ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

จิตสัมผัส ตอนที่ 1 ก้าวสู่เบญจเพศ //Omega19//

เริ่มโดย Omega19, มกราคม 31, 2016, 12:21:55 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Omega19

จิตสัมผัส //Omega19//
ตอนที่ 1 ก้าวสู่เบญจเพศ


น้องผิงนางฟ้าสุดสวย



          "ฮัลโหล ไอ้อาร์ต วัดที่แกบอกอยู่ไหนวะ กูขี่รถวนหาเป็นสิบรอบแล้วยังไม่เจอซักที..."


          สวัสดีครับ นี่เป็นเสียงผมเอง ผมขอแนะนำตัวครับ ผมชื่อ "ปัญจพล" ชื่อเล่นชื่อก็ "พล" นั้นแหละง่ายดีผู้แต่งขี้เกียจคิด 555 หน้าตาของผมก็พอดูได้ไม่ขี้เหร่อะไร ผมเป็นนักกีฬาบาสประจำมหาวิทยาลัยได้แชมป์ออกบ่อยๆ เรื่องเรียนก็ไม่เคยขาด ขยันอ่านหนังสือ ที่สำคัญผมเป็นคนที่มีฐานะพอสมควร


          เอ้า!...เท่าที่ฟังประวัติของผมมา ผมก็น่าจะเป็นคนปรกติดีมีความสุขกับชีวิตนี่น่า แล้วจะเอามาเล่าทำไม ก็นั่นดิเอามาเล่าทำไม (พูดเองตอบเอง) ก็ถ้าผมเป็นคนปรกติดีคงไม่เป็นที่มาของเรื่องนี้หรอกครับ เอาเป็นว่ามาฟังประวัติเต็มๆกันดีกว่า

          ที่บอกว่าผมเป็นนักกีฬาบาสประจำมหาวิทยาลัย ผมก็เป็นแค่ตัวสำรองไม่เคยได้ออกไปแข่งกะเค้าซะที  ฝึกซ้อมก็หนักทั้งปีทั้งชาติ แต่กลับต้องมานั่งข้างสนามดูตัวจริงแข่งตั้งแต่เริ่มซี่ซั่นยันนัดชิงแชมป์ เรื่องเรียนไม่เคยขาด มาเรียนทุกวิชา นั่งจนครบชั่วโมงตลอด ขยันขันแข็งอ่านหนังสือหนังหา แต่พอสอบทีไรไอ้ที่อ่านดันไม่ออกแต่แม่งเสือกออกไอ้ที่ไม่อ่านเซ็งเป็ด ต้องตามแก้ F เป็นว่าเล่น แล้วที่ผมบอกว่ามีฐานะน่ะเหรอ ก็ฐานะ...ยากจน ไม่ยากจนธรรมดาด้วยนะ ยากจนข้นแค้นเลยล่ะ  และด้วยความยากจนของผมนี่แหละ ผมต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ปีไหนหาเงินไม่พอค่าเทอมก็ต้องดร็อปเรียน ซึ่งผมดร็อปมาแล้วถึง 2 ครั้ง เพื่อทำงานเก็บเงินมาจ่ายค่าเทอมให้กับ คณะนิเทศศาสตร์ แห่ง VV Expensive University ที่ผมเรียนอยู่ นี่ก็เข้าปีที่ 6 แล้ว ผมก็ยังเรียนไม่จบซะทีเพื่อนๆรุ่นเดียวกันจบไปมีงานมีการทำกันหมดละแต่ผมพึ่งจะขึ้นปี 4 เอง เฮ้ยก็ยังดีที่ตอนนี้ก็เรียนปีสุดท้ายแล้ว ปีหน้าก็จะได้รับปริญญาซะที

