ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เล่ห์สวาท เพลิงราคะ ตอน24[ต่อ]byTIS ร่วมกันโหวตsuckzeed comebackดังๆ

เริ่มโดย fhonman, มกราคม 25, 2016, 09:36:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

fhonman

"อะไรกัน!!! ทำไมคุณแต๋วถึงเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ดูแลน้องนุชกันยังไงถึงปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้ แล้วเรื่องสำคัญอย่างนี้จะปิดเป็นความลับได้ยังไงกัน ? ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด!!!!"

เสียงของธนานั้นทั้งกร้าวทั้งดุดัน วาจานั้นเล่าก็แสบสันต์อย่างไม่มีการไว้หน้าใดๆ อันเนื่องมาจากอารมณ์ที่พล่านดาลเดือดอยู่ภายในอกนั้นมันต้องการการระบายออก มา ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มก็คงจะแทบคลั่งใจตายไปเพราะความอัดอั้นตันใจนั้น นับตั้งแต่เขาได้รับทราบจากปากของอีกฝ่ายว่าอรนุชนั้นหายตัวไป จากความรู้สึกยินดีที่มีมาตลอดเวลาในการขับรถมาจากกรุงเทพฯ กว่าหกเจ็ดชั่วโมงนั้นมลายเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเร่าร้อน วิตกกังวล หงุดหงิน งุ่นง่าน โกรธแค้น ทุกอย่างที่ประดังขึ้นมานั้น ชายหนุ่มระบายลงไปกับน้ำเสียงที่พูดกับพี่แต๋วอย่างไม่ไว้หน้า

แต่ในเวลานั้นกรองกนกไม่ได้มีความคิดจะไม่พอใจ หรือเอะอะโวยวายกับคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เพราะความละเหี่ยใจ ความเป็นห่วงในตัวของอรนุชนั้นมันมีมากมายจนเหลือประมาณ เธอยินดีที่จะได้รับฟังคำพูดแดกดันที่เจ็บแสบกว่านั้นอีกเป็นร้อยเท่าก็ได้ ถ้ามันจะแลกมาซึ่งการกลับมาอย่างปลอดภัยของเด็กสาวที่เธอรักเอ็นดูเหมือนลูก หลานคนนั้น กรองกนกตอบเสียงซังกะตาย

"ดิฉันก็พยายามตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วนะคะ คุณธนา พ่อเลี้ยงคมศรเขาพูดถูก เรื่องอื้อฉาวออกไปคนที่เสียหายก็คือน้องนุช"

ดวงตาของธนาแปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของกรองกนก หวนนึกถึงเด็กสาวแสนสวยถูกคนร้ายจับไปอย่างนั้น ความคิดในแง่ร้าย ความคิดในเชิงลบ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวโหวงเหวง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด นี่ถ้าน้องนุช น้องนุช ถูก โอ้ยจะบ้าตายอยู่แล้ววว ชายหนุ่มแทบคลั่งกับมโนภาพที่ผุดขึ้นมาในใจ ร่างกายสั่นเทิ้มออกมาทันที จนเขาไม่กล้าคิดต่อ ต้องยกมือขึ้นกุมไปที่ศีรษะอย่างเจ็บปวด นั่งห่อไหล่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง กรองกนกมองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วถามว่า

"ตอนนี้คุณธนารู้แล้วมีความเห็นว่าอะไรบ้างล่ะคะ เราจะไปแจ้งตำรวจไหม"

ความคิดที่พล่านขึ้นมากระทันหันนั้นราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบไปที่ท้ายทอย ทำให้ธนามึนงงไปหมด คิดอะไรไม่ออก ไม่มีปัญญาแม้จะเอ่ยปากพูดเสียดสีกระทบกระแทกอะไรกับกรองกนกด้วยซ้ำไป ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้แต่ส่ายไปมาช้าๆ โธ่ น้องนุช ไม่ควร ไม่ควรเลย

ในเวลานั้นธนานั่งกุมหัว ซึมเซาราวกับคนไร้สติ ไร้วิญญาณ หรือความคิดอ่านใดๆ อีกต่อไป กรองกนกเสียอีก ที่ยังคุมสติได้ดีกว่า พอเห็นธนาก็นึกถึงพี่ชายของอีกฝ่ายที่เป็นพี่เขยของอรนุชขึ้นมาได้ อย่างน้อยชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เด็กสาวมี เพราะพี่สาวนั้นไม่อยู่ไปต่าง ประเทศแล้ว

"ลองโทรไปหารือคุณปานเทพดีไหมคะ...คุณธนา"

คำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่าทำให้ชายหนุ่มได้คิด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปทันที ปานเทพกำลังนั่งกุมหัวอยู่ตรงโต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัวของตนเองที่บ้านของ เขา ชายหนุ่มกำลังรู้สึกสับสน วุ่นวายใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จนหัวหมุนไปหมด บนโต๊ะทำงานมีขวดบรั่นดี และแก้วบางใสในมือที่เขาเพิ่งกระดกน้ำสีอำพันนั้นรวดเดียวเข้าปากหมดแก้ว เรื่องมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?เขาจำได้เพียงว่ากำลังนั่งคุยกับคันธรส เรื่องเกี่ยวกับข้อเสนอทางปาร์มบีชเสนอมา จากนั้นก็รู้สึกมึนๆ แล้วทุกอย่างก็มืดมนไป

พอมารับรู้อีกครั้งก็อยู่ในสภาพนั้นกับหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพซีดเผือด และชายหนุ่มนั้นมีสภาพเช่นนี้มาตลอด นับแต่กระเซอะกระเซิงหนีออกมาจากห้องนอนหลังนั้นตั้งแต่ตอนช่วงเย็นแล้ว เขากลับไปที่รถขับกลับบ้านโดยทันที และหมกตัวอยู่ในห้องจนถึงเวลานี้ ทุกอย่างทำไมกลับกลายไปในสภาพนั้นได้ ชายหนุ่มคิดอย่างหนัก ก็แน่ใจว่ามันมีได้แค่คำตอบเดียว เรื่องนี้ต้องเป็นแผนร้ายของคนพวกนั้นที่ล่อเขาไปติดกับแน่นอน คันธรสคงต้องการแก้แค้นเขา ขณะที่เสี่ยทองคงมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับโครงสร้าง หนี้

ปานเทพยกมือขยี้ผมตัวเองอย่างร้อนใจ ก่อนจะรินเหล้าลงแก้วแล้วกระดกเข้าปากรวดเดียวอีกครั้งด้วยใจที่ว้าวุ่น ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ชายหนุ่มพยายามสะบัดหน้าแรงๆ สูดลมหายใจลึกๆ เรียกคืนสติกลับมาทบทวน พร้อมกับปลอบใจตัวเอง ยังดีที่เขายับยั้งชั่งใจไม่ให้เผลอตัวไปมากกว่านั้น เขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดพลาดเกินกว่าจะแก้ไข ใช่ เขาไม่ต้องกลัวอะไร เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ปานเทพย้ำกับตัวเอง ไม่เป็นไร เรายังไม่ได้ทำผิด ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะเวียนพูดกับตัวเองกี่รอบ ความหนักอึ้งในใจของเขาก็ยังไม่คลายตัวลงไปแต่อย่างใด ทำให้ปานเทพต้องเทบรั่นดี รินลงแก้วยกขึ้นดื่มอย่างอัดอั้นตันใจอย่างต่อเนื่อง

ในเวลานั้น เสียงโทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นกังวาน จนปานเทพสะดุ้งขึ้นสุดตัว ใบหน้าซีดเผือด เมื่อความกลัวนั้นวาบลึกเข้ามาว่าจะเป็นเบอร์ของเสี่ยทอง แต่พอเห็นเป็นเบอร์ของน้องชาย ปานเทพก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พยายามระงับจิตระงับใจที่พลุ่งพล่านก่อนที่จะเปิดเครื่องรับสาย ความโล่งอกนั้นเกิดขึ้นแค่ชั่วแว่บ เพราะความอัดอั้นตันใจนั้นยิ่งเพิ่มพูนความหนักหน่วงขึ้นไปอีกหลายเท่าทวี คูณ เมื่อเขาได้รับทราบข่าวร้ายจากปากของน้องชายที่โทรมาจากลำปาง ใบหน้าของปานเทพซีดขาว ดวงตานั้นเต็มไปด้วยตระหนกตกใจกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้

"พี่เทพ เราจะทำอย่างไรกันดีครับ ผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว"

เสียงของน้องชายดังมา ปานเทพกุมหัวอย่างมึนงง นี่มันวันอะไร ทำไมมันมีเรื่องประดังเข้ามาจนถึงขนาดนี้? จะอย่างไรชายหนุ่มก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิต และฝึกฝนที่จะใช้สติรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย ทำให้เขาพยายามสงบใจ ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า

"ใจเย็นๆ ก่อนแล้วกัน แกอยู่ทางนั้นคอยติดตามข่าวกับทางคนของปางก็แล้วกันว่าเขาได้ข่าวของยายนุชแล้วหรือยัง"
"ดีเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจะไปรอที่ปางเลยดีกว่า"

