ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

With No Remorse Copy Chapter 4

เริ่มโดย zaaaar65, พฤศจิกายน 17, 2015, 10:41:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zaaaar65

นายพันเอกหนุ่มใหญ่แต่งกายลำลองยืนปะปนอยู่ในหมู่คนที่คอยมารับผู้ที่โดยสารมากับเที่ยวบินที่เพิ่งจะลงจอด อีกด้านหนึ่งของอาคารมีกลุ่มคนแต่งกายภูมิฐานกลุ่มหนึ่งรายล้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจนายพันเอกเหลือบตามองกลุ่มคนนั้นที่แทบจะถลาเข้าไปรับคนที่เดินออกมาจากช่องทางพิเศษนั้น
"นึกว่าใคร ไอ้ผู้ช่วยค้ายาบ้านี่เอง" นายพัดเอกหนุ่มคิดเมื่อเห็นชายคนที่เดินออกมาจากช่องทางชายหนุ่มอายุไม่เกินสี่สิบแต่งชุดสูทหรูออกท่าทางกร่างขณะที่เดินผ่านทางออกมายังกลุ่มคนที่กรูเข้าไปยกมือไหว้กันสลอนท่าทางพินอบพิเทาแล้วก็แทบจะอุ้มกันออกไปจากท่าอากาศยานไปขึ้นรถคนหรูที่จอดรอข้างนอกจากนั้นรถตำรวจนำขบวนก็เปิดสัญญาณดังลั่นก่อนจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกไปคนที่อยู่ในสนามบินถึงได้หันกลับมายังช่องทางขาเข้าเพื่อคอยดูคนที่ตนเองมารอรับต่อนายพันเอกยกมือขึ้นโบกเมื่อเห็นกลุ่มคนอายุอานามไล่เลี่ยกับตนเองเดินออกมาหลายคนในกลุ่มยกมือขึ้นโบกรับก่อนจะเดินตรงมาหาเสียงทักทายกันระงมจนกระทั่งนายพันเอกมองไปพบกับสาวใหญ่ท่าทางพูมฐานแต่งตัวลำลองด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีรับกันและรองเท้าผ้าใบสีขาวในมือลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบกะทัดรัดมาด้วยเมื่อเธอเห็นหน้าเขาก็ส่งยิ้มมาให้
"สวัสดีค่ะคุณการุณย์ มารับเองเลยนะคะ" เธอทักทายนำมาก่อน
นายพันเอกยิ้มกว้าง "สวัสดีครับคุณกานดา บินสบายไหมครับ"
"แหม แค่ชั่วโมงเดียวเองนะคะนี่ ขอบคุณค่ะ" เธอกล่าวขอบคุณเมื่อนายพันหนุ่มใหญ่ดึงกระเป๋าใบมือเธอไปอย่างสุภาพ"เสียดายตาชายไม่ว่างเลยไม่ได้มาด้วย"
"นั่นซีครับ ไม่เจอกันร่วมสิบปี" เขารับคำ "ตั้งแต่บรรพตเสียไปนั่นคุณกานดาเองก็ไม่ค่อยได้มางานรุ่นเลยนะครับ"
"ค่ะไม่ค่อยสะดวก" เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ "มาคนเดียวเหรอคะ"
"ผมยังอยู่คนเดียวครับมีลูกน้องมาด้วยรออยู่ข้างนอก" การุณย์พูดจบก็หันไปบอกเพื่อน
"รถอยู่ข้างนอกนะครับทุกคนเดี๋ยวเอากระเป๋าไปวางตรงที่ลูกน้องผมอยู่แล้วขึ้นรถได้เลยผมจะพาไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยกลับมาพักกันครับ" เพื่อๆ ของการุณย์รับคำบ้างโบกไม้โบกมือบ้างแล้วค่อย ๆ ทยอยกันออกไปการุณย์ลากกระเป๋าของกานดาเดินตามไปพอทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้วรถบัสปรับอากาศคันนั้นก็แล่นออกจากท่าอากาศยานไปช้า ๆ แล้วเลี้ยวหายลับไปรถตำรวจเปิดไฟฉุกเฉินเลี้ยวเข้าจอดหน้าโรงแรมหรูหน้าประตูบานใหญ่ที่ทางขึ้นกลุ่มคนยืนออกรอรับผู้ที่เพิ่งมาถึงอยู่เป็นแถวพอผู้ที่โดยสารลงจากรถก็กรูเข้ามาต้อนรับยกมือไหว้ทักทายกันขรมหญิงสาวสองคนที่แต่งชุดไทยรำต้อนรับพร้อมกับโปรยข้าวตอกดอกไม้ตามทางเดินเหมือนจะต้อนรับบุคคลสำคัญ คนที่ลงมาจากรถคันหรูคือชายหนุ่มที่การุณย์เห็นที่สนามบินนั่นเองผู้ช่วยรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งที่เป็นรัฐบาลในขณะนี้ยกมือไหว้กราดไปทั่วหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสหยุดทักทายผู้คนไปตลอดทางจนถึงภายในแล้วเดินตามคนในชุดสูทสองคนไปที่ลิฟท์ก่อนจะหายลับขึ้นไปกับกลุ่มคนที่มาด้วยกัน ประตูห้องสูทปิดลงพร้อมกับกันคนอื่นไว้นอกห้องภายในห้องสุดหรูเหลือคนไม่กี่คน ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสองคนที่มาร่วมคณะตนเอง
"คุณจะไปไหนหรือเปล่า"
"เดี๋ยวจะไปเดินกาดสวนแก้วกับลูกคุณล่ะคะ" ผู้ที่สูงอายุกว่าตอบพลางขยับกระเป๋าถือ
"เดี๋ยวผมจะพักหน่อย คุณไปกับลูกแล้วกัน" พอพูดจบหญิงสาวทั้งสองก็ฉวยกระเป๋าเดินฉับ ๆออกไปพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคน ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากด
"เสี่ยเล้งหรือครับ ผมเอง กิตติกร ใช่อยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ ผมแว่ว ๆ มาว่านายกมีแผนล้างยาบ้า" ....... "ยังไม่มีรายละเอียดผมกำลังสืบอยู่" ....... "ไม่ต้องหรอกผมอยู่อีกสองวัน จะกลับวันอังคาร ไม่มีอะไรมางานที่ มช." ....... "ถ้าจะเจอเอาไว้ที่อื่นดีกว่านัดกันทีหลัง อย่าให้เอิกเกริก ของจะได้เมื่อไหร่" ......."โอเค อย่าให้ช้าแล้วกัน" พูดจบก็กดปุ่มตัดสายแล้วลงนั่งถอนหายใจยาว
"ผมไม่ไปไหนแล้วพวกคุณไปพักผ่อนกันเหอะ" ชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูรับคำแล้วผลุบออกไปทิ้งผู้ช่วยรัฐมนตรีหนุ่มไว้ในห้องเขาหยิบเอาบันทึกที่ผู้ช่วยวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านพร้อมกับยิ้มในหน้า
"ยาเสพติด พิษของสังคม เรอะ ไอ้โง่ทั้งหลาย ฮ่า ฮ่า" เสียงปรบมือดังก้องหอประชุมเมื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีคนหนุ่มของพรรคการเมืองใหญ่กล่าวจบ เขายกมือไหว้คนที่อยู่ในหอประชุมก่อนจะเดินลงจากเวทีลงมานั่งด้านหน้าพูดคุยกับผู้ที่นั่งอยู่ข้างเคียงครู่หนึ่งแล้วขอตัวลุกขึ้นระหว่างที่เดินออกมาถึงหน้าหอประชุม หมู่นักข่าวก็กรูกันเข้ามารุมล้อมไมโครโฟนส่ายร่อนเสียงนักข่าวถามระงมจนแทบฟังไม่รู้เรื่องผู้ช่วยหนุ่มระบายยิ้มบนใบหน้า "ยาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติครับผมดีใจที่ท่านนายกหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นวาระแห่งชาติรัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่ ผมมาวันนี้ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลเพื่อปลุกกระแสต่อต้านยาเสพติดในภาคเหนือที่ท่านนายกถือเป็นเรื่องเร่งด่วน" ผู้ช่วยหนุ่มทำหน้าจริงจังขณะเอียงหูฟังคำถามจากนักข่าว....... "เรามีนโยบายทั้งปราบปรามและเยียวยาเพื่อให้สังคมไทยปราศจากยาเสพติดครับอันนี้เป็นนโยบายรัฐบาลครับ" ....... "ผมขอเรียนว่าปัญหานี้มันหยั่งลึกลงไปในสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะปราบปรามต่อไปครับแน่นอนครับ" ....... "รัฐบาลจะให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามเด็ดขาดครับไม่ต้องห่วงว่าจะมีการลูบหน้าปะจมูก ถึงจะเป็นคนของรัฐบาลถ้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รัฐบาลจะดำเนินคดีแน่นอนครับ"
