ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

With No Remorse Copy Chapter 22  Cr  psycho2544

เริ่มโดย zaaaar65, พฤศจิกายน 25, 2015, 11:56:27 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zaaaar65


With No Remorse Chapter 22

"
ตอนนี้มันไม่ออกไปเพ่นพ่านแล้วครับแค่บ้านกับที่ทำงานสองที่" ศรัณย์พูดแล้วยกช้อนข้าวต้มข้นซด กลาง โต๊ะอาหารนั่นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดย่อมตั้งส่งควันลอยเป็นสายกลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่วห้องปะปนกับกลิ่นกาแฟนุ่มนวลที่โชยออกมาจากเครื่องต้มกาแฟที่อยู่ถัดไป
"งั้นเราคงต้องเล่นมันที่บริษัทเลยหรือไม่ก็คอยจังหวะไปก่อนตามที่ผู้การว่า" ชาติชายครุ่นคิด

"ถ้ามีจังหวะพี่จะเอาเลยหรือเปล่าล่ะครับ" ศรัณย์เงยหน้าขึ้นมอง

"ถ้าจัดการได้มันก็จะจบไปเป็นเรื่อง ๆ ก็ดี จะได้กลับไปทำงานกันบ้าง มานาน ๆคนอื่นก็ต้องทำงานแทนเรา" ชาติชายตอบ

"วันนี้พี่จะโทรไปรายงานการปฏิบัติกับพี่นครก่อนได้เรื่องยังไงแล้วจะบอก"

"คุณคะ ขอโทษค่ะ" เสียงใส ๆ ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สองหนุ่มหันไปมองวันเพ็ญเดินลงมาจากชั้นบนช้า ๆมือรวบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ศรัณย์เอาคลุมตัวเมื่อคืนไม่ให้บังสายตาที่ก้มมองขั้นบันไดสองหนุ่มลุกขึ้นยืน

"มีอะไรครับ" ชาติชายเป็นคนถาม

"เอ่อคือ ดิฉัน อ่า" วันเพ็ญตะกุกตะกักแก้มแดงระเรื่อ

"ไม่มีเสื้อผ้าเลย"

"จริงซิ.." ชาติชายพูดขึ้นแล้วหันไปมองศรัณย์

"เอ่อถ้าไม่รังเกียจ เสื้อผ้าผมก่อนก็ได้ครับ" ศรัณย์รีบบอกแล้วเดินไปหาวันเพ็ญหยุดยืนที่ตีนบันไดเงยหน้ามอง วันเพ็ญที่ยืนสูงขึ้นไป

"ยังไงเดี๋ยวสาย ๆ ค่อยออกไปหาซื้อใหม่" วันเพ็ญเม้มปาก

"ก็ได้ค่ะ" เธอพูดแล้วหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบน

"ตัวไหนก็ได้นะครับในตู้นั่นเลย" เสียงที่ดังไล่หลังมานั่นทำเอาวันเพ็ญย่นจมูกบ่นพึมพำระหว่างที่เดินไปยังห้องนอน

"หนอยเสื้อผ้าไม่เอามาสักชิ้น แล้วนี่จะให้ใส่เสื้อผู้ชายอีก มันจะไม่คันตายเหรอเนี่ยตัวก็ใหญ่ยังกะ อะไรดีนะ แล้ว มีเสื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ ไหนจะเสื้อใน กางเกงในอีกสงสัยคงไม่ต้องใส่มันแหละ ใครจะเอากางเกงในของนายนั่น มาใส่กันแค่คิดก็หยะแหยงแล้ว ไหนดูซิ มีอะไรพอใส่ได้บ้างเนี่ย แหมตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยดีนี่ นึกว่าจะขยุ้ม ๆ เป็น กองขยะเสียอีก .. อืมมเสื้อตัวนี้ก็ดูโอเคนะ ไหนดูซิ..." วันเพ็ญเอาผ้าห่มพันเอวเหน็บชายพออยู่แล้วยกเสื้อยืดตัวนั้นสวมลง

