ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เกมร้ายพ่ายสวาท ภาค 2 ตอนที่ 3 : daona

เริ่มโดย casgig, ตุลาคม 31, 2014, 12:05:37 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

casgig

 เกมร้ายพ่ายสวาท ภาค 2

...daona


ตอนที่ 3

เช้าวันต่อมา

"แม่งเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ขับรถกวนตินชิบหาย"

เม่นคำรามออกมาอย่างหงุดหงิด เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ตามหลังเบนซ์สปอร์ทคันนี้มานานแล้ว เนื่องจากถนนในซอยมันแคบ แถมอีกเลนก็มีรถวิ่งสวนมาตลอดเวลา ทำให้เขาขับแซงไปไม่ได้

"ขับรถสปอร์ทซะเปล่า แต่ใจปลาซิว เสียของจริงๆ" เด็กหนุ่มบ่นอย่างอึดอัดใจ รถหรูข้างหน้าขับเก้ๆกังๆ นี่ถ้าขับชิดซ้ายอีกหน่อย เขาก็ยังพอจะแซงไปได้ แต่นี่ขับรถกินเลนเต็มที่ทำให้เขานึกด่าคนขับคันหน้าตลอดเวลา จังหวะหนึ่งที่รถสวนอยู่ในระยะไกลพอสมควร เขาเร่งเครื่องเพราะนึกว่าจะแซงไปได้ พลันรถเบนซ์คันหน้าดันขับเอียงมาด้านขวาทำให้เขาเบรคจนตัวโก่ง เท่านั้นเองความอดทนของเขาสิ้นสุด

"ไอ้ห่าเอ๊ย มึงกับกูได้เสียกันเลยดีกว่า" เด็กหนุ่มเลือดขึ้นหน้า เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว พอโมโหก็ระงับสติไม่อยู่ อยากจะเอาเรื่องคนขับรถหรูข้างหน้า พอรถเบนซ์หักเลี้ยวในซอย เขาก็ขับตามไป ทั้งๆที่จริงๆทางที่เขาต้องการไปนั้นคือทางตรง แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว อยากจะแก้ความเจ็บใจที่เก็บกดอยู่ เขาคิดว่าคนขับรถข้างหน้าจงใจแกล้งเขา เม่นตั้งใจว่าจะปาดหน้ารถเบนซ์ให้จอด แล้วเขาจะไปชกหน้าซักทีแล้วขับหนีไป ถ้าเขาทำเร็วคงไม่มีใครจับได้ทัน

ถนนในซอยช่วงนี้ค่อนข้างโล่งทำให้เขาขับแซงได้ พอเขาแซงได้ก็ขับขวางหน้ารถเบนซ์คันนั้นจากนั้นก็ค่อยๆชะลอลง แกล้งขับช้าๆ... ได้ผล รถเบนซ์คันนั้นบีบแตรเสียงดังลั่น เม่นหัวเราะชอบใจ คราวนี้รู้รึยังล่ะมึงว่าขับตามหลังเต่ามันเป็นไง คอยดูเหอะ เดี๋ยวกูจะเล่นมึงให้หนักเลย

คนขับรถเบนซ์ค่อนข้างจะหงุดหงิดมาก เม่นสังเกตุเห็นมันพยายามจะขับแซงเขา แต่เขาก็ขับกันไว้ไม่ให้แซงไปได้

"ขับรถยังไงกันเนี่ย ไอ้พวกนี้ จนแล้วยังนิสัยแย่อีก" คนในรถเบนซ์บ่นอย่างอึดอัด คิ้วเรียวงามที่โผล่อยู่เหนือแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ขมวดแน่นอย่างหงุดหงิด เธอบีบแตรติดๆกัน แต่มันก็ไม่ยอมหลบ แถมยังขับส่ายไปส่ายมาเหมือนจะแกล้งเธออีก

