ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

แฝดอันตราย ตอนที่51-52

เริ่มโดย suckzeed, ธันวาคม 27, 2015, 08:59:10 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

ในระหว่างที่ฉัตรชัยเยิ่ยมมารดาอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เขารู้สึกกระวนกระวายใจทั้งๆที่อาการของมารดาก็ดีวันดีคืน จนใกล้เวลา
ที่หมอจะอนุญาติให้กลับบ้านได้แล้ว แต่จิตใจของฉัตรชัยกลับว้าวุ่น เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าคุณหมิวจะเป็นอันตราย จนหวาน
สังเกตุพบอาการของเขาได้ จึงสอบถามว่าฉัตรชัยเป็นกังวลเรื่องอะไร เธอพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างมั๊ย

"พี่ก็ไม่ทราบจ๊ะ..มันรุ้สึกเป็นห่วงคุณหมิวน่ะ..." ฉัตรชัยกระซิบบอกให้หวานรู้

"พี่ไม่โทรไปหาล่ะจ๊ะ..."

"พี่โทรหลายครั้งแล้ว..แต่คุณหมิวสายไม่ว่าง..หรืออาจจะปิดสายน่ะครับ..." ฉัตรชัยบอกให้หวานเข้าใจ สีหน้าดูยิ่งเป็นห่วง
กังวลมากขึ้น

"พี่ไปหาน้องหมิวได้นี่คะ..ทางคุณแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว หวานดูแลท่านได้.."หวานพูดเรียบๆยิ้มอ่อนๆ ไม่มีน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่อย่างใด

"งั้นพี่ขอไปดุคุณหมิวที่บ้านสักครุ่นะหวาน..ถ้าคุณแม่ตื่นขึ้นมาบอกกับท่านว่าพี่ออกไปธุระนะครับ.."

ในที่สุดฉัตรชัยก็ทนต่อความรุ้สึกกระวนกระวายใจต่อไปไม่ไหว จึงต้องขับรถไปที่บ้านของคุณหมิวให้รู้เรื่องว่าเธอยังสุช
สบายดีหรือไม่อย่างไร ในระหว่างทางฉัตรชัยก็พยายามติดต่อคุณหมิว แต่ก็เป็นเช่นเดิมคือไม่สามารถติดต่อกันได้ จน
กระทั่งรถของฉัตรชัยขับไปจอดตรงหน้ารั้วประตุอัลลอยด์บานใหญ่

พลันหางตาของฉัตรชัยก็รุ้สึกมีเงาสะท้อนของวัสดุมันวาวสีทองเข้าแยงนัยต์ตา ฉัตรชัยจึงเหลียวหน้าหันไปมองแสง
สะท้อนนั้น พร้อมกับลงจากรถเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าวัสถุสะท้อนแสงสีทองนั้นคือเคสของโทรศัพท์มือถือที่คุณหมิว
ใช้อยู่ แต่ทว่าทำไมมันถึงกระเด็นมาตกอยู่ใต้พุ่มเข็มริมรั้วบ้าน ฉัตรชัยรีบเปิดประตูเล็กแล้วพุ่งตัววิ่งเข้าไปในตัวบ้านทันที
ด้วยรุ้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าคุณหมิวจะเป็นอันตราย

เมื่อฉัตรชัยเข้าไปในบ้านของมรว.จักรภพ ผู้เป็นบิดาของคุณหมิว ปรากฎว่าท่านทั้งสองไม่อยุ่บ้าน มีเพียงคนรับใช้เก่าแก่
กับคนสวนอยู่เฝ้าบ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น เมื่อฉัตรชัยสอบถามเรื่องคุณหมิวว่าเมื่อเช้าได้มาที่บ้านบ้างมั๊ย ทั้งสองคน
ต่างปฏิเสธว่าตั้งแต่คุณหมิวไปกับฉัตรชัยวันนั้น ยังไม่เคยกลับบ้านมาสักครั้ง

เพียงคำตอบเท่านั้นฉัตรกชัยก็หน้าซีด ล่วงรุ้เลยว่าเกิดอันตรายขึ้นกับคุณหมิวอย่างแน่นอน จึงรีบโทรศัพท์ไปหามรว.จักรภพ
พร้อมเล่ารายละเอียดให้ฟัง ทั้งบิดาและมารดาของคุณหมิวที่ขณะนั้นกำลังทำธุระอยู่ที่ต่างประเทศ ต่างตกใจ รีบดทรศัพท์
หาผุ้การอภิสิทธิ์ทันที พร้อมเลื่อนกำหนดกลับประเทศไทยเป็นการด่วน ส่วนฉัตรชัยกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อรอการ
ติดต่อจากผู้การอภิสิทธิ์อย่างกระวนกระวายใจ จวบจนย่ำค่ำ ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมา
.........................................................