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับเบาะรถ ถอนหายใจมองหน้าคนขับรถคนสนิทของตนเองที่ให้เดินทางมาด้วย "เบื่อฉิบ" เขารำพึงขึ้นมาลอย ๆ จวบจนรถคันงามเลี้ยวเข้าโรงแรม
"เหลิม เดี๋ยวเอารถเก็บแล้วไปหาเสี่ยเล้งเอาจดหมายนี่ไปให้มันด้วย อย่าให้ใครเห็นล่ะ"
"ครับนายแล้วคืนนี้นายไปไหนหรือเปล่าครับ"
"ไม่ล่ะอั๊วจะนอน" ผู้ช่วยหนุ่มบอกแล้วลงจากรถปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กลุ่มคนและนักข่าวที่กรูเข้ามารายล้อมก่อนจะแทรกกลุ่มคนหายเข้าไปในโรงแรม เขาตรงดิ่งเข้าห้องพักหรู ถอดเสื้อนอกรูดเนคไทผ้าไหมออกโยนลงบนเก้าอี้โซฟาพร้อม ๆ กับประตูห้องนอนห้องหนึ่งเปิดออกมาสาวรุ่นคนหนึ่งเดินออกจากห้องทั้งเนื้อตัวมีแต่ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดของโรงแรมพันรอบกาย ขอบบนรัดอยู่เหนือเต้านมกลมจนโป่งนูนชายด้านล่างเรี่ยอยู่แค่โคนขาแทบจะปิดโคกเต้าไม่มิด
"ฝนกลับมาคนเดียวหรือลูก แม่เราล่ะ" ผู้ช่วยชะงักหันกลับไปถามบุตรสาวแต่สายตากลับไล่ไปตามขอบผ้าขนหนู
"แม่ไปกินขันโตกกับคุณนายผู้ว่าฝนขี้เกียจไปกับคนแก่ กว่าจะกลับก็ดึกแหละ ฝนขี้เกียจนั่ง พ่อไม่ไปไหนเหรอคะ" สายตาของสาวรุ่นชม้ายมองผู้เป็นบิดา
"พ่อบอกเขาว่าพ่อทำงานเครียดจะกลับมาพักผ่อนน่ะ" ผู้ช่วยทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้
"งั้นฝนนวดให้นะคะ" หญิงสาวเดินมายืนตรงหน้าผู้เป็นพ่อแล้วทรุดร่างลงนั่งดวงตาของผู้ช่วยรัฐมนตรีมองเขม็งไปที่ชายผ้าตรงง่ามขาที่เปิดชะเวิกจนมองเห็นกลีบเนื้อปกคลุมด้วยขนดำสนิทนิ้วมือเรียวขาวกดลงตรงข้อพับขาแต่นิ้วหัวแม่มือกลับกดลงกับท่อนเอ็นที่อยู่ในกางเกงแล้วคลึงเน้นจนมันพองตัวขึ้น
"อุ๊ยพ่อคะ มันขยับด้วย"
"ก็ฝนชอบเล่นมันไม่ใช่เหรอลูก" ผุ้เป็นพ่อขยับตัวยามที่ลูกสาวปลดเข็มขัดและตะของกางเกงแล้วรูดซิปเปิดกางเกงออก ล้วงลงไปกำท่อนเอ็นของพ่อตนเองดึงออกมาตั้งชันปลายบานปราศจากหนังหุ้มด้วยผู้เป็นพ่อขลิบหนังออกไปตั้งแต่เด็กหัวเอ็นสีชมพูเบ่งบานอยู่ตรงหน้าบุตรสาวเธอขยับดึงขอบเอวรูดกางเกงบิดาลงไปกองที่หัวเข่าโดยที่เขาขยับตัวให้เธอดึงไปอย่างคุ้นเคย
"ของพ่อสวยจังนะคะฝนอิจฉาแม่จัง" สองมือกุมรูดท่อนเอ็นเบา ๆพร้อมกับช้อนตาขึ้นสบตาผู้ให้กำเนิดแล้วก้มลงอ้าอมท่อนเอ็นเข้าปากดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อยและใช้มือกำกุมรูดมันเบา ๆ
"อืมมฝน ดีจังลูก เก่งกว่าแม่เราอีกนะ"
"เหรอคะพ่อแล้วยังงี้ล่ะคะ" ปากน้อยๆ ถามอ้อน ๆ ก่อนจะห่อปลายลิ้นกดลงกับปากรูปลายหัวถอกจนผุ้เป็นพ่อสูดปากลั่นมือน้อย ๆ ช้อนพวงไข่คลึงเบา ๆ
"อูยยังงั้นแหละฝนลูก อย่าว่าแต่ยังงี้เลย แม่เขายังไม่เคยดูดของพ่อเลย" ผุ้ช่วยรัฐมนตรีกัดฟันข่มความเสียว
