ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เหตุเกิดบนดอยช่างเคียน ตอนเสียแฟนให้พวกมารสังคม ep.1-2

เริ่มโดย suckzeed, ตุลาคม 08, 2015, 07:09:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed



ep.1

"พี่คะเราเลิกกันเถอะ...!" เสียงเล็กๆของน้องแนน พูดกรอกมาตามสายหลังจากที่เธอกลับจากการไปเที่ยวที่เชียงใหม่
ไล่หลังจากที่ผมพาลูกๆไปเที่ยวทำบุญไหว้พระธาตุในภาคเหนือได้เพียง3วัน เมื่อสิ้นเสียงน้องแนนก็รีบวางสาย ทิ้งให้
ผมงุนงง มือที่จับโทรศัพท์มือถือสั่นเกร็ง สมองหมุนคว้างที่จู่ๆ น้องแนนก็มาบอกเลิกการติดต่อกับผม ทั้งๆที่ก่อนที่ผมจะ
เดินทางไปทำบุญไหว้พระธาตุ ผมได้อธิบายให้เธอฟังแล้วว่า ผมไม่ได้ไปเที่ยวพักผ่อน ผมพาลูกๆกับญาติๆไปทำบุญ
เท่านั้น จึงไม่สดวกที่จะพาน้องแนนไปด้วย

เรื่องเพียงเท่านี้ น้องแนนไม่น่าน้อยอกน้อยใจ จนถึงกับบอกเลิกการติดต่อกับผมเลย ทั้งๆที่ผมกับเธอรู้จักกันมาหลายปี
ศึกษาดูใจกันมานานพอควร จนผมรุ้ว่าน้องแนนนั้นเป็นสาวที่มีเหตุผลไม่ได้ตัดสินใจเรื่องราวด้วยอารมณ์ แต่เหตุไฉนเธอ
ถึงได้โทรศัพท์มาบอกผมด้วยถ้อยคำเพียงสั้นๆ ประโยคข้างต้นเท่านั้น

ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกสักพัก จึงได้โทรศัพท์กลับไปหาน้องแนนอีกครั้ง เสียงดังตื๊ดๆๆ ดังยาวนานโดยไม่มีทีท่าว่า
น้องแนนจะรับสาย จนสายปลายทางตัดสัญญาณไป ผมลองโทรอีกครั้ง ยังคงเป็นเช่นเดิม พอครั้งที่สามน้องแนนรับแต่
ตัดสายทิ้งทันที ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง ตลอดเวลาที่คบหากัน น้องแนนไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยสักครา
แม้ว่ามีหลายครั้งที่เธอกับผมจะมีเรื่องไม่เข้าใจกัน เธอก็ไม่เคยที่จะตัดสายโทรศัพท์เช่นนี้

ผ่านไปอีกวันหนึ่งผมกดเบอร์โทรหาน้องแนนอีกครั้ง คราวนี้เธอรับสาย แต่นิ่งเงียบ จนผมต้องทักทายสวัสดีไปหลายครั้ง
น้องแนนจึงตอบรับด้วยสุ้มเสียงที่สั่นเครือ เหมือนเธอกำลังร่ำไห้เสีบใจอยู่

"แนนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ..."

แทนที่ผมจะโกรธน้องแนน ที่เธอบอกเลิกแล้วยังไม่รับสายจากผมเมื่อวานทั้งวัน แต่พอผมได้ยินเสียงที่สั่นเครือของน้อง
แนน ใจผมก็อ่อนยวบ เสียงที่กรอกลงไปที่โทรศัพท์มือถือจึงอ่อนโยน รีบสอบถามด้วยความรักและเป็นห่วง ลืมเรื่องขัด
ข้องใจเมื่อวันวานไปจนหมดสิ้น

"แนนขอโทษค่ะพี่..แนนไม่เป็นไรหรอก...พี่ลืมแนนเถอะค่ะ..แนนไม่มีค่าพอสำหรับพี่แล้ว.."