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เทวัญกับนายพลเดชมาที่เซฟเฮ้าส์ อันเป็นสถานที่กักตัวคุณหมิวไว้ ท่าทางที่ทั้งสองคนเดินเข้ามา
หาคุณหมิวนั้นหาได้มีทีท่าประสงค์ร้ายหรือคุกคามแต่อย่างใด รวมทั้งน้ำเสียงของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเข้มแบบ
ชายไทยกลับดูสุภาพเรียบร้อยดี

"ผมชื่อเทวัญครับคุณหมิว ต้องขอประทานโทษที่จำเป็นต้องจับตัวคุณหมิวมานั้น เพื่อยากสอบถามอะไรคุณหมิวเล็กน้อย ผม
หวังว่าคุณหมิวจะพูดและตอบตามความจริงกับผม..ใช่มั๊ยครับ..." นายเทวัญมันเปิดฉากการเจรจาด้วยถ้อยคำสุภาพ น้ำเสียง
นุ่มทุ้ม ไม่มีคราบของเหล่าร้ายแม้แต่นิด

"ได้ค่ะ..คุณเทวัญอยากทราบเรื่องอะไรก็ถามมาได้ แต่ว่าทำไมต้องจับตัวหมิวมากักขังด้วยคะ....." เมื่อคุณหมิวเห็นทางฝ่าย
นั้นพูดจาดีๆ เธอก็จำใจต้องพูดจาดีๆตอบไป

"ต้องขอประทานโทษเป็นอย่างสูงครับ ผมเพียงสั่งลูกน้องให้เชิญตัวคุณหมิวมา ไม่คิดเลยว่ามันจะไปดักฉุดมาเยี่ยงนี้..บอก
ผมได้เลยนะครับว่าไอ้สี่คนนั้นมันทำร้ายอะไรคุณหมิวบ้างมั๊ย ผมจะได้ลงโทษมันให้..."

นับว่าเป็นเรื่องผิดคาดอย่างยิ่งที่คุณหมิวได้ยิน ได้เห็นการแสดงออกของนายเทวัญ ทั้งๆที่เธอวาดภาพของคนเหล่านี้ไว้อย่าง
น่ากลัว

"ไม่เป็นไรค่ะ..หมิวไม่ได้เป็นอันตราย แค่ตกใจเท่านั้น..." คุณหมิวพูดไปตามความจริง

"เห้ยไอ้เด่นไอ้ดาว..กับมึงสองตัวมานี่..."

นายเทวัญหันไปกระชากเสียงเรียกเหล่าสมุนที่จับตัวคุณหมิวมายืนเข้าแถว จากนั้นก็ใช้หลังมือตบหน้าของพวกมันเรียงตัวกัน
ทั้งสี่จนเลือดกลบปาก..จนคุณหมิวสะดุ้งตกใจ

"ผมได้ทำโทษลูกน้องของผมให้คุณหมิวแล้วนะครับ...คราวนี้ผมอยากขอความร่วมมือจากคุณหมิวบ้าง..จะได้มั๊ยครับ..."

หลังจากที่นายเทวัญลงโทษลูกน้องให้คุณหมิวดูต่อหน้าเสร้จ ก็หันมาถามคุณหมิวด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเดิม แต่คุณหมิว
กลับรู้สึกหวาดหวั่นเกรงกลัวเป้นอย่างยิ่ง ทีท่าดุสุภาพก็จริง แต่ความเหี้ยมโหดนั้นแสดงให้เห็นเด่นชัด จนคุณหมิวต้องรับ
ปากไปเบาๆ

"เรื่องง่ายๆนิดเดียวเองครับคุณหมิว..สิ่งที่เจ้านายของผมอยากทราบคือ..ผู้ชายคนที่ไปเดินในห้างกับคุณหมิวเมื่อเช้านี้คือ
ใคร..ครับ."

นายเทวัญมันพูดช้าๆ เน้นทุกคำพูดเสียงไม่น่ากลัว แต่แววตาที่จ้องมองหน้าคุณหมิวนั้น ถึงกับทำให้คุณหมิวไม่กล้าสบตา
ด้วย เพราะมันเหี้ยมโหด เป็นแววตาของฆาตกรชัดๆ

"เอ่อ....คือ...ว่า...".คุณหมิวเริ่มติดอ่างใจหนึ่งก็ไม่อยากบอกความจริง แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวทีท่าของนายเทวัญจนขวัญหนี

"เราตกลงจะคุยกันดีๆแล้วไม่ใช่หรือครับคุณหมิว..." น้ำเสียงนายเทวัญเริ่มคุกคาม จนคุณหมิวตัวสั่น

"ค่ะ..ๆ คุยกันดีๆ..." คุณหมิวตอบรับเสียงสั่น

"งั้นบอกมาตามตรงครับ..เจ้านายของผมรอฟังคำตอบอยู่..."

นายเทวัญพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนคุณหมิวผงะหงายสายตาเย็นชาของเทวัญที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของคุณ
หมิวนั้นทั้งน่ากลัว ทั้งอัมหิตโหดเหี้ยม จนตัวคุณหมิวสั่นสะท้าน พยายามไม่มองสบตา พร้อมครุ่นคิดว่าถ้าเธอไม่ยอมตอบ
ความจริงออกไป คงโดนพวกมันทำร้ายเอาอย่างแน่นอน คุณหมิวคิดว่าพวกมันคงรู้เรื่องของฉัตรชัยและชัดชายหมดเล้ว
เพียงแค่รอคำยืนยันจากปากของเธอเท่านั้น

"ค่ะ....คนนั้นเป็นคุณฉัตร.."

คุณหมิวจำใจต้องตอบตามความจริง ในโลกความจริงมันไม่ใช่นิยายที่จะทำให้เธอเก่งกล้าหาญ พอจะสู้รบตบมือกับเหล่า
อาชญากรพวกนี้ได้ พอนายเทวัญได้รับคำตอบที่พึงพอใจ มันก็กลับไปนั่งในท่าเดิม ร้องสั่งเหล่าสมุนให้ดูแลคุณหมิวอย่าง
ดี ห้ามทำร้ายหรือล่วงเกิน ไม่เช่นนั้น นายเทวัญจะกลับมาลงโทษ จากนั้นนายเทวัญกับเจ้านายคนที่มันเรียก ซึ่งคุณหมิว
คาดเดาว่าคงเป็นายพลเดช ก็เดินออกไปจากห้องคุมขังคุณหมิว แล้วล็อคกุญแจด้านนอกห้องไว้ตามเดิม

พอคุณหมิวอยุ่ตามลำพังเธอก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียรด้วยความคลื่นไส้ เนื่องจากความหวาดกลัว สองแก้มนวลอาบไป
ด้วยน้ำตา เธอนั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำนั้นเนินนานจนแทบหมดแรง จึงค่อยๆเดินโซเซออกมานั่งพักบนเตียง แล้วล้มตัวลง
นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่ทราบ คุณหมิวสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงแอะอะด้านนอกห้อง พร้อมกับเสียงไขกุญแจเปิด
เข้ามาในห้อง พร้อมกับร่างสุงของชายคนหนึ่งที่มีถุงผ้าคลุมศรีษะ พร้อมถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเทปกาวสีเทาหลายๆรอบ
พวกสมุนของนายเทวัญผลักร่างชายผุ้นั้นกระเด็นล้มลงกับพื้นแทบเท้าของคุณหมิว จากนั้นก็ลากร่างของเขาไปผูกมัดมือ
กับขาเตียงไว้แน่น ก่อนจะดึงถุงผ้าที่คลุมศรีษะออก

"คุณพี่..!"

เมื่อคุณหมิวเห็นใบหน้าปูดบวมด้านข้างของชายผู้นั้นเธอก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่คุณพี่ของเธอเขายังพูดตอบโต้
กับคุณหมิวไม่ได้ เนื่องจากมีผ้าผูกมัดปิดปากไว้ รอจนกระทั่งไอ้ดาวสมุนหุ่นล่ำหนาเป็นมะขามข้อเดียว แก้ผ้าที่ผูกปิดปากไว้
แล้วนำผ้าผืนนั้นมามัดมือไพล่หลังกับคุณหมิวแทน

"ไม่ใช่พี่ฉัตรหรอกครับคุณหมิว..ผมชัด..." ทันทีที่ไอ้ดาวออกไปจากห้อง ชัดชายก็บอกความจริงให้คุณหมิวรับทราบว่าตนเอง
คือชัดชายหาใช่ฉัตรชัยแฝดผู้พี่

"แล้วคุณชัดทำไมโดนจับมาคะ..."

คุณหมิวถามแต่ไม่กล้าสบตากับชัดชาย ด้วยเธอหวั่นเกรงว่าที่เขาโดนจับตัวมานั้นเป็นเพราะความจริงที่เธอเปิดเผยให้
นายเทวัญรับรู้

"ก็พอพวกมันรุ้ว่าผมไม่ใช่พี่ฉัตร มันก็จับผมมาครับ..แล้วกำลังตามล่าตัวพี่ฉัตรอยู่..ว่าแต่คุณหมิวปลอดภัยดีใช่มั๊ยครับ..."

