ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

มันอยู่ในโรงหนังชานเมือง (เรื่องสั้น) ตอนที่1

เริ่มโดย suckzeed, มกราคม 29, 2016, 01:17:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

suckzeed

สืบเนื่องจากในกระทู้..ผมขอมากเกินไปมั๊ย.. ในท้าย ปล. ผมได้แทรกเรื่องเสียวๆสั้นๆไว้
เพื่อมิให้ผิดกฏการตั้งกระทู้ของกระดานนี้ไว้

จนมีหลายรีพายถามมาว่ามันเป็นเรื่องเสียวเรื่องใด ผมก็เลยแทรกเอาเฉลยให้อ่านกันครับ
แนวเรื่องนี้ ผมเขียนเล่นๆเพื่อลองฉีกจากแนวนิยายหวานๆ ใสๆ ที่ผมเคยเขียนเสมอ มาเป็น
แนวดิบๆเถือ่นๆ ( คือตัวเองอยากลองน่ะครับว่าผมจะเขียนได้มั๊ย ) เพื่อนๆลองอ่านกัน
แล้วรีพายบอกด้วยนะครับ ว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไง


suckzeed..............http://xonly69.com/read-xonly-tid-159448.html.................

[align=center]
นาค่ะ[/align]

นากับน้อยเป็นเพื่อนรักกัน กำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง เรื่องความสวย ความน่ารักนั้นเราสองคนรับประกันได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร หุ่นของยัยน้อยขนาด35 25 36 แม้หน้าอกของนาจะเล้กกว่าไซด์หนึ่ง แต่เอวนากับคอดกิ่วเล็กกว่ายัยน้อยถึง2นิ้ว ทำให้โค้งสะโพกที่ขนาดเท่ากันของเราทั้งคู่ ดูอวบผายกลมกลึงกว่าเพื่อนสาวเล็กน้อย

วันหนึ่งพวกเราถูกอาจารย์แคนเซิ้ลชั้นเรียนกระทันหัน ตั้งแต่ก่อนเที่ยง แล้วก็ไม่มีวิชาเรียนต่อในช่วงบ่าย ทั้งวันเราจึงว่าง ครั้นจะกลับหอพักที่เราทั้งสองคนพักอยู่ด้วยกัน ยัยน้อยมันก็ไม่อยากกลับ จึงชวนนาไปเดินห้างแถวรังสิต ที่เขามักเรียกกันว่าห้างดักลาว นาก็ไม่รุ้ทำไมจึงเรียกกันแบบนั้น คงเพราะว่ามันเป็นห้างใหญ่ ที่คนบ้านนอกที่อยู่ใกล้ๆกทม. มักชอบเข้ามาเดินช๊อปปิ้งหรือเดินเล่นตากแอร์กระมัง

"ไปเหอะนา...น้อยยังไม่อยากกลับหอตอนนี้..." ยัยน้อยลงทุนอ้อนวอน เมื่อนาส่ายหัวปฏิเสธ เพราะไม่อยากไปเดินเบียดเสียดกับคนต่างจังหวัด ที่ล้วนแล้วแต่มีกลิ่นอายของความเป็นบ้านนอก ให้นาเวียนหัว

"ตัวเองก็รุ้ว่าเค้าไม่ชอบคนมากๆ เดินเบียดเสียดกันแบบนั้น โดยเฉพาะพวกบ้านนอก.." นาตอบปฏิเสธยัยน้อย อย่างไม่มีเยื่อใย พร้อม
รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนขนแขนลุกทันที ที่นึกไปถึงพวกบ้านนอก แต่งตัวเชยๆ รวมทั้งมีกลิ่นตัวรุนแรง อับๆชวนคลื่นใส้

"งั้นเอาแบบนี้สิ..พอเราไปถึงห้าง ก็ไม่ต้องเดินเที่ยว..เดินเข้าไปดูหนังกันเลย...นะนานะ..ขอร้อง..." ยัยน้อยพูดพร้อมเขย่าแขนรบเล้า พยายามให้นาไปเป็นเพื่อนให้ได้

"แน่ใจนะ..เค้าบอกก่อนนะ ถ้าในโรงหนังมีคนเยอะๆ เค้าไม่ดูจริงๆด้วย..." นาพยายามตั้งข้อแม้ไว้เยอะแยะ เพราะเชื่อมั่นว่ายังไงเสียวันศุกร์ต้นเดือนแบบนี้ พวกบ้านนอกต้องแห่กันมาแน่นขนัดห้างแน่ๆ

"อืมมม..แน่ใจ..ถ้าคนเยอะ..เราก็ไม่ต้องดูกัน..."