"อืมมก็พอใช้ได้นะ ไหนดูกระจกหน่อย ว๊าย หัวนมดันเสื้อมาเป็นตุ่มเลย อื๋ยยเต้าเต้อวเห็นหมด ขืนใส่ลงไป คงมองกันเพลินซีเนี่ย เดี๋ยวใส่อีกตัวทับคงพอไหว อืมมกางเกงทหารนี่โอเคหรอก อึ๊บ ใช้ได้ อืมม โอเค ไม่เข้าร่อง แล้ว แหมน่าจะมีกางเกงในเสียหน่อย สาบกางเกงเข้าร่องเมื่อกี้เสียววาบเลยเรา เอาเสื้ออีกตัวซิ..." วันเพ็ญก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหารพยายามทำหน้าเรียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ท้องหิวจนรุ้สึกได้ หน้าเธอยังแดง ๆ เพราะตอนที่ส่องกระจกครั้งสุดท้ายนั่น ถึงสวมเสื้อยืดสองตัวแล้วแต่หัวนมเธอก็ยังดันเสื้อขึ้นมาเห็นเป็นปุ่ม ๆ อยู่ดี อีกทั้ง ยามที่เดินนั้นเล่า ไอ้สาบกางเกงแข็งๆ มันก็ถูไถเอากลีบเนื้ออยู่ไหว ๆ ชายหนุ่มทั้งสองลุกขึ้นเมื่อวันเพ็ญเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ทำเอาเธอหยุดยืนเลิกคิ้วอย่างเก็บความประหลาดใจไม่มิดเธอเคยแต่ต้องลุกขึ้นยืนยามที่ผู้อื่นมาถึง ด้วยความที่เป็นผู้น้อยแต่คราวนี้ชายทั้งสองลุกขึ้นยืนเมื่อเธอมาถึงโต๊ะนั้นจึงสร้างความประหลาดใจให้ไม่น้อย

"เชิญครับข้าวต้มฝีมือนายรัณย์ พอกินได้ครับ ของไม่สดเท่าไร วันไหนคุณ.." ชาติชายอึกอัก

"วันเพ็ญค่ะ"

"ครับ คุณวันเพ็ญ ไปสัตหีบ จะให้นายรัณย์ทำให้กินใหม่ถ้าได้ปลาได้กุ้งสด ๆ แล้วรับรองว่าอร่อยกว่านี้แน่นอน" จวบจนวันเพ็ญนั่งลงนั่นแล้วชาติชายจึงนั่งลงบ้าง ส่วนศรัณย์ก็กลับมาพร้อมกับชามและช้อนในมือ จัดการตักข้าวต้มเกือบเต็มชามมาวางตรงหน้าเธอ

"อย่าเชื่อพี่ชายเลยครับแค่พอกินได้แหละครับ" ศรัณย์ยิ้มแล้วขยับไปนั่งลงอีกด้านหนึ่ง

"ขอบคุณค่ะ" วันเพ็ญยิ้มแหยๆ กับสองชายหนุ่มแล้วค่อย ๆ ตักข้าวต้มขึ้นชิม ชั่วไม่นานข้าวต้มชามนั้นก็เหลือแต่น้ำขลุกขลิก วันเพ็ญเงยหน้าขึ้นเห็นสองหนุ่มนั่งยิ้ม ๆ

"อีกชามไหมครับเติมอีกหน่อย ข้าวต้มมันเบา ๆ เดี๋ยวสาย ๆ จะหิวอีก นะครับ" ศรัณย์ลุกขึ้นกุลีกุจอตักข้าวต้มวันเพ็ญขยับจะห้าม แต่ความหิวประกอบกับรสชาติข้าวต้มนั่นทำให้เธอยั้งปากไว้

"กินเถอะครับเชื่อมันหน่อย เมื่อคืนออกแรงมาเยอะนะครับ ตามสภาพที่นายรัณย์เล่าให้ฟัง"

"ขอบคุณค่ะ"

ชามที่สองหายไปอีกในเวลาไม่นานวันเพ็ญถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

"อร่อยจังค่ะ"

"ขอบคุณครับ กาแฟไหมครับ" ศรัณย์ถามขึ้น

"ไม่เอาค่ะกลัวดำ" ความเป็นกันเองของทั้งสองทำให้เธอกล้าพูดเล่นมากขึ้น

"เมื่อคืนขอโทษนะครับที่ไม่ได้เตือนให้ระวังตัว" ชาติชายพูดสั้นๆ

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่ให้คุณศรัณย์ไปช่วยก็ขอบคุณมากแล้ว" วันเพ็ญหันไปสบตาชาติชายและศรัณย์ชาติชายลุกเดินไปที่ฝั่งห้องรับแขกก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาเดินมายื่นส่งให้

"ผมว่าคุณคงติดต่อผู้บังคับบัญชาเสียก่อนนะครับแล้วก็ติดต่อทางบ้านด้วย" ชาติชายบอกเรียบ ๆ