ชัดชายสอบถามด้วยความเป็นห่วง เป็นความรุ้สึกที่ออกมาจากใจ เขาหาได้โกรธเคืองคุณหมิวแม้สักนิดที่เปิดเผยความจริง
ให้นายพลเดชรับทราบ จนเขาถูกจับตัวมาด้วยเช่นกัน กลับรู้สึกว่าโชคดีด้วยซ้ำที่โดนจับตัวมาอยู่ในห้องขังเดียวกับเธอ
ด้วยเขาอาจมีหนทางช่วยเหลือกันให้หนีรอดไปได้

"เอ่อ...คุณชัดคะ..หมิวขอโทษนะคะ..ทะ..ที่เปิดเผยความจริงให้พวกนั้นรู้..." คุณหมิวสารภาพผิดออกมา

"ไม่เป็นไรครับคุณหมิว..ดีเสียอีกที่มันจับผมมาขังที่เดียวกับคุณ..เราสองคนจะได้ช่วยกันหาหนทางหนีไงครับ..."

แต่จะหนีกันไปได้อย่างไรในเมื่อด้านนอกนั้นมีลูกน้องของนายเทวัญประจำการอยู่ถึงสี่คน อาวุธปืนครบมือทั้งปืนสั้นและ
อาวุธสงครามเอ็ม16 ทั้งคุณหมิวและชัดชายต่างถูกคุมขังกันอยู่ในห้องนี้จนผ่านไปอีกสองวัน ตลอดเวลาที่ทั้งสองอยุ่ด้วย
กันนั้น แทบจะไม่ได้พูดคุยกันมากนัก มีอาหารที่พวกสมุนของนายเทวัญส่งเข้ามาเพียงวันละสองมื้อโดยพวกมันนำเข้ามา
แล้วแก้เชือกที่มัดมือคุณหมิวออก แล้วสั่งให้เธอทานข้าว แล้วป้อนให้นายชัดชายทาน พอทานกันเสร็จมันก็จับคุณหมิวมัด
มือไขว้หลังไว้ตามเดิม

คุณหมิวยังพอมีอิสระเดินเหินได้ แต่ชัดชายนั้นถูกจับมัดมือไพล่หลังแล้วผูกไว้กับขาเตียงเหล็กที่ยึดติดกับพื้น ไม่มีทางที่
จะขยับยกขึ้นได้เลย มีเพียงแค่เวลาที่คุณหมิวหรือชัดชายต้องการทำธุระในห้องน้ำเท่านั้น ที่มันจะมาแก้เชือกที่ผูกมัดให้
แล้วถืออาวุธครบมือยืนควบคุมอยู่หน้าห้อง รอจนเสร็จธุระก็จับมามัดไว้ตามเดิม
..............

ทางด้านฉัตรชัยยิ่งกระวนกระวายใจ เพราะไม่ได้รับการติดต่อจากผู้การอภิสิทธิ์เลย แม้เขาจะโทรไปที่หมายเลขมือถือ ก็
โดนบล็อคสายไว้ พอโทรไปที่ทำงานเลขาหน้าห้องก็แจ้งว่าผุ้การติดประชุม ยิ่งทำให้ฉัตรชัยร้อนใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
แม้หวานจะเข้ามาปลอบโยนเขาก็หาได้มีอารมณ์ตอบสนอง จนผ่านไปอีกหนึ่งวันที่คุณหมิวโดนจับตัวไปโดยไม่มีการติดต่อ
กลับมาจากฝ่ายนายพลเดช มรว.จักรภพและภรรยาก็เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทันทีที่ฉัตรชัยปลอมตัวไปรอรับที่
สนามบินสุวรรณภูมิ

"พ่อครับเราจะทำอย่างไรกันดี ผมติดต่อผู้การไม่ได้เลย..." ฉัตรชัยถามอย่างร้อนรนเมื่อทั้งสามคนพากันนั่งรถติดฟิล์มหนา
ทึบออกมาจากสนามบิน

"ใจเย็นๆคุณฉัตร..ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูกหมิว ผมก็เป็นห่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณเลยแม้สักนิด...เราคงต้องรอให้ผู้การติดต่อ
กลับมาเองครับ...ผมเชื่อมือท่านว่าจะต้องกำลังวางแผนอะไรกันอยู่.."

"ผมติดต่อนายชัดน้องชายผมไม่ได้เช่นกันครับ..." ฉัตรชัยบอกเล่าให้บิดาของคุรหมิวรับทราบด้วยเช่นกัน

"ผมว่าทั้งสองคนคงถูกจับไปขังเหมือนกันนะ..ทางคุณฉัตรก้ต้องระวังตัวไว้..ถ้าโดนจับตัวไปอีกคนคงจะยุ่งลำบากมากขึ้น..
ช่วงนี้อยู่เฉยๆ เก็บตัวเงียบก่อนดีกว่ามั๊ย..อย่าวู่วามเดี๋ยวจะเสียเรื่อง.."