ยัยน้อยต้องยอมจำนนตามข้อแม้ของนา เพราะรู้ดีว่านาพูดจริงทำจริง จากนั้นเราสองคนก็ขับรถส่วนตัวกันออกไปจากมหาลัยกัน โดยที่ยัยน้อยอาสาเป็นคนขับรถให้เพราะความอยากไปนั่นเอง

พอไปถึง นาก็ไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลยว่า ทำไมพวกบ้านนอกถึงไม่ค่อยเข้ามาเดินห้างกันในวันนี้ทั้งๆที่ปรกติจะมีผู้คนมากมายก่ายกอง แต่ยัยน้อยทำท่าทางดีใจ เพราะอย่างที่เห็นห้างว่างๆ เธอจะได้ลากนาไปเดินช็อปปิ้งได้ เพื่อรอเวลาหนังฉาย

หลังจากจองตั๋วได้ที่นั่งแถวบนสุดแล้ว ยัยน้อยก็ลากนาไปเดินช็อปปิ้งตามที่นากะไว้อยู่แล้ว นาก็เลยไม่อยากขัดเพื่อน เพราะมันไม่มีข้ออ้างเรื่องผู้คนเสียแล้ว ขณะที่เราสองคนกำลังเดินดูข้าวของต่างๆกันอย่างเพลิดเพลิน เพราะยังมีเวลาเหลืออีกตั้งชั่วโมงกว่าที่หนังได้เวลาฉาย นาก็รุ้สึกเหมือนมีสายตาของใครบางคนจ้องมอง พร้อมเดินตามมาเรื่อยๆ ครั้นแกล้งหยุดมองของในร้าน แล้วลอบชำเรืองสายตามมองไปด้านหลัง กลับไม่พบผู้คนในระยะใกล้ๆแม้สักคนเดียว

แต่พอเดินกันต่อไป นาก็มีความรุ้สึกเช่นเดิม แต่คราวนี้มันรุนแรงมากกว่า ว่าคนที่จับจ้องมองดูและเดินตามนั้นใกล้เข้ามา จนชำเลืองหาตามองเห็นแว๊บๆ แต่พอรีบหันหน้ากลับไปมอง เบื่องหลังเราทั้งสองคนกลับว่างเปล่า ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะว่ารู้สึกหวิวๆขนลุกขึ้นมาอย่างกระทันหัน

"กลับไปโรงหนังกันเถอะน้อย..นาเมื่อยขาแล้ว..." ข้ออ้างของนาได้ผล เพราะวันนั้นเราทั้งสองใส่ส้นสูงเกือบ4นิ้วกันทั้งคู่

"อือ..ก็ได้ตามใจตัวเอง..." ยัยน้อยคล้อยตามเหตุผลของนา จนเราสองคนเดินกลับมาที่โรงหนังและรอเวลาที่พนักงานจะเปิดโอกาสให้เราเข้าไปดูหนังตัวอย่าง นาเลยกระซิบถามยัยน้อยเบาๆ

"มะกี้ตอนเดินเล่นในห้าง แกรุ้สึกเหมือนนาหรือเปล่าว่ามีคนจ้องมองและเดินตามเรา..."

"ไม่เห็นรุ้สึกอะไรเลย..นาคิดมากหรือเปล่า..." ยัยน้อยเลิกคิ้วที่กันโก่ง มองนาด้วยความสงสัย

"เปล่านะ..เค้าเปล่าคิดมาก แต่รุ้สึกเช่นนั้นจริงๆ..แกไม่สังเกตุหรอว่าเค้าหันหลังไปมองตั้งหลายครั้ง..." นาพูดจบก็รุ้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เมื่อความรุ้สึกนั้นมันกลับมา ว่าคนที่จ้องมองและเดินตามกำลังยืนอยู่ด้านหลังโซฟาที่เรานั่งรอเวลาหนังฉาย จึงรีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แล้วเตรียมขยับปากร้องด่า แต่แล้วกลับไม่เห็นผู้คนใกล้ๆ นอกจากพนักงานของโรงหนังที่เดินไปเดินมาห่างๆ

เมื่อยัยน้อยเห็นท่าทางของนาแบบนั้น เธอก็หันหน้ามามองตาม แล้วส่ายหัวพร้อมหัวเราะขำๆ ก่อนจะพูดกลั้วเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เชื่อถือ