          เป็นไงล่ะประวัติอันน่าทึ่งของผมนี้ยังมีอีกนะยังไม่จบ ในชีวิตของผมแทบจะไม่เคยประสบความสำเร็จเลย พ่อกับแม่ของผมท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังเล็กๆต้องอาศัยอยู่กับยายในบ้านซอมซ่อที่ต่างจังหวัด นี่ยายของผมก็ตายจากผมไปคนอีกเมื่อ 6 ปีก่อน ผมเลยตัดสินใจเข้าเรียนต่อที่กรุงเทพ ตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐที่ค่าเล่าเรียนไม่แพงมากนัก แต่ก็ผิดหวังเอ็นฯไม่ติด เลยจำเป็นต้องเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแสนแพง แทบจะต้องขายบ้านเรียนกันเลยทีเดียวสำหรับคนจนๆอย่างผม ฉะนั้นเรื่องสาวๆจะมาสนน่ะเหรอ...ไม่มี ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจับมือผู้หญิง เคยไปจีบอยู่บ้างแต่ก็อกหักทุกครั้ง จนถึงตอนนี้ผมยังซิงอยู่เลยครับ เฮ้ย..น่าเศร้า

          แล้ววันนี้ก็เป็นวันเกิดครบเบญจเพสของผมพอดี จะเลี้ยงฉลองก็ไม่มีเงินเลี้ยงพวกเพื่อนๆไฮโซของผมหรอกครับ ผมกะว่าจะนอนพักสบายๆอยู่หอพักซักวัน เลยลางาน part time หนึ่งวัน ผมก็แค่พนักงานขายของธรรมดาๆนี่แหละ แต่ก็ไม่วายมีเรื่องอีกจนได้ เมื่อไอ้อาร์ตมันโทรให้ผมมาเป็นเพื่อนงานศพแฟนของมันหน่อย พอมันบอกว่าเป็นงานศพแฟนมันผมก็งงล่ะครับ เห็นแต่จีบคนนู้นทีคนนี้ที พอจีบติดฟันเสร็จก็ทิ้งเฉย แล้วมันมีแฟนด้วยเหรอวะ??   เป็นใครกันเนี้ย? ผมคิด

          "มึงอยู่ตรงไหนแล้ววะไอ้พล วัดก็อยู่ในซอยแค่นี้มึงยังหลงอีกเหรอวะ" ไอ้อาร์ตบ่นอย่างน่ารำคาญ

          ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อจะดูว่ามีอะไรเด่นๆบ้าง
          "อยู่หน้า เซเว่น แล้ววัดอยู่ที่ไหนวะ"
          "ไอ้เหี้ยพล มึงยังอยู่หน้าเซเว่นอยู่อีกเหรอวะ กูบอกมึงเป็นร้อยรอบแล้วนะ กูจะบอกมึงอีกรอบแล้วกัน มึงเข้าซอยมา300เมตร เจอร้านซ่อมรถก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 200เมตร เจออีกซอยก็แล้วเลี้ยวขวา ขี่มา 500เมตรก็เจอวัดแล้ว มึงรีบมาเลยนะ" แล้วมันก็วางสายไป

          "แม่งเอ้ย ตอนรับน้องเล่นมันซะเยอะ ตอนนี้แม่งข่มกูจริ๊ง" ผมได้แต่บ่นอุบอยู่ในใจ ทำไงได้ล่ะครับ มันเป็นเจ้าหนี้ผมนิแหะๆ ก็แบบว่าพอช๊อตเงินค่าเทอมก็ได้มันนี้แหละช่วย ไม่งั้นคงได้ดร็อปเรียนอีกหลายรอบแน่

          แล้วไอ้อาร์ตคนนี้เป็นใครกันล่ะ เอาเป็นว่าประวัติสั้นๆนะครับ ไอ้อาร์ตเป็นเพื่อนของผม ตอนแรกมันเป็นรุ่นน้องผม 2 ปีนะ แต่มันเรียนทันผม เราเลยเป็นเพื่อนกัน มันทั้งหล่อ รวย เป็นนักกีฬาบาสเหมือนกัน(เป็นตัวจริงด้วยนะเออ) เรียนเก่ง สาวตรึม ชีวิตมันช่างต่างกับผมแบบหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยว่าปะครับ