ธนาพูดด้วยน้ำเสียงที่จับต้นชนปลายขึ้นได้บ้าง เพราะพอมีทิศทางให้เขารู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ไม่ใช่มืดมัวเคว้งคว้างไม่รู้เหนือรู้ใต้เหมือนกับเมื่อครู่นี้

"ก็ดี แกไปสืบทางนั้น ส่วนทางนี้เดี๋ยวพี่จะหาทางดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง"

ปานเทพพูดจบ สมองที่วิ่งพล่านอย่างสับสน ทั้งเรื่องตัวเอง และเรื่องใหม่ที่ประดังเข้ามาราวกับน้ำป่าทะลัก ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจโทรไปหาภรรยาของเขา มือถือเครื่องนั้น ณ บัดนี้กำลังถูกปิดเครื่องเนื่องจากเจ้าของกำลังอยู่บนเครื่องบิน และอรชาไม่ได้แจ้งให้ใครที่เมืองไทยรู้เลยว่ากำลังจะกลับไป

ทำให้ปานเทพร้อนใจหนัก ทำไมอรปิดเครื่อง? ท่ามกลางความวุ่นวายใจสับสนต่อเรื่องราวที่ประดังประเดเข้ามา ชายหนุ่มจ่อมจมอยู่ในสภาพนั้นอีกครู่ใหญ่ จนในที่สุดปานเทพก็ตัดสินใจผุดลุกขึ้น เมื่ออรชาไม่อยู่ เขามีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวของเธอให้ดีที่สุด ตอนนี้เรื่องของอรนุชสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มเช็คเวลา ตอนนี้เที่ยวบินสุดท้ายไปลำปาง และเชียงใหม่นั้นผ่านไปแล้ว เขาได้แต่ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปยังลำปางในค่ำคืนนั้นโดยทันที

เสี่ยทองนอนก่ายกอดร่างเปลือยของคันธรสอย่างอิ่มเอมใจ ตอนนี้ไม่มีเสี่ยคิ้มมาคอยแบ่งเวลา เสี่ยร่างอ้วนยิ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการละเลียดร่างงามของหญิงสาว ความสุขที่ตักตวงได้อย่างอย่างเมามันโดยไม่ต้องพะวงกับเสี่ยคิ้มทำให้เสี่ย อ้วนไม่สนใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงผละจากไปแต่กลางคัน แต่ก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย เพราะไม่เช่นนั้นเสี่ยค้าทองนั่นต้องไม่ทิ้งเนื้อชิ้นงามที่นอนระทวยเสนอ สนองพวกเขาทุกท่าอย่างนั้นเป็นแน่

เสี่ยอ้วนที่นอนอยู่ข้างๆ หญิงสาวที่สลบไสลไม่ได้สติ เพราะเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะรองรับอารมณ์ดิบของเสี่ยทองที่มีมาแบบไม่มีหยุด ตั้งแต่ช่วงเย็น มือข้างหนึ่งของเสี่ยอ้วนไม่ห่างจากการขยำไปตามก้อนเนื้ออวบที่สองเต้านั้น ส่วนอีกข้างกำลังยกหูโทรศัพท์คุยกับเสี่ยโฉด

"เป็นไงบ้างล่ะ เสี่ยทอง ผมบอกแล้วใช่ไหมว่ามันคุ้มค่ากับจำนวนหุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เสี่ยให้ผม"

เสี่ยเซี้ยงส่งเสียงดังกระหยิ่ม ขณะที่เสี่ยอ้วนแม้กำลังเบิกบานใจแทบตาย และกำลังก่ายกอดร่างงามบาดตาของคันธรสอยู่ ก็อดเสียดายหุ้นที่ตัวเองต้องเสียไปไม่ได้ ทำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายอย่างสาดเสียเทเสีย ก่อนจะทำเป็นหัวเราะแล้วว่า

"ก็ดี ผมโทรมาขอตัวคุณรสให้ค้างคืนกับผมที่นี่นะ"

เสียงเสี่ยโฉดหัวเราะก๊ากดังแว่วมา ก่อนจะบอกว่า

"ได้ซี้ เรามันเพื่อนกัน แค่นี้จะเป็นไรไปล่ะ ฮ่าฮ่า"

เสี่ยทองหัวเราะกระหายหื่นผสมโรงไปด้วย ก่อนจะตัดบท

"แค่นี้แหล่ะนะ เสี่ยเซี้ยง"