"แล้วอย่างนี้ล่ะคะ" เด็กสาวปล่อยมือออกลุกขึ้นยืนปลดผ้าเช็ดตัวออกโยนไปด้านข้างร่างขาวผ่องนวลเนียนไปทั้งตัวยืนอวดสายตาผู้เป็นบิดาร่างเด็กสาวที่เพิ่งถึงวัยรุ่นผอมบางตามสมัยนิยม หน้ารูปไข่กลมเกลาคิ้วเรียวปากนิดจมูกหน่อยลาดลงมาที่ลำคอบางเรียวรับกับอกที่ตั้งเต้ากลมกลึงสองก้อนย่อม ๆขนาดไม่อวบอัดแต่ปลายหัวนมที่ตั้งชันเป็นสีชมพูระเรื่อยั่วปลายลิ้นหน้าท้องแบนเอวแทบไม่เห็นด้วยเรือนร่างผอม ๆตรงง่ามขานั้นประดับด้วยไรขนพลอมแพลมปกคลุมเนินกระจิดริดอยู่เบาบางมองลึกลงไปในไรขนเห็นกลีบแคมเนื้อที่ปิดสนิทประกบกับอยู่ชัดตาเด็กสาวไม่หยุดแค่เปลือยกายแต่ก้าวขาขึ้นวางเท้าลงข้างสะโพกบิดาแล้วยันตัวขึ้นยืนแล้วย่อตัวยันเขาลงข้างไหล่กว้างดันโคกเนื้อเข้าสูปากเรียวบางของพ่อตนเองที่อ้าออกสอดปลายลิ้นเข้าหากลีบแคมสอดมันผ่านกลีบเนื้อลงไปกระทบเม็ดติ่งสีชมพูที่ซ่อนเร้นเด็ดสาวร้องอุ้ยเมื่อเม็ดเนื้อสัมผัสกับปลายลิ้นพ่อตัวเองจนเสียววาบ ขมิบถ้ำคับวิบๆ เมื่อผู้เป็นพ่อกระดกลิ้นรัวลงกับยอดติ่งเนื้อจนเสียววาบ
ๆ "อุย พ่อคะ ฝนเสียวววว พ่อเคยเลียหีแม่ไหมคะ" ปากน้อยฉอเลาะพร้อมกับมือที่โอบศีรษะพ่อตนเอง
"ของแม่อร่อยสู้ของฝนไม่ได้หรอกจ๊ะ" ชายหื่นกามบอกแล้วผละออกช้อนจับร่างบอบบางพลิกกลับไปนอนหงายบนเก้าอี้ เด็กสาวหัวเราะคิก ๆเมื่อพ่อตัวเองจับขาแบะออกแล้วกดหน้าลงดูดดุนเม็ดติ่งและกลีบเนื้อสาวอย่าง เมามันสะโพกบาง ๆ เด้งเป็นจังหวะเมื่อโดนปลายลิ้นสาก ๆ เลียไล่ไปมาสองมือประคองแก้มบิดาให้ตรงโคกแคมที่พ่อตนเองกำลังโลมเลียไปทั่วน้ำเมือกหล่อลื่นไหลหลั่งออกมาจากกลีบเนื้อชโลมทั้งกลีบทั้งลิ้นจนชุ่มฉ่ำผู้ช่วยนักค้ายาหื่นกามผละออกจากร่างบลาง ๆของลูกสาวแล้วขยับตัวเข้าประชิดจับท่อนเอ็นแข็งจรดปากรูถ้ำทองของลูกสาวแล้วกดเอวดันมันลื่นไหลเข้าไปช้า ๆ
"อูยพ่อขา ฝนเสียว ตึงรูหี" ปากน้อยๆ เอื้อนเอ่ยแต่สายตากลับเต็มไปด้วยแววหื่นกระหาย
"ไม่นานหรอกลูกเดี๋ยวก็หมดท่อนควยแล้ว" ผุ้เป็นพ่อกระเด้าเป็นจังหวะส่งท่อนควยที่เบ่งบานมุดเข้าไปเรื่อยๆ จนมิดลำ โคกแคมน้อย ๆ อ้าอมท่อนควยพลางขมิบด้วยความเสียว
"เห็นมั๊ย หมดท่อนแล้ว" ร่างบอบบางเกร็งเล็ดน้อยปากจิ้มลิ้มเป่าพรู ๆ ด้วยความเสียวระคนเจ็บแน่น
"พ่อคะทำไมพ่อเย็ดฝนตั้งหลายครั้งแล้วมันยังไม่หายเจ็บล่ะคะ"
"ก็นาน ๆ เย็ดทีนึง ของฝนก็คับด้วย เดี๋ยวก็หายนะลูกแล้วจะมันเหมือนทุกครั้ง"
"พ่อเย็ดฝนทุกคืนไม่ได้เหรอคะ" ปากน้อย ๆถามต่อพร้อมกับอ้าแขนกางออกรับร่างพ่อของตนเข้าสวมกอดสยิวตัวเมื่อปากของบิดาอ้าอมเม็ดหัวนมดูดเบา ๆ
"เดี๋ยวแม่รู้ก็อดซีลูกแล้วนาน ๆ ทีก็ดีแล้วนะ ถ้าเย็ดบ่อย ๆ เดี๋ยวฝนจะหลวมเหมือนแม่น่ะซี"
"พ่อก้อ" เสียงกระเง้ากระงอด
"ฝนยังไม่แก่จะหลวมได้ไง นี่แน่ะ ๆ ๆ" สาวน้อยตอบแล้วกระดกสะโพกบาง ๆ ดันโคกหีน้อย ๆ ขึ้นใส่"อุ้ย เสียวจังค่ะพ่อ"
"พ่อก็เสียวของผมมันรัดควยพ่อน่าดู" ผู้เป็นพ่อบอกแล้วเกร็งเอวกระเด้าพรวด ๆท่อนเอ็นบุกทะลวงถ้ำน้อย ๆ จนดังผลุบผลับยามที่ท่อนเอ็นมุดเข้าออกถ้ำน้อยรัดท่อนเอ็นจนเขารู้สึกเสียวซ่าน ต้องกระเด้ายึก ๆส่วนลูกสาวก็ครวญครางไปพร้อมกับจังหวะกระเด้าด้วยความเสียว
"พ่อขา ฝนไปแล้วววววววว" เด็กสาวครางยาวเหยียดส่ายหัวสะบัดจนผมกระจายเมื่อเสียวถึงสุดขีดร่างบางเกร็งเหยียดแล้วกระหวัดรัดร่างกำยำของบิดาแน่นขณะเดียวกับที่พ่อจอมลามกกดท่อนเอ็นนิ่งรอจนร่างลูกสาวอ่อนลงแล้ว "ดีไหมลูก"