          ผมเลยบิด "ไอ้เก๋า" เป็นมอเตอร์ไซด์คู่ใจของผมเองที่ผมใช้เก็บเงินมาทั้งชีวิตซื้อมันมาได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถเก่าฮ่างๆมือแปด แต่ก็เป็นความภูมิใจที่ผมสามารถทำงานเก็บเงินซื้อมันมาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวผมเอง โดยไม่ต้องแบมือขอใคร

          ปุ๊ดๆ ปั๊ดๆ แกร๊กๆ เสียงไอ้เก๋าดังเป็นระยะๆบ่งบอกว่ามันยังทำปรกติดีอยู่ 555 ไอ้เก๋าน่ะถึงมันจะเก่าแต่มีอุปกรณ์มาตรฐานครบและใช้ได้ดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ตะกร้า กระจกมองข้าง ที่สำคัญเสียงดังทุกชิ้นส่วนยกเว้นเครื่องเสียง...เอะๆรถมอเตอร์ไซด์มีเครื่องเสียงด้วยเหรอ ก็นั่นน่ะดิไม่มี มันเลยไม่ดังไง อิอิ

          ผมขี่ไอ้เก๋าเข้าซอยตามที่ไอ้อาร์ตบอก เสียงของไอ้เก๋าทำเอาชาวบ้านแถวนั้นต่างก็เหลียวมองตามเสียงที่ไอ้เก๋าคำราม คงจะอิจฉาผมกันล่ะซี่ที่มีรถซิ่งสุดเจ๋งคันนี้ ก็มันเป็นรุ่น limited edition ผลิตจำนวนจำกัด ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้แล้วนะ 555

          เมื่อใกล้จะถึงซอยร้านซ่อมรถที่ไอ้อาร์ตบอก ก็ซอยนี่ผมเลี้ยวเข้ามาเป็นสิบรอบแล้วเข้าไปทีไรก็กลับออกไปนอกถนนใหญ่ทุกที เอาวะถ้าเข้าไปอีกรอบแล้วยังออกถนนใหญ่อีกผมจะขี่กลับบ้านละ ไม่ปงไม่ไปมันละงานศพน่ะ ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยอยู่นั้นเอง

          "ตู้ม ปั๊ดๆๆๆๆๆ" จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นมาแปลกๆ มันไม่ใช่เสียงไอ้เก๋าร้องปรกติแน่ๆ และรถก็เริ่มสะบัดไปมาเล็กน้อย ผมเลยต้องรีบเบรกและเอารถจอดข้างทางก่อนจะลงไปดู

          "แม่งเอ้ยยยย อะไรจะซวยซ้ำซวยซากกันวะเนี้ย ยางรถก็มาแตกอีก" ความซวยมาเยือนอีกจนได้ ขับรถหลงทางยังไม่พอ ยางมาแตกอีก แต่ก็ยังมีโชคหน่อยที่มาแตกตรงหน้าร้านซ่อมรถพอดี ผมเลยจูงรถไปที่ร้าน
          "ปะยางหน่อยคร๊าบบ" ผมตะโกนเรียกเพราะไม่มีเห็นใครอยู่หน้าร้านเลย
          "ใครวะ เออๆแป๊บหนึ่ง" เสียงหนึ่งตะโกนมาจากในร้าน

          ผมรออยู่หน้าร้านครู่หนึ่งก็มีชายร่างสูงใหญ่ นุ่งแต่ผ้าแพรตัวเดียวออกมา ทำให้โชว์กล้ามเป็นมัดๆ ผิวดำกร้าน หนวดเครารุงรัง แต่หน้าตาพี่ท่านนี่โหดมากนี่ถ้าเจอกันข้างนอกผมคงนึกว่าเป็นพวกนักเลงหรือพวกตามทวงหนี้ไปแล้วแน่ๆ
"รถเป็นอะไร" พี่โหดถาม