"ขอบพระคุณค่ะ" วันเพ็ญยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ
"โอ๊ยไม่ต้องไหว้ผมก็ได้ครับ" ชาติชายทำหน้าไม่ถูก

"อ้อเรื่องที่คุณอยู่ที่นี่ ตอนนี้ทางผมขอให้ปิดเป็นความลับ ไว้ก่อนนะครับ"
"ค่ะ.." วันเพ็ญเงยหน้ารับคำแล้วก้มลงกดหมายเลขโทรศัพท์หางตาบอกเธอว่าชายทั้งสองขยับเดินไปนั่งคุยกันที่ ชุดรับแขก

"สวัสดีค่ะหัวหน้า.... เพ็ญเองค่ะ.... ยังค่ะ อยู่ที่ไหนไม่ทราบค่ะคนของผู้การท่านไปช่วยออกมา....... " จนครู่ใหญ่วันเพ็ญจึงเดินเอาโทรศัพท์มาคืน

"ขอบคุณค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวให้นายรัณย์พาไปหาเสื้อผ้าแล้วกันนะครับ"

"เอ่อแต่งตัวยังงี้ไม่สะดวกเลยค่ะ.." เธอบอก ชาติชายกับศรัณย์มองเธอจนเธอรู้สึกอาย ๆ เหมือนสายตาของเขานั้นมันจะทะลุเสื้อเข้าไป โดยเฉพาะศรัณย์ที่ไปช่วยเธอเมื่อคืนเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นอะไรบ้างตอนที่เธอถูก ขึงพืดอยู่นั่นถึงสองคนที่จับตัวเธอจะปล่อยมือไปแล้วเธอก็ยังทั้งเจ็บทั้งหมดแรงกระดิกกระเดี้ยไปอีกอึดใจใหญ่ๆ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนตอนที่เปลี่ยนเอาผ้าปูที่นอนออกนั่น เขาจะไม่เห็นก็เถอะชายหนุ่มทั้งสองหันมามองหน้ากัน

"จดเบอร์ให้ได้ไหมคะ" สิ้นเสียงทั้งสามคนก็นิ่งไปพักหนึ่งแล้วตาของชาติชายก็เบิกขึ้นอย่างที่นึกอะไรออกมาได้

"เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวผมหาตัวช่วยเอง" พูดจบก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดพร้อมกับเดินออกไปนอกตัวบ้านทิ้งให้ศรัณย์ นั่งมองหน้าวันเพ็ญ

"คุณชาติชายไปไหนคะนั่น"

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมว่าพี่ชายคงคิดอะไรออกแล้ว เดี๋ยวก็มาครับว่าแต่ว่าเจ็บไหมครับนั่น" วันเพ็ญมองเห็น ความห่วงใยออกมาจากสายตาของนายทหารหนุ่ม

"ระบมนิดๆ ค่ะ ไม่ถึงเจ็บ" วันเพ็ญทำท่าเหยียดแขนเหมือนจะอวด

"งั้นคุณคงยังไม่ได้ล้างหน้า" ศรัณย์พูดเรียบๆ ทำเอาคิ้วเรียวเลิกขึ้น

"ทำไมคะ.. โอย" วันเพ็ญถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าแล้วก็ครางเมื่อความเจ็บแล่นขึ้นมายามที่มือตนเองสัมผัสผิวหน้า

"เจ็บจังเป็นไงบ้างคะเนี่ย"

"บวมช้ำ เลยครับ" ศรัณย์ยิ้มแหย ๆ วันเพ็ญลุกขึ้นเดินหายไปในห้องน้ำพอดีกับชาติชายเดินยิ้มกริ่มเข้ามา

"อ้าวไปไหนแล้วล่ะ"

"เข้าไปห้องน้ำน่ะครับ ส่องกระจกแหละครับ" ศรัณย์หันไปมองวันเพ็ญที่เดินปิดหน้าออกมา

"โอยเจ็บจัง ทีเมื่อเช้าไม่รู้สึก" เสียงใส ๆบ่นงึมงำพร้อมกับเจ้าของเสียงเดินมาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง

"คงสักสามสี่วันแหละครับกว่าจะหาย" ศรัณย์บอกปลอบใจหญิงสาว

"อูยสามสี่วันคงไม่หายหรอกค่ะ อย่างเร็วคงต้องเจ็ดวัน" ยามนี้ความสนิทสนมไว้วางใจเพิ่มพูนขึ้น