เสี่ยอ้วนโยนโทรศัพท์ทิ้งไป ก่อนจะคว่ำตัวทาบทับไปยังแผ่นหลังขาวเนียนของคันธรสที่นอนคว่ำเหยียดยาวอยู่ บนเตียง ใบหน้าอวบอูมนั้นเต็มไปด้วยความกระหายหิว ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะหลับหรือฟื้น ขณะที่ละเลงใบหน้าเฟ้นฟอนจูบไปตามแผ่นหลัง มือก็อ้อมเข้าไปขยำสองเต้างามของคันธรสที่เบียดอยู่กับเตียง เสียงหัวเราะดังกระเส่าห้อง

'อูยยยย นุ่มนิ่ม เต็มมือจริงๆ คนสวย ขยำกี่ครั้งก็มันส์ทุกครั้ง ฮ่ะฮ่ะ'

สองขาของเสี่ยอ้วนกระแซะเข้าไประหว่างเรียวขาของคันธรสที่นอนคว่ำอยู่ และแบะขาสองข้างของหญิงสาวให้ถ่างออกมา ก่อนจะใช้หมอนใบใหญ่หนุนไปที่หน้าท้องของเธอทำให้โพรงสวาทที่กลวงอ้าฉ่ำแฉะ ไปด้วยน้ำเมือกลอยแหงนเพริดขึ้นมารอรับการกระเด้าเย็ด

"อูยยยย..คนสวย แคมหีของคุณมันร่านระริกๆ อ้อนควยผมอีกแล้วนะ"

เสี่ยอ้วนกล่าวเสียงครื้นเครง ก่อนจะกดหัวถอกของตนเองบดเบียดโพรงสวาทของคันธรสเข้าไปอย่างเมามัน อีกด้านหนึ่งเสี่ยเซี้ยงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมื่อวางหูโทรศัพท์ลง มือก็กดเมาส์คลิกไปยังไอคอนที่เขาซ่อนอยู่ รอประเดี๋ยวหนึ่งหนังวีดีโอที่แสดงภาพของปานเทพนอนเปลือยอยู่กับคันธรสก็ แสดงขึ้นมาจนเต็มจอ ใบหน้าของเสี่ยใหญ่แสยะยิ้มอย่างชั่วโฉด หัวเราะฮ่าฮ่า

"ไอ้ปานเทพหน้าโง่ เวลาของแกมันหมดลงแล้วว่ะ ฮ่าฮ่า กูขอรับช่วงเมียคนสวยของแกต่อเองนะ ฮ่าฮ่า"

มือหยาบของเสี่ยเซี้ยงคลิกๆต่อไป ก็เปิดโฟลเดอร์ที่เขาดาวน์โหลดภาพในอิริยาบทต่างๆของสาวสวยที่เป็นดาวเด่นใน วงสังคมมาเก็บไว้จนเต็มไปหมด เมื่อภาพที่ช่างภาพเก็บอิริยาบทใบหน้าหวานสวยของของอรชาที่กำลังหันหน้าไป มองทางด้านซ้ายมือ จังหวะนั้นดูเหมือนกำลังมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอแปลกใจและดีใจระคน กัน ใบหน้าสวยเปี่ยมเสน่ห์จับตาจับใจนั้นจึงแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันรัดรึง ริมฝีปากที่เคลือบสีชมพูอ่อนนั้นเยื้อนแย้มจนแลเห็นฟันที่ได้รูปขาวราวกับ สายไข่มุก ดวงตากลมโตที่เบิกน้อยๆเต็มไปด้วยประกายวาววับราวกับดวงดาวอันเจิดจรัส

เสี่ยโฉดคลิกไปที่ภาพดึงขึ้นจนเต็มจอ จากนั้นนิ้วหยาบๆของเสี่ยเซี้ยงก็จิ้มไปตรงบริเวณริมฝีปากที่ได้รูปงามราว กับกลีบกุหลาบสีสดนั้น แสยะยิ้มอย่างกระหายหื่น กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะอย่างชั่วช้าลามก

"ปากนุ่มๆของเธอ จะต้องอ้าออกอมควยของเสี่ยเซี้ยงคนนี้แน่ แม่อรชาคนสวย ฮ่าฮ่าฮ่า"

สิ้นเสียงปืนที่ดังกึกก้องคับป่าเป็นนัดที่สองนั้น ร่างทมึนของนายแสงที่กำลังพุ่งเข้าจู่โจมอรนุชก็ผงะเหมือนกับถูกมือไร้ สภาพกระชาก ร่างกำยำนั้นแผดร้องราวกับสุกรถูกเชือด ล้มลงนอนดิ้นพราดๆ กลิ่นคาวเลือดโชยตลบอบอวล ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด อรนุชที่ใจหายวาบ ก็แลเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอนึกถึงอยู่แทบจะตลอดทุกลมหายใจตอนที่ถูกขัง อยู่ ใบหน้างามนั้นเบิกตากว้างอย่างยินดีสุดประมาณ ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อโพล่งออกไป

"นาย นายสิงห์!!!"