          "เออ ยาง ยางรั่วครับ" ผมตอบตะกุกตะกักเพราะเริ่มกลัวว่าพี่โหดจะปล้นผมหรือเปล่านะ
          "ไปขี่อีท่าไหนถึงยางรั่ว ดูดิตะปูตัวเท่าหมายังไปตำมันได้" พี่โหดชี้ให้ผมดูยางรถที่ถูกตะปูตำ
          "ห่าเอ้ย ตะปูตัวเท่าจิ๋มมดมึงบอกตะปูตัวเท่าหมา ซอยหน้าบ้านมึงก็มืด กูมองไม่เห็นหรอก ดีไม่ดีมึงเองนั้นแหละที่เป็นคนเอาไปวางไว้ แม่งหน้าโหดๆแบบนี้คงหาลูกค้าไม่ได้มึงคงเอาตะปูไปวางเอาไว้แน่ๆ" ผมคิดนะ

          "ครับๆ รบกวนช่วยปะยางให้หน่อยครับ" ผมตอบพี่โหดไป แล้วพี่โหดก็ลงมือปะยางทันที
ผมดูพี่โหดปะยางไปก็คิดไปว่าวัดที่ไอ้อาร์ตบอกแม่งอยู่ไหนวะ พอเข้าซอยนี้ก็ออกถนนใหญ่ไม่เห็นมีซอยให้เลี้ยวขวาเลย จะถามพี่โหดดีป่าวหนอ คิดไปคิดมา เอาวะถามแค่นี้พี่โหดคงไม่เอาถึงตายหรอก

          "เออ พี่ครับ วัดแถวนี้อยู่ที่ไหนครับ คือผมเลี้ยวซอยเนี้ยอะมันออกถนนใหญ่เลย ไม่เห็นมีวัดเลย" พอสิ้นคำถามเท่านั้นและพี่โหดก็หันมาทันที ทำเอาผมตกใจหมด

          "น้อง เลี้ยวผิดซอยแล้ว ต้องเข้าไปอีกหน่อยจะมีร้านซ่อมรถก็ค่อยเลี้ยวซ้าย" พี่โหดตอบแล้วลงมือต่อ
          "อ้าวเหรอครับ เพื่อนผมบอกว่าให้เลี้ยวตรงร้านซ่อมรถผมเลยนึกว่าต้องเลี้ยวเข้าซอยนี้ แหะๆ" ผมหัวเราะแห้งๆ
          "นี้มันร้านปะยาง ไม่ใช่ร้านซ่อมรถ" อ้าว ชิบหาย กูเลี้ยวผิดซอย ผมคิด แต่จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงร้องหวานๆดังมาจากในร้าน
          "พี่จ๋า ไปนานจัง เสร็จละยังจ๊ะ" ผมเลยหันไปตามเสียงนั้น โอ้วแม่เจ้า!? นางฟ้ามาได้ไงเนี้ย เธอช่างน่ารักเสียเหลือเกินใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้สิวงฝ้า  ผิวก็ขาวเนียน ยิ่งมองดูดีๆโอ้วแม่เจ้า!? อีกรอบ เธอนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา มันทั้งสั้นทั้งแคบ ข้างบนก็ปิดสองเต้าแทบไม่มิดข้างล่างก็สั้นจู๊ดจนโชว์ขาอ่อนขาวผ่อง ร่องอกร่องใจเธอนี่ช่างเต่งตึงเสียนี่กระไร ถ้าให้คะเนอายุก็คงเป็นเด็กมอปลาย ไม่ 16 ก็ 17 แน่ๆ ทำเอาผมอ้าปากค้างไปชั่วขณะ

          "จ๊ะๆใกล้จะเสร็จแล้วจ๊ะน้องเฟิร์น" พี่โหดตอบแล้วรีบเร่งลงมือต่อ แล้วเด็กสาวคนนั้นก็หันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน ไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าตะกี้พี่โหดทำอะไรอยู่ข้างใน นี่ถ้าไม่เห็นแบบนี้ผมคงคิดว่าพี่โหดคงไปฉุดเด็กที่ไหนมาข่มขืนแน่ๆเลย นี่เล่นออกมาตามเฉยเลย แต่เออ...พี่โหดหน้าตาโหดๆเถื่อนๆแบบนี้ยังได้ปี้เด็กสาวน่ารักๆแบบนี้เลย แล้วกรูเป็นเหี้ยอะไรวะเนี้ย ยังซิงอยู่จนป่านนี้ คิดๆแล้วกลุ้ม