เสียงน้องแนนยังสั่นเครือ คำพูดยังกำกวมจนผมสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ลำพังเพียงเรื่องที่ผมไม่พาเธอไปเที่ยวช่วง
ปีใหม่คงไม่ใช่เหตุผลให้น้องแนนมาบอกเลิกกับผมเป็นแน่ แต่มันคือเรื่องอันใดเล่า แม้ผมจะพยายามซักไซ้ แต่น้องแนนก็
ปิดปากเงียบสนิท มีเพียงเสียงกลั้นสะอื้นดังรอดลำโพงโทรศัพท์มือถือมาแผ่วๆ ให้ผมได้ยินเพียงเท่านั้น

"ถ้าน้องแนนยังไม่สดวกเล่าเรื่องให้พี่ฟังตอนนี้..รอให้สบายใจก่อนก็ได้ครับ แล้วเราค่อยคุยกันใหม่..."

หลังจากผ่านการหว่านล้อมร่วมครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ได้ผล ผมจึงสรุปให้เวลากับเธออีกสักวันสองวันจนกว่าเธอจะสบายใจ
ค่อยคุยกันใหม่ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เมื่อน้องแนนรับปากว่าอีกสามสี่วันเมื่อเธอสบายใจขึ้นเธอจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผม
ฟัง แม้ผมจะลุ่มร้อนไปทั้งใจ แต่ก็จำใจต้องอดทนรอ การคาดคั้นหาคำตอบทันทีทันใดคงไม่เป็นผล หลังจากนั้นอีกสาม
วัน น้องแนนก็โทรมานัดพบผมที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ และเรื่องราวที่เธอถ่ายทอดออกมาให้ผมฟังตามความ
จริงทั้งหมดก็มีดังนี้

เมื่อใกล้ปีใหม่ผมได้วางแพลนที่จะไปทำบุญไหว้พระธาตุตามราศีเกิดที่ภาคเหนือกับลูกสาวทั้งสองคนและญาติๆ ผมได้
บอกให้น้องแนน(แฟนสาววัย26ปี) ของผมรับทราบ เธอก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะงอนหรือไม่พอใจผมเลยสักนิดที่ไม่ได้เที่ยวปี
ใหม่กับผม เพราะเธอวางแพลนไปเที่ยวกับเพื่อนๆของเธอเช่นกัน จุดหมายปลายทางของเธอก็คือจังหวัดเชียงใหม่ เพียง
แต่เธอไปหลังจากผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ไปแล้วสามวัน ซึ่งเป็นวันที่ผมเดินทางกลับมาพอดี เท่ากับว่าผมกับน้องแนน
เดินทางสวนกัน

น้องแนนเล่าให้ผมฟังว่าครั้งแรกเธอกับเพื่อนๆ ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกันสี่คน นัดกันว่าจะพาพ่อแม่ของยัยปุ๋ยเพื่อน
คนหนึ่งของเธอไปเที่ยวด้วย ยัยปุ๋ยนั้นมีแฟนแล้วชื่อนายทศ พาเพื่อนสนิทอีกคนชื่อนายพลไปเป็นเพื่อนเที่ยวด้วย เท่ากับ
ว่ามีไปกัน6คนสามคู่

เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเซีย แต่ปรากฏว่าพอถึงวันเดินทางที่สนามบินดอนเมือง แม่ของยัยปุ๋ยไม่สบายกระทันหัน พ่อ
ของยัยปุ๋ยจึงจำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลไม่สามารถร่วมทางไปด้วย แฟนยัยปุ๋ยคือนายทศจึงจำเป็นต้องชวนเพื่อนๆ ที่
ว่างๆไม่มีทริปเที่ยวไปทดแทน เลยได้เพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นสามีภรรยากันไปด้วยอีกคู่หนึ่ง

ทั้งหมดแพลนว่าเมื่อไปถึงเชียงใหม่ค่อยไปเช่ารถสำหรับขับไปเที่ยวกันที่ดอยปุย ดอยช่างเคียน และดอยอินทนนท์ น้องแนน
เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อไม่มีพ่อแม่ของยัยปุ๋ยไปด้วยครั้งแรกเธอก็จะเปลี่ยนใจไม่ไปเช่นกัน แต่เพื่อนๆได้ขอร้องเอาไว้ว่าถ้าน้อง
แนนล้มเลิกความตั้งใจไปเที่ยว ทริปนี้คงล่มเป็นแน่ เธอจึงจำใจต้องไปแม้จะไม่รู้จักสนิทกับคู่สามีภรรยาก็ตาม แต่ดูๆคุยๆกัน
แล้ว อัธยาศัยก็ไปกันได้ดี น้องแนนเล่าว่าพี่ชาติคือสามีของก้อยอายุน่าจะประมาณ40กว่าแล้ว รูปร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำสำเนียง
พูดทองแดงเพราะเป็นคนใต้ ส่วยก้อยนั้นเป็นสาวสวยผิวขาวผ่องแต่รูปร่างบอบบางไปนิดหนึ่งถ้าเทียบกับน้องแนนที่มีสัด
ส่วนสมบูรณ์งดงามทั้งอกเอวและสะโพกอวบกลม