คมศรที่พรวดเข้ามาราวกับสิงห์ร้ายสมชื่อ ดวงตาสีเหล็กนั้นทอแววร้อนรุ่ม ปากร้องตะโกน

"ระวัง!!"
Hew โพสเมื่อ 2011-2-1 08:18
ด้วยความยินดีที่แทรกขึ้นมาจนทำให้ร่างเล็กบางนั้นสั่นระริก ความตื่นตัวตึงเครียดที่เฝ้าระวังไม่ให้ตัวเองประมาทนั้น ราวกับลูกหนังที่อัดอั้น พอมีรูรั่วเล็กน้อย ลมก็พรั่งพรูออกมา จนทำให้ตอนนั้นมือของเด็กสาวสั่นไม่มั่นคงในการกุมตัวชายหนุ่มที่แข็งแรง กำยำอย่างอดิศัยเหมือนเดิม ซึ่งตัวของพ่อเลี้ยงคู่อริร่วมแดงทั้งคู่นั้นก็รับรู้ได้แทบในเวลาพร้อมๆ กัน ยังไม่ทันสิ้นเสียงของคมศร พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรก็สะบัดตัวเต็มแรง ร่างพุ่งวาบกลิ้งกลับเข้าไปในกระท่อม ขณะที่เงาร่างทมึนสับสนของนายคำกับพวกกำลังกรูกันออกมาจากห้อง

"ฆ่ามัน!!! ไอ้เหี้ยสิงห์ ฆ่ามันให้กู!!! ฆ่าอีห่านั่นด้วย"

เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากภายในกระท่อม ขณะที่อรนุชกำลังยืนงงๆ ที่ตัวประกันหลุดรอดจากการเกาะกุมของตัวเธอไปได้ ร่างสูงใหญ่ของคมศรก็พรวดเข้ามารวบไปที่เอวของเธอ กลิ้งร่างม้วนหลุนๆ ไปจากตำแหน่งนั้นโดยพลัน

ปัง ปัง ปัง!!! เสียงปืนดังสนั่น เด็กสาวร่างบางที่กลิ้งไปนั้นรับทราบถึงแรงฝ่าอากาศของกระสุน 9 มม. ที่วิ่งวิ้งๆๆ ผ่านตัวของเธอไปอย่างใจหายวาบ ถ้าเธอยังยืนอยู่เมื่อครู่ก็คงต้องกระสุนปืนกลุ่มนั้นไปแล้ว ร่างของอรนุชที่นอนหงายไปกับพื้น ถูกฉุดให้ลุกขึ้น เด็กสาวผวาจะไปเก็บ Glock ด้ามสีดำทมึนที่เมื่อครู่แรงกระแทกจากคมศรทำให้ปืนนั้นหลุดกระเด็นจากมือของ เธอไป แต่พ่อเลี้ยงปางห้วยสักฉุดไปที่ข้อมือเล็กนั้น พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว

"ไป"

เสียงคำรามของคมศรพร้อมกับแรงฉุดกระชาก ร่างเล็กบางของอรนุชก็ปลิวหวือตามตัวของร่างสูงใหญ่นั้นไปราวกับกองนุ่น ฉับพลันนั้นหางตาของเด็กสาวแลเห็นกลุ่มคนที่ทมึนออกมาจากกระท่อมพร้อมๆ กับอาการใจหายวาบอรนุชรีบวิ่งตามคมศรไปอย่างสุดฝีเท้าโดยทันที เสียงปืนดังแหวกความมืดดังติดต่อถี่ยิบ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