          พี่โหดเร่งทำจนเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว คงจะรีบไปขึ้นสวรรค์ต่อล่ะซี่ ผมคิด จ่ายเงินเสร็จ ผมก็เห็นพี่โหดรีบปิดร้านเลย คงกลัวว่าจะมีคนมาขัดจังหวะอีกแน่ๆ ผมร้องเฮ้ยยาวๆในใจแต่ผมก็ต้องไปต่อถึงร้านซ่อมรถจริงๆเลี้ยวมาถูกทางแล้ว และในที่สุดก็มาถึงวัดซะที

          เสียงพระสวดดังมาแต่ไกลต้องใช่วัดนี้แน่ๆ ผมเลยหาที่จอดรถไกลๆหน่อยเพราะเดี๋ยวไอ้เก๋าเพื่อนเกลอของผมมันจะส่งเสียงรบกวนแขกในงานเอาได้ ผมเลยขี่ไปจอดตรงหลังวัด

          "จอดตรงนี้แหละ ไม่หายแน่นอน" เพราะผมเคยมีประวันที่ลืมกุญแจเสียบคาเอาไว้ที่รถทั้งคืนมาแล้ว เช้ามามันยังอยู่ที่เดิมเลย ก็แหมรถทั้งเก่าทั้งฮ่างแบบนี้ใครมันจะขโมยให้เสี่ยงเข้าคุกเข้าตารางกันล่ะคร๊าบ

          ผมดินอ้อมกุฏิวัดมาจนเกือบจะถึงศาลาสวนอภิธรรมแล้วและกำลังจะเข้าไป แต่ก็ต้องมาสะดุดที่ได้ยินเสียงแว่วๆมาทางด้านหลังเหมือนเสียงผู้หญิงร้องไห้ และได้กลิ่นหอมๆเหมือนกับน้ำหอมโชยมา จึงมองมาทางต้นเสียงก็ต้องตกใจ คือผมเห็นหญิงสาวคนหนึ่งตัวเปลือยเปล่าขาวโพลน ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวซักชิ้น ยืนร้องไห้อยู่ตรงทางเข้าหน้าศาลา

          "เฮ้ยน้อง ทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าละ เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าของเธอ ทำให้ผมเห็นหน้าเธอชัดเจนขึ้น ใบหน้าของเธอนั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากคนหนึ่ง ผมยาวสลวย ผิวพรรณก็ขาวเนียน หน้าอกหน้าใจนี่สิมันตูมมากจนคิดว่ามันใหญ่เกินตัวเธอเสียอีก ท่อนล่างของเธอก็ใช่เล่นสะโพกผายตูดงอนๆ จุดสามเหลี่ยมมีขนขึ้นนิดหน่อยพองาม นี่นับเป็นครั้งแรกของผมเลยนะที่เห็นร่างเปลือยของผู้หญิงใกล้ๆแบบนี้ โดยรวมแล้วจัดว่าเธอเป็นคนที่เพอร์เฟคคนหนึ่ง

          "หนูถูกข่มขืน" เธอตอบสั้นๆก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอาบสองแก้มอีกครั้ง
          "หา ถูกข่มขืน ที่ไหนครับ ที่วัดนี่เหรอใครมันเลวระยำแบบนี้" ผมรีบถอดเสื้อสูทสีดำที่กะจะใส่มางานศพนี้ออกแล้วจะคลุมให้เธอ แต่เธอกลับเบี่ยงตัวออกหนี

          "อย่าพี่ เสื้อนี้ของพี่ หนูใส่ไม่ได้" หญิงสาวตอบพร้อมกับพยายามปัดป้อง
          "ไม่เป็นไรน้อง พี่ยกให้ก็ได้ รีบใส่ซะ เดี๋ยวพี่จะโทรไปแจ้งความให้" ผมคิดว่าเธอคงจะตื่นกลัวผมกลัวว่าผมจะทำมิดีมิร้ายกับเธอ ผมจึงเปลี่ยนจากที่จะเป็นคนสวมให้เป็นยื่นเสื้อสูทให้เธอเอง หญิงสาวมองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะหยิบเสื้อสูทของผมแล้วสวมมันเพื่อปกปิดร่างเปลือยไร้เสื้อผ้าอาภรนั่น