"ดีค่ะพ่อ ฝนรักพ่อจังเลย" คนเป็นพ่อไม่ตอบแล่ขยับยันตัวลูกขึ้นร่างเด็ดสาวผอมบางเบาหวิวให้เขาช้อนสะโพกยกขึ้นได้โดยง่ายท่อนเอ็นที่สอดคาอยู่นั้นยังไม่ได้พ่นพิษออกไปมันจึงยังแข้งแกร่งเต็มพิกัดอุดยัดเข้าเต็มรูสวาทของลูกสาว พอเขาออกก้าวเดินมันก็กระทุ้งยวบ ๆท่อนเอ็นแข็งปักคาอยู่อย่างนั้นก็พอดีกับน้ำหนักตัวของเด็กสาวที่กดลงทำเอาเม็ดเนื้อกดลงกับท่อนเอ็นแข็งของบิดายามเมื่อเขาขยับเดินตัวเธอก็ขยับหย่งบดเม็ดเนื้อลงกับท่อนเอ็นความเสียวที่เพิ่งจะจางลงไปเล็กน้อยเมื่อโดนท่อนเอ็นแข็งบดบี้เม็ดเนื้อมันก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกจนต้องโอบรอบคอบิดาตัวเองไว้รัดขาเข้ารอบเอวแล้วใช้ไหล่บิดาเป็นที่เหนี่ยวดึงตัวสลับปล่อยให้โคกเนื้อสวมสอดท่อนเอ็นของบิดาเป็นจังหวะ รูหีขมิบวาบ ๆ ด้วยความเสียวเมื่อเขาอุ้มพาเธอเดินเข้ามาถึงห้องนอนก็วางตัวลูกสาวลงกับที่นอนถอนท่อนเอ็นออกแล้วเดินไปเปิดผ้าม่าน ทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่ก็เปิดออกสู่สายตาทั้งตึกรามบ้านช่องที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟและท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวง ดาวเข้าเดินไปปิดไฟในห้อง เมื่อห้องมืดสนิทภาพของเมืองและฟากฟ้าราตรีก็แจ่มชัดขึ้นอีกพ่อผู้กลัดมันเดินกลับมาที่เตียงนอนจับประคองร่างบาง ๆของบุตรีขึ้นให้อยู่ท่าคลานกับพื้นเตียงนอน
"อย่างนี้ฝนจะได้ดูวิวไปด้วยไงลูก" ผู้เป็นพ่อบอกพร้อมกับดันท่อนเอ็นเข้ารูถ้ำคับแน่นมันครูดเอาผนังช่องสังสาวจนลูกสาวเสียวสยายกระดกสะโพกส่ายก้นรับท่อนลึงค์ของบิดาเข้าไปจนมิด
"อูยพ่อขาท่านี้เสียวสุด ๆ ไปเลย พ่อขา เร็ว ๆ ค่ะพ่อ"
ไม่ต้องรอเสียงร้องขอต่อไปผู้ช่วยรัฐมนตรีที่กลายเป็นพ่อใจชั่วกระหน่ำกระเด้าท่อนควยตนเองเข้าออกถ้ำทองคับของบุตรสาวอย่างเมามัน ข้างบุตรสาวเองก็กระดกก้นโย้ตัวเข้าใส่ท่อนเอ็นผุ้บังเกิดเกล้าด้วยความเงี่ยนง่านทะยานอยากสองพ่อลูกประสานจังหวะจนท่อนเอ็นมุดเข้าออกขับเอาหยาดเมือกที่ถูดเสียดสีกลายเป็นฟองขาวฟ่อด ผู้เป็นบิดาขยับกระเด้าหนัก ๆจนร่างลูกสาวตัวสั่นตัวคลอดด้วยแรกกระแทก มือข้องหนึ่งจับสะโพกบางดึงเข้าอีกมือหนึ่งเอื้อมไปบีบเคล้นเต้ากลมกระเปาะจนเม็กจะงอยหัวนมบุบบี้ไปมาแล้วท่อนเอ็นแข็งก็ปลดปล่อยน้ำกามในสายเลือดพุ่งเข้าโคกกระเปาะน้อยเต็มแรง
"อืมม อืยยยย พ่อแตก โอย" ชายกลัดมันขบฟันข่มความเสียวกดเอวส่ายให้ท่อนเอ็นควานฉีดพ่นน้ำกามไปทั่วรูเนื้อน้อย ๆ ข้างสาวน้อยก็เกร็งตัวกำมือแน่นกลั้นเสียงจนกลายเป็นสะอื้นเมื่อรูเนื้อรับน้ำกามของพ่อตนเองเข้ามาจนอุ่นซ่านท่วมท้นการุณย์ไขกุญแจประตูห้องแล้วผลักมันเปิดออกกว้างพร้อมกับดึงลูกกุญแจส่งให้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
"กุญแจครับ คุณกานดา นอนหลับฝันดีนะครับ" เขาถอยออกด้านข้างให้เธอเบี่ยงตัวเข้าห้องได้สะดวกกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยเข้าจมูกจนเผลอสูดเข้าไปพอเขาเหลือบไปเห็นคิ้วเรียวขมวดเลิกขึ้นก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว ๆเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าแอบลักขนมกิน
"คุณการุณย์เข้ามาดื่มกาแฟก่อนไหมคะเดี๋ยวดิฉันสั่งให้"
"จะดีหรือครับดึกแล้ว"