...ชัดเลย มันต้องแกล้งเธอแน่ๆ... หญิงสาวของขึ้นมาทันที
"สะใจจริงๆโวีย" เม่นคำราม "เอาละ ไอ้ส้นตีน ได้เวลาวัดความซ่ากันแล้วมึง" เด็กหนุ่มคิดในใจ เขารู้ว่าเลี้ยวข้างหน้าอีกสองครั้งก็จะเป็นซอยหลักที่จะออกถนนใหญ่ข้างนอกแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่เปลี่ยวที่สุดถ้าเขาจะจัดการไอ้เบ็นซ์สปอร์ทคันนี้ต้องจัดการตรงนี้ ไม่งั้นจะเสี่ยงเกินไป

โดยไม่ลังเล ชายหนุ่มเหยียบเบรคเป็นสัญญาณให้คนขับรถข้างหลังระวังสองครั้ง แล้วหยุดรถกึกทันที

เอี๊ยดดดดดด

เสียงเบรคดังมาจากรถเบ็นซ์ที่เหยียบอย่างกระทันหัน!

เม่นจอดรถหันไปมอง เห็นประตูรถเบ็นซ์เปิดออก เขาเตรียมจะไปจัดการชกหน้ามันแล้วขับหนี แต่แล้วภาพที่เห็นทำให้เขาชะงักค้าง ความคิดที่จะแก้แค้นหายไปจนหมดสิ้น

เพราะคนขับรถเบ็นส์ที่แสนจะกวนตีนนั้น หน้าตาหมดจดงดงาม สวยจนมันคิดไม่ถึง... แม้แว่นตาสีดำอันใหญ่จะปิดบังดวงตาของเธอ แต่รูปหน้า คิ้ว จมูก ปาก บ่งบอกให้รู้ว่าเธอสวย แม้ผู้หญิงคนนี้น่าจะมีวัยย่างเข้าสามสิบกว่าแล้ว แต่วัยไม่สามารถพรากความสวยไปจากเธอได้ แถมดูจากการแต่งตัว ชุดเสื้อกระโปรงสีครีมลายลูกไม้ เข้าชุดกับเครื่องประดับ ทั้งนาฬิกาและสร้อยราคาแพง ยิ่งบ่งบอกถึงรสนิยมชั้นเลิศอันแสดงว่าเธอเป็นสาวไฮโซอย่างชัดเจน

"เมียใครวะ ทำไมสวยขนาดนี้"

เม่นคิดพร้อมกับส่งยิ้มให้สาวไฮโซคนสวยตรงหน้า เขาลืมความโกรธที่มีต่อเธอไปจนหมด คิดอยู่อย่างเดียวว่า เขาควรจะทำให้เธอรู้สึกดีกับเขามากกว่า

"แกบ้าหรือเมากันเนี่ย" ประโยคแรกของไฮโซสุดสวยทำให้เม่นสะดุ้ง "ขับช้าทำไมไม่ชิดซ้าย ขับรถอย่างกะเป็นเจ้าถนน ไม่รู้หรือว่ามารยาทการขับเป็นยังไง สันดานจริงๆแก"

เม่นอ้าปากค้าง

สาวสวยเก็บกดอารมณ์โกรธกริ้วมานานแล้ว เพราะเธอเข้าใจว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้จงใจขับรถแกล้งเธอ แต่เธอไม่รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะรำคาญเธอก่อน พอเห็นเด็กหนุ่มไม่ตอบโต้เลยคิดว่ามันกลัวเธอ หญิงสาวเลยเหวี่ยงต่ออย่างมีอารมณ์

"รู้มั้ยว่าชั้นเป็นใคร" สาวไฮโซพูดข่ม "แกรีบเอารถหลบไปซะ อย่าให้ชั้นอารมณ์เสียไปมากกว่านี้"

ความรู้สึกดีของเม่นหายไปหมดสิ้น

"อ้าวทำไมพูดอย่างนี้ล่ะพี่ พี่นั่นแหละที่ขับรถกวนผมก่อน" เม่นตอบโต้อย่างมีอารมณ์

สาวสวยได้ยินมันด่าเธอว่ากวนทำให้อารมณ์พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที

"ใครเป็นพี่แก เสร่อ! รู้มั้ย คนขับรถชั้นก็เงินเดือนมากกว่าแกแล้ว"
"อ้าว แล้วคนขับรถไปไหนล่ะ ทำไมไม่ให้ขับ แหม ไม่ให้ผมเรียกพี่ งั้นเรียกเจ๊ก็ได้ เจ๊ไม่น่าขับรถเองนะ เพราะเจ๊ขับรถห่วย แถมเจ๊ยังกวนตีนอีก ชัดมั้ยเจ๊"

สาวไฮโซได้ยินยิ่งโกรธจนตัวสั่น เธอรู้สึกว่ามันถ่อยเกินกว่าจะคุยด้วยได้

"แกมันเลวจริงๆ แกชื่ออะไรอยู่วินไหน บอกมาซิ" สาวสวยถาม
"ฮั่นแน่! ขอชื่อที่อยู่ แอบปิ๊งผมใช่มั้ยล่ะ เอาเบอร์โทรด้วยมั้ยเจ๊ เผื่อคืนไหนผัวไม่อยู่ก็โทรเรียกผมได้ ผมไปบริการให้ถึงที่ ทั้งสวยทั้งนมใหญ่แบบนี้ ไปทำให้ฟรี ไม่คิดตังหรอก"
"แก..แก" สาวสวยโมโหจนพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าแดงด้วยความพุ่งพล่าน

เม่นหัวเราะชอบใจ รู้สึกสนุกสนานที่ได้ยั่วโมโหสาวไฮโซปากจัดคนนี้ ยิ่งเธอโกรธเขายิ่งสนุก

"เจ๊นี่สวยนะ ถึงจะปากเสีย แต่ก็สวย นมก็ใหญ่" เม่นมองดูทรวงอกอวบอัดของเธออย่างไม่เกรงใจ เด็กหนุ่มยิ่งจ้องยิ่งเงี่ยน เพราะนมสาวไฮโซคนนี้ใหญ่อึ๋มจริงๆ มันพูดลามกใส่เธอต่ออย่างมีอารมณ์ "อื้อฮือ นมคนสวยนี่ใหญ่ชะมัดเลย ยิ่งมองยิ่งเงี่ยน ควยแข็งเลย ขอผม จับนมซักทีได้มั้ย ผมแพ้คนนมใหญ่ ถ้าให้ผมจับเต็มๆมือซักครั้ง เดี๋ยวผมจะอารถหลบให้ทันทีพร้อมกราบตีนงามๆของคุณนาย.. นะ..ขอจับนมจับหอยซักทีนะ"

มันพูดแล้วทำท่าจะเดินไปหา สาวสวยตกใจถอยไปจนติดรถ โชคดีที่ตอนนั้นเธอเห็นตำรวจขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาพอดี

"คุณตำรวจ" เธอตะโกนลั่น

เม่นหันไปมอง แล้วเขาก็ใจหายวาบ ตำรวจกำลังขับรถมาทางนี้

"ไปแล้วนะคนสวย คืนนี้ล้างหีให้หอมๆนะ ผัวจะตามไปเลีย ถ้าหีเหม็นผัวไม่เลียให้นะ" มันพูดลามกสั่งลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องทันที

"ไอ้สารเลว ขอให้พ่อแม่แกตายให้หมด" สาวสวยตะโกนด้วยความคลั่งแค้น

เม่นโมโหสุดขีด ด่าเขายังพอทนได้ นี่เล่นแช่งพ่อแม่ของเขาเขายอมไม่ได้ แต่ตำรวจมาแล้วทำให้เขาต้องหลบไปก่อน

"รถเสียหรือครับคุณ" ตำรวจถามขณะที่ขับรถเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ

สาวสวยเห็นไอ้คนขับมอเตอร์ไซค์ตัวแสบมันขับรถไปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้ บอกตำรวจไปก็เท่านั้นเสียเวลาเปล่าๆ เธอจึงส่ายหน้า

