ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

แฝดอันตราย ตอนที่48 - 50

เริ่มโดย suckzeed, ธันวาคม 27, 2015, 08:45:33 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

เหลืออีกประมาณสิบตอน เรื่องแฝดอันตรายก็จะถึงบทสุดท้าย

จะพยายามโพสให้เพื่อนๆอ่านกันจนจบก่อนปีใหม่ ครับ

suckzeed.....

................................................................................................................................................

หลังจากที่ฉัตรชัยและคุณหมิวออกมาจากสังเวียนรักในห้องน้ำแล้วทั้งคู่ ต่างก็เร่งรีบแต่งตัวกันเงียบ ๆ คุณหมิวจำต้องใส่ชุด
เดิมซ้ำจากเมื่อวาน แม้เธอจะรุ้สึกตะขิดตะขวง แต่ก็จำเป็น เพราะเธอไม่ได้คาดคิดไว้ว่าเรื่องจะเลยเถิดจนเธอถึงกับต้อง
ค้างคืนในห้องนี้ แต่เป็นเพราะ...คุณหมิวนึกถึงว่าเป็นเพราะอะไรเธอก็ถึงกับหน้าแดงความความขวยเขิน เร่งรีบใส่ชุดเดิน
จนเรียบร้อย

"พี่พาน้องหมิวกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนนะครับ จะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คุณพ่อกับคุณแม่รับทราบ.."
ฉัตรชัยพูดขึ้นเรียบๆในขณะที่คุณหมิวกำลังแต่งหน้าอ่อนๆอยุ่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ส่วนหวานเดินออกไปรับลมที่ระเบียงห้อง

"เอ่อ...จะดีหรือคะคุณพี่...ถะ...ถ้าคุณแม่ถามเรื่องเมื่อคืนล่ะคะ..." คุณหมิวถามกลับอ้อมแอ้ม ด้วยเธอยังกริ่งเกรงว่าพ่อแม่จะ
ตำหนิที่เธอมาค้างอ้างแรมกับคุ่หมั้นหนุ่ม

"ต้องเรียนท่านทั้งสองตามตรงน่ะครับ..ทุกอย่างที่เกิดขึ้นพี่รับผิดชอบคนเดียว..น้องหมิวไม่ต้องกังวลนะครับ..ทำใจสบายๆ.."
ฉัตรชัยขยับเดินไปโอบไหล่คู่หมั้นสาวกระชับ ส่งยิ้มใส่ดวงตาคู่สวยของเธอ ในขณะที่หวานค่อยเดินกลับเข้ามาในห้อง

"พี่จ๊ะ...เอ่อ...หวานไม่อยากให้พี่พูดเรื่องของหวานกับพี่...ถ้าคุณพ่อคุณแม่น้องหมิวถามว่าหวานคือใคร ขอให้บอกเพียงว่า
หวานเป็นเมียพี่ชัดนะจ๊ะ..." หวานเอ่ยแทรกขึ้นมา

"อ้าว...ทำไมล่ะครับ...หวานก็เป็นเมียพี่คนหนึ่งนะ..." ฉัตรชัยทักท้วง

"จริงด้วยค่ะ..พี่หวานก็เป็นภรรยาของคุณพี่..คนหนึ่ง..หมิวยอมรับได้ค่ะ..."

คุณหมิวหันกลับไปมองวหน้าหวานแล้วเธอก็ลุกเดินขึ้นไปจับมือเล็กๆ เย็นเฉียบของหวานมากุมไว้ ส่งรอยยิ้มสดใสจริง
ใจกับหวานสาวบ้านนา

"จ๊ะ...เรื่องของเราสามคนหวานรับทราบแล้ว หวานยินดี ดีใจที่พี่ฉัตรกับน้องหมิวไม่รังเกียจหวาน...แต่เรื่องนี้ ขอให้พวกเรา
สามคนรับรู้กันเพียงเท่านั้น กับผู้ใหญ่ในช่วงนี้อย่าเพิ่งให้รับรุ้เลยค่ะ..อย่างน้อยก็ขอให้เรื่องวุ่นวายที่พี่ชัดทำไว้จบลงไป
เสียก่อน นะคะ..เชื่อหวานนะจ๊ะ.."

เมื่อทั้งสามคนตกลงทำความเข้าใจกันได้อย่างดีแล้วจึงพากันเดินออกจากห้องพักภายในโรงแรม เดินสวนกับพนักงาน
รูมเมดทำความสะอาดห้องพักต่างอมยิ้มกันที่เห็นชายหนุ่มใหญ่รูปหล่อควงสาวสวยสองคนออกมาจากห้อง ซึ่งพูดถึง
ความสวยน่ารักแล้วทั้งสองสาวต่างไม่มีใครเหนือกว่ากันเลย ถ้าจะแตกต่างกันก็คงเป็นการแต่งตัวและเสื้อผ้าที่ดูออกได้
ทันทีว่าสาวคนหนึ่งคงพวกสาวไฮโซ แต่อีกสาวหนึ่งบ้านๆแบบพวกหล่อน
...............................................................

