ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

จิตสัมผัส ตอนที่ 7 โอ้ความรัก //Omega19//

เริ่มโดย Omega19, กุมภาพันธ์ 01, 2016, 02:42:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Omega19

จิตสัมผัส //Omega19//
ตอนที่ 7 โอ้ความรัก

   





          หลังจากไอ้อาร์ตเปิดซิงดาวคณะไปเรียบร้อยยังไม่พอ มันยังให้เพื่อนชั่วๆของมันรุมโทรมเธออีก แถมมันยังถ่ายวีดีโอเอาไว้แบ็คเมย์เพื่อที่จะเรียกให้มารับใช้พวกมันอีกในภายหลัง เลวดีไหมล่ะครับ

          "อ้าว เซฟชื่อผิดเหรอ สงสัยนึกถึงแต่น้องผิง" ว่าแล้วไอ้อาร์ตก็เปลี่ยนชื่อใหม่
          "เปิดซิง น้องพิงกี้ดาวคณะ" เธอคือน้องพิงกี้ดาวคณะบริหาร

          พอมันพูดถึงน้องผิง มันอดเสียดายไม่ได้ เมื่อตอนกลางวันมันอุตสาห์ชวนน้องผิงทานข้าว ดูหนังฟังเพลง หรือชวนมาที่ห้องนี้ น้องผิงทำท่าว่าจะไม่ไปทั้งสิ้นจะกลับบ้านท่าเดียว ดูแล้วน้องผิงออกจะเซ็งๆด้วยซ้ำที่มากับมัน มันเลยจำใจต้องพาน้องผิงส่งบ้าน พอส่งเสร็จระหว่างทางมันก็แวะเที่ยวห้างก็มาเจอน้องพิงกี้คนที่มันพึ่งเปิดซิงเมื่อตะกี้นี้แหละ จีบไม่นานก็พามาห้องนี้ได้อย่างง่ายดาย และความง่ายนี่เองทำให้ไอ้อาร์ตเบื่อไว เลยปล่อยให้เพื่อนๆชั่วทั้ง 3 คนของมันรุมโทรมเธอต่อจากมัน

          "คนอะไรหยิ่งชะมัด หึหึหึ แต่หยิ่งๆแบบนี้แหละกูชอบ" มันคิดทันทีว่าน้องผิงจะต้องเป็นรายต่อไปที่จะต้องมาสังเวยความบริสุทธิ์ให้กับมันให้จงได้ แต่ก่อนอื่นมันต้องกันผมออกจากน้องผิงเป็นอันดับแรก
   

          เรามาดูทางนายปัญจพลบ้าง ตอนนี้พระเอกของเราโดนน้องอีฟจับขย่มตออยู่ นี่แหละหนาไปเล่นกับไฟ ตอนนี้เลยโดนไฟสวาทอันร้อนแรงของน้องอีฟดูดเลือดดูดเนื้อดูดน้ำจนแทบเหี่ยวแห้งอีกแล้วคืนนี้ ช่างไม่รู้เลยว่าแผนชั่วของไอ้อาร์ตมันกำลังจะเริ่มขึ้น

          ผมออกจากห้องของน้องอีฟแต่เช้า เพราะต้องมีเรียนโดยที่น้องอีฟตัวเปลือยเปล่ายังคงนอนอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ส่วนผมโชคดีที่พลังกายสัมผัสทำให้ใช้เวลาพักฟื้นเรียกพลังได้ในเวลาอันรวดเร็ว ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเข้าเรียนและนี่คืออีกวันที่หัวสมองรับรู้บทเรียนได้อย่างดี ซึมซับทุกรายละเอียด ทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย

          จนพักเที่ยงหลังทานอาหารกลางวันเสร็จผมก็ไม่ปล่อยให้เวลาว่างเปล่า เข้าห้องสมุดเช่นเคย ระหว่างที่ผมกำลังเดินเลือกหนังสือเพลินๆอยู่ ผมก็ไปเดินชนผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