"เปล่าค่ะ มีเรื่องกับมอเตอร์ไซค์คันนั้นนิดหน่อย แต่เค้าไปแล้ว ฉันไม่ติดใจ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาดู"

ตำรวจเห็นเธอสวยเลยยิ้มหวานให้

"จะเอาเรื่องมันมั้ยครับ ไปแจ้งความเดี๋ยวผมหาตัวมันให้"
"ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากเสียเวลา เรื่องเล็กน้อยเองค่ะ"
"งั้นก็ตามใจครับ คราวหน้า ระวังหน่อยนะครับ ทีหลังมีเรื่องอย่างลงจากรถ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้หรอกครับ คุณเป็นผู้หญิงมาคนเดียว ลงมาแบบนี้มันเป็นอันตราย"
"ขอบคุณค่ะ" เธอคิดถึงตอนที่มันเดินมาหาเธอก็รู้สึกน่ากลัวอย่างที่เขาพูด "ฉันจะจำที่คุณตำรวจเตือนไว้ เอ้อ...พอดีฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ"
"เชิญครับ"
หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วเดินกลับไปที่รถ ตำรวจส่งยิ้มให้เธอขณะที่เธอขับรถผ่านเขาไป

--------------------------------------

"ทำไมเบ็นยังไม่มาอีกนะ" ญาญ่าบ่นขณะนั่งเขียนแบบไปหาวไป
"ไม่โทรไปตามล่ะ" แตงโมแนะ
"โทรไปแล้วดันปิดมือถืออีก"
"หรือมันจะเบี้ยว"
"กล้าเหรอ"
แตงโมหัวเราะ
"ปิดมือถือนี่ต้องกล้าด้วยเหรอ"
"ปิดมือถือน่ะไม่ต้องกล้าหรอก แต่เบี้ยวพี่รหัสเนี่ยเบ็นมันไม่กล้าหรอก เพราะเราเอาตาย"
แตงโมยิ้ม
"โหดจริงๆนะเพื่อนเรา แล้วพี่หนุ่มล่ะ ทำไมไม่มาช่วย" แตงโมพูดถึงแฟนของญาญ่า ซึ่งเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกัน
"เขาติดโปรอยู่ โมก็รู้นี่... เราสงสารไม่อยากให้มาช่วย ถ้าเทอมนี้ทำเกรดได้ไม่ถึง ก็ต้องถูกรีไทร์ เราอยากให้เค้าอ่านหนังสือเยอะๆ ทำโปรเจ็คของตัวเองให้เต็มที่ ไม่ต้องมาช่วยเรา เราช่วยตัวเองได้"
"พูดตรงๆอย่าโกรธนะ" แตงโมพูดจริงจัง "เราว่าพี่หนุ่มเค้าไม่รอดแน่ วิชาอื่นพอคุยกับอาจารย์ได้ แต่ วิชา design น่ะ ขยันอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ แล้วอาจารย์ก็ตรงไปตรงมาไม่ปล่อยเกรดให้หรอก โมว่าพี่เค้าไม่รอดแน่"
ญาญ่าเงียบงันไป เธอก็รู้สึกเหมือนแตงโม

"ถ้าพี่หนุ่มรีไทร์ไป ตัวเองจะทำไง จะคบกับเค้าต่อไปมั้ย" แตงโมถาม
ญาญ่าถอนใจ ไม่ตอบคำถามเพื่อนตรงๆ
"ยังไม่ถึงเวลา อย่าเพิ่งไปคิด เค้าอาจจะรอดก็ได้"

--------------------------------------

ในร้านอาหารญี่ปุ่นบนห้างสรรพสินค้าที่ได้ชื่อว่าขายของแพงสำหรับไฮโซโดยเฉพาะ วีรเทพกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้านในสุดซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ชายหนุ่มสั่งอาหารเสร็จก็เปิดดูรูปภาพอาหารในเมนูเป็นการฆ่าเวลา พอเงยหน้าก็เห็นสาวสวยในวัยสามสิบกว่าเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา

"สวัสดีครับพี่ธันย่า วันนี้ หน้ามุ่ยไม่รับแขกเลยนะ" วีรเทพแหย่สาวสวยรุ่นพี่ ขณะที่เธอเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับเขา
"อย่ามายั่วโมโหพี่นะ ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่" ธัญญเรศเอ่ยตอบ
"มีอะไรครับ"
"ก็เจอมอเตอร์ไซค์กวนตีนน่ะซิ" ธัญญเรศตอบอย่างหงุดหงิด
วีรเทพรู้สึกแปลกใจ ธัญญเรศไม่ใช่คนที่พูดจาหยาบคายแบบนี้ โดยเฉพาะกับเขา ชายหนุ่มถามหาสาเหตุด้วยความอยากรู้ ธัญญเรศจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
"ตำรวจคนนั้นพูดถูกนะครับ พี่ไม่ควรลงจากรถ"
"ก็ใครจะคิดว่ามันจะกล้าทำอย่างนั้นล่ะ กลางวันแสกๆ ซอยนั้นก็มีรถเข้าออกตลอดเวลา แต่ต่อไปพี่คงไม่ลงจากรถแล้ว" ธัญญเรศเอ่ยทั้งๆยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่หาย
"ดีแล้วครับ พี่จะทานอะไรมั้ย แต่ผมก็สั่งมาให้พี่แล้วนะ"
"แน่ะ สั่งให้พี่ทำไม รู้เหรอว่าพี่อยากกินอะไร"
"รู้ซิครับ สั่งมาแล้ว ถ้าไม่กินผมกินเองก็ได้ แต่ผมโกรธนะ ไม่กินที่ผมสั่งให้น่ะ" ชายหนุ่มเอ่ย
ธัญญเรศหัวเราะ
"สั่งอะไรให้พี่ บอกมานะ"
"เบนโตะ เสต็กหมูสันนอก" วีรเทพตอบ
ธัญญเรศย่นจมูกทำหน้ายี้
"ล้อเล่นน่ะฮะ ผมสั่งเบนโตะซูชิให้ พี่ชอบอะไรมีหรือผมจะไม่รู้"
ธัญญเรศค้อนเขา
"อยู่กับเธอมีหวังแก่เร็ว" ปากทำเป็นบ่น แต่ลึกๆแล้วธัญญเรศแอบปลื้ม  วีรเทพรู้ใจเธอจริงๆ เขาทำให้เธอสบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้

ธัญญเรศเป็นรุ่นพี่ของวีรเทพ ทั้งคู่เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ไม่ได้อยู่รุ่นใกล้ๆกัน เธออายุสามสิบหกแล้ว ส่วนวีรเทพเพิ่งจะยี่สิบห้า ห่างกันตั้งสิบเอ็ดปี เธอรู้จักกับเขาในงานคัมมิ่งโฮม ตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรก เธอก็แต่งงานแล้ว วีรเทพหล่อและใสมาก เธอคุยกับเขาได้ถูกคอ วีรเทพมีอารมณ์ขัน เขาเป็นผู้ชายที่แทบจะเรียกได้ว่าเพอร์เฟ็ค เพราะนอกจากเขาจะรู้จักเอาใจผู้หญิงแล้ว... เขายังฉลาด พ่อรวย เธอนึกอิจฉาผู้หญิงที่จะได้แต่งงานกับเขา ได้แต่งงานกับวีรเทพก็เหมือนกับได้ทุกอย่างในชีวิต ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงจะต้องการมากไปกว่านี้แล้ว

ธัญญเรศเคยคิดว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ห่างรุ่นกันถึงขนาดนี้ บางทีเธออาจจะได้เป็นแฟนกับเขา เพราะเธอกับเขาเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ในแววตาของเขาก็แสดงความชื่นชมในตัวเธออยู่เหมือนกัน

ทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ วีรเทพอิ่มก่อน เพราะเขาเป็นคนกินเร็ว แต่ธัญญเรศค่อยๆกันทีละนิด แถมกินไปคุยไป เธอจึงกินไปได้เรื่อยๆไม่ได้อิ่มเร็วแบบเขา วีรเทพมองใบหน้าสวยของเธออย่างชื่นชม ถึงจะวัยสามสิบกว่าแล้ว แต่รุ่นพี่ของเขาคนนี้ยังสวยอย่างไม่มีใครเทียบ น่าเสียดายที่ชิวิตของเธอค่อนข้างอาภัพ ธัญญเรศเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว สามีของเธอเป็นถึงรองปลัดกระทรวง เธอก็กำลังจะมีโอกาสจะได้เป็นคุณหญิงอยู่แล้ว แต่สามีของเธอมาเสียชีวิตเสียก่อน

มีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบเธอตั้งแต่วันแรกๆที่เธอเป็นม่าย แม้ธัญญเรศจะไม่ปิดตัวเอง แต่เธอก็ไม่รีบร้อนที่จะตัดสินใจเลือกใคร อาจจะเป็นเพราะธัญญเรศยังคิดถึงสามีที่ตายไปของเธอ

"เทพ พี่ได้ข่าวมาเรื่องนึงนะ ไม่รู้เธอรู้หรือเปล่า" ธัญญเรศเอ่ยถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอนัดเขามากินข้าวในร้านนี้
"ข่าวอะไรครับพี่ ถ้าข่าวดารา ไม่ต้องนะ"
"ข่าวเกี่ยวกับบริษัทเธอน่ะ"
"หือ.."
"เขาว่าบริษัทของเธอส่งของย้อมแมวให้ลูกค้า"
"ของย้อมแมว?" วีรเทพทวนคำอย่างแปลกใจ
ธัญญเรศเล่าเรื่องให้เขาฟัง
"เป็นไปไม่ได้ เหลวไหล บริษัทผมไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก ใครเป็นต้นตอข่าว ผมจะฟ้องให้หมดตัวเลย"
"แต่ข่าวพี่เชื่อถือได้นะ เธอก็รู้ว่าพี่กว้างขวางแค่ไหน เธอไม่ทำ แต่คนในบริษัทเธอล่ะ เธอมั่นใจเหรอว่าไม่มีการซิกแซกโดยที่เธอไม่รู้"
"ยังไงก็เป็นไปไม่ได้" วีรเทพยืนยันอย่างมั่นใจ "คนดูแลโปรเจ็คนี้คือ เจนนี่ นะครับ"

ธัญญเรศนิ่งไป เธอรู้จักเจนนี่เป็นอย่างดี

"คราวนี้พี่เชื่อรียังว่ามันแค่ข่าวลือ อาจจะเป็นคู่แข่งเราปล่อยข่าว"
"เป็นไปได้มั้ยว่า เจนนี่ไม่รู้ แต่ลูกน้องของเธอเป็นคนทำ"
"เป็นไปไม่ได้ที่เจนนี่จะไม่รู้ เจนนี่เป็นคนรอบคอบ แล้วเจนนี่ก็ฉลาด พี่รู้จักเธอดีนี่"

ธัญญเรศมองหน้าเขา แล้วเอ่ยช้าๆอย่างระมัดระวัง

"พี่บอกให้ก็ได้ ข่าวมาจากคนใน เอโปร เขาเป็นลูกน้องเก่าของสามีพี่ เห็นว่าลูกชายประธานบริษัทกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ พี่ไม่อยากให้เธอมองข้ามเรื่องนี้ไป เธอรีบตรวจเรื่องนี้ซะ ไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้ามันจริงจะได้มีเวลาแก้ไข ถ้าไม่จริงก็จะได้สบายใจ"

"ครับ"  วีรเทพตอบสั้นๆ ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด เขารู้ว่าธัญญเรศห่วงใยเขา แต่เรื่องนี้ทำให้เขาไม่สบายใจ ทั้งคู่สนทนากันอีกนิดหน่อยเนื่องจากบรรยากาศไม่ค่อยดี จากนั้นก็เรียกบริกรมาเช็คบิล ธัญญเรศยังสั่งย้ำให้เขาตรวจสอบก่อนจะแยกย้ายกันออกมา