มรว.จักรภพ เตือนสติว่าที่ลูกเขยด้วยความหวังดี เขาเข้าใจดีว่าขณะนี้ฉัตรชัยคงว้าวุ่นใจแทบเป็นบ้า เพราะทั้งคู่หมั้นสาว
และน้องชายต่างหายตัวกันไปทั้งคู่

"เอ่อ..คุณแม่..หายดี..ออกจากโรงพยาบาลได้หรือยัง...คะ" คุณหญิงพรรณรายสอบถามขึ้นมาบ้างหลังจากที่นั่งเงียบเป็นฝ่าย
ฟังสามีและลุกเขยสนทนากันมานาน

"หายดีแล้วครับ คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ..แต่ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ เลยยังไม่กล้าพากลับ
ไปพักที่บ้าน"

"เอาแบบนี้สิคุณฉัตร พาแม่แล้วก็น้องสะใภ้..รวมทั้งตัวคุณฉัตร มาพักกับผมที่บ้านก่อน..เดี่ยวจะติดต่อทางกองปราบให้จัด
กำลังตำรวจมาคอยดูแล เราอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จะทำให้ดูแลความปลดภัยกันได้ง่ายขึ้น..."

มรว.จักรภพออกความคิดเห็นพร้อมกำชับให้พาคุณนายแจ่มจรัสกับหวานมาพักที่บ้านของท่านทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล
.............................

ส่วนทางด้านนายพลเดช หลังจากจับตัวคุณหมิวและชัดชายไปคุมขังไว้ ก็เลิกตามล่าหาตัวฉัตรชัยและแม่ของเขา เนื่องจาก
ต้องระดมกำลังรีบเร่งจัดการขนย้ายยาบ้าและไม้พยูงลงมากรุงเทพพร้อมจัดส่งออกไปต่างประเทศ จึงไม่อยากเปิดศึกหลาย
ด้านให้เป็นที่ผิดสังเกตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่ตระเตรียมงานเรียบร้อยแล้ว รุ่งขึ้นก็ได้เวลาขนย้ายสิงของบรรจุใส่
ตู้คอนเทรนเนอร์ จึงระดมกำลังทั้งหมดของตนเองที่มีอยู่ เหลือเพียงไอ้ดาวสมุนโจรหุ่นมะขามข้อเดียวให้อยู่เฝ้าคุณหมิว
และชัดชายตามลำพัง พร้อมกำชับว่าพอทุกอย่างเรียบร้อย ให้จัดการเก็บทั้งสองคนเสียให้สิ้นเรื่อง

ep.52

"รุ่งขึ้นพอเสร็จงานแล้ว..ให้ผมเก็บทั้งสองคนเลยหรือครับ...ครับเจ้านาย...แต่ก่อนจะเก็บนังคุณหนู..ขอผมเล่นสนุกกับมัน
ก่อนได้มั๊ยครับเจ้านาย"

"ตามใจมึง...แต่อย่าเสือกทำก่อนงานสำเร้จนะโว๊ย...".

"....เอ่อ..ครับ...ขอบคุณครับ...." เสียงที่ไอ้ดาวได้รับคำสั่งมาจากลูกพี่ของมันทางโทรศัพท์ ถูกคุณหมิวแนบหูกับประตุไม้ฟัง
ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่คำพูดที่เธอได้ยินชัดเต็มสองหูคือวันรุ่งขึ้นหลังจากพวกมันทำงานสำเร็จ มันจะฆ่าเธอกับนายชัดชาย

คุณหมิวจึงนำข้อความที่แอบฟังไปถ่ายทอดให้ชัดชายฟัง ชายหนุ่มนั่งคิดตรึกตรองแล้วตัดสินใจว่าต้องลองเสี่ยงดวงกับพวก
มันดูสักครั้ง ขืนนั่งรอความช่วยเหลือจากพี่ชายคงไม่ได้การแน่ แต่เขาก้ยังไม่แน่ใจว่ากำลังของพวกมันที่อยุ่ด้านนอกมีจำนวน
เท่าใดกันแน่ เพราะสองวันแรกที่เห็นพวกมันเข้ามาส่งข้าวส่งน้ำนั้น พวกมันมีมากกว่าสามคนแน่ๆ

"คุณหมิวครับ แกล้งทำเป็นอยากทำธุระในห้องน้ำสิครับ ผมอยากรู้ว่าพวกมันด้านนอกยังเหลืออีกกี่คน..." ชัดชายกระซิบบอก
คุณหมิว

"ค่ะๆ....."