คมศรที่ฉุดร่างเล็กบางวิ่งเตลิดขึ้นไปทางยอดดอยที่เป็นราวป่าที่หนาทึบ ได้แต่หวังอาศัยความมืดกำบังตัวและแนวไม้ หรือถ้าจะมี โชคชะตา ช่วยให้เขาและอรนุชรอดพ้นจากการไล่ล่าจากอดิศัยกับพวก เสียงลูกกระสุนนั้นที่ระดมเข้ามานั้น แลกมาซึ่งเสียงเปรี้ยะๆๆ ที่ดังอยู่รอบตัว เปลือกไม้แตกกระจุย อรนุชที่วิ่งไปยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างหวาดหวั่นไปนั้นใจเต้นกระดอนราวกับจะ ทะลุออกมาจากอก พวกนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอกับนายสิงห์จริงๆ ความรักตัวกลัวตายอันมีอยู่ในกลมสันดานของมนุษย์ทุกรูปนาม ทำให้อรนุชนั้นราวกับมีพลังแฝงที่ถูกขุดขึ้นมาใช้อย่างไม่มีความเหน็ดเนื่อย เท้าเล็กๆ ที่วิ่งเต็มที่ติดตามร่างสูงใหญ่นั้นฝ่าทะลุเข้าไปในป่าที่รกเรื้อ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านเนินและหลุมลาดไปกี่เนินแล้วก็จำไม่ได้

เสียงเอะอะโวยวายที่เบื้องหลังก็ยังตามมาไม่ลดละ เสียงของคนกลุ่มนั้นราวกับเสียงของฝูงหมาป่าที่กำลังรุมไล่ล่าเหยื่อ สำเนียงนั้นมันช่างกัดกร่อนในจิตใจความ รู้สึกของอรนุชอย่างเหลือประมาณ เธอผู้ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ความรักของพ่อแม่พี่น้องที่มีให้อย่างล้นเหลือ และสังคมเพื่อนฝูงที่น่ารัก เธอผู้ที่ไม่เคยประสบพบพานกับเรื่องอันเลวร้ายในสังคมอันทรามอย่างเช่นนี้มา ก่อนเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันช่างบีบเค้นจิตใจของอรนุชจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว ถ้าไม่ใช่มีความอบอุ่นสายหนึ่งถ่ายทอดมาจากมือหนาที่กุมอยู่ตรงข้อมือของเธอ อย่างแนบแน่นนั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจที่กำลังหวาดหวั่นพรั่นพรึง เธอไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้อรนุชรู้อยู่อย่างเดียวว่าเธอขอมอบชีวิตของเธอไว้ให้กับอุ้งมือ อุ่นๆ หนาหนักที่กำลังกุมไปที่ข้อมือของเธอแนบแน่นนี้ ไม่ว่าเขาจะดึงตัวเธอไปที่ไหน เธอก็พร้อมที่จะไปกับเขา

ฐิติพรรณที่กำลังนั่งละเลียดจิบเบียร์สดในลานเบียร์ของศูนย์การค้าชื่อดัง แห่งหนึ่ง ใบหน้างามบาดตาของเด็กสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนจาก เมื่อแรกเริ่มที่เธอเข้ามาดื่มฉลองความสำเร็จ เป็นเคร่งเครียด ดวงตาคู่งามเป็นประกายวาว เมื่อเธอได้รับสายจากเสี่ยคิ้ม เป็นไปไม่ได้ สันดานอย่างไอ้แมงดานั่นมีหรือจะไม่จัดการนังเด็กหน้าหวานนั้น ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ

"น้องไอซ์ จะเอายังไง พวกผมขับรถตามมันมาตั้งนานแล้วนะ ไม่เห็นมีวี่แววว่าไอ้ศักดาจะแวะที่ไหนเลย"

เสี่ยของเสี่ยนักค้าทองดังมาจากอีกด้าน ฐิติพรรณสอบถามเส้นทางรถที่กำลังวิ่งอยู่ พอได้คำตอบดวงตาของพริตตี้สาวก็ทอประกายขุ่นแค้น ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก เพราะเส้นทางนั้นเธอชำนาญดีเพราะใช้เป็นเส้นทางส่งอรอุษากลับบ้านมาแล้วหลาย รอบ

ใบหน้างามของฐิติพรรณบึ้งตึง ผิดคาด แผนการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว ที่เธอรู้สึกชื่นชอบและหลงใหลไปกับความอิ่มเอมกับความสำเร็จเมื่อยามที่เธอ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คิดนั้น เธอเคยทำสำเร็จเมื่อคราวที่หลอกรุจิราไปให้แกงค์เด็กนรกรุมโทรม แผนนั้นสำเร็จอย่างงามทั้งช่วยตัวเองได้และลงโทษต่อนังลูกเจ๊กนั่นอย่างแสบ สันต์ คราวนี้ขณะที่เธอกำลังกระหยิ่มว่าแผนกำลังจะสำเร็จ ทั้งได้ทำลายอรอุษาน้องสาวของอรนุชที่เธอเกลียดจับใจ และยังได้แก้แค้นไอ้แมงดานั่นด้วย แต่ตอนนี้ มันดูท่าจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เธอคิดเอาไว้แล้ว

