเทะไม่เหลือเค้าโครงพิธีกรรมมงคล ราวกับเป็นสถานที่แปดเปื้อนกลิ่นคาวโลกีย์ทั่วทั้งงาน เจ้าบ่าวถูกเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนร่วมงานเพื่อนเก่าสมัยเรียน เรียงคิวอัดตูดโชว์บนเวที เด็กเสิร์ฟใช้ควยแข็งโด่เด่ตัดเค้ก แล้วเสียบคาไว้เดินให้แขกในงานกินจนกว่าจะถึงแก่นควยเสร็จแล้วอมต่อจนน้ำแตก นอกจากนั้นยังมีคนถลกกระโปรง ปลดซิปงัดควยขึ้นมาเย็ดกันกลางโต๊ะจนข้าวของจานชามหล่นแตกระเนระนาด บ้างก็เอาครีมเค้กทารูตูดแล้วให้คนเลีย เจ้าสาวถูกเรียงคิวหน้ากระดานเย็ดสดแตกใน จนน้ำว่าวของผู้ชายเกือบยี่สิบคนไหลเอ่อทะลักทลายล้นออกจากปากถ้ำเจิ่งนอง
.
.
เด็ก ๆ ผลักภาพแต่งงานขนาดใหญ่เลี่ยมกรอบทองที่ตั้งโชว์หน้างานจนหล่นแตก จากนั้นจึงช่วยกันเยี่ยวรดภาพของทั้งสอง แถมยังเติมหนวด เขียนคิ้ว ใส่เขี้ยวเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าบ่าวเจ้าสาว พร้อมทั้งเขียนข้อความลงในภาพ เช่น "พ่อแม่ไม่สั่งสอน" "ไอ้ชาติหมา" "หัวควยไอ้ส้นตีน" "ลูกอีดอกทอง" เป็นต้น แขกเหรือในงานต่างสูญสิ้นจิตสำนึกของมนุษย์ ส่วนพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งนิ่งตัวเกร็ง โดยมีชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งนั่งคั่นกึ่งกลางบุพการีทั้บสองฝ่าย นั่นคือเต๋อซึ่งนั่งคุมเชิงบีบบังคับร่างกายให้พ่อแม่ของทั้งฝ่ายดูความจัญไรหายนะของลูกหลานตัวเองโทษฐานที่เลี้ยงดูให้โตมาอย่างขาดการอบรม
.
.
เจ้าบ่าวไล่แหวกแก้มก้มลงลิ้นเลียรูตูดแขกผู้ชายในงานขณะที่เจ้าสาวช่วยอมควยให้จากหน้าด้านแทนคำขอบคุณที่ร่วมมาเป็นสักขีพยาน ส่วนแขกสุภาพสตรีบางส่วนที่ไม่ได้ร่วมวงคาวสวาท ก็ไม่น้อยหน้า แก้ผ้าเต้นเอาร่องหีร่องดากรูดตามเสาร่วมสร้างบรรยากาศ เสียงเพลงคลาสสิคถูกเปลี่ยนเป็นเพลงเดดเมทัลจังหวะกระหึ่ม ใครอยากจะเย็ดหีเจ้าสาว หรืออัดตูดเจ้าบ่าวก็ไม่มีการเกี่ยงงอนใด ๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งรูตูดเจ้าบ่าวบวมแดงมีเลือดไหลซึม และร่องหีเจ้าสาวนั้นเฉอะแฉะเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำเชื้อจากชายนับไม่ถ้วน ทั้งคู่มีสภาพไม่ต่างจากกะหรี่ราคาถูก ๆ เมื่อบริการทางเพศจนแขกเหรืออิ่มหนำใจแล้ว ทั้งสองเดินเข้าไปหาพ่อแม่ที่นั่งอยู่ และผลัดกันนั่งคร่อมหน้าเบ่งรีดน้ำว่าวที่ขังในหีและรูตูดออกมาแลกกันกินต่อหน้าบุพการีที่ได้แต่นั่งน้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด
.
.
ขณะเดียวกัน แขกในงานยังคงร่วมเพศและดิ้นกันสุดสวิงริงโก้อีโต้เหวี่ยง มีการนำเหล้าดีกรีแรงมาพ่นไฟโชว์ คราวซวย. . .เปลวไฟลุกพรึ่บติดม่านขนาดมหึมาและลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนก็ยังสนุกลืมโลก ไม่รู้ร้อนหนาวแม้จะเกิดเปลวแสงโชติช่วงสว่างจ้าก็ตาม
.
.
"พอแค่นี้ก่อน" เต๋อดีดนิ้วคืนสติให้ทุกชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่ระบบสัญญาณเตือนภัยตรวจจับความผิดปกติได้ เสียงกริ่งดังลั่นและหัวฉีดบนเพดานปล่อยน้ำออกมาดับเปลวไฟ เต๋อแหงนหน้ายิ้มราวกับสนุกทีรู้ทันได้แม้กระทั่งเหตุการณ์เฉพาะหน้า เขาหยิบร่มขึ้นกางอย่างใจเย็นท่ามกลางฝนเทียม นับว่าเขาเลือกร่มได้ถูกต้องถามคำบอกใบ้จากณัฐ
.