ย้อนกลับมาที่รังสวาทของชัดชายกับแอนนี่ หลังจากที่สายจนตะวันโด่งทั้งสองคนจึงตื่นขึ้นมาด้วยสภาพเปลือยเปล่า
แอนนี่นั้นผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะต้องแบกรับศึกหนักจากผู้ชายสองคนที่ต่างมีลำหักลำโค่นไม่ได้ด้อยกว่ากันสักเท่าใด จึง
ทำเอาสาวลูกครึ่งอย่างเธอถึงกับสลบไสล ตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตาที่ซีดขาว ดวงตาแดงระเรื่อ ขอบตาคล้ำอ่อนเปลี้ย แม้
จะได้รับความสดชื่นจากสายน้ำจากฝักบัวแล้วก็ตาม แต่หาได้ทำให้เธอกระชุ่มกระชวยขึ้นมาแต่อย่างใด จึงต้องใช้เครื่อง
สำอางค์ปกปิดร่องรอยหมองคล้ำใต้ดวงตาและใบหน้าอย่างสุดความสามารถ

"บอสคะ...วันนี้ไปทำงานที่บริษัทพร้อมกันนะคะ.."

แอนนี่พูดเรียบๆ แต่เหมือนเป็นคำสั่งว่าบัดนี้ชัดชายต้องทำตามคำบัญชาของหล่อนเสียแล้ว แม้ชัดชายจะไม่พอใจแต่ก็
เก็บงำซ่อนไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ปั้นหน้าเสแสร้งยิ้มระรื่น แต่งตัวเสร็จพากันเดินควงแขนออกมาจากผับหรู แล้วขับรถ
ไปที่ทำงานด้วยกัน
...........................................

ในขณะที่ภายในบ้านของมรว.จักรภพ ผู้เป็นบิดาของมล.ลาวัลย์นั้น ฉัตรชัยและคุณหมิวต่างนั่งประจันหน้ากับบิดาและ
มารดาของคุณหมิว ส่วนหวานนั่งห่างออกไปตามลำพังที่เก้าอี้อีกตัว ทั้งฉัตรชัยและคุณหมิวต่างผลัดกันเล่าเรื่องราวที่เกิด
ขึ้นตามความจริงในเรื่องการสลับตัวกัน มียกเว้นที่ไม่ได้พูดถึงคือเรื่องที่คุณหมิวเข้าไปในโมเต็ลกับแฝดผู้น้อง กับเรื่อง
ความสัมพันธ์ของฉัตรชัยกับหวาน สองเรื่องเท่านั้นที่ทั้งสองต่างพยายามปิดบังไม่ให้ผู้ใหญ่ฝ่ายคู่หมั้นสาวรับทราบ

"แล้วพ่อฉัตรจะทำอย่างไรต่อไปจ๊ะ..." เสียงมารดาคุณหญิงพรรณรายถามขึ้นมาหลังจากได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด

"ผมว่าน่าเป็นห่วงเรื่องทางด้านน้องชายคุณฉัตรมากกว่านะ..เข้าไปพัวพันอยุ่กับนายพลเดชนี่..ขานั้นไม่ธรรมดาเลย"
เสียงมรว.จักรภพ พูดแทรกขึ้นมา

"ครับผมทราบ..แต่ว่าพวกเขาร้ายกาจขนาดไหนครับคุณพ่อ.."

ฉัตรชัยรู้เพียงว่า นายตำรวจใหญ่พ่อของแอนนี่นั้นพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็ยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าใดว่า พวกเขา
ทำอะไรกัน จึงสอบถามมรว.จักรภพว่าที่พ่อตา เผื่อว่าท่านซึ่งมีหูตากว้างไกลกว่าจะบอกให้ทราบบ้าง

"ข่าววงในที่เขากำลังจับตากันก็เรื่องของเถื่อนของผิดกฎหมายโดยเฉพาะไม้พยูงที่ลักลอบตัดส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
ของเราน่ะ เขาว่ากันว่านายพลคนนี้พัวพันอยู่ เพียงแต่ว่ายังไม่มีหลักฐานมัดไปถึงตัวเขา ทางผู้ใหญ่ก็เลยต้องปล่อยๆไป
ก่อนทำวางเฉยเหมือนไม่รุ้ไม่เห็น..."

มรว.จักรภพ เล่าเรื่องที่ตนเองพอทราบมาให้ฉัตรชัยฟัง ซึ่งหวานเธอก็พลอยได้ยินไปด้วย จึงนึกเป็นห่วงว่าชัดชายสามี
ตนเองจะเป็นอันตราย แม้เธอไม่ได้รักเขา แต่ความผูกพันธ์มันย่อมมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา สีหน้าเธอจึงไม่ค่อยสบายใจนัก

"แล้วผมควรจะให้นายชัดเขาทำอย่างไรดีครับ..." ฉัตรชัยเริ่มมีสีหน้ากังวล

"คงต้องปรึกษากับผู้การอภิสิทธิ์...เขาสักหน่อยนะพ่อว่า.."

ผู้การอภิสิทธิ์ที่มรว.จักรภพพูดถึงนั้นคืออธิบดีกรมดีเอสไอ ผู้การตงฉินซึ่งมีประวัติการทำงานดีเด่น คอยจัดการกับคดีพิเศษ
คดีของผู้มีอิทธิพล ซึ่งมรว.จักรภพรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรุ่นน้องที่เคยเรียนในวชิรวุธวิทยาลัยด้วยกันมา

"แล้วเรื่องของพ่อฉัตรกับลูกหมิวจะเอาอย่างไรกันดีคะคุณชาย.."

คุณหญิงพรรณรายหันกลับไปปรึกษาผู้เป็นสามี ด้วยทั้งฉัตรชัยและคุณหมิวต่างสารภาพออกมาแล้วว่าทั้งสองคนที่ล่วงล้ำ
ขอบเขตุของการเป็นคุ่หมั้นกันไปแล้ว

"เรื่องของหนุ่มสาวน่ะคุณหญิง..เขาสองคนรักกัน สารภาพกับเราสองคนตามจริงแล้ว คงต้องรอให้เรื่องทางนายชัดชาย
เรียบร้อยก่อนค่อยจัดการให้ถูกต้องตามประเพณี...ช่วงนี้เราสองคนก็รับทราบกันไว้ก่อน..เอาตามนี้ไปก่อนนะคุณหญิง.."