          "อุ้ย ขอโทษครับ" ผมหันไปขอโทษเธอ
          "ไม่เป็นไรค่ะ อ้าวพี่พล สวัสดีค่ะ" คนที่ผมเดินชนคือน้องผิงนี่เอง ช่างบังเอิญจริงๆ ผมเลยยกมือรับไหว้เธอ
          "สวัสดีครับ หาหนังสืออ่านเหรอครับ ขยันจังเลยนะ" ผมทักทายบ้าง
          "ค่ะพี่พล คือผิงไม่เข้าใจวิชาที่เรียนวันนี้เลยค่ะ เลยมาหาอ่านเพิ่มเติมในห้องสมุด" น้องผิงให้ผมดูหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นวิชาที่ผมเรียนตอนปี1 วิชานี้ผมก็งูๆปลาๆเหมือนกันครับ เกือบได้ F แหนะ
          "อ๋อ วิชานี้นี่เอง งั้นน้องผิงต้องอ่านเล่มนี้ด้วยเลยครับ จะทำให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีก" ผมเลยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นหนังสือแล้วยื่นให้น้องผิง ดูเธอดีใจเป็นพิเศษ
          "ขอบคุณค่ะพี่พล แต่ถ้าไม่รบกวนมาก ผิงอยากให้พี่พลช่วยอธิบายตรงที่ผิงไม่เข้าใจเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมคะ" น้องผิงส่งยิ้มหวานมาให้ ทำหน้าอ้อนน่ารักสุดๆ
          "นะ นะ น๊า พี่พล" น้องผิงเอามือมาจับท่อนแขนผม แล้วส่งสายออดอ้อน
          "..." ผมก็อยากช่วยนะครับแต่ว่าวิชานี้มันช่างเหลือกำลังที่ผมจะช่วยจริงๆ
          "สงสัยผิงจะรบกวนพี่พลมากไป งั้นไม่เป็นไรค่ะ" น้องผิงทำหน้าจ๋อยไป จนผมก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ
          "ก็ได้ครับ แต่พี่ไม่ค่อยเก่งวิชานี้นะครับ พี่อธิบายเท่าที่พี่เข้าใจแล้วกัน" ผมตอบตกลงไป ส่วนน้องผิงสิยิ้มแฉ่งเลย น้องผิงเลยพาผมมานั่งที่โต๊ะในห้องสมุด พอผมอ่านเนื้อหาข้างใน น่าแปลกผมกลับเข้าใจหมดอย่างทะลุปรุโปร่ง สามารถอธิบายให้น้องผิงเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ถ้าเป็นอย่างงี้ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ปีแรกผมคงได้เกียรตินิยมมาครอบครองไปแล้วล่ะ

          ผมนั่งติวให้น้องผิงวิชานั้นวิชานี้ไปเรื่อยๆ คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้างเพื่อพักสมอง มันช่างเพลิดเพลินเสียจริงจนลืมเวลา  ช่างน่าแปลกเวลาที่เราทำอะไรแล้วมันมีความสุขมันช่างรวดเร็วเสียจริง

          กรี๊งงง เสียงโทรศัพท์น้องผิงดังขึ้น
          "สวัสดีคะคุณแม่ อ๋อค่ะๆ ผิงจะรีบไปหาค่ะ" แล้วน้องผิงก็วางสายไป
          "พี่พลค่ะ ผิงกลับก่อนนะคะ คุณแม่มารับแล้ว" แล้วน้องผิงก็เก็บเข้าของใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน
          "เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะครับ" ผมช่วยน้องผิงถือหนังสือกองโตที่เธอจะยืมจากห้องสมุด เมื่อถึงรถก็เห็นคุณแม่ของน้องผิงนั่งรออยู่ตรงเบาะหลังกำลังเปิดกระจกลง
          "น้องผิงทำอะไรอยู่คะ ช้าจังคุณแม่รอตั้งนาน" คุณแม่ของน้องผิงดุน้องผิงเล็กน้อย ผมยกมือไหว้คุณแม่ของน้องผิง ท่านก็ยกมือไหว้รับแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ก่อนจะส่งสายตามาทางผม ท่านมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย ก่อนจะเชิดหน้าใส่ผม ดูท่าคุณแม่ของน้องผิงจะไม่ปลื้มผมเอาซะเลย
          "ขอโทษค่ะคุณแม่ พอดีผิงไปอ่านหนังสือกับพี่พลที่ห้องสมุดอยู่ค่ะ" ผมส่งหนังสือกองโตให้คนขับรถเอาไปเก็บไว้ที่ท้ายรถ
          "ขอบคุณพี่พลมากนะคะที่ช่วยติวหนังสือให้ผิง ผิงกลับก่อนนะ พรุ่งนี้พี่พลต้องมาติงให้ผิงอีกน๊า บ๊ายยยย" แล้วน้องผิงก็โบกมือลาพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆให้ผมแล้วก็ขึ้นรถ ผมยืนมองรถที่เคลื่อนออกไปจนลับสายตา วันนี้ช่างเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในโลก ชีวิตนี้ช่างน่าสดใสเสียจริง โลกนี้ช่างมีแต่สีชมพู 5555 ผมคิดในใจ