คุณหมิวกระซิบตอบ พร้อมเดินไปที่หน้าประตูใช้เท้าแตะประตูดังก็อกๆ พร้อมตะโกนออกไปบอกว่าตนเองปวดห้องน้ำ...มี
เสียงบ่นแว่วๆดังตอบออกมาสักครู่ประตูก็ค่อยๆเปิดออก แต่คุณหมิวยืนดักรออยู่ทำท่าทางบิดตัวร้องครางซี๊ดๆอูย ฉวยจังหวะ
ที่ไอ้ดาวคนที่มาเปิดประตูเผลอ เธอมองลอดรอยแง้มของขอบประตู มองออกไปด้านนอกห้อง ไม่เห็นมีใครสักคน นอกจาก
ไอ้ดาวหุ่นมะขามข้อเดียวที่มาเปิดประตู แล้วสั่งให้เธอหันหลังก่อนจะค่อยๆแก้เชือกที่มัดข้อมือของคุณหมิว แล้วใช้ปืนดุน
หลังเธอเข้าไปในห้องน้ำ

"จัดการธุระของแกไวๆ..." มันร้องบอกแต่ยังคงยืนนิ่งขวางประตูไว้

"ก็นายออกไปก่อนสิ..มายืนจ้องแบบนี้ใครจะถ่ายออก..." คุณหมิวตวาดไล่ แต่ไอ้ดาวมันยังคงยืนเฉย

"จะทำหรือไม่ทำเลือกเอา..."

ไอ้ดาวตวาดตอบกลับ มันยังคงยืนนิ่งเฉยขวางประตุไว้ แต่เบือนหน้ากลับมาทางชัดชาย คุณหมิวจึงค่อยๆถลกกระโปรงขึ้น
มาที่เอวพร้อมกับสอดมือดึงชั้นในออกมาช้าๆก่อนจะนั่งยองๆลง แล้วกลั้นใจตัดความอายเบ่งฉี่เสียงดังจ๊อกๆเบาๆออกมาให้
ดูสมจริง แต่การกระทำของคุณหมิวนั้นชัดชายเห็นเต็มๆตา ถ้าในสถานการณ์ปรกติ การที่ได้เห็นสะโพกอวบขาวผ่องของ
คุณหมิวเช่นนี้ เขาคงมีความรุ้สึกไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขากลับจ้องมองไปที่ใบหน้าของไอ้ดาวเขม็ง ด้วยกลัวว่ามันจะลักไก่หัน
กลับไปใช้สายตาลวนลามสิ่งเล้นรับของคุณหมิว แต่มันก็ไม่ทำเช่นนั้น

จนคุณหมิวเสร้จธุระมันก็จับเธอมัดมือไขว้หลังอีกครั้ง พร้อมเดินออกไปจากห้องและล็อคกุญแจเช่นเคย...จนชัดชายเริ่ม
เอะใจว่าตามรูปการแล้วไอ้ดาวมันน่าจะหื่นกามใช้สายตาโลมเลียเอตัวของคุณหมิวอย่างแน่นอน แต่มันกลับไม่ทำเช่นนั้น
หรือว่ามันมีแผนการที่จะทำมากกว่านั้นเมื่องานของเจ้านายมันสำเร็จ เมื่อคิดได้ชัดชายก็หวั่นใจ พร้อมตัดสินใจต้องเสี่ยง
วัดดวงกับไอ้พวกวายร้ายกลุ่มนี้แน่

"คุณหมิวเห็นหรือเปล่าครับว่า..พวกมันเหลืออยุ่กี่คน..." ชัดชายกระซิบถามทันทีที่ไอดาวออกจากห้อง

"หมิวไม่เห็นคนอื่นเลยนะคะ..นอกจากนายคนนั้นคนเดียว.." คุณหมิวกระซิบตอบกลับบ้าง

"งั้นเราต้องลงมือกันช่วงที่ไอ้ดาวมันมาส่งอาหารดีมั๊ยครับ..ผมสังเกตุว่าพอมันมาส่งอาหารเย็นแล้ว มันจะไม่กลับเข้ามาดู
พวกเราสองคนเลย จนกว่าเราจะร้องเรียกมัน...." ชัดชายใช้เวลาสังเกตุพฤติกรรมของพวกเหล่าร้ายถึงสองวันจึงรู้ได้

"ค่ะ...จะให้หมิวทำอย่างไรดีคะ..." คุณหมิวตอบรับแล้วสอบถาม ด้วยตัวเธอเองนั้นยังไม่รู้เลยว่าชัดชายจะแก้พันธนาการ
หลุดออกมาได้อย่างไร

"เราต้องใจเย็นๆรอเวลาก่อนครับคุณหมิว.."

ชัดชายรู้ดีว่าในขณะนี้คุณหมิวคงกลัวจนแทบเสียสติ และก้นึกชมเธออยู่ในใจว่าแม้จะรุ้ว่าวันรุ่งขึ้นเธออาจโดนฆ่าตาย แต่
สติของคุณหมิวกลับยังไม่แตกซ่าน ยังสามารถควบคุมสติได้อย่างมั่นคง จนชัดชายมั่นใจว่าแผนการที่ตนเองวางไว้น่าจะ
ประสพผลสำเร็จ
........................................