"หายซีครับเอาดินสอพองกับน้ำมะนาวพอก ถ้าพอกทั้งหน้าผิวจะสวยเนียนขึ้นด้วย" แรกๆ เสียงศรัณย์สดใส แต่ ช่วงท้ายกลับหม่นหมองลงวันเพ็ญไม่ทันจะสังเกตเหมือนกับชาติชายที่รู้จักรุ่นน้องดีกว่า

"โหยาโบราณนะคะ จะหายเหรอ ใครบอกค่ะ เชื่อได้เหรอ" วันเพ็ญหันไปถามทันได้เห็นแววตาหมองของศรัณย์ตอนที่เขาลุกขึ้นยืนหายใจลึก ๆ ก่อนตอบแล้วหมุนตัวเดินออกไปนอกตัวบ้าน

"แม่..ผมเองครับ.." วันเพ็ญมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินดุ่มไหล่ห่อออกไปอย่างมึนงงแล้วหันมามองหน้าชาติชายที่ถอนหายใจ

"เพ็ญพูดอะไรผิดเหรอคะ"

"ไม่ผิดหรอกครับ" ชาติชายยิ้มปลอบหญิงสาว

"เผอิญว่าแม่นายรัณย์แกเสียชีวิตไปแล้วน่ะครับ" ชาติชายบอกเบา ๆสีหน้าวันเพ็ญยังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

"คือพ่อนายรัณย์เป็นนักข่าว เขียนบทความเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติดจนกระทั่งวันหนึ่งก็โดนพวกนั้นดักยิง ระหว่างขับรถเข้ากรุงเทพ" ชาติชายบอกเรียบๆ

"วันประดับยศนายรัณย์พอดีในรถมีพ่อ แม่ กับน้องนายรัณย์ อีกสองคน"

"ตาย" วันเพ็ญครางสีหน้าสลดวูบยกมือขึ้นทาบหน้าอก

"ถ้ายังอยู่กันตอนนี้น้องนายรัณย์คนรองน่าจะสักยี่สิบกว่า คนเล็กก็คงราว ๆ ยี่สิบ ประมาณนั้น" ใบหน้านั้นตื่นตะลึงดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง

"น้องของคุณศรัณย์ชื่ออะไรคะ"

"ชิดชนก กับ กรัณย์ ครับ" ชาติชายตอบ
"ตอนนั้นยายชิดชนกคงเรียนอยู่ประมาณ..มหาวิทยาลัยปีสอง เก่งพอ ๆ กันครับ พี่น้องบ้านนี้ทั้งสามคนเนี่ย อ้าว คุณเพ็ญ" ชาติชายร้องเรียกเมื่อเห็นวันเพ็ญหลั่งหยาดน้ำตาไหลรินศรัณย์ที่กำลังเดินกลับเข้ามาได้ยินเข้าก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ

"มีอะไรครับพี่ชาย" ชาติชายเงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้อง

"มีอะไรครับคุณเพ็ญ" เมื่อเห็นว่าชาติชายรู้จะตอบอะไรศรัณย์จึงหันไปถามวันเพ็ญ

"พี่นกพี่ชิดชนก น่ะค่ะ เป็น" น้ำตาเม็ดกลมที่ไหลลงมาเป็นทางทำเอาสองหนุ่มประหลาดใจ "เป็นพี่รหัสของเพ็ญ เอง เพ็ญจำได้ พี่นก.." คำพูดกลืนหายไปในลำคอใบหน้างามเปียกไปด้วยน้ำตาแล้ว ศรัณย์ทรุดตัวลงนั่งเบิกตา ด้วยความประหลาดใจ

"คุณเพ็ญน่ะเหรอครับ." หางเสียงของศรัณย์แหบแห้งอยู่ในลำคอ

"ค่ะพี่นกเรียนปีสาม เพ็ญเป็นเฟรชชี่ พี่นกคอยดูแลเพ็ญเสมอ ๆ พี่นก..." หางเสียงขาดไปเพราะเจ้าของเสียงได้แต่นั่งสะอื้น

"เหรอครับ.." เสียงศรัณย์แหบแห้งจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