          "ทำอะไรอยู่คะพี่พล" เสียงที่ผมคุ้นเคย เสียงที่ทำให้ผมต้องขนลุกทั้งตัว เสียงน้องอีฟจอมเซ็ก
          "เป็นไงคะ จีบน้องผิงสำเร็จละยังเอ่ย" เสียงน้องอีฟอยู่ข้างหลังตอนไหนไม่รู้ พอผมหันไปหา ทำเอาผมกับน้องอีฟยืนแทบจะชิดตัวติดกันอยู่แล้ว ผมตกใจเลยถอยออกก้าวหนึ่ง
          "น้องอีฟมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ พี่ตกใจหมด" ผมแปลกใจจริงๆน้องอีฟมาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่กันหนอ
          "ก็มาตั้งแต่เห็นพี่พลชะเง้อมองรถของน้องผิงขับออกไปนั่นแหละ มีความสุขล่ะซี่ได้อยู่กับน้องผิงสองต่อสองตั้งนาน แต่ว่าพี่พลมีอุปสรรค์แน่ๆ เพราะอีฟเห็นสีหน้าของว่าที่แม่ยายพี่พลแล้วคงไม่ประทับใจพี่พลเท่าไหร่" โหเห็นขนาดนี้คงแอบดูผมกับน้องผิงตั้งนานแล้วสินะ
          "นี่เราแอบดูพี่กับน้องผิงเหรอ" ผมถาม
          "เปล่าน๊า อีฟก็เข้ามาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนี้เหมือนกัน บังเอิญเห็นพี่พลอ่านหนังสือกับน้องผิงดูกระหนุงกระหนิงดี อีฟเลยไม่อยากเข้าไปรบกวน ออกมาก็เห็นพี่พลทำหน้าละห้อยอยู่ตรงนี้แหละเลยเข้ามาทัก" น้องอีฟส่งยิ้มหวานชวนสยองอีกแล้ว
          "นี่แสดงว่าพี่พลยังไม่ได้เป็นแฟนกับน้องผิงสิ งั้นคืนนี้พี่พลมาหาอีฟนะคะ เดี๋ยวอีฟกลับหอละ บ๊ายย" แล้วน้องอีฟก็เดินจากไป เวรกรรมคืนนี้ผมต้องเสียน้ำอีกแล้ว เวรลืมไปวันนี้ต้องเข้ากะดึก
          "แต่พี่มีงานกะดึกนะน้องอีฟ" ผมตะโกนบอกน้องอีฟ
          "ไม่เป็นไรค๊าาา เลิกงานแล้วก็ได้ อีฟมีเวลาทั้งคืน" น้องอีฟตะโกนกลับมา ทำเอาผมคอตก เหนื่อยจากเรียนก็ต้องทำงาน เหนื่อยจากงานก็ต้องมาเหนื่อยกับน้องอีฟอีก เห้ยยย ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปทำงาน

          ผมเข้าร้านเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เข้าประจำเคาเตอร์ ผมก็เห็นน้องกิ๊กเดินลงมาจากข้างบนพร้อมกับเฮียประสิทธิ์ น้องกิ๊กเข้าไปเก็บของครู่หนึ่งก็เดินตามเฮียประสิทธิ์ออกนอกร้านและขึ้นรถไปกับเฮียประสิทธิ์ ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะเท่าที่รู้ ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะอยู่กันแค่อาทิตย์เดียว ไหงถึงได้ออกไปด้วยกันอีก หรือว่าจะเฮียประสิทธิ์จะติดใจน้องกิ๊กจนต่อสัญญาเพิ่มนะ คิดแล้วเสียวแทนเฮียประสิทธิ์จริงๆ ส่วนผมน่ะเหรอ น้องอีฟคงนอนรอผมที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่ปุ้มก็ทำตัวปรกติจนผมอยากจะชวนพี่ปุ้มไปที่ห้องจริงๆอีกซักครั้ง เพราะผมก็เริ่มนึกถึงบทรักที่นุ่มนวลของพี่ปุ้มเข้าแล้ว

          วันนี้ผมก็ทำงานตามปรกติ จนเวลาเกือบเที่ยงคืนก็หมดกะที่ผมทำ พอผมกลับมาถึงห้องนอน ผมก็ต้องไปเคาะห้องน้องอีฟเพราะถ้าน้องอีฟเป็นฝ่ายมาเคาะห้องผม น้องอีฟจะลงโทษผมไม่ให้ได้พักเลยยันเช้า แต่ถ้าผมเป็นฝ่ายไปเคาะเบาะๆก็ตี3ตี4