มรว.จักรภพบอกให้ภรรยารับทราบว่าเรื่องงานแต่งงานของคุณหมิวุตรสาวกับฉัตรชัยนั้นคงต้องเลื่อนกำหนดออกไปก่อน
รอจนจัดการเรื่องของชัดชายกับแอนนี่และพ่อพร้อมบริวารเรียบร้อยเสียก่อน จึงค่อยจัดการให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ความ
สัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เกินขอบเขตุของคุ่หมั้นไปแล้วนั้น ท่านทั้งสองก็เพียงรับทราบ และมิได้ขัดขวางห้ามปราม ทำให้สอง
หนุ่มสาวที่นั่งฟังอยู่ ต่างลุกขึ้นไปกราบแทบเท้าของมรว.จักรภพและคุณหญิงพรรณรายด้วยความทราบซึ้ง จากนั้นคุณหมิว
ก็ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ตามลำพัง ปล่อยให้ฉัตรชัยและหวานนั่งรออยุ่ที่ห้องรับแขก

"เอ่อหนูหวาน..ไม่ต้องห่วงสามีของหล่อนนะ ทางเราจะช่วยเหลือเขาเต็มที่..."

ก่อนที่คุณหมิวจะลงมาห้องส่วนตัวของเธอนั้น  คุณหญิงพรรรรายเอ่ยกับหวานเมื่อเห้นใบหน้าของหญิงสาวซีดขาว ด้วย
เข้าใจว่าเธอคงเป็นห่วงสามีที่เข้าไปพัวพันกับแก็งค์ของนายพลเดช แต่ถ้าคุณหญิงล่วงรุ้ถึงสาเหตุที่หวานใบหน้าซีด
ขาวนั้นเป็นเพราะอดนอนและรับศึกหนักกับว่าที่ลูกเขยของหล่อน คุณหญิงพรรณรายคงลมจับสลบไสลอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นสักครุ่คุณหมิวก็เปลี่ยนชุดใหม่สวยสดใสลงมา แล้วทั้งสามคนก็กราบลาบิดามารดาของคุณหมิว เพื่อไปเยี่ยม
คุณนายแจ่มจรัสที่โรงพยาบาลพร้อมกัน

......................................................................

เพียงวันแรกที่แอนนี่กับชัดชายมาถึงบริษัท เธอก็จัดการทำหนังสือสั่งปลดเลขาหน้าห้องของฉัตรชัยออก พร้อมบอกให้
ชัดชายแต่งตั้งตัวเองขึ้นมาแทน จากนั้นก็ทำหนังสือย้ายผู้จักการฝ่ายโลจิสติคออกไปทำหน้าที่อื่น แล้วเปิดรอตำแหน่ง
ว่างให้เทวัญเข้ามารับงานในภายหลัง

การเปลี่ยนแปลงภายในบริษัทของฉัตรชัยอย่างกระทันหัน ทำให้พนักงานเก่าแก่หลายคนต่างงุนงงสงสัย แต่ก็ไม่มีใคร
สามารถทัดทานได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งโดยตรงมาจากฉัตรชัยเจ้าของบริษัทโดยตรง จึงต่างพากันซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องนี้
เรื่องที่จุ่ๆแอนนี่เข้ามาควบคุมคอนโทรลได้ ทั้งๆที่ผ่านมาทุกคนต่างทราบดีว่าแม่แอนนี่สาวลุกครึ่งผู้นี้พยายามให้ท่าอ่อย
เจ้านายของพวกเขาเพียงใด แต่คุณฉัตรชัยไม่เคยคล้อยตาม แต่เพราะเหตุใดเพียงแค่การกลับมาทำงานเพียงวันแรก
ของเจ้านายหลังจากที่ลาพักร้อนไปสิบกว่าวันนั้น ถึงกลับเปลี่ยนไปแบบชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ถึงเพียงนี้

ep.49

หลังจากที่ฉัตรชัยพาภรรยาทั้งสองคนไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาลแล้วก็เห็นอาการของมารดาดีขึ้นมากจนหมดความ
กังวล คุณนายแจ่มจรัสได้พบเห็นหน้าลูกสะใภ้คนเล็กคือหวาน ก็นึกรักใคร่เอ็นดูชอบตั้งแต่แรกเห็น กับความใสซื่อของ
หวาน เพียงแค่ยังไม่รู้ว่าหวานนั้นเป็นเมียของบุตรชายแฝดคนโตของหล่อนไปแล้วเหมือนกัน ในระหว่างที่ทั้งสามคนยัง
อยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหาคุณหมิวจากมรว.จักรภพ แจ้งให้รู้ว่าตนเองได้ไปพบและปรึกษาผู้การอภิสิทธิ์
เพื่อหาทางช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว

"ลูกหมิว...ทางผุ้การต้องการให้คู่หมั้นของลูกหลบตัวออกไปจากกรุงเทพเป็นการชั่วคราวน่ะลูก...เพื่อความปลอดภัย และ
เหตุผลทางการสืบสวน.." ก่อนจะวางสายไปมรว.จักรภพได้แจ้งให้บุตรสาวของตนเองรับรู้