น้องแนนเล่าให้ฟังต่อไปว่า เมื่ออยู่บนเครื่องบินยัยปุ๋ยกับทศนั่งคู่กันที่แถวหน้าสุด ถัดมาเป็นพี่ชาติกับภรรยา ส่วนตัวเธอจำ
ต้องนั่งคู่ไปกับเพื่อนชายคือนายพล เมื่อเครื่องบินทยานขึ้นจากรันเวย์สนามบินดอนเมือง ยัยปุ๋ยเพื่อนของเธอที่นั่งตอนหน้า
ก็นั่งเอนศรีษะซบไหล่ทศผู้เป็นแฟนหลับนิ่งไปตลอดทาง ส่วนพี่ชาติกับภรรยานั้นนั่งจู๋จี๋หยอกล้อกันไปตลอดทางเสมือนหนึ่ง
ว่าเครื่องบินทั้งลำมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น
 
"พี่ชาติกับพี่ก้อยนั่งกอดจูบลูบล้วงกันไปตลอดทางเลยค่ะ..แนนก็ไม่ได้ตั้งใจมองหรอกนะคะ..แต่ว่าพี่เขาสองคนนั่งอยู่แถวหน้าติดกันกับแนน..." น้องแนนเล่าให้ผมฟัง ด้วยน้ำเสียงที่ยังดูตื่นเต้น แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วหลายวันก็ตาม

ep.2



[post]"แนนพยายามละสายตาออกจากภาพพิสวาทของพี่ชาติกับแฟนเขาด้วยการหันหน้ามองวิวจากกระจกหน้าต่างเครื่องบิน
สักพักก็เริ่มง่วงจนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว"

น้องแนนเริ่มเล่าเรื่องต่อไปหลังจากหยุดพักจิบเครื่องดื่มในแก้ว ส่วนผมตั้งใจฟังเรื่องราวด้วยใจที่เต้นระทึก คิดคาดเดา
เหตุการณ์ไปล่วงหน้าถึงไหนต่อไหนเสียแล้ว

แนนสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว บรรดาผู้โดยสารที่มาต่างลุกกันพลุบพลับเตรียมตัวที่จะ
ลงจากเครื่อง

"หลับปุ๋ยเลยนะครับน้องแนน"

พี่ชาติยังอุส่าห์หันมาแซวเมื่อแนนลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินลงจากเครื่อง แนนได้แต่ส่งยิ้มเขิลๆ แต่ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด
พอคณะเพื่อนๆของแนนลงมาจากเครื่องบินผ่านพิธีการของทางสนามบินเรียบร้อยแล้วทศก็พาพวกเราไปเดินไปทางลาน
จอดรถ เพราะทศได้ติดต่อให้ เพื่อนเช่ารถไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว พวกเราก็เลยขนสัมภาระกันไปเก็บ
พร้อมเร่งออกเดินทางจุดหมายปลายทางคือพระธาตุดอยสุเทพ

"แนนก็เพิ่งรู้ค่ะว่าทศเขามีญาติอยู่ที่เชียงใหม่ เพระเขาชำนาญเส้นทางมาก..."

ผมสังเกตุอาการของคนรักสาวที่เล่าเรื่องให้ฟัง ดูเหมือนเธอจะลำดับเรื่องราวได้แย่มากเหมือนคนไม่มีสมาธิ เพราะจุ่ๆ
เธอก็เล่าเรื่องปลีกย่อยที่หาใช่เหตุผลที่เธอจะมาบอกเลิกกับผม แต่ผมก็ไม่อยากขัดปล่อยให้น้องแนนเธอเล่าเรื่องของ
เธอไปแล้วแต่ใจของเธอ

"อันดับแรกทศพาพวกเราไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพก่อนเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัว จากนั้นจะขึ้นไปพักที่ดอยช่างเคียน
คืนหนึ่ง..แล้วค่อยลงมาเที่ยวบ้านม้งที่ดอยปุย.."  แนนยังคงเล่าเรื่องด้วยสายตาที่เหม่อลอยสมาธิไม่ต่อเนื่องอีกทั้งยัง
ไม่กล้ามองสบสายตากับผม