"มาเถอะค่ะ ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนกันหน่อย คุยกันอีกหน่อยเมื่อกี้ในงานยังคุยกันนิดเดียวเอง" เธอถือวิสาสะดึงข้อมือเขาเข้าไปในห้องวางกระเป๋าถือลงกับโต๊ะแต่งตัวแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งกาแฟ
"เดี๋ยวดิฉันล้างหน้าหน่อยนะคะ ถ้ากาแฟมาช่วยรับด้วย" เธอบอกแล้วเข้าห้องน้ำไปการุณย์เดินไปนั่งที่ชุดรับแขกในห้องมองห้องขนาดกะทัดรัดที่ตกแต่งอย่าง เหมาะเจาะบริกรมาส่งกาแฟหลังจากนั้นครู่ใหญ่ การุณย์ไปรับแล้วถือมาวางที่โต๊ะจัดการชงกาแฟ
"ของดิฉันดำค่ะ ใส่น้ำตาลช้อนเดียว" เสียงเปิดประตูห้องน้ำ กานดาโผล่หน้าออกมาพูดยิ้ม ๆมือถือผ้าขนหนูผืนเล็กซับหน้าเดินออกมา
"คุณการุณย์ไม่ได้มีแฟนใหม่หรือคะ" เธอรับถ้วยกาแฟไปจิบ
"ไม่หรอกครับทำงานเพลินไปหน่อย" การุณย์บอกเรียบๆ "คุณกานดาล่ะครับ"
"ไม่มีค่ะเลี้ยงลูกเพลินไปหน่อย เหมือนกัน" เธอตอบยิ้มๆ "มอง ๆ ใครไว้หรือเปล่าล่ะคะ ขนาดคุณนี่สาว ๆคงติดกันเกรียวอยู่หรอก"
"ไม่มีหรอกครับคนที่ผมมอง ก็ไม่รู้เขาจะมองผมบ้างหรือเปล่า" การุณย์ตอบแล้วเงยขึ้นสบตากานดาจนเห็นได้ว่าแก้มเธอซ่านขึ้นมาด้วยสีชมพูจางๆ
"แล้วเจ้าตัวเขาทราบหรือเปล่าล่ะคะ" เธอเลิกคิ้วถาม
"ยังหรอกครับ" การุณย์บอกแล้วรู้สึกขัดเขินตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล
"อ้าว แล้วไม่บอกเขาล่ะคะ"
"ไม่กล้าครับ กลัวเขาจะเข้าใจผิดเอาว่าผมจะเอาเปรียบ"
"อืมม คิดมากนะคะเนี่ย" กานดาวางถ้วยกาแฟลง"ถ้าไม่บอกแล้วเขาจะทราบได้ยังไงคะ"
"อยากบอกเขาเหมือนกันแหละครับ"
"งั้นก็บอกเลยซีคะ นี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง ไปบอกเขาเลย" เธอพูดยิ้ม ๆ หน้าสลดลงเล็กน้อย
"ไม่ต้องไปหรอกครับ"
"อ้าว...." เธอนั่งนิ่งฉงนใจ "ทำไมล่ะคะดิฉันเอาใจช่วย ไปเถอะ จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป"
"ก็เอ่อ" การุณย์อึกอัก แล้วสูดหายใจลึก ๆ ก่อนพ่นลมเป่าปากพรูเงยหน้ามองใบหน้าคมของกานดา "ก็ผมอยู่กับเขาอยู่นี่แล้วครับ"
"งั้นก็บะ.." เสียงกานดาหายไปในลำคอใบหน้าแดงก่ำ "ดิฉันเหรอคะ ที่คุณการุณย์พูดถึง"
"ครับ คุณกานดานั่นแหละ" สองคนนั่งนิ่งมองหน้ากันต่างคนต่างหน้าแดงเหมือนหนุ่มสาวแรกรุ่น
"แต่มันมีข้อจำกัดเยอะจนผมท้อใจไหนคุณกานดาจะเป็นภรรยาของบรรพตด้วย" การุณย์ออกท่าทางอึดอัดรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองเกะกะไปหมดเขาลุกขึ้นยืนเต็มร่าง กานดาลุกขึ้นยืนตาม "ผมขออภัยคุณกานดาด้วยครับที่เสียมารยาท"
"เรื่องอะไรคะ"
"เรื่องที่ผมพูดจาจาบจ้วงไปน่ะครับ" การุณย์เงยหน้าแดงขึ้นมองหน้าคมของหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"คุณกานดาคงไม่ได้คิดอะไรแบบผมและคิดว่าผมเป็นเพื่อนของบรรพต ผมก็รักบรรพตขนาดตายแทนกันได้แต่มาเริ่มรู้สึกกับคุณกานดาเมื่อไรก็ไม่รู้ตัวหรอกครับ ผมขออภัยนะครับอย่างไรก็ตามผมขอให้คุณกานดาอย่าได้เกลียดชังผมเลยนะครับผมขอเป็นเพื่อนคุณกานดาต่อไป ก็พอแล้วครับ ฝันดีนะครับ" การุณย์พูดจบก็ตั้งท่าจะออกจากห้อง
"เดี๋ยวค่ะ คุณการุณย์" เสียงเรียกทำให้เขาหยุดหันกลับมามอง"คุณไม่คิดจะถามเลยเหรอคะว่า ดิฉันคิดอย่างไร"