.
ผู้คนเริ่มคืนสติและกรีดร้องเมื่อพบว่าสภาพร่างกลายเปลือยเปล่า บ้างก็เจ็บปวดเครื่องเพศเพราะใช้เย็ดอย่างโชกโชน กำนันเฮงพ่อของเจ้าบ่าวช็อคจนอาการโรคหัวใจกำเริบกะทันหัน ลูกชายรีบเข้าไปประคองทันทีโดยไม่สนใจว่าสถานการณ์รอบตัวเลวร้ายแค่ไหน
.
.
ท่ามกลางความอลหม่านและคำถามที่ตามมานับร้อยพัน เต๋ออาศัยจังหวะนี้เดินกางร่มออกจากห้องโถงเงียบ ๆ
.
.
.
.
"เฮ้ย เดี๋ยวสิ ไอ้คนหล่อ ๆ ถือร่มนั่นใครน่ะ ไม่เปียกอยู่คนเดียว แถมไม่ตกใจอะไรเลย เหมือนมันคุมสถานการณ์ไว้ทุกอย่าง" อ้นโพล่งขึ้นมา และทำให้มีนเพิ่งฉุกคิดได้ว่าเขาเห็นในสิ่งที่ไม่สมควรเข้าซะแล้ว เธอรีบดึงมือออกจากกระหม่อมเขาเพื่อตัดขาดการส่งต่อภาพที่ได้บันทึกไว้จากการใช้พลังจิตสัมผัส
.
.
.
"มีน! ขอดูอีกรอบหน่อยนะ ผู้ชายคนนั้นน่าสงสัย!"
.
.
"พอเถอะ ฉันเหนื่อยแล้วนะ" เธอแสร้งพูดเพราะไม่ต้องการให้เพื่อนชายรู้ลึกไปกว่านี้ ที่จริงเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าไม่น่าให้เห็นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
.
.
"เฮ้ย! ซีเรียสนะ! บางทีมันอาจเป็นเจ้าลัทธินอกรีต เผยแผ่คำสอนอัปปรีย์ ๆ สู่ผู้คนก็เป็นไปได้ ถ้าเรื่องจริงล่ะก็เรื่องใหญ่เลยนะ แกไม่สังเกตเหรอว่าช่วงปีที่ผ่านมามีข่าวแบบนี้บ่อยจนไม่น่าจะเป็นไปได้เลย" อ้นทำท่าราวกับโลกกำลังจะแตก ส่วนมีนได้แต่กุมขมับคลายความอึดอัด เธอรู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องปรามไม่ให้อ้นเพ่งเล็งตัวอันตรายอย่างเต๋อ
.
.
"มีน! ขอฉันดูอีกรอบนะ! อีกรอบเดียวจริง ๆ! ซีเรียสนะเว้ย! ถ้าแกให้ดูฉันยอมลดบุหรี่เหลือวันละครึ่งซองเลยเอ้า!"
.
.
.
มีนเสยผมขึ้น พยายามกดเก็บอารมณ์ไม่ให้หลุดโพล่งสิ่งใดที่อาจเป็นการชี้นำ เธอขยับสายสะพายกระเป๋าเข้าไหล่ก่อนขอถอนตัวออกมา แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เธอให้ความร่วมมือไม่ได้
.
.
"อ้น. . . เฉพาะเรื่องนี้. . .ฉันยอมให้แกสูบวันละสองซองยังดีกว่าฉายอีกรอบเลย ลืม ๆ ไปซะเถอะ ขอร้องล่ะ"

เวลาต่อมา ณ บ้านไร่แห่งหนึ่งในจังหวัดชนบท
.
.
.
"ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ!" แฟนสาวเอ็ดชายหนุ่มลั่นบ้าน "ทำไมต้องวางกับดักสัตว์ไว้หน้าห้อง เกิดมีคนเหยียบขึ้นมาจะเป็นยังไงฮึ!"
.
.
"นั่นละสิ่งที่ไม้ต้องการ" ไม้ตอบดาวแฟนสาวอย่างอิดโรย เขานอนน้อยสองสามวันติดกันแล้ว เพราะหมดเวลาไปกับการรื้อค้นหาอาวุธสำหรับป้องกันตัว ซื้อกล้องวงจรปิดติดทั่วบ้าน และนำกับดักสัตว์จากห้องเก็บของมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ด้วยเกิดอาการวิตกจริตหลังจากเกรซและวีโทรมาเตือนว่าผู้อยู่เหตุการณ์เบื้องหลังข่าวอัปยศของเพื่อนร่วมรุ่นที่ผ่านมาทั้งหมดคือ "พลังโทรจิตของเต๋อ" ที่สำคัญเธอพบร่องรอยการใช้มือถือของเธอต่อสายถึงไม้ กอปรไม้เพิ่งนึกได้ว่าเคยมีคนใช้เบอร์เกรซโทรเข้ามาพูดจาแปลก ๆ ทิ้งท้ายไว้ว่า "คนทรยศ"
.
.