          "เดี๋ยวพี่จะโทรแจ้งความนะ" ผมหยิมมือถือรุ่นไฟฉายออกมากดหมายเลขเพื่อจะโทรหาตำรวจแต่...เงินหมด
          "ชิบหาย เงินหมด เดี๋ยวพี่จะเข้าไปยืมมือถือเพื่อนพี่ข้างในก่อนนะ เดี๋ยวจะโทรแจ้งตำรวจให้" แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นไปบนศาลาสวดอภิธรรม ก่อนจะวิ่งไปหาไอ้อาร์ตทันที
          "มาแล้วเหรอมึง ช้าชิบหาย" เจอหน้าผมกันก็บ่นเลยนะ แต่ก็ช่างเถอะมีเรื่องอื่นสำคัญกว่า
          "ไอ้อาร์ต กูยืมมือถือมึงหน่อยดิ พอดีเงินกูหมด กูมีเรื่องสำคัญต้องใช้" ผมรีบแบมือขอยืมมือถือของมัน
          "เอาไปทำอะไรวะ รีบโทรหาสาวเหรอไง" ไอ้อาร์ตบอกแต่ก็หยิบมือถือให้
          "กูจะโทรแจ้งตำรวจ ตะกี้กูเจอผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าโดนข่มขืน ตอนนี้อยู่ข้างหน้าศาลา น่าสงสารหวะแม่งไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยซักชิ้น" ผมรีบบอกไอ้อาร์ต
          "เฮ้ย จริงดิ ไหนๆ" ไอ้อาร์ตทำหน้าตื่น แล้วรีบลุกขึ้นมองไปทางหน้าศาลา
          "ไหนวะไอ้พล" ไอ้อาร์ตถามอีกรอบหลังจากชะเง้อคอดู
          "ก็ตรงนั้นไง อ้าวหายไปไหนละ" ผมมองไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นแล้ว ผมเลยรีบเดินไปข้างนอกก็ไม่เห็นแล้ว
          "ไหนวะไอ้พล มึงหลอกกูเหรอ" ไอ้อาร์ตบ่นด้วยความหัวเสีย เพราะตามสันดารของไอ้อาร์ตแล้ว ผมเดาว่ามันคงต้องอยากดูของดีของหญิงสาวคนนั้นแน่ๆ
          "กูเห็นจริงๆ" ก่อนจะเหลือบไปมองอีกครั้ง
          "นั่นไงๆ" ผมชี้ไปให้ไอ้อาร์ตดู ตอนนี้เธอเข้ามาในศาลาแล้วและยืนหันหลัง ดีนะที่เธอตอนนี้สวมเสื้อสูทของผมแล้ว แต่ท่อนล่างของเธอยังเปลือยเปล่าโชว์ตูดขาวๆอยู่เลย

          "ไหนวะไอ้พล มึงเล่นบ้าอะไรของมึง ตรงนั้นไม่เห็นมีใครซักคน มีแต่โลงศพแฟนกูอยู่" ผมหันหน้าไปมองไอ้อาร์ตทันทีและคิดว่ามันต่างหากเล่นบ้าอะไร คนยื่นอยู่ตรงนั้นทั้งคน
          "ก็ยืนอยู่ตรงนั่นไง นั่นๆกำลังจะหันหน้ามาแล้ว" หญิงสาวค่อยๆหันหน้ามาทางพวกเราที่ยืนอยู่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอมันดูโศกเศร้ามากกว่าเก่า แต่ที่ผมจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นผมดันเหลือบไปเห็นรูปภาพที่ตั้งอยู่ตรงหน้าโลงศพ ซึ่งเป็นรูปของคนที่อยู่ในโลงนั่นเอง มันทำให้ผมหน้าซีดเผือก มือไม้สั่นไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ก็นั่นเป็นเพราะหญิงสาวที่ผมเห็นนั้นเป็นคนที่อยู่ในรูปนั่นเอง แสดงว่าผมเห็น...ผี