--------------------------------------

ที่ห้องทำงานของเจนนี่

ราเชนเปิดประตูเดินเข้ามา เห็นเจนนี่ยืนมองทิวทัศน์กรุงเทพผ่านผนังกระจกที่ยาวตั้งแต่เพดานมาจรดพื้น ก็ทักทาย
"ยังกลุ้มใจอยู่หรือครับคุณเจนนี่ "
เจนนี่หันมาเห็นลูกน้องตัวแสบยิ้มระรื่นก็ตาเขียวใส่เขา
"แกยังยิ้มได้อีกนะ สถานการณ์มันแย่ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก"
"ผมก็หาทางช่วยอยู่นะครับ"
"อย่าคิดว่าแกจะลอยนวลไปได้นะ ถ้าชั้นต้องติดคุก แกก็ต้องติดคุกด้วย เพราะแกก็มีส่วนร่วมพอๆกับฉัน แถมแกยังเป็นต้นคิดด้วย"
"ผมรู้ครับคุณเจน คุณเจนครับ มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคุณเจน ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะลงเอยยังไง ผมจะไม่หนีไปไหน ถ้าจะต้องติดคุกผมก็จะติดคุกกับคุณเจน ผมให้สัญญา"

เจนนี่รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ถึงราเชนจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องย่ำแย่ถึงขนาดนี้ แต่อย่างน้อยมันก็จงรักภักดี... อย่างน้อยมันก็ยังหวังดีต่อเธอ... อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอ หญิงสาวถอนหายใจแรงเพื่อระบายความอัดอั้น

"แกรู้มั้ยว่าเรื่องนี้มันเริ่มบานปลายแล้ว"
"ยังไงหรือครับ"
"วีรเทพเค้ารู้เรื่องทุจริตแล้ว"

ราเชนใจหายวาบ
"เป็นไปไม่ได้" ชายหนุ่มอุทาน
"เป็นไปแล้ว" เจนนี่ตอบ "นี่แหละที่ทำให้ฉันร้อนใจ เขารู้ว่าทางบริษัทเอโปรสงสัยว่าเราส่งของต่ำกว่าเสป็คไปให้ และกำลังมีการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่"
"เป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางรู้เรื่องนี้ ทางเอโปรตรวจสอบเรื่องนี้แบบเงียบๆ ไม่มีทางที่คนนอกจะรู้"
"เขารู้ซิ เพราะเขาถามเรื่องนี้กับฉันเอง"
"เขารู้อะไรบ้าง" ราเชนเริ่มร้อนใจ ถ้าวีรเทพรู้เรื่องนี้แผนที่เขาเพียรสร้างมาทั้งหมดต้องพังทลายในทันที
"เขารู้แค่นี้แหละ รู้ว่าเอโปรสงสัยและทำการตรวจสอบ เขาเลยถามฉันว่ารู้เรื่องนี้รึเปล่า"
"แล้วคุณเจนตอบว่าไง"
เจนนี่มองเขา
"ดูเหมือนเธอเพิ่งจะร้อนใจนะ"
"แน่ละ เพราะผมไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายออกไป" ชายหนุ่มรีบตอบ "ตกลง คุณเจนตอบคุณวีรเทพว่าไง"
"ฉันก็ต้องปฎิเสธน่ะซิ ฉันบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครกล้าทำอย่างนั้นแน่" หญิงสาวเอ่ยต่อ "เขาไม่สงสัยฉันหรอก แต่เขาสงสัยว่าอาจจะมีใครตุกติก ฉันเลยยืนยันว่าฉันมั่นใจในตัวลูกน้องทุกคน เขาเลยไม่ติดใจ"
ราเชนถอนหายใจ
"คุณเจนตอบถูกแล้ว แต่ผมสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ไงในเมื่อทางเอโปรตรวจสอบเรื่องนี้แบบลับๆ"
"พี่ธันย่าเป็นคนบอก ลูกน้องของพ่อเค้าทำงานอยู่ในเอโปร พอได้ข่าวก็เลยบอกพี่ธันย่า แล้วพี่เค้าก็มาบอกวีรเทพอีกที"
"ระยำ" ราเชนสบถออกมาอย่างลืมตัว "นี่ถ้าคุณธันย่ารู้ว่าคุณเจนเป็นคนทุจริต เราก็จบเห่ทันที"
"ก็นั่นน่ะซิ" เจนนี่ตอบอย่างกลัดกลุ้ม "ทีนี้จะเอาไง"
"ต้องจัดการเธอ" ราเชนตอบสั้นๆ
"จัดการเธอ" เจนนี่ทวนคำ "ทำยังไง"
"เดี๋ยวค่อยคิด แต่ปล่อยเธอไว้อย่างนี้ไม่ได้ ไม่งั้นบรรลัยกันหมด" พูดแล้วก็ถอนหายใจ "เอาบุหรี่พิเศษมั้ยครับ คุณเจน" ราเชนพูดพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบซองบุหรี่ออกมา
"ก็ดี" หญิงสาวตอบรับ
ราเชนเดินเข้าไปหาหญิงสาว กลิ่นน้ำหอมราคาแพงของเจนนี่ลอยเข้าจมูกทำให้เขาแอบสูดดมอย่างชื่นใจ ราเชนส่งบุหรี่ให้เจนนี่ พร้อมกับช่วยจุดไฟให้ หญิงสาวหันกลับไปมองทิวทัศน์ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนเดิม

"ฉันจะไม่ยอมติดคุกหรอกนะราเชน"
"ผมรู้"
"และฉันก็จะไม่ยอมเสียวีรเทพไปด้วย ฉันรักเขา ฉันต้องแต่งงานกับเขา มันจะต้องเป็นอย่างนั้น ราเชน" หญิงสาวย้ำเสียงหนักแน่น ยกบุหรี่ขึ้นสูบตลอดเวลา

ราเชนมองใบหน้าด้านข้างของเจนนี่ ชื่นชมความงามของเธอ ดวงตาของเจนนี่ดำขลับสดใสเป็นประกาย ขนตางอน จมูกโด่งจนเป็นสัน ผิวเนื้อขาวเนียนกระจ่างไร้ริ้วรอยใดๆทั้งสิ้น

เจ้านายของเขาสวยสุดแล้วเมื่อเทียบกับผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเห็นมา...

เจนนี่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ สูบบุหรี่ไม่หยุดยั้ง บุหรี่ของราเชนทำให้เธอรู้สึกสดชื่น รู้สึกดีมากๆ แล้วเธอก็ยังรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่พุ่งผ่านไปตามกระแสเลือดทั่วร่าง เธอรู้สึกว่ามันทำให้เลือดลมของเธอเดินปลอดโปร่งขึ้น มันดีจริงๆ
ราเชนมองเจนนี่ เธอเอนหลังพิงพนักอยู่ในท่าสบายๆ หลับตาพริ้มเหมือนจะปล่อยใจให้ล่องลอยไป..

เขาสังเกตุเห็นเธอหอบหายใจแรงขึ้น ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อกว่าปกติ..

ชายหนุ่มยิ้มออกมา บุหรี่ซองนี้ของเขาผสมตัวยาแรงขึ้นกว่าคราวที่แล้ว...

"รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงไม่กังวลกับเรื่องนี้" เขาถามเจนนี่
"อย่าพูดให้ฉันเซ็ง" หญิงสาวกระชากเสียง
"เพราะผมหาหนทางรอดของเราได้แล้วครับคุณเจนนี่"

เจนนี่ลืมตาขึ้นมาในทันที ใบหน้างามแสดงความตื่นเต้นเมื่อได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงจากลูกน้องตัวแสบ...

--------------------------------------

aphrodite