"เอ้อ ผมคงไม่มีสิทธิ์ถามหรอกครับแค่นี้ผมก็เสียมารยาทมากแล้ว"
"ถ้าคุณบรรพตยังอยู่ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้คุณบรรพตไม่อยู่แล้วนี่คะ" เธอถามเลิกคิ้ว
"ผมยังรู้สึกเหมือนทรยศเพื่อนอยู่น่ะครับ" "คุณรู้ไหมคะว่าเรื่องสุดท้ายที่คุณบรรพตพูดถึงก่อนที่จะเสียไป คุณบรรพตสั่งดิฉันว่าอะไร"
"เรื่องส่วนตัวกระมังครับ ถ้าคุณกานดาจะกรุณาเล่านะครับผมก็ยินดีครับ"
"ก่อนที่คุณบรรพตจะออกไปแล้วเสียชีวิตนั่นคุณบรรพตบอกว่า คุณเป็นคนดีมากถ้าเขาเสียชีวิตไปก่อนก็อยากจะฝากดิฉันไว้กับคุณแต่เสียดายที่คุณมีภรรยา แล้วตอนนั้นดิฉันคิดว่าคุณบรรพตพูดเป็นลางว่าคุณจะต้องเสียแค่นั้นเอง" เธอบอกเสียงเรียบ
"ขอบคุณที่เล่าให้ผมฟังครับบรรพตเป็นคนที่ดียิ่ง มันช่วยชีวิตผมไว้ครั้งหนึ่งแล้วมันยังคิดถึงผมอย่างนี้อีก" การุณย์ยืดตัวเงยหน้าขึ้น "ผมไม่เคยมีโอกาสได้ทดแทนมันเลย"
"ก็โอกาสยืนอยู่นี่ไงล่ะคะ" กานดาบอก แล้วเม้มปากเหมือนว่าตนเองพลั้งปากไป
"ครับ เอ๊ะ" การุณย์หยุดเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของกานดาบัดนี้แดงก่ำด้วยความอายก้มหน้าเม้มปาก "คุณกานดา"
"ค่ะดิฉันก็ชอบคุณ เพิ่งจะรู้ตัวไม่นานนี้หรอกค่ะ แต่พูดไม่ได้" เธอบอกเสียงเรียบ ๆการุณย์เดินอ้อมโต๊ะไปรวบร่างอวบอัดนั้นเข้ามาเต็มอ้อมกอดกานดารับอ้อมแขนแข็งแรงนั้นอย่างเต็มใจแนบหน้าลงกับอกกว้างถอนหายใจเมื่อความอบอุ่นของอ้อมกอดซึมซาบเข้าไปในร่าง กายแก้มหยาบ ๆ แนบอยู่กับแก้มเธอแล้วมันก็เบี่ยงจนจมูกหันมาแนบแก้มความรู้สึกที่โดนชายหอมแก้มอันห่างเหินหวนกลับเข้ามาจนเต็มตื้นเรือนร่างแข็งแรงเป็นที่ให้เธอเกาะกอดนั้นช่างอบอุ่นยิ่งนัก
"ผม ผม ขอบคุณคุณกานดาครับ ที่กรุณาผมมาก" การุณย์พูดเบา ๆพอกานดาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาก็อดใจยั้งไม่อยู่ก้มลงไปประทับจูบลงกับเรียว ปากอิ่มกานดาพลันรู้สึกเหมือนสาววัยรุ่นที่เพิ่งต้องมือชายริมฝีปากนั้นเหมือนมีกระแสไฟฟ้าที่ส่องผ่านเข้ามาจนซาบซ่าน เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรงทรงตัวต้องโอบคอการุณย์รั้งตัวไว้รับจูบประทับอย่างเต็มตื้น หยาดน้ำตาใส ๆ ไหลลงมาจากหางตาความอบอุ่นที่ห่างหายไปเนินนานหวนกลับมาสูอ้อมกอดของเธอการุณย์จูบเนิ่นนานก่อนจะผละออกนิดหนึ่ง
"ขอบคุณครับที่เมตตาผมงั้นผมกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับไปไหว้พระ" การุณย์บอกเบา ๆนัยตาเป็นประกายเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งนัดแฟนสาว
"ถ้าคุณกลับคืนนี้ก็ไม่ต้องมาหาดิฉันอีกเลยแล้วกัน"
"แต่เอ้อมันจะดีเหรอครับ
" "คุณคะเราโตกันแล้วนะคะ" จบคำอ้อมกอดแข็งแรงก็กอดกระชับเข้ามาอีกคำรบหนึ่งการุณย์ก้มลงลิ้มความหอมหวานของริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอีกครั้งทันใดนั้นสิ่งหนึ่งก็วาบขึ้นมาในห้วงคำนึง
"คุณกานดาครับ" การุณย์ดันร่างงามนั้นออกอย่างสุภาพ
"ขา" เธอช้อนตาขึ้นมองสบตานายพันเอก
"ผม มีเรื่องอะไรจะบอกให้ทราบ" การุณย์พูดเสียงเบาแต่หนักแน่น
"ก่อนที่เราจะ.. ก้าวไปไกลกว่านี้"
"คะ" เธอส่งเสียงถามจ้องใบหน้าคมสันด้วยความฉงน