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองที่บ้านของมรว.จักรภพ ก็มีแขกมาเยือนโดยขับรถเบ็นส์สีดำติดฟิล์มสีดำมืดจนไม่สามารถมอง
เห็นแขกผู้มาเยือนรอจนรถเบ็นซ์สีดำเข้าจอดในโรงรถ พร้อมประตูเหล็กบังคับด้วยรีโหมดคอนโทรลปิดลงสนิท บุคคลที่
ก้าวเท้าลงมาจากรถคือผู้การอภิสิทธิ์ บุคคลที่ฉัตรชัยและมรว.จักรภพเฝ้ารอเวลาให้เขามาหา

"พรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน พวกมันจะลงมือกันแล้วครับพี่..." ผู้การอภิสิทธิ์ พูดขึ้นทันที่ที่เข้ามานั่งกันในห้องหนังสือพร้อมกันกัน
ทั้งสามคนคือฉัตรชัย และมรว.เจ้าของบ้าน

"แล้วเราจะทำอย่างไรครับท่าน..." ฉัตรชัยถามขึ้นด้วยความร้อนรนใจ ห่วงใยในความปลอดภัยของคู่หมั้นสาวและน้องชาย
ฝาแฝดของเขา

"ต้องขอโทษพี่ชายกับคุณฉัตรนะครับ ที่ผมไม่ติดต่อกลับ...เพราะผมกำลังวางแผนกันอยู่..รอจนผมแน่ใจว่าพวกนายพลเดช
จะลงมือวันไหน เวลาใด ผมถึงได้มาบอกนี่ไงครับ..."

"แล้วผู้การรู้ที่กักขังลูกหมิวของผมหรือยังครับ..." มรว.จักรภพสอบถามขึ้นมาบ้าง

"ทราบครับพี่ชาย...แต่ที่ผมยังไม่เอากำลังไปช่วยนั้น เพราะไม่อยากให้ทางพวกเค้าไหวตัวน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผม
จะแยกกำลังออกไปสองส่วนทางหนึ่งไปช่วยคุณหมิวกับน้องชายของคุณฉัตร อีกทางหนึ่งบุกจับกุมพวกนายพลเดชที่ท่าเรือ
ครับ...เราจะทำพร้อมๆกันทั้งสองด้าน พี่ชายกับคุณฉัตรไม่ต้องกังวลใจนะครับ ผมเชื่อมั่นว่าครั้งนี้ต้องทำสำเร็จ แล้วทุกคน
จะต้องปลอดภัย..." พอพูดธุระสั้นๆจบ ผู้การอภิสิทธิ์ก็กลับออกไปจากบ้านของมรว.จักรภพทันที

............................................

จวบจนเวลาย่ำค่ำ ไอ้ดาวนำอาหารมาให้คุณหมิวกับชัดชายอีกครั้ง แต่ก่อนที่คุณหมิวจะทานอาหาร มันกลับสั่งให้เธอไปอาบ
น้ำเสียก่อน

"นี่แก..ไปอาบน้ำอาบท่าเสียมั่งสิ..เนื้อตัวมอมแมมเหม็นไปหมดแล้ว..ไวๆ สั่งให้ทำอะไรก็ทำสิวะ..."

มันเร่งให้คุณหมิวทำตามที่มันต้องการ จนคุณหมิวและชัดชายต่างงุนงงว่าจู่ๆมันจะมาห่วงเรื่องความสะอาดของคุณหมิวทำไม
หรือว่า...คืนนี้มันจะต้องการเผด็จศึกคุณหมิวกันแน่ หลังจากที่ไอ้ดาวออกคำสั่งคุณหมิวอีกครั้ง เธอก็ค่อยๆเดินไปเข้าห้องน้ำ
พร้อมกับล็อคกลอนแน่นหนา ก่อนจะค่อยๆเปลื้องเสื้อผ้าอาบน้ำตามที่มันสั่ง จนเรียบร้อยคุณหมิวก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับ
ใส่เสื้อผ้าชุดเก่า

ไอ้ดาวมันก็นั่งคุมปล่อยให้คุณหมิวทานข้าว พร้อมกันป้อนข้าวให้ชัดชายไปด้วย อาหารมื้อนี้แม้จะไร้รสชาติ แต่ชัดชายก็กิน
เข้าไปเหมือนกับว่ามันเอร็ดอร่อย ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของเขาเองที่ต้องการกินให้อิ่ม เพื่อจะได้มีแรงเอาไว้ทำแผนการของ
ตัวเขา พร้อมกับพยักหน้าให้คุณหมิวทานอาหารให้เยอะๆเช่นเดียวกับตนเอง จนเรียบร้อยไอ้ดาวก้มัดมือคุณหมิวเหมือนเคย
อีกครั้งจากนั้นก็ออกไปจากห้องเหมือนเช่นเคย

"คุณหมิวครับได้เวลาแล้ว..." ชัดชายกระซิบบอก พร้อมพยักหน้าให้เธอเดินเข้ามาหาใกล้ๆ

"จะให้หมิวทำอย่างไรคะ..." คุณหมิวยังงงๆว่าชัดชายมีแผนการอย่างไร เพราะเขาไม่ได้บอกกับเธอ

"คุณหมิวมองที่ขอบกางเกงผมสิครับ ตรงที่มันตุงๆขึ้นมาน่ะครับ..."