'ไม่ยอม ฉันไม่ยอมให้แกหลุดมือฉันไปหรอก ไอ้แมงดา นังเด็กหน้าโง่นั่นด้วย'

พริตตี้สาวครุ่นคิดด้วยเพลิงไฟแห่งความแค้นที่สุมอก สมองครุ่นคิดแผนการเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน

"ถ้าอย่างนั้นเสี่ยก็ต้องลงมือแล้วล่ะค่ะ เพราะนายศักดามันกำลังไปส่งนังเด็กนั่นที่บ้านแล้ว"
"โอว ตายล่ะ แล้วทำไงดีล่ะครับ"

เสี่ยคิ้มอุทานออกมาอย่างร้อนใจ เพราะความกระสันซ่านที่มันพอกพูนอยู่ในอารมณ์นั้นใกล้จะระเบิดมาเต็มที เพราะยิ่งคิดว่าจะได้เคลมสวาทเด็กสาวที่สวยขนาดนั้นเท่าไร เพลิงกระสันที่อยู่ในอกมันก็รุมขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณทุกเมื่อ ดวงตาของฐิติพรรณทอประกายร้อนแรง เมื่อคิดอะไรออกได้ เธอหวนนึกไปถึงแผนการที่ไอ้สวะชิดมันเตรียมไว้จัดการอรนุช ซึ่งก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วทีเดียว ถ้านังน้องสาวหน้าโง่ไม่เสือกทำเก่งมาขวาง ปากงามของฐิติพรรณจึงประดับไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ถ่ายทอดแผนการออกไปอย่างร่าเริง เสียงใส เสียงรับคำ อือๆๆๆ ดังมาจากเสี่ยคิ้ม ก่อนที่พริตตี้สาวจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากเสี่ยนักค้าทอง

"เยี่ยมครับ น้องไอซ์ ไม่ต้องห่วง คราวนี้สำเร็จแน่นอน แค่นี้นะครับ"

ทางปลายสายตัดไปฐิติพรรณยิ้มอย่างเยียบเย็น ยกแก้วเบียร์สีทองอำพันขึ้นจรดริมฝีปากจิบไปพลางกระหยิ่มใจพลาง ดวงตาคู่งามวาวโรจน์

คมศรที่วิ่งฉุดอรนุชขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกใจหาย เพราะทางบริเวณนั้นเริ่มแคบลง และทางที่วนขึ้นไปนั้นเริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศที่หวาดเสียวขึ้น เพราะอีกฟากหนึ่งนั้นคือทางที่ลาดชันลงไป ในความมืดนั้นไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าจะไปส่วนใดของเทือกเขาที่กว้างใหญ่ นี้ เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนไล่หลังมาใกล้เข้าทุกทีๆ เพราเท้าเล็กๆ ของอรนุชนั้นเริ่มเปะปะ และไร้เรี่ยวแรงปะติดปะต่อแล้ว

คมศรหันมามองใบหน้าเล็กๆ นั้นที่ซีดขาวไร้สีเลือด และทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจได้ทุกขณะ ดวงตาสีเหล็กนั้นส่อประกายหนักอึ้ง จะอย่างไรอรนุชก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ต่อให้เก่งแค่ไหน สรีระร่างกายก็สู้ชายฉกรรจ์เต็มวัยเช่นเขา หรือไอ้พวกอดิศัยไม่ได้ เท่าที่วิ่งหนีมาจนถึงนาทีก็ไม่น่าเชื่ออยู่แล้วว่าจะทำได้

ทันใดนั้นเอง ร่างเล็กบางของอรนุชก็สะดุดเข้ากับขอนไม้ที่ตกอยู่ เด็กสาวกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดระคนตระหนกใจ ร่างซุนซวนเซเข่าอ่อน ดีที่ข้อมือของเธอถูกคมศรยึดแน่นอยู่ ชายหนุ่มจึงดึงตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้น แต่พอจะวิ่งต่ออรนุชก็กัดฟันแน่น ครางออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยว อาการแปร๊บๆ ที่เกิดขึ้นตรงข้อเท้า ทำให้ร่างเล็กบางนั้นกระตุกเขยกไปตามแรงดึงของคมศร พ่อเลี้ยงปางห้วยสักหันมาแลเห็นอย่างนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย อรนุชน้ำตาคลอ กล่าวเสียงเครือสะท้าน

"คุณหนีไปเถอะ อย่าเอาตัวฉันไปเป็นตัวถ่วงเลย ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว"คมศรหน้าเกรียม ตวาดเสียงกระด้าง
"คุณจะให้ผมหนีไปแล้วทิ้งคุณไว้กับพวกนั้นเรอะ อย่าถูกฆ่าข่มขืนหมกป่านี่หรือไง?!!!"