ทั้งสามคนจึงเดินออกมาจากห้องพักฟื้นของมารดาพร้อมปรึกษาเรื่องนี้กัน ได้ผลสรุปตรงกันว่าจะให้ฉัตรชัยหลบไปอยู่ที่บ้าน
ของหวานเป็นการชั่วคราว ส่วนหวานจะอยุ่ดูแลลูแม่สามีแทน เพราะไม่มีใครรู้จักเธอ ส่วนคุณหมิวนั้นฉัตรชัยเกรงว่าจะได้
รับอันตรายจากเรื่องนี้ จึงเดินทางไปขออนุญาติมรว.จักภพกับคุณหญิงพรรณราย เพื่อให้เธอหลบไปอยู่กับเขาที่บ้านของ
หวานพร้อมกันเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบิดาและมารดาของคุณหมิวก็เห็นดีด้วย ฉัตรชัยกับคุณหมิวจึงเดินทางกลับมาที่
ชัยนาทบ้านของน้องชายฝาแฝดชัดชายอีกครั้ง ทิ้งให้หวานคอยอยู่ปรนนิบัติแม่สามีเพียงลำพัง โดยพักอยู่ที่บ้านของ
ตนเองแทน
......................................
ผ่านไปอีกสามวันที่บริษัทของฉัตรชัยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง นายเทวัญเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย
โลจิสติค ส่วนผู้จัดการคนก่อนที่ถูกย้ายไปอยู่ตำแหน่งอื่นนั้นถูกปลดออกโดยได้รับเงินชดเชยไปตามกฎหมาย จากนั้น
การลองของครั้งแรกก็ถูกวางแผนกันขึ้น ระหว่างนายเทวัญกับนายพลเดช ในการทดลองขนไม้พยูงจำนวน1ตุ้คอนเทรนเนอร์
ส่งออกไปประเทศจีน โดยในใบกำกับขนส่งสินค้าแจ้งว่าเป็นเปลือกไม้ยูคา โดยที่ชัดชายไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด เพราะ
ตนเองไม่มีความรุ้ด้านนี้ เพียงแค่โทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวให้พี่ชายฟัง ซึ่งฉัตรชัยนั้นล่วงรู้ได้ทันทีว่าสินค้าส่งออกล็อตนี้
ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน จึงได้ติดต่อไปทางผู้การอภิสิทธิ์แจ้งให้ทราบความเคลื่อนไหว

"ผมทราบเรื่องทั้งหมดจากสายสืบแล้วครับคุณฉัตร..แต่ล็อตนี้ผมจะปล่อยไปก่อนเพื่อให้กลุ่มนายพลตายใจ...เพราะที่ผม
ทราบว่าครั้งนี้แค่เป็นการลองเชิงกัน แม้จับได้ก็ไม่สามารถสืบสาวเรื่องไปถึงนายพลเดชได้ คุณฉัตรใจเย็นๆครับ บอก
น้องชายคุณด้วยว่าทำตามน้ำไปเรื่อยๆก่อน อย่าเพิ่งกระโตกกระตากให้ไก่ตื่นครับ..."

"แล้วนายชัดจะไม่โดนพ่วงเข้าไปด้วยหรือครับท่านผู้การ..." ฉัตรชัยสอบถามด้วยความเป็นห่วงน้องชายฝาแฝด

"ไม่หรอกครับ เราจะกันน้องชายคุณไว้ในฐานะพยาน..ทางคุณฉัตรก็ต้องหลบซ่อนตัวให้ดีๆนะครับ อย่าให้นายพลเดชรู้เรื่อง
ว่าคนที่อยู่กับเขานั้นหาใช่ตัวคุณฉัตรจริงๆ..."

ผู้การอภิสิทธิ์กำชับมาอีกครั้ง แล้วก็วางสายการติดต่อ...แต่ฉัตรชัยกลับเป็นกังวลกลัวว่าชัดชายจะวู่วามแล้วทำให้แผนของ
ผู้การในการกวาดล้างอิทธิพลของนายพลเดชแตก จึงโทรศัพท์ไปกำชับเรื่องกับชัดชายอีกครั้ง

"ครับพี่...ผมไม่วู่วามหรอก..วางใจได้ แต่ผมว่าทางแอนนี่กับพ่อเขาเริ่มสงสัยแล้วนะพี่ว่าคุณหมิวหายตัวไปไหน...เคยเรียก
ผมมาสอบถาม แต่ผมปฎิเสธไปว่าไม่ได้พบกันเลยหลังจากที่คุณหมิวทราบเรื่องว่าผมจดทะเบียนสมรสกับแอนนี่แล้ว..ยังไง
พี่ดูแลคุณหมิวกับหวานให้ดีๆนะครับ...ฝากบอกแม่ด้วยว่าผมขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด..เสร้จเรื่องนี้แล้วจะไปกราบ
เท้าขอขมาท่าน..."