          "อู้ยย พี่พล ซี๊สสส เข้ามาเลย เร็วๆๆ" ผมเปิดประตูห้องเข้าไป โอ้วน้องอีฟใส่ชุดคอสเพลย์เป็นชุดนางพยาบาลเซ็กซี่ นอนถ่างขาถลกกระโปรงไปกองอยู่ตรงเอว เอาไวเบรเตอร์ชักเข้าชักออกในร่องสาวของตนเองยิกๆ
          "ซี๊สสส พี่พลมาช้าจัง อู้ยยย มาช่วยอีฟเร็วเข้า ซี๊สสส อีฟไม่ไหวแล้ว" น้องอีฟคงอยากแต่งตัวยั่วอารมณ์ผมแน่ๆ แต่ว่าคงรอไม่ไหวเลยต้องมาช่วยตัวเองแบบนี้

          น้องอีฟชักไวเบรเตอร์ออก ลุกขึ้นมาดึงมือผมไปนอนบนเตียง รีบถอดเสื้อผ้าของผมออกอย่างรีบร้อน จนผมตัวล่อนจ้อน ขึ้นคร่อมได้ก็จับท่อนเอ็นของผมไปจ่อที่ร่องสาวของเธอแล้วนั่งลงกดทับเข้าไปทีเดียวสุดลำ เมื่อได้ท่อนเนื้อของจริงมาทดแทนไวเบรเตอร์แล้ว น้องอีฟก็ตั้งหน้าตั้งตาขย่มเอวชนิดที่ไม่กลัวท่อนเนื้อของผมจะหักเลย

          ผมยอมรับนะครับว่าผมก็รู้สึกหลงใหลในกามรมย์บ้างแล้ว เพราะไหนจะได้บทรักอันนุ่มนวลจากพี่ปุ้มกับรสรักอันเร้าร้อนของน้องอีฟอีก ผลของการที่ผมลุ่มหลงในกามนี้เองมันคือจุดเริ่มต้นของผลกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยที่จิตสัมผัสทั้ง 5 ของผมไม่อาจเตือนผมได้

          เช้าของอีกวัน ผมต้องรีบไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าเพราะมีประชุมกับรุ่นน้องปีหนึ่งเรื่องการรับน้องใหม่ที่กำลังจะมีขึ้นในอาทิตย์หน้านี้
          "เอาล่ะในเมื่อน้องๆมาครับกันหมดแล้ว พี่มีเรื่องจะแจ้งให้น้องปีหนึ่งทุกคนทราบ" เสียงไอ้อาร์ตที่ยืนอยู่หน้าห้องเริ่มพูด แต่ดูเหมือนน้องๆจะไม่สนใจคุยกันจอแจเสียงดัง จนไอ้อาร์ตเริ่มกำหมัดแน่น ทั้งรุ่นน้องปี2 ปี3 หรือเพื่อนๆของมัน ต่างก็เริ่มใจไม่ดีแล้ว เพราะทุกคนต่างก็รู้ฤทธิ์ของไอ้อาร์ตดี ถ้าได้อาละวาดขึ้นมาต้องมีคนต้องเจ็บตัวแน่ๆ ไม่ได้การผมต้องทำอะไรซักอย่าง

          "เงียบบบบบบบบบ" ผมตะโกนสุดเสียง ทำเอาน้องปีหนึ่งพากันตกใจ หยุดคุยหันหน้ามามองผมกันเป็นสายตาเดียวกัน รวมทั้งน้องผิงด้วย
          "จะคุยอะไรกันนักกันหนา ทำอย่างกับไม่ได้คุยกันมาเป็นชาติ ฟังพี่อาร์ตพูดหน่อยเซ คนนะไม่ใช่ควาย โตๆกันแล้วหัดมีมารยาทกันหน่อย" ผมตะเบ็งเสียงให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ได้ผลแฮะตอนนี้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาจากความเงียบภายในห้อง

          "คริ คริ คริ" โอ้ว...ไม่นะ น้องผิงเอามือปิดปาก ไม่รู้ว่าหัวเราะเรื่องอะไร ทำให้ทุกคนหันไปมองน้องผิงก่อนจะหันมาหาผมเพื่อดูว่าผมจะทำอย่างไรต่อไป อยากบ้าตาย นี่แหละผมถึงไม่อยากเป็นพี่ว๊ากเลย แต่ก็จำเป็นต้องทำตามหน้าที่ พี่พลขอโทษนะครับน้องผิง พี่จำเป็นจริงๆ