"เมื่อไหว้พระธาตุดอยสุเทพเรียบร้อยแล้ว..พี่ดูสิคะ..แนนถ่ายรูปมาให้ดูด้วย..." แนนพูดพร้อมกับเปิดไอแพ็ทให้ผมดู
รุปภาพพระธาตุดอยสุเทพซึ่งผมเห็นมาจนชินตา จากนั้นก็ดึงไอแพ็ทออกไปจากมือของผม เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะสไลด์
นิ้วดูรุปอื่นที่ถ่ายเก็บไว้

"หลังจากนั้นทศก็ขับรถพาไปที่ดอยช่างเคียน..เส้นทางขึ้นค่อนข้างสูงชัน ถนนก็ขรุขระแล้วก็เล็กมาก เวลามีรถสวนลง
มา ต้องชะลอรถแอบข้างทางกัน..สองข้างทางของดอยช่างเคียนสวยงามมากเป็นสีชมพูดหวานสดใสจากดอกพญาเสือ
โคร่ง..." น้องแนนเล่ามาถึงจุดนี้ ผมสังเกตุเห็นแววตาของเธอยิ่งดูเหม่อลอยมากขึ้น มันขัดกันกับเรื่องราวชวนสนุกสวย
งามที่เธอถ่ายทอดออกมาจากริมฝีปากรูปกระจับ

"กว่าจะขึ้นไปถึงดอยช่างเคียนคงเย็นมากแล้วใช่มั๊ยครับ..." ผมถามขัดขึ้นเพื่อดึงสมาธิของน้องแนนกลับมา

"ค่ะเย็นมากแล้ว..แล้วอากาศก็หนาวมากด้วย พวกเราก็เลยหาอาหารทานกันจากร้านค้าของทางศูนย์วิจัยการเกษตร
แล้วพากันเดินกลับมาที่พัก เป็นบ้านไม้มีสองห้องนอน ห้องแรกใหญ่หน่อยข้างในมีเตียงอยู่สองหลัง แนนปุ๋ยทศกับ
พลเลยพักรวมกัน ให้พี่ชาติกับแฟนเขาพักห้องเล็ก.." น้ำเสียงของแนนเริ่มเปลี่ยนไป จากการที่เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ
เอื่อยๆที่ผ่านมานั้น กลับเป็นน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นจริงจังอีกครั้ง

"เมื่อเข้าห้องไปเก็บสัมภาระ..แนนก็ตกลงกับปุ๋ยว่าจะนอนเตียงเดียวกันให้ทศกับพลนอนอีกเตียงหนึ่ง..ตอนแรกทศทำ
ท่าจะโวยวาย ว่าเขาอยากนอนกับปุ๋ยเพราะสองคนนี้เขามีอะไรกันแล้ว แนนก็รุ้ค่ะ แต่จะให้แนนไปนอนร่วมเตียงกับพล
นั้นแนนก็ไม่ยอม ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อสนิทกันแต่ให้นอนร่วมเตียงเดียวกับผู้ชายแนนคงนอนไม่หลับแน่ๆ.."

น้ำเสียงที่น้องแนนเล่าดูจริงจังเด็ดเดี่ยว จนผมคลายใจเรื่องราวที่ตนเองคิดล่วงหน้านั้นล้วนผิดไปหมด คนรักสาวของ
ผมคงไม่ได้พลาดท่าเสียทีเพื่อนร่วมแก็งค์เป็นแน่..ผมจึงหัวเราะออกมากลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตนเองที่คาดการ
เรื่องราวเลยเถิดเกินไป

"สักครู่พี่ชาติก็มาเคาะประตุเรียกพวกเราให้ออกมาที่ห้องโถง..บอกพวกเราว่าอากาศหนาวๆแบบนี้ต้องหาอะไรดื่มให้ท้อง
ร้อนๆกันสักหน่อย..เมื่อทศกับพลเห็นด้วยจึงจะพากันเดินออกไปที่ร้านค้าเพื่อหาซื้อเครื่องดื่ม..แต่พี่ชาติบอกว่าไม่ต้อง
ไปไหนแล้ว เพราะพี่เขาเตรียมซื้อไว้เรียบร้อยหมดแล้ว..เราต่างมองหน้ากันเพราะงุนงงว่าพี่ชาติแกแว๊บไปหาซื้อเหล้า
ในตอนไหน...พี่เขาก็เลยเฉลยให้ฟังว่าตอนที่เราแวะเติมน้ำมันรถกัน สาวๆไปห้องน้ำพี่เขาเลยแวะไปซื้อเครื่องดื่มมาจาก
ร้านสดวกซื้อที่อยู่ในปั้มน้ำมัน.."