          "พี่คะ ช่วยหนูด้วย"
          "ตึ้ง" ผมสลบทันทีชนิดที่เรียกว่าล้มทั้งยืน



          "พี่คะ พี่เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมได้ยินเสียงหวานๆแว่วๆมาจากความมืด ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาที่พล่ามัวมองเห็นเป็นใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งลางๆ จมูกผมได้กลิ่นแอมโมเนียจางๆ นั่นเป็นกลิ่นยาดมที่หญิงสาวคนนั้นจับมาให้ผมดมนั้นเอง และผมรู้สึกว่าหัวผมกำลังหนุนอะไรนุ่มๆอุ่นๆหือ...ผมกำลังนอนหนุนตักเธออยู่

          ผมใช้เวลาพอสมควรในการปรับสายตาให้เป็นปรกติ คราวนี้ผมเห็นหน้าหญิงสาวคนที่ผมหนุนตักอย่างชัดเจน ทำเอาผมตาค้างโตเบิ่งกว้าง ใบหน้าเดียวกับคนที่ผมเจอหน้าศาลา เป็นใบหน้าเดียวกับคนที่อยู่ในรูป ผมตกใจสุดขีดและสลบไปอีกครั้ง


          ผมตื่นขึ้นมารอบสอง คราวนี้ผมนอนอยู่บนโซฟา ไม่ได้นอนหนุนตักใครอีกแล้ว มองรอบๆตัวก็ไม่เจอผีสาวอีกแล้ว เฮ้ยยย โล่งอก มีเพียงญาติๆนอนเฝ้าศาลาไม่กี่คน ผมมองดูนาฬิกา ที่ติดผนังอยู่ ชิบหาย ตี3 แล้วต้องรีบกลับ เลยรีบลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องสะดุดตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนหันหลังอยู่ตรงข้างล่างข้างๆโซฟา ที่ผมนอนอยู่ จนหญิงสะดุ้งตื่นและยันตัวเองลุกขึ้นมา

          "เออ ขอโทษครับ" ผมรีบขอโทษขอโพยเธอทันที
          "พี่ฟื้นแล้วเหรอคะ" หญิงสาวคนนั้นกล่าวพร้อมกับหันหน้ามาหาผม ทำเองผมตกใจรอบสาม ผมเจอผีสาวคนนั้นอีกแล้วเหรอเนี้ย
          "ผี ๆ ๆ" ผมตกใจรีบกระโดดกลับขึ้นไปบนโซฟาอีกครั้ง
          "หน้าของผิงน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่ ถึงได้กลัวผิงขนาดนี้" หญิงสาวคนนั้นทำหน้างอน ผมจึงค่อยๆตั้งสติก่อนจะเอ่ยถามเธอ
          "เธอ...เธอไม่ใช่ผีเหรอ" คำถามของผมยิ่งทำให้หญิงสาวคนนั้นหน้าบูดขึ้นไปอีก
          "ก็ไม่ใช่น่ะสิ ถึงผิงจะไม่สวย ก็ไม่ถึงกับต้องมาว่ากันขนาดนี้ก็ได้" แล้วหญิงสาวคนนี้ก็รีบลุกขึ้นและกำลังจะเดินหนี ทำเองผมลองเพ่งมองดีๆ ใบหน้าของเธอก็ช่างละม้ายคล้ายคนในรูปแต่ก็ไม่เหมือนเป๊ะๆซะทีเดียว