          "หัวเราะอะไรฮึ หัวเราะอาราย อย่าคิดนะว่าเป็นดาวคณะแล้วจะได้อภิสิทธิ์ใดๆนะ สวยแต่โง่แล้วไม่มีมารยาท ก็อย่าเป็นมันเลย" ชิบหายดันพูดแรงไปหน่อย ทำเอาน้องผิงอึ้งที่ได้ยินผมพูดแบบนี้ น้องผิงเลยก้มหน้าก้มตานั่งนิ่งไป ผมอดสงสารน้องผิงไม่ได้จริงๆครับ น้องผิงคงเกลียดผมแล้วแน่ๆโธ่

          ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่ไอ้อาร์ตนี่สิแอบอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะแกล้งทำตัวเป็นพระเอก แสร้งเป็นรุ่นพี่ใจดีเพื่อเอาหน้า

          "เฮ้ยไอ้พล มึงก็พูดแรงไป บอกน้องเค้าดีๆก็ได้ น้องเค้าเพิ่มเข้ามากันใหม่ๆก็ต้องทำความรู้จักกันบ้าง" ไอ้เห้...เอ้ย ผมคิด ถ้าผมไม่ด่าไปตะกี้มีหวังมันได้ต่อยรุ่นน้องจนน่วมไปแล้ว
          "เอาเป็นว่าพี่ต้องขอโทษน้องๆทุกคนแทนพี่พลด้วยนะครับที่พี่เค้าพูดแรงไปหน่อย โดยเฉพาะน้องผิงนะอย่าคิดมาก พี่พลก็เป็นคนแบบนี้แหละดิบๆเถื่อนๆ อารมณ์ร้าย ขี้โมโห แล้วพี่จะปรามๆให้มันใจเย็นลงครับ" ไอ้ชิบหาย ที่มึงพูดนี่ตัวมึงทั้งนั้นเลยนะ ผมคิด

          "เอาละนะครับ น้องๆฟังพี่แป๊บหนึ่งนะครับ ก็ไม่มีอะไรมากคืออาทิตย์หน้าเราจะไปรับน้องกันนอกสถานที่กันนะครับ สำหรับปีนี้เราจะไปรับน้องกันที่ทะเลครับ" ไอ้อาร์ตพูดยังไม่ทันจบเสียงรุ่นน้องก็พากันร้องดีใจ บ้างก็กระซิบกระซาบคุยกัน

          "เห้ยจริงดิ ได้ไปทะเล" "พี่กูบอกว่าแต่ละปีไปแต่ภูเขา ปีนี้โชคดีจริงๆ" เสียงรุ่นน้องเริ่มคุยดังขึ้นเรื่อยอีกครั้ง
          "เงียบบบ จะฟังต่อมั้ย" ผมตะโกนอีกครั้ง ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบทันที
          "เฮ้ยพี่พล ใจเย็นๆก็ได้ ควบคุมอารมณ์หน่อย" เออ แล้วแต่มึงจะว่าละกัน ผมคิดนะ
          "พี่ขอต่อนะ ก็อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าแต่ละปีเราไปรับน้องที่เขาใหญ่กัน แต่ปีนี้พี่เห็นว่าเราน่าจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง พอดีพี่มีรีสอร์ทอยู่ที่เกาะส่วนตัวทางทะเลอันดามัน น้ำทะเลก็ใส่สะอาด มีชายหาดกว้างขวาง มีเรือเร็ว มีเจ็ตสกี มีบานาน่าโบท พี่เลยสั่งให้รีสอร์ทของพี่ปิดรับแขกภายนอก เพราะจะให้พวกน้องๆได้พักกันโดยเฉพาะเลยครับ" แม่งขี้โม้ แถมเอาหน้าเอาตาคนเดียวอีก

          เฮ้ๆๆๆ เสียงน้องๆปีหนึ่งดีใจดังลั่น แต่ไอ้อาร์ตทำปากจุ๊ๆแล้วหันมาทางผม ทำเอาน้องปีหนึ่งกลับมาเงียบอีกครั้ง

          "แถมพี่ยังสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารทะเลสดๆใหม่ๆเตรียมไว้ไม่อั้นตลอด 3 วัน 3 คืนที่น้องๆไปพักเลยครับ รับรองว่าน้องๆจะสนุกกับการรับน้องปีนี้แน่นอน" พอไอ้อาร์ตพูดจบทำเอารุ่นน้องพากันดีอกดีใจกันยกใหญ่