น้องแนนหยุดเล่าพร้อมยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบไล่ความกระหายอีกครั้ง ส่วนผมก็นั่งจ้องมองวงหน้าสวยหวานของเธอด้วย
ความรุ้สึกที่หลงไหลแสนรักใคร่ แม้จะรุ้สึกว่าในแววตาของน้องแนนนั้นช่างแห้งผาก ต่างจากแววตาสุกใสขี้อ้อนขี้เล่นใน
อดีต ไปก็ตามที

"พวกเราก็ตั้งวงดื่มกันอย่างง่ายๆสักครู่พี่ชาติก็เดินเข้าไปเอาสำรับไพ่ออกมาจากห้อง แล้วชวนให้พวกเราเล่นเกมส์กัน
เพื่อความสนุกครื้นเครง กติกาก็ง่ายๆให้พวกเราดึงไพ่ออกมาจากกองคนละใบคนที่ได้ไพ่ใหญ่ที่สุดจะเป็นคนออกคำสั่ง
กับคนที่ได้ไพ่แต้มน้อยที่สุดสองคนให้ทำตามคำสั่ง ถ้าไม่ยอมทำจะต้องโดนลงโทษด้วยการดื่มเหล้าหนึ่งช็อต โดยที่
ต่างคนต่างก็ไม่รุ้ว่าใครจะจับได้ไพ่แต้มเท่าใด..มันก็ขำๆตลกๆดีค่ะ..มีคราวหนึ่งพี่ชาติสั่งให้คนแต้มน้อยสองคนจูบปาก
กัน..ปรากฏว่าพอหงายไพ่ออกมา แฟนพี่ชาติกับปุ๋ยได้แต้มน้อย สองคนเลยต้องจูบกัน..." พอเล่ามาถึงตรงนี้ผมสังเกตุ
เห็นสีหน้าน้องแนนเริ่มแดงเข้มขึ้นเสมือนหนึ่งว่าเธอกำลังนึกถึงเรื่องราวที่หน้าอับอายในวงเหล้า

"แล้วแนนล่ะครับ โดนลงโทษยังไงบ้าง..." ผมถามย้ำด้วยความอยากรุ้ น้องแนนมีทีท่าอึกอักพยายามข้ามเรื่องตอนนี้ไป
แต่ผมไม่ยอม ย้ำถามซ้ำอีกครั้งจนเธอต้องค่อยๆตอบออกมาว่า

"ส่วนใหญ่เกมส์ไหนถ้าคำสั่งมันไม่โลดโผนแนนก็ทำค่ะ แต่ถ้ามันโลดโผนหวาดเสียวเกินไปแนนก็จะยอมให้ลงโทษโดย
การดื่ม..ตะ...แต่ว่า..ข้ามไปดีกว่านะพี่แนนไม่อยากเล่า..."น้องแนนตวัดเสียงสูงๆบอกผม

"เล่ามาเถอะครับ..พี่อยากทราบจริงๆ...ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแนนถึงได้ทำให้แนนเปลี่ยนแปลงไป จนถึงกับมาบอกเลิกการ
ติดต่อกับพี่..."

"พี่อยากทราบจริงๆหรือคะ..พี่รับฟังได้หรือ...แนนว่าอย่าให้แนนเล่าเลยค่ะ..." เสียงน้องแนนดูจริงจัง คิ้วโก่งได้รูปสวย
ขมวดมุ่น แต่เมื่อผมยังยืนยันว่าต้องการรับรู้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ขอให้เล่ามาตามความจริง น้องแนนจึงขอร้องให้ผม
สั่งเหล้าให้เธอดื่มย้อมใจให้กล้าเสียก่อนจึงจะยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดตามความจริงออกมา[/post]

brother1

ดำเนินเรื่องได้น่าลุ้นน่าติดตามมากคับ รอติดตามผลงานต่อยุนะคับ


blueseven92

ดำเนินเรื่องได้น่าอ่านน่าติดตามมากคับกระชับดีด้วยไม่ยาวจนเกินไป

drof666