ฉัตรชัยได้ยินน้องชายฝาแฝดตอบมาเช่นนี้ ก้รุ้สึกดีใจว่าน้องฝาแฝดของตนคงสำนึกผิดกลับตัวกลับใจเป็นคนดีได้เสียที
พร้อมกับนึกถึงเรื่องในอนาคตว่า ถ้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ตนเองจะยกบริษัทให้กับน้อง เพราะฉัตรชัยเองเริ่มติดใจกับ
การใช้ชีวิตในชนบท กับสาวคนรักทั้งสอง ชีวิตเขาคงมีความสุขที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ในเชิงธุรกิจอีกต่อไป ใช้ชีวิตเรียบง่าย
ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง

เพียงแค่นี้สำหรับชีวิตคนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่าความสุข ความสงบ แบบนี้อีก ความยากจนหรือร่ำรวยหาใช่สิ่งที่
ตนเองปรารถนา ขอเพียงมีความพอ มีเงินหลักหมื่นหลักพันตนเองก็อยู่ได้อย่างมีความสุข ถ้าไม่เพียงพอต่อให้มีหลักล้าน
สิบล้านหรือร้อยล้านพันล้าน ชีวิตก็จะมีแต่ความทุกข์

ทางด้านนายพลเดชและพรรคพวกหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการลักลอบส่งไม้ต้องห้ามออกไปประเทศที่สามได้เรียบ
ร้อยต่างก็ยินดีในผลงานครั้งนี้ แสดงว่าสิ่งที่ตนเองวางแผนไว้ในการใช้แอนนี่บุตรสาวเข้าควบคุมกิจการของนายฉัตรชัย
เป็นความคิดที่ถูกต้อง เพราะจากแบล็คกราวด์ของบริษัทนายฉัตรชัยว่าที่ลูกเขยของมรว.จักรภพ ที่มีตำแหน่งเป็นวุฒิสภานั้น
จึงเป็นที่ไว้วางใจจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นบริษัทที่ขาวสะอาดไม่เคยทำสิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งเครดิตของว่าที่พ่อตาที่เป็นถึง
วุฒิสภานั้นย่อมการันตีในตัวในบริษัทของฉัตรชัยได้เป็นอย่างดี

เจ้าหน้าบ้านเมืองจึงไม่ติดใจสงสัยตรวจสอบแต่อย่างใด ในเมื่องานแรกสำเร็จไปได้ด้วยดี นายพลเดชจึงวางแผนงานที่
สองอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้จะขนทั้งไม้พยูงและยาบ้าอีกล็อตใหญ่ ชนิดที่เรียกว่าถ้าทำสำเร็จ ตนเองจะกลายเป็นเศรษฐีระดับหมื่น
ล้านเลยทีเดียว จากนั้นก็จะผันตัวเองไปเล่นการเมือง ใช้เงินที่ได้มาซื้อเสียง ถ้าได้เป็นสส.สำเร็จ คราวนี้ก็ไม่จำเป็นต้อง
ใช้งานฉัตรชัยแล้ว เพราะตนเองจะมีทั้งเงินและบารมีตำแหน่งไว้คอยคุ้มครองธุรกิจผิดกฎหมายต่อไปอย่างถาวร

ผ่านไปอีกร่วมสิบวันที่ฉัตรชัยกับคุณหมิวมาใช้ชีวิตอยู่ในชนบท จนคุณหมิวเริ่มคิดถึงบิดาและมารดาของตนเอง จึงรบเร้าขอ
ให้ฉัตรชัยพาไปเยี่ยม แม้ฉัตรชัยจะรุ้ว่าการทำเยี่ยงนี้มันเป็นเรื่องเสี่ยงที่อาจถูกคนของนายพลเดชจับได้ แต่ก็ไม่สามรถขัด
ความตั้งใจความต้องการของเมียสาวได้ เพราะตนเองเข้าใจว่าคุณหมิวมาลำบากกับตนในชนบทนั้น เพราะเรื่องของตนกับ
น้องชายเป็นสาเหตุสำคัญ จึงพาคุณหมิวกลับมาเยี่ยมบิดามารดาของเธอ พร้อมกับที่ฉัตรชัยก็คิดถึงมารดาของตนและหวาน
ด้วยเช่นกัน

ในระหว่างที่ฉัตรชับขับรถกระบะบุโรทั่งของน้องชายเข้ากรุงเทพมาจนถึงรังสิต ประกฎว่ารถยางแตกจึงได้แวะเข้าสถานนี
บริการน้ำมันเพื่อทำการปะยาง แต่ลูกค้าในร้านนั้นมีจำนวนมากทำให้ทั้งสองต้องเสียเวลารอคอยไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง

"พี่คะ...รอในร้านนี่ร้อนมากเลยค่ะ..หมิวว่าเราไปเดินห้างใกล้ๆนี้ฆ่าเวลาก่อนได้มั๊ยคะ.."

คุณหมิวสอบถามฉัตรชัย พร้อมขออนุญาติ แม้ฉัตรชัยจะไม่อยากไปปรากฎตัวตามที่สาธารณธพร้อมคุณหมิว แต่พอเห็น
ใบหน้าแดงกล่ำ พร้อมเม็ดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้าสวยหวานของเมียก็อดใจอ่อนยอมทำตามที่เธอประสงค์ไม่ได้ ครั้นจะปล่อย
ให้เมียสาวไปตามลำพังตนเองก็เป็นห่วง จึ่งทิ้งรถไว้ในปั้มน้ำมันพร้อมกับนั่งรถรับจ้างไปที่ห้างใกล้ๆเดินเล่นฆ่าเวลารอจน
ปะยางเสร็จค่อยกลับมารับ

แต่ก็เหมือนคราวเคราะห์กำลังมาเยือนขณะที่ฉัตรชัยกับคุณหมิวกำลังเดินดูข้าวของกันอยู่ในห้างนั้น สมุนบริวารคนหนึ่งของ
นายเทวัญพบทั้งสองคนเข้า จึงรีบโทรศัพท์ไปหานายเทวัญเพื่อแจ้งข่าวให้ทราบทันที