          "เอาล่ะครับน้องๆพักกันได้แล้วครับ แล้วเจอกันวันศุกร์หน้านะครับที่หน้าคณะ จะมีรถบัสมารับพวกน้องๆกัน" แล้วรุ่นน้องปีหนึ่งต่างพากันทยอยออกไป บางคนก็ขอบคุณไอ้อาร์ตเป็นการใหญ่ จนไอ้อาร์ตหน้ายิ้มบาน แต่พอเดินผ่านผมกลับทำตัวลีบลงกลัวผมกันเป็นแถว แต่พอน้องผิงเดินผ่านผม น้องผิงชำเรืองมองผมนิดหนึ่ง ผมสังเกตน้องผิงตาแดงๆนิดหนึ่งแต่ก็รีบเดินผ่านไป ทำเอาผมเศร้าไปเลย นี่แหละหนาชีวิตพี่ว๊าก

          พอรุ่นน้องออกไปกันหมด ก็ถึงเวลาที่รุ่นพี่ประชุมกันบ้าง
          "เอาล่ะ กูสรุปรายจ่ายทั้งหมดแล้วก็ราวๆ 6 แสน 5 หมื่นบาท แต่กูจะลดให้ 5 หมื่นแล้วกัน เหลือ 6 แสนบาทถ้วน" ไอ้อาร์ตบอกราคาทำเอาพวกเราตกใจกัน
          "6 แสน! ปีที่แล้วไปเขาใหญ่แค่ 2 แสนยังเหลือเลย" รุ่นน้องปี 3 คนหนึ่งบอกด้วยความตกใจ
          "นั่นมันที่เขาใหญ่ นี่ไปเกาะส่วนตัวเลยนะมึง หรือมึงมีปัญหา" ไอ้อาร์ตหันไปทำหน้าดุใส่รุ่นน้องปี 3 คนนั้นทันที จนน้องปี 3 ไม่กล้าพูดอีกเลย
          "งั้นกูไปละนะ กูมาบอกพวกมึงเท่านี้ ส่วนเงินขอก่อนไปนะต้องเอาไปจ่ายล่วงหน้า" แล้วไอ้อาร์ตก็เดินออกไปพร้อมกับลูกสมุนมันอีก 3 คน (ไอ้รูมึงตัน ไอ้จอร์น ไอ้เคน)
          "6 แสน นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกนะเนี้ย รวมๆก็ 7 แสน พวกเรามี 150 คน หารกันก็คนละ 4 พันกว่าๆปัดเป็น 5 พันละกันง่ายดี ถ้าเหลือก็เก็บเข้ากองกลางเอาไว้ใช้ในงานหน้า เอามาให้ภายในวันพุธนะคะ" น้องจอยบัญชีของงานนี้บอก เวรกำปีก่อนเก็บแค่คนละสองพันปีนี้ขยับเป็นห้าพัน นี่ก็พึ่งจ่ายค่าเทอมไปหยกๆ ต้องมาจ่ายค่ากองกลางอีก ดีนะยังพอมีเงินเหลืออยู่ ไอ้พวกน้องๆนี่ก็ลูกคนรวยกันทั้งนั้นไม่เดือดร้อนเท่าไหร่แต่ผมนี่สิ น้องมาม่าจ๋าพี่ต้องกินน้องตั้งแต่ต้นเดือนเลยเหรอเนี้ย T-T

          หลังทานอาหารเที่ยงผมเข้าห้องสมุดตามปรกติ ผมคงหมดหวังที่จะเจอน้องผิงอีกแน่นอนจากที่ผมว๊ากใส่เธอเมื่อตอนเช้า ผมได้แต่นั่งเศร้าอยู่บนโต๊ะ น้องผิงคงเกลียดผมแล้วแน่ๆ ผมจะทำอย่างไรดี ไปขอโทษเธอดีมั้ยก็กลัวเธอจะไม่ยกโทษให้ ก็ผมพูดแรงซะขนาดนั้น