สิ่งละอันพันละน้อยทั้งหมดประกอบเป็นภาพคร่าว ๆ ว่าอีกไม่นานนี้ เหยื่อรายต่อไปที่เต๋อจะเดินทางมาเพื่อชำระความอาจเป็นเขา ซึ่งไม้ไม่มีทางยอมสิ้นอนาคตหมดรูปอย่างเหยื่อรายก่อน ๆ เป็นอันขาด ข้อเสนอแนะจากวีคืออยากให้สี่แสบจตุรเทพรวมตัวกันทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการกับเต๋อ แต่ไม้ปฏิเสธที่จะรวมกลุ่ม เขารักสันโดษและมักหาทางยุติปัญหาด้วยตนเองคนเดียว
.
.
.
ความจริงมีวิธีที่ลงทุนน้อยกว่านี้คือหนีไปกบดานที่อื่น แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่ไม้เดินทางไปจังหวัดข้างเคียง เพื่อติดต่อทางสำนักศิลปากรประจำเขตให้รับมรดกของชาติไปดูแล สืบเนื่องจากสองสามีภรรยาขุดพบไหบรรจุพระพุทธรูปโบราณ พระเครื่อง และเครื่องทองต่าง ๆ โดยบังเอิญขณะขุดดินเพื่อทำสวน สองสามีภรรยาไม่อาจนำสมบัติทั้งหมดติดตัวไปได้ ซ้ำยังกังวลเรื่องความปลอดภัย จึงพกแค่สมบัติชิ้นเล็ก ๆ บางส่วนและถ่ายรูปสมบัติที่เหลือไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ประเมินค่า ส่วนสมบัติตัวจริงถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัย ในฐานะลูกชายคนเดียว ไม้จึงถูกไหว้วานให้เฝ้าบ้านดูแลสมบัติโบราณและคุณตาที่เดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น โดยมีดาวแฟนสาวมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งทั้งสองครอบครัวทั้งไม้และดาวก็ไม่ได้ข้องใจอันใด เพราะเป็นที่รู้กันว่าหนุ่มสาวสมัยนี้แม้จะยังอยู่ในคราบนักเรียน แต่ความสัมพันธ์ฉันแฟนคงหนีไม่พ้นการได้เสียกันฉันผัวเมียอยู่ดี โดยทั้งดาวและไม้เรียนต่อ ปวส. สาขาบริหารธุรกิจที่โรงเรียนใกล้บ้าน ทั้งสองรู้จักกันที่นั่น
.
.
.
ไม้ทดสอบองศาหน้าไม้ล่าสัตว์โดยเล็งเป้าไปยังตามจุดล่อแหลมต่าง ๆ ภายในบ้าน ทำเอาทั้งคุณตาและดาวหวาดเสียวไปตาม ๆ กัน ไหนจะกล้องวงจรปิดที่ทำให้บรรยากาศในบ้านเหมือนคุก ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือกับดักสัตว์ที่วางไว้หน้าห้องนอน เมื่อปิดไฟตอนกลางคืนจะมองไม่เห็นเลย ทำให้ดาวไม่กล้าลุกกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำ ดาวได้แต่ด่า ด่า ด่า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรนัก เพราะไม้หมกหมุ่นจนราวกับหลุดอยู่ไปอีกมิติหนึ่งที่เธอส่งเสียงเข้าไปไม่ถึง และไม้ก็ไม่ยอมปริปากอธิบายรายละเอียดอันใด นอกจากพูดแค่ว่าจำเป็นต้องทำซักระยะจนกว่าพ่อและแม่จะกลับมา แล้วจากนั้นเขาจะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นทันที บ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
.
.
"เสียสติรึไงไม้! หยุดทำบ้า ๆ ซะที!!" ดาวร้องไห้จ้าหน้าห้องนอนต่อหน้าคุณตาที่ไม่กล้าออกความเห็นใด ๆ สุขภาพของแกอย่าว่าแต่จะมีโอกาสลุกขึ้นเดินได้เลย แค่อ้าปากกินข้าวก็แทบจะหมดแรงแล้ว
.
.
.
ชายหนุ่มไม่สนใจ ทุกลมหายใจของเขาจดจ่ออยู่กับจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างไม่ละสายตาอยู่ในห้องส่วนตัว จนกว่าพ่อแม่จะกลับมาเท่านั้น หากคลาดไปเพียงวินาทีเดียว เขาอาจต้องพบชะตากรรมเดียวกับปรียาหรือแม่ของเกรซที่ถูกยัดเยียดให้กลายเป็นจำเลยสังคม
.
.
"เก่งจริงก็เข้ามาเลยไอ้หนอนพยาธิอ่อนแอ!" ไม้สื่อสารกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน บางทีอาจเพื่อปลุกใจตัวเอง
.
.
.
"ให้มันรู้ว่าโพดำไม่ใช่หมูที่จะเคี้ยวกันได้ง่าย ๆ"
.
.
.
จบตอนที่ 18 รู้ทั้งรู้แต่พูดไม่ได้











แค่เธอยักคิ้ว ต้นงิ้วก็แค่ถั่วงอก