ชัดชายรีบบอก แต่คุณหมิวมองตามแล้วกลับหน้าแดง นึกในใจว่าคนบ้าอะไรกันนี่ หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ดันจะมามีอารมณ์
ให้ตนเองมองเป้าตุงๆของเขา

"นี่นายชัด..นายจะบ้ารึไง..ให้หมิวมองอะไร.."

คุณหมิวต่อว่าเบาๆ หน้าแดงกล่ำอายๆ ด้วยเข้าใจว่าเขาให้เธอมองเป้ากางเกง..แต่เอะใจว่าพอเธอมองเป้ากางเกงของชัดชาย
จริงๆกลับไม่พบเห็นสิ่งปรกติตุงๆตามที่เขาบอก

"ไม่ใช่เป้ากางเกงครับคุณหมิว เหนือขึ้นมาจากตรงเป้า..ที่ขอบกางเกงของผมน่ะ มีกระเป๋าลับอยู่ ในนั้นมีมีดพกเล่มเล็กๆ ผม
อยากให้คุณหมิวเอามือล้วงมันออกมาให้ผมน่ะ..."

ชัดชายอธิบายพร้อมกับยิ้มๆ ด้วยเขาก็รุ้ว่าที่คุณหมิวพูดออกมานั้นคงเข้าใจว่าเขาลามกหื่นกาม พออธิบายเสร็จคุณหมิวก็พยัก
หน้าเข้าใจ พร้อมหน้ายิ่งแดงกล่ำขึ้นด้วยความเขินอาย ที่ตนเองเป็นฝ่ายเข้าใจเขาผิด

คุณหมิวจึงขยับตัวนั่งหันหลังแล้วใช้มือที่ถูกพันธนาการไว้คลำไปตามกางเกงของชัดชายช้าๆ แต่เธอไม่สามารถมองเห็น
เบื้องหลังได้ถนัด มือเล็กๆของเธอจึงคลำไปตรงเป้าของชัดชายเต้มๆมือ จนคุณหมิวร้องอุ๊ยด้วยความตกใจและเขินอาย ที่
อุ้งมือของเธอสัมผัสกับเนื้อหยุ่นๆนิ่มๆเป็นท่อนลำอวบอ้วนของเขา

"ใจเย็นๆครับคุณหมิว เลื่อนมือขึ้นมาสูงกว่านี้อีกครับ.."

ชัดชายก้มหน้าลงมากระซิบใกล้หูของคุณหมิวเพื่อเย้าแหย่แม้ในยามหน้าศิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขากลับยังมีอารมณ์สนุกเสมือน
ไม่อนาทรต่อชีวิต

ตลอดเวลาสามวันสองคืนที่คุณหมิวอยู่ใกล้ชิดกับชัดชายนั้น ทำให้มุมมองของคุณหมิวต่อเขาเปลี่ยนแปลงไปจากการที่เธอ
เคยมองน้องชายฝาแฝดของฉัตรชัยว่าเป็นคนกระล่อนปลิ้นป้อน หื่นกามลามก กลับเปลี่ยนไปเพราะยามที่คุณหมิวท้อแท้
หวาดกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น ก็มีเพียงเสียงห้าวนุ่มทุ้มของชัดชายที่คอยปลุกปลอบให้มีกำลังใจ เสมือนมีเขาเป็นเพื่อน
กับคำพูดที่คุณหมิวจดจำไว้ในใจเมื่อได้ยินชัดชายพูดออกมาหลังจากที่เธอแอบฟังไอ้พวกวายร้ายสนทนากันว่าจะจัดการ
เธอกับเขาหลังจากที่งานของพวกมันสำเร็จ...

"อย่าไปกลัวพวกมันครับ..ตราปใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ผมจะปกป้องคุณหมิวด้วยชีวิตของผม ถ้าจะต้องตาย ผมก็จะตายพร้อม
กับคุณหมิวครับ..."


johnywalker

 ::WowWow:: แต่งมาถึงตรงนี้แสดงว่า ใกล้จะถึงจุดไคล์แมก ของเรื่องแล้วสินะ .............//ตามอ่านต่อไปเรา