"เห้ยไอ้เด่นมึงแน่ใจนะว่าเป็นคุณหมิวกับนายฉัตรชัย..." นายเทวัญถามย้ำไปตามสาย

"แน่สิครับนาย...เป็นบอสของคุณแอนนี่กับคู่หมั้นของเขาจริงๆ ผมยังเอารุปถ่ายที่นายให้ไว้มาดูเปรียบเทียบตั้งหลายครั้ง จึง
มั่นใจมากครับ"

สมุนของนายเทวัญยืนยันอย่างมั่นคง ทำให้เทวัญแปลกใจในเมื่อ สักครุ่ตนเองเพิ่งเจอกับบอสของแอนนี่ในห้องทำงานของ
เขา ผ่านมาไม่ถึง30นาที บอสของแอนนี่ไม่มีทางไปปรากฎตัวที่ห้างแถวรังสิตได้อย่างแน่นอน แต่เพื่อความไม่ประมาทเทวัญ
จึงเดินไปเมียงมองผ่านช่องกระจกเล็กๆหน้าห้องทำงานของฉัตรชัยอีกครั้ง ก็เห็นเขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน โดยมีแอนนี่
นั่งซ้อนตักอยุ่ พร้อมหยิบผลไม้ป้อนใส่ปาก มันน่าจะมีอะไรลับลมคมในกับเรื่องนี้แน่

นายเทวัญจึงรีบโทรไปแจ้งให้นายพลเดชรับทราบ จากนั้นก็เริ่มสงสัยตั้งสมมุติฐานว่านายฉัตรชัยอาจจะมีฝาแฝด นายพลเดช
จึงทำการสืบประวัติของครอบครัวฉัตรชัยอย่างลับๆ ถึงการกำเนิด และเพียงแค่ไม่ถึงครึ่งวัน นายพลเดชก็รุ้ว่าคุณนายแจ่มจรัส
นั้นคลอดบุตรออกมาเป็นฝาแฝดจริงๆ แต่ทั้งสองคนพลัดพรากจากกัน แต่การที่ไอ้เด่นสมุนของเทวัญไปพบแฝดอีกคนหนึ่ง
ของฉัตรชัยเดินห้างกับคุณหมิวคู่หมั้นนั้น ทำให้นายพลมือปราบเริ่มสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หรือว่านายฉัตรชัยคนที่อยู่
กับตนเองนี้ หาใช่นายฉัตรชัยตัวจริง

ep.50

แต่จากประสพการณ์ที่ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างโชกโชนของนายพลเดช ทำให้เขาปักใจเชื่อว่า ฉัตรชัยคนที่อยู่กับ
แอนนี่บุตรสาวของตนเองนั้นหาใช่นายฉัตรชัยตัวจริงแต่อย่างใด เพราะจากพฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาด้วยการเดินเข้า
มาติดบ่วงกามของแอนนี่อย่างง่ายๆนั้น หาใช่วิสัยของนายฉัตรชัยตัวจริง

เพราะทั้งที่ก่อนหน้านั้น นายพลเดชเคยให้ลูกสาวตนเองอ่อยให้ท่าให้ทางมานานเกือบปียังไม่เคยสำเร็จ เพราะวิสัยแท้จริง
ของนายฉัตรชัยนั้นหาใช่คนที่มีตัณหาราคะแต่อย่างใด อีกทั้งล่วงรุ้ดีว่ามล.ลาวัลย์คุ่หมั้นสาวของนายฉัตรชัยนั้นทั้งสาวทั้ง
สวยทั้งมีชาติตระกูลดีเพียงใด จึงค่อนข้างมั่นใจว่านายฉัตรชัยคงไม่กล้าทิ้งคุ่หมั้นมายอมจดทะเบียนสมรสกับลุกสาวตนเอง
ง่ายๆ แบบนี้แน่

แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด นายพลเดชจึงสั่งให้แอนนี่และเทวัญคอยจับตาจับผิดสังเกตุอย่างใกล้ชิด พร้อมสั่ง
ให้เทวัญกำชับไปยังลูกสมุนพยายามหาตัวคุณหมิวและฝาแฝดอีกคนที่อยู่กับเธอให้พบ และถ้าได้จังหวะให้จับตัวมากักขัง
ไว้ในเซฟเฮ้าส์ก่อน จากนั้นก็เร่งเรื่องการจัดส่งไม้พยูงกับยาบ้าล็อตใหญ่ให้เร็ววันขึ้น ด้วยความระแวงกลัวว่าแผนการณ์ที่
วางไว้จะโดนขัดขวางไปเสียก่อน

หลังจากที่บรรดาลูกสมุนของเทวัญได้รับคำสั่งของเจ้านาย ต่างก็ตระเวนขับรถตามหาในย่านรังสิตและสถานที่ใกล้เคียง
กันอย่างเร่งรีบ แต่ก็คราดกันกับฉัตรชัยและคุณหมิวหลังจากที่รอจนกว่าสองชั่วโมงผ่านไป จึงกลับไปที่ร้านปะยางและนำรถ
ที่ได้รับการแก้ไขเสร้จแล้ว ขับออกมาจากที่นั้นแล้วตรงกลับมาที่บ้านของตนเองทันที

หลังจากกลับมาเปลี่ยนรถที่บ้านจากรถกระบะของน้องชายเป็นรถเบ็นซ์ของตนเองได้แล้ว พบว่าที่บ้านเงียบเชียบไร้วี่แวว
ของหวานและป้าแจ่ม จึงสันนิษฐานว่าทั้งสองคนคงอยู่กับมารดาตนเองที่โรงพยาบาล ฉัตรชัยจึงขับรถออกไปส่งคุณหมิว
ที่บ้านของเธอก่อน