          ขณะที่ผมนั่งเศร้าอยู่นั้น จู่ๆเสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอีกก็เอ่ยทักขึ้นมาจากข้างหลัง
          "สวัสดีค่ะพี่พล รอผิงนานมั้ยคะ" เสียงน้องผิง ผมรีบลุกขึ้นหันหน้าหาเธอทันที น้องผิงยืนยิ้มแฉ่งให้พร้อมกับยื่นหนังสือเล่มหนึ่งมา
          "วันนี้พี่พลติวผิงวิชานี้นะคะ" ผมยืนงงครับเพราะดูน้องผิงทำตัวปรกติดี แต่ก็รับหนังสือมา แล้วน้องผิงก็มานั่งข้างๆผม
          "น้อง...น้องผิงไม่โกรธพี่หรอครับที่พี่...ที่พี่พูดแรงไปเมื่อตอนเช้า พี่ขอโทษนะครับ" ผมทำเสียงเศร้าๆ เพราะผมก็เศร้าใจจริงๆครับ
          "ไปเป็นไรคะพี่พล ผิงเข้าใจว่าพี่พลทำตามหน้าพี่" น้องผิงยิ้มหวานมา ทำเอาผมใจชื้นขึ้น
          "ผิงก็พึ่งรู้นะคะเนี้ยว่าพี่พลเป็นพี่ว๊าก ทำเอาผิงตกใจแทบแย่"
          "ก็จับฉลากได้น่ะครับ แหะๆ ว่าแต่น้องผิงขำอะไรเหรอครับ ตอนที่พี่กำลังว๊ากอยู่น่ะ"
          "ก็ผิงขำพี่พลนั่นแหละ ออกจะใจดีขนาดนี้ เป็นพี่ว๊ากเฉยเลยมันไม่เข้ากับพี่พลซักนิด ผิงเลยอดขำไม่ได้ ถ้าเป็นพี่อาร์ตก็ว่าไปอย่าง แต่พี่พลก็ดุจริงๆนะคะเนี้ย ตอนโดนดุผิงยังกลัวเลย คริๆๆ" แล้วน้องผิงก็หัวเราะออกมาอีก
          "แน๊ ยังจะขำพี่อีก เดี๋ยวเถอะๆ" ผมทำหน้าดุ
          "แบร่ๆ ตอนนี้จ้างให้ก็ไม่กลัวหรอก คริๆ" ผมกับน้องผิงหยอกล้อกันไปมา มันช่างมีความสุขจริงๆครับ เหมือนกับว่าโลกนี่มีเพียงแค่เราสองคน และตอนนี้ผมมั่นใจครับว่าผมตกหลุมรักน้องผิงเข้าให้แล้ว

          เมื่อผมเริ่มสอนบทเรียนให้กับน้องผิง น้องผิงก็ขยับเข้ามาใกล้ๆผมอีกจนแทบจะชิดติดกันแล้ว ถึงแม้ว่าจะเคยติวกันเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ผมรู้สึกประหลาดใจตัวเองไม่น้อย รู้สึกตื่นเต้นมากใจสั่นรัว มันเหมือนกับตอนที่ผมร่วมรักครั้งแรกกับพี่ปุ้ม แต่ครั้งนี้มันเป็นยิ่งกว่า กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของน้องผิง ยิ่งทำเอาใจผมแทบจะละลาย อาการทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะผมรู้ใจตัวเองแล้วว่าผมรักน้องผิง

          แต่ผมก็รู้ตัวนะครับว่าผมไม่คู่ควรกับน้องผิงเลย เพราะฐานะเราแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมกังวลเท่าเรื่องน้องผิงกับไอ้อาร์ต เรื่องนี้ผมเป็นห่วงมากกว่า ถึงแม้ว่าไอ้อาร์ตมันเหมาะสมกับน้องผิงมากกว่าผมทั้งฐานะทางครอบครัว ทั้งรูปร่างหน้าตา แต่ติดตรงที่นิสัยแย่ๆของมันถ้าหากมันรักน้องผิงจริงๆและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ผมจะยินดีมากที่ไอ้อาร์ตได้น้องผิงไปครอบครอง แต่ถ้ามันคิดเลวๆกับน้องผิงล่ะก็ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างที่ญาณสัมผัสของผมเห็นเป็นจริงขึ้นมาได้แม้จะแลกด้วยชีวิตผมก็ตามที