"แกจะมามุกไหนกันนี่นา...ไม่ตลกนะ...ฮิฮิ..." ยัยน้อยบอกไม่ตลก แต่ตัวมันกลับหัวเราะ เพราะไม่เชื่อความรุ้สึกของนา คิดว่านาหามุกมาเล่นเพราะไม่อยากดูหนังเป็นเพื่อนหล่อน

"ไม่ใช่มุกนะแก..เค้ารุ้สึกจริงๆ...." แม้นาจะยืนยันคำพูด แต่ยัยน้อยกลับไม่ยอมเชื่อ ยืนยันหนักแน่นว่าเธอไม่รู้สึกเลยสักนิดว่ามีใครมายืนแอบจ้องมองทางเบื้องหลัง ผิดกลับนา ที่แม้ปากจะคุยกับยัยน้อย แต่ความรุ้สึกนั้นกลับยังเป็นเช่นเดิม จึงหลุกหลิก เหลียวหน้า
เหลี่ยวหลังมองไปรอบๆตลอดอย่างหวาดระแวง

[align=center]26/01/59น้อยเองค่ะ
[/align]

จนกระทั่งถึงเวลาที่พนักงานโรงภาพยนต์เปิดเชือกที่กั้นให้พวกเราเข้าไปด้านใน นารีบผุดลุกขึ้นยืนพร้อมฉุดแขนยัยน้อยให้ลุกตาม แต่ยัยน้อยยังคงอิดออด บอกขอเวลาไปซื้อป๊อปคอนกับน้ำดื่มก่อน

"งั้นก็รีบๆเลยสิยะ.." นาเร่งเพื่อนสาว เพราะมองเห็นผู้คนที่มีจำนวนไม่มากนักกำลังเดินผ่านเชือกกั้นเข้าไปด้านในโรงหนังกันจนจะหมด ช่างน่าแปลกปรกติวันศุกร์ต้นเดือนเวลาบ่ายแก่ๆเช่นนี้ มักมีคนเข้ามาดูภาพยนต์มากกว่านี้นัก จะว่าหนังที่เรากำลังจะเข้าไปดูนั้น ฉายมาแล้วหลายวันก็ไม่น่าจะใช่ นาไม่อยากคิดต่อว่ามันเป็นเพราะอะไร รีบดันหลังยัยน้อยให้ไปต่อแถวด้านหลังคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังร้องบอกพนักงานขายป็อปคอนทันที พร้อมความรู้สึกหวาดระแวงและหวิวๆชอบกล

ขณะที่พนักงานขายกำลังตักป็อปคอนลงไปในถุง จมูกของนาก็ได้กลิ่นอับๆ โชยเข้ามาจากทางด้านหลัง จนขนคอลุก มันเป็นกลิ่นเหงืออับๆชื้นๆ ที่เคยได้กลิ่นแบบนี้ครั้งนึงตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม แล้วรถคุณพ่อเสียจำเป็นต้องขึ้นรถเมล์ประจำทางไปโรงเรียน นากลั้นลมหายใจ พร้อมตัดสินใจรีบหันกลับไปมอง

ว่างเปล่า ไม่มีผู้ชายหรือกรรมกรบ้านนอกยืนอยู่แม้สักคนเดียว มีเพียงเด็กนักเรียนหญิงชายมอต้นสองคนเท่านั้น ที่ยืนต่อแถวคุยกันเบาๆ พร้อมทำหน้าสงสัย เมื่อเห็นนามองจ้องพวกเขาตาเขม็ง เหมือนอยากถามว่าพี่มองพวกหนูทำไม

"เอ้อ..น้องคะ...มะกี้มีใครมายืนต่อแถวหลังพวกน้องสองคนมั๊ยคะ..." นาร้องถาม เพื่อความสบายใจของตนเอง แต่คำตอบของทั้งสอง กลับทำให้นาเสียวสยองและใจหวิวหวั่นมากกว่าเดิม

"ไม่มีนี่คะพี่...พี่มองหาใครหรอ.."

"ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะน้อง..ขอบใจนะจ๊ะ......" พอดีกับที่ยัยน้อยหันกลับมา จึงรีบพูดแทรกขึ้นเสียก่อน พร้อมลากแขนนาเดินผละออกมาทันที

"แกจะบ้าละเปล่านา..ทำแบบนี้เค้าชักจะกลัวแล้วนะ..." ยัยน้อยต่อว่านาเบาๆ หน้าเซ็กส์ซี่เย้ายวนของเธอชักเริ่มเสีย เมื่อเห็นทีท่าการกระทำ และการพูดจาของนาแปลกขึ้นไปทุกที

"เค้าสาบานได้เลยนะน้อย..ว่าเขาเห็นผู้ชายคนนั้นแว๊บๆทางหางตาจริงๆ ตอนเข้าแถวซื้อข้าวโพดมะกี้นี้ เค้ายังรู้สึกถึงแรงลมหายใจที่เป่ารดตรงหลังคอ พร้อมกับมีกลิ่นเหงื่อโชยเข้าจมูกด้วย"

"หรือจะเป็น..ผี!.." ยัยน้อยตะลึงนิ่งเงียบไปครุ่ใหญ่ ก่อนที่จะพูดเสียงเบาๆสั่นๆด้วยความหวาดกลัวออกมา จนนาเองกลับเป็นฝ่ายหัวเราะขำๆ

"บ้าหรอแก..นี่มันพศ.ไหนแล้วยะ..ยังงมงายเชื่อเรื่องผีสางอีกหรือ..." นารู้สึกขำและสมเพชเพื่อนสาวจริงๆ ที่มันยังงมงายเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้ เพราะในใจของนาไม่เคยนึกไปถึงผีสางนางไม้เลยแม้แต่นิด คิดเพียงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ไม่ประสงค์ดีผู้นั้น

"เค้าว่าเรากลับหอกันเหอะนา..ไม่มีอารมณ์จะดูหนังแล้ว..." น้ำเสียงยัยน้อยดูหวาดกลัวจริงๆ จนน่าสงสาร

"เห้ย!...กลับได้ไง..เสียเงินซื้อตั๋วแล้ว..." นาพูดปลอบใจเพื่อน พร้อมล้วงมือลงไปในกระเป๋า หยิบกล่องพลาสติคสีดำแท่งเล็กๆออกมา แล้วกดสวิทซ์จนมีกระแสไฟฟ้าสีเขียววิ่งไปมาระหว่างขั้วทั้งสองให้ยัยน้องเห็น

"แกเห็นมั๊ย..ป๊าชั้นซื้อเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ให้ป้องกันตัว...แกไม่ต้องกลัวหรอก..ลองเข้ามาทำอะไรสิ..โดนช็อตหงายท้องแน่.." จากทีแรกที่นาหวาดๆกลัวๆ กลับกลายเป็นความกล้าบ้าบิ่น

"แล้วเครื่องนี่มันช็อตผีได้หรือวะแก.." คราวนี้นากลั้นขำไม่ได้จริงๆ กับคำพูดซื่อๆไร้เดียงสาของยัยน้อย พอหัวเราะจบก็รีบจูงมือยัยน้อยเดินผ่านหนักงานตรวจตั๋วเข้าไปในโรงหนัง ที่เริ่มฉายหนังตัวอย่างแล้ว จนทางโรงพรางไฟไว้ค่อนข้างมืด

"แกเดินเข้าไปนั่งข้างใน..." นาร้องบอกยัยน้องทัทีที่เดินมาถึงแถวที่นั่ง เพราะสายตาที่จ้องมองผ่านความมืดสลัวเข้าไป ยังไม่พบใครเลยสักคนที่นั่งในแถว

"ถ้ามีใครเข้ามาดูแถวที่เรานั่งกัน มันต้องเดินผ่านชั้นก่อน.." นาอธิบายให้ยัยน้อยฟัง เพราะทีนั่งของเรา แม้ว่ามันไม่ชิดติดริมทางเดิน แต่ก็ค่อนข้างใกล้ วิสัยของคนที่เข้ามาดูหนัง มักเลือกที่จะเดินผ่านผู้เข้ามาก่อนเพียงใกล้ๆเท่านั้น คงไม่มีใครอยากเดินผ่านมาอีกทางที่ต้องผ่านคนที่นังอยู่ก่อนหลายๆคนเป็นแน่