ทางด้านสมุนของเทวัญหลังจากตระเวณตามหาย่านรังสิตและใกล้เคียงไม่พบวี่แววของฉัตรชัยและคุณหมิว จึงแบ่งกำลัง
ออกไปดักซุ่มโป่งที่บ้านของฉัตรชัยและคุณหมิวเพื่อดักรอ ในขณะที่ฉัตรชัยขับรถออกมาพ้นปากซอยบ้านนั้นเพียงคล้อย
หลัง กำลังส่วนหนึ่งของสมุนนายเทวัญก็เลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านของฉัตรชัยเช่นเดียวกัน แต่กำลังอีกส่วนหนึ่งไปดักรอ
ที่บ้านของคุณหมิวเรียบร้อยแล้ว โดยที่ฉัตรชัยและคุณหมิวไม่มีโอกาศรับรู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้สักนิด

ขณะที่ขับรถมาตามทางถึงทางแยกสามแพร่งนั้นคุณหมิวได้บอกกับฉัตรชัยสามีตนเองให้จอดส่งเธอที่แยกนี้ดีกว่า เพราะถ้า
ไปส่งที่บ้านต้องย้อนมาอีกไกลกว่าจะถึงโรงพยาบาล ซึ่งเป็นคนละเส้นทาง ด้วยรู้ดีว่าใจของสามีนั้นเป็นห่วงอยากพบหน้า
มารดาเต็มทน เฉกเช่นเดียวกับตนที่อยากพบบิดามารดาเช่นกัน

"ไม่เป็นไรหรอกที่รัก..พี่ขับไปส่งคุณหมิวก่อนค่อยย้อนมาก็ได้ครับ..."

ฉัตรชัยพยายามทัดทานเมียสาว แต่คุณหมิวกลับส่ายหน้ายืนกรานว่าเธออยากแวะไปพบเพื่อนๆที่ทำงานก่อน เพราะลา
พักร้อนมาหลายวันแล้ว เกรงว่าจะมีงานด่วนรอให้สะสาง ซึ่งล้วนเป็นข้ออ้างทั้งสิ้น ด้วยเธอเกรงใจฉัตรชัยว่าจะลำบากขับ
รถย้อนไปย้อนมา เมื่อเมียสาวยืนยันเช่นนั้น ฉัตรชัยจึงจำต้องจอดรถให้คุณหมิวลงก่อนถึงสามแยกข้างหน้า จากนั้นตนเอง
ก็ขับรถเลี้ยวซ้ายไปหามารดาที่โรงพยาบาล แล้วนัดกันไว้ว่าตอนเย็นๆจะไปรับเธอที่บ้าน

หลังจากที่คุณหมิวแยกทางกับฉัตรชัยแล้ว เธอก็เรียกรถรับจ้างให้ไปส่งที่บ้านทันที ด้วยความคิดถึงบิดามารดาเต็มที่ จนรถ
รับจ้างมาจอดที่หน้าประตูรั้วอัลลอยด์บานใหญ่ คุณหมิวจ่ายค่าโดยสารแล้วรีบลงจากรถ หลังจากที่รถรับจ้างขับออกไปนั้น
ก็มีรถตู้สีเทาติดฟิลม์หนาทึบขับเข้ามาจอดขวางหน้าประตูรั้ว แล้วชายฉกรรจ์สองคนทีเปิดประตูด้านข้างของรถวิ่งตรงมา
หาคุณหมิวพร้อมฉุดกระชากร่างเพรียวสูงของเธอขึ้นรถได้ก็ขับออกไปอย่างรวดเร็วทันที โดยไม่มีใครสามารถรับรู้จุดหมาย
ปลายทางของรถตู้คันนั้น

เมื่อคุณหมิวโดนฉุดกระชากลากตัวขึ้นมาอยู่บนรถตู้ฟิลม์หนาทึบนั้น เธอตกใจจนหวีดร้อง แต่ก็โดนมือหยาบใหญ่เหม็นหืน
จากกลิ่นบุหรี่ ยกมาปิดปากเธอแน่นพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกคนช่วยกันล็อคแขนของเธอไว้ แล้วอีกคนที่อยู่บนรถรีบหาผ้ามา
มัดปากเธอไว้แน่น จากนั้นก็เอาถุงผ้ามาสวมหัวเธอไว้

"นั่งไปดีๆ..อย่าคิดหนี ..."..

เสียงห้าวๆออกคำสั่งกับคุณหมิว จนเธอตกใจกลัวลนลานนั่งเงียบไปตลอดทางพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างขวัญกระเจิง
รถตู้ขับวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกๆคงอยุ่ในเมื่อง เพราะคุณหมิวรับรู้จากการที่รถขับๆติดๆหยุดๆ แต่ระยะหลังๆรถวิ่งไป
ได้เรื่อยๆ จนคุณหมิวแน่ใจว่าคงกำลังออกนอกเมือง นานมากจนเธอเริ่มรุ้สึกเมื่อ่ย สักพักรถจึงจอดลง จากนั้นคุณหมิวก็ถูก
จูงลงมากจากรถ มันเปิดถุงคลุมศรีษะเธอออก

คุณหมิวจึงเห็นว่าชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมๆนั้นมีด้วยกันสี่คน สองคนเดินกระหนาบประกบจับมือเธอเดินเข้าไปในตึกเก่าๆ
สูงสามชั้น รอบๆบริเวณมีรั้วกำแพงคอนกรีตเก่าๆสูงๆ สูงกว่าบ้านโดยทั่วไป จากนั้นคนที่เดินตามหลังก็โทรศัพท์เสียงพุด
แว่วๆ ที่คุณหมิวพอจับใจความได้คือการบอกให้เจ้านายของพวกมันรับรู้ว่าพวกมันจับตัวคุณหมิวได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่
สามารถรับรุ้ได้ว่าพวกมันจับตัวเธอมาด้วยเหตุผลใด