น้ำตาของอรนุชไหลออกมาอย่างเจ็บปวดใจ กล่าวเสียงสั่นสะท้าน

"ขอ ขอปืนคุณให้ฉัน ฉันจะยิงตัวเองให้ตายก่อน"
"หยุดพูดเหลวไหลซะทีเถอะ!!!"

พ่อเลี้ยงป่าห้วยสักส่งเสียงเครียด ตอนนั้นเสียงฝีเท้าไล่ล่านั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ จนเขาแลเห็นคนกลุ่มนั้นไกลๆ พร้อมๆ กับเสียงปืนดังกึกก้อง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ดินที่ข้างตัวพวกเขาทั้งสองกระจุยฟุ้ง คมศรสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจ ดึงร่างเล็กบางของอรนุชให้หมอบลงกับพื้น คืบคลานเข้าไปซ่อนตัวใกล้ๆ กับพุ่งไม้กอหนึ่ง ก่อนจะกระชากปืนออกจากซองที่ข้างตัวยิงสวนกลับไป เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงเอะอะโวยวาย พร้อมๆ กับร่างทมึนของคนกลุ่มนั้นหลบวูบวาบไปตามแนวไม้ กระสุนสองนัดนั้น

ชายหนุ่มไม่ได้หวังผลอะไรมากไปกว่าเป็นการซื้อเวลาให้เขาใคร่ครวญหาทางออกใน สถานการณ์ฉุกเฉินตึงเครียดนี้ เงาร่างวอบแวบที่เขาเห็น สมุนของพ่อ เลี้ยงอดิศรค่อยๆ คืบคลานหลบเข้ามาตามแนวป่า คมศรพลันตัดสินใจ อยู่ที่นี่ก็ตาย ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ดังนั้นมือหนาของเขาคว้าไปที่ข้อมือของอรนุช แล้วดึงร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้ เด็กสาวดิ้นรนอย่างตกใจ ร่างเล็กบางอุ่นละเอียดที่ราวกับจะละลายเข้าไปในหน้าอกที่กว้างกำยำของอีก ฝ่ายนั้น ทำให้ใจดวงน้อยๆ นั้นเต้นระทึก

"คุณ..คุณจะทำอะไร!!!?"

ลมหายใจอุ่นๆ ของคมศรราดรดไปที่ผิวแก้มบางใสของอรนุช ทำเอาร่างเล็กบางนั้นระทวยปวกเปียกราวกับต้องมนต์สะกด เด็กสาวครางออกมา..อื้ออ..ใจสั่น ขณะที่ริมฝีปากที่เข้ามาเคลียตรงใบหูนั้นกระซิบเบาๆ

"เราจะกระโดดลงไปตามไหล่ผา คุณพยายามเก็บศีรษะเอาไว้กับตัวของผมนะ"

อรนุชเบิกตาโต หน้าแดงอยู่ในความมืด ผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นๆ

"แล้วเราจะลงไปยังไงคะ"
"เสี่ยงเถอะ อยู่นี่ก็คงไม่รอดแน่ คุณเตรียมพร้อมนะ"

คมศรจ้องไปยังดวงตากลมโตที่เงยขึ้นจับจ้องตัวเขาแน่วนิ่ง ก่อนที่อรนุชจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น

"ค่ะ ฉันเชื่อคุณ"

พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะนิดหนึ่ง ประคองตัวอรนุชเคลื่อนวาบออกจากที่ซ่อน พยายามใช้ร่างใหญ่กำยำของเขาม้วนเก็บร่างเล็กบางนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด เสียงเอะอะโวยวายดังขรม พร้อมๆ กับเสียงปืนระเบิดดังเปรี้ยงปร้างกึกก้องไปทั้งราวป่า เศษดิน เศษหญ้า รวมทั้งเปลือกไม้ในบริเวณพื้นที่นั้นแตกกระจุย ขณะที่ร่างกำยำที่รัดร่างเล็กนั้นกลิ้งม้วนหลุดไถลลงไปตามไหล่ลาดของเชิงเขา จมหายเข้าไปในความมืดมิด นายคำกับพวกที่วิ่งฮือกันเข้ามาในที่สุดก็ต้องหยุดชะงักลง ไม่มีใครหาญกล้าพุ่งตัวตามลงไปแม้แต่คนเดียว