          "พี่พลคะ พี่พล" เสียงหวานๆของน้องผิงทำเอาผมได้สติ เพราะผมมัวแต่คิดเรื่องของน้องผิงกับไอ้อาร์ต
          "ค...ครับๆ" ผมรีบตอบน้องผิง
          "คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่พล เอ~ คิดถึงสาวๆคนไหนอยู่น๊า" น้องผิงจ้องหน้าผมใหญ่เลย
          "คิดถึงเออ คิดเรื่องจะแข่งบาสวันพรุ่งนี้ครับ พรุ่งนี้พี่มีแข่งบาส" ผมรีบตอบไป
          "พี่พลเล่นบาสด้วยเหรอคะเนี้ย ถึงว่าตัวสูงเชียว งั้นพรุ่งนี้ผิงตามไปเชียร์พี่พลนะคะ" น้องผิงทำหน้าตื่นเต้นใหญ่ที่รู้ว่าผมก็เป็นนักบาสด้วย
          "เออ ก็ได้ครับ แต่พี่ไม่ค่อยได้เล่นนะ พี่เป็นตัวสำรอง ไอ้อาร์ตนู้นเป็นตัวจริง" ใจหนึ่งผมดีใจนะครับที่น้องผิงจะไปดูผมเล่นบาส อีกใจหนึ่งผมก็ไม่อยากให้ไป เพราะผมเป็นแค่ตัวสำรองไม่ได้ลงแข่งอะไร นั่งแต่ข้างสนามน่าขายหน้าน้องผิงแย่
          "ผิงไม่อยากดูพี่อาร์ตเล่นบาสซะหน่อย ถ้าพี่พลไม่ได้เล่นก็ไม่เป็นไรนิคะ ผิงก็ดูพี่พลนั่งข้างสนามก็ได้นะ" น้องผิงส่งยิ้มหวานมาให้ผมตลอด เธอช่างยิ้มเก่งจริงๆครับผมคิด
          "ตายละนี่จะบ่ายโมงแล้ว ผิงมีเรียนต่อบ่าย งั้นเดี๋ยวผิงไปเรียนก่อนนะคะพี่พล" แล้วน้องผิงก็รีบเก็บข้าวของ
          "งั้นพี่ไปส่งที่คณะนะครับ" ผมอาสาไปส่งเธอ
          "ก็ต้องอย่างนั่นอยู่แล้วค่ะพี่พล ให้ผู้หญิงเดินไปคนเดียว เดี๋ยวเจอพวกปากไม่ดีเข้าผิงแย่เลย ยิ่งช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรมีแต่คนมาชอบแซวผิงตลอดเลย" แล้วน้องผิงก็ทำหน้าบึ้งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
          "พวกมันเห็นคนสวยไงครับถึงได้แซว" ผมแกล้งชมน้องผิงแบบอ้อมๆแต่ดูน้องผิงก็รู้ว่าผมกำลังชมเธออยู่
          "พี่พลบ้า พูดอะไรก็ไม่รุ๊" แล้วน้องผิงก็หน้าแดงเดินม้วนอาย ทำเอาผมอดขำในความน่ารักไร้เดียงสาของน้องผิงอยู่ในใจ น้องผิงนี่ช่างน่ารักใสซื่อจริงๆ จนผมเริ่มไม่อยากให้เรื่องที่ญาณสัมผัสของผมเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าไอ้อาร์ตจะเปลี่ยนเป็นคนดีที่รักน้องผิงอย่างจริงใจก็ตาม แต่ผมก็ไม่อยากให้น้องผิงต้องแปดเปื้อนคาวโลกีย์นี้เลย
ผมเดินมาส่งน้องผิงจนถึงหน้าคณะเรียบร้อย และสัญญากันว่าพรุ่งนี้เจอกันที่สนามบาส

          เราลาจากกัน ผมยืนมองน้องผิงเดินห่างออกไปไกลแล้ว แต่กลิ่นหอมของน้ำหอมยังติดจมูกผมอยู่ ผมยืนมองน้องผิงค่อยๆเดินห่างออกไปห่างออกไป
          "เอาน่าขออีกซักครั้งนะ" ผมเปิดจิตสัมผัส ซูมไปยังร่างกายอับบอบบางของน้องผิง สูดกลิ่นน้ำหอมแสนแพงที่เธอพรมใส่ตัวชนิดที่แทบจะเรียกว่าจมูกซุกไซ้อยู่ที่ซอกคอเลยทีเดียว ผมหลับตาพริ้มด้วยความสุขใจ แม้เพียงแค่กลิ่นกายของเธอก็ทำให้ผมคลั่งแล้ว
          "ปู๊ด"
          "อุ๊บๆๆ" ผมรีบปิดปากแน่นพยายามกลั้นไม่ให้อ๊วกออกมา ถ้าเผลอมาราดตรงนี้มีหวังต้องอับอายเอาปี๊บคลุมหัวเข้าคณะแน่ ผมพยายามอดกลั้นสุดแรงเกิดจนความพยายามก็เป็นผล อาการคลื่นเหียนเริ่มจางหาย และกลับมาสู่ภาวะปรกติ
          "แฮก ๆ ๆ" ผมเหนื่อยอ่อน "เห้ยยย" ผมถอนหายใจพลางคิดในใจ

          "คนสวย ย่อมมาพร้อมกับตดเหม็น ยิ่งสวยเท่าไหร่ก็ยิ่งเหม็นเท่านั้น"

yak7384

แหมกำลังหวานกันเลย ขมคอเพราะตดซะงั้น

tulatula

ต้องโดนอาร์ทเล่นงานจริงๆหรอเนี้ย​ เสียดายจัง

sixdevil7


thongdaeng_skk

ได้กลิ่นตดพลคงหมดอารมณ์
ยิ่งสวยยิ่งตดเหม็น อารมณ์ชันของผู้เขียน