จนกระทั่งชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนพาคุณหมิวเข้ามาในตึกเก่าๆนั้นแล้ว ก็จับเธอไปขังไว้ในห้องเล็กๆที่ชั้นบนสุดของตัวตึก รอบๆ
ห้องมีหน้าต่างบานเล็กๆเพียงบานเดียว แต่ติดเหล็กดัดไว้แน่นหนา ภายในห้องมีเตียงเหล็กเก่าๆกับฟูกบางๆสกปรกๆอยุ่
เพียงแค่นั้น

"ทำตัวดีๆ ..อย่าคิดหนี..แล้วจะไม่ต้องเจ็บตัว..เข้าใจมั๊ย..." เจ้าสมุนโจรหน้าเหี้ยมคนหนึ่งทีมีรอยสักเต็มแขนทั้งสองข้าง
ร้องสั่งคุณหมิวเสียงดัง จากนั้นมันก็แก้ผ้าผูกปากเธอออก

"พวกแกต้องการอะไร...รุ้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร..."

ทันทีที่ปากคุณหมิวเป็นอิสระ เธอรีบร้องถามพร้อมขู่ให้พวกมันเกรงกลัวด้วยเธอคิดว่าบิดาของตนเองเป็นถึงวุฒิสมาชิก
ย่อมต้องมีบารมีจนทำให้พวกโจรกระจอกที่หวังจับตัวเธอมาเรียกค่าไถ่เกรงกลัวได้บ้าง

"พวกกูรุ้หมดแหละว่าพ่อมึงเป็นใคร มึงเป็นใคร ไม่ต้องมาขู่พวกกูหรอกโว๊ย ฮาๆๆๆๆ "

ไอ้คนหน้าเหี้ยมที่มีรอยสักเต็มสองแขน ดูเหมือนเป็นหัวหน้าของอีกสามคนพูดขึ้นพร้อมพากันหัวเราะเยาะเย้ย เหมือน
เป็นเรื่องขำขันสำหรับพวกมัน..

"แล้วพวกแกจับชั้นมาเรื่องอะไร จะเอาค่าไถ่ใช่มัย..."

คุณหมิวกัดฟันข่มความกลัวสอบถามออกไป เพื่ออย่างน้อยเธอจะได้รู้บ้างว่าที่เธอถูกจับตัวมานั้นด้วยสาเหตุใด ด้วยเกรงว่า
พวกชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จะเป็นพวกนักข่มขืนหื่นกาม แต่ถ้ามันจับเธอมาเรียกค่าไถ่ อย่างน้อยเธอก็ยังคงปลอดภัยจนกว่าพวก
มันจะได้รับเงินค่าไถ่ตัวของเธอจากบิดา

"อย่าเสือกถามมากนัก ตอนเย็นๆก็จะรู้เองแหละว่าเจ้านายพวกกุจับมึงมาเพราะเรื่องใด...นั่นห้องน้ำอยุ่ทางนั้น ถ้าอยากทำ
ธุระก็เชิญ...อ่อ..มีโทรศัพท์ติดตัวมาหรือเปล่า ถ้ามีก็ส่งมาดีๆ ไม่งั้นจะให้ไอ้ดาวค้นตัว"

พอมันพูดจบก็แบมือยื่นมาตรงหน้าคุณหมิว แต่คุณหมิวส่ายหน้า เพราะโทรศัพท์ของเธอล่วงหล่นกับพื้นตอนที่โดนฉุดตัวมา
จากหน้าบ้านแล้ว แต่มันกลับไม่เชื่อ สั่งสมุนที่ชื่อดาวให้ค้นตามตัวคุณหมิว

เลยเป็นโอกาสให้ไอ้ดาวฉวยโอกาศล่วงเกินลูบคลำตามสะโพกอวบผายของคุณหมิวเพื่อค้นหาโทรศัพท์ คุณหมิวต้องกัด
ฟันอดกลั้นความหวาดกลัวและขยะแขยงกับมือหยาบๆใหญ่ๆ ที่ลูบคล้ำไล้ไปตามโค้งสะโพกช้า ๆ พอไม่เจอสิ่งใด พวกมัน
ก็พากันออกไปจากห้องแล้วล็อคกุญแจที่ด้านนอก ทิ้งให้คุณหมิวยืนเก้กังอยู่ตามลำพัง ยิ่งคิดถึงอนาคตที่ยังไม่รุ้ว่าเหล่าโจร
กลุ่มนี้ต้องการสิ่งใดในตัวเธอ คุณหมิวก็ยิ่งหวาดกลัวจนน้ำตาไหลอาบแก้ม สวดมนต์ภาวนาขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง
ตัวเธอให้ปลอดภัย

johnywalker

 ::Sweat:: พวกโจร ก็ใจถึงจริง กล้าลักพาตัวลูกผู้หลักผู้ใหญ่

gorncp

ข้ามมาอ่านตอนนี้ก่อน ก็ออกแนวสืบสวน สนุกดีนะครับ

dan49

อยู่ฮันนีมูนกับสามีดีดีอยู่แล้วไม่น่ากลับมาให้โดนจับตัวเลย นี่ถ้านายฉัตรรู้ว่าเมียโดนจับมาจะเกิดอะไรขึ้น