"ตอนนี้ผมรับงานพิเศษอยู่งานหนึ่งมีคนทราบไม่กี่คน เป็นงานลับและเสี่ยงมาก" เขาเริ่มด้วยเสียงหนักแน่นดุจกำลังสรุปงานในที่ประชุม
"ผมคุมงานนี้และเป็นคนเลือกผู้ร่วมงานทุกคนด้วยตัวเอง" "ก็พวกเราก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่หรือคะทั้งคุณบรรพต ตัวคุณ แล้วก็ลูกชายดิฉันด้วย" เธอซบหน้าลงกับอกกว้าง"เมื่อเรารู้ว่าชีวิตของพวกคุณเป็นอย่างนี้เราก็ได้แต่ยอมรับ และคอยเป็นกำลังใจให้ เป็นหน้าที่ของพวกเราเหมือนกันนะคะไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดค่ะ"
"ใช่ครับ" เขาเต็มตื้นด้วยความรู้สึกตื้นตันเมื่อได้ยินคำจากปากกานดา
"แต่.." กานดาเงยหน้าขึ้นมองอย่างฉงน"แต่ ผมเลือกเอาเจ้าชาติชายมาร่วมงานนี้ด้วย" ดวงตาสดใสเบิกกว้างอย่างด้วยความประหลาดใจ
"ผมเลือกจากกลุ่มนายทหารมือดีหลายคนแต่ผมเลือกชาติชายเพราะผมรู้จักบรรพต รู้จักคุณ และที่สำคัญที่สุดคือจากการคุยกันตัวต่อตัวแต่ผมก็ต้องรับว่าผมเลือกเจ้าชาติชายเพราะเขาเป็นลูกบรรพตด้วย" ............. "ผมเลือกเขาก็เท่ากับผมพาเขามาสู่อันตรายโดยแท้" ชาติชายนิ่งสงบเมื่อเรียวแขนอบอุ่นคลายออกจากกอดร่างของเขาใบหน้าของกานดาฉายแววฉงนสนเท่ห์ ประหลาดใจ และที่เขาเจ็บปวดก็เพราะมองเห็นแววเจ็บปวดเจืออยู่ในดวงตาคู่งามนั้นด้วยแววตานั้นเกือบเหมือนกับแววตาของหญิงสาวที่เพิ่งจะวางดอกไม่จันท์ลงบนหีบศพของสามีผู้เป็นที่รักยิ่งเมื่อคราวก่อนเมื่อคราวที่เขาเองก็วางดอกไม้จันท์ลงบนหีบศพของเพื่อนผู้เป็นที่รักเช่นกันสุดท้ายแววตานั้นส่อแววตัดพ้ออย่างไม่เข้าใจทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนักที่เขาเองเป็นคนที่ทำให้หญิงคนหนึ่งอันเป็นที่รักที่ปรารถนาต้องเจ็บปวด
"ชายทำงานอยู่ที่นี่หรือคะ"
"ครับ งานลับน่ะครับ" การุณย์บอกจับจ้องร่างของหญิงอันเป็นที่รักผงะถอยออกไป
"แล้วทำไมเพิ่งบอกดิฉันคะ เป็นเดือนแล้วนะคะที่ชายมาทำงานกับคุณ"
"ครับ ใช่ครับ" การุณย์ตอบอย่างสงบนิ่งมองหน้ากานดา
"คุณกลัวว่าดิฉันจะปล่อยให้แพร่งพรายหรือคะทั้ง ๆ ที่ลูกชายดิฉันมาเสี่ยงชีวิตอยู่อย่างนี้" น้ำเสียงนั้นแฝงแววตัดพ้อน้อยใจเด่นชัด
"ถ้า คืนนี้ เราไม่ได้.. คุณจะบอกดิฉันไหมคะ" การุณย์ยืนนิ่งก้มหน้าลงสรรหาคำพูดที่จะอธิบายไม่ได้กานดาเงยหน้าขึ้นหยาดน้ำใส ๆ ไหลลงข้างแก้มเป็นทาง "คุณจะไม่บอกเรื่องงานดิฉันเข้าใจค่ะ ดิฉันก็เป็นเมียทหารเหมือนกัน แล้วทหารคนนั้นก็เพื่อนคุณเองลูกชายดิฉันก็เป็นทหารอีกคน ทำไมดิฉันจะไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไรถ้าเพียงดิฉันทราบแต่แรก.." เสียงนั้นขาดหายไปอย่างพยายามกลั้นคำพูดพยายามเก็บความรู้สึก ตนเองอย่างสุดความสามารถ "ผม...เสียใจ และ ขออภัยจริง ๆ ครับ เป็นความเขลาของผมเอง" การุณย์เค้นคำพูดไม่ออก
"ดิฉันขออยู่คนเดียว ได้ไหมคะ" กานดาพูดเบา ๆ
"ผม..." คำพูดที่จะเอ่ยต่อขาดหายไปเมื่อเห็นกานดาส่ายศีรษะการุณย์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ "ผมลาครับ" กานดาทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้างุนงงและร้าวรานเงยหน้ามองตามการุณย์ที่กลับตัวเดินห่างออกไปจนกระทั่งเขาหายลับออกไปจากห้องแล้วบานประตูก็ปิดลง