          "ขอโทษจริงๆครับ คือผมนึกว่าคุณคือ...คือคนในรูปนั่นน่ะครับ คุณหน้าคล้ายคนในรูปมากผมเลย..." หญิงสาวยืนหันหลังนิ่งครู่หนึ่ง
          "คนในรูปคือพี่สาวของผิงเอง" พูดจบหญิงสาวก็หันหน้ามาทางผม ใบหน้าตอนนี้ของเธออาบไปด้วยน้ำตาเสียใจของการจากไปของพี่สาวของตน
          "ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ" ผมกล่าวขอโทษอีกครั้ง แล้วจึงล้วงกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้เธอ และเธอก็รับไปซับน้ำตา
          "พี่ไม่ได้สั่งน้ำมูกบนผ้าเช็ดหน้านี่ใช่มั๊ย" เอ้า... เธอเช็ดไปแล้วและพึ่งจะมาถามเหรอเนี้ย
          "เปล่าครับ ผมพึ่งซื้อมาครับ" ผมตอบ
          "ผิงคงหน้าตาหน้าเกลียดมากสินะ พี่ถึงคิดว่าผิงเป็นผีน่ะ" หญิงสาวกลับมาทำหน้าบึ่งอีกครั้ง
          "เปล่าครับ เปล่าไม่ได้น่าเกลียดเลย น่ารักต่างหาก สวยมาก สวยเหมือน...สวยเหมือนคนในรูปเลยครับ" คำชมของผมทำเอาหญิงสาวอมยิ้ม และถ้าสังเกตให้ดีแก้มเธอจะเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย

          เมื่อมายืนจังๆตรงหน้าของหญิงสาวคนนี้ ทำเอาสายตาผมเริ่มสำรวจเรือนร่างของเธอ เธอคนนี้จัดได้ว่าน่ารักมากอีกคนหนึ่ง น่ารักแบบใสๆ ผิวพรรณก็เนียนดี ส่วนหน้าอกถึงจะดูไม่ใหญ่เท่าพี่สาวแต่ก็ถือว่าสมส่วนพอดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นอะไรข้างในแต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะไม่ต่างจากพี่สาวของเธอมากนักหรอก

          "พี่เป็นเพื่อนพี่อาร์ตเหรอคะ เห็นเมื่อตอนหัวค่ำยืนคุยกันอยู่"
          "ครับ พี่เป็นเพื่อนคณะเดียวกันมันครับ"
          "จริงเหรอคะ คือผิงก็กำลังจะเข้าเรียนที่ นิเทศฯคณะเดียวกับพี่ ที่นั้นเหมือนกันงั้นพี่ก็เป็นรุ่นพี่ของผิงสินะ" หญิงสาวส่งยิ้มหวานมาให้ผมทำเอาผมเริ่มเขินขึ้นมาเหมือนกัน
          "น้องชื่อผิงค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" น้องผิงส่งยิ้มหวานมาให้อีกครั้งแล้วน่ารักน่าหยิกจริงๆ
          "พี่ชื่อพลครับ ยินดีต้อนรับน้องผิงสู่รั่วมหาวิทยาลัยครับ" ผมพยายามเก๊กให้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะขอตัวกลับเพราะนี่ก็ใกล้จะเช้าแล้ว
          "เดี๋ยวพี่กลับก่อนนะครับ ไว้เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะครับ" ผมกล่าวลา
          "ค่ะ พี่พล แล้วเจออันนะคะ บาย" น้องผิงโบกมือลา ซึ่งผมก็โบกกลับเช่นกัน

          ผมรีบขี่ไอ้เก๋าเพื่อนยากกลับหอพัก แต่ในใจกลับคิดถึงแต่น้องผิง สาวน้อยวัยใสคนนี้ตลอดทาง

          "นี่ถ้าเราได้เป็นแฟนกันก็คงดี เฮ้ยยย คิดเหลวไหลจริงๆเรา หมาวัดอย่างเรามีรึจะเห่าเครื่องบินตกได้ แค่เป็นพี่รหัสได้ก็นับว่าบุญแล้ว ไว้เจอกันอาทิตย์หน้าที่งานรับน้อง นะจ๊ะน้องผิง" ผมรีบบึ่งไอ้เก๋ากลับหอพักอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปทำงานในตอนเช้าที่กำลังจะมาถึง วันที่ผมมีอายุครบเบญจเพสพอดี.....




yak7384

เปิดหัวมาก็เจอผีเลย สงสัยได้เสียวกับผีแน่ๆ

hanabombam

น้องผิงจะได้เป็นน้องรหัสพี่พลไหมนะ ลุ้นจัง

verbatim