"อือ..ขอบใจนะ..." ยัยน้อยกล่าวเสียงสั่นๆ แล้วทรุดตัวลงนั่ง และจะผวาทุกครั้งที่มีคนเข้ามาในโรงหนังทีหลังพวกเรา และเดินเฉียดเข้ามาหา แต่จนแล้วก็ไม่มีใครสักคนที่เข้ามานั่งในแถวเดียวกับเรา จนกระทั่งหนังตัวอย่างจบลง ไฟก็ถูกหรี่ลงจนทั่วทั้งโรงมืดสนิท แต่ทว่าขณะนั้นสายตาของนาปรับสภาพให้ชินกับความมืดได้แล้ว เมื่อไม่มีความรุ้สึกถึงอันตราย นาก็ค่อยคลายใจลง พร้อมตั้งใจดูหนังด้วยความสนุก มีบางบางซีนเรียกเสียงหัวเราะได้ จนคนในโรงหนังหัวเราะเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ นาก็เริ่มแปลกใจที่เห็นยัยน้อยมันเงียบ ไม่มีอารมณ์ร่วมกับบทภาพยนต์แต่อย่างใด คนทั้งโรงหนังหัวเราะขำๆ แต่ยัยน้อยกลับนั่งเงียบ นาจึงเอี้ยวหน้าหันไปมองด้วยความสงสัย แล้วก็ใจหายวาบ เมื่อเห็นยัยน้อยนั่งตัวแข็งตาค้าง

แต่สิ่งทำให้นาใจหายวาบจนนั่งตัวแข็งนั้น หาใช่ท่านั่งตัวแข็งตาค้างของยัยน้อย แต่มันคือผู้ชายหน้าคล้ำๆที่นั่งชิดอยู่ติดกับยัยนา และมันกำลังสอดมือลูบไล้เรียวขาขาวๆของเพื่อนรักผ่านชายกระโปรงพรีทสั้นๆเข้าไปจนชายกระโปรงถลกตามลำแขนขึ้นไปถึงง่ามขา โยที่ยัยน้อยกลับไม่ขัดขืนปกป้อง

พอนาได้สติ ไม่มีเวลานั่งคิดว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันเดินเข้ามานั่งข้างยัยน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ รีบล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ ควานหาที่ช็อตไฟฟ้า แล้วกำลังจะดึงออกมาจากกระเป๋า

"คิดให้ดีๆก่อนทำนะน้องนา...ขืนแกช็อตชั้น..เพื่อนแกก็ถูกช็อตไปด้วย..."เสียงแหบต่ำลึกๆที่นาได้ยิน ทำให้มือที่กำลังดึงที่ช็อตไฟฟ้าออกมาจากกระเป๋าถือของตนเองชะงักค้าง แต่มันไม่ได้ชะงักเพราะคำขู่ของไอ้ผู้ชายเลวคนนั้นแน่ แม้จะรุ้ว่ามันพูดตามจริง แต่ที่ชะงักเป็นเพราะน้ำเสียงแหบๆต่ำลึกต่างหากที่มันเหมือนมีมนต์สะกด ทำให้มือของนาค้างแข็ง แม้ใจจะสั่งให้ดึงที่ช็อตไฟฟ้าออกมาก็ตาม

"นั่งดูเฉยๆ..ถ้ายังไม่อยากตาย..." เสียงแหบต่ำลึกร้องสั่งนา แล้วเอื้อมมือีกข้างมาจับขายัยน้อยกางออกจนกว้าง โดยที่ยัยน้อยไม่มีทีท่าขัดขวางเลยแม้แต่นิด ปล่อยให้ไอ้โรคจิตสอดมือลงไปกุมกำบีบเนินเนื้ออวบอูมของเพื่อนสาวยวบๆ แต่ที่น่าแปลกกลับเป็นใจของนาที่ดันไปรับฟังคำสั่งของมัน แล้วมองดูเงียบๆ ทั้งที่ภายในใจลุ่มร้อนอยากช่วยเหลือเพื่อนเหลือเกิน

มือหยาบกร้านของไอ้โรคจิต พร้อมกลิ่นอับเปรี้ยวๆของเหงื่อมัน ที่โชยเข้าจมูกนา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ามันคือไอ้โรคจิตคนเดียวกับที่ตามจ้องมองและเดินตามเราทั้งสองคน ค่อยๆล้วงผ่านกางเกงชั้นในของยัยน้อยเข้าไปจนสัมผัสก็เรียวกลีบสวาท แล้วละเลงเล่นยวบๆ
จนเกิดเสียงแจ๊ะๆ เมื่อเมือกหล่อลื่นของยัยน้อยขับออกมาจากโพรงลึกด้วยความเสียวสยิว พร้อมเสียงครางซี๊ดเบาๆในลำคอ