"นกเป็นคนอย่างนั้นแหละคุณเพ็ญ" ชาติชายขยับลุกเดินออกไปจากห้องเมื่อรู้สึกว่าควรจะปล่อยให้สองคนนั่นคุยกันไปลำพัง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าโลกนี้มีอะไรที่ประจวบเหมาะได้เช่นนี้ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขานี่จะต้องพบเจอคนที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ต่าง ๆเขากับรจนาเคยเห็นกันมาเมื่อยังเยาว์ กับปานเรขาหรือก้อยน้องสาววรวุฒิเพื่อนสนิทก็รู้จักมาตั้งแต่เด็ก แล้ว คราวนี้นายศรัณย์ก็พบกับวันเพ็ญที่เป็นน้องรหัสของน้องสาวตนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยยังไม่ต้องนับ อาต้น พันเอกการุณย์กับแม่เขาเองที่ต่างก็รู้จักกันมานาน

"พี่ชายมาแล้วค่า" เสียงใส ๆ ดังมาก่อนตัวเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กแล่นเข้ามาจอด

"อ้าวก้อย มาแล้วเหรอ ไม่ทันเห็น" ชาติชายร้องทักสาวน้อยบนอานที่ลงมาจากรถเสื้อยืดตัวนั้นรัดทรงจนเห็นเต้าอวบตูมขึ้นมาเป็นก้อนเมื่อสายสะพายของกระเป๋าที่เธอหอบมานั้นพาดลงระหว่างเต้าทั้งสองกางเกงยีนส์ขายาว สีเข้มเข้ารูปดู
ทะมัดทะแมง ผมรวบรัดไปด้านหลังเปิดวงหน้าหวานคมชวนหลงใหล

"อ้าวพี่ชายมองอะไรคะก้อยอายนะ ก้อยเรียกตั้งแต่โน่นแล้ว พี่ชายแหละคิดอะไรถึงไม่ได้ยิน" เสียงใสๆ ต่อว่า ขณะที่จัดขาตั้งรถเข้าที่ "ไหนคะ พี่สาวที่ว่าจะให้ก้อยช่วยสวยป่ะ"

"มานี่ก่อนเดี๋ยว" มือแข็งแรงคว้าแขนสาวน้อยไว้จนเซเข้ามาหาตัว "บ้าพี่ชาย กลางวันแสก ๆ นอกบ้านด้วย เดี๋ยวใครเห็น" สาวน้อยหน้าตาตื่น

"เดี๋ยวก่อนมานี่ก่อน" ชาติชายลากแขนสาวน้อยไปด้านหนึ่งมองตรงผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นศรัณย์กำลังคุยกับวันเพ็ญอยู่ ก่อนที่ศรัณย์จะลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ วันเพ็ญยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่ที่สะท้านไหว

"อุ้ยพี่ชาย พี่ศรัณย์เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ" สาวน้อยเงยหน้าขึ้นถาม

"เธอชื่อวันเพ็ญ" ชาติชายบอกก่อนจะบอกเล่าให้สาวน้อยฟังปานเรขาเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วอย่างตั้งใจพยักหน้า รับคำเป็นจังหวะ

"แค่นี้แหละอ้อ แล้วก็อย่าทำหน้าอย่างนี้กับใครนะ" ชาติชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"หน้ายังไงคะพี่ชาย" สาวน้อยถามด้วยความสงสัย

"ก็อย่างที่กำลังทำอยู่นี่แหละ" ชาติชายบอกทำเอาสาวน้อยขมวดคิ้วย่นจมูก

"ไม่เห็นรู้เรื่องเลยพี่ชายนี่ก็.."

"ก็มันน่ารักไง" ชาติชายพูดสั้น ๆ

"ไปเข้าไปในบ้านกัน"

"ไหนๆ พี่ชายว่าอะไรนะคะ ก้อยฟังไม่ทัน" สาวน้อยรีบเดินตามชาติชายที่รีบเดินเข้าไปในบ้าน

"มาแล้วครับตัวช่วย" ชาติชายส่งเสียงนำเข้าไปก่อนศรัณย์รีบลดมือลงจากไหล่วันเพ็ญพร้อมกับขยับตัวออกจาก กันศรัณย์หน้าแดงจนเห็นได้ชัด ขณะที่วันเพ็ญก็ยังคงเห็นสีแดงเรื่อ ๆระหว่างที่เธอค่อย ๆ เช็ดน้ำตา ทั้งสองคน ต่างพยายามทำหน้าเป็นปกติ

"นี่น้องก้อยปานเรขา ครับ น้องสาวเพื่อนผมเอง" ชาติชายแนะนำ

"สวัสดีค่ะพี่วันเพ็ญ" สาวน้อยไหว้อย่างงดงาม