"เป็นไงล่ะ..เสียวหีจนน้ำแฉะเลยนะอีน้อย...มึงล่ะ..ดูเพื่อนโดนแบบนี้เสียวหีมั๊ยวะ..." ไอ้โรคจิตยังคงส่งเสียงแหบหื่นร้องถาม แต่นาเม้มปากนิ่งเงียบ มีเพียงสายาเท่านั้นที่มองสลับไปมาระหว่างใบหน้าเพื่อนที่บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซ่าน มับมือของไอ้โรคจิตที่มันค่อยๆแยงนิ้วทะลวงผ่านเข้าไปในกลีบสวาทช้าๆจสุดโคนนิ้ว แล้วชักเข้าชักออก เร่งเร็วตามเสียงร้องครางอูยๆจากปากยัยน้อย

"เอามือมาจับควยกูสิอีน้อย..." เสียงแหบหื่นของไอ้โรคจิตร้องสั่งอีกครั้ง มือเรียวเล็กของน้อยก็เอื้อมไปคว้าเป้ากางเกงของมัน พร้อมกับควานหาซิป พอพบก็รุดมันลงมาจนมีเสียงพรืดเบาๆ แล้วล้วงมือลงไปในช่องซิปก่อนจะควักควยดำมะเมื่อของไอ้โรคจิตออกมรูดเล่นตามคำสั่งของมันอย่างไม่บิดพริ้ว นาได้เสียงมันหัวเราะหึๆอย่างถูกใจ แล้วแยงนิ้วใส่รูหียัยน้อยถี่ๆ แรงๆ จนตัวยัยน้อยไถลเอนนั่งติดขอบเบาะ พร้อมครางอูยๆซี๊ดดดๆ

"น้อย..ทำไมแกทำแบบนั้นะวะ..." นารวบรวมสมาธิก่อนร้องถามเพื่อนเสียงเบาๆ แต่ยัยน้อยไม่ตอบ เหมือนไม่ได้ยินเสียงถามของนา ไม่แม้แต่จะมองหน้านาเสียด้วยซ้ำ เหมือนในโรงหนังมีเพียงไอ้โรคจิต กับยัยน้อยเพียงแค่สองคน

"ฮ่าๆๆๆ..ไม่ต้องร้องถามอีน้อยมันหรอก...มันเงี่ยนจนไม่สนใจฟังเสียงมึงแล้ว..." ไอ้โรคจิตมันหัวเราะเยาะนา แล้วพูดเสียงแหบๆหื่นๆ ก่อนจะละมืออีกข้างของมันขยุกขยิกแก้กางเกงออกมา แล้วดึงพรืดจนกางเกงขายาวสีมอๆเก่าๆสกปรกหลุดมากองที่ท่อนขา พอดีกับซีนในหนังที่มีแสงสว่างมากพอให้นาเห็นว่าหน้าดำๆของไอ้โรคจิตที่แท้มันเป็นรอยสักสีเต็มพรืด จนแทบมองไม่เห็นสีผิวบนใบหน้าที่แท้จริง และแสงสว่างติดต่อกันอีกหลายซีนในหนัง มันก็มากพอให้นามองเห็นท่อนลำยาวดำมะเมื่อมที่อยู่ในอุงมือของยัยน้อย

"ไงล่ะ..ควยกูใหญ่มั๊ยวะ..." เหมือนไอ้โรคจิตมันจะรุ้ว่านาเหลือบตาลงไปมองควยยาวใหญ่กว่าคืบของมัน จึงส่งเสียงร้องถาม แล้วส่งเสียงเหมือนมนต์สะกดให้นาตอบคำถามจากมันเมื่อเห็นว่านาเงียบ จนนาต้องตอบไปตามที่ตาเห็นว่า

"ใหญ่มาก...มากๆค่ะ..." ปรกตินาเป็นคนถือตัว และค่อนข้างหยิ่ง ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะต้องมาพูดคะขากับคนระดับไอ้โรคจิต จนนึกแปลกใจตนเองว่าทำไมนาถึงต้องพูดอ่อนหวานกับมันเช่นนี้

sthanya


johnywalker

ตามปกติที่ผมไปดูโรงหนังชานเมือง มันจะ แบบ โอเพ่นนะครับ สูบบุหรี่ยังได้เลย แถมฉายหนังไปเรื่อย ๆ วนไปวนมา ถ้าเราว่างเราก็นั่งดูมันทุกเรื่องนั่นแหละ แต่ไม่ค่อยจะเห็นผู้หญิงเข้าโรงหนังนี้สักเท่าไร

sarawut13


chailopburi